Honey Pie...สัญญา(รัก)ร้าย / เพิ่มตอนพิเศษ
เมื่อหนึ่งอยากสานสัมพันธ์
แต่อีกหนึ่งกลับพยายาม "ตัด"
ปฏิบัติการ "รัก" พาตัว จึงเริ่มต้นขึ้น!
-------------------------------------------
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย...ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น
ปรักปรำฉันเป็นจำเลย? เชลย? ตัวประกัน?
จู่ๆ สติก็ดับวูบ ตื่นมาอีกครั้ง “พาริน” ก็พบว่านอนอยู่บนเตียงใหญ่ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย พร้อมๆ กับพบว่าตัวเองถูกลักพาตัว!!!
ราวกับฉากในละครที่เพิ่งย้อนดู เสียงเพลงประกอบดังกระหึ่มในหัว...
ไม่นะ นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว ยังจะมีการลักพาตัวอยู่อีก ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หึ...แต่อย่าหวังว่าลูกพระพายอย่างเธอจะยอมให้ใครกดขี่ง่ายๆ ลองดูสิ ได้เห็นดีกันแน่!
ทว่าทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ดูเหมือน “ธารณ์” เตรียมตัวมาดี เขาสามารถแก้เกมของเธอได้ทุกกระบวน รู้ทันไปเสียทุกเรื่องราวกับเลี้ยงกุมารทองเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
ถูกลักพาตัว ริบเงิน โทรศัพท์มือถือว่าร้ายแล้ว การอยู่ใกล้ธารณ์กลับร้ายยิ่งกว่า รับมือกับเขาไม่พอ ยังมีของแถมเป็นอริของเขาด้วยสิ โอ๊ยยยย เธออยากจะบ้า!
** เรื่องนี้มีตัวละครเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง เลื่อมลายดอกรัก ที่วางแผงไปกับสนพ.แจ่มใสนะคะ
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ จะไม่ได้งงอะไรน้าาาา
แต่อีกหนึ่งกลับพยายาม "ตัด"
ปฏิบัติการ "รัก" พาตัว จึงเริ่มต้นขึ้น!
-------------------------------------------
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย...ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น
ปรักปรำฉันเป็นจำเลย? เชลย? ตัวประกัน?
จู่ๆ สติก็ดับวูบ ตื่นมาอีกครั้ง “พาริน” ก็พบว่านอนอยู่บนเตียงใหญ่ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย พร้อมๆ กับพบว่าตัวเองถูกลักพาตัว!!!
ราวกับฉากในละครที่เพิ่งย้อนดู เสียงเพลงประกอบดังกระหึ่มในหัว...
ไม่นะ นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว ยังจะมีการลักพาตัวอยู่อีก ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หึ...แต่อย่าหวังว่าลูกพระพายอย่างเธอจะยอมให้ใครกดขี่ง่ายๆ ลองดูสิ ได้เห็นดีกันแน่!
ทว่าทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ดูเหมือน “ธารณ์” เตรียมตัวมาดี เขาสามารถแก้เกมของเธอได้ทุกกระบวน รู้ทันไปเสียทุกเรื่องราวกับเลี้ยงกุมารทองเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
ถูกลักพาตัว ริบเงิน โทรศัพท์มือถือว่าร้ายแล้ว การอยู่ใกล้ธารณ์กลับร้ายยิ่งกว่า รับมือกับเขาไม่พอ ยังมีของแถมเป็นอริของเขาด้วยสิ โอ๊ยยยย เธออยากจะบ้า!
** เรื่องนี้มีตัวละครเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง เลื่อมลายดอกรัก ที่วางแผงไปกับสนพ.แจ่มใสนะคะ
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ จะไม่ได้งงอะไรน้าาาา
Tags: เนตรนภัส, ธารณ์, พาริน, พาย, รักโรแมนติก, Oh! My Honey
ตอน: บทที่ 2 [1/2]
๒
พารินไม่ได้หนีในทันที ไม่ใช่เพราะคนที่ลักพาตัวเธอมาอย่างอุกอาจเดินตามหลังมาไม่ห่าง แต่เพราะเธอไม่อยากประมาทต่างหาก ตอนนี้อยู่ในแดนศัตรู ประกอบกับเธอยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย ห้องที่อยู่เป็นที่ไหน บ้านของเขาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
เธอพยายามนึก จากความทรงจำในวัยเด็กอันเลือนรางเต็มที สมัยที่ทั้งบิดาของเขาและมารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอเคยติดสอยห้อยตามบิดามาบ้านหลังนี้หลายครั้ง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าบ้านเจ้าของโรงไม้ใหญ่เป็นเรือนไทยประยุกต์ ทำจากไม้ทั้งหลัง ไม่เสียชื่อเจ้าของโรงค้าไม้ใหญ่สักนิด แต่ที่ยืนอยู่นี่มันก่ออิฐถือปูนชัดๆ
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาเป็นสิบๆปี ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้ และหากบ้านหลังนี้เป็นของเขาจริงละก็ นั่นหมายความว่าอยู่ห่างจากบ้านของตัวเองเป็นระยะทางกว่าร้อยกิโลเมตรทีเดียว
ดังนั้นเธอต้องวางแผนให้ดี ให้รัดกุม ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้ากระโดดลงไปชั้นล่างแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตอนมองออกไปนอกระเบียง เธอจำได้ว่าบริเวณรอบๆมีต้นไม้อยู่มากก็จริง ทว่าไม่ได้รกทึบเป็นป่าพอให้มีที่พรางตัวได้มากหากจะหนี ดังนั้นเธอจะประมาทไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เกิดถูกเขาจับได้ขึ้นมาละก็...แย่แน่
ถ้าจะหนี ต้องหนีให้รอด ไม่ใช่แค่พ้นเขตบ้านเขาเท่านั้น แต่นั่นหมายถึงว่าเธอต้องกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วจะทำอย่างไรล่ะ
นี่แหละคือปัญหา
เพราะเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง พารินจึงลืมไปว่า ตอนนี้ในห้องนอกจากตัวเองแล้วยังมีธารณ์รวมอยู่ด้วย
ธารณ์นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาเบดด้วยท่วงท่าสบายๆ มองผู้หญิงตัวจ้อยที่พอกลับเข้ามาในห้อง นั่งลงบนขอบเตียงเจ้าตัวก็คว้าผ้าห่มมากอดเอาไว้หลวมๆ แล้วก็นิ่งมาตลอด ทว่าธารณ์มองออก เจ้าหล่อนไม่ได้นิ่งเหมือนภายนอกแม้แต่นิด
ที่เงียบอยู่ตอนนี้ ก็น่าจะคิดวางแผนอะไรอยู่มากกว่า ใบหน้าของเธอบอกเขาเช่นนั้น แถมคิ้วเรียวยังขมวดเป็นปม บางครั้งก็เผลอกัดริมฝีปากบางจนเขากลัวว่ามันจะช้ำ จนอยากเอามือแตะเบาๆ เพื่อให้หญิงสาวผ่อนอาการนั้นลง แต่ขืนทำอย่างนั้นจริง มีหวังโดนฟ้อนเล็บใส่หน้าแน่
ก็ฤทธิ์เจ้าหล่อนน้อยอยู่เสียเมื่อไร
“คิดอะไรอยู่” ธารณ์ไม่ปล่อยให้ความสงสัยอยู่กับตัวนาน
“วางแผนน่ะ...” หนี
พารินตาเหลือก เกือบยกมือขึ้นอุดปากตัวเองด้วยความตกใจเมื่อเกือบเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกมา ดีแต่ห้ามมือเอาไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงต้องเผลอเผยพิรุธให้ธารณ์เห็นแน่ๆ
“อะไรนะ วางแผนอะไร พี่ได้ยินไม่ค่อยชัด”
“หูหาเรื่องแล้ว” หญิงสาวแหวถลึงตาใส่คนนั่งไขว่ห้างสบายๆอยู่ไม่ห่างเสียทีหนึ่งเป็นการกลบเกลื่อน ใจแอบหวังว่าคงแนบเนียนพอนะ
บ้าจริง ยายพายเอ๊ย...โรคเผลอหลุดอะไรที่คิดออกมาโต้งๆนี่ แก้ไม่หายเลยสักที บ้าแท้
“เหรอ...งั้นพี่คงหูฝาดไปเอง”
การยอมรับง่ายๆของธารณ์ทำให้พารินแปลกใจอยู่ไม่น้อย ทว่าพอจ้องคนนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาเบดแล้วไม่พบพิรุธใดๆก็โล่งใจ
เขาคงได้ยินไม่ชัดจริงๆนั่นแหละ ก็นั่งกันห่างตั้งขนาดนี้
“นี่...นาย”
นอกจากการมองมาตรงๆไม่หลบตาแล้ว ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากธารณ์ นั่นทำให้พารินหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เธอรู้หรอก เขาตั้งใจไม่ตอบรับ คงอยากทดสอบความอดทนของเธอละสิ ชิ!
“นาย”
“เรียกพี่เหรอ”
“ใช่น่ะสิ อยู่กันสองคน ถ้าไม่เรียกนายแล้วจะให้เรียกแมวที่ไหน”
“คิดว่าจะเรียกหนูท่อ” ธารณ์ต้องกลั้นหัวเราะแทบตายเมื่อโดนถลึงตาใส่เป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ “ก็จริงนี่ คนมีชื่อก็ไม่ยอมเรียก เรียกแต่นายอยู่นั่นแหละ ไม่เห็นน่ารักเลย”
“ใครอยากน่ารักในสายตานายกัน” พารินขมุบขมิบปากบ่น
“พูดอะไรน่ะ พี่ไม่ค่อยได้ยินเลย”
“เรื่องของฉันน่า” หญิงสาวแหว แล้วก็ไม่ยอมให้ชายหนุ่มลากเข้าเรื่องน่ารักไม่น่ารักอีก พารินฉวยโอกาสถามหาสิ่งที่หายไปทันที “เสื้อฉันล่ะ อยู่ที่ไหน”
“เสื้อคลุมน่ะเหรอ”
“ใช่น่ะสิ นี่นายถือดีมากนะ มาถอดเสื้อผ้าฉันแบบนี้”
“ก็แค่หวังดี อยากให้นอนสบายๆ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
“ทำคุณ!” พารินแหว มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “ลักพาตัวฉันมาขังเอาไว้แบบนี้เนี่ยนะเรียกว่าทำคุณ เอาสมองส่วนไหนคิดกันเนี่ย”
ธารณ์ยิ้มเฉย ไม่ตอบโต้อะไร แล้วลุกขึ้นไปยังมุมหนึ่งของห้องเพื่อหยิบสิ่งที่หญิงสาวเรียกร้องไปส่งให้เงียบๆ
พอเห็นเสื้อคลุมตัวเก่ง ผ้าห่มที่กอดอยู่ก็หมดความหมาย พารินลุกขึ้นคว้าเสื้อตัวใหญ่มาได้ก็สวมทับเสื้อกล้ามทันทีอย่างไม่รอช้า
อาจเพราะเสื้อตัวนี้เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง พอสวมแล้วพารินจึงรู้สึกปลอดภัยมากกว่าผ้าห่มผืนใหญ่เมื่อสักครู่มาก จึงยิ้มออก
“แล้วกระเป๋าตังค์ มือถือ ไหนจะรถของฉันอีกล่ะ นายจะคืนให้ฉันหมดใช่ไหม”
สายตามองมาอย่างมีความหวัง พร้อมรอยยิ้มที่ตั้งแต่พบหน้ากันเจ้าหล่อนไม่เคยมีให้เขาเลยสักครั้ง ทำให้ธารณ์ใจแกว่งไปเล็กน้อย เขาไม่อยากทำลายรอยยิ้มสวยที่ทำให้ใบหน้านวลดูกระจ่างชวนมองสักนิด แต่ก็ช่วยไม่ได้
“ได้คืบจะเอาศอกนะ”
สายตาคล้ายรู้ทันทำให้พารินยู่หน้า อธิบายเสียงอุบอิบ
“ก็มันของฉันนี่ แค่อยากได้ของฉันคืนผิดตรงไหน”
“มันยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วเมื่อไรล่ะฉันถึงจะได้ของคืน รู้ไหมว่ารถน่ะ ฉันยังผ่อนไม่หมดเลยนะ ถ้าไม่มีเงินแล้วจะเอาอะไรกิน แล้วไหนจะมือถืออีก ถ้าเพื่อนโทร.มาเรื่องงานแล้วติดต่อไม่ได้ รู้ไหมว่างานฉันจะเสียหายขนาดไหน”
“เรื่องรถ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าพี่จะเอาไปแยกส่วนขายประเทศเพื่อนบ้าน พี่รับรองกับพายตรงนี้เลยว่าถ้าถึงเวลา พายได้รถคืนแบบไม่มีแม้แต่รอยขนแมวแน่ ส่วนมือถือ เงิน...อยู่กับพี่ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ตัวเล็กแค่นี้พี่เลี้ยงไหว พี่ยินดีให้ไถ เพราะอีกหน่อยยังไงเราก็ต้องใช้กระเป๋าใบเดียวกันอยู่ดี เรื่องงานก็ไม่ต้องห่วง พี่จะรับสายให้เราเอง ถ้าสำคัญพี่จะให้เราคุย”
“นายไม่มีสิทธิ์มารับสายของฉันสุ่มสี่สุ่มห้านะ” ขืนเพื่อนเธอโทร.มาแล้วมีผู้ชายรับสาย เธอจะอธิบายเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร มีหวังถูกซักจนขาว แถมล้อจนลูกบวชก็ไม่จบแน่
“ทำไมจะไม่มีล่ะ ในเมื่อเราเป็นคู่หมายกัน กำลังจะหมั้นกัน อีกอย่างตอนนี้เราอยู่บ้านเดียวกันสองต่อสอง ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่บ้านเดียวกัน ห้องเดียวกัน คนคงจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน พายเคยได้ยินใช่ไหม ผัวกับเมีย เขาถือว่าเป็นคนคนเดียวกัน”
พารินอยากกรี๊ดให้แก้วหูคนตรงหน้าแตก แต่เอาเข้าจริงก็อึ้งจนหาคำด่าไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าคนดีของพ่อจะร้ายกาจได้ขนาดนี้
ธารณ์ใช้จังหวะนั้นจับศีรษะทุยโยกแล้วสั่ง“อยู่ดีๆ ล่ะ อย่าดื้อ อย่าซน อย่าคิดหนี รออยู่นี่นะ พี่จะไปเอาข้าวมาให้กิน”
ชายหนุ่มเดินออกไปจากห้องแล้วสักพักกว่าคนที่ยืนนิ่งขึง อ้าปากค้าง อึ้งกิมกี่กับทั้งคำพูดและการกระทำของชายหนุ่มจะหาคำพูดของตัวเองเจอ
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” พารินกระทืบเท้าเร่าๆเลยทีเดียว
หญิงสาวเดินวนไปวนมาในห้องอย่างกับหนูติดจั่น นาทีนี้ใครจะไปอยู่นิ่งไหว เขาไม่ถูกลักพาตัวมาเหมือนเธอนี่ พูดอะไรก็พูดได้สิ ลองถูกลักพาตัวมาขังไว้ดูสิ ถึงจะรู้ว่าแย่แค่ไหน
จะว่าไปชีวิตเธอตอนนี้เหมือนตัวละครเอกจากนวนิยายชื่อดัง แม้ผิดกันอยู่บ้างตรงที่นางเอกเรื่องนั้นถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนไม่ดี เลยถูกจับมาแก้แค้น แต่เธอไม่เคยทำอะไรให้เขาขุ่นใจเลย...เอาละ ยอมรับแมนๆแบบไม่เข้าข้างตัวเองก็ได้ว่า การพบกันในแต่ละครั้ง เธอปฏิบัติตัวกับเขาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ก็ใครจะเย็นอยู่ไหว เมื่อจู่ๆ ก็เกิดมีคู่หมายขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน
คู่หมายนะ ไม่ใช่หน่อไม้ จะได้ผุดขึ้นมาจากดินง่ายๆ แค่มีกอไผ่อยู่แถมยังต้องหมั้นกันเร็วๆนี้อีก เจอหน้ากันยกมือขึ้นมานับนิ้วยังครบเลย ใครจะไปเย็นอยู่ไหว
เฮอะ! ยอมหมั้นด้วยก็บ้าแล้ว
เพราะเหตุนี้เธอจึงวางแผนหนีออกจากบ้าน ใครจะว่าหนีปัญหาก็เอาเถอะ ช่วยไม่ได้นะ เธอปฏิเสธรวมทั้งอธิบายเหตุผลกับบิดาจนปากแทบฉีกถึงหูแล้วว่าไม่หมั้นๆ แต่ไม่รู้ทำไมคนมีเหตุผล ฟังความคิดเห็นของลูกมาตลอดอย่างบิดาจึงเกิดมาไร้เหตุผลเอาดื้อๆ ทู่ซี้จะให้หมั้นอยู่นั่น ทำราวกับกลัวเธอจะขึ้นคาน หาสามีไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนหวงอย่างกับอะไรดี
คิดเท่าไรเธอก็คิดไม่ตกว่าทำไมบิดาถึงได้ไร้เหตุผล พอๆกับนายธารณ์นั่นเกิดพิศวาสเธอขึ้นมาจนถึงขั้นต้องลักพาตัวกันแบบนี้
พารินคิดอย่างพาลๆแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง เมื่อรู้สึกว่าเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นแบบนี้ก็คิดอะไรไม่ออก หนีตอนนี้ก็ไม่ได้ เธอต้องรอจังหวะเหมาะ ให้แน่ใจว่าธารณ์ไม่อยู่บ้านเสียก่อน หรืออย่างน้อยก็มีเวลาพอให้แน่ใจว่าปีนระเบียงลงไปแล้วจะไม่โดนจับได้ภายในห้านาที
โครกกกกกก
เสียงท้องครางประท้วงทำให้พารินนึกได้ จนป่านนี้เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง หิวจนแสบไส้ไปหมด แล้วแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนหนี
“ช้าจริง” ความหิวโหยทำให้พารินพาลไปทั่ว เหลือบมองไปทางประตูบานใหญ่ก็เงียบฉี่ “ไปหว่านข้าว ดำนาอยู่หรือไงนะ ป่านนี้แล้วยังไม่มาอีก”
สิ้นเสียงบ่น ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดออก พร้อมกันนั้นธารณ์ก็เดินประคองถาดอาหารเข้ามา
“ท่าทางจะตายยาก” พารินพึมพำ
“แช่งอะไรพี่”
หญิงสาวตาโตเมื่อถูกจับได้ ถึงแม้ไม่ได้แช่งแต่ไม่ใช่คำอวยพรแน่ จึงเผลอปฏิเสธเสียงสูงอย่างร้อนตัว
“เปล๊า”
มุมปากของธารณ์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มรู้ทัน “ระวังนะ ขืนพี่ตายขึ้นมาจริงๆ จะมีคนร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
“ไม่ใช่ฉันแน่...นั่นอะไรน่ะ”
ธารณ์วางถาดอาหารลงบนโต๊ะมุมพักผ่อนหน้าโฮมเธียเตอร์ชุดใหญ่ ไม่ต้องเอ่ยปากเชิญ พารินก็เดินมานั่งปุลงบนโซฟารวดเร็ว อย่างที่คนมองรู้ได้ในทันทีว่าเจ้าตัวหิวโหยมากแค่ไหน
“ข้าวผัดกับแกงจืดนี่เอง” แถมยังตอบคำถามตัวเองเสร็จสรรพ
“ที่นี่ไม่มีแม่บ้านอยู่ประจำ ก็เลยทำข้าวผัดง่ายๆให้กินก่อน พอจะกินได้ไหม”
โอ๊ย...นาทีนี้ อะไรก็กินได้หมดแหละ
เปล่า...พารินไม่ได้หลุดคำพูดอะไรออกมาสักคำเดียว ทว่าอาการลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกกับการจดจ้องจานอาหารตรงหน้าตาเป็นมันทำให้ธารณ์ได้คำตอบ
“มันฉุกละหุกไปหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง ต่อไปรับรองพี่จะเลี้ยงพายอย่างดีแน่นอน”
หญิงสาวเบ้ปากใส่คนพูด...ใครจะอยู่ให้เลี้ยงกัน
“กินเถอะ หิวไม่ใช่เหรอ”
เพียงได้รับคำอนุญาตพร้อมกับเจ้าของทุกอย่างนั่งลงอีกข้าง พารินที่รอเวลาอยู่นานแล้วก็คว้าช้อนและส้อม กำลังจะจ้วงตักน้ำซุปสีเหลืองทองของแกงจืดเข้าปากเพื่อลิ้มชิมรสว่าแกงจืดง่ายๆแต่หน้าตาดีประหนึ่งซื้อมาจากห้องอาหารชั้นนำนั้นอร่อยแค่ไหน แถมข้าวผัดที่เรียงเม็ดสวยไม่แฉะน่าเสียอารมณ์ที่กำลังส่งกลิ่นยั่วน้ำลายอยู่ตอนนี้ รสชาติกลมกล่อมปานใด
เดี๋ยว...นี่เธอเห็นแก่กินเกินไปหรือเปล่ายายพาย ขืนถูกวางยาอีกรอบจะทำอย่างไรมือที่กำช้อนและส้อมเอาไว้มั่นคลายออก วางอาวุธลงทันที
“อ้าว ทำไมไม่กินล่ะ หิวอยู่ไม่ใช่เหรอ”
พารินค้อนขวับเมื่อถูกรู้ทัน กระนั้นก็ยังไม่วายปากแข็ง“ใครบอกว่าหิว”
โถ...คนไม่หิวลอบกลืนน้ำลายเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้...ธารณ์ได้แต่กลั้นยิ้มด้วยความเอ็นดู
“เอ้า...ไม่หิวก็ไม่หิว แต่กินหน่อยเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว อย่างน้อยให้กระเพาะได้มีอะไรย่อยสักหน่อยก็ยังดี ไม่งั้นกระเพาะทะลุไม่รู้ด้วยนะ”
ธารณ์เห็นหญิงสาวมองอาหารตรงหน้าตาละห้อย ไม่บอกก็รู้ว่าอยากกินมากแค่ไหน แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ลังเล ไม่กล้า...ความกลัว
“ทำไม กลัวถูกพี่วางยาหรือไง”
------------------------------------------------------
** เรื่องนี้มีตัวละครเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง เลื่อมลายดอกรัก ที่วางแผงไปกับสนพ.แจ่มใสนะคะ
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ จะไม่ได้งงอะไรน้าาาา
พารินไม่ได้หนีในทันที ไม่ใช่เพราะคนที่ลักพาตัวเธอมาอย่างอุกอาจเดินตามหลังมาไม่ห่าง แต่เพราะเธอไม่อยากประมาทต่างหาก ตอนนี้อยู่ในแดนศัตรู ประกอบกับเธอยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย ห้องที่อยู่เป็นที่ไหน บ้านของเขาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
เธอพยายามนึก จากความทรงจำในวัยเด็กอันเลือนรางเต็มที สมัยที่ทั้งบิดาของเขาและมารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอเคยติดสอยห้อยตามบิดามาบ้านหลังนี้หลายครั้ง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าบ้านเจ้าของโรงไม้ใหญ่เป็นเรือนไทยประยุกต์ ทำจากไม้ทั้งหลัง ไม่เสียชื่อเจ้าของโรงค้าไม้ใหญ่สักนิด แต่ที่ยืนอยู่นี่มันก่ออิฐถือปูนชัดๆ
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาเป็นสิบๆปี ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้ และหากบ้านหลังนี้เป็นของเขาจริงละก็ นั่นหมายความว่าอยู่ห่างจากบ้านของตัวเองเป็นระยะทางกว่าร้อยกิโลเมตรทีเดียว
ดังนั้นเธอต้องวางแผนให้ดี ให้รัดกุม ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้ากระโดดลงไปชั้นล่างแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตอนมองออกไปนอกระเบียง เธอจำได้ว่าบริเวณรอบๆมีต้นไม้อยู่มากก็จริง ทว่าไม่ได้รกทึบเป็นป่าพอให้มีที่พรางตัวได้มากหากจะหนี ดังนั้นเธอจะประมาทไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เกิดถูกเขาจับได้ขึ้นมาละก็...แย่แน่
ถ้าจะหนี ต้องหนีให้รอด ไม่ใช่แค่พ้นเขตบ้านเขาเท่านั้น แต่นั่นหมายถึงว่าเธอต้องกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วจะทำอย่างไรล่ะ
นี่แหละคือปัญหา
เพราะเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง พารินจึงลืมไปว่า ตอนนี้ในห้องนอกจากตัวเองแล้วยังมีธารณ์รวมอยู่ด้วย
ธารณ์นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาเบดด้วยท่วงท่าสบายๆ มองผู้หญิงตัวจ้อยที่พอกลับเข้ามาในห้อง นั่งลงบนขอบเตียงเจ้าตัวก็คว้าผ้าห่มมากอดเอาไว้หลวมๆ แล้วก็นิ่งมาตลอด ทว่าธารณ์มองออก เจ้าหล่อนไม่ได้นิ่งเหมือนภายนอกแม้แต่นิด
ที่เงียบอยู่ตอนนี้ ก็น่าจะคิดวางแผนอะไรอยู่มากกว่า ใบหน้าของเธอบอกเขาเช่นนั้น แถมคิ้วเรียวยังขมวดเป็นปม บางครั้งก็เผลอกัดริมฝีปากบางจนเขากลัวว่ามันจะช้ำ จนอยากเอามือแตะเบาๆ เพื่อให้หญิงสาวผ่อนอาการนั้นลง แต่ขืนทำอย่างนั้นจริง มีหวังโดนฟ้อนเล็บใส่หน้าแน่
ก็ฤทธิ์เจ้าหล่อนน้อยอยู่เสียเมื่อไร
“คิดอะไรอยู่” ธารณ์ไม่ปล่อยให้ความสงสัยอยู่กับตัวนาน
“วางแผนน่ะ...” หนี
พารินตาเหลือก เกือบยกมือขึ้นอุดปากตัวเองด้วยความตกใจเมื่อเกือบเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกมา ดีแต่ห้ามมือเอาไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงต้องเผลอเผยพิรุธให้ธารณ์เห็นแน่ๆ
“อะไรนะ วางแผนอะไร พี่ได้ยินไม่ค่อยชัด”
“หูหาเรื่องแล้ว” หญิงสาวแหวถลึงตาใส่คนนั่งไขว่ห้างสบายๆอยู่ไม่ห่างเสียทีหนึ่งเป็นการกลบเกลื่อน ใจแอบหวังว่าคงแนบเนียนพอนะ
บ้าจริง ยายพายเอ๊ย...โรคเผลอหลุดอะไรที่คิดออกมาโต้งๆนี่ แก้ไม่หายเลยสักที บ้าแท้
“เหรอ...งั้นพี่คงหูฝาดไปเอง”
การยอมรับง่ายๆของธารณ์ทำให้พารินแปลกใจอยู่ไม่น้อย ทว่าพอจ้องคนนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาเบดแล้วไม่พบพิรุธใดๆก็โล่งใจ
เขาคงได้ยินไม่ชัดจริงๆนั่นแหละ ก็นั่งกันห่างตั้งขนาดนี้
“นี่...นาย”
นอกจากการมองมาตรงๆไม่หลบตาแล้ว ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากธารณ์ นั่นทำให้พารินหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เธอรู้หรอก เขาตั้งใจไม่ตอบรับ คงอยากทดสอบความอดทนของเธอละสิ ชิ!
“นาย”
“เรียกพี่เหรอ”
“ใช่น่ะสิ อยู่กันสองคน ถ้าไม่เรียกนายแล้วจะให้เรียกแมวที่ไหน”
“คิดว่าจะเรียกหนูท่อ” ธารณ์ต้องกลั้นหัวเราะแทบตายเมื่อโดนถลึงตาใส่เป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ “ก็จริงนี่ คนมีชื่อก็ไม่ยอมเรียก เรียกแต่นายอยู่นั่นแหละ ไม่เห็นน่ารักเลย”
“ใครอยากน่ารักในสายตานายกัน” พารินขมุบขมิบปากบ่น
“พูดอะไรน่ะ พี่ไม่ค่อยได้ยินเลย”
“เรื่องของฉันน่า” หญิงสาวแหว แล้วก็ไม่ยอมให้ชายหนุ่มลากเข้าเรื่องน่ารักไม่น่ารักอีก พารินฉวยโอกาสถามหาสิ่งที่หายไปทันที “เสื้อฉันล่ะ อยู่ที่ไหน”
“เสื้อคลุมน่ะเหรอ”
“ใช่น่ะสิ นี่นายถือดีมากนะ มาถอดเสื้อผ้าฉันแบบนี้”
“ก็แค่หวังดี อยากให้นอนสบายๆ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
“ทำคุณ!” พารินแหว มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “ลักพาตัวฉันมาขังเอาไว้แบบนี้เนี่ยนะเรียกว่าทำคุณ เอาสมองส่วนไหนคิดกันเนี่ย”
ธารณ์ยิ้มเฉย ไม่ตอบโต้อะไร แล้วลุกขึ้นไปยังมุมหนึ่งของห้องเพื่อหยิบสิ่งที่หญิงสาวเรียกร้องไปส่งให้เงียบๆ
พอเห็นเสื้อคลุมตัวเก่ง ผ้าห่มที่กอดอยู่ก็หมดความหมาย พารินลุกขึ้นคว้าเสื้อตัวใหญ่มาได้ก็สวมทับเสื้อกล้ามทันทีอย่างไม่รอช้า
อาจเพราะเสื้อตัวนี้เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง พอสวมแล้วพารินจึงรู้สึกปลอดภัยมากกว่าผ้าห่มผืนใหญ่เมื่อสักครู่มาก จึงยิ้มออก
“แล้วกระเป๋าตังค์ มือถือ ไหนจะรถของฉันอีกล่ะ นายจะคืนให้ฉันหมดใช่ไหม”
สายตามองมาอย่างมีความหวัง พร้อมรอยยิ้มที่ตั้งแต่พบหน้ากันเจ้าหล่อนไม่เคยมีให้เขาเลยสักครั้ง ทำให้ธารณ์ใจแกว่งไปเล็กน้อย เขาไม่อยากทำลายรอยยิ้มสวยที่ทำให้ใบหน้านวลดูกระจ่างชวนมองสักนิด แต่ก็ช่วยไม่ได้
“ได้คืบจะเอาศอกนะ”
สายตาคล้ายรู้ทันทำให้พารินยู่หน้า อธิบายเสียงอุบอิบ
“ก็มันของฉันนี่ แค่อยากได้ของฉันคืนผิดตรงไหน”
“มันยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วเมื่อไรล่ะฉันถึงจะได้ของคืน รู้ไหมว่ารถน่ะ ฉันยังผ่อนไม่หมดเลยนะ ถ้าไม่มีเงินแล้วจะเอาอะไรกิน แล้วไหนจะมือถืออีก ถ้าเพื่อนโทร.มาเรื่องงานแล้วติดต่อไม่ได้ รู้ไหมว่างานฉันจะเสียหายขนาดไหน”
“เรื่องรถ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าพี่จะเอาไปแยกส่วนขายประเทศเพื่อนบ้าน พี่รับรองกับพายตรงนี้เลยว่าถ้าถึงเวลา พายได้รถคืนแบบไม่มีแม้แต่รอยขนแมวแน่ ส่วนมือถือ เงิน...อยู่กับพี่ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ตัวเล็กแค่นี้พี่เลี้ยงไหว พี่ยินดีให้ไถ เพราะอีกหน่อยยังไงเราก็ต้องใช้กระเป๋าใบเดียวกันอยู่ดี เรื่องงานก็ไม่ต้องห่วง พี่จะรับสายให้เราเอง ถ้าสำคัญพี่จะให้เราคุย”
“นายไม่มีสิทธิ์มารับสายของฉันสุ่มสี่สุ่มห้านะ” ขืนเพื่อนเธอโทร.มาแล้วมีผู้ชายรับสาย เธอจะอธิบายเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร มีหวังถูกซักจนขาว แถมล้อจนลูกบวชก็ไม่จบแน่
“ทำไมจะไม่มีล่ะ ในเมื่อเราเป็นคู่หมายกัน กำลังจะหมั้นกัน อีกอย่างตอนนี้เราอยู่บ้านเดียวกันสองต่อสอง ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่บ้านเดียวกัน ห้องเดียวกัน คนคงจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน พายเคยได้ยินใช่ไหม ผัวกับเมีย เขาถือว่าเป็นคนคนเดียวกัน”
พารินอยากกรี๊ดให้แก้วหูคนตรงหน้าแตก แต่เอาเข้าจริงก็อึ้งจนหาคำด่าไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าคนดีของพ่อจะร้ายกาจได้ขนาดนี้
ธารณ์ใช้จังหวะนั้นจับศีรษะทุยโยกแล้วสั่ง“อยู่ดีๆ ล่ะ อย่าดื้อ อย่าซน อย่าคิดหนี รออยู่นี่นะ พี่จะไปเอาข้าวมาให้กิน”
ชายหนุ่มเดินออกไปจากห้องแล้วสักพักกว่าคนที่ยืนนิ่งขึง อ้าปากค้าง อึ้งกิมกี่กับทั้งคำพูดและการกระทำของชายหนุ่มจะหาคำพูดของตัวเองเจอ
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” พารินกระทืบเท้าเร่าๆเลยทีเดียว
หญิงสาวเดินวนไปวนมาในห้องอย่างกับหนูติดจั่น นาทีนี้ใครจะไปอยู่นิ่งไหว เขาไม่ถูกลักพาตัวมาเหมือนเธอนี่ พูดอะไรก็พูดได้สิ ลองถูกลักพาตัวมาขังไว้ดูสิ ถึงจะรู้ว่าแย่แค่ไหน
จะว่าไปชีวิตเธอตอนนี้เหมือนตัวละครเอกจากนวนิยายชื่อดัง แม้ผิดกันอยู่บ้างตรงที่นางเอกเรื่องนั้นถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนไม่ดี เลยถูกจับมาแก้แค้น แต่เธอไม่เคยทำอะไรให้เขาขุ่นใจเลย...เอาละ ยอมรับแมนๆแบบไม่เข้าข้างตัวเองก็ได้ว่า การพบกันในแต่ละครั้ง เธอปฏิบัติตัวกับเขาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ก็ใครจะเย็นอยู่ไหว เมื่อจู่ๆ ก็เกิดมีคู่หมายขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน
คู่หมายนะ ไม่ใช่หน่อไม้ จะได้ผุดขึ้นมาจากดินง่ายๆ แค่มีกอไผ่อยู่แถมยังต้องหมั้นกันเร็วๆนี้อีก เจอหน้ากันยกมือขึ้นมานับนิ้วยังครบเลย ใครจะไปเย็นอยู่ไหว
เฮอะ! ยอมหมั้นด้วยก็บ้าแล้ว
เพราะเหตุนี้เธอจึงวางแผนหนีออกจากบ้าน ใครจะว่าหนีปัญหาก็เอาเถอะ ช่วยไม่ได้นะ เธอปฏิเสธรวมทั้งอธิบายเหตุผลกับบิดาจนปากแทบฉีกถึงหูแล้วว่าไม่หมั้นๆ แต่ไม่รู้ทำไมคนมีเหตุผล ฟังความคิดเห็นของลูกมาตลอดอย่างบิดาจึงเกิดมาไร้เหตุผลเอาดื้อๆ ทู่ซี้จะให้หมั้นอยู่นั่น ทำราวกับกลัวเธอจะขึ้นคาน หาสามีไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนหวงอย่างกับอะไรดี
คิดเท่าไรเธอก็คิดไม่ตกว่าทำไมบิดาถึงได้ไร้เหตุผล พอๆกับนายธารณ์นั่นเกิดพิศวาสเธอขึ้นมาจนถึงขั้นต้องลักพาตัวกันแบบนี้
พารินคิดอย่างพาลๆแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง เมื่อรู้สึกว่าเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นแบบนี้ก็คิดอะไรไม่ออก หนีตอนนี้ก็ไม่ได้ เธอต้องรอจังหวะเหมาะ ให้แน่ใจว่าธารณ์ไม่อยู่บ้านเสียก่อน หรืออย่างน้อยก็มีเวลาพอให้แน่ใจว่าปีนระเบียงลงไปแล้วจะไม่โดนจับได้ภายในห้านาที
โครกกกกกก
เสียงท้องครางประท้วงทำให้พารินนึกได้ จนป่านนี้เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง หิวจนแสบไส้ไปหมด แล้วแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนหนี
“ช้าจริง” ความหิวโหยทำให้พารินพาลไปทั่ว เหลือบมองไปทางประตูบานใหญ่ก็เงียบฉี่ “ไปหว่านข้าว ดำนาอยู่หรือไงนะ ป่านนี้แล้วยังไม่มาอีก”
สิ้นเสียงบ่น ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดออก พร้อมกันนั้นธารณ์ก็เดินประคองถาดอาหารเข้ามา
“ท่าทางจะตายยาก” พารินพึมพำ
“แช่งอะไรพี่”
หญิงสาวตาโตเมื่อถูกจับได้ ถึงแม้ไม่ได้แช่งแต่ไม่ใช่คำอวยพรแน่ จึงเผลอปฏิเสธเสียงสูงอย่างร้อนตัว
“เปล๊า”
มุมปากของธารณ์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มรู้ทัน “ระวังนะ ขืนพี่ตายขึ้นมาจริงๆ จะมีคนร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
“ไม่ใช่ฉันแน่...นั่นอะไรน่ะ”
ธารณ์วางถาดอาหารลงบนโต๊ะมุมพักผ่อนหน้าโฮมเธียเตอร์ชุดใหญ่ ไม่ต้องเอ่ยปากเชิญ พารินก็เดินมานั่งปุลงบนโซฟารวดเร็ว อย่างที่คนมองรู้ได้ในทันทีว่าเจ้าตัวหิวโหยมากแค่ไหน
“ข้าวผัดกับแกงจืดนี่เอง” แถมยังตอบคำถามตัวเองเสร็จสรรพ
“ที่นี่ไม่มีแม่บ้านอยู่ประจำ ก็เลยทำข้าวผัดง่ายๆให้กินก่อน พอจะกินได้ไหม”
โอ๊ย...นาทีนี้ อะไรก็กินได้หมดแหละ
เปล่า...พารินไม่ได้หลุดคำพูดอะไรออกมาสักคำเดียว ทว่าอาการลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกกับการจดจ้องจานอาหารตรงหน้าตาเป็นมันทำให้ธารณ์ได้คำตอบ
“มันฉุกละหุกไปหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง ต่อไปรับรองพี่จะเลี้ยงพายอย่างดีแน่นอน”
หญิงสาวเบ้ปากใส่คนพูด...ใครจะอยู่ให้เลี้ยงกัน
“กินเถอะ หิวไม่ใช่เหรอ”
เพียงได้รับคำอนุญาตพร้อมกับเจ้าของทุกอย่างนั่งลงอีกข้าง พารินที่รอเวลาอยู่นานแล้วก็คว้าช้อนและส้อม กำลังจะจ้วงตักน้ำซุปสีเหลืองทองของแกงจืดเข้าปากเพื่อลิ้มชิมรสว่าแกงจืดง่ายๆแต่หน้าตาดีประหนึ่งซื้อมาจากห้องอาหารชั้นนำนั้นอร่อยแค่ไหน แถมข้าวผัดที่เรียงเม็ดสวยไม่แฉะน่าเสียอารมณ์ที่กำลังส่งกลิ่นยั่วน้ำลายอยู่ตอนนี้ รสชาติกลมกล่อมปานใด
เดี๋ยว...นี่เธอเห็นแก่กินเกินไปหรือเปล่ายายพาย ขืนถูกวางยาอีกรอบจะทำอย่างไรมือที่กำช้อนและส้อมเอาไว้มั่นคลายออก วางอาวุธลงทันที
“อ้าว ทำไมไม่กินล่ะ หิวอยู่ไม่ใช่เหรอ”
พารินค้อนขวับเมื่อถูกรู้ทัน กระนั้นก็ยังไม่วายปากแข็ง“ใครบอกว่าหิว”
โถ...คนไม่หิวลอบกลืนน้ำลายเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้...ธารณ์ได้แต่กลั้นยิ้มด้วยความเอ็นดู
“เอ้า...ไม่หิวก็ไม่หิว แต่กินหน่อยเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว อย่างน้อยให้กระเพาะได้มีอะไรย่อยสักหน่อยก็ยังดี ไม่งั้นกระเพาะทะลุไม่รู้ด้วยนะ”
ธารณ์เห็นหญิงสาวมองอาหารตรงหน้าตาละห้อย ไม่บอกก็รู้ว่าอยากกินมากแค่ไหน แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ลังเล ไม่กล้า...ความกลัว
“ทำไม กลัวถูกพี่วางยาหรือไง”
------------------------------------------------------
** เรื่องนี้มีตัวละครเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง เลื่อมลายดอกรัก ที่วางแผงไปกับสนพ.แจ่มใสนะคะ
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ จะไม่ได้งงอะไรน้าาาา
เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2560, 14:22:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2560, 14:22:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 808
<< บทที่ 1 | บทที่ 2 [2/2] ครบ >> |