ความทรงจำใต้ผืนทราย
หนึ่งรัก สองภพ คำสัญญา และการรอคอย

พระองค์-ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และ นาง-สตรีผู้เสียความทรงจำ

สิ่งใดหนอนำทั้งสองมาพบกัน ...มันคือ โชคชะตา หรือ ความผูกพัน
Tags: อียิปต์ ฟาโรห์ ย้อนยุค ทะเลทราย ความทรงจำ

ตอน: ตอนที่ 1 (3 - จบตอน)

กลิ่นควันไฟและไอแดดนั้นราวกับจะปลุกผู้ที่หลับใหลให้ตื่นคืนมา เมื่อฟาโรห์ทรงสังเกตเห็นว่าคิ้วของคนที่นอนสลบอยู่ข้างกายขมวดเกร็งก็ทรงพยุงองค์เองลุกนั่งให้ห่างออกไปอีกนิด ครั้นแล้วหญิงสาวก็ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นสอดส่ายมองสิ่งรอบกาย คิ้วเรียวที่ขมวดอยู่แล้วก็ยิ่งขมวดเข้มยามพยายามยันกายให้ลุกขึ้น ทว่ายังดูอ่อนเพลียเกินกว่าจะทำได้ง่าย ๆ อย่างใจนึก

“ตื่นแล้วรึ”

องค์ฟาโรห์เอ่ยขึ้นทำให้ผู้ถูกทักถึงกับสะดุ้ง หันมาสบตาพระองค์ราวตื่นกลัว แต่ทว่า เมื่อตาประสานตา กลับเป็นพระองค์เสียอีกที่หวั่นไหว ความรู้สึกบางอย่างวูบเข้ามาราวกับแสงที่สว่างวาบก่อนจะถูก ‘เก็บ’ กลับไปอย่างรวดเร็ว ...กี่ครั้งแล้วหนอในชั่วระยะเวลาอันน้อยนิดตั้งแต่พบนาง ที่ทรงเกิดความรู้สึกเช่นนี้

“ข้า..เอ่อ”

นางพยายามจะตอบ ทว่าดูจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“รู้สึกอย่างไรบ้าง” ทรงอ่อนเสียงลงยามเอ่ยถาม

“ปวดหัว ...ท่าน เอ่อ”

“ข้า ?”

“ท่าน เอ่อ ท่าน เป็นใคร” ในที่สุดนางถามที่ได้เสียที

องค์ฟาโรห์ทรงหันซ้ายหันขวา กวาดสายตาไปทั่วห้องเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่านางกียาไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ก่อนตอบคำถามด้วยเสียงอันเบากว่าเดิม

“ข้ามีนามว่า นาเมส”

ทรงกอดอกและโน้มตัวเข้าใกล้ แทบจะต้องการ ‘กระซิบ’ มากกว่าจะพูดคุยธรรมดา

“เมื่อราวสองชั่วโมงที่แล้วข้าช่วยเจ้าขึ้นมาจากน้ำ เจ้ามีนามว่าอะไร มาจากไหนรึ”

คำถามนั้นง่าย ๆ แต่กลับทำให้คนถูกถามนิ่ง ตะลึง

หญิงสาวเงียบงันไปชั่วครู่ แววตานั้นสั่นระรัวเช่นคนที่กำลังพบบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ตื่นกลัวมากขึ้นทุกที

“ข้า” น้ำเสียงนั้นสั่นไหว “ข้าไม่รู้”

ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดหนักเข้าไปอีก

“ท่าน ท่านไม่รู้จักข้า แล้วท่านช่วยข้าไว้ได้อย่างไร” นางลนลานถามกลับ

“ไม่รู้สิ อยู่ ๆ เจ้าก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำตรงนั้น”

ตรัสพร้อมกับชี้มือประกอบไปทางแม่น้ำ ทรงตวัดพระเนตรมองนางที่เริ่มมีน้ำตาเอ่อที่ดวงตาคู่น้อย

“อย่าบอกนะ ว่าเจ้าจำอะไรไม่ได้เลย”

นางพยักหน้าแทนคำตอบ น้ำตาปริ่มจะไหลลงมาจากขอบตา ทรงทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน ใครจะคาดคิดเล่าว่าเมื่อนางฟื้นขึ้นมาจะจำอะไรไม่ได้เลย

“เอาเถอะ เจ้าคงยังสับสน พรุ่งนี้อาจนึกออกก็ได้”

แม้ไม่รู้จะทำเช่นไรดี แต่ก็ทรงพยายามปลอบเท่าที่จะนึกได้ ทว่ามือน้อยคู่นั่นยังสั่นเทาอยู่ ดูก็รู้ว่านางกำลังสับสนอย่างหนักแต่มิพักจะฟูมฟาย ทรงรู้สึกอยากจะดึงนางมากอดเสียแทนคำปลอบประโลมทั้งหมด แต่นั่นคงเป็นการกระทำที่ร้ายกาจ

สำหรับชายหนุ่มหญิงสาวแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน โดยเฉพาะในเวลาที่อีกฝ่ายกำลังสับสนรุนแรง

“กินเสียสิ”

ที่สุดจึงทรงเลือกดึงความสนใจด้วยการยื่นขนมปังอบแผ่นใหญ่ให้นาง

หญิงสาวมองพระองค์ด้วยดวงตาเหม่อลอย เมื่อนางหลุบตามองขนมปังในพระหัตถ์ น้ำตาที่รื้นอยู่ขอบตาพลันไหลรินอาบแก้ม ฟาโรห์ทรงกำหัตถ์ข้างหนึ่งไว้ บังคับองค์ให้เข้าใกล้นางเพียงขอบขนมปังเท่านั้น

ในที่สุดนางก็รับอาหารไปด้วยท่าทางสับสน ดูว่าจะไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรอยู่ สมาธิและความกังวลทั้งหลายคงอยู่ที่ความทรงจำที่หายไปเสียแล้ว ทว่าเมื่อขนมปังคำแรกเข้าปาก หญิงสาวก็หันไปสนใจกับอาหารราวกับไม่ได้กินสิ่งใดมาเป็นแรมปี

ฟาโรห์ทรงมองนางอย่างสงบ โล่งพระทัยเล็กน้อยที่ขนมปังทำหน้าที่ดึงความสนใจนางได้ในตอนนี้ นางรีบกินแต่ไม่มูมมาม ทรงยื่นขนมปังอีกแผ่นให้ ทว่านางกลับส่ายหน้า

“หากไม่รบกวน ข้าขอน้ำจะได้หรือไม่”

นางถามอย่างสุภาพและเกรงใจ พระองค์ทรงพยักพระพักต์และยื่นแก้วน้ำให้ เมื่อดื่มเสร็จก็เอ่ยถาม

“ที่นี่บ้านของท่านหรือ”

“ไม่ใช่” ทรงตอบพร้อมกับหันไปสำรวจรอบกายอีกครั้ง “ข้าเองก็เป็นคนต่างถิ่น ช่วยเจ้าแล้วจึงพามาขอความช่วยเหลือจากเจ้าของบ้านหลังนี้”

ได้คำตอบแล้วก็เพียงพยักหน้ารับ กิริยาของนางดูสงบดี แต่พระองค์ไม่แน่ใจว่าหากได้ยินสิ่งที่กำลังจะบอก นางจะยังรักษากิริยาอยู่ได้หรือไม่

“กียา เจ้าของบ้านหลังนี้คิดว่า เจ้า กับ ข้า เป็นสามีภรรยากัน”

หญิงสาวเบิ่งตามองพระองค์

“ทำไม”

น้ำเสียงคล้ายจะงุนงงมากกว่าจะไม่พอใจ

“คงจะเห็นว่าข้าอุ้มเจ้ามา แต่ข้าขอแนะนำว่าเจ้าควรปล่อยให้เขามั่นใจเช่นนั้น เพื่อความปลอดภัย”

คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน นางคงสับสนไม่น้อย มือจึงขยุ้มกำเสื้อไว้อย่างไม่รู้ตัว

“หากเจ้าไม่สบายใจก็แล้วแต่เจ้าเถิด ข้าเองก็ไม่ได้คิดฉวยโอกาสกับเจ้า เพียงแค่เห็นแก่ความปลอดภัยเท่านั้น”
“ปลอดภัยเช่นไร”

นางเอ่ยถามซื่อ ๆ แต่องค์ฟาโรห์กลับนึกเอ็นดูขึ้นมา

“เจ้าเป็นภรรยาของข้า ดีกว่าเป็นหญิงที่ข้าไม่เคยรู้จักและไร้ความทรงจำ ผู้คนหาประโยชน์ได้มากมายจากหญิงงามตัวคนเดียว”

ใบหน้าของคนฟังปรากฏเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นมา หรือเพราะพระองค์เผลอหลุดปากเอ่ยคำว่า ‘หญิงงาม’ ตามที่พระองค์เห็นออกไป

แต่สุดท้ายแล้วนางก็พยักหน้ารับ

โล่งพระทัยในที่สุด เมื่อยามตื่นนางก็สงบเสงี่ยมไม่ต่างจากยามหลับได้อย่างที่หวัง


“อ้าว ฟื้นแล้วรึ”

เสียงของเจ้าของบ้านที่ทักขึ้นมาทำให้องค์ฟาโรห์ขยับองค์ห่างจากหญิงสาวอีกเล็กน้อย ทรงนึกโล่งพระทัยที่กียากลับมาหลังจากที่ตกลงกันได้

“ข้าเตรียมที่นอนให้พวกเจ้าไว้บนดาดฟ้าเรียบร้อยแล้ว ไปกันเถิด ประเดี๋ยวสามีข้ากลับมาจะไม่สะดวก”

เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว และพระองค์ไม่ต้องการเดินทางในขณะที่หญิงสาวยังไม่แข็งแรงดี จะให้ทิ้งนางไว้ก็คงทำไม่ได้ ทรงตัดสินพระทัยขอค้างคืนที่นี่ ซึ่งเจ้าของบ้านก็ทำท่ายินดีต้อนรับอย่างไม่อิดเอื้อน

กียาทำท่าเข้ามาจัดแจงอย่างกุลีกุจอ ของมีค่าที่ทรงมอบให้นางนั้นช่างทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม

ครั้นหันมองออกไปนอกบ้าน เห็นม้าของพระองค์ยืนสงบอยู่ที่เดิมก็เบาพระทัย ทรงนึกถึงองครักษ์คนสนิททั้งสองของพระองค์ จาฮาล และ เฮอร์-อูเบน ขึ้นมา มั่นพระทัยว่าหากทั้งสองไม่เห็นพระองค์ไปที่จุดนัดพบเสียที ก็คงออกตามหาพระองค์เองในไม่ช้า

คิดแล้วก็หันกลับไปมองหญิงสาวที่รับมาเป็นภาระซึ่งกำลังถูกกียาประคองให้ลุกขึ้น นางยังดูอ่อนเพลียอยู่มาก หากเจ้าสองคนนั่นตามมาเจอ ก็คงช่วยอะไรได้มากกว่านี้




ดาดฟ้าของบ้านเป็นพื้นที่โล่ง มีเพิงทำจากไม้และมุงหลังคาฟางอย่างง่าย ๆ อยู่มุมหนึ่ง กียาได้นำเสื่อมาวางไว้ให้พร้อมกับผ้าห่มผืนบางหนึ่งผืน มีไม้เตรียมไว้ให้ก่อไฟอีกจำนวนหนึ่งวางอยู่ใกล้ ๆ

“พวกเจ้าคงพอนอนได้กระมัง”

กียาหันมาถามพร้อมกับยิ้มจนดูคล้ายประจบ

“ขอรับ”

ทรงรับคำแค่นั้น หญิงสูงวัยก็ทำท่าจะมอบหญิงสาวที่นางประคองอยู่คืนสู่พระองค์ แต่แล้วก็หยุดไว้

“จริงสิ เจ้าชื่ออะไรล่ะ แม่หนู

คนถูกถามที่กำลังอ่อนเพลียจนจะยืนไม่อยู่ทำท่าชะงักเล็กน้อยอย่างแทบสังเกตไม่ได้ นางช่างเป็นหญิงที่มีกิริยาดูสบายตายิ่งนัก แม้ยามกำลังตระหนกเช่นนี้

“เฮเทอร์”

ฟาโรห์ทรงตอบเสียเอง

“อ้อ” กียาพยักหน้ารับ ก่อนหันไปยิ้มให้คนที่กำลังถูกประคอง “ตามสบายนะ เฮเทอร์”

พูดจบก็พาร่างของหญิงสาวส่งให้ ฟาโรห์ทรงใช้หัตถ์หนึ่งจับแขนของนางไว้ ส่วนหัตถ์อีกข้างรวบเอวไว้อย่างหลวม ๆ
อาจจะเป็นเพราะท่าทางที่ดูคล้ายเขินอายของทั้งสอง ทำให้หญิงสูงวัยทำท่าเหมือนจะหัวเราะก่อนเดินกลับลงเรือน

หญิงสาวในอ้อมแขนของพระองค์ยืนตัวแข็งทื่อ ก้มหน้างุดเหมือนพยายามจะไม่สบตา ฟาโรห์จึงค่อยประคองนางไปยังเสื่อใต้ชายคาของเพิงพัก ทรงรู้สึกว่าท่วงท่าของพระองค์เองก็ดูเงอะงะงุ่มง่ามไม่น้อย

“เจ้าคงไม่ถือ ที่ข้าตั้งชื่อให้เจ้าเมื่อครู่”

ทรงเอ่ยเมื่อได้นั่งลงบนเสื่อกับนาง

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลางก้มมองมือตนเอง “อันที่จริง ท่านตั้งได้ไพเราะดี ข้า เอ่อ ข้าชอบเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ”

ทรงเผลอหันไปมองนางเต็มพระเนตร

“ท่านเป็นช่วยชีวิตข้าไว้ ก็ไม่ต่างจากเป็นผู้ให้ชีวิต ย่อมเป็นสิ่งสมควรที่ท่านจะมอบชื่อใหม่ให้ข้า”

ได้ยินคำตอบ ฟาโรห์ถึงกับยิ้มกว้าง นางช่างเอ่ยได้น่าเอ็นดูนัก

“ต่อไปนี้ข้าจะมีนามว่า เฮเทอร์”

“ใช่”

ทรงตรัสเต็มโอษฐ์ ครั้นเมื่อสองสายตาประสานกัน ต่างคนก็ต่างรีบหันออกไปอีกทาง บนเสื่อผืนเก่าใต้เพิงพักหลังจากนั้นจึงมีแต่ความเงียบงัน

กระนั้น องค์ฟาโรห์ยังได้ยินเสียงพระหทัยที่เต้นดังอยู่ภายใต้พระอุระอย่างชัดเจน


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



วินตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2560, 14:03:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2560, 14:03:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 865





<< ตอนที่ 1 (2)   ตอนที่ 2 (1) >>
วินตา 13 ก.ค. 2560, 14:04:45 น.
ทางไป ebook ฟิ้วววว >>> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=59566



แว่นใส 13 ก.ค. 2560, 17:41:59 น.
กว่าจะจำได้เนอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account