พรานท่องพนา
นิยายเกี่ยวกับความรักของหนุ่มขี้เล่นกับสาวสวยหัวโบราณ ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพื่อพิสูจน์ความรัก การใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ การไม่เชื่อใจกันและกัน การที่รู้จักกันไม่มากพอ ส่งผลให้ต้องแยกทางร้างกันไป และเมื่อต่างก็มีทิฐิ ทำให้การจะกลับมาเดินร่วมทางกันใหม่ทำได้ไม่ง่ายนัก
Tags: พระเอกเป็นตำรวจตระเวนชายแดน นางเอกเป็นไฮโซหัวโบราณ

ตอน: ตอนที่ 7 รุกคืบ

เมื่อหนึ่งสัปดาห์ของการทำงานในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์จบลง ทีมเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนฯก็เคลื่อนย้ายเข้าไปทำงานในเขตอำเภอขุขันธ์ต่อไป มีกำหนดสองสัปดาห์ อำเภอขุขันธ์เป็นอำเภอขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย 22 ตำบลและ 279 หมู่บ้าน ทีมงานของหมันหยาเข้าพักในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ ที่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานพัฒนาชุมชมประจำอำเภอจองไว้ให้ล่วงหน้า ถนอมนวลและหมันหยาพักห้องเดียวกันตามเคย วันแรกที่มาถึงในช่วงบ่ายยังไม่มีอะไรให้ทำ การฝึกอบรมจะเริ่มต้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ได้มีการประสานงานนัดหมายกันเรียบร้อยแล้วกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานที่และจำนวนคนที่จะเข้ารับการอบรม


เช้าวันแรกของการสัมมนา เป็นการอบรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้นำชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น รวมทั้งติดตามความคืบหน้าและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เนื่องจากได้เคยมีการอบรมผู้นำหน่วยหรือผู้นำชุมชนมาก่อนหน้านี้เมื่อสองปีที่แล้ว ผู้ที่ทำหน้าที่วิทยากรโครงการนี้คือหัวหน้าของหมันหยาและถนอมนวล โดยหญิงสาวทั้งสองได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้ช่วยวิทยากร จัดเตรียมเอกสารและอุปกรณ์ที่ใช้ในการบรรยายและกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จะมีผู้เข้ารับการอบรมประมาณสามสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับหัวหน้าหน่วยในหน่วยราชการในพื้นที่ สรคมณ์เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น แต่ทั้งถนอมนวลและหมันหยาไม่เห็นเขา เพราะไม่ได้อยู่ในห้องอบรมตลอดเวลา หญิงสาวทั้งสองเพียงแต่เข้ามาเตรียมเอกสารต่างๆให้วิทยากร ก่อนการอบรมจะเริ่มต้นเท่านั้น


หลังจากการอบรมในภาคเช้าสิ้นสุดลงในตอนเที่ยง ถนอมนวลและหมันหยาก็แยกตัวจากทีมงานระดับผู้ใหญ่ ไปหาอาหารกลางวันรับประทานกันเองในร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ที่พัฒนากรเจ้าถิ่นรุ่นพี่บอกว่าก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยที่สุดในอำเภอ ในร้านเล็กๆแห่งนั้นมีลูกค้าคับคั่ง

“สวัสดีครับ คุณหยา”


หมันหยาชะงักมือที่กำลังเอื้อมไปหยิบขวดน้ำ หลังจากรับประมานก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยหมดจาน แล้วเธอก็อึกอักเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงคือชายหนุ่มที่ชื่อสรคมณ์ เธอนึกสงสัยว่าเขามาทำอะไรอยู่ที่นี่ ทำไมยังไม่เดินทางกลับไปอุบลฯ


“เอ้อ สวัสดีค่ะ” เธอตะกุกตะกักทักตอบเขา
"ก๋วยเตี๋ยวอร่อยไหมครับ"
"ก็ดีค่ะ" หมันหยาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็เลยเสถามเขาตามมารยาทว่า "มาทานที่นี่เหมือนกันหรือคะ"
"ผมทานแล้วละครับ แต่ไม่ใช่ร้านนี้ ผมกำลังจะไปเอาของที่รถ ผ่านมาเห็นคุณหยานั่งอยู่คนเดียวเลยแวะเข้ามาทักทาย ขออนุญาตนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ"
"เชิญค่ะ"
"คุณนวลไม่ได้มาทานด้วยหรอกหรือครับ" พอนั่งลงได้ชายหนุ่มก็ถามทันที
"เอ้อ..เดี๋ยวก็มาค่ะ เพิ่งลุกออกไปเมื่อตะกี้"


เห็นนัยน์ตาแพรวพรายที่มองเธออยู่ หมันหยาซึ่งรู้สึกเก้อเขินก็รีบชวนเขาคุย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขาไปจากใบหน้าของเธอ

“คุณสรคมณ์ยังไม่กลับไปอุบลฯอีกหรือคะ?”
อีกฝ่ายอมยิ้มมากขึ้น “ยังครับ ผมจะเข้าอุบลฯตอนปลายเดือนครับ ”
“แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะคะ หรือมีภารกิจอะไรอีก”
“ครับ มีภารกิจต้องมาเรียนหนังสือที่คุณครูหยาสอน หลังจากนั้นก็มีภารกิจพิเศษอีกตามเคย”
“เรื่องอะไรมาเรียกฉันยังงั้นล่ะคะ”
“อ้าว ก็ทีมงานของคุณหยามาอบรมนักเรียนอย่างพวกผมที่อำเภอนี้ไม่ใช่หรือครับ?”


หมันหยาชักงง แต่แล้วเมื่อสังเกตเห็นว่าสรคมณ์แต่งกายในชุดพราง บนอกเสื้อของเขามีป้ายผู้เข้าร่วมสัมมนาติดหราอยู่เธอก็ทำหน้าเจื่อนๆ เข้าใจได้ทันทีว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้เข้าอบรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้นำหน่วย ที่เพิ่งจบภาคแรกไปเมื่อก่อนเที่ยงนั่นเอง ถ้าเขาอยู่ในห้องสัมมนาทำไมเธอไม่เห็นเขาก่อนหน้านี้ จะได้ไม่ต้องห้าแต้มถามเขาด้วยคำถามเหล่านั้น


พอเห็นท่าทางเจื่อนๆของหมันหยาชายหนุ่มก็รีบบอกว่า “ที่คุณหยาถามผมว่าทำไมยังไม่กลับไปอุบลฯ ผมไม่ได้ไปหรอกครับ งานประจำของผมอยู่ที่นี่ ผมจะเข้าไปประชุมที่กองกำกับฯในอุบลแค่เดือนละครั้งเท่านั้น”

“หมายความว่าหมวดฯ ของคุณสรคมณ์อยู่ที่นี่หรือคะ?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ หมวดฯของผมอยู่ในเขตอำเภอขุขันธ์ แต่อยู่ในป่าห่างจากที่นี่สักสามสิบกิโลเมตร ติดชายแดนไทยเขมรเลยละครับ ว่างๆจะเชิญคุณหยาเข้าไปเที่ยวดีไหมครับ”

“เอ้อ..” หมันหยาชักตกใจ อ้อมแอ้มหาทางปฏิเสธ เพราะกลัวว่าเขาจะชวนเธอไปจริงๆ
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณหยาเป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน นึกว่าทำงานบริษัทฝรั่งเสียอีก”

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ?” หญิงสาวขมวดคิ้ว
“ก็คุณหยาสวยแล้วก็ท่าทางแคล่วคล่องนี่ครับ”

คำตอบของสรคมณ์ทำให้หมันหยาระแวงทันทีว่าเขาคงจะเริ่มรายการกวนประสาทอีกแล้ว

“คุณสรคมณ์พูดยังกับว่าผู้หญิงที่ทำงานราชการต้องขี้ริ้วขี้เหร่ แต่งตัวเชยๆทุกคนยังงั้นแหละ” เธอโต้อย่างอดไม่ได้

อีกฝ่ายยิ้มกว้างอย่างชอบใจกับหน้าบึ้งนิดๆของหมันหยา

“โธ่ ผมไม่ได้หมายความยังงั้นสักหน่อย ข้าราชการผู้หญิงมีสวยๆเยอะแยะ เพียงแต่ผมนึกไม่ถึงว่าคุณหยาจะเป็นข้าราชการเท่านั้นเอง ถ้าผมพูดอะไรผิดไปก็ขอโทษคุณหยาด้วยแล้วกันนะครับ”

หมันหยารู้ว่าเขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ อีตาหน้าหนวดนี่คงคิดว่าเธอบ้ายอ ถึงได้หาทางพูดว่าเธอสวยอยู่บ่อยๆ


ถนอมนวลซึ่งกลับจากห้องน้ำมาถึงโต๊ะอาหารที่เพื่อนนั่งรออยู่พอดี ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้น

“อ้าว คุณคมณ์เจอกันอีกแล้ว มาอบรมหรือคะ” ถนอมนวลถือวิสาสะตัดคำต้นของชื่อเขาออกไป
“สวัสดีครับ คุณนวล มาเป็นนักเรียนให้คุณครูหยากับคุณครูนวลอบรมไงครับ”

ถนอมนวลหัวเราะชอบใจ เธอรู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มผู้นี้

"นักเรียนโค่งหรือคะ แหม..ชักเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้อบรมคุณคมณ์ หลักสูตรผู้นำหน่วยเนี่ย เรายังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเองโดยตรงหรอกค่ะ ประสบการณ์ยังน้อย ต้องเป็นแค่ผู้ช่วยไปพลางๆก่อน แต่ก็ยังมีหลักสูตรย่อยๆอีกหลายหลักสูตรนะคะ ที่เราทำหน้าที่เป็นวิทยากรเต็มตัว สนใจไหมคะ”

“หลักสูตรอะไรครับ คุณนวล” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง ทำท่าสนใจขึ้นมาทันที

“ก็เรื่องง่ายๆที่ไม่ค่อยซับซ้อนน่ะค่ะ " ถนอมนวลทำหน้าตาย "โครงการสุขอนามัยสำหรับแม่และเด็ก เป็นไง สนใจไหมคะ เผื่อคุณคมณ์จะได้ช่วยคุณแม่ของลูกเลี้ยงลูกให้แข็งแรง"

ชายหนุ่มหน้าหนวดกวนประสาทในสายตาหมันหยา ทำตาระยิบระยับขึ้นมาทันที

"โธ่ คุณนวล ล้อผมเล่นหรือเปล่า ผมยังโสดนะครับ โสดสนิทร้อยเปอร์เซ็นต์เลย"

"ก็ไม่เป็นไรนี่คะ" ถนอมนวลทำหน้ายิ้มกริ่มบ้าง "หัดเอาไว้ก่อนก็ได้ พอแต่งงานมีลูกเมื่อไหร่ก็ได้เป็นคุณพ่อตัวอย่างทันทีเลย ดีไหมคะ"

"ดีน่ะมันดีหรอกครับ คุณนวล แต่ตอนนี้แม้แต่แฟนผมก็ยังหาไม่ได้สักคนเลยครับ ไม่ทราบว่าคุณนวลจะมีอะไรแนะนำผมบ้างหรือเปล่า" อีกฝ่ายได้โอกาสที่จะเคลียร์ตัวเองทันที

"โอย อย่ามาอำพวกเราเลยค่ะ ท่าทางอย่างคุณคมณ์น่าจะมีแฟนนับไม่ถ้วนมากกว่า หูตาแพรวพราว ปากก็หวานซะขนาดนี้ จริงไหมหยา"

หมันหยาชำเลืองค้อนเพื่อน ที่อยู่ๆก็ลากเธอเข้าไปร่วมวงหน้าตาเฉย

"ไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับเรานี่"
"โถ คุณครูหยาใจร้าย เกี่ยวนิดเกี่ยวหน่อยก็ไม่ได้หรือครับ"

หมันหยารู้ว่าถูกยั่ว เธอไม่คิดจะตอบโต้ให้เข้าเนื้อ แต่ถนอมนวลเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้รู้จักสรคมณ์ให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์สำหรับเพื่อน เธอดูออกว่าสรคมณ์สนใจหมันหยา จะแค่หยอกเล่นหรือจริงจังคงต้องดูกันต่อไป

"พ่อฉันเป็นตำรวจค่ะ คุณคมณ์ แม่บอกว่าคิดผิดที่แต่งงานกับตำรวจ ยายเคยเตือนว่า รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ เจ้าชู้ทุกคน แต่แม่ก็ไม่ฟัง ดึงดันแต่งงานกับพ่อจนได้ แล้วก็จริงอย่างที่ยายว่า พ่อมีผู้หญิงหลายคน ถึงจะไม่ได้เลี้ยงดูใครเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ทำให้แม่มีความสุขน้อยกว่าที่ควร" ถนอมนวลทำไม่รู้ไม่ชี้เล่าไปเรื่อยๆ

"แต่ผมว่าไม่ใช่เฉพาะตำรวจหรือลิเกอะไรนั่นหรอกครับ ที่เจ้าชู้อย่างที่คุณนวลว่า อาชีพอื่นก็เจ้าชู้ได้เหมือนกันทั้งนั้น มันอยู่ที่ผู้ชายแต่ละคนมากกว่านะครับ"
"แล้วคุณคมณ์ล่ะคะ คิดว่าตัวเองเจ้าชู้ไหม" ถนอมนวลถามทีเล่นทีจริง
"ยังไงล่ะครับที่เรียกว่าเจ้าชู้?"
"อ้าว ทำไมมาถามฉันล่ะคะ คุณคมณ์ต้องรู้จักตัวเองดีไม่ใช่หรือคะ ว่าเจ้าชู้หรือเปล่า"

อีกฝ่ายยิ้มกว้าง มีแววขันๆในดวงตา "ถ้าถามผมๆก็ต้องบอกว่าผมไม่ใช่คนเจ้าชู้ คนอย่างผมถ้าลงได้ปักใจรักใครแล้วรักจริงครับ รักแล้วรักเลย ไม่เลิกรักได้ง่ายๆ แต่ถ้าไม่รักซะอย่าง ไม่ว่าจะคบหาหรือรู้จักกันนานแค่ไหนก็ไม่รักอยู่ดี"

มีนัยสำคัญในคำตอบของสรคมณ์ ที่หญิงสาวทั้งสองไม่เข้าใจ แต่กลับคิดตรงกันว่าเขาตอบแบบเล่นสำนวนโวหาร

"เอายังงี้ดีกว่า" ชายหนุ่มพูดต่อ "ในสายตาของคุณนวลเห็นว่าผมเจ้าชู้หรือเปล่าครับ"
"ค่ะ ฉันว่าคุณคมณ์ท่าทางเป็นคนเจ้าชู้"
"ทำไมถึงคิดยังงั้นล่ะครับ?"
"แหม ก็คุณน่ะอย่างที่บอก หูตาแพรวพราย ช่างเล่นช่างยั่ว แบบนี้ไม่เจ้าชู้หรือคะ" อีกฝ่ายตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด "ฉันว่าคงมีผู้หญิงหลายคนทีเดียวที่คิดว่าคุณเจ้าชู้"

ชายหนุ่มหัวเราะ "ก็คงจริงอย่างที่คุณนวลว่า มีบางคนหาว่าผมเจ้าชู้ แต่เพื่อนๆผมมันกลับว่าผมซื่อบื้อ จีบผู้หญิงไม่เป็น เห็นผู้หญิงสวยๆก็แค่แอบมองเป็นอาหารตาเท่านั้น ไม่เคยตามไปจีบ เอาเวลาไปกินเหล้ากับเพื่อนดีกว่า"

ถนอมนวลพยักหน้าหงึกหงัก "ถ้าจริงก็แปลว่าคุณคมณ์ยังไม่พบใครที่ถูกใจมากกว่า ถึงเห็นเพื่อนเห็นเหล้าสำคัญกว่า แต่ถ้าพบคนที่ใช่เมื่อไหร่ รับรองได้เลยว่าต้องทิ้งเพื่อนทิ้งเหล้าตามจีบเขาแจ จนกว่าเขาจะโอเคด้วย"

สรคมณ์เหลือบมองหมันหยาที่นั่งฟังอยู่เงียบๆด้วยท่าทางอึดอัด ก่อนจะบอกถนอมนวลอย่างมีความหมายว่า "งั้นเมื่อไหร่ผมพบคนที่ถูกใจจะบอกคุณนวลเป็นคนแรก ดีไหมครับ จะได้ยกให้คุณนวลเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจเสียเลย"

ถนอมนวลหัวเราะคิกชอบอกชอบใจ ในขณะที่เพื่อนของเธอแอบค้อนชายหนุ่มอารมณ์ดี ที่กำลังทำหน้ายิ้มกริ่มคนนั้นอย่างขวางๆ รู้สึกหมั่นไส้คนทั้งสองขึ้นมาทันที ที่ดูเหมือนจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“แล้วนี่คุณคมณ์จะต้องเข้าอบรมโครงการอะไรอีกหรือเปล่าคะ”

ถนอมนวลเปลี่ยนเรื่อง เมื่อคิดว่าได้ข้อมูลจากสรคมณ์พอสมควรแล้ว และเพราะเห็นเพื่อนของเธอนั่งเงียบ ท่าทางอึดอัดกับเรื่องที่เธอกับสรคมณ์พูดคุยกันอยู่

“ตอนบ่ายยังต้องอบรมต่ออีกสองชั่วโมงไม่ใช่หรือครับ”
“เออ จริงสิ โครงการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพผู้นำชุมชนยังไม่จบ ต้องอีกสองชั่วโมง” ถนอมนวลร้องออกมา “แหม เราสองคนเนี่ยแย่จัง มีแผนงานอยู่กับตัวยังลืมไปได้”
“งั้นบ่ายนี้อบรมเสร็จคุณคมณ์ก็ต้องกลับไปหมวดฯแล้วสิคะ เสียดายจัง ยังไม่มีเวลาได้คุยกันเลย”
“ยังกลับไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มทำหน้ายิ้มๆ “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคุณนวลกับคุณหยาไปไหนผมก็ไปด้วยแหละครับ”

“อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะคะ ” ถนอมนวลต่อปากต่อคำอย่างนึกสนุกกับคำตอบแบบทีเล่นทีจริงของเขา “เราสามคนไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องเดินทางไปทำงานในหลายตำบลหลายหมู่บ้านแล้วละค่ะ ไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอเหมือนวันนี้หรอก”

“ไปกันหรือยัง นวล อิ่มแล้วไม่ใช่หรือ” หมันหยาซึ่งนั่งฟังการโต้ตอบระหว่างเพื่อนของเธอกับสรคมณ์อยู่เงียบๆ ตัดบท
“สงสัยคุณหยาเบื่อหน้าผมเต็มทีแล้วใช่ไหมครับ”
“ก็ทำนองนั้นแหละค่ะ”หมันหยาซึ่งรู้ว่ากำลังถูกยั่วตอบหน้าตาเฉย

พูดจบหญิงสาวก็ลุกจากโต๊ะ เดินออกไปจากร้าน ทำให้ถนอมนวลต้องรีบตามออกไป ทิ้งสรคมณ์ให้มองตามหลังไปอย่างขันๆ

แล้วต่อมาก่อนที่การอบรมในภาคบ่ายจะเริ่มต้นขึ้น หมันหยาก็ต้องตกใจเมื่อคุณเสาวณีย์หัวหน้าของเธอที่จะต้องเป็นผู้บรรยาย เรียกเธอไปสั่งให้เตรียมเข้าทำหน้าที่วิทยากรหรือผู้บรรยายแทน เพราะรู้สึกไม่สบายเหมือนจะเป็นไข้ ที่หญิงสาวตกใจไม่ใช่เพราะไม่สามารถจะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้ การบรรยายในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสั้นๆ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมงที่เธอเคยทำแทนมาแล้วหลายครั้ง เพื่อแบ่งเบาภาระของผู้บังคับบัญชา ความตกใจของเธอเกิดขึ้นเพราะรู้ว่าผู้ชายหน้าหนวดคนนั้นจะเข้าร่วมฟังด้วย หมันหยาบอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องตกใจหรือกังวล อาจจะเป็นเพราะคำพูดทีเล่นทีจริงและแววตาระยิบระยับที่คอยจับจ้องเธอนั่นละมัง ที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าและมั่นใจในตัวเองน้อยลง


แต่ถึงจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม เมื่อเวลามาถึงหมันหยาก็ต้องเข้าไปทำหน้าที่ในห้องประชุมตามที่ได้รับมอบหมาย ในห้องสัมมนานั้นมีผู้เข้าอบรมทั้งชายและหญิงประมาณสามสิบคน หมันหยาเหลือบเห็นโดยบังเอิญว่าสรคมณ์นั่งอยู่ตรงเก้าอี้แถวหลังสุด หลังจากนั้นก็บังคับสายตาตัวเองไม่ให้เหลือบแลไปทางนั้น เธอกลัวจะเห็นแววตาระยิบระยับของเขาอีก พยายามตั้งสติรวบรวมสมาธิให้จรดจ่ออยู่กับงานในหน้าที่เท่านั้น


หญิงสาวบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการประเมินศักยภาพชองชุมชนในแง่จุดเด่น จุดด้อย โอกาสและข้อจำกัดทางสังคม วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน เธอบรรยายหัวข้อเหล่านี้ไปเรื่อยๆและสรุปว่าการวิเคราะห์ศักยภาพของผู้นำและชุมชน จะทำให้รู้ถึงแนวทางการแก้ปัญหาชุมชน เมื่อพบปัญหาแล้วจึงนำปัญหาเหล่านั้นมาจัดลำดับความสำคัญ โดยขึ้นอยู่กับขนาดและความรุนแรงของปัญหา ว่ามีผลกระทบต่อสมาชิกในชุมชนมากน้อยเพียงใด ความยากง่ายในการแก้ไขปัญหา ซึ่งขึ้นอยู่กับศักยภาพหรือความสามารถของบุคลากร หัวหน้าหน่วย และหน่วยงานในพื้นที่ ความตระหนักของชุมชน หรือความใส่ใจของคนในชุมชนที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหา ลุดท้ายคือความเสียหายในอนาคต หรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าปัญหาเหล่านั้นไม่ได้รับการแก้ไข


ในที่สุดหมันหยาก็ลอบถอนใจยาวอย่างโล่งอก เมื่อการบรรยายของเธอจบสิ้นลงในอีกเกือบสองชั่วโมงต่อมา หลังจากตอบคำซักถามของผู้เข้าร่วมประชุมหลายข้อด้วยกัน ที่หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่สุดก็คือ การที่สรคมณ์ไม่ได้ลุกขึ้นถามปัญหาอย่างที่กลัวเอาไว้ล่วงหน้า ที่กลัวก็เพราะหมันหยาเชื่อแน่ว่าคำถามของเขาจะเป็นคำถามที่กวนประสาทและทำให้เธอตบะแตก
แม้จะรู้ว่าเธออคติกับเขามากไปหน่อย แต่หมันหยาก็บอกตัวเองว่าช่วยไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเขามักจะขี้เล่นจนเกินเหตุในความเห็นของเธอ ซึ่งหลายครั้งทำให้เธอโกรธ แต่คราวนี้เมื่ออยู่ในที่ประชุมสรคมณ์กลับเปลี่ยนไป ท่าทางเขาสบายๆเหมือนเดิมก็จริง แต่แววตาที่เคยแพรวพราวขี้เล่นของเขากลายเป็นเคร่งขรึม สีหน้าที่มักจะยิ้มกริ่มก็ราบเรียบเอาการเอางานมากขึ้น ทำท่าเหมือนสนใจกับคำบรรยายและการตอบคำถามของเธอ เมื่อการประชุมจบลงเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป


คืนนั้นหมันหยาซึ่งรู้สึกอึดอัด กับคำพูดโต้ตอบของเพื่อนกับชายหนุ่มผู้นั้นเมื่อตอนบ่าย ต่อว่าถนอมนวลทันทีที่มีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังในห้องพัก

"ทำไม่นวลไปถามคุณสรคมณ์เรื่องเจ้าชู้หรือไม่เจ้าชู้นั่นล่ะ เขาจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย"
"จริงของหยา" หญิงสาวผู้นั้นทำหน้ายิ้มๆ "ไม่เกี่ยวกับเราหรอก แค่อยากรู้เท่านั้น เพราะกลัวว่าเขาจะพยายามหาทางมาเกี่ยวด้วยน่ะสิ เลยต้องทำเป็นถามเพื่อปรามๆไว้ก่อน"
"ปรามยังไงไม่เห็นเข้าใจ มีแต่จะเปิดโอกาสให้เขาแก้ตัวน่ะสิ ท่าทางชีกอ ตากริ่มระยิบระยับซะขนาดนั้น ไม่เห็นต้องไปถาม หรือนวลเชื่อว่าเขาไม่เจ้าชู้"
"เปล่า ยังไม่ถึงกับเชื่อหรอก แค่ฟังๆไว้ก่อน" ถนอมนวลยักคิ้วให้เพื่อนที่นั่งหน้างออยู่บนเตียง "แต่เราว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์นะ ถึงจะขี้เล่นไปหน่อย แต่นัยน์ตาเขาใสแจ๋ว ซื่อและจริงใจ หรือหยาไม่เห็นด้วย"
หมันหยามองหน้าอีกฝ่ายอย่างชักสงสัย "พูดแบบนี้หมายความว่าไง หรือนวลสนใจเขา"
ถนอมนวลหัวเราะคิกออกมาทันที "ไม่แน่ ต่อไปอาจจะสนใจก็ได้ เราว่าเขาเป็นคนสนุกสนาน มองโลกในแง่ดี ไม่ทำให้คนอยู่ใกล้รู้สึกเครียด"

"อ้าว นวล พูดแบบนี้ชักจะยังไงๆเสียแล้ว" หมันหยาชักตกใจ "แต่ก่อนไม่เคยเห็นนวลสนใจผู้ชายคนไหนเลยนี่ นวลเชื่อเราเถิดนะ อย่าไปชอบผู้ชายเจ้าชู้เลย ไม่มีความสุขหรอก คงต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา"

ถนอมนวลยิ้มมากขึ้น "ไอ้ที่ว่าเขาทำตากริ่มระยิบระยับน่ะ เจอกันสองครั้งยังไม่เห็นเขาทำกับเราซักที มีแต่หยาน่ะแหละ ที่เขามองแบบนั้น สงสัยว่าจะแอบชอบหยามากกว่ามั้ง"

"บ้าน่ะสิ" หมันหยาพยายามทำเสียงแข็ง ทั้งๆที่หน้าร้อนผ่าว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าสรคมณ์เจาะจงมองเธอคนเดียวเท่านั้น ด้วยสายตาแบบนั้น

"ถามจริงๆเถอะ หยา" ถนอมนวลยังไม่เลิกตอแยเพื่อน "ถ้าคุณสรคมณ์เขาสนใจหยาจริงๆ หยาจะว่าไง"

"บ้าน่า เพิ่งเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง นิสัยใจคอเป็นยังไงยังไม่รู้เลย จะมาสนใจกันได้ยังไง"

"อ้าว ทำไมจะไม่ได้ ผู้ชายผู้หญิงทุกคู่กว่าจะรู้ใจกันได้ ก็ต้องขึ้นต้นแบบนี้แหละ ต้องลองคบกันไปสักพักนึงก่อน ระหว่างนั้นก็ค่อยๆเรียนรู้กันไป เปิดโอกาสให้ตัวเองมั่งสิหยา เราว่าทุกวันนี้หยาปิดตัวเองมากไปนะ ใครมาจีบก็หนีตลอด หรือตั้งใจจะขึ้นคาน"

หมันหยาค้อนเพื่อน "ไม่ได้ตั้งใจอะไรทั้งนั้นแหละ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า"
"ก็ได้" ถนอมนวลยังยิ้มกริ่มไม่เลิก "สรุปว่าหยาไม่สนใจคุณสรคมณ์เลยใช่ไหม"
หมันหยาพยักหน้า ตอบคำเดียวว่า "ฮื่อ"
"จริงนะ ถ้าจริงเราจะได้จอง เพี้ยง..พรุ่งนี้ถ้าได้เจอกันอีกขอให้เขาหันมาทำตากริ่มกับเราทีเถอะ จะกระโดดเข้าใส่เลย"
"เอ๊ะ..วันนี้นวลเป็นอะไรไปน่ะ พูดจาน่าเกลียดพิกล"
อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจก่อนจะตัดบทว่า "นอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า"







greengrass
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2560, 14:15:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2560, 16:31:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1093





<< ตอนที่ 6 พรหมบันดาล   ตอนที่ 8 ใกล้เข้ามาอีกนิด >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account