ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 3

ตอนที่ 3


“สวัสดีค่ะคุณแม่ นิกกี้หิ้วของฝากจากคุณพ่อมาฝากค่ะ” ชนิณิภาในเดรสกระโปรงสั้นรัดรูปสีดำสนิทยกมือไหว้เมื่ออนงค์นางเดินยิ้มเข้ามาหา

“ไหว้พระเถอะจ้ะ ขอบคุณคุณพ่อด้วยนะหนูนิกกี้ จริงๆ แล้วไม่เห็นต้องลำบากเลย” อนงค์นางมองถุงของฝากมากมายบนโต๊ะที่หญิงสาวหอบหิ้วมาก็ได้แต่ยิ้มอ่อนอย่างเดาไม่ออกว่าดีใจหรือเบื่อกับการอวดร่ำอวดรวยของอีกฝ่ายกันแน่

“ไม่ได้ลำบากหรอกค่ะคุณแม่ นี่พี่วินท์ไม่อยู่บ้านหรือคะ นิกกี้โทรหาพี่วินท์แต่พี่วินท์ไม่รับสายนิกกี้ค่ะ อีตาพี่แทนก็ไม่รับสายหนูเหมือนกัน” ชนิณิภาฟ้องด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจตามนิสัยเจ้าตัว

“พี่ทำงานน่ะลูก ยังไม่กลับบ้านเวลานี้หรอก” อนงค์นางตอบคำถามอย่างใจเย็น “ช่วงนี้วินท์กลับบ้านดึกทุกวัน แม่ล่ะห่วงวินท์จริงๆ นะหนูนิกกี้” อนงค์นางถอนหายใจ ระบายความเห็นใจลูกชายให้หญิงสาวอ่อนวัยฟัง

“นิกกี้ก็เป็นห่วงพี่วินท์ค่ะ อยากช่วยพี่วินท์อยู่นะคะแต่นิกกี้ไม่อยากทำงานกับพี่วินท์ กลัวจะทะเลาะกันน่ะค่ะ” ชนิณิภาหาข้ออ้าง แท้จริงเธอไม่ชอบทำงานอะไรเลย มีพ่อรวย ใช้เงินจนตายก็ไม่หมด แถมทรัพย์สินสามีในอนาคตก็มากมาย จะดิ้นรนทำงานทำไมกัน

ใช่ว่าอนงค์นางจะอ่านความคิดสาววัยลูกไม่ออก นางตามความคิดสาวสวยวัยเบญจเพสทัน ชนิณิภาเรียนไม่จบปริญญาตรีทั้งที่ประเทศไทยและออสเตรเลีย เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ เพราะฐานะพ่อทำให้หญิงสาวอยู่ได้อย่างสบายไปทั้งชาติ

แต่นางก็มีเหตุผลที่ต้องยอมรับหญิงสาวในฐานะว่าที่ภรรยาของภาสวินท์ นั่นเป็นเพราะ เดชา บิดาของชนิณิภาเคยให้ความช่วยเหลือด้านการเงินตอนห้างวัสวาลำบาก บุญคุณที่เหมือนน้ำท่วมปากท่วมจมูกหนีไปไหนก็ไม่ได้

อนงค์นางนึกภาพการใช้ชีวิตคู่ของภาสวินท์กับชนิณิภา ก็สงสารอนาคตชีวิตคู่ลูกชายคนเล็กเสียจริง ถ้าไม่เพราะนางและภาสวินท์เกรงใจเดชามากก็คงได้ตัดขาดกันไปนานแล้ว ยกเว้นเสียว่าชนิณิภาจะหมดความคลั่งไคล้ในตัวภาสวินท์ก่อนเอง แต่ดูทรงแล้วน่าจะเป็นไปได้ยาก

“โชคดีนะคะที่อิพี่แทนเป็นผู้ชาย ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงสาว สวย นิกกี้คงไม่ยอมแน่ๆ เลยค่ะ ไม่อยากให้พี่วินท์ทำงานสนิทกับผู้หญิงคนไหนมากๆ” ชนิณิภาแสดงออกว่าหวงคู่หมั้นอย่างไม่ปิดบัง ยังไม่ทันที่อนงค์นางจะเตือนสติสาวรุ่นลูก เสียงโครมครามก็ดังลั่นมาจากด้านหลังบ้าน อนงค์นางชักสีหน้าอย่างหงุดหงิด

“อะไรคะ เกิดอะไรขึ้น” ชนิณิภาหันไปมองทางต้นเสียง และทำท่าจะลุกไปดูหากอนงค์นางก็รั้งมือเธอเอาไว้ก่อน

“หมาน่ะลูก นายวินท์เลี้ยงหมาตัวใหญ่ไว้หลังบ้าน แล้วคงซนทำของพัง วันนี้หนูนิกกี้กลับไปก่อนดีกว่านะ แล้วแม่จะบอกให้วินท์ไปรับหนูไปดินเนอร์นะคะ”

“ก็ได้ค่ะ คุณแม่ต้องระวังนะคะ ระวังจะโดนหมากัดเอา นิกกี้ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ชนิณิภายกมือไหว้อย่างงดงามก่อนจะเดินจากไป อนงค์นางหุบยิ้มแล้วเข้าไปจัดการเจ้าต้นเสียงด้วยตัวเอง




ภาสวินท์กลับถึงบ้านในตอนหัวค่ำ แม้จะได้ยินเสียงโทรทัศน์จากในห้องนั่งเล่น แม่คงนั่งดูละครอยู่ แต่ภาสวินท์กลับไม่เดินไปหามารดาก่อน เขาเลือกจะเดินเลยไปยังห้องด้านหลังพร้อมถุงข้าวของมากมายในมือ

ห้องของภาสวัสร์เปิดไฟสว่างทั้งชั้นล่างและชั้นบน คนเป็นน้องไม่ต้องกวาดสายตามองหาพี่ชาย เดาไม่ยากว่าพี่ชายจะนั่งหลบมุมอยู่ตรงไหนของห้อง

“พี่วัสร์ ผมมาเล่นด้วย” ภาสวินท์ถอดเสื้อนอกวางบนเตียง แล้วนั่งขัดสมาธิบนพื้นข้างๆ พี่ชายที่เอาแต่เล่นเกมคอมพิวเตอร์

“เกมสนุกไหม ผมยังไม่ได้ลองเลยนะ ไม่มีเวลาเล่นสักที” คนซื้อหยิบกล่องขึ้นมาพลิกดู แม้จะเสียดายแต่ก็ต้องตัดใจ เวลาทำงานช่วงชิงเวลาสังสรรค์ในชีวิตไปหมด

“นายเล่นไหม” ภาสวัสร์เลื่อนโต๊ะวางแลปท้อปให้น้อง “เล่นสิ”

“ไม่ล่ะ ผมซื้อของมาฝาก ขนม และหนังสือ” ภาสวินท์ทำให้พี่ชายได้แค่นี้ หวังว่าจะลดความเหงาของพี่ชายลงได้บ้าง

ภาสวัสร์แค่เหลือบมอง ก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมในคอมพิวเตอร์ต่อ ปล่อยให้น้องชายแตะผมหน้าที่ยาวจนปิดตา

“ไว้วันหยุดวินท์จะตัดผมให้พี่นะ ผมยาวมากแล้ว”

“กลิ่นลูกอม” ภาสวัสร์ดึงมือน้องชายไปดมใกล้ๆ สบตาเจ้าของแขนอย่างสงสัย “ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมของนาย กลิ่นผู้หญิงคนใหม่หรือ นี่ไม่ได้นอกใจคู่หมั้นใช่ไหม” ปลายเสียงเครียดขึ้นอย่างชัดเจน

“คงเป็นกลิ่นน้ำหอมของพนักงานใหม่น่ะ” ภาสวินท์ไม่ทันสังเกตว่ากลิ่นน้ำหอมของกอกานต์ติดตัวเขามาด้วย “พี่อย่าคิดมากไปสิ ผมไม่ได้นอกใจนิกกี้หรอกน่ะ ถึงจะอึดอัดแต่ก็รับปากแม่ไปแล้วว่าจะแต่งกับนิกกี้”

“อย่าทำแบบพ่อนะ” ภาสวัสร์กดดันให้อีกคนรับปาก

“ครับพี่ชาย” เมื่อรับปากไป พี่ชายก็เลิกสนใจเขา เขาอดถามคำถามเดิมๆ กับพี่ชายไม่ได้ “อยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างไหมพี่วัสร์”

“นายก็รู้ว่าทำไมแม่ถึงขังพี่ไว้ที่นี่ พี่ออกไปไม่ได้หรอก พี่จะเป็นตัวปัญหาให้นาย” น้ำเสียงของภาสวัสร์ราบเรียบไร้อารมณ์ หากภาสวินท์ก็สัมผัสความน้อยใจได้ ภาสวินท์รู้ดีว่าที่ควรเปลี่ยนให้ได้ก่อนคือความคิดของแม่ให้เลิกคิดว่าพี่ชายคือความน่าอับอายของครอบครัว แต่ก็ยังหาวิธีไม่ได้สักที เวลานี้ที่ภาสวินท์ทำได้คือดึงพี่ชายมากอดให้กำลังใจ

“รอผมนะ ผมจะช่วยพี่เอง”

“พี่ชอบกลิ่นลูกอมของนายนะวินท์ ท่าทางจะน่ารัก” คำพูดของพี่ชายทำให้คนฟังหัวเราะขำ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

“ก็น่ารักดี ผมไปก่อนนะ พี่อย่าเล่นเกมดึกล่ะ”




เลิกงานมาก็หลายชั่วโมงแล้ว ภาสวินท์ไม่ได้ไล่เธอออกอย่างที่เธอกลัว แต่กอกานต์นั่งใจลอยมองโทรทัศน์เพราะเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์ตอนบ่าย

เจ้านายไม่ได้ให้เธอเข้าไปนั่งในห้องแผนกออกแบบอีก เขาพาเธอเดินรอบห้าง แม้จะเป็นการทัวร์เพื่อให้รู้จักห้างวัสวาดีมากกว่าเดิมแต่ก็ไม่จำเป็นที่เจ้านายจะต้องทำหน้าที่พาเธอทัวร์ แถมเขายังให้เธอกลับบ้านก่อนเลิกงานอีก

“ทำไม” ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น กอกานต์สงสัยแต่ก็ไม่รู้จะถามใครได้ แทนไทไม่มีวันเล่าแน่นอนเลย

“ทำไมอะไรหนูแก้ม” แพรวพิไลได้ยินหลานสาวพูดออกมาก็ละสายตาจากละครทีวีมาถาม รวมทั้งพี่ชายวัยยี่สิบห้าปีที่นั่งคำนวณรายจ่ายของบ้านอยู่ใกล้ๆ

“ป้าแพรว พี่กล้าเชื่อเรื่องผีหรือเปล่าคะ” กอกานต์ไม่ตอบคำถามป้า แต่ถามอีกเรื่องที่คาใจเธอแทน

“หนูไปเจอผีมาหรือ หนูแก้ม” แพรวพิไลตกใจ ตั้งแต่เลี้ยงดูหลานชายหลานสาวแทนพี่สาวที่จากไปหลายปีก่อน ทั้งกอกานต์และกันต์กวีก็ไม่เคยถามเรื่องน่ากลัวเรื่องนี้กับเธอเลย

ถึงแม้แพรวพิไลจะอายุปาเข้าไปห้าสิบปี แต่แพรวพิไลก็ไม่ใช่คนงมงายเรื่องพวกนี้นัก

“ผีเหรอ” กันต์กวีไม่เหมือนป้าและน้องสาว เขาค่อนข้างไม่ชอบเรื่องผีเอาเสียเลย

“แก้มก็ไม่แน่ใจค่ะ วันนี้แก้มเห็นอะไรที่น่าจะเป็นผี น่ากลัวมากเลยนะคะ” กอกานต์เล่าให้ทั้งสองคนฟัง รวมทั้งแปลกใจว่า

“แก้มไม่เคยมีเซนส์เรื่องผีมาก่อน และไม่เคยเจอผีเลยด้วย แก้มเลยไม่เคยกลัวผี แต่พอเห็นกับตา ก็ขนลุกสติแตกไปหมด ดีนะคะที่เจ้านายไม่ไล่แก้มออกตั้งแต่วันแรก”

“ไม่ว่าจะเจอะไร หนูแก้มก็ต้องมีสติไว้นะ จะมีจริงหรือไม่จริง ก็อย่ามาทำให้งานการของหนูเสีย ป้าเชื่อว่าหนูแก้มของป้าเป็นเด็กดี ผีไม่หลอกหนูหรอก มีแต่จะคุ้มครองหนูมากกว่า” แพรวพิไลพูด ก่อนจะยิ้มเมื่อหลานสาวขยับมากอดแขนแน่น

“ถ้าเจอขึ้นมา กล้าว่าสติแตกก็ไม่แปลกหรอก” กันต์กวีเปรียบตัวเองเป็นหลัก

“พี่กล้าพูดแบบนี้ระวังสาวๆ ที่ทำงานมาได้ยินแล้วจะเสียมาดเท่ๆ นะคะ” กอกานต์รู้ดีว่าในที่ทำงานของกันต์กวีนั้น พี่ชายเธอเท่มากแค่ไหน มีสาวๆ รุมชอบกันกว่าครึ่งบริษัทเชียว

“ไม่สนหรอก พี่กลัวผีมากกว่า” กันต์กวีบอกอย่างชัดเจน

“แต่แปลกนะคะ มานึกตอนนี้ แก้มก็ไม่ได้กลัวผีแล้วนะ แก้มกลัวแววตาคุณวินท์มากกว่า ตอนเขาบอกให้แก้มปิดคอมพ์เนี่ย นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว”

“คุณวินท์ ใครน่ะ” พี่ชายถามอย่างสงสัย

“เจ้านายแก้มเขาน่ะ ดูสิมีเจ้านายน่ากลัวกว่าผีอีก แย่แล้วแก้มเอ๊ย” แพรวพิไลหัวเราะขำ ชักอยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้หลานสาวกลัวเสียแล้วสิ

“กลัวตกงานมากกว่ากลัวผีจริงๆ นะคะ ต่อไปนี้แก้มจะมีสติ ไม่ยอมให้ผีมาทำให้แก้มโดนไล่ออกค่ะป้าแพรว” กอกานต์บอกอย่างมุ่งมั่น

โดยเฉพาะเมื่อมองไปยังรายจ่ายที่กันต์กวีต้องแบกรับไว้คนเดียว เพราะป้าแพรวขาหักจนต้องดามเหล็กไว้ข้างใน อีกทั้งโรคหัวใจทำให้ทำงานหนักมากไม่ได้ กอกานต์ไม่อยากให้พี่ชายเธอเหนื่อยเพียงคนเดียว




ตอนแรกก็กังวลอยู่ว่าเขาจะต้องหาพนักงานออกแบบคนใหม่หรือเปล่า แต่พอเดินมาถึงห้องทำงาน เห็นกอกานต์นั่งประจำหน้าคอมพิวเตอร์ ภาสวินท์ก็โล่งอก เวลานี้หญิงสาวนั่งกินปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ไป ทำงานไป

“สวัสดีค่ะคุณวินท์ คุณแทน เอ่อ ปาท่องโก๋ค่ะ แก้มซื้อมาฝาก ร้านแถวบ้านแก้ม อร่อยมากเลยนะคะ” กอกานต์ทักทายเมื่อแทนไทเดินมาเปิดประตูที่เชื่อมระหว่างห้องทำงานของภาสวินท์กับแผนกออกแบบ

ส่วนภาสวินท์ยืนกอดอกมองเธอด้วยสายตานิ่งๆ เดาไม่ถูกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ขอบคุณครับ” แทนไทรับถุงปาท่องโก๋มาถือไว้ กลิ่นหอมชวนให้เขาหิวและอยากหยิบกินเสียตอนนั้น ติดที่เกรงใจเจ้านายเลยได้แต่วางไว้บนโต๊ะชงกาแฟของห้องทำงานแผนกออกแบบ

“คุณกินเถอะ ผมเรียบร้อยมาจากบ้านแล้ว” ภาสวินท์ตอบแล้วเดินไปนั่งประจำโต๊ะ ไม่ได้สนใจว่าแทนไทจะกำลังฉีกปาท่องโก๋กินหงุบหงับระหว่างชงกาแฟไปด้วย

“บ้านคุณวินท์อยู่ด้านหลังห้างนี่เองครับ เดินทางแป๊บเดียว เขายังไม่หิวหรอก” แทนไทขยิบตาให้พนักงานคนใหม่ ก่อนจะรีบไปประจำที่ ทำงานของตัวเอง

กอกานต์รีบหยิบกระดาษข้างตัว เดินตรงไปยืนหน้าโต๊ะทำงานเจ้านาย เธอส่งกระดาษที่พิมพ์ออกมาจากคอมพิวเตอร์ให้เขาดู

“แก้มออกแบบโปสเตอร์ การ์ด และหัวจดหมายที่คุณวินท์สั่งเมื่อวานเสร็จแล้วค่ะ” กอกานต์บอกยิ้มๆ

ขณะที่ภาสวินท์แปลกใจ ก่อนจะนึกออกว่าได้สั่งงานชิ้นหนึ่งกับเธอตั้งแต่เมื่อวาน แต่พอเจอเหตุการณ์ที่ทำให้หญิงสาวสติแตก ภาสวินท์ก็อนุโลมให้ส่งวันนี้แทน

แต่เขาเหลือบมองนาฬิกา นี่เพิ่งเก้าโมงครึ่งเองนะ

“คุณมาทำพวกนี้ตอนเช้าหรือ มากี่โมง”

“แก้มมาตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงค่ะ แก้มลองออกแบบมาให้คุณวินท์เลือกสามแบบ สไตล์ก็ต่างกันเลย”

เธอเริ่มอธิบายความคิดในงานออกแบบทั้งสามแบบให้เจ้านายฟัง แม้เธอจะไม่เคยทำงานมาก่อน แต่มีความชำนาญเรื่องการพรีเซ้นต์งานมาตั้งแต่ตอนเรียน
ๆ ภาสวินท์ยอมรับว่าคาดไม่ถึง ถึงแม้งานออกแบบจะยังไม่ตรงใจเขาเสียทีเดียวแต่ก็พอพัฒนาต่อได้ เขาจึงแนะนำให้หญิงสาวไปปรับตามคำแนะนำแล้วมาให้เขาดูอีกที

“ขยันจัง ไม่กลัวผีด้วยนะครับ” แทนไทออกความเห็นหลังจากกอกานต์กลับไปนั่งประจำที่แล้ว

“แทน ผมบอกแล้วไงว่าไม่ให้พูด” ภาสวินท์เอ็ดคนข้างๆ แม้จะสงสัยเหมือนกันก็ตาม กอกานต์วันนี้ใช่คนเดียวกับที่หน้าซีดสติแตกเมื่อวานจริงใช่ไหม

ภาสวินท์นึกถึงเรื่องเมื่อวาน ก็พลอยคิดอีกเรื่องขึ้นมา เขาเห็นแทนไทเดินออกไปจัดการเอกสารที่ข้างนอกห้องก็ลุกจากโต๊ะ เดินไปยืนด้านหลังพนักงานใหม่ก่อนจะพยายามทำจมูกฟุดฟิด

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานใหม่หันมองเขาอย่างสงสัย ภาสวินท์ถึงรู้สึกตัวว่าทำอะไรแปลกๆ ออกไป

“งานน่ะ ผมอยากมาดูงาน นี่ถ้าคุณเหงาจะเปิดเพลงฟังก็ได้นะ แต่อย่าใช้หูฟัง เพราะเวลาผมเรียกเดี๋ยวคุณจะไม่ได้ยิน” ทำเป็นขึงขัง ความจริงเขาแค่อยากจะยืนยันว่าพนักงานคนใหม่ใช้น้ำหอมกลิ่นลูกอมที่มีลักษณะหอมหวานจริงหรือเปล่า

แม้จะยืนยันเรื่องน้ำหอมได้แล้ว หากภาสวินท์นึกไม่ออกว่าเมื่อวานเขาใกล้กับกอกานต์มากขนาดกลิ่นน้ำหอมติดตัวไปให้พี่ชายซักถามได้เลยหรือ




ตอนบ่าย ภาสวินท์กับแทนไทออกไปทำงานที่อื่น จึงเหลือเพียงกอกานต์คนเดียว เธอพยายามแก้งานตามคำแนะนำของเจ้านาย แต่ก็คิดไม่ออกเสียทีจึงออกไปเดินเล่น

ระหว่างทางเธอก็เจอคุณลุงคนนั้นอีกแล้ว!

กอกานต์มองจากชั้นบนลงไปเจอคุณลุงวัยกลางคนยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวสีกรมท่าเข้มๆ ท่านยืนอยู่แถวพุ่มไม้ในสวนหย่อมเล็กๆ เต็มไปด้วยดอกไม้สีสวย โดยรอบไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเลยสักคน

“คนหรือผี” กอกานต์สงสัยจึงรีบลงไปพิสูจน์ แต่แล้วก็โล่งใจ คุณลุงยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้หายตัวไปไหนเหมือนวันก่อน

“คุณลุงคะ เจอกันอีกแล้วนะคะ” เธอร้องทักขณะเดินเข้าไปหาท่าน เมื่อมองเท้า เท้าคุณลุงก็ติดพื้นเหมือนคนปกติ

“หนูนั่นเอง วันนี้เห็นใครผ่านไปแบบเมื่อวานอีกหรือเปล่า” คนวัยกลางคนถามอย่างใจดี

“ไม่เห็นค่ะ เมื่อวานหนูกลัวมาก แล้วคุณลุงเองก็หายไปไวมากเลย” กอกานต์เล่า ก่อนจะเห็นคุณลุงยิ้มกว้างกว่าเดิม

“เห็นแก่ๆ แบบนี้แต่ลุงยังแข็งแรงนะ เดินไวมากเลย”

“อ่อ เดินไวนี่เอง” เธอถอนหายใจโล่งอก “เอ่อ หนูชื่อแก้มนะคะ เป็นพนักงานใหม่ที่นี่ ต้องขอโทษนะคะที่เสียมารยาทกับคุณลุง” เธอรู้สึกผิดที่คิดว่าคุณลุงเป็นผี

“ไม่เป็นไรหรอก … ลุงอาจจะแข็งแรงนะ แต่ว่ามีคนรู้จักลุงเขาอ่อนแอมาก น่าสงสาร” ลุงแหงนหน้ามองขึ้นไปบนอาคารสูงด้วยแววตาอาลัยโหยหาและห่วงใยอะไรบางอย่างด้านบน
กอกานต์มองตามอย่างไม่เข้าใจ กระทั่งคุณลุงพูดต่อ เธอก็ลดสายตากลับมามองท่านอีกครั้ง

“หนูเป็นเด็กดี ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรทำร้ายหนูได้หรอก ทำงานที่นี่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ลุงไปก่อนนะ”

“ขอบคุณนะคะคุณลุง” กอกานต์มองคุณลุงค่อยๆ เดินห่างออกไป … ท่านเดินไปจริงๆ ไม่ได้หายตัวแว้บๆ อย่างที่เธอคิดไปเอง “อย่างน้อยลุงก็ไม่ใช่ผี” หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะกลับไปในอาคารเพื่อทำงานต่อให้เสร็จ

ทว่าพอเดินมาถึงหน้าห้องแผนกออกแบบ กอกานต์ก็เจอเรื่องน่าตกใจอีกเรื่อง เวลานี้มีผู้ชายคนหนึ่งสวมเชิ้ตสีดำนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ประจำตำแหน่งของเธอ

คราวนี้คนหรือผีอีกล่ะเนี่ย!

กอกานต์หายใจฮึ้บแล้วแตะบัตร ผลักประตูเข้าไปประจัญหน้าชายคนนั้น

เป็นผีหรือคนก็ให้รู้กันไปเลย!

“คุณเป็นใครคะ”

กอกานต์ถาม ได้เห็นเงาสะท้อนของชายหนุ่มจากกระจกใสรอบห้องก็โล่งใจว่าไม่น่าใช่ผี คนถูกถามค่อยๆ หันหน้ามา ใบหน้าของเขาขาวราวกระดาษ ซึ่งน่าจะขาวกว่าเจ้านายของเธออีก ผมสั้นระต้นคอสีดำสนิทเหมือนขนอีกา ร่างกายผอมสูง ไหล่กว้าง นั่งไขว่ห้างท่าทางกวนยียวนน่าหมั่นไส้แปลกๆ

ยิ่งรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ ดวงตาสีดำขลับเหมือนใครบางคนประกายแววสนุกกับอาการตกใจของเธอ กอกานต์ชักไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนี้ขึ้นมานิดๆ

“ผมหรือ” เขายิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อแนะนำชื่อตัวเอง “ผมชื่อภาสวัสร์ เป็นพี่ชายของนายวินท์”

“พี่ชายของคุณวินท์หรือคะ” กอกานต์ทวนคำ แน่นอนกอกานต์ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน นี่เธอเสียมารยาทกับพี่ชายเจ้านายไปแล้วหรือเนี่ย โอยๆ ตายแล้วยัยแก้ม!!

“ไม่ต้องตกใจกลัวผมขนาดนั้นหรอก ผมไม่มีอำนาจอะไรที่นี่ เป็นคนที่ไม่มีตัวตนมานานแล้ว” ภาสวัสร์เอ่ยน้ำเสียงสบายๆ ขณะหมุนเก้าอี้กลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์

“ไม่มีตัวตน อย่าบอกนะว่าคุณเป็นผี” กอกานต์มองอย่างระแวง เธอไม่ทันตั้งตัว คนที่โดนคิดว่าเป็นผีก็ลุกจากเก้าอี้ ดึงมือของกอกานต์ขึ้นมาจุมพิตเบาๆ อย่างรวดเร็ว กอกานต์ตกใจมองตาค้าง

รสสัมผัสจากริมฝีปาก รวมถึงลมอุ่นๆ ที่กระทบผิวมือของเธอยืนยันเขาเป็นคน แต่เขาก็ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเจอผีอีก!

“ไง ผมไม่ใช่ผีใช่ไหม” ภาสวัสร์ยิ้ม ไม่สนว่าหญิงสาวจะตกใจโกรธจนหน้าแดง เขากลับสนใจงานบนจอคอมพิวเตอร์มากกว่า “นี่น่ะหรืองานออกแบบของคุณ”

“แล้วมันยังไงคะ” หลังจากเรียกสติตัวเองได้กอกานต์ก็เอ่นถามเสียงเข้ม ในเมื่อเขาบอกเองว่าไม่มีอำนาจอะไรที่ห้างวัสวา ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้น้ำเสียงดูหมิ่นงานที่เธอออกแบบเช่นนี้

“ต่อให้แก้เป็นร้อยรอบก็ไม่ถูกใจนายวินท์หรอก” ภาสวัสร์พูดอย่างไม่สนใจดวงตาลุกเรืองของคนตัวเล็ก ถ้าเป็นไฟ ก็คงเผาเขาได้แล้ว “ผมแนะนำให้เอาไหม รับรอบว่าถูกใจน้องชายผมแน่”

“ทำไมแก้มต้องเชื่อคุณคะ”

ถ้าจะมีอะไรในห้างวัสวาที่กอกานต์ไม่ชอบที่สุด นั่นคงไม่ใช่สายตาแปลกๆ ของพนักงานต่างแผนก หรือผีตัวไหน แต่จะเป็นผู้ชายตรงหน้านี่แหละ

กอกานต์รู้ว่าควรตั้งสติ ไม่มีปัญหากับพี่ชายเจ้านาย แต่ท่าทางคนคนนี้ก็ไม่น่ารักเลยจริงๆ

“เพราะผมเป็นพี่ชายนายวินท์ไง ผมรู้ว่าน้องชายผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ให้ผมแนะนำคุณเถอะ ผมชอบคุณมากกว่ายัยหนูผีนั่น”

“ไม่เป็นไรค่ะ แก้มจะลองหาทางแก้ด้วยตัวแก้มเองค่ะ ไม่ต้องการทางลัดจากใคร” เธอปฏิเสธน้ำใจชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่อยากจะเป็นมิตรด้วย

ภาสวัสร์ไหวไหล่ เขาหันไปขีดๆ เขียนๆ บนกระดาษที่กอกานต์พิมพ์ออกมา เธอปรี่จะเข้าไปต่อว่าว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาวาดอะไรเล่นบนงานของเธอ หากยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกภาสวัสร์ดึงข้อมือแล้วลากไปที่ประตูใหญ่ด้านนอกห้อง ซึ่งเวลานี้โซ่ที่ควรคล้องอยู่กลับนอนนิ่งอยู่บนพื้น ภาสวัสร์เปิดประตูบานนั้นก่อนจะสั่งหญิงสาว

“นี่ยัยลูกอม ถ้าไม่อยากตกงาน อย่าพูดว่าเจอผม ผมกับน้องชายเราไม่ถูกกันเท่าไหร่หรอกนะ … ถ้าคุณพูด คุณจะตกงานทันที … อีกอย่าง คล้องโซ่ให้ผมด้วย”

“ว่าไงนะคะ และฉันไม่ได้ชื่อลูกอมนะ” กอกานต์ถามซ้ำ ขณะที่ภาสวัสร์หยิบโซ่ยัดใส่มือเธอ

“คล้องโซ่ซะก่อนใครจะมาเห็นเข้า แล้วผมจะมาเล่นกับคุณใหม่ บาย สวีทตี้!”

เขาขยิบตาให้ก่อนจะปิดประตูไปเฉย กอกานต์มองโซ่เส้นใหญ่ในมือ ไม่นานก็เธอเริ่มเข้าใจได้ว่าจะเจอปัญหาแบบไหน ถ้าเธอยังยืนถือโซ่ไว้ในมือแบบนี้

“โอ๊ย!! นี่มันอะไรกันเนี่ย” กอกานต์รีบทำการคล้องโซ่รอบมือจับประตู อดฮึ่มฮั่มโมโหใส่คนที่เพิ่งจากไปไม่ได้จริงๆ


จบตอน


โอ๊ะ มีเซอไพรส์ เรื่องของพี่วัสร์อีกแล้ว
บอกเลยว่าชีวิตการทำงานของแก้มจะป่วนกว่าเดิมร้อยเท่า 5555


คุณ kaelek - คราวนี้พี่มาป่วนค่ะ ทั้งพ่อ ทั้งพี่ และน้อง 5555

คุณ แว่นใส - อาการป่วยของพี่วัสร์ อาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณแม่และน้องชายคิด อิอิ


พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2560, 13:58:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2560, 14:17:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 990





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
แว่นใส 15 ก.ค. 2560, 18:07:10 น.
พี่วัสร์เป็นพระเอกหรือตัวป่วนกันแน่


kaelek 15 ก.ค. 2560, 20:19:39 น.
โอ้วววว อยู่ยากจริงๆ หนูแก้ม (ชอบนะชื่อลูกอม) ..ความลับเยอะมากพี่วัสร์เนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account