ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 4

ตอนที่ 4



สองวันแล้วที่กอกานต์ขายงานเจ้านายไม่ผ่าน เช้าวันนี้ทันทีเมื่อภาสวินท์มาถึงห้องทำงาน กอกานต์รีบเอางานออกแบบโปสเตอร์ที่ปรับแก้ไปส่งให้เจ้านายดู แต่จากสายตาที่เจ้านายมองงานออกแบบในกระดาษก็บอกแทนคำพูดได้เลยว่าเขายังไม่ชอบงานชิ้นนี้ กอกานต์เริ่มเสียความมั่นใจ ยิ่งฟังความเห็นจากภาสวินท์เพื่อแก้ไขงานออกแบบหลายจุด กอกานต์ก็อดคิดไม่ได้ว่าว่าความสามารถของเธอพอสำหรับการทำงานที่วัสวากรุ๊ปหรือเปล่า

กอกานต์หลบลงมานั่งกินอาหารปิ่นโตที่หิ้วมาจากบ้านที่เก้าอี้ม้าหินภายในสวนหย่อมด้านหลังอาคารสูงเพียงลำพัง แม้จะพยายามเข้าหาเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นแต่ก็ยาก เพราะพวกนั้นไม่ค่อยอยากคุยกับเธอเท่าไหร่ พอเที่ยงนี้ภาสวินท์กับแทนไทออกไปกินข้าวกับลูกค้า เธอก็เลยต้องมานั่งกินข้าวคนเดียว กอกานต์แปลกใจว่าสวนสวยขนาดนี้กลับไม่มีคนมาเดินเล่นหรือนั่งชมบรรยากาศบ้างเลย

“เป็นอะไรไปหรือหนูแก้ม ทำไมมานั่งเหงาๆ คนเดียว ไม่ออกไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนคนอื่นๆ หรือ”

“คุณลุง” กอกานต์เงยหน้ามองคนถาม ลุงคนเดิมที่เธอเคยคิดว่าเป็นผียืนส่งยิ้ม มองเธอด้วยแววตาเป็นห่วง

“เรียกลุงว่าลุงศรก็ได้” คนสูงวัยแนะนำตัว “ลุงเป็นคนดูแลที่นี่ ดูแลหลายๆ อย่างน่ะ” ก่อนจะนั่งลงบนม้านั่งหินอีกตัวข้างๆ แววตาคนสูงวัยอาทรต่อสาววัยลูกอย่างเห็นได้ชัด

“หนูทำงานไม่ถูกใจเจ้านายน่ะค่ะ ก็เลยเครียดๆ คุณวินท์อุตส่าห์ให้โอกาสแต่หนูก็ทำงานได้ไม่ดีพอ” กอกานต์ระบายลมหายใจออกมา หวังความเครียดจะระบายได้บ้าง หัวสมองจะได้แล่นๆ และออกแบบงานได้ถูกใจเจ้านาย

“อย่าเครียดไปสิ หนูเพิ่งทำงานที่นี่ครั้งแรก ลองผิดลองถูกไปก่อน เจ้าวินท์ เอ่อ คุณวินท์เขาคงเข้าใจ” ภากรอยากให้กำลังใจ หลังจากเที่ยวล่องลอยเป็นวิญญาณเฝ้าวัสวากรุ๊ปมาสิบห้าปี กว่าจะเจอคนที่ถูกใจก็ใช่จะหาได้ง่ายๆ ภากรไม่รู้หรอกว่ากอกานต์จะคือกุญแจถูกดอก สามารถเปิดประตูบานใหม่ให้ลูกชาย และทำให้สถานการณ์ในบ้านวัสวาธีรนนท์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้หรือไม่ หากภากรก็ขอมีความเชื่อมั่นในตัวหญิงสาวไว้ก่อน

“คุณลุงศรรู้ว่าหนูเป็นพนักงานใหม่หรือคะ” กอกานต์แปลกใจ ก่อนจะเห็นคนถูกถามหัวเราะเบาๆ

“ลุงคิดว่าหนูเห็นลุงตั้งแต่วันแรกที่หนูมาที่นี่นะ” พร้อมหันไปมองห้องด้านบน ที่กอกานต์เดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นห้องที่ภาสวินท์สัมภาษณ์เธอ

“ใช่ค่ะ หนูลืมไปเอง” คนขี้ลืมยิ้มตอบเขินๆ

“อย่าท้อนะหนู คุณวินท์เขามองคนออก เลือกคนเป็น เขาต้องเห็นอะไรบางอย่างในตัวหนูแก้มแน่ๆ ลุงไปก่อนนะ หนูกินเสร็จแล้วก็รีบกลับไปทำงานนะ สู้ๆ เขานะหนู” ภากรลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินกลับไปอีกทาง กอกานต์มัวแต่ติดอยู่ในความคิดตัวเองจนไม่สังเกตว่าภากรค่อยๆ หายไปในกำแพงต้นไม้

นั่งอยู่พักใหญ่ แสงแดดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกอกานต์ต้องลุกและเดินออกจากสวนมายังทางเดินข้างตึก จิตใจเริ่มสงบมากขึ้นจนกระทั่งถูกทำลายเมื่อมีใครอีกคนเดินมาขวางทาง

กอกานต์หันมองตาโต แล้วยิ่งถลึงตากว้างกว่าเดิม เมื่อเห็นเต็มสองตาว่าคนเสียมารยาทนั้นคือใคร

“คุณอีกแล้วหรือ คุณภาสวัสร์” วันนี้ชายหนุ่มเจ้าของผิวขาวสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มกับกางเกงยีนส์สีดำ ผมของภาสวัสร์ยาวจนเกือบจะถึงไหล่ ผมหน้าถูกเสยขึ้นอย่างลวกๆ เขาคงเป็นหนุ่มเซอร์แตกต่างกับน้องชายอย่างสิ้นเชิง สี่วันที่กอกานต์เห็น ภาสวินท์มาทำงานแบบเนี้ยบทุกวัน

“ไปไหนมา” ภาสวัสร์ขมวดคิ้วมองหญิงสาวอย่างสงสัย

“ฉันต้องตอบคุณด้วยหรือคะ” กอกานต์รู้ว่าเธอควรกลัวเกรงพี่ชายเจ้านายบ้าง แต่เธอก็ทนไม่ไหวกับสายตากวนอารมณ์ของภาสวัสร์จริงๆ คนยิ่งเครียดๆ อยู่ยังจะมาก่อกวนกันอีก

“ตอบ เพราะผมคือเจ้าของที่นี่” ภาสวัสร์ยืดใส่

“โอเคค่ะ ฉันไปนั่งกินข้าวมาในสวน” กอกานต์เบื่อจะเถียงด้วย เธอโชว์กระเป๋ากล่องข้าวในมือให้เขาดู

“สวน?” ภาสวัสร์ทำหน้างง แต่กอกานต์อาศัยจังหวะเขายืนนิ่งเดินเลี่ยงเขาไปอีกทาง เขารีบตามไปยืนขวางหญิงสาวเอาไว้อีกครั้ง

“ได้ทำตามที่ผมแนะนำหรือยัง” ภาสวัสร์ถามเมื่อกอกานต์สบตาเขาอย่างเซ็งๆ

“เปล่าค่ะ” กอกานต์ลืมเรื่องภาสวัสร์ไปสนิท ไอ้กระดาษแผ่นนั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

“อ้าว ทำไมล่ะ นี่ผมช่วยก็เพราะว่าอยากให้งานน้องชายผมน้อยลงนะ ไม่ใช่เพราะอยากเอาใจคุณนะ ยัยลูกอม” ภาสวัสร์โวยวายลั่น โชคดีที่แถวนี้ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ

“แล้วคุณมาโวยวายใส่ฉันทำไมเนี่ย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิดว่าคุณอยากเอาใจฉันสักหน่อย” กอกานต์เถียงกลับ

“คุณรู้ไหมว่าน้องชายผมนอนแค่วันละสี่ชั่วโมงต่อวัน เขาทำงานตลอดเวลา” ภาสวัสร์ขมวดคิ้ว เพราะหญิงสาวไม่ยอมทำตามที่เขาบอก เธอจะดื้อเอาชนะเขาหรือยังไงกันนะเนี่ย

“ถ้าเขาทำงานเยอะขนาดนั้น ทำไมคุณถึงไม่มาทำงานช่วยน้องชายคุณล่ะคะ” เมื่อกอกานต์ถาม คนที่โวยวายถึงกับหน้าจ๋อยแล้วหันหลังใส่คนถาม

ส่วนหญิงสาวนิ่งงันไปทันที สงสัยนี่เธอพูดอะไรผิดหรือเปล่านะ

“ผมทำไม่ได้ อย่างที่เคยบอกผมไม่เคยมีตัวตนอยู่ในวัสวากรุ๊ป” น้ำเสียงที่เขาเอ่ยช่างแผ่วและสั่น “ถ้าทำได้ ผมคงช่วยน้องชายได้บ้าง”

กอกานต์ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมภาสวัสร์ถึงทำหน้าเศร้า สงสัยว่าเบื้องหลังมีเรื่องอะไรระหว่างภาสวัสร์กับภาสวินท์กันแน่
“ผมหวังว่าคุณจะเชื่อผม ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ช่วยคุณอีก ฮึ่ม!” ภาสวัสร์ขู่ ก่อนจะแยกเขี้ยวแล้วเดินตึงตังด้วยอารมณ์กลับไปทางที่เขาโผล่มา

“อะไรของเขากันเนี่ย!” กอกานต์ถอนหายใจ เธอคิดว่าท่าทางของภาสวัสร์นั้นแปลก เหมือนคนอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย เดี๋ยวก็กวนประสาท เดี๋ยวยอมอ่อนให้เธอ เผลอแป๊บๆ ก็ทำหน้าเศร้าชวนน่าเห็นใจ แล้วเหตุผลอะไรที่ภาสวัสร์ไม่สามารถมาช่วยงานน้องชายเขาได้นะ

“คุณแก้มล่ะ”

เมื่อกลับจากรับประทานอาหารเที่ยงกับลูกค้า ถึงห้องทำงานแล้ว ภาสวินท์ถามแทนไท เวลานี้ไม่เห็นกอกานต์ที่โต๊ะทำงาน แต่ดูจากข้าวของบนโต๊ะบอกว่าเธอยังใม่กลับบ้านแน่ๆ

“แอบไปร้องไห้หรือเปล่าน้า” แทนไทเอ่ยอย่างสงสัย และมองคนถามด้วยแววตาเหมือนจะโทษว่าถ้าเสียพนักงานใหม่ไปอีก ก็เพราะนิสัยติไม่เลิกของเจ้านายนั่นแหละ

“ร้องไห้ทำไม” ภาสวินท์ขมวดคิ้วถาม

“คุณวินท์ไม่รู้ตัวหรอกว่าเวลาคุณคอมเมนท์งานน่ะทำให้คนฟังหมดความมั่นใจมากแค่ไหน” แทนไทกล้าบอกตรงๆ เพราะเขาก็โดนทำร้ายจิตใจบ่อยๆ ภาสวินท์เป็นคนเนี้ยบ ทำอะไรเป๊ะๆ ทุกอย่าง

“แทนไม่ได้ยินที่ผมคอมเมนท์งานคุณแก้ม แทนรู้ได้ยังไงว่าผมดุใส่เธอ” ภาสวินท์อาจจะหลุดเสียงเข้มใส่ใครคนอื่น แต่ก็มั่นใจว่าไม่ได้เสียงเขียวใส่กอกานต์แน่ๆ

“เถียงอะไรกันอยู่หรือคะ” กอกานต์เห็นสองหนุ่มยืนคุยกันหน้าเครียด ได้ยินแค่ประโยคสุดท้าย

“เปล่าหรอกครับ ผมขอเอาเอกสารไปให้คุณอนงค์นางก่อนนะครับ ท่านตามผมละ” แทนไทพูดจบก็หยิบแฟ้มงานแล้วเดินออกจากห้องไป ภาสวินท์มองคนตาแป๋วเพื่อหาร่องรอยน้ำตา แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่บ่งบอกว่าเธอไปแอบร้องไห้มา

“ไปกินข้าวที่ไหนมา กินคนเดียวหรือ” ภาสวินท์ถามเพราะสามวันแรก เขากับแทนไทเป็นคนพาเธอไปกินข้าวด้วย

“แก้มเอาข้าวมาค่ะ ป้าของแก้มทำปิ่นโตมาให้เลยไปนั่งกินที่สวนด้านหลัง”

“สวนด้านหลัง” ภาสวินท์ทวนคำอย่างแปลกใจ แต่กระดาษแผ่นหนึ่งใต้โต๊ะก็ดึงความสนใจของเขาแทนเรื่องสวน ภาสวินท์หยิบกระดาษขึ้นมาดูแล้วอมยิ้ม “ผมชอบนะ ไอเดียนี้” ก่อนจะส่งให้กอกานต์ดู

“อันนี้มัน” กอกานต์เห็นก็จำได้ทันทีว่าเป็นความคิดของภาสวัสร์ ที่วาดเพิ่มจากการความคิดของเธอ แต่ว่าถูกขู่เอาไว้ ถ้าเธอพูดเรื่องภาสวัสร์ เธออาจจะโดนไล่ออก

“เอาตามนี้แหละ ทำเป็นรูปเป็นร่างให้ผมดูนะ เราจะได้จบงานนี้สักที เพราะเวลาจัดงานก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย” ภาสวินท์พูดจบก็เดินสบายใจเข้าไปนั่งประจำโต๊ะทำงาน ส่วนกอกานต์ได้แต่ยืนงงว่าเธอควรจะรู้สึกอย่างไรดี ต้องขอบคุณภาสวัสร์หรือสบายใจที่เห็นรอยยิ้มของภาสวินท์แล้วกันแน่




ผ่านไปจนเกือบสี่โมงเย็น แทนไทเอ่ยกับภาสวินท์ด้วยสีหน้าเครียดๆ เมื่อต้องรายงานคำสั่งจากประธานแห่งวัสวากรุ๊ป

“คุณอนงค์นางโทรมาสั่งผมว่าคืนนี้คุณวินท์ต้องไปงานเลี้ยงกับคุณนิกกี้นะครับ จะให้ผมกลับไปเอาชุดมาให้ที่นี่เลยนะครับ”

ภาสวินท์ถอนหายใจ ทำหน้าเซ็งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงบอกแทนไทไปว่า

“ผมจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านเอง”

แทนไทมองเจ้านายด้วยแววตาเห็นใจ เพราะอนงค์นางเอาแต่พูดฝังหัวลูกชายว่าต้องแต่งงานกับชนิณิภาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พ่อของชนิณิภาเคยช่วยครอบครัวเอาไว้ ภาสวินท์เองก็ไม่อยากทำให้แม่ที่เขาเหลือเพียงคนเดียวเสียใจ จึงทำตามอย่างจำยอม

“เซ็งแทนคุณวินท์” แทนไทเดินมาบ่นให้กอกานต์ฟัง “โดนจับคู่ไม่พอ ยังเจอคู่หมั้นนิสัยแย่อีก ผมล่ะสงสารคุณวินท์จริงๆ นะ” ขนาดเขาเป็นคนนอกยังรู้สึกเลยว่าชนิณิภาคือตัวทำลายความสุขของภาสวินท์

กอกานต์ได้แต่รับฟังเงียบๆ เพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องเจ้านายเลยสักเรื่อง




“ไม่ ม่ายยย ไม่เอา ไม่เอา!!” เสียงโวยวายของภาสวัสร์ดังมาถึงหน้าบ้าน ทำให้คนที่เพิ่งลงจากรถยนต์รีบวิ่งเข้าไปดู แม้ป้านุ่ม แม่บ้านเก่าแก่จะเดินมาขวางทางก็หยุดความเป็นห่วงที่มีต่อพี่ชายไม่ได้

“ไม่มีอะไรค่ะคุณวินท์ อย่าเพิ่งเข้าไปเลยนะคะ” ป้านุ่มรั้งแขนภาสวินท์ได้ทันอีกครั้งตอนที่หยุดเพราะสนใจกับผู้ชายใส่เชิ้ต ที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูห้องนอนของภาสวัสร์พร้อมกระเป๋าใบใหญ่คล้ายเป็นคุณหมอ

“คุณหมอเพิ่งฉีดยาให้คุณวัสร์ค่ะ”

เวลานี้อนงค์นางไปทำงาน ไม่มีใครห้ามภาสวินท์ได้แน่นอน

“ปล่อยผมนะป้านุ่ม ผมจะไปดูพี่วัสร์” แรงของภาสวินท์มีมากกว่าจึงหลุดจากมือป้าแม่บ้านวัยกลางคนไปได้ง่ายๆ

และเพียงผลักประตูเข้าไป ภาสวินท์ก็นิ่งไปกับภาพสะเทือนใจ พี่ชายของเขานอนนิ่งตาลอยหมดแรง ข้อมือและข้อเท้าถูกมัดกับเสาสี่มุมของเตียง กำลังมองมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา โดยมีสิริมาคอยเช็ดหน้าให้ภาสวัสร์อยู่

“คุณวัสร์อาการกำเริบค่ะคุณวินท์ ป้าเลยเรียกคุณหมอมาช่วยดูให้” ป้านุ่มเป็นคนเล่าให้คุณหนูคนเล็กของบ้านฟัง

“วินท์” ภาสวัสร์เรียกด้วยเสียงแผ่ว คนถูกเรียกจึงรีบเข้าไปแก้เชือกให้พี่ชาย เขาปวดใจที่ทุกคนทำกับภาสวัสร์แบบนี้แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย

“ครับพี่วัสร์ วินท์อยู่นี่นะ”

“วินท์ ช่วยพี่ด้วย” ภาสวัสร์จับมือน้องชาย มีความกลัวในแววตาของแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยาเริ่มออกฤทธิ์จนหลับไปในที่สุด

“ต้องทำขนาดนี้เลยหรือครับป้านุ่ม” ภาสวินท์เพิ่งเคยเห็นภาพนี้เป็นครั้งแรก จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว “พี่ผมเป็นคนนะ!”

“คุณนางสั่งไว้ค่ะ แล้วแรงของคุณวัสร์ก็เยอะ ถ้าไม่มัดเอาไว้ คุณวัสร์จะไม่ยอมให้คุณหมอรักษานะคะ” ป้านุ่มตอบคำถามอย่างปกติ ไม่ได้กังวลว่าจะถูกภาสวินท์ตำหนิหรืออย่างไร ทุกคนในบ้านล้วนฟังคำสั่งอนงค์นางเท่านั้น

“บ้าชะมัด บ้าที่สุด” ภาสวินท์ได้แต่แค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้เลย

ภาสวินท์เดินออกจากห้องนอนพี่ชายด้วยสภาพจิตใจย่ำแย่ เขากดตัดสายชนิณิภาเพราะไม่อยากทนตามใจคู่หมั้นจอมเอาแต่ใจ ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของสิริมาที่ด้านหลัง

“คุณวินท์คะ”

“คุณส้ม มีอะไรหรือครับ หรือพี่มีอะไรหรือเปล่า” ภาสวินท์ถามอย่างกังวล

“ช่วยคุณวัสร์ด้วยนะคะ ส้มสงสารคุณวัสร์ จริงๆ แล้ว …” สิริมาพูดไม่ทันจบ ก็เบิกตากว้างแล้วขอตัวไปอย่างรีบร้อน ภาสวินท์มุ่นคิ้วไม่เข้าใจกระทั่งหันไปเห็นมารดาเดินยิ้มตรงมาหา

จบตอน


มาส่งนิยายค่า ตอนแรกก็คิดว่าจะหวานแหวว เจอส่วนพี่วัสร์เข้าไป ก็สะเทือนใจดราม่าไปเลย

อดทนกับพี่วัสร์หน่อยนะแก้มมม สงสารเขาาา


คุณ แว่นใส - แก้มจะเลือกระหว่างเจ้านายใจดี หรือ พี่ชายตัวป่วนน้า

คุณ kaelek - ความลับเยอะจริงๆ ด้วยค่ะ ทำไมต้องทำกับพี่วัสร์ขนาดนี้ๆๆๆ


พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ





ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ค. 2560, 16:30:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ค. 2560, 16:30:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 892





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
แว่นใส 16 ก.ค. 2560, 21:11:28 น.
จริง ๆ ไม่ได้ป่วยใช่ไหม


kaelek 17 ก.ค. 2560, 07:16:25 น.
โอ้!! คนเก็บความลับสุดยอดอีกคนก็คุณส้มนี่ล่ะ..คุณแม่ทำแบบนี้ทำไมอ่า สงสารพี่วัสร์ เห็นใจพี่วินท์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account