ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 6

ตอนที่ 6



“ตรงนี้มีสวนจริงๆ นะคะ แก้มมาสองครั้งแล้ว” กอกานต์หน้าเหวอ ยืนยันเสียงหนักแน่นกับชายหนุ่ม แต่ตอนนี้สวนสวยๆ หายไปแล้ว เธอไม่คิดว่าที่ผ่านมาฝันไปเองหรอกนะ “แก้มยังคุยกับลุงศรอยู่เลย”

“ลุงศรงั้นหรือ” ดวงตาของภาสวินท์ค่อยๆ กว้างขึ้น เขามองไปซ้ายทีขวาทีแล้วอมยิ้มกับตัวเอง “นี่คุณแก้ม เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านละกัน”

“แต่ว่าสวน” กอกานต์จะเดินตามหาสวนสวยๆ หากถูกภาสวินท์ดึงแขนเธอเอาไว้

“ไว้คุณค่อยตามหาพรุ่งนี้เถอะนะ ดึกแล้วผมจะไปส่ง” ภาสวินท์บอกแล้วปล่อยมือจากแขนหญิงสาว เดินเลียบไปกับกำแพงต้นไม้ไปยังรถยนต์อีกคันที่เขาจอดไว้ที่อาคารจอดรถ ก่อนจะหันไปเห็นคนตัวเล็กพยายามมองรอดรูระหว่างกำแพงต้นไม้อยู่

“ทำอะไรน่ะคุณแก้ม”

“ได้ยินคุณแทนบอกว่าอีกฝั่งคือบ้านของคุณวินท์ แก้มเลยอยากเห็นน่ะค่ะ” กอกานต์ตอบตรงๆ ก็ทำหน้าตกใจ เพิ่งนึกได้ว่าอาจจะเสียมารยาทกับเจ้านาย

“แล้วเห็นหรือเปล่า” ภาสวินท์ไม่ได้ตำหนิเธอ กลับหัวเราะขำความอยากรู้อยากเห็นของพนักงานใหม่ ภาสวินท์สงสัยว่าตัวเองกลายเป็นคนใจเย็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาถึงไม่เคยหงุดหงิดแม้หญิงสาวจะทำอะไรแปลกๆ เลยก็ไม่รู้

รู้สึกเหมือนมีน้องสาวซนๆ เพิ่มมาหนึ่งคน

“ไม่เห็นค่ะ”

“แหงสิ มันมีกำแพงปูนซ่อนอยู่ด้านใน แต่ถ้าอยากเห็นก็มีวิธีอยู่นะ”

“มาทางนี้สิ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะอยู่แถวนี้แหละ” ภาสวินท์เดินเลียบกำแพงต้นไม้ ก้มเหมือนหาอะไรบางอย่างก่อนจะร้องเย้แล้วยกกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งออก เธอเห็นว่าเป็นช่องขนาดเด็กมุดได้

“ทางลับของผมเอง ตอนทำงานใหม่ๆ ผมห้ามมาสายเลยนะ เลยต้องทำช่องเอาไว้ข้ามมาทำงานได้ทันเวลา” ภาสวินท์เล่าให้หญิงสาวฟัง เห็นกอกานต์ย่อตัวลงไปมองลอดช่องอย่างสนใจก็อดหัวเราะไม่ได้ น่าแปลกที่ความหงุดหงิดชนิณิภาหายไปหมดเกลี้ยงเลยตอนนี้

แต่อยู่ๆ กอกานต์ที่มองลอดทางลับผู้บริหารก็พรวดพราดถอยจากโพรงเล็กๆ ถึงกับล้มนั่งกับพื้น สีหน้าตกใจเหมือนเห็นอะไรน่ากลัว

“คุณแก้ม” ภาสวินท์แปลกใจกับอาการแปลกๆ ของหญิงสาว “คุณเป็นอะไรเนี่ย”

กอกานต์โบกมือไปมาทั้งที่หน้าซีด “ไม่มีอะไรค่ะ แก้มคงหิวข้าวตาลาย ตาฝาดไปเอง”

“ตาฝาดอะไรครับ” ภาสวินท์ย่อตัวไปหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้พนักงานใหม่ของเขาตกใจหน้าซีด ปากคอสั่นแบบนี้

“แก้มเห็น … ไม่มีอะไรค่ะ เรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ” กอกานต์เลือกจะปฏิเสธแล้วเดินนำไปก่อนอย่างรีบร้อน ภาสวินท์ได้แต่มองตามอย่างสงสัย เพราะเขาไม่เห็นว่าสนามฝั่งบ้านของเขามีอะไรที่น่าตกใจกลัวสักอย่าง




เช้าวันหยุดแรกของการทำงานประจำ แพรวพิไลเห็นหลานสาวเดินลงมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าไม่สดชื่น เธอจึงแนะนำหลานสาวด้วยความเป็นห่วง

“วันหยุดแล้วตื่นสายหน่อยก็ได้นะหนูแก้ม พักผ่อนให้เต็มที่”

“แก้มนอนไม่หลับค่ะป้า ฝันไม่ค่อยดี หลับไม่สนิททั้งคืนเลย” กอกานต์เอาแต่คิดถึงสิ่งที่เห็นในสนามหลังบ้านเจ้านาย เธอตาฝาด อาจจะเห็นอะไรแล้วคิดไปเองก็ได้

ตอนมองลอดทางลับระหว่างบ้านเจ้านายกับบริษัท กอกานต์เห็นผู้หญิงผมยาว ในชุดกระโปรงลายดอกขาดๆ วิ่นๆ เลือดเกรอะกรังไปหมดยืนคอหักมองไปทางบ้านหลังใหญ่ และดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกตัวเลยหันมาสบตากอกานต์เข้า ตาที่ขาวและลึกโบ๋ กอกานต์นึกภาพก็กลัวจนรีบสะบัดหน้าไปมา หวังว่าจะสามารถไล่ภาพติดตาไปได้บ้าง

“แก้มว่าแก้มจะชวนอารีและดาวไปทำบุญค่ะ เผื่อจะได้สบายใจขึ้นบ้าง” กอกานต์โทรนัดเพื่อนสนิททั้งสองเรียบร้อยแล้ว




ส่วนทางบ้านวัสวาธีรนนท์ ภาสวินท์ลงมารับประทานอาหารเช้าพร้อมมารดาเวลาเดิมเหมือนทุกวัน เขาไม่อยากให้มารดากินข้าวผิดเวลาจนกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งพอเจอหน้ากัน มารดาก็มองสำรวจเขาเสียทั่วตัว

“อะไรครับแม่ มองวินท์เหมือนวินท์ไปทำอะไรแปลกๆ กับตัวเองมา” ภาสวินท์ถามขณะเดินผ่านหลังมารดา ขนาดนั่งเก้าอี้แล้วมารดาก็ยังมองเขาไม่เลิก

“เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าลูก หัวที่แตกต้องไปแสกนหน่อยไหม”

“นิกกี้โทรมาเล่าให้แม่ฟังหรือครับ” ภาสวินท์ยิ้มอ่อนเมื่อรู้สาเหตุของการถูกสำรวจแล้ว

“ถ้าหนูนิกกี้ไม่โทรมาเล่า ลูกจะเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่าล่ะวินท์ ลูกนี่นะทำไมไม่ห่วงหัวอกคนเป็นแม่บ้าง ต้องให้รู้คนสุดท้ายหรือยังไง” อนงค์นางตัดพ้อ

ถ้าชนิณิภาไม่โทรมาเล่าด้วยเสียงร้อนใจตั้งแต่เมื่อคืนจนพาลให้นอนไม่หลับ รีบตื่นมานั่งรอเจอลูกชายก็คงมาเห็นแผลแล้วฟังคำตอบเลี่ยงๆ ของลูกชายเป็นแน่ นี่ถ้าไม่อยากปลุกลูกชายแต่เช้าก็คงไปเคาะห้องถามกันแล้ว

“ผมขอโทษครับแม่ ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วงนี่ครับ แล้วนี่นิกกี้เล่าให้แม่ฟังว่ายังไงครับ” ภาสวินท์ถามพลางตักข้าวต้มใส่ปาก

“หนูนิกกี้เล่าว่าลูกโดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว แล้วยังร้องไห้บอกว่าเป็นห่วงลูกมากน่ะสิ ไปทำอีท่าไหนถึงโดนเฉี่ยวได้ล่ะวินท์”

“เป็นห่วง หึ” ภาสวินท์พ่นลมออกจมูก ยกมุมปาก อยากจะหัวเราะขำกับความเป็นห่วงของคู่หมั้นเขาจริงๆ

“ว่าไงนะวินท์” มารดาไม่เข้าใจการแสดงออกของลูกชาย คนอารมณ์หงุดหงิดจึงพยายามคลี่ยิ้มตอบ

“อุบัติเหตุมั้งครับ น่าจะอุบัติเหตุ”

“แล้วได้แจ้งความไหม ต้องเอาเรื่องนะ” อนงค์นางเดือดปุดๆ ขณะคนเจ็บนั่งนิ่งเย็นเป็นน้ำ

“ดูแล้วน่าจะเอาเรื่องยาก ปล่อยไปเถอะครับ จะว่าไปก็เป็นทุกขลาภ” แม้เจ็บตัว แต่ก็ไม่ต้องทนปั้นหน้าอยู่ในงานเลี้ยงกับชนิณิภา หากภาสวินท์ก็อธิบายมารดาคนล่ะอย่างกับใจคิด “ทางฝรั่งเศสส่งอีเมล์มาตอบตกลงเรื่องจัดนิทรรศการศิลปะชิ้นเอกของโลกที่เราติดต่อไปครับ”

อนงค์นางได้ยินก็ดีใจจนหน้าตาสดใส

“ก็ดีน่ะสิ งั้นวันจันทร์เราคงต้องเริ่มประชุมคุยงานเรื่องนี้นะ จริงสิวินท์ เราจัดนิทรรศการนี้เปิดห้างใหม่เลยดีไหม” อีกไม่นาน วัสวาจะเปิดสาขาใหม่ในย่านที่สถานีรถไฟฟ้าเพิ่งสร้างเสร็จ อสังหาริมทรัพย์กำลังเติบโต ขยายเป็นที่อยู่อาศัยคนอีกกลุ่มใหญ่ มีทั้งคนฐานะสูงไปจนระดับคนทำงาน

“ก็ดีนะครับ ผมคิดอยู่เหมือนกันเพราะคอนเซปต์สาขานั้นก็เน้นแนวดีไซน์ด้วย”

ภาสวินท์ตักอาหารใส่ปากเพลินๆ กระทั่งมารดาแนะนำแผนงานขึ้นมา “ให้หนูนิกกี้มาช่วยดูแลตรงนี้ดีไหม หนูนิกกี้รู้จักคนเยอะ คุณเดชาเองก็คงจะดีใจที่ลูกทั้งสองได้ทำอะไรร่วมกันบ้าง ถือเป็นงานเปิดตัวไปเลย”

ความอร่อยของข้าวต้มถึงกับจืดลงทันที “นิกกี้คงไม่ทำหรอกครับแม่”

ภาสวินท์วางช้อน เขาหยิบน้ำดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เห็นว่ามารดาก็รับประทานอาหารเช้าหมดชามแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ผมอยากไปหาพี่วัสร์ สัญญาว่าจะตัดผมให้ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

อนงค์นางอาจจะยิ้มพยักหน้าให้ลูกชาย แต่มีหรือเธอจะไม่ทำอะไรกับความคิดบรรเจิดของตน เธอกดโทรศัพท์มือถือก่อนจะทักอีกฝ่ายเสียงเพราะพริ้ง

“พี่เดชาหรือคะ วันนี้ว่างไหมคะ นางมีเรื่องงานจะปรึกษา” เพราะเดชาสนิทกับสามีเธอมาก่อน เวลาคุยกันปกติ อนงค์นางมักจะเรียกขานอีกฝ่ายว่าพี่เสมอ อีกฝ่ายถามอย่างสงสัยเธอหัวเราะร่วน ไม่เล่นตัวที่จะบอกแผนการที่คิดให้เดชาฟังทั้งหมด




พอได้ตัดผมออก ผมก็เป็นทรงกว่าเดิม ภาสวัสร์ดูดีขึ้นเป็นกอง แต่เจ้าตัวไม่ค่อยยอมสนใจสภาพตัวเองเท่าไร น้องชายเลยต้องช่วยจัดการให้บ้าง อย่างเช่นซื้อเสื้อผ้า ตัดผม หรือพวกครีมทาผิว

“คุณส้มโกนหนวดให้พี่วัสร์เก่งนะเนี่ย ไม่มีแผลเลย”

ภาสวินท์ดึงผ้าคลุมตัดผมออก เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาของพี่ชาย อดชื่นชมคนดูแลวัยสี่สิบกว่าๆ ไม่ได้ สิริมาเข้ามาดูแลภาสวัสร์มาสองปีแล้วหลังจากคนดูแลคนก่อนลาออกกลับบ้าน ภาสวัสร์ออกจากโรงพยาบาลทางจิตเวชมาได้สามปีกว่า เท่ากับเวลาที่ภาสวินท์ทำงานให้วัสวากรุ๊ป

“ว่าแต่ทำไมพี่ชอบใส่แต่ชุดนอนตัวนี้ ผมซื้อเสื้อให้ตั้งเยอะ เปลี่ยนหน่อยไหม” ภาสวินท์เบ้ปากกับชุดนอนติดกระดุมสีฟ้าตุ่นๆ ใส่จนเนื้อนิ่มไปหมดแล้ว แต่พี่ชายก็ส่ายหน้าแล้วลุกหนีจากเก้าอี้บนระเบียงไปนั่งกอดเข่าข้างเตียงที่ประจำ

“ไม่ต้องหนีหรอกน่า ผมไม่บังคับพี่หรอก อยากใส่อะไรก็ใส่เถอะครับ ผมแค่อยากเห็นพี่หล่อกว่าผมแค่นั้นเอง” ภาสวินท์ลุกจากเก้าอี้ เขาปัดเศษผมพี่ชายจากตัวแล้วเดินตามไป ตอนนี้สภาพข้างเตียงรกจากหนังสือและกล่องขนมที่พี่ชายรื้อออกมาจากถุง โชคดียังไม่แกะห่อ ไม่อย่างนั้นก็น่าห่วงเรื่องมดแมลงอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าสิริมาคอยดูแลทุกอย่างให้ ภาสวินท์จึงไม่ห่วงอะไรมาก

“ให้คุณส้มไปพักบ้างนะ วันนี้ผมจะนั่งคุยกับพี่เอง” ภาสวินท์ยอมรับว่าหนีความอึดอัดจากข้างนอก มาหาความสงบจากพี่ชาย

“จะคุยเรื่องอะไรดีล่ะ” คนน้องนั่งนึก ก่อนจะได้ยินเสียงเบาๆ จากคนพี่

“ลูกอม”

“ลูกอม เรื่องคุณแก้มน่ะหรือ พี่ชอบคุณแก้มหรือไง ไม่เคยเจอหน้ากันเลยนะพี่” ภาสวินท์แกล้งแซว และเหมือนจะโดนพี่ชายมองค้อนด้วยหางตา

“โอเค เล่าให้ฟังก็ได้ แต่เพิ่งทำงานด้วยกันมาห้าวัน ผมไม่มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะหรอกนะ” ภาสวินท์กลอกตามองบน คิดว่าจะเอาเรื่องไหนมาเล่าดีที่จะไม่ใช่การนินทาลูกน้อง เขายังไม่รู้จักหญิงสาวมากพอ เรื่องงานก็ยังวัดอะไรไม่ได้ กอกานต์มีฝีมือ มีความสามารถ หากแนวการออกแบบยังไม่ถูกใจภาสวินท์เท่าไหร่ คงต้องให้เวลาอีกสักระยะ ช่วงนี้ภาสวินท์ยังดูงานออกแบบเกือบทุกชิ้นเองอย่างเดิม แต่เขาก็หวังนะว่าจะสามารถไว้ใจกอกานต์ได้เต็มที่

“เล่าสิ อะไรก็ได้” ภาสวัสร์เซ้าซี้ ในที่สุดได้ฟังเรื่องทั่วๆ ไประหว่างวันของกอกานต์จากน้องชาย ดวงตาเฉยเมยของภาสวัสร์เป็นประกายพึงพอใจ เพราะอยากรู้จักหญิงสาวมากกว่าเดิมเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ บ้าง




เช้าวันจันทร์ พอมาถึงที่ทำงาน กอกานต์ก็ถูกเจ้านายเรียกไปคุยในห้องเป็นการส่วนตัว

“บ่ายนี้จะมีประชุมเรื่องงานสำคัญ ผมอยากให้คุณเข้าไปร่วมฟังด้วย”

“ค่ะ” กอกานต์นั่งรอว่าเจ้านายจะพูดอะไรต่อ เรื่องแค่นี้ให้แทนไทไปบอกเธอก็ได้นี่นา แต่เจ้านายกลับทำหน้าเหมือนลำบากใจจะพูดออกมา

หรือจะเป็นเรื่องสวน เขาจะถามเธอเรื่องสวนสวยๆ นั่นหรือเปล่า จะว่าไปแล้วกอกานต์ก็ลืมไปตามหาว่าสวนสวยๆ ด้านหลังตึกมีจริงหรือไม่ แล้วถ้าไม่มีจริง เธอฝันไปเองงั้นหรือ แปลกจัง

“คุณแก้ม วันหยุดคุณชอบทำอะไรหรือครับ”

กอกานต์เอาแต่นึกคำตอบเรื่องสวนด้านหลัง ไม่ได้ฟังคำถามจริงๆ ชัดๆ ของเจ้านาย

“เรื่องสวนนั่นแก้มไม่ได้ฝันนะคะ!”

“คุณแก้ม ผมไม่ได้ถามเรื่องสวน”

กอกานต์ทำหน้าเหรอหรา กะพริบตาปริบๆ มองคนถามที่ค่อยๆ อมยิ้ม เขากำลังหัวเราะขำเธอสินะ

“ผมถามว่าวันหยุดคุณชอบทำอะไร”

“เอ่อ ก็เดินห้าง เล่นอินเตอร์เน็ต ฟังเพลงดูซีรีส์ทั่วไปค่ะ” ตอบไปก็สงสัยว่าทำไมอยู่ๆ เจ้านายถึงถามเรื่องแบบนี้

“แล้วชอบเดินเที่ยวแบบไหนครับ ช้อปปิ้ง หรือยังไง”

“แก้มไม่ค่อยช้อปปิ้งค่ะ ถ้าจะไปซื้อเสื้อผ้าแก้มชอบซื้อร้านประจำมากกว่า เป็นพวกเสื้อผ้าแนววินเทจ ส่วนใหญ่เวลาไปห้าง ก็เน้นกินข้าวกับเพื่อนมากกว่าค่ะ”

“อืม ขอบคุณนะ” ภาสวินท์ยังเหลืออีกคำถาม “วันศุกร์ ที่ช่องทางลับนั่น คุณเห็นอะไรหรือ”

กอกานต์ถึงกับตัวชา ขนลุกทั้งตัวเมื่อนึกย้อนไปวันนั้น ภาพผีผู้หญิงคอหักน่ากลัวจนกอกานต์ต้องไปทำบุญ และพยายามลืม หากเจ้านายก็มารื้อฟื้นความจำอีก เธอจะตอบเขาอย่างไนดีล่ะ ถ้าบอกว่าเห็นผี เขาอาจจะโกรธเธอก็ได้

“ตุ๊กแกค่ะ แก้มกลัวตุ๊กแกมากก็เลยตกใจ”


“เหรอ แถวนั้นต้นไม้เยอะอาจจะมีบ้าง อย่าไปแถวนั้นบ่อยล่ะกันนะเดี๋ยวจะหล่นใส่หัวคุณเอา ไปทำงานต่อเถอะ” ภาสวินท์ผายมือให้สัญญาณว่าการสนทนากับเขาจบลงแล้ว

แม้จะเขินๆ สายตางุนงงของลูกน้องบ้าง หากภาสวินท์ก็อยากเห็นพี่ชายมีความสุข เพื่อไม่ให้กลายเกิดความเข้าใจผิด ภาสวินท์วางแผนจะค่อยๆ ถามเรื่องราวส่วนตัวของกอกานต์วันละเรื่องก็พอ



จบตอน


^___^



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2560, 02:21:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2560, 02:36:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 912





<< ตอนที่ 5   ตอนที่ 7 >>
kaelek 18 ก.ค. 2560, 07:26:20 น.
เดี๋ยวนะ!! ทำเพื่อพี่ชายจริงหราา ไม่ใช่เพื่อตัวเองนะพี่วินท์


แว่นใส 18 ก.ค. 2560, 07:40:49 น.
ผีนั้นเป็นใครกันนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account