ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 7

ตอนที่ 7



เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน กอกานต์อาศัยเวลาพักไปตามหาสวนด้านหลังที่ที่เธอได้เจอลุงศร ทั้งยังเคยไปนั่งกินข้าวเที่ยงในสวนนั้นด้วย

กอกานต์มั่นใจมากว่าเรื่องสวนสวยๆ มีดอกไม้มากมายไม่มีทางที่จะเป็นแค่ฝันแน่นอน แต่พอเดินไปถึงจุดที่มั่นใจ ก็เจอเหมือนตอนที่เธอมาพร้อมภาสวินท์ คือไม่มีสวนอะไรทั้งนั้น มีแค่สนามหญ้าแคบๆ และกำแพงต้นไม้ แถวๆ นั้นก็ไม่มีทางจะซ่อนสวนนั้นไว้ได้ด้วย

“ทำไมล่ะ” กอกานต์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ สรุปว่าเธอเพ้อฝันไปเองงั้นหรือ ไม่น่าจะเป็นไปได้ … ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้สิ!

หญิงสาวย้อนกลับเข้าตึก เจอพนักงานในชุดทำความสะอาดร่างท้วมเดินผ่านมาพอดีจึงรีบเข้าไปหา

“พี่คะๆ หนูขอถามอะไรหน่อยนะคะ แถวนี้มีสวนหย่อมสวยๆ ดอกไม้เยอะๆ บ้างไหมคะ” กอกานต์ลองถามคนที่อยู่มาก่อนเธอดู

“สวนหย่อมหรือคะ แถวนี้ไม่มีนะคะ จะมีก็แค่สวนเล็กๆ ชั้นหกที่จัดให้สูบบุหรี่กันค่ะ” พนักงานในชุดทำความสะอาดตอบด้วยน้ำเสียงปกติ

กอกานต์เริ่มหน้าถอดสี มือเย็นจนต้องเอามากุมกันไว้แน่น “แล้ว … แล้วมีลุงที่ทำงานดูแลตึกชื่อลุงศรไหมคะ ลุงผิวขาวๆ คอยกวาดพื้น ดูแลสวนน่ะค่ะ”

“ลุงศร ไม่มีนะคะ ถ้าเจ้าหน้าที่ดูแลตึกนี้จะมีแต่ที่จ้างบริษัททำความสะอาด สนามหญ้าต้นไม้รอบๆ ก็มีบริษัทข้างนอกมาดูแลทุกอย่าง หรือจะพวกยามก็ไม่มีใครแก่ขนาดเป็นลุงหรอกค่ะ”

จากสีหน้า แววตา รวมทั้งน้ำเสียงของคนตอบไม่ได้โกหกเธอแน่นอน กอกานต์กะพริบตาปริบๆ หัวสมองมึนงงไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หากความคิดสับสนก็ถูกขัดจังหวะเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากระโปรงส่งเสียงร้อง กอกานต์จะกดรับสายหากสายตาเธอสะดุดกับผนังกระจกใสของร้านที่ปิดรอปรับปรุง เงาสะท้อนจากกระจกไม่ได้มีเพียงแค่เธอกลับมีผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสั้นลายดอกยืนข้างๆ ในสภาพคอหักศีรษะปกคลุมด้วยผมยาวยุ่งเอียงไปข้างๆ

กอกานต์ยืนตาค้าง โทรศัพท์มือถือหล่นจากมือกระแทกพื้น แม้พยายามจะข่มใจที่เต้นแรงแค่ไหนก็ไม่อาจจะทำได้ ยิ่งเห็นผู้หญิงในชุดลายดอกลอยมาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ กอกานต์ก็ยิ่งสั่นไปทั้งตัว

สติสั่งให้หญิงพยายามขยับตัวหนี แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ร่างกายคล้ายถูกตรึงไว้กับที่ มีเพียงความรู้สึกที่ค่อยๆ ลอยห่างจากร่างกายไปเรื่อยๆ หญิงสาวฝืนรู้สึกตัวแต่ก็ไม่สามารถบังคับอะไรได้เลย สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้แล้วเป็นลมล้มไปกับพื้นท่ามกลางเสียงกรี๊ดตกใจของคนรอบข้าง



“คุณคิดจะปิดปากสายด้วยเงินแค่นี้หรือคะ!”

เสียงโวยวายแหลมปรี๊ดของผู้หญิงดังขึ้นปลุกให้กอกานต์ลืมตา ก่อนจะพบว่าเธออยู่บนพื้นในห้องห้องหนึ่ง ท่ามกลางแสงสลัวๆ เหมือนตอนโพล้เพล้ กอกานต์ค่อยๆ ขยับศีรษะมองไปรอบตัว ภาพผนังของห้องทั้งสี่ด้านกรุด้วยไม้สีเข้มสไตล์หรูหราแบบบ้านสมัยก่อนปรากฏแก่สายตา ภายในห้องยังมีชุดเฟอร์นิเจอร์ทำด้วยไม้แกะสลักลายดอกไม้สวยงาม

แต่ที่สะดุดตาหญิงสาวมากกว่าอะไรก็คือเครื่องเล่นแผ่นเสียงตรงมุมห้อง เธอต้องเคยเห็นเครื่องนั้นมาจากไหนแน่ๆ!!

หญิงสาวพยายามดันตัวขึ้นนั่ง หัวของเธอปวดร้าวไปหมด มีเสียงหนึ่งดังแผดมาจากด้านนอก

“พอเถอะสาย ฉันให้เธอเท่านั้นก็มากพอแล้ว เธอก็รู้ว่าตอนนี้ห้างของฉันกำลังขาดทุน” คราวนี้เป็นเสียงผู้ชายตวาดขึ้นอย่างโมโหจัด

“สายไม่เชื่อว่าคุณไม่มี และไม่มีทางที่สายจะยอมกับอีกแค่เงินแค่นี้หรอกค่ะ ถ้าคุณนางรู้ สายว่าสายน่าจะได้มากกว่านี้ เช่น ตำแหน่งคุณนายของห้างวัสวา” เสียงหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่โวยวายหากเป็นเสียงเยาะเย้ยยั่วใครอีกคน

กอกานต์จ้องไปยังประตู เธอเบิกตากว้างเล็กน้อย ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่เธอ ยังมีผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกางเกงขาสั้นสีเข้มๆ เหมือนชุดนักเรียนมัธยมปลายอีกคนยืนอยู่ ซึ่งเขาคนนั้นกำลังแง้มประตูแอบมองเหตุการณ์ต้นเสียงด้านนอกห้อง ไม่ได้รับรู้เลยว่าเธออยู่ในห้องนี้ด้วยอีกคน

กอกานต์เดินเข้าไปใกล้ๆ ผู้ชายในชุดนักเรียน ลังเลว่าควรจะถามว่าเธออยู่ที่ไหนออกไปหรือเปล่า แต่มือที่กำแน่นกับร่างสั่นเหมือนโกรธจัดของเด็กหนุ่มก็ทำให้กอกานต์รู้สึกว่าไม่ควรถามอะไรออกไปเวลานี้ และเมื่อพยายามเพ่งใบหน้าเด็กหนุ่มผ่านแสงที่น้อยลงเรื่อยๆ รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา ก่อนจะนึกออกว่าคล้ายใคร!

ภาสวัสร์ … หญิงสาวนึกถึงภาสวัสร์! แต่เด็กคนนี้อ่อนกว่าภาสวัสร์เป็นสิบปี

แต่ว่าเสียงกรี๊ดของผู้หญิงด้านนอกห้องก็ทำให้กอกานต์หยุดสงสัยเรื่องใบหน้าเด็กหนุ่ม เธอมองผ่านช่องประตูที่แง้มไว้ เห็นผู้หญิงถูกผู้ชายคนหนึ่งลากไปกับพื้น ผู้หญิงพยายามดิ้นแต่ก็ไม่สามารถหลุดจากมือผู้ชายคนนั้นได้

“ปล่อยสายนะ ปล่อยสายนะ!” หญิงสาวผู้โชคร้ายส่งเสียงร้องไปตลอดทาง

“พ่อ!!” อยู่ๆ เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนก็เปิดประตู กอกานต์ละสายตาจากเหตุการณ์หน้าห้องมามองหน้าโกรธจัดของเด็กหนุ่มแทน เด็กหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งออกจากจุดนั้นไปด้านนอกด้วยอารมณ์ที่เหมือนพายุโหม

“เดี๋ยว! น้องอย่าไป!” กอกานต์เห็นว่าสถานการณ์อันตรายเกินไปสำหรับเด็ก ทำให้เธอตัดสินใจยื่นมือไปคว้าแขนเด็กหนุ่มเอาไว้ ทว่ามือของเธอกลับทะลุแขนเด็กหนุ่มไป กอกานต์สะดุ้งลืมตา ก่อนจะพบว่าเธออยู่อีกที่หนึ่งแล้ว

“คุณแก้มฟื้นแล้วครับคุณวินท์”

“เสียงนี้” กอกานต์มองตามเสียงก็เห็นแทนไทยืนขมวดคิ้วมองเธอ และภาสวินท์เดินเข้ามายืนข้างๆ แทนไท มองเธอด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

“เป็นยังไงบ้างคุณแก้ม” ภาสวินท์ถามด้วยเสียงอ่อนโยน สีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“คะ เป็นยังไงอะไรหรือคะ” หญิงสาวยังงุนงง ถึงกับแยกไม่ออกว่าอันไหนคือความฝันหรือความจริงกันแน่

“คุณแก้มเป็นลมครับ และตอนนี้คุณแก้มอยู่โรงพยาบาลนะครับ คุณแก้มหลับไปตั้งสามชั่วโมง ล้มหัวแตกด้วยนะครับ” แทนไทเป็นคนเล่าให้ฟัง

“แก้มเป็นลม” กอกานต์ทวนคำ ท่าทางเหมือนยังไม่ได้สติดี ทำให้ภาสวินท์พูดต่ออีกว่า

“อยู่ๆ ตอนเที่ยงคุณก็เป็นลมล้มไปที่ล้อบบี้ ผมให้คนพาคุณมาโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าคุณแค่หัวแตก แต่อย่างอื่นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ถ้าคุณฟื้นแล้วไม่เป็นอะไรกลับบ้านได้ แต่ผมอยากให้คุณนอนพักสักคืนนะ” ภาสวินท์เริ่มสบายใจที่กอกานต์ฟื้นแล้ว เมื่อครู่ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น อยู่ๆ แทนไทก็ได้รับโทรศัพท์จากล้อบบี้ว่าพนักงานออกแบบของเขาเป็นลมที่ชั้นล่าง และมีรถพยาบาลมารับไปแล้ว ภาสวินท์ถึงกับยอมเข้าประชุมช้าเพื่อตามมาดูอาการหญิงสาวก่อน จนคุณหมอยืนยันว่าเธอแค่เป็นลมไปเท่านั้นเขาจึงกลับไปประชุมอีกรอบโดยให้แทนไทนั่งเฝ้าไว้ ด้วยกลัวว่าหญิงสาวอาจจะกลัวถ้าฟื้นแล้วไม่เจอใคร

ภาสวินท์ยอมรับว่าตอนรู้เรื่องว่าเธอเป็นลมไปนั้นหัวใจเขากระตุก ตอนเห็นหญิงสาวหัวแตก มีรอยเลือดบนใบหน้าก็ใจเสีย อยากรับเอาความเจ็บมาไว้ที่เขาเอง และสบายใจมากกับการที่เธอฟื้นมาอย่างปลอดภัย

“แก้มเป็นลมหรือคะ ที่ล้อบบี้ตึกนั่น …” กอกานต์เริ่มจะนึกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ออก พอนึกถึงภาพผีสาวคอหัก เธอก็กลัวจนยกมือปิดตาแล้วร้องไห้ออกมา “มีผีค่ะ ผี แก้มเห็นผีผู้หญิง น่ากลัวมาก!”

ภาสวินท์กับแทนไทมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนภาสวินท์จะเป็นคนดึงมือเล็กๆ ออก เพื่อให้ได้สบตากัน

“คุณแก้ม คุณแค่ตาฝาดนะ ไม่มีผีอะไรหรอก” ภาสวินท์บอกหญิงสาวช้าๆ ชัดๆ ด้วยเสียงเย็นๆ แต่ดูเหมือนเธอจะกลัวมากจนไม่ฟังอะไรเลย

“แต่แก้มเห็นจริงๆ นะคะคุณวินท์ ผีผู้หญิงคอหัก” เธอเป็นฝ่ายจับมือเขาแทน “แก้มเห็น แก้มเคยเห็นผีตัวนั้นมาก่อนด้วย วันศุกร์ตอนมองไปที่บ้านคุณวินท์ แก้มเห็นผีคอหักยืนอยู่ในสนามหญ้าบ้านคุณวินท์ค่ะ”

“คุณแก้ม!”

นี่เป็นครั้งแรกที่กอกานต์ถูกภาสวินท์ขึ้นเสียงใส่ ดวงตาชายหนุ่มลุกวาวอย่างไม่พอใจ

“ไม่มีผีอะไรทั้งนั้น ถ้ายังจะพูดอีก ผมจะไล่คุณออกตอนนี้เลย” ภาสวินท์ปล่อยมือหญิงสาวและเดินจากไปด้วยอารมณ์โกรธจัด

กอกานต์มองภาพเจ้านายหันหลังใส่ทั้งน้ำตา เมื่อเจ้านายไม่ยอมเชื่อจึงหันไปทางแทนไท หวังว่าจะมีใครสักคนเชื่อเธอบ้าง

“คุณแทน แต่แก้มเห็นจริงๆ นะคะ คุณแทนเชื่อแก้มไหมคะ”

“คุณแก้มคงตาลายล่ะมั้งครับ ไม่มีผีอะไรหรอกครับ ผมทำงานมาสามปี ก็ไม่เคยเห็นผีนะครับ” แทนไทเองก็ไม่เชื่อ

กอกานต์เบะปาก ยกมือขึ้นปิดตาร้องไห้ ทำไมไม่มีใครเชื่อเธอเลย

“แก้ม … แก้มจะกลับบ้านค่ะคุณแทน”

แทนไทถอนหายใจ เขาเข้าใจทั้งภาสวินท์และกอกานต์ ภาสวินท์คงไม่อยากได้ยินว่าห้างหรือบ้านของตัวเองมีผี ส่วนกอกานต์คงได้เจอดีเข้าแล้วจริงๆ




ภาสวินท์เดินออกมาจากห้องที่กอกานต์พักอยู่ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาไม่แน่ใจว่าอาการหัวร้อนนี้เกิดจากการได้ยินเรื่องผี กับการที่ผีมาหลอกพนักงานของเขาอีกแล้ว

ซ้ำยังลามไปถึงสนามบ้านเขาอีก!

“บ้าชะมัด นี่จะต้องให้ต้องหาอีกสักกี่คน หรือต้องทำยังไงถึงจะจบเรื่องบ้าๆ พวกนี้ลงได้” ภาสวินท์หัวเสียกับเรื่องผีมามากพอแล้ว ทำไมพอเขาย้ายลงมานั่งห้องด้านล่าง เรื่องผีบ้าบอก็เกิดขึ้นได้!

และใช่ว่าจะไม่ได้ลองแก้ไขปัญหา ภาสวินท์ลองทำทุกอย่างทุกทาง ทั้งที่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีสางแต่ก็ยอมเพราะจะได้จบเรื่องไปเสียที แต่ก็ไม่เลย เรื่องผียังกลับมาหลอกหลอนเขาอยู่อีก!

“คุณวินท์ครับ” เสียงแทนไททำให้ภาสวินท์หันหลังไปมอง คิ้วหนาขมวดมุ่นเพราะกอกานต์ยืนอยู่ด้านหลังแทนไท

“ใครสั่งให้ลุกขึ้นมา” ภาสวินท์ถามเสียงดุ

คนที่ตั้งแต่เข้ามาทำงาน แม้จะทำงานช้า หรือทำงานผิดยังไม่เคยถูกเจ้านายดุใส่นั้นสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลง

“คุณแก้มจะกลับบ้านน่ะครับ แต่เธอรับปากว่าถ้ามีอะไรจะรีบมาหาหมอทันที” แทนไทช่วยตอบ เพราะหญิงสาวเอาแต่ยืนสั่นอยู่ข้างๆ

เวลาคุณวินท์ใจดีก็ดีใจหาย แต่เมื่อไหร่ที่โกรธหรือไม่พอใจ ก็จะน่ากลัวทุกที แทนไทชินแล้วล่ะ!

“งั้นนายก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่าย แล้วไปส่งเธอที่บ้านก็แล้วกัน ทำให้เรียบร้อยนะ” ภาสวินท์พูดจบก็เดินไปยังทางออกของโรงพยาบาล โดยไม่หันกลับมามองลูกน้องทั้งสองอีก




หากยังมีอีกเรื่องรอภาสวินท์อยู่ที่บ้าน

เมื่อภาสวินท์กลับถึงบ้านทั้งอาการไม่พอใจยังคุกรุ่นในอก ป้าแม่บ้านก็เดินตรงดิ่งมาเรียกพร้อมเกาะแขน

“คุณวินท์คะๆ เข้าไปดูคุณวัสร์หน่อยดีไหมคะ” ป้านุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มร้อนใจ

“พี่วัสร์ทำไมหรือครับ” ภาสวินท์สงสัยมีเรื่องอะไรอีกเนี่ย!

“เมื่อครู่ร้องลั่นเลย ป้านุ่มโทรหาคุณวินท์ไม่ติด ก็เลยโทรหาคุณนางค่ะ คุณนางกลับมาเข้าไปดูป่านนี้ยังไม่ออกมาเลยค่ะ”

“แม่! พี่วัสร์!” ภาสวินท์รีบร้อนเข้าไปในห้องพี่ชาย เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นมารดาถูกพี่ชายผลักจนล้มกับพื้นห้อง

“แม่ครับ!” ภาสวินท์เข้าไปประคองมารดา ถามอย่างตกใจ “นี่มันอะไรกันครับ”

“ภาสวัสร์คงฝันร้ายอีกแล้วน่ะ โวยวายแบบไม่ยอมลืมตา ไม่ยอมฟังอะไรเลย แม่พยายามจะปลอบพี่เราแต่ก็ถูกผลักออกมาสองรอบแล้ว หมอเมื่อไหร่จะมา ป้านุ่ม” อนงค์นางเรียกหาป้าแม้บ้าน

“นุ่มตามให้แล้วนะคะ เราออกไปรอคุณหมอกันดีกว่าไหมคะคุณนาง” ป้านุ่มเสนอความคิด ภาสวินท์เห็นด้วยเพราะกลัวมารดาจะเจ็บตัวอีกครั้ง

ป้านุ่มกับอนงค์นางรีบเดินออกไปพร้อมกัน เหลือเพียงภาสวินท์กับสิริมาเท่านั้น

คนเป็นน้องมองไปที่เตียงก็เห็นสิริมาเป็นฝ่ายเข้าไปจับตัวภาสวัสร์ที่ดิ้นไปมา เขาเห็นว่าสิริมาไม่น่าจะเอาแรงของพี่ชายที่ตัวสูงใหญ่อยู่เลยเข้าไปช่วยจับตัวพี่ชายไว้

“ค่อยๆ นะคะคุณวินท์ คุณวัสร์ละเมอน่ะค่ะ คงฝันร้ายอีกแล้ว” สิริมามีรอยฟกช้ำที่แขนและแก้ม ภาสวินท์ปวดใจที่เห็นคนโดนพี่ชายทำร้ายอย่างไม่รู้สึกตัว เขาจึงเป็นคนใช้แรงทั้งหมดกอดพี่ชายเอาไว้แน่นแทน

“พี่วัสร์! พี่วัสร์ครับ! ผมวินท์ไงครับพี่ ผมอยู่นี่แล้ว”

แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ภาสวัสร์ดิ้นแรงมาก เหมือนกำลังหนีจากฝันร้ายอันน่ากลัว เขาอยากรู้ว่าพี่ชายฝันเห็นอะไรทำไมถึงได้ดูทรมานขนาดนี้

คุณหมอที่อนงค์นางโทรศัพท์ตามมาถึงห้อง คนงานในสวนและคนขับรถตามมาอย่างรู้งาน

“ออกไปข้างนอกดีกว่านะคะคุณวินท์”

สิริมาแนะนำด้วยความหวังดี ภาสวินท์ยังลังเลเพราะห่วงพี่ชาย ภาพพี่ชายโดนมัดข้อมือกับเสาหัวเตียงบีบรั้นหัวใจจนต้องเบือนหน้าไปทางอื่น แต่ภาสวินท์คิดว่าเขาไม่ควรทิ้งให้พี่ชายต้องกลัวคนเดียวจึงเดินไปจับมือพี่ชายไว้

อาการหวาดกลัวฝันร้ายของพี่ชายค่อยๆ คลายลงเพราะฤทธิ์ยาที่หมอฉีดให้ ไม่นานภาสวัสร์ก็สงบลง นิ่ง และหลับไปในที่สุด



คุณหมอกลับไปแล้ว สิริมารับหน้าที่ดูแลภาสวัสร์ต่อ ส่วนภาสวินท์มานั่งทายาตามรอยฟกช้ำให้มารดาในห้องนอนของท่าน อนงค์นางอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยทอดสายตาเห็นใจลูกชายคนเล็ก ตอนนี้สีหน้าภาสวินท์เหนื่อยมากเหลือเกิน

“แม่เจ็บไหมครับ” ภาสวินท์ถามเสียงอ่อน พอเห็นมารดาส่ายหน้าก็ยิ้มออก

“ไม่เจ็บแล้วจ้ะ นี่พนักงานของลูกเป็นยังไงบ้างวินท์” อนงค์นางได้ยินข่าวกอกานต์เป็นลมจากปากลูกชาย แม้ไม่มีโอกาสเห็นหน้าตอนเข้าประชุม แต่ก็ห่วงใยอย่างไรก็พนักงานคนหนึ่งในบริษัท

“คุณแก้มไม่เป็นอะไรแล้วครับ ตอนนี้กลับไปพักที่บ้านได้แล้ว” ภาสวินท์ตอบพลางนึกถึงหญิงสาว ตอนนี้อารมณ์เย็นก็รู้สึกเสียใจกับการตวาดใส่กอกานต์ ไม่รู้จะร้องไห้เยอะไหม จะคิดลาออกจากงานหรือเปล่า

“ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ทำไมทำหน้าเครียดล่ะลูก” อนงค์นางถามจากอาการหัวคิ้วขมวดกันของลูกชาย

“ผม … ผมเครียดเรื่องพี่วัสร์ครับ ผมไม่อยากให้พี่วัสร์เป็นแบบนี้เลย” ภาสวินท์ถอนหายใจหนักๆ เพราะสงสารพี่ชายจับหัวใจ

อนงค์นางรั้งศีรษะลูกชายมาซบลงบนไหล่แล้วลูบไปมาเบาๆ ภาสวินท์ก็ได้อาศัยไหล่มารดาพักเหนื่อยไปในตัว




เกือบสองทุ่มแล้ว

หลังจากใช้น้ำในการไล่ความเหนื่อยจากเรื่องต่างๆ วันนี้ ชายหนุ่มในชุดนอนแบบติดกระดุมแขนสั้นขายาวรู้สึกสดชื่น สบายตัวขึ้นบ้างแล้วจึงเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือ ภาสวินท์ระบายลมหายใจออกมา ในที่สุดก็เลือกตัดสินใจที่จะทำตามความรู้สึกตัวเอง

“นอนหรือยังครับ” เขาส่งข้อความไปยังชื่อที่บันทึกเอาไว้ว่า ‘ลูกอม’

“ยังค่ะ” รอเพียงสองวินาที ชายหนุ่มอมยิ้มนิดๆ เมื่อลูกอมตอบกลับมา

“สะดวกออกไปข้างนอกไหม เดี๋ยวผมไปรับ” ภาสวินท์พิมพ์ส่งข้อความไปแล้ว ใจของเขาก็เต้นแรงตื่นเต้นกับการรอคำตอบอย่างหาสาเหตุไม่ได้ แถมยังรู้สึกเหมือนคนทำอะไรไม่ถูกต้องขึ้นมา ขนาดต้องหาข้ออ้างประกอบคำถาม

“ผมอยากถามคุณในเรื่องวันนี้น่ะ”

ผ่านไปราวห้าวินาที เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้ง

“ค่ะ แก้มจะรอนะคะ”




กอกานต์แปลกใจที่ภาสวินท์พาเธอมาที่ตึกวัสวากรุ๊ป เธอหันมองชายหนุ่มหลังพวงมาลัยรถยนต์ที่เวลานี้สวมเสื้อยืดสีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงยีนส์สีดำขายาว ผมสั้นของเขาไม่ได้เซ็ทเรียบร้อยเหมือนเวลาทำงาน ทำให้ภาสวินท์ดูเด็กกว่าเดิม กอกานต์รู้สึกว่าเค้าหน้าของภาสวินท์มีส่วนคล้ายๆ เด็กหนุ่มในความฝันอยู่เหมือนกัน

“คุณวินท์บอกว่ามีเรื่องจะถามแก้ม แต่คุณวินท์กลับพาแก้มมาที่ทำงาน แถมมาเวลานี้ด้วย” เธอเริ่มระแวงชายหนุ่ม

ภาสวินท์สบดวงตากลมๆ ก็รู้ว่าหญิงสาวระแวงเขาเรื่องอะไร แต่ถ้าระแวงก็ไม่ควรออกมากับเขาเวลาดึกดื่นแบบนี้ไหม

“ไม่สายไปหน่อยหรือที่จะมากลัวผมตอนนี้ ตอนที่เราอยู่ในรถกันสองคนนี่” ภาสวินท์ถามกลับยิ้มๆ

“ก็แก้มห่วงเรื่องวันนี้ และแก้มเชื่อว่าคุณวินท์ไม่ทำอะไรไม่ดีหรอกค่ะ … ใช่ไหมคะ คุณวินท์เป็นสุภาพบุรุษนี่คะ” หญิงสาวพูดเองยังไม่มั่นใจเองเลย

“อย่าไว้ใจผู้ชายหน่อยเลย หึๆ โอเค ผมรับปากว่าจะเป็นสุภาพบุรุษนะ ลงจากรถเถอะครับ” ภาสวินท์ลงจากรถยนต์ ซึ่งหญิงสาวก็ทำตาม ก่อนภาสวินท์จะเอ่ยออกมาอีกครั้ง

“ผมจะพาคุณเดินทั่วตึก จะได้เลิกคิดว่าที่ตึกนี้มีผีอะไรพวกนั้น”

“คุณวินท์!” กอกานต์มองภาสวินท์ตาโต มือเล็กๆ ของเธอสั่นอย่างห้ามไม่ได้ ภาพผีคอหักทำให้เธอแทบทรุดไปตรงนั้น

“ไม่เอาค่ะ แก้มไม่ไป คุณวินท์จะไล่แก้มออกก็ได้นะคะ แก้มยอมแล้ว” กอกานต์รีบปฏิเสธ ถ้าให้เธอเจอผีอีกรอบมีหวังได้ช็อคตายแน่ๆ เลย จากที่เคยคิดว่าจะตั้งสติสู้ผีได้ พอผีออกมาจริงๆ กลับกลัวจนเป็นลม เธอจึงรู้ว่าเธอกลัวผีมากแค่ไหน

ความกลัวของกอกานต์ถูกสั่นคลอนเมื่อมือเล็กๆ ของเธอถูกมือใหญ่กว่าของภาสวินท์ยื่นมาจับไว้หลวมๆ เจ้าของมือเล็กก็ตกใจจะดึงมือกลับ ทว่าข้อเสนอของภาสวินท์ก็หยุดไว้ได้ทัน

“คุณแก้ม ถ้าคุณแก้มผ่านการทดสอบคืนนี้ไปได้ผมจะให้คุณผ่านงาน คุณจะได้เป็นพนักงานวัสวากรุ๊ปเต็มตัว”

“คะ” กอกานต์ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเอามาเกี่ยวกันได้ หากภาสวินท์ยังยื่นเงื่อนไขอื่นอีก

“คิดตามผมนะคุณแก้ม นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว หนึ่ง ถ้าผีไม่มีจริง คุณก็จะได้ทำงานกับผมต่อไปด้วยสภาพจิตใจที่ดีกว่านี้ ผมไม่อยากหาพนักงานใหม่มาแทนคุณ คุณเองก็ไม่ต้องหางานใหม่ ข้อสองถ้าผีมีจริง ผมก็จะเชื่อคุณ แล้วสัญญาเลยว่าจะทำทุกอย่างไม่ให้ผีมาก่อกวนคุณอีก ส่วนข้อสามผมจะให้คุณผ่านงานพร้อมเงินเดือนสองเท่าของที่คุณเขียนมา”

เงินเดือนสองเท่า!

กอกานต์ตาโตกับเงื่อนไขข้อนี้ ใจที่สั่นกับเรื่องผีเริ่มเขวไปกับข้อเสนอนิดๆ แล้วสิ

“ว่าไง จะรับข้อเสนอผมไหม”

ภาสวินท์ถาม แล้วลดสายตามองมือเล็กบีบมือเขาแรงขึ้นเล็กน้อย อดยิ้มไม่ได้กับแววตาหญิงสาวที่บอกทุกอย่างได้ว่า … เขาคงไม่ต้องหาพนักงานมาคู่ใจใหม่แล้วล่ะมั้ง!

เพราะภาสวินท์ไม่เชื่อหรอกว่าที่ห้างเขาจะมีผีจริงๆ!!


จบตอน


หายไปหลายวัน เลยเอามาลงยาวๆ กะเดทดึกๆ ดื่นๆ ของคุณวินท์ 5555
แก้มจะรับคำท้าไหมน้าา


คุณ kaelek พี่วินท์ยืนยันว่าที่ทำไปเพราะอยากเอาใจพี่ชายค่า อิอิ

คุณ แว่นใส ผีมาอีกแล้ว แกล้งน้องแก้มเป็นลมไปเลย แถมโดนดุด้วย ฮือออ


พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2560, 02:14:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2560, 02:26:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 941





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
แว่นใส 22 ก.ค. 2560, 16:39:32 น.
ผีเมียน้อยพ่อเหรอ


kaelek 22 ก.ค. 2560, 21:13:39 น.
ลูกอมโดนผีหลอก!!! ..เจ้านายพาเดทยามดึก นี่ทำงานกับรายการคนอวดผีป่ะเนี่ย ถึงมาล่าท้าผี ...เงินเดือน 2 เท่า vs ผีคอหัก


์nuch 22 ก.ค. 2560, 21:34:33 น.
เพิ่งเข้ามาอ่านตั้งแต่ต้น อ่านไปกลัวไป
ใครฆ่าผี อนงค์นาง หรือ พี่วัสร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account