ความทรงจำใต้ผืนทราย
หนึ่งรัก สองภพ คำสัญญา และการรอคอย

พระองค์-ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และ นาง-สตรีผู้เสียความทรงจำ

สิ่งใดหนอนำทั้งสองมาพบกัน ...มันคือ โชคชะตา หรือ ความผูกพัน
Tags: อียิปต์ ฟาโรห์ ย้อนยุค ทะเลทราย ความทรงจำ

ตอน: ตอนที่ 2 (2)

“เจ้ารู้ไหม น้ำท่ามันแย่มากี่ปีแล้ว”

ยาตูเอ่ยใบหน้าแดงก่ำ แก้วในมือเต็มไปด้วยเบียร์ที่รินเติมไปไม่รู้กี่รอบ

“ปีที่แล้ว ข้าแทบไม่ได้อะไรจากที่ของข้าเลย แล้ววิหารยังมาเก็บภาษีไปอีก ส่วนไอ้พวกที่อยู่ด้านใน กลับปลูกข้าวได้เป็นกอบเป็นกำ เหอะ ข้าหมั่นไส้ เลยทำยังไงรู้ไหม” ยาตูสะอึก ยื่นนิ้วชี้ออกมาข้างหน้า น้ำเสียงที่เอ่ยเริ่มพันรัว “มันได้ข้าวเยอะมาก ก็ไปหยิบของมันมาซะเลย ดินก็ดินเดียวกัน มีอะไรก็ต้องแบ่งกันสิ เจ้าว่าไหม”

ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสทรงรับฟังด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ได้แต่ส่ายพระพักต์น้อย ๆ ความขาดแคลนมักตามมาด้วยการแย่งชิง ปีที่แล้วกองกำลังของพระองค์จับโจรได้มากก็จริง แต่ปีนี้ดูท่าจะจับได้มากกว่า

“แล้วท่านไม่ถูกจับรึ”

“เฮอะ ก็เพราะนางกียามัวรั้งข้าไว้เลยไปช้า พวกที่ไปล่วงหน้าก็ดันถูกจับได้ก่อน ข้าก็เลยอดน่ะซี”

คนฟังฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้

…คนอะไร อดทำชั่วแล้วยังเสียดาย...

“มาปีนี้ ไอ้พวกนั้นน้ำน้อยบ้าง สมน้ำหน้า ถ้าคิดจะมาพึ่งพาข้าก็ไม่มีเสียละ นี่ข้ายังโกรธมันไม่หาย น้ำท่วมไม่ถึงดินของมัน มันยังมาวิดน้ำไปเสียหมด ไอ้พวกบ้า”

ฟาโรห์แทบจะหมดความอดทนในการสนทนากับคนผู้นี้แล้ว หากตอนนี้อยู่ในวัง จะทรงเรียกทหารมาจับมันไปโบยเสียสักร้อยหรือสองร้อยครั้ง ก่อนเนรเทศออกไป ไปให้พ้นอาณาจักรของพระองค์ได้เลยยิ่งดี

“เจ้าน่ะ ดูท่าจะไม่เดือดร้อนเท่าไรนะ”

คราวนี้แววตาของยาตูเป็นประกาย รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นอย่างมีเลศนัย และรอยยิ้มนั้นยิ่งจะดูกว้างขึ้นทุกครั้งที่ฟาโรห์ยกเบียร์รสบาดคอขึ้นดื่ม ทรงเห็นมานานแล้ว เจ้าขี้เมานี่คงหวังว่าจะมอมพระองค์ให้ได้ ดวงตาเป็นประกายฉ่ำด้วยฤทธิ์น้ำเมาคู่นั้นคอยตวัดมองสิ่งของของพระองค์จนแทบจะทะลักออกมา ไม่ว่าจะเป็นเคเพชเนื้อวาว กริชด้ามงาม ผ้าคลุมเนื้อดี ไปจนกระทั่ง ...ผู้หญิงของพระองค์

‘นาง’ ไม่ยอมล้มตัวลงนอนแม้จะยังอ่อนเพลียอยู่ คงเป็นเพราะเจ้ายาตูไม่ยอมไปไหนเสียที ทรงรู้สึกถึงไออุ่นจากคนร่างน้อยที่คอยหลบอยู่เกือบชิดเบื้องพระปฤษฏางค์ ทุกครั้งที่สายตาของยาตูมองล่วงไปถึงในเพิงพัก หรือในยามที่นางอิงชิดเข้ามา องค์ฟาโรห์จะยืดพระอังสาราวกับจะขยายองค์ให้ใหญ่จนสามารถปิดบังเพิงพักนั้นได้ทั้งหมด

ความรู้สึกที่อยากปกป้องบางสิ่งบางอย่าง ทำให้คนเรารู้สึกเข้มแข็งและยิ่งใหญ่กว่าเดิมเสมอ

และแม้พระองค์จะเป็นถึง ฟาโรห์ แต่คนที่กำลังใช้หลังของพระองค์เป็นที่พึ่งในยามถอดมงกุฎซ่อนไว้เช่นนี้ กลับทำให้รู้สึกยิ่งใหญ่ได้กว่าที่เคยเป็นมา

“พวกเจ้า ร่วมเรือนกันมานานแล้วรึ”

ยาตูกล้าเอ่ยถึงสิ่งที่ลอบมองมานาน เดาว่าเพราะสติเริ่มถูกครอบงำด้วยน้ำเมาจนได้ที่

“ระยะหนึ่ง”

ทรงตอบเรียบ ๆ คิดหาทางไล่คนถามออกไปเสียที แต่ยาตูกลับหัวเราะออกมา

“แล้วนางให้ ‘ความสุข’ เจ้าดีหรือไม่”

ฟาโรห์ถึงกับสะบัดพระพักต์ให้คำถามชวนตัดลิ้น แต่ครั้นหันไปเห็นคนทำหน้าเลิกลั่ก ดวงตากลมวาวสะท้อนแสงไฟจนเป็นประกายดูไร้เดียงสาด้านหลังแล้ว กลับทรงยิ้มออกมาได้

“ก็ใช้ได้อยู่”

ตอบเสร็จก็ถึงกับยิ้มกว้างให้เจ้าคนงามที่หันมามองค้อนพระองค์

ยาตูหัวเราะเสียงดังลั่นจนพระองค์ต้องหันกลับไป ทรงดื่มเบียร์รวดเดียวจนหมดแล้วทิ้งน้ำหนักวางแก้วลงข้างกายอย่างจงใจ

“ท่านพูดเรื่องนี้มาก็ดีแล้ว ท่านยาตู” ทรงกอดพระอุระ แสดงชัดว่าไม่ต้องการหยิบแก้วอีก “เพราะตอนนี้ข้าชักอยากจะหา ‘ความสุข’ เสียแล้ว”

ทรงผายมือไปทางบันไดก่อนที่ยาตูจะทันหัวเราะหรือเอ่ยอันใดให้ระคายพระกรรณอีก

เมื่อทรงแสดงชัดเช่นนี้ ยาตูนักดื่มจึงทำท่าสะบัดไม้สะบัดมือ กอบเก็บเหยือกเบียร์ที่เหลือเอาไว้

“ข้าเองก็ไม่อยากรบกวนคนหนุ่มคนสาว แต่อย่าทำให้บ้านข้าพังละ”

“ขอบคุณสำหรับคืนนี้”

ทรงโล่งพระทัยที่ยาตูยอมลุกเดินจากไปได้ เพราะหากอยู่นานกว่านี้อีกสักหน่อย เกรงว่าพระองค์จะได้ใช้เคเพชไล่เจ้าของบ้านออกจากบ้านของตนเอง

ครั้นรู้สึกถึงการขยับตัวของคนด้านหลัง จึงทรงผินพักต์กลับไป ใบหน้าง้ำงอที่เคยมองยาตูอย่างคล้ายจะหวาดระแวง กลับมามองที่พระองค์แทน

ทรงเอ่ยถามเมื่อเห็นนางขยับตัวหนี

“จะทำอะไร”

คำถามเรียบ ๆ ของพระองค์ถึงกับทำให้นางชะงัก

“นอน”

นางตอบโดยไม่ยอมมองสบตา แต่พระองค์กลับยิ้มพร้อมแสร้งขยับตัวจนคนจะนอนรีบกระเถิบลึกเข้าไปในเพิงพัก

...ดูเถิดหนอ คิดอย่างไรจะเกิดกลัวขึ้นมาได้ แล้วเพิงพักแค่นี้ จะพานางหนีไปได้ถึงไหนกัน...

“เชิญตามสบาย”

ทรงตอบน้ำเสียงเริงร่าพร้อมกับยิ้มละไม ราวกับเป็นคนละคนยามสนทนากับยาตู เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะล้มตัวลงนอนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จึงอดหยอกเย้าไม่ได้

“ไม่ต้องห่วง” ตรัสเสียงเบาแทบจะกระซิบ “ข้ายังไม่หา ‘ความสุข’ ตอนนี้หรอก”

คราวนี้ตากลมคู่นั้นค้อนขวับกลับมาทันที ทรงคอยฟังว่านางจะบริภาษพระองค์ว่าอะไร

“ใครคิดจะหากันล่ะ”

กล่าวจบก็ล้มตัวลงนอนพร้อมกับหันหลังให้ ทำราวกับไม่สนใจพระองค์อีกแล้ว

ฟาโรห์ทรงหันกลับไปเติมเชื้อเพลิงให้กองไฟพร้อมกับอมยิ้ม

...นางกล่าวบริภาษได้แค่นี้เองจริง ๆ หรือ...

รอยยิ้มยังไม่ทันหายจากพระพักต์ คนต้นเหตุก็เรียกพระองค์ขึ้นมาอีก

“ท่าน”

นางกึ่งนั่งกึ่งนอน มองพระองค์อย่างคล้ายจะห่วงใย

“แล้วท่านไม่นอนหรือ”

“จะให้ข้านอนจริง ๆ หรือ” อดหยอกกลับไปไม่ได้

“อย่าแกล้งข้าสิ”

คำตัดพ้อซื่อ ๆ ของนางเรียกรอยยิ้มให้พระองค์ได้อีกครั้ง

“ยัง รอให้คนข้างล่างสงบก่อน”

หญิงสาวพยักหน้ารับ นางคงพอจะเข้าใจว่า ใคร ที่ทรงรอให้สงบ ยาตูไม่น่าไว้ นางเองก็คงรู้

“เช่นนั้น ถ้าท่านจะนอนก็ตามสบายนะ” นางเอ่ยพร้อมกับก้มหน้าไม่ยอมสบตา

“ถ้าถึงเวลาข้าจะนอน ‘สบาย’ แน่นอน”

คนที่ก้มหน้าหลบตาเผลอมองค้อนให้พระองค์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนรีบหันหลังให้และล้มตัวลงนอนเงียบ ๆ

ปล่อยองค์ฟาโรห์ไว้กับกองไฟและรอยยิ้มบนพระพักต์ แม้อยู่ใกล้เพียงหลังชนกันก็อดคิดถึงไม่ได้

...คนเรานี่ก็แปลก จะทำอะไรก็น่ามองน่าถนอมไปเสียหมด หากได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ คงจะหยอกเย้านางได้ทั้งวันไม่เบื่อเอาเลยจริง ๆ...






วินตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2560, 21:51:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2560, 21:51:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 922





<< ตอนที่ 2 (1)   ตอนที่ 2 (3 - จบตอน) >>
วินตา 21 ก.ค. 2560, 21:55:04 น.
ทางไป e-book ฟิ้วววว >>>> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=59566



คุณแว่นใส >> คนมันใจตรงกันค่ะ อิอิ

คุณ greengrass >> เพิ่งเห็นคอมเม้น ขอบคุณมากนะคะที่แวะเข้ามา ดีใจทีชอบค่ะ มาอ่านอีกนะคะ ชอบไม่ชอบอย่างไร มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ


แว่นใส 21 ก.ค. 2560, 21:58:58 น.
รักแล้วสิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account