ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 8

ตอนที่ 8


“แล้วแกตอบเขาไปว่าไงอะแก้ม” นับดาวถามหลังจากได้ยินกอกานต์เล่าเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ให้ฟัง ที่ตอนนี้ล่วงมาจนถึงวันพุธแล้ว ทั้งสองนั่งรับประทานมื้อเย็นกันในร้านอาหารญี่ปุ่นภายในห้างวัสวารวมทั้งพูดคุยกัน

นับดาวสงสัยว่ากอกานต์ได้ไปเดินล่าท้าผีกับเจ้านายเพื่อแลกกับเงินเดือนสองเท่าหรือเปล่า แม้รู้จักกอกานต์ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายย่อมรู้จักนิสัยเพื่อนสนิทดี อาจจะคาดเดาคำตอบได้
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าความงกของกอกานต์จะเอาชนะความกลัวผีได้หรือไม่ กอกานต์ยิ่งเครียดๆ เรื่องภาระค่าใช้จ่ายทั้งค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และหนี้ที่ตอนนี้พี่ชายแบกรับไว้คนเดียวอยู่ หากเรื่องผีจากการได้ฟังเพื่อนเล่าก็น่ากลัวเหมือนกันนะ

“แก้มตอบตกลงคุณวินท์ไป” กอกานต์ตอบพร้อมแสดงสีหน้ากลุ้มใจ

ซึ่งก่อนที่จะเพื่อนซี้จะถามคำถามอะไรออกมา กอกานต์ชิงขยายความก่อน

“แต่ไม่ใช่คืนนั้น แก้มขอเวลาทำใจก่อนน่ะสิ แหมคนเพิ่งเจอผีจนเป็นลมหัวแตก ต่อให้เอาเงินมาล่อตรงนั้น แก้มก็ก้าวขาไม่ออกอยู่ดี กลัวจะฉี่ราดให้อายคุณวินท์เขา”

กอกานต์ยอมรับข้อเสนอของภาสวินท์ไปก็จริง แต่เธอก็ทำใจเดินตามล่าท้าผีคืนนั้นไม่ได้จริงๆ

‘แก้มขอเวลาทำใจก่อนได้ไหมคะ’ เธอส่งสายตาขอความเห็นใจเจ้านาย รู้ว่าคุณวินท์คงไม่ใจร้ายดึงดันจะให้เธอต้องเผชิญเรื่องน่ากลัวหลังจากเป็นลมหรอก แล้วก็จริงเพราะภาสวินท์ยอมให้เวลาเธอ

‘ได้ครับ’ เขาตกลง

แต่ก็มีข้อแม้

‘แต่ก่อนจะพิสูจน์ว่าผีมีจริงหรือเปล่า ผมสั่งห้ามไม่ให้คุณพูดเรื่องที่คุณตาฝาดจนเป็นลมให้พนักงานคนอื่นฟังเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องโดนลงโทษ’

แล้วคืนนั้นภาสวินท์ก็ส่งเธอถึงบ้านอย่างปลอดภัย อนุญาตให้เธอลาพักหนึ่งวัน ซึ่งวันนี้ ภาสวินท์ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องคืนนั้นอีก สำหรับกอกานต์ก็ยอมรับว่าเรื่องผีคอหักก่อกวนสมาธิการทำงานเธอมาก

เธอมาทำงานแต่เช้าเหมือนเดิม หากการต้องนั่งคนเดียวในห้องนั้นไม่เหมือนเดิมเลย แถมยังไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ต้องสังเกตว่ามีพี่ในห้องการตลาดลุกไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่าเธอจึงรีบเดินตามไปติดๆ เรียกได้ว่าหลอนกับสิ่งรอบตัวไปหมด

“แกก็เก่งเนอะ ยังกล้ามาทำงานที่นี่อีก” นับดาวพูดแล้วก็มองรอบตัว ห้างสรรพสินค้าใหญ่โตหรูหราเป็นที่นิยมของผู้คน แม้จะเป็นห้างเก่าที่มีการปรับปรุงภาพลักษณ์ห้างอยู่บ่อยๆ แต่ห้างวัสวาก็ดูใหม่อยู่เสมอ บรรยากาศในห้างก็สว่างไสว สวยงามด้วยการตกแต่ง ไม่ได้วังเวงน่ากลัวอะไรเลย

ด้านอาคารสำนักงานเองก็เหมือนกัน ทั้งใหม่ โอ่อ่า หรูหรา ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย แต่กอกานต์ก็ยังเจอผีน่ากลัวได้

“ทำไงได้ แก้มยังหางานใหม่ไม่ได้นี่ งานก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ยิ่งสำหรับคนไม่มีประสบการณ์อย่างเรายิ่งยากเลย แต่ว่าแก้มกำลังสงสัยนะ”

กอกานต์ไม่ต้องปิดบังความจริงในใจกับเพื่อนสนิท

“แก้มสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่แนะนำแก้มกับแผนกอื่นที่ต้องทำงานร่วมกันเลย ทุกวันนี้แก้มติดต่อกับแผนกอื่นแค่ส่งอีเมล์กับโทรศัพท์ มันแปลกๆ นะว่าไหม”

“นี่สรุปว่าก็ยังไม่เจอเพื่อนร่วมงานตำแหน่งเดียวกันสินะ แปลกจริง ทำไมเขาต้องหวงแกไว้กับตัวด้วยนะ” นับดาวชักสงสัย ได้กลิ่นแปลกๆ

กอกานต์ก็ไม่รู้คำตอบเรื่องนี้เหมือนกัน

สองสาวเมาท์กันโดยไม่รู้เลยว่าคนถูกเมาท์นั่งโต๊ะคิดกัน ที่มีเพียงฉากไม้กั้นไว้ กอกานต์ไม่รู้ว่าภาสวินท์นั่งกอดอกได้ยินก็มุ่นคิ้วอย่างครุ่นคิดปนหนักใจ





เช้าวันใหม่ สิริมายกถาดอาหารมาให้ภาสวัสร์เช่นทุกเช้า เธอคิดว่าวันนี้อาการเบลอๆ ซึมๆ เนื่องมาจากยากล่อมประสาทที่ทำให้อาการคุ้มคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้ของภาสวัสร์น่าจะหมดฤทธิ์แล้ว

เพราะเมื่อวานหลังจากเกิดเรื่อง ภาสวัสร์ก็นอนแทบทั้งวัน เธอต้องปลุกมากินข้าวบ้างหากเขาก็กินได้น้อยจนน่าเป็นห่วง แม้คุณหนูของเธอจะเป็นคนตัวสูง หากร่างกายของภาสวัสร์กลับผอม เขาควรกำยำมีกล้ามเนื้อมากกว่านี้ แต่ภาสวัสร์ไม่ค่อยจะกล้าออกไปข้างนอกเลย ผิวของเขาก็ขาวซีดเพราะไม่ค่อยโดนแดดอีกด้วย

พอก้าวเท้าเข้ามาในห้อง สิริมาก็โล่งใจเมื่อเห็นคุณหนูที่ยังคงอยู่ในชุดนอนสีฟ้าลายทางขายาวยืนริมประตูระเบียง จ้องไปยังตึกวัสวากรุ๊ปนิ่งๆ

“ตื่นแล้วหรือคะคุณวัสร์ วันนี้ส้มทำข้าวต้มกุ้งของโปรดคุณวัสร์มาด้วยนะคะ กุ้งตัวโต๊โตอย่างที่คุณวัสร์ชอบ”

ภาสวัสร์ละสายตาจากด้านนอกมาส่งยิ้มให้คนดูแลใจดีที่สุดของเขา หากรอยยิ้มละไมค่อยๆ เลือนหายกับรอยฟกช้ำบนแขนของสิริมา

“เจ็บหรือเปล่า ผมขอโทษนะส้ม” เขาแตะบนท่อนแขนบางเบาๆ มองคนดูแลอย่างรู้สึกผิดสุดหัวใจ

“หายแล้วค่ะ” สิริมาตอบแบบเดิมทุกที

“ผมรู้ว่าส้มเจ็บ ผมขอโทษ” ภาสวัสร์นั่งบนโต๊ะข้างหน้าต่าง สิริมาบอกว่าสีเขียวๆ จากต้นไม้กับท้องฟ้าข้างนอกจะทำให้เขาอารมณ์ดีทั้งวัน

“ ถ้าอยากให้ส้มรู้สึกดี คุณวัสร์ต้องกินข้าวเยอะๆ นะคะ แล้วออกไปเดินในสนามบ้าง” สิริมาขยับชามข้าวไปตรงหน้าชายหนุ่ม

“ส้มตามผมมาจากโรงพยาบาลสามปี แล้วยังตอนที่รักษาตัวที่นั่น ส้มก็ดูแลผมมาตลอด ขอบคุณนะ ส้มเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมมีจริงๆ” ภาสวัสร์ตื้นตันใจมาก

ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร จะด้วยเงินค่าจ้างมากมาย หน้าที่ หรือเพราะความสงสารก็ไม่เป็นไร สิริมาก็ดูแลเขาดี ยอมเจ็บตัวและเข้าใกล้เขามากกว่าแม่แท้ๆ เสียอีก

“ค่า” สิริมายิ้มรับ แววตาคนดูแลหญิงวัยสี่สิบกว่าๆ ประกายความเห็นอกเห็นใจชายหนุ่มตรงหน้า อาจจะเพราะตอนเจอครั้งแรกเมื่อหกปีที่แล้ว เธอเป็นพยาบาลต้องรับดูแลภาสวัสร์ที่ยังป่วยทางจิตหนักจนไม่คุยกับใคร

ในสายตาเธอ ภาสวัสร์เหมือนน้องชายที่ตายจากไปเพราะโรคทางจิตเวช ทำให้เธอผูกพันกับภาสวัสร์เหมือนน้องชายแท้ๆ เลย

เธออยากให้ภาสวัสร์หายดี และกลับออกไปใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่นๆ ช่วงนี้ในตอนกลางวัน ภาสวัสร์ก็เหมือนจะดีขึ้นมาก เวลาอยู่กับเธอ เขาก็ไม่ซึม และไม่กลัว

แต่น่าแปลก ที่ ภาสวินท์ยังเหมือนจะไม่ไว้ใจแม่หรือน้องชายแท้ๆ แววตาที่มองจึงเต็มไปด้วยความระแวง

“วันนี้คุณนางกลับดึกค่ะ คุณวัสร์ไม่ออกไปเยี่ยมลูกอมแล้วหรือคะ” สิริมาถามก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะคุณหนูของเธอหน้าแดงเหมือนมะเขือเทศสุกไปแล้ว

“อย่าแซวผมได้ไหม” ภาสวัสร์ส่งสายตาอ้อนวอน แล้วถอนหายใจเฮ้อยาว “ผมเพิ่งอาละวาดไป ถ้าออกไปตอนนี้จะไม่เป็นไรหรือครับ” เขาไม่มั่นใจเลย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณวัสร์ทำได้นะคะ” สิริมาให้กำลังใจ “ส้มอยากให้คุณวัสร์กล้าออกไปข้างนอกบ้างค่ะ คุณวัสร์หายดีแล้วนะคะ ไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่คุณนางกลัวหรอกค่ะ แต่ว่าถ้าไม่ไหวก็รีบกลับบ้านนะคะ”

ภาสวัสร์แสดงสีหน้าคล้อยตามคนดูแล สิริมาจึงอาสาไปเตรียมชุดหล่อไว้ให้ โดยไม่ลืมกำชับให้สวมนาฬิกาสมาร์ทโฟนไว้ตามตัว

ชายหนุ่มนึกถึงการพบกับหญิงสาวทั้งสองครั้ง เขาทำได้ไม่ดีเลย เธอเหมือนจะไม่อยากเห็นหน้าเขา แต่ทำยังไงได้ในเมื่อภาสวัสร์ไม่ได้พบหรือเจอหน้าคนอื่นมาสิบห้าปี เธอคือคนแรกที่ทำให้เขาอยากก้าวออกจากห้องนี้และหายจากโรคที่เป็นอยู่




กอกานต์ลงมารับตัวอย่างงานพิมพ์ที่ล้อบบี้ จังหวะรับชิ้นงานแล้วจะกลับไปที่ลิฟท์ เธอเดินผ่านกระจกจุดที่เห็นผีสาวคอหักก็เผลอหยุดแล้วมองเข้าไปในกระจก กอกานต์นึกถึงเรื่องวันนั้นนอกจากเจอผีแล้วเธอยังฝันแปลกๆ ความฝันที่ค้างคาอยู่ในใจ เด็กผู้ชายที่หน้าตาเหมือนสองพี่น้องวัสวาธีรนนท์ เสียงผู้หญิงที่ชื่อสาย และผู้ชายอีกคน เธอแค่ฝันไปเองหรือเปล่า

แต่ห้องที่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงนั่นก็คุ้นตา กอกานต์รู้สึกว่าคล้ายเครื่องเล่นที่ตั้งอยู่ในห้องที่เธอนั่งรอภาสวินท์ ความสงสัยแทบจะล้นอก และยังจำได้ว่าห้องนั้นตั้งอยู่ตรงไหน กอกานต์อยากจะพิสูจน์ให้หายคาใจ


พอก้าวเท้าออกจากลิฟท์ หญิงสาวค่อยๆ ย่องไปตามทางเดินที่เงียบสงบ ชั้นนี้เหมือนจะมีแต่ห้องประชุมจึงไม่ค่อยมีเสียงจอแจมากนัก ทั้งทางเดินและผนังของชั้นนี้ล้วนเป็นไม้ ประดับโคมหรูหรา เป็นการออกแบบที่คลาสสิกไม่เหมือนการออกแบบชั้นอืนๆ ของตึกนี้ ประตูไม้แกะสลักปิดสนิททุกบาน อากาศก็เย็นเยือกชวนขนลุกแปลกๆ

แม้กอกานต์จะกลัวๆ ขึ้นมา หากความอยากไขข้อข้องใจก็ทำให้กอกานต์ทำใจกล้าเดินต่อจนถึงประตูจุดหมาย กอกานต์อดขนลุกไม่ได้ เพราะเธอจำรูปภาพตรงข้ามประตูได้ ภาพวาดสีน้ำมันเหมือนกับในความฝันไม่ผิดเพี้ยน

หรือว่าเธอจะเก็บเอาวันสัมภาษณ์ไปฝัน แล้วทำไมเธอต้องฝันถึงห้องห้องนี้ด้วยล่ะ ยิ่งคิดยิ่งแปลกใจ

กอกานต์เลิกสนใจรูปวาดสีน้ำมันมาเพ่งมองประตูตรงหน้า ถึงกับกลั้นหายใจบิดกลอน ดวงตากลมเบิกกว้างเพราะประตูไม่ได้ล็อคเอาไว้ ความตื่นเต้นและความกลัวทำให้เธอต้องกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะทำการผลักประตูเข้าไปด้านใน

ทุกอย่างในห้องเหมือนในความฝันไม่มีผิด ไม่ว่าจะชุดเก้าอี้ โคมไฟ ตู้หนังสือหรือแม้แต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงตรงมุมห้อง

กอกานต์เดินสำรวจไปรอบๆ ก็ยิ่งมั่นใจว่าคือห้องห้องเดียวกัน เธอยกมือข้างที่ว่างจากการถือเอกสารขึ้นแตะอก หัวใจเธอเต้นแรงอย่างรู้สึกได้ แต่แล้วกอกานต์ก็สะดุ้งเฮือกกับเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง

“ทำไมคุณถึงเข้ามาในห้องนี้”

คนที่วิสาสะเข้าห้องนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตหันมองต้นเสียง ภาสวัสร์ยืนหน้าโกรธๆ ในเเสื้อแจ๊คเก็ตสีเข้ม กางเกงยีนส์ และสวมหมวกแก๊ป หล่อก็จริง แต่ท่าทางห่ามๆ ก็เหมือนพวกแบ๊ดบอยที่คอยแกล้งคนอื่น

พอเห็นว่าเป็นใคร หน้าใสถอดสีด้วยทั้งตกใจและกลัวความผิด

“ว่าไงคุณลูกอม ทำไมอยู่ๆ ถึงเข้ามาห้องของคุณพ่อผม” เขาเอ่ยถามพร้อมย่างสามขุมตรงมาหาเธอ ท่าทางไม่พอใจจนแก้มแดง ตาเขาลุกวาวเลยทีเดียว

ห้องคุณพ่องั้นหรือ?

“คือว่าฉัน …”

กอกานต์อึกอักพยายามหาคำตอบ คนตัวใหญ่ยิ่งขยับเท้ามาใกล้ เธอก็ยิ่งนึกเหตุผลดีๆ ไม่ออกสักอย่าง กระทั่งเขามาหยุดตรงหน้าในระยะประชิด กอกานต์รู้สึกเหมือนถูกคุกคามขยับเท้าถอยหลัง กว่าจะรู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ตอนแผ่นหลังของเธอชนกับผนังห้อง คนตัวใหญ่เหมือนจะยิ้มมุมปาก นอกจากจะตามเธอมาติดๆแล้วยังโน้มใบหน้าลงมาใกล้อีก

“คุณภาสวัสร์!”

“กลัวหรือ”

กอกานต์อยากตอกเขากลับว่าช่างกล้าถามมาได้ คุกคาม ยืนจ้องหน้ากันใกล้ๆ ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่พี่ชายเจ้านายเธอคงโหม่งหัวใส่หน้าผากเขาไปแล้ว แต่ทำได้แค่ยืนเม้มปากแน่นแค่นั้น เพราะกลัวจะตกงาน!

“ตอบผมมาสิว่าทำไมถึงเข้ามาในห้องนี้ ไม่รู้หรือว่าเป็นที่หวงห้าม หรือว่าเจออะไรในห้องนี้”

“ไม่ได้เจออะไรค่ะ คือแก้ม … แก้มเข้าห้องผิดค่ะ” ตอบไปแล้วก็แทบอยากกัดลิ้นให้ตายไปตรงนั้น อ้างอะไรก็ได้ไหมแก้ม ที่ไม่ใช่เรื่องเข้าห้องผิด!!

และดูเหมือนคนฟังจะงงปนประหลาดใจ

“ห้องทำงานคุณไม่ได้อยู่ชั้นนี้ ชั้นนี้เองก็ไม่มีห้องทำงานแล้ว เพราะอะไรรู้หรือเปล่า” ภาสวัสร์ถามเสียงจริงจังมาก แน่นอนว่าพนักงานใหม่ไม่มีทางรู้คำตอบหรอก เธอส่ายหน้าหวือ คนรู้ดีจึงเฉลยให้ฟัง

“เพราะในห้องนี้ก็มีคนบอกว่าผีดุ สิบห้าปีที่แล้วเคยมีพนักงานผู้หญิงโกงเงินบริษัท แล้วกลัวความผิดเลยกระโดดจากห้องนี้ลงไปตาย ที่หน้าต่างบานนั้น”

“จริงหรือคะ” กอกานต์หันมองตามนิ้วชายหนุ่ม ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ หรือว่าผีคอหักนั่นจะ …

“ไม่รู้สิว่าจริงไหม” แต่ภาสวัสร์กลับส่ายหน้า พูดด้วยหน้านิ่งหน้าตายมาก “นั่นคือเรื่องที่เขาลือกัน ผีเผออะไร คนเห็นผีน่ะต้องโดนจับส่งโรงพยาบาลบ้า แล้วโดนฉีดยารู้ไหม”

กอกานต์ถอนหายใจ เธอเผลอนึกไปว่าเรื่องคนตกบันไดหนีไฟตายจะเป็นเรื่องเดียวกับผีคอหัก แต่ภาสวัสร์ก็ดันบอกว่าไม่รู้ว่าจริงไหม เขาสติดีหรือเปล่านะ!

“แต่ที่แน่ๆ ห้องนี้คือห้องที่ไม่มีใครอนุญาตให้พนักงานเข้ามาง่ายๆ แน่นอน” คนพูดเอาแต่มองหญิงสาว ในดวงตาของเขามีรอยยิ้มเหมือนจะหยอกล้อหญิงสาวเล่น

“ถ้ามีใครรู้ว่าลูกอมเข้ามา ลูกอมจะถูกไล่ออกนะรู้หรือเปล่า” ภาสวัสร์กำลังเตือนหญิงสาวด้วยความหวังดี

เมื่อครู่เขาเดินตามเธอจนมาถึงที่ห้องนี้ เขาเองก็ต้องแอบๆ คนอื่นด้วยการพรางตัวเข้ามาเช่นกัน ถ้าหากมีใครจับได้จะไม่ได้มีแต่กอกานต์ที่จะเดือดร้อน เขาเองก็คงแย่ไม่ต่างกัน

ไม่สิ … ความจริงภาสวัสร์ควรรู้ตัวดีว่าเขาทำผิดตั้งแต่แอบออกมาจากห้องพักแล้ว ถ้ามารดารู้เรื่อง ทั้งเขาและสิริมาคงเดือดร้อน

หากเพราะความอยากเจอกอกานต์ ก็ทำให้ภาสวัสร์เอาชนะความกลัวที่เป็นเหมือนกำแพงสูงใหญ่ซึ่งกั้นตัวเขากับโลกภาพนอกมาสิบห้าปี ให้เขากล้าก้าวเท้าออกมาเพื่อจะพบหน้าคนที่ถูกใจเขาเหลือเกิน

ถูกใจตั้งแต่ได้กลิ่นครั้งแรกที่ติดตัวน้องชาย กระทั่งต้องแอบมาเห็นหน้าด้วยตัวเองแล้วเก็บเอาไปฝันถึงแทบทุกคืน ภาสวัสร์จึงไม่อยากให้เธอพลาดด้วยเรื่องอะไรแบบนี้

ส่วนภาสวัสร์ก็ไม่ชอบห้องนี้ เขาไม่ได้เข้าห้องนี้มานานเท่ากับเวลาที่เขากลัวการออกมาข้างนอกห้อง นั่นคือเวลาสิบห้าปี

และเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้น เพราะความทรงจำเขาหายไปถึงสองปี สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้ก็คือเขาเข้ามานั่งรอพ่อในห้องนี้ก่อนทุกอย่างจะหายไปจากสมองของเขา กว่าจะจำแม่และน้องชายได้ก็เกือบสองปีที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช

เวลานี้ทุกสิ่งที่ภาสวัสร์จำได้ก็คือสิ่งที่มารดาพูดและเอาใส่สมองเขามาตลอดเวลาที่พักรักษาตัว

“แก้มขอโทษค่ะ แก้มจะไม่เข้ามาที่นี่อีก” กอกานต์ยอมรับผิดที่เข้ามาในห้องสำคัญโดยไม่ได้รับอนุญาต “คุณภาสวัสร์ให้แก้มออกจากห้องนี้ไปก่อนเถอะนะคะ แก้มจะไม่เข้ามาที่นี่อีก” เธอรับปากหนักแน่น

ดวงตากลมมองเขาอย่างหวาดหวั่น ภาสวัสร์ไม่ได้อยากถูกมองแบบนี้เลย

“ก็ได้”

ภาสวัสร์ยอมขยับไปยืนไกลกว่าเดิม ได้แต่มองหญิงสาวรีบร้อนเดินออกไปจากห้อง แต่เขาก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมบางเรื่องจึงวิ่งตามกอกานต์ออกไป

“ลูกอม เดี๋ยวลูกอม”

เสียงเรียกของภาสวัสร์ทำให้กอกานต์หันมอง แม้จะว่าตัวเองว่าทำไมต้องหันด้วยชื่อที่เขาโมเมเรียกเธอเองด้วย

“คุณเรียกแก้มหรือคะ” พยายามออกเสียงชื่อตัวเองชัดๆ หวังว่าเขาจะไม่ตั้งชื่อให้เธอตามอำเภอใจ

“เรียกคุณนั่นแหละ ยัยกลิ่นลูกอม” ภาสวัสร์พลั้งปากหาเรื่องคนตัวเล็กไปอีกแล้ว ก่อนจะเห็นดวงตากลมขุ่นมากไปกว่าเดิมก็รีบยื่นถุงสีขาวที่ซุกไว้ในเสื้อแจ๊คเก็ตส่งให้ กอกานต์ยืนมองอย่างไม่เข้าใจ และชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายยัดมันลงในมือเธอ

“ของฝาก กินให้อร่อยนะ แล้วในนั้นก็มีทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการทำงานกับน้องชายผม ถ้าได้อ่าน ผมว่าคุณไม่มีทางตกงานแน่นอน”

“คุณเอามาให้แก้มทำไมคะ” กอกานต์ไม่เข้าใจเจตนาภาสวัสร์

“เพราะผมชอบคุณ” ภาสวัสร์ยื่นหน้ามากระซิบประโยคต่อมา ที่ทำให้ผิวหน้ากอกานต์ร้อนผ่าวด้วยความโกรธจัด “อยากได้คุณ”

“นี่คุณภาสวัสร์!” กอกานต์โกรธจนออกหน้าออกตา ชายหนุ่มยิ้มหวานแล้วส่ายหน้า

“ยังพูดไม่จบเลย ผมอยากได้คุณเป็นน้องสะใภ้ ผมชอบคุณจริงๆ นะ ช่วยจีบน้องชายผมให้ติดทีสิ ยัยลูกอม”



จบตอน


พี่วัสร์พูดแบบนั้นได้ยังไง ถามความสมัครใจพี่วินท์หรือยังคะ :P

ปล ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ ถ้าตรงไหนหลุด ก็ขออภัยน้า


คุณแว่นใส - นั่นสิๆ เมียน้อยคุณพ่อหรือเปล่าน้า

คุณ kaelek - ขอแก้มทำใจนิดนึง แต่พี่วัสร์มาตีงูให้ตื่นแบบนี้ พี่วินท์จะทำไงง่ะเนี่ย

คุณ nuch - คนร้ายคือใครกัน แล้วจะหลอกแก้มไปทำไม รออ่านต่อนะคะ ^^



พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2560, 12:32:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2560, 12:32:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 862





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 - 50% >>
แว่นใส 23 ก.ค. 2560, 17:36:44 น.
พี่วัสร์ตั้งใจงั้นจริงเหรอ


kaelek 23 ก.ค. 2560, 17:55:54 น.
โดนตวาดทีเดียวก็สั่นแล้ว ลูกอมจะเอาความกล้าที่ไหนไปจีบลาะพี่วัสร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account