ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 9 - 100%

ตอนที่ 9 - 100%


แต่ไม่นานหัวใจที่เต้นแรงของกอกานต์ก็เต้นแผ่วเป็นจังหวะช้าๆ เพราะเธอได้ยินแทนไทเตือนนัดหมายสำคัญของภาสวินท์ผ่านประตูที่ระหว่างห้องเจ้านายกับห้องทำงานของกอกานต์ซึ่งมักจะเปิดค้างเอาไว้เสมอ

“วันนี้คุณวินท์มีนัดรับประทานอาหารกับคุณอนงค์นาง คุณเดชาและคุณนิกกี้นะครับ”

ถึงกอกานต์จะทำงานไม่กี่วันก็เคยได้ยินชื่อ นิกกี้ หรือ ชนิณิภา มาหลายที รวมถึงแผนงานแต่งงานระหว่างภาสวินท์กับชนิณิภาที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ด้วย




ท่ามกลางเสียงหัวเราะในห้องส่วนตัวของภัตรคารอาหารจีนเจ้าดัง ภาสวินท์กลับอึดอัด แม้อาหารร้านนี้จะอร่อยจนได้รางวัลลงหนังสือมากมาย หากชายหนุ่มกลับไม่รู้รสอะไรเลย ต้องฝืนยิ้ม ฝืนตอบเมื่อมารดาหรือไม่ก็เดชาพูดกับเขา

“พี่เดชาคะ นางว่าไหนๆ อีกหน่อยหนูนิกกี้กับตาวินท์ก็ต้องแต่งงานกัน แถมหุ้นที่พี่เดชามีในวัสวากรุ๊ปก็ไม่น้อย นางเลยอยากให้ตาวินท์เปิดตัวว่าหนูนิกกี้คือเจ้าของอีกคนหนึ่งของวัสวากรุ๊ป พี่เดชาเห็นด้วยกับแผนการของนางไหมคะ” อนงค์นางถามความเห็นชายวัยกลางคนเพียงคนเดียวของโต๊ะอาหาร

เดชา ฤกษ์ภัคพัฒน์เป็นเศรษฐีเจ้าของบริษัทณิภาภัค ซึ่งเป็นบริษัทขายบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมชื่อดัง ปีนี้เดชาอายุเกือบหกสิบปีแล้ว เป็นผู้ชายที่แม้จะอายุเยอะหากร่างกายและหน้าตายังดูดี ไม่ได้ลงพุงและโรยราไปตามวัยมากนัก คงเพราะเดชาเป็นคนอารมณ์ดี มักจะยิ้มและหัวเราะอยู่เสมอ

“พี่ก็เห็นด้วยกับนาง แต่นิกกี้จะไหวหรือ ยัยลูกคนนี้ทำงานอะไรก็ไม่เป็น กลัวจะทำให้วินท์รำคาญมากกว่า” เดชาอาจจะไม่ไว้ใจชนิณิภา หากน้ำเสียงและแววตาก็เต็มไปด้วยความเอ็นดูลูกสาวสุดที่รัก

ชนิณิภาเป็นลูกสาวคนเดียว เกิดจากภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว เดชาจึงรักและตามใจลูกสาวมาก หลังจากเสียภรรยาไป เดชาอาจจะมีผู้หญิงสาวๆ เอ๊าะๆ มาสร้างสีสันให้ชีวิตบ้าง แต่ไม่เคยคิดยกผู้หญิงคนไหนมาเป็นภรรยาใหม่ก็เพราะกลัวลูกสาวเสียใจ

“นิกกี้ไม่อยากทำให้พี่วินท์หงุดหงิดหรือรำคาญค่ะ นิกกี้ว่านิกกี้อยู่ฝ่ายให้กำลังใจดีกว่านะคะ” ชนิณิภาออกตัวชัดมากกว่าขอไม่แตะงานในวัสวากรุ๊ป เธอไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องทำงานเลยในเมื่อภาสวินท์ทำได้ทุกอย่าง เป็นภรรยาแสนสวย คอยเอาอกเอาใจสามีก็พอแล้ว

“แต่ว่าหนูก็ควรเรียนรู้งานในฐานะเจ้าของวัสวากรุ๊ปอีกคนไว้บ้าง ต่อไปถ้าแม้วางมือ แล้วยกตำแหน่งให้พี่วินท์เขา บริษัทตั้งใหญ่โตพี่วินท์ทำคนเดียวไม่ไหวหรอก” อนงค์นางพยายามใจเย็นกับหญิงสาวจอมขี้เกียจ แต่ดูเหมือนจะรดน้ำลงบนทรายเมื่อชนิณิภาไม่เห็นว่าจะเดือดร้อนอะไรตรงไหน

“ถ้างานพี่วินท์เยอะมากก็จ้างคนเข้ามาช่วยสิคะ นิกกี้ทำงานไม่เป็นหรอกค่ะ” ชนิณิภาหันไปทางบิดา อ้อนขอให้บิดาตามใจเธอ “คุณพ่อส่งคนมาช่วยพี่วินท์หน่อยสิคะ”

เดชารู้ว่าความต้องการของอนงค์นางที่อยากสร้างภาพลักษณ์ลูกสาวในฐานะภรรยาคนเก่งของภาสวินท์ เก่งเหมือนอนงค์นาง เดชาเองก็ชอบถ้าลูกสาวหัดทำงานทำการบ้างจึงลองโน้มน้าวใจลูกสาว

“แต่พ่อเห็นด้วยกับนางเขานะ นิกกี้เข้าไปฝึกเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้นะลูก เรื่องบางเรื่องเราไว้ใจคนอื่นไม่ได้หรอกนะ ขนาดคนเป็นสามีภรรยากัน โกงกันหลอกกันยังมี จะไปไว้ใจอะไรคนนอกเล่าลูก”

อนงค์นางชะงักมือที่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ คำสอนลูกสาวของเดชาเหมือนมีดกรีดใจ สามีของอนงค์นางก็โกหกหลอกลวงเธอเช่นกัน

“ไม่เอาค่ะ ไม่เอา นิกกี้ไม่ชอบทำงาน” ชนิณิภาเริ่มงอแงเหมือนเด็ก

ด้วยกลัวจะทำให้มื้อาหารกร่อยลงทำให้ทุกคนเลิกคุยเรื่องนี้ หลังจากจานอาหารบนโต๊ะถูกยกออก เหลือเพียงถ้วยน้ำชา ภาสวินท์ก็ขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำโดยเดชาเดินตามหลังเขามา และบอกกับหนุ่มคราวลูกอย่างเหนื่อยใจ

“วินท์ ลุงขอโทษแทนเจ้านิกกี้ด้วยนะวินท์ ลุงเลี้ยงนิกกี้มาแย่เอง นิกกี้ไม่เคยยอมทำอะไรจริงจังสักอย่าง” เดชาโอบไหล่ว่าที่ลูกเขย “วินท์คงเหนื่อยกับนิกกี้ แต่ขอให้เอ็นดูน้องเถอะนะ ลุงเองก็จะพยายามให้นิกกี้เรียนรู้อะไรบ้าง”

“ครับคุณลุง” ภาสวินท์ตอบรับ เขาทำใจมามาก จนไม่รู้ว่าเหลืออีกส่วนของใจที่จะหมดความอดทนกับคนที่เขาพยายามจะรัก

“วินท์ดูหน้าตาเหนื่อยๆ งานเยอะหรือ” เดชาถามอย่างเป็นห่วง

“เยอะครับ แต่ก็ยังไหวอยู่” ภาสวินท์ยอมรับตรงๆ แต่ไม่คิดจะหยุดหรือท้อกับงานมากมาย มีอีกสองคนข้างหลังเป็นเหมือนแรงให้ภาสวินท์เดินหน้าต่อ อีกอย่างเมื่อก่อนแม่ทำงานเยอะกว่านี้คนเดียวยังไหวเลย

“พยายามเข้านะ ถ้ามีอะไรก็บอกลุงได้ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” เดชาให้กำลังใจ ก่อนถามถึงใครอีกคนซึ่งไม่ได้เจอมาสิบห้าปีแล้ว “ว่าแต่ เจ้าวัสร์ พี่ชายของวินท์เป็นยังไงบ้าง กลับไทยมาบ้างหรือเปล่า หายเงียบไปเลยนะ”

ภาสวินท์สบตาคนรุ่นพ่อด้วยรอยยิ้ม

“พี่วัสร์ไม่อยากกลับมาน่ะครับ” ตอบโกหกเรื่องพี่ชายไปได้อย่างแนบเนียน อีกฝ่ายทำหน้าเสียดาย

“เหรอ ลุงอยากเจอเจ้าวัสร์นะ ว่าแต่เขาหายดีจากความกลัวตอนเด็กแล้วใช่ไหม”

ตอนนั้นเดชาก็อยู่ในเหตุการณ์ที่ภาสวัสร์ตกอยู่ในสภาพช็อคจากภาพโหดร้าย ภาสวัสร์กลายเป็นเด็กไม่พูดไม่จา ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะร่าเริง แถมซนเกินไปด้วยซ้ำ

“หายแล้วครับ” ภาสวินท์โกหกได้แนบเนียนอีกครั้ง “แต่พี่วัสร์ก็ยังจำเรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อนไม่ได้ แต่ผมว่าก็ดีแล้ว เพราะเขาจะได้ไม่ต้องมีความทรงจำโหดร้ายอีก”

“ลุงก็ว่าดีเหมือนกัน นี่…เดี๋ยวงานแต่งวินท์กับนิกกี้ ก็ขวนพี่เขากลับมานะ ลุงคิดถึง” เดชาบอกแล้วเดินนำเข้าห้องน้ำไปก่อน คล้อยหลังก็คือคนหนุ่มกว่ายืนหุบยิ้ม แล้วถอนหายใจเฮือกยาว

งานแต่ง …ประตูของชีวิตคู่ ภาสวินท์รู้สึกเหมือนกำลังเข้าจะผ่านประตูนรกมากกว่า!




ความกลุ้มชนิดแน่นอกไม่รู้จะไประบายออกกับใคร ภาสวินท์จึงชวนเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมอย่างหนึ่งฟ้าไปดื่มกันที่บาร์หรูบนชั้นดาดฟ้าของห้างวัสวา ที่อยู่ติดกับทั้งบ้านและที่ทำงานของภาสวินท์ หนึ่งฟ้าได้ดื่มฟรีมีหรือจะปฏิเสธ ก่อนจะได้ยินเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องเดิมๆ ของเพื่อนซี้

สถาปนิกหนุ่มผู้มีนิสัยพูดตรงไปตรงมา ไม่ชอบอ้อมค้อมให้เสียเวลากระดกเบียร์ดื่มหนึ่งอึกใหญ่แล้วตอบด้วยท่วงท่าสบายๆ ผิดกับคนฟังที่นั่งหน้าเครียด

“แกก็ไม่ต้องแต่งสิวะ” หนึ่งฟ้าเสนอความคิด คุณหนูเอาแต่ใจอย่างหนึ่งฟ้าไม่มีทางที่ใครจะมาบังคับเขาได้หรอก ยิ่งการแต่งงานที่จะต้องอยู่ด้วยกันไปสิบยี่สิบปีด้วยแล้ว หนึ่งฟ้าไม่มีทางยอมแต่งเพราะผู้ใหญ่บังคับแน่นอน

“ฉันไม่กล้าขัดใจแม่ กลัวโรคหัวใจแม่กำเริบ ที่แม่ต้องเป็นโรคนี้ก็เพราะแม่ทำงานหนักมาตั้งแต่พ่อฉันเสีย แค่เรื่องพี่ชายก็หนักพอแล้ว” ภาสวินท์เล่าเรื่องพี่ชายให้หนึ่งฟ้าฟังมาตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆ แล้ว ในช่วงที่เขาประสบปัญหาด้านฐานะจนเกือบต้องย้ายโรงเรียน แต่ภาสวินท์เป็นนักเรียนดีเด่นได้ทุนจึงได้เรียนต่อจนจบมัธยมปลาย หากข่าวพ่อตาย กิจการที่บ้านมีปัญหาก็ทำให้เพื่อนหลายคนรังเกียจเขา มีแค่หนึ่งฟ้าที่ไม่สนเรื่องข่าว ยังคุยกับเขาดีเรื่อยมา

“อืม แต่ว่าแกจะตามใจแม่เรื่องนี้ไม่ได้นะเว้ยวินท์ นอกจากแกจะต้องทนทุกข์กับคนที่แกไม่รักแล้วแกยังทำลายชีวิตของคุณนิกกี้ด้วย คุณนิกกี้ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก แกไม่คิดหรือว่าวันหนึ่งถ้าทนกันไม่ไหว คุณนิกกี้นั่นแหละจะแย่กว่านาย” หนึ่งฟ้าเตือนอีกด้าน ซึ่งใช่ว่าภาสวินท์จะไม่เคยคิด ถ้าหากวันข้างหน้าเขาหรือชนิณิภาต้องเลิกรากัน ชนิณิภาต้องกลายเป็นผู้หญิงผ่านการแต่งงานแล้วคงถูกคนมองแย่กว่าเขาซึ่งเป็นผู้ชาย หากเขามองไม่เห็นหนทางที่จะยกเลิการแต่งงานได้เลย

“เรื่องบุญคุณความแค้นนั่นก็ด้วย แกคิดจะเอาชีวิตไปทดแทนบุญคุณเหมือนพวกพระเอกนางเอกหนังจีนเลยหรือวะ ชีวิตแกนะเว้ยไอ้วินท์”

หนึ่งฟ้าไม่เห็นด้วยกับความคิดเพื่อนจริงๆ

“เมื่อก่อนแกไม่ใช่คนแบบนี้นะวินท์ แกเคยเป็นคนมีความคิดของตัวเอง ไม่ใช่ไหลไปแบบใครลากไปไหนก็ไป”

ภาสวินท์ไม่เคืองกับคำพูดของเพื่อน เพราะเพื่อนก็นิสัยแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร มีเขานี่ล่ะที่เปลี่ยนนิสัย…เปลี่ยนตัวตนจากจุดที่เห็นแม่เหนื่อยจนโรคหัวใจกำเริบ ภาสวินท์ก็พร้อมจะโยนเรื่องตัวเองทิ้ง และทำทุกอย่างให้คนรอบตัวมีความสุข

“เฮ้อ ค่อยๆ คิดนะเพื่อน” หนึ่งฟ้าเห็นเพื่อนเครียดและเอาแต่ก้มหน้า ไม่เถียง ไม่ค้านก็เห็นใจ ตบไหล่เพื่อนเบาๆ “บางทีกุญแจดอกสำคัญอาจจะอยู่ไม่ไกลมือแกเลยก็ได้ ค่อยๆ หาทางออกเดี๋ยวก็เจอ”

“ขอบใจว่ะ ฉันก็หวังว่าจะเจอกุญแจดอกนั้นเหมือนกัน” ภาสวินท์ภาวนาให้เขาหาทางออกได้สักที



ตอนเช้าก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมงนั้น กอกานต์ในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกระโปรงยาวประมาณเข่ากำลังจะเดินเข้าตึกที่ทำงาน หากเธอเหลือบเห็นลุงศรยืนหลบหลังต้นไม้ กอกานต์ตื่นเต้น รีบก้าวเท้าไปหาลุงศร เพราะไม่ได้เจอลุงศรมานานตั้งแต่สวนลึกลับนั่นหายไป

“ลุงคะ ลุงศรคะ! ”

ลุงศรพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในสนามหญ้าข้างๆ ตึก กอกานต์รีบตามไปอย่างรวดเร็วกระทั่งถึงกลางสนามหญ้า ลุงศรกลับหายไป กอกานต์หมุนซ้ายหมุนขวา หาไปทั่วแถวนั้นก็ไม่พบลุงศรเลย แต่กลับเจอภาสวัสร์เข้ามาหาเธอ เวลานี้อากาศออกจะร้อนหากชายหนุ่มกลับสวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์ และยังคงสวมหมวกแก๊ปไว้บนศีรษะ หน้าตา ท่าทางของภาสวัสร์รีบร้อนผิดปกติ

“ยัยกลิ่นลูกอม! มากับผมเดี๋ยวนี้เลย” ภาสวัสร์ไม่พูดเปล่า เขาฉวยข้อมือเธอแน่นก่อนจะลากให้ตามเขาไป กอกานต์ถลึงตาใส่ พยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือหนา แต่ก็ไม่มีทางเลย!

“ปล่อยแก้มนะคุณภาสวัสร์ คุณจะพาแก้มไปไหน ถ้าไม่ปล่อยแก้มจะร้องให้คนช่วยแล้วนะคะ!! ” กอกานต์ขู่ชายหนุ่ม กลับเสียแรงเปล่า เขาไม่ยอมฟังเธอเลย

“คุณต้องช่วยผมนะ คุณลูก…คุณแก้ม” ภาสวัสร์หันมาพูดด้วย เขายอมเรียกชื่อเล่นของเธอแล้ว กอกานต์คว่ำปากใส่คนพูดไม่รู้เรื่อง

“ถ้าเป็นเรื่องคุณวินท์ แก้มบอกแล้วไงคะว่าไม่มีทาง แก้มไม่ได้ชอบ…”

ทว่าภาพตรงหน้าก็หยุดทุกคำพูดของกอกานต์ ภาสวัสร์ปล่อยมือรีบวิ่งไปนั่งข้างๆ ร่างเล็กของผู้หญิงที่นอนนิ่งอยู่บนม้านั่งภายในสนามหญ้าด้านหลังตึก ซึ่งเป็นส่วนที่ติดกับบ้านของเจ้าของวัสวากรุ๊ป

“ช่วยแม่ผมด้วยคุณแก้ม แม่ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็หมดสติอยู่ตรงนี้” ภาสวัสร์อ้อนวอนด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

“คุณแม่หรือคะ แล้วทำไมท่านมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” กอกานต์ตกใจ ถ้าบอกว่าเป็นคุณแม่ของภาสวัสร์ ก็ต้องเป็นท่านประธานแห่งวัสวากรุ๊ปน่ะสิ สมองของกอกานต์ตื่นตัวเต็มที่

“ต้องไปตามคนมาช่วย แก้มจะไปตามคนมานะคะ” กอกานต์หมุนตัวเตรียมจะวิ่งไปตามคนด้านในตึก หากภาสวัสร์กลับดึงข้อมือเธอไว้อีกครั้ง หญิงสาวหันไปถามเสียงดัง “อะไรอีกเล่าคุณ! ”

“ผมจะไปตามคนเอง คุณช่วยอยู่กับแม่ผมแทนนะ”

ภาสวัสร์พูดจบก็วิ่งเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว ทำให้กอกานต์ต้องรีบไปดูอนงค์นางแทน ใบหน้าอนงค์นางเวลานี้ค่อนข้างซีด ดวงตาที่ปิดเริ่มปรือขึ้นมองเธอ

“คุณคะ เข้มแข็งไว้นะคะ เดี๋ยวมีคนมาช่วยแล้วค่ะ” กอกานต์จับมือของอนงค์นางไว้แน่น พอเห็นว่าท่านประธานพยักหน้า บีบมือเธอกลับ มีสติรับรู้ก็ใจชื้นขึ้นมาก


น่าแปลกที่พวกพนักงาน หรือรถพยาบาลมารับตัวอนงค์นางไปรักษาตัว กอกานต์กลับไม่เห็นภาสวัสร์มากับคนพวกนี้ด้วย และช่วงเช้าถึงเที่ยงภาสวินท์ก็ไม่ได้มาทำงาน เธอได้ยินว่าเขาไปดูแลมารดาที่โรงพยาบาล




กอกานต์ปฏิเสธคำชวนออกไปกินข้าวของพี่ๆ การตลาด เธอวกกลับไปที่สนามด้านหลังของตึกเพื่อตามหาลุงศร แต่คนที่เธอพบกลับเป็นภาสวัสร์ เขายืนเงีบบๆ มองม้านั่งตัวที่อนงค์นางนอนหมดสติเมื่อตอนเช้าเพียงลำพัง

หญิงสาวค่อยๆ เดินไปทางด้านหลัง ภาสวัสร์รู้สึกตัวไว หันกลับมามองหน้าเธอ

“ขอบคุณนะที่ช่วยแม่ผมไว้” เขาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ซุกซนเหมือนทุกครั้ง

“คุณหายไปไหนหรือคะ ไม่เห็นคุณกลับมากับพวกพนักงานเลย” กอกานต์ถามอย่างแปลกใจ

“คุณมองไม่ดีเอง ผมก็อยู่รวมๆ กับพวกพนักงานนั่นแหละ” ภาสวัสร์เถียงกลับ กอกานต์ขมวดคิ้ว เพราะไม่คิดว่าสายตาตัวเองไม่ดีอยางภาสวัสร์กล่าวหา แต่เอาเถอะ เธอขี้เกียจเถียงกับคนหน้าตาเซื่องซึม เขาคงเครียดเรื่องอาการคุณแม่มากอยู่แล้ว

“แล้วตอนนี้ อาการคุณแม่ของคุณเป็นยังไงบ้างคะ” กอกานต์ไม่ได้รับโทรศัพท์จากทั้งภาสวินท์และแทนไท ในแผนกการตลาดก็ไม่มีใครรู้ข่าวล่าสุดกันเลย

“ผมรู้มาว่าแม่ไม่เป็นอะไรมาก ท่านเครียดก็เลยความดันขึ้นน่ะ”

ภาสวัสร์รู้สึกว่าโชคดีที่เขาแอบออกมาเที่ยวเล่นตามคำแนะนำของสิริมาแล้วได้เห็นมารดาตอนล้มเลยเข้ามาช่วยทัน ไม่อย่างนั้นศีรษะของมารดาอาจจะฟาดกับพื้นก็ได้ แม้จะเสี่ยงโดนจับได้ว่าแอบหนีออกมาจากห้อง เขาก็ไม่สนใจ

ถึงมารดาจะรังเกียจ มองว่าเขาเป็นปมด้อยของครอบครัว แต่อย่างไรภาสวัสร์ก็รักมารดามากจนลืมความน้อยเนื้อต่ำใจไปหมด

พอมายืนตรงนี้ ภาสวัสร์ก็นึกถึงเรื่องแปลกๆ ที่เขาเจอ

“คุณภาสวัสร์มองอะไรหรือคะ” กอกานต์มองตาม เมื่อภาสวัสร์เงยหน้ามองไปยังหน้าต่างชั้นบน เขาไม่ลดสายตาลงมามองเธอ ระหว่างบอกเธอว่า

“เรื่องผู้หญิงกระโดดฆ่าตัวตายที่เขาลือกัน ผมว่าเป็นเรื่องจริง”

กอกานต์มองหน้าคนพูดด้วยตาโตๆ “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเรื่องจริงคะ”

กอกานต์ไม่เคยฟังข่าวลือตึกมาก่อนหรอก ไม่มีใครกล้าเล่าเรื่องผีในตึกนี้ด้วย ได้ยินว่าภาสวินท์ไม่ชอบการได้ยินเรื่องผีสาง ใครพูดใครเล่าอาจจะโดนลงโทษขั้นรุนแรงได้ แต่กอกานต์อยากได้คำยืนยันเรื่องผีสาวคอหักมากกว่า ว่ามีอยู่จริงหรือเธอเพี้ยนไปเองกันแน่

“ผมอยู่ในบ้านนั้น ห้องของผมตรงกับหน้าต่างพวกนี้พอดี … เวลาผมมองมาที่ตึกนี้ บางครั้งผมก็เห็นผู้หญิงกระโดดลงจากตึกก่อนที่ผู้ชายกระโดดตามลงมา”

ภาสวัสร์สบตาของกอกานต์ที่เวลานี้ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น

“คุณอาจจะคิดว่าผมบ้า ผมตาฝาด ผมสติไม่ดี แต่ผมยืนยันว่าผมเห็นซ้ำๆ จนกลายเป็นเรื่องชินชาไปแล้ว …ไม่มีใครเชื่อผมสักคนหรอกว่าตึกนี้มีทั้งผีคอหักและผีลุงแก่ๆ ลอยไปลอยมาอยู่”

อยู่ๆ รูปปั้นชื่อกอกานต์ก็ทรุดลงนั่งกับพื้นหญ้า หน้าเธอซีดและมือเล็กๆ ของเธอที่ยกมือจับมือของเขานั้นเย็นเฉียบ ภาสวัสร์ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองพูดสิ่งที่น่ากลัวออกไป

“ผมขอโทษนะคุณแก้ม ผมคงทำให้คุณกลัว”

“แก้มเชื่อคุณนะคุณภาสวัสร์ เพราะแก้มเคยเห็นผีผู้หญิงคอหักจริงๆ …เคยเห็นจริงๆ นะคะ!! ”


จบตอน


เจอเรื่องที่คิดตรงกันสักทีนะ แก้มกับพี่วัสร์เนี่ย ^^


คุณแว่นใส - แก้มกับพี่วัสร์มีทีมตามหาผีแล้ว เย้

คุณ kaelek - ฮี่ๆ ระหว่างพี่วัสร์กับแก้มจะแอบน่ากลัวหน่อยๆ ส่วนกับพี่วินท์จะออกแนวมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊ง หน้าแดงๆ อิอิ


พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2560, 00:34:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2560, 00:47:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1016





<< ตอนที่ 9 - 50%   ตอนที่ 10-50% >>
kaelek 27 ก.ค. 2560, 07:26:08 น.
โหยยยย เล่าซะน่ากลัวเลย แล้วแก้มจะกล้ามาท้าพิสูจน์เหรอ


แว่นใส 27 ก.ค. 2560, 07:39:00 น.
เรื่องผี หนูไม่ยุ่ง ปล่อยเขาไปเถอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account