ความทรงจำใต้ผืนทราย
หนึ่งรัก สองภพ คำสัญญา และการรอคอย
พระองค์-ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และ นาง-สตรีผู้เสียความทรงจำ
สิ่งใดหนอนำทั้งสองมาพบกัน ...มันคือ โชคชะตา หรือ ความผูกพัน
พระองค์-ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และ นาง-สตรีผู้เสียความทรงจำ
สิ่งใดหนอนำทั้งสองมาพบกัน ...มันคือ โชคชะตา หรือ ความผูกพัน
Tags: อียิปต์ ฟาโรห์ ย้อนยุค ทะเลทราย ความทรงจำ
ตอน: ตอนที่ 3 (1)
ค่อนข้างสายจนล่วงเข้าสู่ชั่วโมงที่สามของเวลากลางวัน แล้ว กว่าที่องค์ฟาโรห์และเฮเทอร์จะพร้อมออกเดินทาง แม้ยาตูผู้สามีจะยังนอนหลับสนิทส่งเสียงกรนจนดังสนั่น แต่กียาผู้ภรรยากลับลุกขึ้นมาจัดหาอาหารให้นักเดินทางอย่างกระตือรือล้นแต่เช้าตรู่ ฟาโรห์ทรงเดาว่า นอกจากเนื้อแท้ที่นางมิใช่คนใจคอคับแคบแล้ว นางอาจกำลังทำงานตอบแทนของมีค่าที่ได้รับอยู่ก็เป็นได้
ก็แปลกดี ที่อยู่ ๆ ผู้ให้ความช่วยเหลือในตอนแรก กลับกลายเป็นผู้ที่ต้องตอบแทนในภายหลัง
นอกจากอาหารที่นางจัดหามาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้ว กียายังหาผ้าผืนใหม่ให้เฮเทอร์ได้ใส่อีกด้วย
‘เจ้าน่ะยังสาว แต่งกายให้สวยงามไว้เถิด ผัวเจ้าจะได้ชื่นใจ’
นึกถึงคำพูดนี้ของกียาเมื่อตอนเช้า ก็คล้ายจะได้เห็นใบหน้าเลิกลั่กของคน ‘ยังสาว’ ที่ต้องอือ ๆ ออ ๆ ตอบรับกลับไปอีกครั้ง
ทรงเผลอองค์ยิ้มออกมาเสียกว้าง ดีที่ตอนนี้พระองค์กำลังเดินอยู่เพียงลำพัง มิฉะนั้นแล้วคงหาคำพูดแก้ตัวไม่ทัน
เจ้าม้าตัวโปรดที่ยืนอยู่เดียวดายใต้ต้นไม้ใหญ่มาเกือบทั้งคืน เมื่อเห็นพระองค์เดินใกล้ก็ทำท่ากระตือรือร้น ยิ่งครั้งทรงปลดเชือกที่ผูกไว้ เจ้าอาชาตัวใหญ่ก็ทำท่าเริงร่า เอาหัวดุนเข้ากับพระอุระและส่งเสียงฟืดฟาดยามได้รับผักใบเขียวเป็นรางวัล ...ทรงถือโอกาสยิ้มให้กับม้าและกับห้วงคำนึงขององค์เองไปเสียพร้อม ๆ กัน
ไม่นานนัก กียาก็เดินจูงมือเฮเทอร์ตามมาพอดีกับที่ผักสดหมดจากพระหัตถ์ การเดินทางของพระองค์และเฮเทอร์พร้อมแล้ว
“ขอให้พวกเจ้าโชคดี มีลูกชายหญิงพร้อมใช้นะ”
หญิงสูงวัยอวยพรให้อย่างที่ถูกที่ควรกับคู่ที่นางคิดว่าเป็นสามีภรรยากัน ฟาโรห์ทรงพยักพระพักต์รับราวกับพึงใจ
“ขอบคุณท่านมาก ที่ให้ความกรุณาพวกข้า”
ตรัสพร้อมกับฉวยมือของกียาขึ้นมาและวางธำมรงค์ทองวงใหญ่ประดับหินเลอค่าลงกับฝ่ามือนาง ก่อนอธิบายในขณะที่หญิงสูงวัยยังตะลึงไม่หาย
“ข้าให้ท่าน ‘เท่านั้น’”
ดวงตาของผู้รับยังเบิกโพลงแสดงถึงความตื่นตะลึงยามมองสบพระเนตร
“ทำไม” เสียงของนางสั่นยามเอ่ยถาม
“เพราะท่านมีน้ำใจ” ทรงปรายพระเนตรกลับเข้าไปในบ้าน “มันอาจเปลี่ยนชีวิตของท่านได้”
มือของหญิงสูงวัยสั่นเทายามกำธำมรงค์ไว้ น้ำตาเอ่อคลอหน่วยตาของนาง
“ข้าอยากปฏิเสธ แต่ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ ขอบใจพ่อหนุ่มมาก แต่...” น้ำตาของนางไหลออกมาเป็นสาย เจ้าตัวต้องรีบเช็ดจนเกือบดูลนลาน “...ข้าอยู่กับ ‘มัน’ มานานกว่าครึ่งของชีวิตข้า เป็นเช่นไร ข้าก็ทิ้งมันไม่ได้หรอก”
“ก็แล้วแต่ เพราะแหวนวงนี้เป็นของท่านแล้ว”
ทรงถอนพระปัสสาสะ มองไปทางหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย แม้นางจะไม่เข้าใจอะไรนัก แต่แววตาที่มองสตรีที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าก็เต็มไปด้วยความเห็นใจ
“ไปเถิด เฮเทอร์”
ทรงแตะแขนหญิงสาวเบา ๆ
“ลาก่อน ท่านป้า ขอให้ท่านโชคดี”
เฮเทอร์เอ่ยต่อกียาซึ่งหันมายิ้มตอบทั้งน้ำตา
แล้วฟาโรห์ก็ทรงประคองหญิงสาวขึ้นนั่งบนหลังม้า ก่อนจะเสด็จขึ้นตามไปนั่งด้านหลัง เมื่อทรงจับสายบังคับม้า ร่างของหญิงสาวที่ถูกกักอยู่กลางพระพาหาก็ดูนิ่งเกร็ง คล้ายพยายามหดไหล่ให้ตัวเล็กลู่ลงไปอีก
...นี่คงพยายามไม่สัมผัสตัวข้าอยู่สินะ...
ทรงนึกกระหยิ่มในพระทัย แม่คนงามร่างบาง นางจะพยายามขดตัวหนีไปได้ถึงไหนบนหลังม้าแคบ ๆ นี้ เพียงแค่พระองค์ลองกระตุกม้าให้โผทะยานออกไปเร็วหน่อย เชื่อเถิดว่าร่างงามนี้จะผวามาพิงพระอุระเอาเสียเอง
แล้วก็ทรงหันกลับไปมองกียาซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิม แม้ไม่อาจรู้ได้ว่าภาพของพระองค์และหญิงสาวในอ้อมพระพาหานี้ ทำให้หญิงผู้ต้องจมจ่ออยู่กับสามีแบบนั้นคิดอะไรได้บ้าง แต่พระองค์ก็ทำเท่าที่จะทรงทำได้แล้ว
ทรงพยักพระพักต์ให้กียาเล็กน้อย แล้วจึงดึงสายจูงปลุกอาชาให้ฮึกเหิม ม้าหนุ่มจึงคึกคัก ดีดขาหน้าขึ้นแหวกอากาศ ก่อนกระโจนวิ่งออกไปจนไกลจากบ้านหลังน้อยนั้นในชั่วพริบตา
ทำให้เจ้าคนงามที่เคยนั่งเกร็ง ต้องมาซบอยู่กับพระอุระในที่สุด
องค์สุริยเทพแผดแสงจ้าอยู่บนฟ้าในราวชั่วโมงที่สี่ของยามกลางวัน ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสทรงทอดพระเนตรมองอาชาที่ยืนพักกินน้ำอยู่ริมคลองซึ่งขุดไว้เพื่อส่งน้ำไปยังพื้นที่เกษตรกรรม ความแห้งขอดของลำคลองทำให้พระหทัยที่ควรแช่มชื่นในเวลาส่วนพระองค์กลับหมองลงอย่างน่าเสียดาย
ยิ่งหันไปเห็นใบหน้าเปื้อนเหงื่อของคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง ก็ยิ่งรู้สึกราวกับมีหินมาถ่วงพระหทัย
เพิ่งจะเมื่อวานที่ทรงช่วยนางขึ้นมา แต่เหตุใดจึงรู้สึกใกล้ชิดผูกพันจนอยากปกป้องทะนุถนอมนางไว้ ไม่ต้องการให้คลาดสายพระเนตรแม้แต่น้อยเช่นนี้
เพียงวันเดียว ยังทำให้ฟาโรห์แห่งอียิปต์ที่ทรงอำนาจเป็นได้ถึงเพียงนี้ เจ้าเฮเทอร์คนหน้าซื่อตาใส ทำได้อย่างไรกันหนอ
ทรงอยากเอ่ยถามเหลือเกิน ว่านางจะไม่ลองเปลี่ยนใจไปอยู่กับพระองค์เชียวหรือ แต่หากถามออกไปจริง ๆ นางอาจจะคิดว่าพระองค์เป็นคนฉวยโอกาสที่ช่วยเหลือนางด้วยใจไม่บริสุทธิ์ หากจะคุย คุยเรื่องอื่นเสียดีกว่า
...แล้วเรื่องอะไรดีเล่า...
“เมื่อถึงชานเมืองวาเสต คนของข้าจะมารับเจ้าไปที่พัก” ทรงหันไปแจ้งความสำคัญกับนางเมื่อนึกขึ้นได้ “เจ้า กังวลสิ่งใดหรือไม่”
หญิงสาวส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มให้
“ข้าเชื่อท่าน”
“เชื่อ ?” ทรงเลิกพระขนง “เชื่ออันใด”
“เชื่อว่า ไม่ว่าที่ใดที่ท่านจะให้ข้าไป ข้าจะปลอดภัย”
ฟาโรห์ทรงสรวลดัง
“เจ้าช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง เฮเทอร์”
“เปล่าเจ้าค่ะ” นางพลอยยิ้มกว้างไปด้วย “แต่ หากท่านจะทำร้ายข้าจริง ๆ ข้าก็คงไม่ได้มานั่งแบบนี้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลคือ...”
“คืออันใด”
“ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย นาเมส” นางช้อนตาขึ้นมองพระองค์ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากต่อไปข้าสามารถทำอะไรให้ท่านได้ หรือท่านต้องการสิ่งใด ข้ายินดีที่จะตอบแทนท่าน ข้ารู้ว่าข้าอาจจะทำอะไรได้ไม่มาก แต่ข้าก็ยินดี...”
“ยินดีจริงหรือ”
คำถามของพระองค์ทำให้หญิงสาวชะงักพยายามมองหาความหมายจากแววเนตรของพระองค์ และสิ่งที่นางมองเห็นทำให้ตัวเองต้องหลุบตาลงต่ำ
“เอาเถิด เจ้าเชื่อข้า ข้าก็ยินดีแล้ว”
ตรัสด้วยความรู้สึกโกรธองค์เองที่เผลอแสดงสิ่งที่ค้างอยู่ในพระทัยออกมา แม้เพียงน้อยก็ไม่ต้องการให้นางหลบตาพระองค์เช่นนี้ แค่คิดว่าดวงตากลม ๆ ใส ๆ คู่นั้นจะมองพระองค์เปลี่ยนไป พระโอษฐ์ก็ปิดสนิท ได้แต่ถอนพระปัสสาสะอย่างคล้ายเหนื่อยระอา
“อากาศร้อนจัดแล้ว เร่งเดินทางกันเถิด”
ทรงลุกขึ้นกระตุกม้าให้เดินทางท่ามกลางความเงียบอีกครั้ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ก็แปลกดี ที่อยู่ ๆ ผู้ให้ความช่วยเหลือในตอนแรก กลับกลายเป็นผู้ที่ต้องตอบแทนในภายหลัง
นอกจากอาหารที่นางจัดหามาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้ว กียายังหาผ้าผืนใหม่ให้เฮเทอร์ได้ใส่อีกด้วย
‘เจ้าน่ะยังสาว แต่งกายให้สวยงามไว้เถิด ผัวเจ้าจะได้ชื่นใจ’
นึกถึงคำพูดนี้ของกียาเมื่อตอนเช้า ก็คล้ายจะได้เห็นใบหน้าเลิกลั่กของคน ‘ยังสาว’ ที่ต้องอือ ๆ ออ ๆ ตอบรับกลับไปอีกครั้ง
ทรงเผลอองค์ยิ้มออกมาเสียกว้าง ดีที่ตอนนี้พระองค์กำลังเดินอยู่เพียงลำพัง มิฉะนั้นแล้วคงหาคำพูดแก้ตัวไม่ทัน
เจ้าม้าตัวโปรดที่ยืนอยู่เดียวดายใต้ต้นไม้ใหญ่มาเกือบทั้งคืน เมื่อเห็นพระองค์เดินใกล้ก็ทำท่ากระตือรือร้น ยิ่งครั้งทรงปลดเชือกที่ผูกไว้ เจ้าอาชาตัวใหญ่ก็ทำท่าเริงร่า เอาหัวดุนเข้ากับพระอุระและส่งเสียงฟืดฟาดยามได้รับผักใบเขียวเป็นรางวัล ...ทรงถือโอกาสยิ้มให้กับม้าและกับห้วงคำนึงขององค์เองไปเสียพร้อม ๆ กัน
ไม่นานนัก กียาก็เดินจูงมือเฮเทอร์ตามมาพอดีกับที่ผักสดหมดจากพระหัตถ์ การเดินทางของพระองค์และเฮเทอร์พร้อมแล้ว
“ขอให้พวกเจ้าโชคดี มีลูกชายหญิงพร้อมใช้นะ”
หญิงสูงวัยอวยพรให้อย่างที่ถูกที่ควรกับคู่ที่นางคิดว่าเป็นสามีภรรยากัน ฟาโรห์ทรงพยักพระพักต์รับราวกับพึงใจ
“ขอบคุณท่านมาก ที่ให้ความกรุณาพวกข้า”
ตรัสพร้อมกับฉวยมือของกียาขึ้นมาและวางธำมรงค์ทองวงใหญ่ประดับหินเลอค่าลงกับฝ่ามือนาง ก่อนอธิบายในขณะที่หญิงสูงวัยยังตะลึงไม่หาย
“ข้าให้ท่าน ‘เท่านั้น’”
ดวงตาของผู้รับยังเบิกโพลงแสดงถึงความตื่นตะลึงยามมองสบพระเนตร
“ทำไม” เสียงของนางสั่นยามเอ่ยถาม
“เพราะท่านมีน้ำใจ” ทรงปรายพระเนตรกลับเข้าไปในบ้าน “มันอาจเปลี่ยนชีวิตของท่านได้”
มือของหญิงสูงวัยสั่นเทายามกำธำมรงค์ไว้ น้ำตาเอ่อคลอหน่วยตาของนาง
“ข้าอยากปฏิเสธ แต่ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ ขอบใจพ่อหนุ่มมาก แต่...” น้ำตาของนางไหลออกมาเป็นสาย เจ้าตัวต้องรีบเช็ดจนเกือบดูลนลาน “...ข้าอยู่กับ ‘มัน’ มานานกว่าครึ่งของชีวิตข้า เป็นเช่นไร ข้าก็ทิ้งมันไม่ได้หรอก”
“ก็แล้วแต่ เพราะแหวนวงนี้เป็นของท่านแล้ว”
ทรงถอนพระปัสสาสะ มองไปทางหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย แม้นางจะไม่เข้าใจอะไรนัก แต่แววตาที่มองสตรีที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าก็เต็มไปด้วยความเห็นใจ
“ไปเถิด เฮเทอร์”
ทรงแตะแขนหญิงสาวเบา ๆ
“ลาก่อน ท่านป้า ขอให้ท่านโชคดี”
เฮเทอร์เอ่ยต่อกียาซึ่งหันมายิ้มตอบทั้งน้ำตา
แล้วฟาโรห์ก็ทรงประคองหญิงสาวขึ้นนั่งบนหลังม้า ก่อนจะเสด็จขึ้นตามไปนั่งด้านหลัง เมื่อทรงจับสายบังคับม้า ร่างของหญิงสาวที่ถูกกักอยู่กลางพระพาหาก็ดูนิ่งเกร็ง คล้ายพยายามหดไหล่ให้ตัวเล็กลู่ลงไปอีก
...นี่คงพยายามไม่สัมผัสตัวข้าอยู่สินะ...
ทรงนึกกระหยิ่มในพระทัย แม่คนงามร่างบาง นางจะพยายามขดตัวหนีไปได้ถึงไหนบนหลังม้าแคบ ๆ นี้ เพียงแค่พระองค์ลองกระตุกม้าให้โผทะยานออกไปเร็วหน่อย เชื่อเถิดว่าร่างงามนี้จะผวามาพิงพระอุระเอาเสียเอง
แล้วก็ทรงหันกลับไปมองกียาซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิม แม้ไม่อาจรู้ได้ว่าภาพของพระองค์และหญิงสาวในอ้อมพระพาหานี้ ทำให้หญิงผู้ต้องจมจ่ออยู่กับสามีแบบนั้นคิดอะไรได้บ้าง แต่พระองค์ก็ทำเท่าที่จะทรงทำได้แล้ว
ทรงพยักพระพักต์ให้กียาเล็กน้อย แล้วจึงดึงสายจูงปลุกอาชาให้ฮึกเหิม ม้าหนุ่มจึงคึกคัก ดีดขาหน้าขึ้นแหวกอากาศ ก่อนกระโจนวิ่งออกไปจนไกลจากบ้านหลังน้อยนั้นในชั่วพริบตา
ทำให้เจ้าคนงามที่เคยนั่งเกร็ง ต้องมาซบอยู่กับพระอุระในที่สุด
องค์สุริยเทพแผดแสงจ้าอยู่บนฟ้าในราวชั่วโมงที่สี่ของยามกลางวัน ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสทรงทอดพระเนตรมองอาชาที่ยืนพักกินน้ำอยู่ริมคลองซึ่งขุดไว้เพื่อส่งน้ำไปยังพื้นที่เกษตรกรรม ความแห้งขอดของลำคลองทำให้พระหทัยที่ควรแช่มชื่นในเวลาส่วนพระองค์กลับหมองลงอย่างน่าเสียดาย
ยิ่งหันไปเห็นใบหน้าเปื้อนเหงื่อของคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง ก็ยิ่งรู้สึกราวกับมีหินมาถ่วงพระหทัย
เพิ่งจะเมื่อวานที่ทรงช่วยนางขึ้นมา แต่เหตุใดจึงรู้สึกใกล้ชิดผูกพันจนอยากปกป้องทะนุถนอมนางไว้ ไม่ต้องการให้คลาดสายพระเนตรแม้แต่น้อยเช่นนี้
เพียงวันเดียว ยังทำให้ฟาโรห์แห่งอียิปต์ที่ทรงอำนาจเป็นได้ถึงเพียงนี้ เจ้าเฮเทอร์คนหน้าซื่อตาใส ทำได้อย่างไรกันหนอ
ทรงอยากเอ่ยถามเหลือเกิน ว่านางจะไม่ลองเปลี่ยนใจไปอยู่กับพระองค์เชียวหรือ แต่หากถามออกไปจริง ๆ นางอาจจะคิดว่าพระองค์เป็นคนฉวยโอกาสที่ช่วยเหลือนางด้วยใจไม่บริสุทธิ์ หากจะคุย คุยเรื่องอื่นเสียดีกว่า
...แล้วเรื่องอะไรดีเล่า...
“เมื่อถึงชานเมืองวาเสต คนของข้าจะมารับเจ้าไปที่พัก” ทรงหันไปแจ้งความสำคัญกับนางเมื่อนึกขึ้นได้ “เจ้า กังวลสิ่งใดหรือไม่”
หญิงสาวส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มให้
“ข้าเชื่อท่าน”
“เชื่อ ?” ทรงเลิกพระขนง “เชื่ออันใด”
“เชื่อว่า ไม่ว่าที่ใดที่ท่านจะให้ข้าไป ข้าจะปลอดภัย”
ฟาโรห์ทรงสรวลดัง
“เจ้าช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง เฮเทอร์”
“เปล่าเจ้าค่ะ” นางพลอยยิ้มกว้างไปด้วย “แต่ หากท่านจะทำร้ายข้าจริง ๆ ข้าก็คงไม่ได้มานั่งแบบนี้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลคือ...”
“คืออันใด”
“ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย นาเมส” นางช้อนตาขึ้นมองพระองค์ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากต่อไปข้าสามารถทำอะไรให้ท่านได้ หรือท่านต้องการสิ่งใด ข้ายินดีที่จะตอบแทนท่าน ข้ารู้ว่าข้าอาจจะทำอะไรได้ไม่มาก แต่ข้าก็ยินดี...”
“ยินดีจริงหรือ”
คำถามของพระองค์ทำให้หญิงสาวชะงักพยายามมองหาความหมายจากแววเนตรของพระองค์ และสิ่งที่นางมองเห็นทำให้ตัวเองต้องหลุบตาลงต่ำ
“เอาเถิด เจ้าเชื่อข้า ข้าก็ยินดีแล้ว”
ตรัสด้วยความรู้สึกโกรธองค์เองที่เผลอแสดงสิ่งที่ค้างอยู่ในพระทัยออกมา แม้เพียงน้อยก็ไม่ต้องการให้นางหลบตาพระองค์เช่นนี้ แค่คิดว่าดวงตากลม ๆ ใส ๆ คู่นั้นจะมองพระองค์เปลี่ยนไป พระโอษฐ์ก็ปิดสนิท ได้แต่ถอนพระปัสสาสะอย่างคล้ายเหนื่อยระอา
“อากาศร้อนจัดแล้ว เร่งเดินทางกันเถิด”
ทรงลุกขึ้นกระตุกม้าให้เดินทางท่ามกลางความเงียบอีกครั้ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วินตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2560, 14:30:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2560, 14:30:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 885
<< ตอนที่ 2 (3 - จบตอน) | ตอนที่ 3 (2) >> |
วินตา 1 ส.ค. 2560, 14:32:07 น.
ทางไป E-book ค่ะ ฟิ้วววว >>> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=59566
.
.
.
คุณแว่นใส >>> ด้วยจรรยาบรรณของนางเอก ต้องคิดเยอะนิดนึงค่ะ อิอิ
ทางไป E-book ค่ะ ฟิ้วววว >>> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=59566
.
.
.
คุณแว่นใส >>> ด้วยจรรยาบรรณของนางเอก ต้องคิดเยอะนิดนึงค่ะ อิอิ
แว่นใส 1 ส.ค. 2560, 16:46:45 น.
เกือบหลุดมาดแล้วนะ
เกือบหลุดมาดแล้วนะ