ความทรงจำใต้ผืนทราย
หนึ่งรัก สองภพ คำสัญญา และการรอคอย
พระองค์-ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และ นาง-สตรีผู้เสียความทรงจำ
สิ่งใดหนอนำทั้งสองมาพบกัน ...มันคือ โชคชะตา หรือ ความผูกพัน
พระองค์-ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และ นาง-สตรีผู้เสียความทรงจำ
สิ่งใดหนอนำทั้งสองมาพบกัน ...มันคือ โชคชะตา หรือ ความผูกพัน
Tags: อียิปต์ ฟาโรห์ ย้อนยุค ทะเลทราย ความทรงจำ
ตอน: ตอนที่ 3 (2)
เกือบหนึ่งชั่วโมงที่ความเงียบเข้าครอบงำ ที่สุดก็พอมองเห็นอนุสรณ์สถาน มหาวิหาร และเสาโอบิลิสก์อาบทองปรากฏลิบ ๆ อยู่ริมขอบฟ้าเบื้องหน้า เรือหลากหลายขนาดลอยลำให้เห็นในแม่น้ำมากขึ้น
ฟาโรห์ทรงทราบในทันทีว่าอีกไม่กี่อึดใจ พระองค์จะถึงที่หมายแล้ว
ที่นั่น ‘วาเสต’ นครแห่ง ‘คทากษัตริย์’ อันภาคภูมิ
พระองค์คงลำพองใจกว่านี้มากนัก หากการมาถึงในครั้งนี้มิได้หมายถึงการพลัดพรากกับ นาง
“นี่ของเจ้า”
ทรงยื่นแหวนคืนให้ เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าแปลกใจ จึงขยายความ
“แหวนนี้ติดตัวเจ้ามา ข้าเห็นว่ามีราคาจึงถอดเก็บไว้ตอนที่เจ้ายังไม่ฟื้น”
เฮเทอร์รับแหวนมาดูใกล้ ๆ คิ้วทั้งสองของนางขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
“ของเจ้าจริง ๆ เก็บไว้เถิด เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”
ตรัสเมื่อเห็นนางทำท่าลังเล หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะกางมือขวาออกคล้ายจะหานิ้วที่เหมาะสม ที่สุดจึงสวมลงที่นิ้วชี้
“รู้ไหม เดิมทีเจ้าก็สวมไว้ที่นิ้วนี้”
หญิงสาวทำท่าตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อก้มลงมองแหวนอีกครา นางก็ดูมั่นใจขึ้น
“ขอบคุณ ที่เก็บไว้ให้ข้า”
“ไม่เป็นไร ขึ้นม้าเถิด”
ตรัสพร้อมกับลูบแผงคออาชา ราวกับจะบอกกล่าวถึงภาระที่กำลังมอบให้มัน
เมื่อเฮเทอร์เดินเข้าใกล้ ก็ทรงประคองร่างของนางขึ้นไปนั่งบนม้า ก่อนจะเสด็จตามไปประทับด้านหลัง ณ ตำแหน่งเดิม ชั่วขณะนั้น ในพระทัยกลับนึกสงสัย จะผิดอันใดหรือไม่หนอ หากจะลองตวัดพระพาหาโอบรัดร่างนี้ให้อยู่แนบอก แล้วสูดกลิ่มแก้มนางเก็บกักไว้ให้อยู่ลึกในพระทัย
...หากข้าทำเช่นนั้น เจ้าจะขัดขืน โกรธเกรี้ยวข้าหรือไม่ เฮเทอร์...
ทรงสะบัดพระพักต์ขับไล่ความคิดนั้น ถอนพระปัสสาสะแรงเสียจนคนต้นเหตุหันมอง ฟาโรห์จึงต้องรีบส่งยิ้มให้นางเพื่อกบเกลื่อนเสีย
แล้วจึงควบอาชาไปสู่จุดหมายอย่างรวดเร็ว
ใต้ร่มไม้ครึ้มในดงไม้ขนาดย่อมที่อยู่ไม่ไกลเบื้องหน้า ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสทรงมองเห็นจาฮาลและเฮอร์-อูเบน ซึ่งพักม้าของตนรอท่าพระองค์อยู่ก่อนแล้ว เมื่อม้าของพระองค์ย่างเหยาะเข้าใกล้ องครักษ์ทั้งสองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
“รอที่นี่ก่อน”
ทรงรับสั่งกับเฮเทอร์ ในขณะที่พระองค์เสด็จเลี่ยงไปสนทนากับองครักษ์
“ได้ความว่าอย่างไร”
รับสั่งถามทันทีที่เดินห่างออกมาพอให้นางไม่ได้ยิน และเฮอร์-อูเบน เป็นผู้ตอบคำถาม
“หม่อมฉันคิดว่า มีที่เหมาะสมที่หนึ่งขอรับ”
“ว่ามา” แม้จะโล่งใจ แต่ก็มิได้ทรงยินดีนัก
“เมต-ซูอาท ลูกน้องคนหนึ่งของหม่อมฉัน บิดาที่ล่วงลับไปแล้วของเขาเป็นนักบวชแห่งวิหารเทพีไอซิส มีมรดกเป็นบ้านหลังหนึ่งกับบริวารและทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง แต่เมต-ซูอาทมิได้อยู่ในบ้านหลังนั้น เนื่องจากได้ย้ายออกมาอยู่ในโรงเรียนทหารแล้ว บ้านหลังนั้นจึงมีเพียงญาติผู้พี่นามว่า เนคเบ อาศัยอยู่ หม่อมฉันได้ยินว่านางยังไม่ออกเรือน และเป็นคนใจคอกว้างขวาง หากให้เมต-ซูอาท เป็นผู้พา เอ่อ คุณผู้หญิงไป เชื่อว่านางจะได้รับการต้อนรับอย่างดี ขอรับ”
ทรงนิ่งตรึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตรัสอย่างตัดสินพระทัยได้เด็ดขาด
“เช่นนั้น เจ้าก็ควรนำนางไป”
เฮอร์-อูเบน ก้มหน้ารับพระบัญชา
“เจ้าบอกเมต-ซูอาทว่านางเป็นน้องสาวที่เกิดความจำเสื่อมระหว่างออกตามหาเจ้า นางมีแหวนติดตัวมาวงหนึ่ง หากใครมีคำถามให้เจ้าใช้แหวนนี้เป็นหลักฐานว่าเจ้าและนางคือพี่น้องกัน หรืออย่างน้อยก็เกี่ยวดองกัน”
“เหตุใดต้องให้นางความจำเสื่อมด้วยเล่า ขอรับ” จาฮาลเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“เพราะนางความจำเสื่อมจริง ๆ”
ทรงให้เหตุผล หากจะโกหก การเหลือเรื่องจริงไว้บ้าง จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
“จะสามารถให้นางไปหา เนคเบ ผู้นั้นได้เมื่อไร” ทรงเอ่ยถามเฮอร์-อูเบน
“ทันทีขอรับ หม่อมฉันให้ซูอาทรออยู่แล้ว”
“ดี”
แม้จะตรัสเช่นนั้น แต่ความรู้สึกกลับเป็นอีกทาง
“มาเถิด”
ทรงเดินนำคนสนิททั้งสองไปยังเฮเทอร์ ผู้ที่ยังยืนคอยอยู่ ณ ที่เดิม
หญิงสาวมองดูคนสนิททั้งสองด้วยท่าทีสงบ แววตาของนางแม้จะไม่แสดงความตื่นตระหนกนัก แต่ก็พอจะดูออกว่านางกำลังคอยฟังพระองค์อยู่
“เฮเทอร์” ทรงหันไปบอกนามของนางกับองครักษ์ทั้งสอง ก่อนจะหันไปคุยกับหญิงสาว “นี่คือจาฮาล และเฮอร์-อูเบน คนสนิทของข้า”
ทรงแนะนำทั้งสอง ก่อนมองไปที่เฮอร์-อูเบน
“อูเบนจะพาเจ้าไปพักบ้านของลูกน้องชื่อเมต-ซูอาท บิดาของเขาเป็นนักบวชล่วงลับไปแล้ว และพี่สาวของเขาเป็นคนใจคอกว้างขวาง เจ้าจะสามารถอยู่กับพี่สาวของเมต-ซูอาทได้นานเท่าที่ต้องการ”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวรับคำง่ายจนพระองค์ใจหาย
“เจ้าไปแนะนำตัวว่าเป็นน้องสาวของอูเบน พวกเขาจะให้การต้อนรับเจ้าอย่างดี”
“เจ้าค่ะ”
อีกครั้ง ที่นางทำให้พระองค์เกือบพูดไม่ออก นางควรจะแสดงความอาวรณ์หรืออ่อนแอกว่านี้สักนิด
“ไปเถิด เฮเทอร์”
คราวนี้ นางทำท่าหยุดคิดเล็กน้อย แต่ที่สุดก็เดินไปหาเฮอร์-อูเบนโดยดี ครั้นกำลังจะเดินผ่านพระองค์ไป นางก็หยุดและหันกลับมาเพียงเสี้ยวหน้า
“ขอบคุณ”
คำกล่าวเพียงแผ่วเบากลับสะท้านใจคนฟังยิ่งนัก ทรงยืดองค์ขึ้นเพื่อสูดพระอัสสาสะ มองดูเฮอร์-อูเบน ส่งนางขึ้นม้าอย่างที่พระองค์เคยทำ เมื่อองครักษ์หนุ่มขึ้นตามไปนั่งในตำแหน่งที่พระองค์เคยนั่ง ฟาโรห์ก็ทรงเม้มพระโอษฐ์แน่น
...เป็นถึง ฟาโรห์ แต่ต้องมาทนดูผู้หญิงที่แสนห่วงหาขึ้นม้าไปกับชายอื่น งั้นหรือ ?...
แม้จะเป็นชายที่ทรงไว้พระทัยก็เถิด
ฟาโรห์เสด็จไปใกล้ รู้สึกบอกไม่ถูกเมื่อเห็นสีหน้าที่คล้ายกำลังพยายามซ่อนความประหม่าของนาง
“หากเจ้าไว้ใจข้า ก็จงไว้ใจเขา”
“เจ้าค่ะ”
น้ำเสียงนั้นแสดงชัด นางไว้ใจพระองค์เสมอ
...โอ้ เฮเทอร์...
ทรงพยักพระพักต์เป็นสัญญาณให้เฮอร์-อูเบน ชายหนุ่มรับพระบัญชา ยกมือจับสายบังคับม้าเก็บร่างของนางไว้ในอ้อมแขน ก่อนกระตุกอาชาให้พุ่งทะยาน
พานางไปไกลพระองค์ ที่คอยยืนส่งจนลับสายตา
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฟาโรห์ทรงทราบในทันทีว่าอีกไม่กี่อึดใจ พระองค์จะถึงที่หมายแล้ว
ที่นั่น ‘วาเสต’ นครแห่ง ‘คทากษัตริย์’ อันภาคภูมิ
พระองค์คงลำพองใจกว่านี้มากนัก หากการมาถึงในครั้งนี้มิได้หมายถึงการพลัดพรากกับ นาง
“นี่ของเจ้า”
ทรงยื่นแหวนคืนให้ เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าแปลกใจ จึงขยายความ
“แหวนนี้ติดตัวเจ้ามา ข้าเห็นว่ามีราคาจึงถอดเก็บไว้ตอนที่เจ้ายังไม่ฟื้น”
เฮเทอร์รับแหวนมาดูใกล้ ๆ คิ้วทั้งสองของนางขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
“ของเจ้าจริง ๆ เก็บไว้เถิด เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”
ตรัสเมื่อเห็นนางทำท่าลังเล หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะกางมือขวาออกคล้ายจะหานิ้วที่เหมาะสม ที่สุดจึงสวมลงที่นิ้วชี้
“รู้ไหม เดิมทีเจ้าก็สวมไว้ที่นิ้วนี้”
หญิงสาวทำท่าตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อก้มลงมองแหวนอีกครา นางก็ดูมั่นใจขึ้น
“ขอบคุณ ที่เก็บไว้ให้ข้า”
“ไม่เป็นไร ขึ้นม้าเถิด”
ตรัสพร้อมกับลูบแผงคออาชา ราวกับจะบอกกล่าวถึงภาระที่กำลังมอบให้มัน
เมื่อเฮเทอร์เดินเข้าใกล้ ก็ทรงประคองร่างของนางขึ้นไปนั่งบนม้า ก่อนจะเสด็จตามไปประทับด้านหลัง ณ ตำแหน่งเดิม ชั่วขณะนั้น ในพระทัยกลับนึกสงสัย จะผิดอันใดหรือไม่หนอ หากจะลองตวัดพระพาหาโอบรัดร่างนี้ให้อยู่แนบอก แล้วสูดกลิ่มแก้มนางเก็บกักไว้ให้อยู่ลึกในพระทัย
...หากข้าทำเช่นนั้น เจ้าจะขัดขืน โกรธเกรี้ยวข้าหรือไม่ เฮเทอร์...
ทรงสะบัดพระพักต์ขับไล่ความคิดนั้น ถอนพระปัสสาสะแรงเสียจนคนต้นเหตุหันมอง ฟาโรห์จึงต้องรีบส่งยิ้มให้นางเพื่อกบเกลื่อนเสีย
แล้วจึงควบอาชาไปสู่จุดหมายอย่างรวดเร็ว
ใต้ร่มไม้ครึ้มในดงไม้ขนาดย่อมที่อยู่ไม่ไกลเบื้องหน้า ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสทรงมองเห็นจาฮาลและเฮอร์-อูเบน ซึ่งพักม้าของตนรอท่าพระองค์อยู่ก่อนแล้ว เมื่อม้าของพระองค์ย่างเหยาะเข้าใกล้ องครักษ์ทั้งสองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
“รอที่นี่ก่อน”
ทรงรับสั่งกับเฮเทอร์ ในขณะที่พระองค์เสด็จเลี่ยงไปสนทนากับองครักษ์
“ได้ความว่าอย่างไร”
รับสั่งถามทันทีที่เดินห่างออกมาพอให้นางไม่ได้ยิน และเฮอร์-อูเบน เป็นผู้ตอบคำถาม
“หม่อมฉันคิดว่า มีที่เหมาะสมที่หนึ่งขอรับ”
“ว่ามา” แม้จะโล่งใจ แต่ก็มิได้ทรงยินดีนัก
“เมต-ซูอาท ลูกน้องคนหนึ่งของหม่อมฉัน บิดาที่ล่วงลับไปแล้วของเขาเป็นนักบวชแห่งวิหารเทพีไอซิส มีมรดกเป็นบ้านหลังหนึ่งกับบริวารและทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง แต่เมต-ซูอาทมิได้อยู่ในบ้านหลังนั้น เนื่องจากได้ย้ายออกมาอยู่ในโรงเรียนทหารแล้ว บ้านหลังนั้นจึงมีเพียงญาติผู้พี่นามว่า เนคเบ อาศัยอยู่ หม่อมฉันได้ยินว่านางยังไม่ออกเรือน และเป็นคนใจคอกว้างขวาง หากให้เมต-ซูอาท เป็นผู้พา เอ่อ คุณผู้หญิงไป เชื่อว่านางจะได้รับการต้อนรับอย่างดี ขอรับ”
ทรงนิ่งตรึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตรัสอย่างตัดสินพระทัยได้เด็ดขาด
“เช่นนั้น เจ้าก็ควรนำนางไป”
เฮอร์-อูเบน ก้มหน้ารับพระบัญชา
“เจ้าบอกเมต-ซูอาทว่านางเป็นน้องสาวที่เกิดความจำเสื่อมระหว่างออกตามหาเจ้า นางมีแหวนติดตัวมาวงหนึ่ง หากใครมีคำถามให้เจ้าใช้แหวนนี้เป็นหลักฐานว่าเจ้าและนางคือพี่น้องกัน หรืออย่างน้อยก็เกี่ยวดองกัน”
“เหตุใดต้องให้นางความจำเสื่อมด้วยเล่า ขอรับ” จาฮาลเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“เพราะนางความจำเสื่อมจริง ๆ”
ทรงให้เหตุผล หากจะโกหก การเหลือเรื่องจริงไว้บ้าง จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
“จะสามารถให้นางไปหา เนคเบ ผู้นั้นได้เมื่อไร” ทรงเอ่ยถามเฮอร์-อูเบน
“ทันทีขอรับ หม่อมฉันให้ซูอาทรออยู่แล้ว”
“ดี”
แม้จะตรัสเช่นนั้น แต่ความรู้สึกกลับเป็นอีกทาง
“มาเถิด”
ทรงเดินนำคนสนิททั้งสองไปยังเฮเทอร์ ผู้ที่ยังยืนคอยอยู่ ณ ที่เดิม
หญิงสาวมองดูคนสนิททั้งสองด้วยท่าทีสงบ แววตาของนางแม้จะไม่แสดงความตื่นตระหนกนัก แต่ก็พอจะดูออกว่านางกำลังคอยฟังพระองค์อยู่
“เฮเทอร์” ทรงหันไปบอกนามของนางกับองครักษ์ทั้งสอง ก่อนจะหันไปคุยกับหญิงสาว “นี่คือจาฮาล และเฮอร์-อูเบน คนสนิทของข้า”
ทรงแนะนำทั้งสอง ก่อนมองไปที่เฮอร์-อูเบน
“อูเบนจะพาเจ้าไปพักบ้านของลูกน้องชื่อเมต-ซูอาท บิดาของเขาเป็นนักบวชล่วงลับไปแล้ว และพี่สาวของเขาเป็นคนใจคอกว้างขวาง เจ้าจะสามารถอยู่กับพี่สาวของเมต-ซูอาทได้นานเท่าที่ต้องการ”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวรับคำง่ายจนพระองค์ใจหาย
“เจ้าไปแนะนำตัวว่าเป็นน้องสาวของอูเบน พวกเขาจะให้การต้อนรับเจ้าอย่างดี”
“เจ้าค่ะ”
อีกครั้ง ที่นางทำให้พระองค์เกือบพูดไม่ออก นางควรจะแสดงความอาวรณ์หรืออ่อนแอกว่านี้สักนิด
“ไปเถิด เฮเทอร์”
คราวนี้ นางทำท่าหยุดคิดเล็กน้อย แต่ที่สุดก็เดินไปหาเฮอร์-อูเบนโดยดี ครั้นกำลังจะเดินผ่านพระองค์ไป นางก็หยุดและหันกลับมาเพียงเสี้ยวหน้า
“ขอบคุณ”
คำกล่าวเพียงแผ่วเบากลับสะท้านใจคนฟังยิ่งนัก ทรงยืดองค์ขึ้นเพื่อสูดพระอัสสาสะ มองดูเฮอร์-อูเบน ส่งนางขึ้นม้าอย่างที่พระองค์เคยทำ เมื่อองครักษ์หนุ่มขึ้นตามไปนั่งในตำแหน่งที่พระองค์เคยนั่ง ฟาโรห์ก็ทรงเม้มพระโอษฐ์แน่น
...เป็นถึง ฟาโรห์ แต่ต้องมาทนดูผู้หญิงที่แสนห่วงหาขึ้นม้าไปกับชายอื่น งั้นหรือ ?...
แม้จะเป็นชายที่ทรงไว้พระทัยก็เถิด
ฟาโรห์เสด็จไปใกล้ รู้สึกบอกไม่ถูกเมื่อเห็นสีหน้าที่คล้ายกำลังพยายามซ่อนความประหม่าของนาง
“หากเจ้าไว้ใจข้า ก็จงไว้ใจเขา”
“เจ้าค่ะ”
น้ำเสียงนั้นแสดงชัด นางไว้ใจพระองค์เสมอ
...โอ้ เฮเทอร์...
ทรงพยักพระพักต์เป็นสัญญาณให้เฮอร์-อูเบน ชายหนุ่มรับพระบัญชา ยกมือจับสายบังคับม้าเก็บร่างของนางไว้ในอ้อมแขน ก่อนกระตุกอาชาให้พุ่งทะยาน
พานางไปไกลพระองค์ ที่คอยยืนส่งจนลับสายตา
++++++++++++++++++++++++++++++++++
วินตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2560, 10:27:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2560, 10:27:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 934
<< ตอนที่ 3 (1) | ตอนที่ 3 (3 - จบตอน) >> |
วินตา 9 ส.ค. 2560, 10:29:22 น.
ทางไป E-book ค่ะ ฟิ้วววว >>> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=59566
.
.
.
คุณแว่นใส > ฟาโรห์อาจจะทรงหมกมุ่นไปนิ๊ดด นึง ค่ะ เลยเกือบหลุดมาดซะแล้ว อิอิ
ทางไป E-book ค่ะ ฟิ้วววว >>> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=59566
.
.
.
คุณแว่นใส > ฟาโรห์อาจจะทรงหมกมุ่นไปนิ๊ดด นึง ค่ะ เลยเกือบหลุดมาดซะแล้ว อิอิ
แว่นใส 9 ส.ค. 2560, 14:12:45 น.
น่าฉงฉาน
น่าฉงฉาน