คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 18[1]


..........ไม่มีใครสนใจปิดบ้านปิดไฟ แม้กระทั่งประตูรั้วนั้นยังเปิดแง้ม จนเมื่อไทธรรพ์มาถึงแล้วให้อดแปลกใจไม่ได้

“ป๋า... บ้านนี้ล่ะครับบ้านเพชรน้ำหนึ่ง” ไทธรรพ์บอกกับคุณยูตะ

หลังลงจากแท็กซี่พร้อมจ่ายเงิน เขาเดินเข้าโดยสะดวก ผ่านกระท่อมตายายซึ่งประตูบ้านเปิดอยู่แต่ไม่มีใคร เมื่อมองไปที่ตึกใหญ่ประตูถูกเปิดทิ้งไว้เช่นกัน ไทธรรพ์เดินตรงไปขึ้นตึกใหญ่จนถึงในห้องรับแขก

“ดูเหมือนไม่มีคนอยู่บ้านทั้งที่ดึกแล้วทุกคนน่าจะอยู่พร้อมหน้ากัน ดูแปลกยังไงชอบกล” คุณยูตะพูด

ในขณะที่ไทธรรพ์เดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นบน ประตูห้องนอนของเพชรน้ำหนึ่งถูกเปิดโล่งไฟเปิดสว่าง เขารีบวิ่งเข้าไปดูแต่ไม่เห็นเพชรน้ำหนึ่ง

“เกิดอะไรขึ้น?” ไทธรรพ์ตกใจกับสภาพที่เห็น รอยเลือดสดใหม่ราดรดพื้นพรม เห็นแล้วยิ่งตกใจมากจนแทบเป็นลม

“นี่มันรอยเลือดอะไรไทธรรพ์” คุณยูตะถาม

“มันต้องเกิดอะไรขึ้นกับหนึ่งแน่...” น้ำเสียงของไทธรรพ์ที่ตอบมาดูเหมือนคนหัวใจปลิวหล่นหายออกไปจากร่าง แล้วรีบกดมือถือโทรหาเพชรน้ำหนึ่ง

แต่กลับได้ยินเสียงอยู่ข้างเตียง รีบก้มลงดูเห็นมือถือตกอยู่ข้างเตียงจึงหยิบขึ้นมากดดู เจอข้อความข่มขู่จะฆ่าให้ตาย มันถูกส่งมาจากคุณครูวิชุดา ไทธรรพ์จึงบอกคุณยูตะ

“หนึ่งถูกขู่ฆ่า!...”

“หือ? ...” คุณยูตะอุทาน ทั้งสงสัยงงงันและตกใจไปพร้อมกัน



..........ยุติยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน มีคุณตาคุณยายนั่งอยู่ใกล้เคียง

“ฮัลโหล... ไทธรรพ์” ยุติหยิบมือถือขึ้นมากดรับสายทันทีที่เครื่องโชว์เบอร์คนโทรเข้า

“หนึ่งเป็นอะไรไป ฉันติดต่อคุณตาคุณยายไม่ได้” น้ำเสียงร้อนรนของไทธรรพ์เอ่ยถามมาตามสาย

“หนึ่งโดนแทง หมอพยายามช่วยชีวิตไว้ ตอนนี้ฉันกับคุณตาคุณยายกำลังรอดูอาการอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หมอยังไม่ออกมาบอกเลยยังไม่รู้เป็นไง ไทธรรพ์รีบตามมาเถอะที่โรงพยาบาล...” ยุติบอกสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลไป

หลังจากนั้นไม่นานสองพ่อลูกรีบเดินทางมาถึงโรงพยาบาล

ไทธรรพ์มายืนเกาะประตูหน้าห้องฉุกเฉิน

“โธ่หนึ่ง... อย่าตายนะ อย่าตาย... ฮือ ฮือ...” ไทธรรพ์ร้องไห้โฮ เขาไม่อายใครแล้วเพราะใจเสียและเสียใจ

“ใจเย็นเถอะไทธรรพ์ หนึ่งถึงมือหมอแล้วคงอาการปลอดภัย” คุณยูตะพูดปลอบ

“ถ้าหนึ่งตายผมคงทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ผมรู้ตัวแล้วผมรักหนึ่งมากรักหนึ่งคนเดียว ผมจะเลิกกับผู้หญิงทุกคนไม่เอาแล้ว มีแค่หนึ่งเท่านั้นที่ผมต้องการ” ไทธรรพ์หันมาพูดให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นั้นได้ยินโดยทั่วหน้า ทั้งน้ำตาคลอและหันกลับไปเกาะประตูอีก แต่…!

“ไทธรรพ์...” คุณยูตะเรียกเสียงดัง เห็นไทธรรพ์ค่อยทรุดกายลงกองกับพื้น สลบแน่นิ่ง...

“เฮ้ย! ไทธรรพ์... ไทธรรพ์เป็นลมรึ” ยุติตะโกนเรียกเสียงดัง แล้ววิ่งไปเรียกพยาบาลให้รีบมาดูอาการของไทธรรพ์



..........ไทธรรพ์ต้องนอนให้น้ำเกลือพักอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล เนื่องจากไม่ได้กินข้าวมาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และตกใจจนช็อกกับเรื่องของเพชรน้ำหนึ่ง

“หมอบอกว่าไทธรรพ์ไม่เป็นไรมาก แค่ให้น้ำเกลือแล้วนอนพักผ่อนอีกหน่อยจะอาการดีขึ้น ไม่ได้เป็นไข้ไม่มีอาการแทรกซ้อน” ยุติบอก

“ไทธรรพ์คงเสียขวัญเรื่องเด็กคนนั้นใช่ไหมลูก” คุณยูตะเข้ามาลูบศีรษะของลูกเลี้ยงอย่างปรานี

“...ครับป๋า” เขาตอบ และทันทีนั้นนัยน์ตาแดงฉ่ำเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นัยน์ตาหวานฉายแววเศร้าหม่น “หนึ่งอาการเป็นไงบ้าง ปลอดภัยหรือยังครับ”

“ไม่ต้องเป็นห่วง เพชรน้ำหนึ่งอาการปลอดภัยดี ออกมานอนพักฟื้นในห้องพิเศษแล้ว”

“เฮ้อ... โล่งอก ผมขอไปเยี่ยมหนึ่งนะครับ” ไทธรรพ์บอกกับคุณยูตะ

แต่แล้วยุติพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“หนึ่งเพิ่งนอนหลับพักผ่อน ยังอ่อนแรงอยู่มาก ปล่อยให้พักผ่อนไปก่อนเถอะ ส่วนไทธรรพ์เองยังต้องพักผ่อนเหมือนกัน คุณหมอสั่งให้นอนพักผ่อนให้มาก พรุ่งนี้เช้าถึงออกจากโรงพยาบาลได้ แล้วค่อยไปเยี่ยมหนึ่งทีหลัง ถึงยังไงหนึ่งยังไม่ออกจากโรงพยาบาลวันนี้หรอก”

“อย่างนั้นเหรอ...” ไทธรรพ์มีท่าทีลังเลผสมกับเริ่มง่วงนอน เพราะคุณหมอได้ให้ยานอนหลับไว้ จึงเอนกายลงนอน

คุณยูตะคอยปรับเตียงนอนให้ราบลงเพื่อให้ไทธรรพ์ได้นอนหลับพักผ่อน



..........เช้าวันรุ่งขึ้น ไทธรรพ์ครุ่นคิดอย่างหนัก หลังได้ออกจากโรงพยาบาล จึงตัดสินใจทำบางอย่างโดยพาวิชุดามาโรงพยาบาลในห้องคนไข้พิเศษ เพื่อให้ได้เห็นอาการของเพชรน้ำหนึ่ง

“ถึงขนาดบาดเจ็บเจียนตายเลยเชียวหรือ น่าสมเพชเวทนาและสมน้ำหน้า” วิชุดาว่า แสยะยิ้มอย่างเยาะเย้ยเพชรน้ำหนึ่ง

โดยที่ผู้บาดเจ็บไม่ได้โต้ตอบ ไม่อยากกระเทือนแผลที่ยังเจ็บอยู่ ท่าทางเหนื่อยเพลียและยังอ่อนแรง

“หัวขโมยที่แทงหนึ่งนั่นคุณครูเป็นคนสั่งใช่ไหม” ไทธรรพ์ถามแฟนของตน

“ใช่... ฉันสั่งมันให้ไปสั่งสอนไม่ได้ให้ฆ่า มันทำเกินกว่าเหตุไปเอง” วิชุดาตอบชัดทุกถ้อยคำ

“แต่ผมเห็นข้อความขู่ฆ่าในมือถือของหนึ่ง ถูกส่งมาจากคุณครู”

“แค่ขู่เท่านั้น ช่วยไม่ได้อยากมาแย่งผัวเขาเลยต้องรับกรรมอย่างนี้สมควรแล้ว ถ้าขืนยังไม่เลิกตามรักตามตื้อไทธรรพ์จะต้องเจอของแข็งหนักหนาสาหัสยิ่งกว่านี้แน่ แล้วจะได้เห็นครูในแบบนางมารร้าย” วิชุดาขู่อาฆาต

เพชรน้ำหนึ่งเอาแต่นิ่งเงียบยังไม่พูดอะไรอยู่เช่นเดิม เพราะยังเหนื่อยล้าอ่อนเรี่ยวแรงและเจ็บบาดแผล

“ตกลงคุณครูประกาศสงครามกับหนึ่งอย่างเต็มตัว ไม่มีทางญาติดีกันเลยหรือ” ไทธรรพ์ถามและในใจนึก...

‘เราไม่สามารถรักและรับผิดชอบผู้หญิงทั้งสองคนในเวลาเดียวกันได้แน่แล้ว นี่จะเป็นคำถามสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจเลือกคนที่รักกันจริงเหลือไว้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น’

“เฮอะ... จนถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดว่าฉันจะญาติดีกับคนที่แย่งผัวฉันได้งั้นเหรอ ไม่ว่ายังไงเธอต้องเลือกนะไทธรรพ์ มีเขาไม่มีฉัน ถ้าอยากมีฉันไว้ต้องไม่มีเขา” คุณครูวิชุดาไม่นึกกลัวเกรงสิ่งใด คาดคั้นให้ไทธรรพ์ต้องเลือก...

“อย่างนั้นผมคงต้องเลือกคนที่ผมรักที่สุดไว้เพียงคนเดียว ผมขอโทษต่อทุกสิ่งที่ผ่านมานะครับคุณครู” ไทธรรพ์เอ่ย ก้มศีรษะตามมารยาทของคนญี่ปุ่น “ผมเคยรักคุณครู แต่ตอนนี้ผมรักหนึ่งเลือกหนึ่ง ผมเสียใจที่ต้องบอกเลิกคุณครู”

“ได้... เลิกกันก็ได้ ฉันตัดใจได้ ตัดขาดกันไปเลย เมื่อเธอรักเขาเลือกเขา งั้นฉันอวยพรให้ทั้งสองคนเลยละกัน” วิชุดาเชิดหน้าอย่างทระนงกับคำพูดที่เป็นบทส่งท้าย “ขอให้รักกันจนวันตาย... แต่ความรักไม่สมหวัง อกหักรักสลายไม่ได้อยู่เป็นคู่ครองกัน ให้พลัดพรากแยกจากกันอย่างทุกข์ทรมานใจที่สุด”

“เกินไปแล้วนะคุณครู ถึงกับแช่งกันเลย” ไทธรรพ์ว่าสวนกลับทันที

พอกับเพชรน้ำหนึ่งที่พูดโต้ตอบขึ้นมาบ้าง

“ถึงแช่งไปก็ไม่มีผล อย่ามาอาฆาตพยาบาทจองเวรกันเลย เพราะคุณครูเป็นคนใจร้ายและทำบาปทำกรรมกับหนึ่งเหมือนกัน” เพชรน้ำหนึ่งว่า ความรู้สึกดีต่อกันไม่มีเหลือ

“ลาก่อนคุณครู ผมขอไม่ไปส่งละกัน” ไทธรรพ์พูดเหมือนไล่ทางอ้อม ...ความสัมพันธ์ระหว่างกันขาดสะบั้น

“ฉันกลับเองได้ ชาตินี้ขออย่าได้เจอกันอีกเลย” วิชุดาสะบัดหน้า หันหลังเดินกลับออกไปปราศจากน้ำตา พกพาความเคียดแค้นชิงชังอย่างไม่หันกลับมามองเบื้องหลัง



..........คุณยูตะมาขอพบและพูดคุยกับคุณอัมรินทร์กับคุณอังคณาบิดามารดาของเพชรน้ำหนึ่งโดยผ่านล่าม พร้อมกันนั้นยังมีทนายของคุณยูตะตามมาด้วย

“ผมจะให้ทุนการศึกษากับเพชรน้ำหนึ่งลูกสาวของคุณ จะส่งให้เรียนในโรงเรียนไฮสคูลเอกชนชั้นดี ส่วนเรื่องที่พักให้พักบ้านของผม ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยพร้อมทั้งความสะดวกสบาย เพราะบ้านผมเป็นคฤหาสน์มีทั้งคนรับใช้คนงานมากมายและมีกล้องวงจรปิด”

“เราไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ผมไม่ไว้ใจไม่อยากปล่อยให้ลูกสาวผมไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองไกล” คุณอัมรินทร์พูด

“ถ้าลูกสาวฉันอยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นเรื่องเงินทองเรามีปัญญาส่งเสียเอง แต่นั่นต้องดูเรื่องที่เรียนที่พักอาศัยที่ไว้ใจได้” คุณอังคณาบอกคุณยูตะ

“ผมพอจะเข้าใจ เพราะเคยมีข่าวสาวไทยถูกหลอกไปขายต่างประเทศทำให้คุณไม่ไว้ใจฝ่ายเรา แต่ผมขอยืนยันว่าผมเป็นคนเชื่อถือได้ เป็นนักธุรกิจชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มีข่าวของผมออกในงานสังคม งานการกุศลเสมอ ผมยินดีให้ตรวจสอบทุกอย่าง”



..........ประวัติของคุณยูตะถูกตรวจสอบโดยคุณอัมรินทร์คุณอังคณา ตลอดจนได้รับการยืนยันจากทางสถานทูตว่าคุณยูตะเป็นนักธุรกิจจริง ทุกอย่างเป็นที่น่าเชื่อถือ เหลืออีกอย่างคือ

“ตอนที่ลูกเข้าโรงพยาบาลพ่อตกใจที่สุด เกิดเรื่องนั้นแล้วทำให้เป็นห่วงลูกเหลือเกิน พ่อมีลูกคนเดียวหากเสียลูกไปต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่”

“แม่ใจหายหมดเลยถ้าลูกสาวคนเดียวของแม่เป็นอะไรไปไม่อยากจะคิด... แม่คงแทบจะสิ้นใจ ใจแม่ไม่อยากให้ลูกไปเรียนที่โน่นเลย แม่ถามสักคำหนึ่งอยากไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจริงหรือ” คุณอังคณาถาม

“หนึ่งเคยบอกแม่กับพ่อหลายครั้งแล้ว หนึ่งอยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นอย่างจริงจังจ้า” เพชรน้ำหนึ่งยืนยัน

“แม่พูดตามตรงแม่กลัวลูกเรียนไม่จบ กลัวมีความรักในวัยเรียนแล้วเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นมา ยิ่งไปอยู่ใกล้ไทธรรพ์ด้วยแม่ไม่อยากให้หนึ่งไปอยู่บ้านเขาเลย ไม่ไปได้ไหมลูกแม่” มารดาพูดเหมือนจะขอร้อง

“ถึงผมกับหนึ่งจะรักกัน ผมให้สัญญาจะทำแต่สิ่งที่ดีที่ถูกต้อง จะส่งเสริมให้หนึ่งเรียนจนจบและส่งเสียเลี้ยงดูอย่างดี จะปกป้องคุ้มครองดูแลหนึ่งเท่าชีวิตของผม” ไทธรรพ์พูด ยามนี้น้ำเสียงของเขาดูจริงจังราวกับเป็นผู้ใหญ่

“ถึงหนึ่งจะรักพี่ไทธรรพ์ แต่หนึ่งยังอยากเรียนจบปริญญาตรีอยากมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่แต่งงานกับผู้ชายรวยเพื่อหวังความสุขสบายแค่นั้น หนึ่งเชื่อตัวเองว่าสามารถเรียนจนจบได้ปริญญามาฝากพ่อแม่แน่นอน”

“พ่อล่ะว่ายังไง” คุณอังคณามองหน้ากันกับสามี

“สักวันลูกเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องมีอนาคตที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง หากตอนนี้เขาคิดดีแล้วและมีผู้ใหญ่คอยดูแล พ่อคงพอจะวางใจ ตกลงให้หนึ่งไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น”

“ขอบคุณพ่อกับแม่ที่สุดเลย” เพชรน้ำหนึ่งดีใจมาก กอดแม่ของเธอแน่น

ส่วนไทธรรพ์ยิ้มได้อย่างโล่งใจ

...วันก่อนการเดินทางไปญี่ปุ่น ไทธรรพ์มาค้างคืนนอนรวมกันกับเพชรน้ำหนึ่งและสองตายายในฝั่งกระท่อม ได้พูดคุยล่ำลายุติและลิลิต

วันรุ่งขึ้นทนายของคุณยูตะมารับถึงบ้านอนัญชนา พากันไปสนามบินแล้วเดินทางไปญี่ปุ่นพร้อมกัน



..........ประสบการณ์ในการเจอกันครั้งแรกนั้น ไม่ค่อยน่าประทับใจนักสำหรับเพชรน้ำหนึ่งกับคุณอายูมิมารดาของคนรัก

เมื่อไทธรรพ์และเธอถูกเชิญไปพบในห้องนั่งเล่นส่วนตัว

“ผมพาเพชรน้ำหนึ่งมาให้แม่ได้รู้จักครับ” ไทธรรพ์บอกกับมารดา “เพชรน้ำหนึ่งนี่คุณแม่ของพี่” และหันมาบอกเพชรน้ำหนึ่งที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งหลบอยู่ข้างหลัง ประกอบกับความกลัวและประหม่าเลยทำให้ลืมธรรมเนียมของคนญี่ปุ่นที่จะต้องโค้งคำนับอย่างนอบน้อม สิ่งที่นึกได้คือยกมือไหว้ทำความเคารพตามแบบอย่างธรรมเนียมไทย

“อุตส่าห์พามาจนได้นะ เด็กสาวคนนี้เหรอแฟนลูก ดูไม่เห็นมีดีตรงไหนเหมาะสมคู่ควรกับลูกของแม่เลย” มารดาว่า แม้จะยังคงทำน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตาที่มองเพชรน้ำหนึ่งนั้นเป็นที่รู้กันว่าหยามเหยียดและไม่ยินดีต้อนรับ





ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2560, 17:39:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2560, 17:39:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 900





<< ตอน 17[2]   ตอน 18[2] >>


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account