ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 11 - 100%

ตอนที่ 11 - 100%



“ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยนะ! คุณ!! ”

ภาสวัสร์ทั้งดุใส่ทั้งพยายามดึงแขนตัวเองคืน เจ้าของแขนเรียวเล็กแต่แรงรัดเกาะแน่นหนึบไม่ยอมปล่อยแขนเขาง่ายๆ ซ้ำยังอวดรอยยิ้มแพรวพราว

“คุณบอกชื่อมาก่อนสิ แล้วจะปล่อย คุณเป็นใคร ชื่ออะไร ขอไลน์ด้วยก็ดี” ชนิณิภากอดแขนชายหนุ่มแน่น เธอถูกใจแล้วก็อยากได้ผู้ชายตรงหน้ามากๆ อย่างน้อยเธอจะต้องได้วิธีติดต่อเขาคนนี้

ภาสวัสร์ขมวดคิ้วกับการอ้อนเสียงหวานของหญิงสาว “ชื่อผมหรือ” ถามซ้ำราวกับหูฝาดไปเอง

“ฉันชอบคุณ อยากรู้จัก” ไม่ลืมส่งสายตาหวานให้ ปกติหนุ่มๆ ที่เห็นจะตกหลุมรักเธอไม่ยาก

ผู้ชายคนนี้ก็คงเช่นกัน …ไม่น่ายาก

บ้าไปแล้ว! ภาสวัสร์ร้องในใจ รวมทั้งโกรธเกลียดหญิงสาวจนแทบอยากผลักอีกฝ่ายให้กระเด็นติดข้างฝา แต่ก็ไม่อยากรุนแรงกับผู้หญิง ถึงบางเวลาภาสวัสร์จะมีอาการคุ้มคลั่งจากฝันร้าย แต่ตอนนี้เขาสติดีสุดๆ เลย ความคิดดีๆ ก็ผุดขึ้นในหัวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา

“โอเค ปล่อยสิ แล้วจะบอกทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ สัดส่วน บอกหมดเลย” ภาสวัสร์ยื่นเงื่อนไข

เหมือนหญิงสาวจะเชื่อ เธอยอมคลายแรงรัดแขนเขาลง ภาสวัสร์แกล้งก้มหน้าลงไปกระซิบข้างๆ ใบหูหญิงสาว

“ผมชื่อ … หึ เรื่องอะไรจะบอก ยัยขี้เหร่! ” ภาสวัสร์พูดจบก็ดึงตัวเองกลับมายืนส่งสายตารังเกียจใส่ แล้วเดินจากไปช้าๆ ท่าทางน่ากวนโมโหคนมองเป็นที่สุด

“ไอ้บ้า!! แกกล้าดียังไงมาหว่าฉันขี้เหร่ยะ ไอ้บ้า!! ” คนโดนหลอกร้องกรี๊ดออกมาอย่างเจ็บใจ!!


ภาสวัสร์หลุดจากชนิณิภามาได้ ก็รีบมุดโพรงเล็กๆ ตรงข้างๆ กำแพงต้นไม้ค้อมหลังวิ่งลัดเลาะไปกับพุ่มไม้ดอกรอบๆ สนามหญ้าก่อนจะรีบเปิดประตูระเบียงเข้าไปในห้องนอน ทว่าภาสวัสร์ต้องชะงักมือกับเสียงของมารดาที่ดังมาจากในห้องนอนของเขา

“ตาวัสร์ไปไหน สิริมา ฉันถามว่าตาวัสร์ไปไหน!! ”

“คือว่า …คือ” สิริมาอ้ำอึ้ง คงไม่รู้จะตอบมารดาเขาว่าอย่างไร

ภาสวัสร์ก้มมองตัวเองที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตกับกางเกงยีนส์เต็มชุด ถ้าโผล่ออกไปให้มารดาเห็น เขาคงโดนจับได้ว่าหนีเที่ยวแน่ๆ …แล้วจะทำยังไงดีล่ะ

เขาครุ่นคิดหาทางออกแข่งกับเสียงตวาดถามของมารดา แล้วเขาก็นึกออกก่อนจะวิ่งไปอีกด้าน




“นี่ตาวัสร์ไปไหน อย่าบอกนะว่าหนีไปข้างนอกนี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปเองใช่ไหมที่เห็นตาวัสร์อยู่ที่ตึก” อนงค์นางโกรธจนหน้าแดง ลืมไปหมดแล้วว่าลูกชายคนเล็กเตือนไม่ให้เครียดจัด เธอห่วงลูกชายคนโตมากกว่า

“ส้มขอโทษค่ะ ส้มดูแลคุณวัสร์ไม่ดีเอง” สิริมาก้มหน้า สารภาพผิดเสียงอ่อย อยู่ๆ อนงค์นางก็กลับบ้านกะทันหันตอนที่ภาสวัสร์หนีออกไปเที่ยวเล่น จะส่งข้อความตามตัวจากนาฬิกาสมาร์ทโฟนที่ภาสวัสร์สวมไว้ก็ไม่ทันการ

“ฉันจะไล่เธอออก! ” อนงค์นางลั่นวาจาจบ ประตูห้องนอนของภาสวัสร์ก็เปิดออกอย่างแรง ภาสวัสร์เดินเข้ามาในห้องด้วยชุดนอนลายทาง หน้าตาตกใจแล้วรีบกอดสิริมาแน่น

“แม่อย่าไล่ส้มออกเลยนะ ผมผิดเอง ผมแค่ …แค่อยากหาหนังดู” ภาสวัสร์ยื่นกล่องดีวีดีในมือให้มารดาดู “เลยขึ้นไปห้องนายวินท์ แม่อย่าไล่ส้มออกนะ”

ดวงตาของอนงค์นางขณะมองหน้าลูกชายเต็มไปด้วยความแปลกใจ

“นี่วัสร์ ลูกไปแค่ห้องนอนวินท์หรือ” ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ครับ ผมไม่ได้บอกส้มเพราะไปแค่ข้างบน” ภาสวัสร์ผละจากสิริมามากอดมารดาแทน “แม่ดีใจไหมที่ผมกล้าออกจากห้องนี้แล้ว อีกไม่นานคงออกไปข้างนอกได้ แม่ดีใจไหมครับ” ภาสวัสร์ออดอ้อนถามด้วยความหวัง

“ไม่ ... แม่ไม่ต้องการให้ลูกออกจากห้องนี้นะวัสร์” แต่คำตอบของมารดากลับทำลายความหวังของเขาพังไม่เหลือชิ้นดี ภาสวัสร์ยืนนิ่ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมารดาถึงไม่ดีใจกับอาการที่ดีขึ้น

“ลูกยังป่วย ยังไม่หายดี อยู่ในห้องนี้ลูกจะปลอดภัย”

เมื่อมารดายกมือขึ้นแตะแก้มสองข้าง ภาสวัสร์ก็แสดงความตั้งใจ มีหลายเรื่องที่เขาทำได้ เขาจะบอกแม่ทั้งหมดว่าเขาทำอะไรได้บ้าง

“ทำไมล่ะ แม่ไม่อยากให้ผมหายหรือ ผมอยากหาย! ผมอยากช่วยแม่กับวินท์ ผมไม่ได้บ้าแบบเมื่อก่อนแล้ว…”

“วัสร์! ลูกยังไม่หายดี เชื่อฟังแม่ ถ้าแม่ไม่อนุญาต ลูกจะออกจากห้องนี้ไม่ได้” อนงค์นางลดมือจากแก้มลูกชาย หันไปกำชับสิริมาเสียงเข้ม “จำคำฉันไว้นะสิริมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง ฉันจะไล่เธอออก”

สิริมาได้แต่รับคำสั้นๆ กระทั่งอนงค์นางออกไปจากห้อง เธอก็เป็นฝ่ายเดินไปจับมือภาสวัสร์ที่ยังยืนนิ่งเหมือนหุ่น รู้สึกปวดใจเมื่อเห็นภาสวัสร์ร้องไห้

“คุณวัสร์ …ไปเจอคุณลูกอมมาเป็นยังไงบ้างคะ เล่าให้ส้มฟังหน่อยไหม”

แม้พยายามจะชวนคุยเรื่องดีๆ แต่ก็ไม่ได้ผล ภาสวัสร์กำมือแน่น ดวงตากร้าวขึ้นเรื่อยๆ

“สุดท้ายแม่ก็อาย …แต่ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แบบนี้แน่ โดยเฉพาะจะไม่ยอมให้วินท์แต่งงานกับยัยหนูผีนั่น”

“คุณวัสร์จะทำอะไรคะ” สิริมาหวั่นใจกับแววตาดุดันของคนพูด เขาไม่เหมือนภาสวัสร์ที่เธอรู้จักเลย แต่ว่าสิริมาก็ค่อยๆ ใจเย็นลง บอกกับภาสวัสร์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ว่าคุณวัสร์จะทำอะไร ส้มจะช่วยคุณวัสร์เองนะคะ”

“ขอบคุณมากนะส้ม” ภาสวัสร์ยิ้มตอบสิริมา ก่อนจะพูดต่อว่า “ตอนนี้ส้มต้องช่วยผมไปเก็บเสื้อผ้าผมจากห้องนายวินท์ก่อน นี่ดีนะที่นายวินท์มีชุดนอนแบบนี้อยู่บ้าง เลยตบตาแม่ได้อยู่ ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ”

เมื่อครู่ ภาสวัสร์แอบเข้าบ้านจากประตูอีกบาน แล้ววิ่งขึ้นไปเอาชุดนอนของภาสวินท์มาสวมหลอกมารดา โดยไม่ลืมหยิบดีวีดีติดมือลงมาเพื่อเป็นข้ออ้างด้วย

เห็นทีว่าภาสวัสร์คงต้องระวังจนกว่าแม่จะเลิกระแวง …แต่ถ้าไม่ออกไป เขาก็คงสืบเรื่องผีสายสุดาไม่ได้น่ะสิ อีกอย่างเขาก็จะไม่ได้เจอลูกอมด้วย ภาสวัสร์เซ็งหนักกว่าเดิมหลายสิบเท่า!!




ทางด้านกอกานต์ ขณะที่เธอกำลังส่งแก้วชาเขียวปั่นให้เจ้านายถึงโต๊ะ ชนิณิภาก็ผลักประตูห้องทำงานเจ้านายเธอมาจากอีกด้านพร้อมใช่สายตามองกอกานต์อยู่ผิดที่ผิดทาง ทำให้กอกานต์ต้องรีบจัดการพาตัวเองกลับไปยังที่นั่งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

“พี่วินท์ขา นิกกี้คิดถึงพี่วินท์จังค่ะ” ชนิณิภากอดแขน ออดอ้อนภาสวินท์ กอกานต์ได้ยินก็หงุดหงิดใครอีกคนขึ้นมา

“เขาออกจะรักกันขนาดนั้น จะให้แก้มไปอยู่ตรงไหนคะ พี่หมี! ” กอกานต์ฮึ่มฮั่มใส่กระดาษข้อมูลเชิงลึกของภาสวินท์ หญิงสาวมั่นใจว่าจะไม่ไม่มีวันใช้ข้อมูลพวกนี้เพื่อเอาใจใคร และไม่มีทางตกหลุมรักอย่างที่ภาสวัสร์เข้าใจด้วย ในเมื่อดูพวกเขาก็รักกันดี …

กอกานต์เลิกคิดอะไรกวนใจ ตั้งอกตั้งใจทำงานกระทั่งล่วงเลยเกือบถึงเวลาเลิกงาน เธอไม่แน่ใจว่าชนิณิภากลับไปตอนไหน เธอดึงความสนใจจากงานมายังเจ้านายอีกครั้งก็ตอนเขาเดินมาเคาะโต๊ะเธอเบาๆ

“พรุ่งนี้มีเซ็ทพรอพตกแต่งที่ลานน้ำพุ เป็นงานที่ผมจ้างบริษัทข้างนอกออกแบบไว้ก่อนจะรับพวกคุณเข้าทำงาน เพราะฉะนั้นคุณแก้มกับน้องรินอยู่เท่าที่ไหวก็แล้วกันนะ ผมจะให้คุณแซมดูแทน” ภาสวินท์เห็นว่าสองคนเป็นผู้หญิงจึงยกหน้าที่ให้พวกผู้ชายฝ่ายออกแบบดูแลอาคารเป็นคนคุมงานหลักๆ

เมื่อก่อนหัวหน้าฝ่ายออกแบบเป็นผู้ชาย เขาจึงไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้

“พวกเราอยู่คุมจนเสร็จได้นะคะพี่วินท์ เนอะแก้ม เมื่อกี้เราคุยกันแล้ว” คิรารินบอกให้เจ้านายฟัง เธอสองคนจะอยู่ทำงานจนเสร็จเรียบร้อย

“ตามใจแล้วกันนะ แต่ต้องดูแลตัวเองดีๆ รับปากผมนะ” ภาสวินท์กำชับ ซี่งสองสาวก็รับปากพร้อมกัน

ภาสวินท์เดินกลับห้องทำงาน เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่ากอกานต์แทบไม่สบตา และไม่มองหน้าเขาเลย …เกิดอะไรขึ้น?

“งั้นวันนี้รีบกลับไปพักผ่อนกันดีกว่าเนอะแก้ม” คิรารินชวนสาวรุ่นน้อง ทั้งสองจึงเตรียมเก็บของใส่กระเป๋า ทว่ามีคนเบรคกะทันหัน หัวกอกานต์แทบทิ่มโต๊ะทำงาน

“เดี๋ยวก่อนครับ” อยู่ๆ ภาสวินท์ก็เดินย้อนมาโต๊ะสองสาวอีกครั้ง หน้าตาจริงจังเป็นการเป็นงาน “คุณแก้ม ผมขอความช่วยเหลือคุณหน่อยได้ไหม ส่วนน้องรินตอนกลับบ้าน ผมอยากฝากเอกสารไปให้ฝ่ายอาคารที ‘โทษทีนะทั้งสองคน วันนี้แทนไทลา ผมเลยไม่มีคนช่วยเลย”

คิรารินกับกอกานต์จะทำอย่างไรได้ นอกจากตอบว่า “ค่ะ”

ซึ่งความช่วยเหลือที่เจ้านายต้องการจากเธอ ก็คือ การจัดเอกสารลงแฟ้มใหม่ โชคดีที่อย่างน้อยภาสวินท์ก็แยกเอกสารออกเป็นกองๆ กอกานต์อยากถามเจ้านายเธอนักว่างานพวกนี้มันรีบตรงไหน แต่พอเห็นสภาพโต๊ะเจ้านายเต็มไปด้วยกองเอกสารในวันผู้ช่วยคนสนิทลางาน เธอก็ถามไม่ออก เพราะถ้าปล่อยจนถึงพรุ่งนี้ เจ้านายคงได้ลงไปนั่งทำงานกับพื้นแน่นอน

“คุณแก้ม” ภาสวินท์เรียกชื่อเธอท่ามกลางความเงียบ เสียงเครื่องปรินท์ เครื่องถ่ายเอกสาร รวมถึงเสียงโทรศัพท์เงียบหายไปเมื่อพนักงานกลับบ้านแล้ว เวลานี้พนักงานการตลาดกลับไปเกือบหมด เหลือไม่กี่คนที่นั่งทำงานอยู่ค่อนข้างห่างจากห้องทำงานเจ้านาย

กอกานต์หยุดเรียงเอกสารข้างๆ โต๊ะทำงาน เห็นหน้าคนเรียก ภาพเขาลูบหัวชนิณิภาก็ปรากฏขึ้นมาในหัว ริมฝีปากอิ่มเผลอคว่ำใส่โดยไม่รู้ตัว

“วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวร้านแถวบ้านคุณกันอีกนะ” ภาสวินท์นั่งเท้าคาง มองหญิงสาวยืนส่งสายตาขุ่นใส่ เขารู้ว่าถ้าถามไปตรงๆ ว่างอนอะไรเขา เธอจะต้องตอบไม่ได้งอนแน่นอน เขาไม่รู้ว่าจะจัดการสภาวะอึดอัดนี้อย่างไร การชวนคุยน่าจะช่วยได้

“วันนี้ร้านปิดค่ะ” เธอตอบโดยไม่สบตา

“ทำไมล่ะ งั้นร้านเต้าฮวยที่กินกันวันก่อน”

“ปิดหมดเลยค่ะ ไม่มีอะไรขายหรอกค่ะ” กอกานต์ตอบได้ลื่นไหล แล้วยังไม่ยอมมองหน้า ภาสวินท์เริ่มนั่งเฉยไม่ไหว ต้องลุกไปยืนใกล้ๆ ทว่ามีเสียงกรี๊ดของผู้หญิงดังมาข้างนอก ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วรีบวิ่งออกไปตามเสียงกรี๊ดซึ่งเป็นบริเวณห้องน้ำหญิง มีพนักงานหญิงและชายสามคนที่เหลืออยู่ในแผนกกรูตามมาด้วย พนักงานสาวการตลาดปิดหน้าปิดตาวิ่งสวนออกมาพอดี ภาสวินท์เข้าไปจับตัวพนักงานสาวโดยไว

“คุณมน! คุณมนเป็นอะไรครับ” เจ้านายจำชื่อพนักงานการตลาดได้เกือบทุกคน เธอคนนี้ชื่อมนทิรา อายุยี่สิบกลางๆ ทำงานการตลาดมาสองปีกว่า

มนทิราหน้าซีด หันมองไปในห้องน้ำหญิงด้วยสีหน้าตื่นกลัว

“ผีค่ะ มนเห็นผี ผีผู้หญิงค่ะ น่ากลัวมากเลยคุณวินท์” มนทิราร้องไห้ไปด้วย

“ว่าไงนะ ผมสั่งไว้แล้วว่าห้าม …”

ภาสวินท์ขมวดคิ้วเครียด หลุดตวาดไม่พอใจกับการได้ยินเรื่องผีจากปากพนักงาน เสียงมนทิราร้องไห้หนักกว่าเดิมดึงสติสัมปชัญญะของคนโมโหกลับมาได้

“ผมฝากคุณมนทีนะ คุณอร คุณตั้น” หันไปฝากฝังมนทิรากับพนักงานอีกสองคนด้านหลัง ส่วนเขาขอที่เงียบๆ สงบสติอารมณ์ ไม่นานก็กลับไปยังห้องการตลาด เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังปลอบมนทิราที่สติแตกและร่ำๆ ว่าจะออกจากงาน กอกานต์เอ่ยออกมากลางวง

“จริงๆ แล้วแก้มก็เคยเจอผีนะคะ แล้วก็โดนคุณวินท์ดุแบบนี้เหมือนกัน แต่พอมาคิดดูแล้วที่คุณวินท์ห้ามไม่ได้พูดก็ถูก ถ้าพวกเราพูดกันมากๆ ได้ยินไปถึงหูคนนอก คงไม่มีใครกล้ามาเดินห้างวัสวา อีกอย่างที่นี่ก็เหมือนบ้านคุณวินท์ เวลามีคนมาบอกว่าบ้านมีผี ถ้าเป็นเรา เราก็คงเคืองเหมือนกัน”

น่าแปลก พอได้ยินเสียงใสพูดเหตุผลตรงกับใจและความคิดลึกๆ อารมณ์ร้อนๆ ในอกของภาสวินท์หายไปทันที

เหตุการณ์วุ่นๆ สงบลง มนทิรากับพนักงานทยอยกลับบ้านตามคำสั่งเจ้านาย กอกานต์เองก็เช่นกัน

“ผมจะไปส่ง” ภาสวินท์ไม่ได้เสนอตัว แต่เขาเผด็จการด้วยการดึงกระเป๋าผ้าอีกใบของกอกานต์มาถือให้ แล้วเดินนำไปยังลิฟท์ กอกานต์ถอนหายใจ ก่อนจะเดินตามหลังเจ้านาย เธอเห็นแผ่นหลังชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเงียบเหงา เธอคิดว่าภาสวินท์คงรู้สึกแย่ที่พนักงานไม่เข้าใจเขา แต่เธอก็พยายามพูดให้พนักงานมองในฝั่งเจ้านายบ้าง

กระทั่งทั้งสองถึงชั้นล่างสุด ภาสวินท์ไม่ได้ตรงดิ่งไปที่จอดรถแต่กลับเดินไปยังสนามส่วนด้านหลังตึกที่ร้างผู้คนผิดกับส่วนด้านหน้าห้างซึ่งยังคึกครื้น ทั้งที่ได้ยินเสียงดนตรีจากลานหน้าห้างแต่บรรยากาศวังเวงแปลกๆ

“ขอบคุณนะที่เข้าใจผม” ภาสวินท์เอ่ยพร้อมหันมายิ้มให้กอกานต์

“เอ่อ เรื่องอะไรหรือคะ” กอกานต์ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องที่เธอช่วยเรียงเอกสารหรือเปล่า

“เรื่องที่คุณเข้าใจว่าผมไม่อยากให้ที่นี่ถูกลือว่ามีผี ผมโตมากับที่นี่ ถึงผมจะโกรธทุกครั้งที่นึกภาพพ่อนอกใจแม่และหนีฆ่าตัวตาย ทิ้งให้ผม พี่ชายและแม่ต้องสู้กับหนี้กองโต แต่ผมก็รักพ่อมาก รักที่นี่ ที่ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของครอบครัวผม ผมพยายามรักษาที่นี่ไว้ …”

“คุณวินท์” กอกานต์มองฝ่าความมืดไปยังวงหน้าชายหนุ่ม เขาพยักหน้า ดวงตาของเขาคลอไปด้วยน้ำตากำลังระยิบระยับจากแสงของห้างสรรพสินค้านั้นค่อยๆ ใกล้เข้าหาเธอเรื่อยๆ

หรือไม่เธอเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้เขาแทน เพราะรู้สึกตัวอีกที เธอกับเขาก็กอดกัน

กอกานต์เพิ่งบอกตัวเองว่าจะไม่ตกหลุมรักเจ้านาย แต่เธอกลับปล่อยตัวปล่อยใจไปแล้ว …อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเห็นเขาร้องไห้เหงาๆ แบบนี้เลย

“ได้ยินเสียงหัวใจคุณวินท์ด้วยค่ะ” กอกานต์กระซิบบอกในอ้อมแขนคนตัวใหญ่ คงเพราะหน้าของเธอซบกับอกข้างซ้ายเขาพอดี

เจ้าของเสียงหัวใจหัวเราะเบาๆ

“แน่สิ ผมยังไม่ตายนี่นา” ภาสวินท์ผละตัวออกจากร่างเล็ก มองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจูงมือเธอพาไปยังรถยนต์ท่ามกลางเสียงเพลงรักที่ดังมาจากห้างสรรพสินค้า




โดยในมุมมืดที่ชายหนุ่มหญิงสาวไม่ได้สังเกตลุงศรยืนมองทั้งคู่ด้วยแววตาเศร้า หากทันทีที่ผีสาวคอหักปรากฏตัว ลุงศรก็ตวัดสายตาดุใส่

“คุณภาสกร คุณคิดหรือว่ายัยเด็กนั่นจะช่วยได้” ผีสาวถามชายวัยกลางคน “สายไม่เห็นว่ามันจะทำอะไรได้เลย ลูกชายคุณก็เหมือนกัน ไม่ได้เรื่องกันทั้งคู่”

“ก็รอดูละกัน ฉันไม่ยอมหมดหวังแน่นอน” ลุงศร หรือ ภาสกรตอบอย่างมีความหวัง



จบตอนที่ 11 - 100%


นำนิยายมาส่งค่า



คุณ kaelek : ครั้งนี้ พี่วัสร์เอาตัวรอดได้ แต่บอกเลยว่าอดซ่าไปอีกสักพัก!! (แต่จะห้ามได้หรือเปล่าาา)

คุณ แว่นใส : คุณแม่มาก่อน แต่ยังรอดได้อยู่ค่า



พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^





ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2560, 15:16:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2560, 15:27:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 959





<< ตอนที่ 11 - 75%   ตอนที่ 12 - 35% >>
kaelek 6 ส.ค. 2560, 18:22:11 น.
มีความรอดตัวนะพี่วัสร์.. อยากรู้ปมลุงศรกับผีคุณสายแล้วอ่าาา


แว่นใส 7 ส.ค. 2560, 06:14:25 น.
จะช่วยผียังไงนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account