คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 22[1]




..........เพชรน้ำหนึ่งกำลังจะนอน ทุกคืนไทธรรพ์ชอบแอบเข้ามาในห้องนอน เพื่อจูบราตรีสวัสดิ์

“พี่ไทธรรพ์... คุณยูตะจะย้ายหนึ่งไปทำงานในฝ่ายบัญชีล่ะ”

“นั่นแหละที่พี่ยอมไม่ได้ พี่บอกลาออกไปแล้ว หนึ่งไม่ต้องไปทำตามคำสั่งนั่นหรอก พี่จะหาเงินส่งหนึ่งเรียนเองโดยไม่ต้องพึ่งทุนของป๋า”

“แต่หนึ่งอยากช่วยงานคุณยูตะ หนึ่งสงสารคุณยูตะ ตอนนี้สุขภาพไม่ดีเป็นโรคหัวใจยังต้องทำงานเคร่งเครียดตลอดไม่มีคนช่วยงาน แล้วพี่ไทธรรพ์ยังจะมาลาออกอีก ดูไปแล้วน่าสงสารคุณยูตะ ไม่มีลูกหลานอื่นที่พอจะมาช่วยงานได้เลย ต้องแบกภาระรับผิดชอบอยู่คนเดียว”

“นั่นเรื่องภายในครอบครัวเราหนึ่งอย่าเดือดร้อนตามไปด้วยเลย พวกผู้ใหญ่เขาต้องหาทางออกกันได้เองล่ะ พี่เองยังไม่อยากยุ่งด้วยเลย เพราะถึงยังไงพี่ก็ไม่ใช่ลูกแท้จริงของป๋า”

“แต่หนึ่งเห็นคุณยูตะตามใจพี่ไทธรรพ์มากอย่างกับเป็นลูกแท้จริง ดูท่าทางจะรักพี่ไทธรรพ์มากด้วย”

“เขาแค่ให้เงิน เขามันพวกมหาเศรษฐีให้จ่ายเงินเท่าไหร่เขามีจ่ายได้”

“แต่ถ้าเขาไม่เห็นว่าพี่ไทธรรพ์สำคัญเขาไม่ตามใจคอยจ่ายเงินให้หรอก หนึ่งสงสารคุณยูตะ หนึ่งจะช่วยงานในฝ่ายบัญชีตามคำสั่งของคุณยูตะ พี่ไทธรรพ์อยู่กับหนึ่ง เป็นเพื่อนหนึ่งด้วยได้ไหม? นะพี่ไทธรรพ์” เธอทำเสียงเหมือนอ้อนวอน

แม้ว่าจะต้องฝืนใจ แต่หากเป็นความต้องการของเพชรน้ำหนึ่งซึ่งเขาสัญญาไว้แล้วว่าจะคอยสนับสนุนเธอ เขาจำเป็นต้องถามดูใจเธอ

“หนึ่งชอบไอ้ผู้จัดการฝ่ายบัญชีนั่นหรือเปล่า?”

“เปล่า... หนึ่งรักพี่ไทธรรพ์คนเดียว”

“หนึ่งห้ามไปสนิทสนมกับมันนะ”

“วางใจเถอะ หนึ่งจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน” เธอบอก และเน้นน้ำเสียงที่คำท้ายประโยคอย่างจริงจัง

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะอยู่เป็นเพื่อนหนึ่ง คอยตามคุม ไม่ให้เจ้าทานูกินั่นเข้ามาใกล้ชิดกับหนึ่ง”

“พี่ไทธรรพ์ไม่ลาออกแล้วใช่ไหม” เพชรน้ำหนึ่งถามแย้มยิ้ม เธอแน่ใจในคำตอบนั่นแปลว่าการเจรจาสัมฤทธิ์ผล

“อืม... ไม่ลาออก” ว่าอย่างนั้น และก้มลงมา ใบหน้าอยู่ใกล้ชิด ใช้นิ้วชี้ไล้เรียวปากของเธอ ก่อนจะจูบอย่างแผ่วหวานทว่าเนิ่นนาน เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวลที่สุด



..........การชกมวยของเพชรน้ำหนึ่ง ต่อมามีแต่ชัยชนะที่สวยงาม แฟนมวยมาเชียร์กันเนืองแน่น และในจำนวนนั้นเป็นสมาชิกในบ้านตระกูลทาคาดะ ตลอดจนพนักงานในกลุ่มบริษัททาคาดะ

และคุณยูตะได้เลื่อนตำแหน่งในบริษัทให้เพชรน้ำหนึ่งจากเด็กเดินเอกสาร กลายเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในฝ่ายบัญชี ให้คุณวากามิชิ ทานากะดูแลในฐานะผู้จัดการฝ่ายบัญชี

เขาเป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคนบุคลิกดีท่าทางภูมิฐาน และเป็นโสดจึงมีสาวน้อยสาวใหญ่แอบปลื้มในตัวเขาอยู่หลายคน

“ผมเป็นแฟนมวยของคุณหนึ่ง น่าประทับใจจริงเลย ผมขอรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นแบบพิเศษด้วยได้ไหมครับ” คุณวากามิชิกล่าวชื่นชม เขาชอบไปเชียร์เพชรน้ำหนึ่งทุกนัด

“ได้ค่ะสำหรับแฟนตัวจริง เขียนว่าด้วยรักและเคารพคุณวากามิชิ ทานากะ หนึ่งวาดรูปหัวใจให้ด้วยนี่ค่ะ” เธอส่งลายเซ็นให้ แล้วผู้จัดการฝ่ายบัญชีได้ขอจับมือ เป็นของแถมในฐานะแฟนมวย ไม่ได้คิดเลยเถิดไปในทางชู้สาว แต่...!

“ทำไมต้องจับมือกันด้วย” ไทธรรพ์เสียงดัง ไม่พอใจเมื่อมาเห็นเข้าพอดี ความห่วงหวงในตัวเพชรน้ำหนึ่งนั้นมากเหลือเกิน

“เขาแค่จับมืออย่างแฟนมวย ไม่ได้คิดอะไรกันสักหน่อย พี่ไทธรรพ์อย่าซีเรียสเลยน่า”

“ไม่รู้หรือไงว่าหนึ่งเป็นคนพิเศษของผม ผมไม่ไว้ใจตั้งแต่หนึ่งโดนย้ายมาอยู่ฝ่ายบัญชีแล้วรู้ไว้ด้วย ผมจะไปบอกป๋าให้ย้ายหนึ่งไปอยู่แผนกอื่น” ไทธรรพ์บอกกับผู้จัดการฝ่ายบัญชีและเดินหุนหันออกไป

“หนึ่งขอโทษแทนพี่ไทธรรพ์ด้วยนะคะ เขาเข้าใจผิดคิดมากไปเอง ไม่น่าเลย” เพชรน้ำหนึ่งหันมาขอโทษคุณวากามิชิ



..........ไทธรรพ์มาฟ้องคุณยูตะ และมีเรื่องกันอีกครั้ง แต่เป็นครั้งที่ใหญ่หลวงแทบคร่าชีวิตนักบริหารระดับซีอีโอเลยทีเดียว

“ผมไม่ชอบไอ้ผู้จัดการฝ่ายบัญชี ป๋าต้องให้หนึ่งย้ายไปอยู่แผนกอื่น”

“คุณวากามิชิเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่บริษัทเรามานาน เป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ไทธรรพ์ไม่ชอบใจอะไรเขา หรือเขาข่มเหงรังแกเพชรน้ำหนึ่ง”

“เขาจับมือหนึ่ง ทำตัวสนิทสนมกับหนึ่งเกินไป”

“คุณวากามิชิเหรอทำอย่างนั้น เข้าใจผิดกันหรือเปล่า แต่แค่จับมือไม่น่ามีอะไรเกินเลย”

“ผมเห็นต่อหน้าผมไม่ไว้ใจ ไม่อยากให้หนึ่งอยู่ใกล้ ป๋าต้องจัดการย้ายให้เพชรน้ำหนึ่งไปอยู่แผนกอื่น”

“ไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นพอ ไทธรรพ์เอาแต่ใจเกินไปรู้ตัวหรือเปล่า แบบนี้ป๋าไม่เข้าข้างไทธรรพ์”

“นี่แปลว่าป๋าไม่ตามใจผม ผมนะเหรอเป็นลูกรักของป๋า คนที่ผมรักคนที่ผมหวง... ป๋ากลับไม่ช่วยปกป้องไว้ให้ผม เรื่องแค่นี้ป๋าทำให้ผมไม่ได้ อย่ามาอ้างเลยว่าป๋ารักผม ป๋าไม่ได้รักผมจริงจังหรอก ที่ผ่านมาแค่แกล้งทำดีเอาใจเพื่อหวังผลไว้ใช้งาน ผมจะไม่ยอมเป็นข้าทาสบริวารของป๋าอีกต่อไป ผมจะพาหนึ่งไปกับผมด้วย จะไปอยู่ประเทศไทยไม่เป็นลูกป๋าอีกแล้ว” ไทธรรพ์พูดเสียงดังกร้าว โดยไม่สนใจความรู้สึกของใครเลย ผลุนผันเดินออกจากห้อง เจอเพชรน้ำหนึ่งพอดี

“พี่ไทธรรพ์” เพชรน้ำหนึ่งเรียก ก่อนหน้านั้นเธอตามไทธรรพ์มาและยืนอยู่ข้างประตูห้อง จึงพอได้ยินเรื่องที่ทะเลาะกันเสียงดัง

“ไม่ต้องอยู่แล้วที่นี่ ไปกับพี่เดี๋ยวนี้” ไทธรรพ์ดึงมือเธอ ยื้อฉุดตามมาด้วย

“พี่ไทธรรพ์ไม่เป็นห่วงคุณยูตะบ้างเหรอ เขาจะรู้สึกยังไงยิ่งเป็นโรคหัวใจอยู่ ดีไม่ดีอาการกำเริบขึ้นมา”

“ช่างสิคนแบบนั้นตายยาก”

“หนึ่งขอกลับไปดูคุณยูตะก่อน” เพชรน้ำหนึ่งดึงรั้งไว้และแกะมือไทธรรพ์ออก เดินเข้าไปในห้องประธานกรรมการ



..........เพชรน้ำหนึ่งเปิดประตูเข้าไปในห้อง ถึงได้พบร่างที่นอนกองอยู่บนพื้นห้อง คุณยูตะช็อกและหยุดหายใจ

“ช่วยส่งรถพยาบาลมารับผู้ป่วยโรคหัวใจด้วยค่ะ ตอนนี้ผู้ป่วยหยุดหายใจไปแล้ว รีบมาด่วนนะคะ” เพชรน้ำหนึ่งโทรแจ้งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่ทำงานที่สุด ซึ่งคุณยูตะมีประวัติคนไข้ได้รับการรักษาประจำอยู่

“คุณยูตะคะ คุณยูตะ...” เพชรน้ำหนึ่งตะโกนเรียกหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบจากคุณยูตะ หนำซ้ำไม่มีปฏิกิริยาใดเลย แม้ว่าเธอจะพยายามเขย่าร่างนั้นอย่างเต็มแรงแล้วก็ตาม

“ทำไมช้าจังหนึ่ง เข้าไปทำอะไรนานพี่รออยู่นะ” ไทธรรพ์บ่น แล้วเดินผ่านประตูห้องเข้ามา ตกใจเมื่อได้เห็นสภาพนั้น “อ้าว! ป๋าเป็นอะไรไป?”

“คุณยูตะหยุดหายใจ คงช็อกหมดสติ หนึ่งโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว แต่ช่วงเวลากลางวันอย่างนี้ การจราจรคงติดขัดมาก อาจต้องรอนานกว่ารถพยาบาลจะมาถึง หนึ่งกลัวอาการคุณยูตะจะแย่” แล้วเธอก้มลง เอียงหูแนบกับหน้าอกคุณยูตะเพื่อฟังเสียงหัวใจเต้น และต้องตกใจเมื่อพบว่า “คุณยูตะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน”

ไทธรรพ์ตกใจ ใจเสียอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น

“โธ่ป๋า! หัวใจไม่เต้นแล้วเหรอ ทำไงดีล่ะหนึ่ง”

“ต้องช่วยปฐมพยาบาลก่อน” เธอใช้มือสัมผัสชีพจรที่ต้นคอ “คุณยูตะหมดสติ ชีพจรเต้นอ่อนลงเรื่อย ไม่ถึงยี่สิบครั้งต่อนาที”

เพชรน้ำหนึ่งเคยได้รับการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น จึงใช้วิธีที่ได้รับการอบรมมาเท่าที่จำได้ทำการปั๊มหัวใจ กดมือลงบนหน้าอกคุณยูตะอย่างแรงและเร็วด้วยอัตราเร็วเฉลี่ย 90 – 100 ครั้งต่อนาที ทำสลับกับการเป่าปากสองครั้ง กดหน้าอกปั๊มหัวใจสามสิบครั้ง ทำซ้ำไปได้ห้ารอบจากนั้นจึงค่อยมาตรวจชีพจรที่ต้นคอดูอีกทีว่ายังเต้นอ่อนอยู่อีกหรือไม่

“นี่... หนึ่งจูบปากป๋าต่อหน้าพี่” ไทธรรพ์เสียงเบาเอ่ยตัดพ้อ

คราวนี้เธอเห็นได้ชัดถึงความไร้เหตุผลของไทธรรพ์ ถึงขั้นทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมา

“โอ๊ย! จะบ้าตาย พี่ไทธรรพ์ขี้หึงจนขึ้นสมองไปแล้ว นี่มันเป็นการปั๊มหัวใจและผายปอดเพื่อช่วยชีวิตเบื้องต้นก่อนรถพยาบาลจะมาถึง เพราะรถพยาบาลที่โทรเรียกกว่าจะฝ่าผ่านการจราจรมาได้อาจกินเวลาเป็นสิบหรือยี่สิบนาที หากไม่มีใครช่วยให้หายใจ คุณยูตะอาจสิ้นลมหายใจตายก่อน พี่ไทธรรพ์ไม่เคยดูในหนังรึไงที่มีการเป่าปากตอนนางเอกจมน้ำ ไม่รู้ล่ะหนึ่งจะช่วยชีวิตคุณยูตะ จะปฐมพยาบาลแบบนี้ไปก่อนจนกว่าคุณยูตะจะหายใจได้เองหรือไม่ก็จนรถพยาบาลมาถึงที่นี่”



..........เมื่อรถพยาบาลมาถึง คุณยูตะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน!

...ห้องวีไอพีของโรงพยาบาล ติดป้ายหน้าห้องชื่อของผู้ป่วย ยูตะ ทาคาดะ

“โชคดีนะครับที่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี ส่วนใหญ่คนไข้ที่หยุดหายใจมักจะช่วยไว้ไม่ทัน เสียชีวิตก่อนถึงมือหมอ ตอนนี้การหายใจดีขึ้นแล้วหรือยังครับคุณยูตะ” แพทย์เจ้าของไข้เข้ามาพูดคุยถามไถ่อาการ

“ผมรู้สึกว่าหายใจคล่องแล้วครับ” คุณยูตะตอบกลับคุณหมอ

จากนั้นได้พูดคุยถึงอาการป่วยกับแพทย์เจ้าของไข้อยู่อีกไม่นาน นายแพทย์ผู้นั้นจึงกลับออกไป เหลือผู้อยู่เยี่ยมไข้ในห้องสองคนคือคุณอายูมิกับเพชรน้ำหนึ่ง

แล้วคุณยูตะจึงหันมาบอกกับคุณอายูมิผู้เป็นภรรยา

“หากไม่ได้เพชรน้ำหนึ่งช่วยชีวิตไว้ ผมคงสิ้นใจตายไปแล้ว”

“ฉันขอบคุณเธอมากนะเพชรน้ำหนึ่ง” คุณอายูมิกล่าวขอบคุณเช่นกัน

คุณยูตะใช้ความคิดอยู่นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดกับเพชรน้ำหนึ่ง

“ฉันมาคิดทบทวนดูแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตฉัน ฉันจะรับเธอเป็นบุตรบุญธรรม”

“คุณคิดไหมว่าเรื่องนี้ไทธรรพ์จะยอมหรือเปล่า น่าจะถามลูกเราดูก่อนนะคะ” ความจริงแล้วคุณอายูมิไม่ยินยอมจึงพูดคัดค้าน

“ถึงไทธรรพ์จะไม่ยอมแต่ผมไม่สนใจหรอก เพราะเขาเองยังไม่เคยนึกถึงจิตใจผมเลย”



..........เพชรน้ำหนึ่งโทรทางไกลถึงแม่ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณยูตะ จนกระทั่งเรื่องที่คุณยูตะจะรับเธอเป็นบุตรบุญธรรม

“หนึ่งลูกแม่... ลูกมีทั้งพ่อและแม่พร้อมทั้งตายาย ฐานะเราใช่จะยากจนข้นแค้น ความจริงพ่อแม่ส่งลูกไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้สบายโดยไม่ต้องเป็นนักเรียนทุนเอกชน ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวให้เขาใช้งานด้วยซ้ำ เรื่องจะรับเป็นบุตรบุญธรรมนั่นแม่ไม่ยอมหรอก” คุณอังคณาพูดกับบุตรสาว

“แม่คะคุณยูตะเป็นพ่อของพี่ไทธรรพ์ ถ้าหากวันหน้าหนึ่งเรียนจบได้แต่งงานกับพี่ไทธรรพ์ หนึ่งจะได้เป็นลูกสะใภ้คุณยูตะอยู่ดี ถ้าตอนนี้เขารับหนึ่งเป็นลูกบุญธรรม ต่อไปให้หนึ่งช่วยงานเขาหนึ่งยินดีช่วยค่ะ เพราะหนึ่งชอบธุรกิจของคุณยูตะ หนึ่งยังเป็นลูกสาวในไส้ของคุณพ่อคุณแม่เหมือนเดิม แต่ว่าถ้ามีพ่อแม่บุญธรรมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งว่าสนุกดีออกค่ะ คุณแม่ยอมยกหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรมของคุณยูตะเถอะนะคะ” คำหลังเธอลากเสียงออดอ้อนมารดา

“แต่ยังไงแม่ต้องคิดหนักเพราะหนึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านเรา แม่ต้องปรึกษากับคุณพ่อของลูกก่อน”



..........คุณอัมรินทร์และคุณอังคณาบิดามารดาของเพชรน้ำหนึ่งได้รับตั๋วเครื่องบินจากคุณยูตะ จึงเดินทางเร่งด่วนมาหาถึงประเทศญี่ปุ่นตามคำเชิญของคุณยูตะ

“ผมขอเพชรน้ำหนึ่งให้มาเป็นบุตรบุญธรรมของผม ตระกูลเราเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ขอให้เชื่อว่าเราสามารถจะดูแลเธอได้เป็นอย่างดี” คุณยูตะพูดกับคุณอัมรินทร์บิดาของเพชรน้ำหนึ่ง

“ผมมีเพชรน้ำหนึ่งเป็นลูกสาวคนเดียว ถ้าหากเขาต้องกลายเป็นลูกคนอื่นผมคงใจหาย”

“ผมไม่ได้ต้องการผูกขาดเพชรน้ำหนึ่งไว้เป็นลูกผมแต่เพียงผู้เดียว เขามีอิสระจะไปเยี่ยมพ่อแม่หรืออยู่กับพ่อแม่แท้จริงได้ ผมเพียงอยากให้เขามาดูแลกิจการของผมบ้างเท่านั้น เพราะผมมีลูกเลี้ยงคนเดียวแถมเขาไม่ช่วยงานผมเลย เพชรน้ำหนึ่งเป็นคนไว้ใจได้และชอบช่วยเหลืองานของผม ที่สำคัญที่ผมรอดชีวิตอยู่มาได้ถึงวันนี้เพราะเธอช่วยชีวิตผมไว้ ผมจึงอยากตอบแทนโดยยกมรดกทรัพย์สินให้ ต้องการได้เธอมาเป็นบุตรบุญธรรม”

“คุณคงรู้ว่าลูกสาวผมรักลูกชายคุณมาก ผมเป็นห่วง ไม่อยากให้คิดผิดเสียใจเสียตัวมีอะไรเกินเลยกัน อยากให้ส่งเสียเรียนจนจบมหาวิทยาลัย คุณช่วยดูแลได้ไหมเรื่องทั้งหมดที่ผมห่วงกังวล”

“ผมสัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งาม ที่นี่ผมมีทั้งคนรับใช้ พี่เลี้ยง รวมทั้งคุณอายูมิภรรยาของผม เราจะช่วยกันดูแลเอาใจใส่เพชรน้ำหนึ่งไม่ให้มีผิดพลาด” คุณยูตะพูดยืนยันให้อีกฝ่ายมั่นใจและวางใจได้

“เมื่อคุณยูตะสัญญาอย่างนั้นผมกับแม่ของเพชรน้ำหนึ่งตกลง ยอมยกเพชรน้ำหนึ่งให้เป็นบุตรบุญธรรมของคุณ”





ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2560, 16:25:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2560, 16:25:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 953





<< ตอน 21[2]   ตอน 22[2] >>


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account