ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก
กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!
ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา
เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก
กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!
ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา
เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน
ตอน: ตอนที่ 14
ตอนที่ 14
“คุณจะถามอะไรผมก็ถามมา เอาแต่มองหน้าระวังจะตกหลุมรักผมนะ” ภาสวัสร์พูดพลางตักไอศกรีมใส่ปากได้หน้าตาเฉย คนฟังเสียอีกที่ย่นคิ้วรับไม่ได้กับอาการหลงตัวเองของชายหนุ่ม
เวลานี้เขาและเธออาศัยร้านไอศกรีมเป็นจุดนั่งพูดคุยกัน บรรยากาศร้านค่อนข้างสงบไม่พลุกพล่าน กอกานต์ไม่ได้อยากกินไอศกรีมหรอก แต่เป็นเพราะชายหนุ่มเอาแต่ยืนมองหน้าร้านอย่างสนใจจึงเลือกร้านนี้เสียเลย
จะว่าไปแล้วภาสวัสร์ก็เหมือนจะสนใจอะไรไปทั่ว จนเธอสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้เหมือนเด็กได้ออกมาวิ่งเล่นเลย
“ถ้าแก้มถามออกไป คุณก็คงหาว่าแก้มเป็นบ้า” กอกานต์นั่งเท้าคางอย่างเซ็งๆ “คุณไม่เชื่อหรอกว่าฉันเจอผี ผีที่ออฟฟิศนี่” เธอพยายามพูดเสียงเบา เพื่อไม่ให้ลูกค้าคนอื่นได้ยิน
“ทำไมผมถึงจะไม่เชื่อล่ะ ในเมื่อผมเองก็จะพิสูจน์ว่าที่นี่มีผีจริงหรือเปล่า ผมบอกคุณแล้วนี่” ภาสวัสร์ตอบ โดยยังตักไอศกรีมใส่ปากไม่หยุด ไม่ลืมเตือนความจำหญิงสาว
“ผมบอกคุณเมื่อคืนแล้วไงว่า ผมจะฟังคุณเล่าทุกเรื่องเลย อยากเล่าอะไรก็เล่ามาเถอะ ผมมีเวลาไม่เยอะ” เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้วด้วย
“ถ้าเปลี่ยนเป็นคำถามล่ะคะ แก้มถามคุณได้หรือเปล่า” กอกานต์มองคนชื่นชอบไอศกรีมตาแป๋ว
“ได้สิ” ภาสวัสร์ตอบโดยไม่ต้องคิดนานเลย
“ทำไมคุณวินท์ถึงบอกใครๆ ว่าคุณอยู่ต่างประเทศละคะ” กอกานต์คิดอยู่นานว่าจะถามออกไปดีไหม พอเห็นอาการชะงักช้อนไอศกรีมของชายหนุ่ม ความสดใสจากดวงตาคู่คมหลังแว่นสายตาเมื่อครู่หายไปจนเหลือเพียงความหม่นหมอง กอกานต์รีบขอโทษชายหนุ่มทันที
“แก้มไม่ควรถามใช่ไหมคะ ขอโทษนะคะ คงเป็นเรื่องภายในครอบครัวของคุณ”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันซับซ้อน ขอแค่ให้ลูกอมรู้ว่านายวินท์ไม่ใช่คนมีปัญหา ผมต่างหากที่มีปัญหาจนต้องอยู่แบบไม่มีตัวตน”
เขายิ้ม ทำหน้าเหมือนไม่เป็นอะไร ทั้งที่น้ำเสียงเศร้าหน่วงใจคนฟัง
“ว่าแต่ คุณจะเล่าเรื่องเมื่อคืนก่อนให้ผมฟังได้ไหม ว่าทำไมคุณถึงไปนอนตรงลิฟท์นั่น” ภาสวัสร์เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสีหน้ากอกานต์เจื่อนลง
“แก้มเจอผีค่ะ เป็นผีผู้หญิงใส่ชุดลายดอกทั้งตัวเลย เธอมาเกาะลิฟท์ไม่ให้แก้มไปไหน แก้มเลยตกใจกลัวจนเป็นลมไป” แล้วก็ฝันเห็นภาสวัสร์ตอนเป็นวัยรุ่น กับเหตุการณ์ในอดีต ที่กอกานต์ไม่มั่นใจว่าเป็นแค่ความฝันหรือใครต้องการอะไรจากเธอกันแน่
ภาสวัสร์ถอนหายใจ ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบรูปภาพเก่าจนเหลืองออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว
“ผีสาวที่คุณเห็นคือคนนี้หรือเปล่า”
กอกานต์ยื่นหน้าไปมองรูปหญิงสาวหน้าสวยคม ผิวขาวในชุดกระโปรงลายดอกไม้ อาจจะลายดอกไม้เหมือนกันแต่ก็คนละตัว ผมยาวเหมือนกัน หากจะไปเทียบหน้าผีซีดๆ ดำๆ กับรูปถ่ายก็ไม่มั่นใจนัก
แต่ถ้าเทียบกับผู้หญิงในความฝันแล้วล่ะก็คือคนคนเดียวกันแน่ๆ
“เธอคือใครหรือคะ” กอกานต์มองหน้าชายหนุ่มที่กำลังถอนหายใจอีกครั้ง
“ชื่อสายสุดาครับ เป็นพนักงานธุรการเก่าที่นี่ แต่เสียไปแล้ว … เธอกระโดดตึกตาย”
“คะ!” กอกานต์ตกใจจนเผลอทำเสียงดัง “กระโดดตึกหรือคะ”
“ใช่ครับ” ภาสวัสร์เล่าพร้อมขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับข่าวของบิดาที่ใครๆ เล่ากันว่าพ่อกระโดดตึกตายตามชู้รักอย่างสายสุดาไป ไม่ใช่เพราะเชื่อมั่นในตัวบิดาว่าจะไม่นอกใจมารดา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคลางแคลงใจเรื่องนี้มาตลอด
“ตั้งแต่วันที่พ่อเสีย ผมก็ประสบเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ผมสูญเสียความทรงจำช่วงนั้นไปหมด ความทรงจำผมหายไปสามปี ผมจำไม่ได้ว่าสามปีนั่นผมทำอะไรบ้าง วันเกิดเหตุผมเจออะไรถึงได้เป็นมากถึงความจำเสื่อม แต่ผมยังจำสายสุดาได้นะ เพราะเวลามาหาพ่อที่นี่ สายสุดาก็จะเอาขนมมาให้ผมกับวินท์เสมอ เธอเป็นผู้หญิงใจดี สวยมีเสน่ห์มากคนหนึ่ง”
กอกานต์เห็นด้วยกับภาสวัสร์ว่าสายสุดาสวยจริงๆ นั่นล่ะ
“ทำไมเธอถึงกระโดดตึกที่นี่หรือคะ ใช่อย่างข่าวลือที่คุณเคยบอกฉันหรือเปล่า ที่ว่ามีพนักงานโกงเงินบริษัทน่ะค่ะ” กอกานต์ยังจำที่ภาสวัสร์เล่าได้ดี
“ผม … อย่าไปรื้อฟื้นเลย เธอก็ตายไปแล้ว” ภาสวัสร์หลีกเลี่ยงจะพูดถึงเรื่องฉาวของบิดา เพราะเห็นแก่ทั้งมารดาและน้องชาย
“แต่ว่าถ้าเธอยังวนเวียนอยู่ ก็น่าจะแปลว่าเธอต้องการอะไรแน่ๆ แก้มเคยได้ยินว่าถ้ายังไม่หมดห่วงหรือมีเรื่องค้างคา วิญญาณจะไปผุดไปเกิดไม่ได้นะคะ” กอกานต์ตั้งข้อสงสัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาสวัสร์กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน
หากยังไม่ทันได้มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก ภาสวัสร์ก็นึกบางเรื่องได้
“ลูกอม ผมขอเบอร์โทรศัพท์คุณหน่อยสิ น่านะ” และส่งเสียงอ้อนๆ เมื่อกอกานต์ทำหน้าแปลกใจ “ไม่ต้องระแวงผมหรอก ผมไม่ได้จะจีบคุณหรอกน่า บอกแล้วไงว่าผมอยากให้คุณลงเอยกับนายวินท์เขา”
กอกานต์ชะงักทันที ตอนแรกก็ว่าจะให้เบอร์โทรศัพท์ดีๆ แต่มาแซวกันแบบนี้ เธอเลยค้อนใส่ชายหนุ่มแทนเสียเลย
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ แก้มไม่อยากเป็นมือที่สามระหว่างใครนะคะ คุณวินท์ก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว อย่าทำให้แก้มลำบากใจเลยค่ะ” เธอปวดหน่วงหัวใจ เมื่อนึกถึงความจริง แม้เธอจะหลงเสน่ห์เจ้านายหนุ่มไม่น้อย
“แต่นายวินท์ไม่ได้ชอบหนูผีนั่นนะ อีกอย่างผมก็ไม่ชอบคนที่ไม่จริงใจ ไม่ซื่อสัตย์ ผู้หญิงคนนั้นกล้าบอกชอบคนอื่นทั้งที่มีคู่หมั้นอยู่ ผมไม่มีทางยอมให้น้องชายผมตกนรกแน่นอน”
“ถึงคุณจะพูดแบบนั้น แต่ถ้าคุณวินท์ไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความจริงได้หรอกค่ะ … แล้วคุณจะเอาเบอร์แก้มอยู่ไหมคะ ถ้าพูดอีก แก้มจะหนีไปแล้วนะ” พอขู่ไป คนตัวสูงถึงยอมหยุดตื๊อเรื่องภาสวินท์ ทั้งคู่จ่ายเงินค่าไอศกรีมแล้วพากันเดินออกจากร้าน
ชนิณิภาเดินกลับมายังโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันไปถามภาสวินท์ด้วยรอยยิ้มซุกซน ไม่รู้เลยว่าสถานะเธอกับภาสวินท์เปลี่ยนไปแล้ว
“พี่วินท์รู้ไหมคะ เมื่อกี้นิกกี้ออกไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอใคร”
ภาสวินท์ไม่แสดงอาการหรือทำท่าแปลกไปกว่าเมื่อก่อน ตอนเป็นคู่หมั้นเขาก็วางตัวมีระยะห่างกับหญิงสาวอยู่แล้ว มีแต่เจ้าหล่อนที่ชอบโผมาเกาะมากอดเขามากกว่า เพียงแต่ต่อจากนี้ เขาคงไม่ปล่อยให้ชนิณิภาถึงเนื้อถึงตัวเขาแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
“ใครหรือครับ” ภาสวินท์ถามกลับ และคำตอบที่ได้รับคือภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือของคนถาม
“ใช่พนักงานสาวของพี่วินท์หรือเปล่าคะ ดูสิคะ ควงแฟนมาเที่ยว แฟนดูคุ้นๆ แต่นิกกี้นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
คนฟังลืมตัวทำตาโต และกำมือแน่น หากพยายามเก็บสีหน้าความรู้สึกร้อนอกร้อนใจไม่ให้ถูกจับได้
“นี่เพิ่งเจอหรือครับ”
“ค่ะ ก็ตอนนิกกี้ออกไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละค่ะ กระหนุงกระหนิงกันมากเลยนะคะ” ชนิณิภาแต่งเรื่องเพิ่ม เพราะอยากให้ภาสวินท์ไม่ยุ่งกับพนักงานสาวคนนี้
“ใครกันน่ะ เพื่อนลูกหรือนิกกี้” เดชายื่นหน้ามามองรูปถ่ายบ้าง ก่อนจะทำหน้าแปลกใจ “ผู้ชายที่เดินข้างๆ หนูคนนี้เหมือนศรตอนหนุ่มๆ เลย”
“คุณลุงหมายความว่ายังไงหรือครับ เหมือนพ่อหรือครับ” ภาสวินท์หันมาสนใจผู้ชายข้างๆ กอกานต์ พอมองดีๆ ก็คล้าย … ไม่สิ ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนภาสวัสร์มากถึงมากที่สุด แถมชุดที่ใส่ก็คือชุดที่เขาซื้อให้พี่ชายเมื่อไม่นานมานี้อีกต่างหาก!
“เหมือนนายศร ผอมๆ แบบนี้แหละ ก่อนที่จะอ้วนท้วมตอนแก่น่ะ ถ้าไม่บอกว่าวัสร์อยู่ต่างประเทศ ลุงก็คิดว่าเป็นตาวัสร์นะ ตาวัสร์เหมือนนายศร พ่อของเราตอนหนุ่มๆ มากเลยรู้ไหม”
ภาสวินท์จ้องรูปเหมือนจะค้นหาความจริง แต่ชนิณิภาซึ่งกลายเป็นคนถูกลืมก็โวยวาย พร้อมเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพาย
“พอสักทีเถอะค่ะ นิกกี้ไม่ได้อยากให้พ่อกับพี่วินท์สนใจคนอื่นแบบนี้เลยนะคะ”
เสียงเง้าหงอดของอดีตคู่หมั้นไม่เข้าหูภาสวินท์สักนิด เขารีบบอกสองพ่อลูก แม้จะเป็นการเสียมารยาทมากก็ตาม
“ผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปทำ ผมขอตัวก่อนนะครับ ขอโทษด้วยจริงๆ ถ้ายังไงมื้อนี้ผมขออนุญาตเลี้ยงนะครับ”
“ไม่เป็นไรวินท์ ลุงตั้งใจจะเป็นเจ้ามือนะ อย่าแย่งลุงสิ สำหรับเรื่องที่เราคุยกันก็ไม่ต้องห่วงนะ ลุงจะจัดการให้ รีบไปทำธุระเถอะไป”
ภาสวินท์ขอบคุณเดชาอีกครั้ง ก่อนจะรีบร้อนเดินออกจากร้านอาหารจีน ชนิณิภามองตามอย่างเสียอารมณ์
“ไม่เป็นไรนะนิกกี้ ไปเถอะ พ่อมีคนจะแนะนำให้นิกกี้รู้จัก” เดชาบอกกับลูกสาวที่กำลังงอแงเพราะถูกภาสวินท์ทิ้งไปแบบกะทันหัน
“ใครคะพ่อ นิกกี้อยากช้อปปิ้งนะคะ”
“เพื่อนของพ่อเอง เดี๋ยวพ่อจะพาไปช้อปปิ้งเย็นนี้ต่อดีไหม”
พอถูกตามใจ ลูกสาวก็เริ่มอารมณ์ดี ยอมทำตามความต้องการของบิดาโดยไม่บ่นอะไรอิดออดอีกเลย
ส่วนภาสวินท์พอออกจากมาจากร้านอาหารก็รีบโทรศัพท์หากอกานต์ แต่หญิงสาวไม่ได้รับสาย เขาร้อนใจและหงุดหงิดจนแทบทนไม่ไหว ก่อนที่ชายหนุ่มจะนึกได้ว่าลงโปรแกรมดูภาพจากกล้องวงจรปิดเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ ก็รีบเปิดโปรแกรมดูภาพจากกล้องทันที
หัวใจของภาสวินท์กระตุกวาบ เมื่อลองย้อนเวลาในกล้องเร็วจนเห็นช่วงเวลาพี่ชายแอบออกจากห้องทางประตูกระจกริมสนามหญ้า
ภาสวินท์ถึงกับมือไม้อ่อน ทำอะไรไม่ถูก คำถามมากมายไหลวนในหัว ทำไมพี่ชายเขาถึงกล้าออกจากห้องนอน ทำไมพี่ชายถึงอยู่กับกอกานต์ ทำไม … นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
สิริมาขี่รถจักรยานยนต์พร้อมถุงข้าวของที่ซื้อจากห้างวัสวามาถึงประตูรั้วบ้านวัสวาธีระนนท์ ก็พบกับผู้ชายวัยฉกรรจ์สวมแจ็คเก็ตสีดำ สะพายกระเป๋าเป้ น่าสงสัยคนหนึ่งยืนลับๆ ล่อๆ อยู่แถวๆ หน้าบ้าน
“นี่พวกคุณมาทำอะไรกันน่ะ” สิริมาตะโกนถาม พอดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเปิดประตูเล็กๆ ข้างประตูรั้วอัลลอยด์ออกมาดูเหตุการณ์ด้วย
“ผมเอาของมาส่งน่ะครับ นี่ครับ” ผู้ชายคนนั้นยื่นกล่องสีน้ำตาลมาให้ พร้อมถอดกระเป๋าเป้มาด้านหน้า เหมือนจะหยิบของบางอย่าง สิริมาหันไปมองหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย เพราะไม่ไว้ใจผู้ชายแปลกหน้าเลย
“หยุดก่อน อย่าเพิ่งหยิบอะไรออกมา บอกมาก่อนว่าจะส่งของอะไร ให้ใคร และจากไหน อย่าทำอะไรไม่ดีนะ แถวนี้ติดกล้องวงจรปิดไว้เพียบ” พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบซักถาม
ผู้ชายแปลกหน้าเลยหยุดหยิบของ เงยหน้ามองแล้วยิ้มกว้างให้
“ผมไม่ได้มาทำอะไรไม่ดีหรอกครับ ผมเป็นแมสเซนเจอร์จะมาส่งของรางวัลให้คุณภาสวัสร์ครับ ที่นี่บ้านคุณภาสวัสร์ใช่ไหมครับ ผมมาตามที่อยู่นี่” คนแปลกหน้าโชว์กระดาษที่มีชื่อภาสวัสร์ วัสวาธีระนนท์พร้อมที่อยู่บ้านอย่างถูกต้อง
พนักงานรักษาความปลอดภัยหันมองหน้าสิริมา เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้ดูแลสาวเป็นคนให้คำตอบ
“คุณวัสร์ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เขาอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้กลับมาเลย ของรางวัลอะไรล่ะ” สิริมาตอบตามข้อมูลที่เจ้านายสั่งกำชับเอาไว้ ถ้ามีใครมาถามหาภาสวัสร์ก็ให้บอกว่าอยู่ต่างประเทศ
“งั้นผมฝากไว้ให้ได้ไหม ผมเอากลับไปไม่ได้หรอก คือต้องมีผู้รับน่ะ ไม่อย่างนั้นผมจะโดนดุเอา” คนแปลกหน้าหยิบกล่องขนาดย่อมๆ ออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วยื่นให้สิริมา
แม้สิริมาจะระแวง แต่ก็ยอมรับมาถือ พร้อมเซ็นชื่อลงในใบส่งของ ชายแปลกหน้าจึงขี่รถจักรยานยนต์จากไป หลังจากนั้นผู้ดูแลสาวก็รีบเข้าไปในบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ภาสวินท์ขับรถกลับบ้านพอดี
“ส้มออกไปข้างนอกหรือ แล้วใครดูพี่วัสร์ล่ะ” ภาสวินท์ถามทันทีที่ลงจากรถ แม้จะรู้ดีว่าพี่ชายไม่ได้อยู่ในห้องตอนนี้ก็ตาม เขาเห็นสิริมาขึ่รถจักรยานยนต์พร้อมถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตตามเขามาติดๆ
“คุณวัสร์น่ะสิคะ งอแงจะกินขนมให้ได้ ส้มเลยต้องออกไปซื้อให้” สิริมาบ่นโอด สีหน้าคนดูแลหวั่นเกรงจะถูกชายหนุ่มดุที่ออกไปข้างนอก
หากภาสวินท์ก็ไม่ได้เอ็ดอะไรออกมา กลับยื่นมือมาตรงหน้าคนดูแลสาว
“งั้นเอาถุงนั่นมา ผมจะเอาไปให้พี่วัสร์เอง”
“จริงหรือคะ แต่ว่าส้มเอาไปให้คุณวัสร์เองจะดีกว่านะคะ” สิริมาทำหน้าลำบากใจ
“ผมสั่งนะครับ” ภาสวินท์เสียงเข้มจนไม่กล้าลังเลอีกต่อไป สิริมายื่นถุงขนมให้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ส่งกล่องพัสดุให้ด้วย เธอเกรงว่าความลับของภาสวัสร์จะหลุดให้น้องชายรู้
พอได้ของแล้ว ภาสวินท์หมุนตัวเดินเข้าบ้านไปทันที
“คุณวัสร์จะเป็นอะไรไหมนะ” สิริมามองตามแล้วก็กังวลใจแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
แม้อยากจะเปิดประตูห้องไปดูให้รู้แล้วรู้รอดว่าพี่ชายที่สติผิดเพี้ยนจากเหตุการณ์ร้ายในอดีตนั้นแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอกจริงหรือไม่ หากภาสวัสร์กลับไม่กล้าขยับกลอนประตู หัวใจเขาเต้นแรงอย่างไม่แน่ใจ เขากำลังกลัวจะโกรธพี่ชายหรือกลัวเสียความรู้สึก แต่ที่แน่ๆ เขาไม่มีความรู้สึกดีใจเกิดขึ้นเลย
ก่อนจะรู้สึกเอะใจกับอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัว จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยสนใจข้าวของในห้องพี่ชายมาก่อน แทบไม่ได้รู้เลยว่าเวลาเขาไปทำงาน พี่ชายทำอะไรอยู่ในห้องบ้าง เขาเคยห่วงพี่ชายจะเหงาเลยซื้อเกมซื้อหนังสือมาให้อ่านเล่นบ่อยๆ ภาพที่เห็นตอนดึกๆ ถ้าพี่ชายไม่นอนก็นั่งเล่นเกมอยู่ลำพัง
แล้วความจริงล่ะ แล้วสิ่งนอกเหนือจากเล่นเกม พี่ชายเขายังทำอะไรได้อีกบ้าง เท่าที่จำได้ พี่ชายเขาเป็นคนเรียนหนังสือเก่งมาก ได้ท้อปของห้อง … ภาสวินท์ใจกระตุก นี่เขาลืมไปสนิทเลยว่าพี่ชายเขาเป็นคนเก่งมากขนาดไหน!
ขณะนั้นเอง ภาสวินท์ตัดสินใจจะเปิดประตูไปหาคำตอบ สิริมากลับตะโกนเรียกชื่อเขาจากทางด้านหลัง
“คุณวินท์เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
“ครับ?” ภาสวินท์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ทั้งที่ทำใจไปเจอความจริงแล้วแท้ๆ แต่คนดูแลพี่ชายกลับเรียกเขาเสียได้
“เดี๋ยวนะคะ จะเอาขนมไปหมดถุงไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวคุณวัสร์ไม่ยอมกินข้าว เอาไปแค่ช็อคโกแลตมิ้นท์ห่อเดียวพอ” สิริมาหยิบห่อช็อคโกแลตมิ้นท์ห่อใหญ่ออกมาจากถุง แล้วขอถุงขนมคืนจากชายหนุ่ม
ภาสวินท์เผลอนึกถึงช็อคโกแลตมิ้นท์ที่เคยได้จากกอกานต์ ก็ฮึ่มฮั่มในใจ กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นอย่างที่คิด
“หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ผมขอเข้าไปหาพี่ตามลำพัง ส้มไม่ต้องตามเข้ามานะ”
สิริมากลืนน้ำลายลงคอ เหลือบมองประตูห้องนอนภาสวัสร์อย่างกังวล แต่ก็ต้องตัดใจเดินไปด้านหลังบ้าน ไม่กล้าขัดเจ้านายที่กำลังทำหน้าเหมือนจะโกรธคนทั้งโลก
คราวนี้ไม่มีใครขัดจังหวะ ภาสวินท์จึงเปิดประตูเข้าไปด้านใน กวาดสายตามองรอบห้องไม่เจอร่างพี่ชาย ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มกันแน่น
เขาได้คำตอบแล้วใช่ไหม … เป็นอย่างที่คิดจริงๆ สินะ?
ขณะที่เขากำลังจมดิ่งกับความรู้สึกหลากหลาย ประตูกระจกเลื่อนระหว่างห้องนอนกับสนามหญ้าถูกเลื่อนเปิด พร้อมร่างของพี่ชายในชุดแบบเดียวกับภาพที่ชนิณิภาถ่ายรูปก้าวมาในห้อง
พี่ชายถึงกับยืนตาค้าง ตัวแข็งนิ่งเป็นรูปปั้น คงไม่คิดว่าจะเห็นเขามในห้อง และคงไม่คิดมาก่อนว่าจะความลับจะแตก!
“พี่ไปไหนมาครับ” ภาสวินท์ถามน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“แถวนี้แหละ เดินไปรอบบ้าน” ภาสวัสร์หลบสายตาไปมองอย่างอื่น แต่อยู่ๆ ตัวก็ถูกดันไปติดประตูเลื่อนกระจก ด้วยแรงที่มากกว่าของน้องชาย ตัวภาสวัสร์ผอมและแรงน้อยกว่าจึงดิ้นไม่หลุดเลย
“อย่าโกหกผม ผมสั่งแล้วไงว่าให้อยู่แต่ในห้องนี้!!” ภาสวินท์โกรธ แต่ไม่ได้โกรธที่พี่ชายออกไปเที่ยว หากเป็นเรื่องอาการป่วยของพี่ รวมถึงเรื่องกอกานต์ ความลับพวกนึ้ทำให้ภาสวินท์เหมือนคนโง่งมถูกหลอกมาตลอด!
วูบที่ถูกน้องชายตวาดใส่ ทำให้ภาสวัสร์หลุดเข้าไปอยู่ในอดีตที่ลืมไปแล้ว ภาสวัสร์จำความรู้สึกว่าเคยถูกจับดันเข้าไปในที่แคบๆ และถูกตวาดใส่แบบนี้มาก่อน
‘อยู่แต่ในนี้ ห้ามออกมา!’
“ไม่!” ภาสวัสร์เอาเรี่ยวแรงจากความกลัวในอดีต ผลักทีเดียวร่างของน้องชายก็ล้มไปข้างๆ ส่วนตัวเองหนีลนลานกลัวตายออกไปด้านนอก
ส่วนภาสวินท์ตกใจ ได้สติคืนมา รีบวิ่งตามไปพร้อมตะโกนเรียกชื่อพี่ชายเสียงหลง พอมุดโพรงเล็กๆ ตรงกำแพงต้นไม้ระหว่างสนามหญ้าที่บ้านกับห้างวัสวา ภาพตรงหน้าก็ทำให้หัวใจน้องชายแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นผู้ชายสวมแจ็คเก็ตดำคนหนึ่งกำลังจะหามร่างหมดสติของพี่ชาย!!
จบตอนที่ 14
แอบมาลงนิยายก่อน เดี๋ยวกลับมาคุยกันนะค้า
“คุณจะถามอะไรผมก็ถามมา เอาแต่มองหน้าระวังจะตกหลุมรักผมนะ” ภาสวัสร์พูดพลางตักไอศกรีมใส่ปากได้หน้าตาเฉย คนฟังเสียอีกที่ย่นคิ้วรับไม่ได้กับอาการหลงตัวเองของชายหนุ่ม
เวลานี้เขาและเธออาศัยร้านไอศกรีมเป็นจุดนั่งพูดคุยกัน บรรยากาศร้านค่อนข้างสงบไม่พลุกพล่าน กอกานต์ไม่ได้อยากกินไอศกรีมหรอก แต่เป็นเพราะชายหนุ่มเอาแต่ยืนมองหน้าร้านอย่างสนใจจึงเลือกร้านนี้เสียเลย
จะว่าไปแล้วภาสวัสร์ก็เหมือนจะสนใจอะไรไปทั่ว จนเธอสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้เหมือนเด็กได้ออกมาวิ่งเล่นเลย
“ถ้าแก้มถามออกไป คุณก็คงหาว่าแก้มเป็นบ้า” กอกานต์นั่งเท้าคางอย่างเซ็งๆ “คุณไม่เชื่อหรอกว่าฉันเจอผี ผีที่ออฟฟิศนี่” เธอพยายามพูดเสียงเบา เพื่อไม่ให้ลูกค้าคนอื่นได้ยิน
“ทำไมผมถึงจะไม่เชื่อล่ะ ในเมื่อผมเองก็จะพิสูจน์ว่าที่นี่มีผีจริงหรือเปล่า ผมบอกคุณแล้วนี่” ภาสวัสร์ตอบ โดยยังตักไอศกรีมใส่ปากไม่หยุด ไม่ลืมเตือนความจำหญิงสาว
“ผมบอกคุณเมื่อคืนแล้วไงว่า ผมจะฟังคุณเล่าทุกเรื่องเลย อยากเล่าอะไรก็เล่ามาเถอะ ผมมีเวลาไม่เยอะ” เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้วด้วย
“ถ้าเปลี่ยนเป็นคำถามล่ะคะ แก้มถามคุณได้หรือเปล่า” กอกานต์มองคนชื่นชอบไอศกรีมตาแป๋ว
“ได้สิ” ภาสวัสร์ตอบโดยไม่ต้องคิดนานเลย
“ทำไมคุณวินท์ถึงบอกใครๆ ว่าคุณอยู่ต่างประเทศละคะ” กอกานต์คิดอยู่นานว่าจะถามออกไปดีไหม พอเห็นอาการชะงักช้อนไอศกรีมของชายหนุ่ม ความสดใสจากดวงตาคู่คมหลังแว่นสายตาเมื่อครู่หายไปจนเหลือเพียงความหม่นหมอง กอกานต์รีบขอโทษชายหนุ่มทันที
“แก้มไม่ควรถามใช่ไหมคะ ขอโทษนะคะ คงเป็นเรื่องภายในครอบครัวของคุณ”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันซับซ้อน ขอแค่ให้ลูกอมรู้ว่านายวินท์ไม่ใช่คนมีปัญหา ผมต่างหากที่มีปัญหาจนต้องอยู่แบบไม่มีตัวตน”
เขายิ้ม ทำหน้าเหมือนไม่เป็นอะไร ทั้งที่น้ำเสียงเศร้าหน่วงใจคนฟัง
“ว่าแต่ คุณจะเล่าเรื่องเมื่อคืนก่อนให้ผมฟังได้ไหม ว่าทำไมคุณถึงไปนอนตรงลิฟท์นั่น” ภาสวัสร์เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสีหน้ากอกานต์เจื่อนลง
“แก้มเจอผีค่ะ เป็นผีผู้หญิงใส่ชุดลายดอกทั้งตัวเลย เธอมาเกาะลิฟท์ไม่ให้แก้มไปไหน แก้มเลยตกใจกลัวจนเป็นลมไป” แล้วก็ฝันเห็นภาสวัสร์ตอนเป็นวัยรุ่น กับเหตุการณ์ในอดีต ที่กอกานต์ไม่มั่นใจว่าเป็นแค่ความฝันหรือใครต้องการอะไรจากเธอกันแน่
ภาสวัสร์ถอนหายใจ ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบรูปภาพเก่าจนเหลืองออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว
“ผีสาวที่คุณเห็นคือคนนี้หรือเปล่า”
กอกานต์ยื่นหน้าไปมองรูปหญิงสาวหน้าสวยคม ผิวขาวในชุดกระโปรงลายดอกไม้ อาจจะลายดอกไม้เหมือนกันแต่ก็คนละตัว ผมยาวเหมือนกัน หากจะไปเทียบหน้าผีซีดๆ ดำๆ กับรูปถ่ายก็ไม่มั่นใจนัก
แต่ถ้าเทียบกับผู้หญิงในความฝันแล้วล่ะก็คือคนคนเดียวกันแน่ๆ
“เธอคือใครหรือคะ” กอกานต์มองหน้าชายหนุ่มที่กำลังถอนหายใจอีกครั้ง
“ชื่อสายสุดาครับ เป็นพนักงานธุรการเก่าที่นี่ แต่เสียไปแล้ว … เธอกระโดดตึกตาย”
“คะ!” กอกานต์ตกใจจนเผลอทำเสียงดัง “กระโดดตึกหรือคะ”
“ใช่ครับ” ภาสวัสร์เล่าพร้อมขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับข่าวของบิดาที่ใครๆ เล่ากันว่าพ่อกระโดดตึกตายตามชู้รักอย่างสายสุดาไป ไม่ใช่เพราะเชื่อมั่นในตัวบิดาว่าจะไม่นอกใจมารดา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคลางแคลงใจเรื่องนี้มาตลอด
“ตั้งแต่วันที่พ่อเสีย ผมก็ประสบเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ผมสูญเสียความทรงจำช่วงนั้นไปหมด ความทรงจำผมหายไปสามปี ผมจำไม่ได้ว่าสามปีนั่นผมทำอะไรบ้าง วันเกิดเหตุผมเจออะไรถึงได้เป็นมากถึงความจำเสื่อม แต่ผมยังจำสายสุดาได้นะ เพราะเวลามาหาพ่อที่นี่ สายสุดาก็จะเอาขนมมาให้ผมกับวินท์เสมอ เธอเป็นผู้หญิงใจดี สวยมีเสน่ห์มากคนหนึ่ง”
กอกานต์เห็นด้วยกับภาสวัสร์ว่าสายสุดาสวยจริงๆ นั่นล่ะ
“ทำไมเธอถึงกระโดดตึกที่นี่หรือคะ ใช่อย่างข่าวลือที่คุณเคยบอกฉันหรือเปล่า ที่ว่ามีพนักงานโกงเงินบริษัทน่ะค่ะ” กอกานต์ยังจำที่ภาสวัสร์เล่าได้ดี
“ผม … อย่าไปรื้อฟื้นเลย เธอก็ตายไปแล้ว” ภาสวัสร์หลีกเลี่ยงจะพูดถึงเรื่องฉาวของบิดา เพราะเห็นแก่ทั้งมารดาและน้องชาย
“แต่ว่าถ้าเธอยังวนเวียนอยู่ ก็น่าจะแปลว่าเธอต้องการอะไรแน่ๆ แก้มเคยได้ยินว่าถ้ายังไม่หมดห่วงหรือมีเรื่องค้างคา วิญญาณจะไปผุดไปเกิดไม่ได้นะคะ” กอกานต์ตั้งข้อสงสัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาสวัสร์กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน
หากยังไม่ทันได้มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก ภาสวัสร์ก็นึกบางเรื่องได้
“ลูกอม ผมขอเบอร์โทรศัพท์คุณหน่อยสิ น่านะ” และส่งเสียงอ้อนๆ เมื่อกอกานต์ทำหน้าแปลกใจ “ไม่ต้องระแวงผมหรอก ผมไม่ได้จะจีบคุณหรอกน่า บอกแล้วไงว่าผมอยากให้คุณลงเอยกับนายวินท์เขา”
กอกานต์ชะงักทันที ตอนแรกก็ว่าจะให้เบอร์โทรศัพท์ดีๆ แต่มาแซวกันแบบนี้ เธอเลยค้อนใส่ชายหนุ่มแทนเสียเลย
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ แก้มไม่อยากเป็นมือที่สามระหว่างใครนะคะ คุณวินท์ก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว อย่าทำให้แก้มลำบากใจเลยค่ะ” เธอปวดหน่วงหัวใจ เมื่อนึกถึงความจริง แม้เธอจะหลงเสน่ห์เจ้านายหนุ่มไม่น้อย
“แต่นายวินท์ไม่ได้ชอบหนูผีนั่นนะ อีกอย่างผมก็ไม่ชอบคนที่ไม่จริงใจ ไม่ซื่อสัตย์ ผู้หญิงคนนั้นกล้าบอกชอบคนอื่นทั้งที่มีคู่หมั้นอยู่ ผมไม่มีทางยอมให้น้องชายผมตกนรกแน่นอน”
“ถึงคุณจะพูดแบบนั้น แต่ถ้าคุณวินท์ไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความจริงได้หรอกค่ะ … แล้วคุณจะเอาเบอร์แก้มอยู่ไหมคะ ถ้าพูดอีก แก้มจะหนีไปแล้วนะ” พอขู่ไป คนตัวสูงถึงยอมหยุดตื๊อเรื่องภาสวินท์ ทั้งคู่จ่ายเงินค่าไอศกรีมแล้วพากันเดินออกจากร้าน
ชนิณิภาเดินกลับมายังโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันไปถามภาสวินท์ด้วยรอยยิ้มซุกซน ไม่รู้เลยว่าสถานะเธอกับภาสวินท์เปลี่ยนไปแล้ว
“พี่วินท์รู้ไหมคะ เมื่อกี้นิกกี้ออกไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอใคร”
ภาสวินท์ไม่แสดงอาการหรือทำท่าแปลกไปกว่าเมื่อก่อน ตอนเป็นคู่หมั้นเขาก็วางตัวมีระยะห่างกับหญิงสาวอยู่แล้ว มีแต่เจ้าหล่อนที่ชอบโผมาเกาะมากอดเขามากกว่า เพียงแต่ต่อจากนี้ เขาคงไม่ปล่อยให้ชนิณิภาถึงเนื้อถึงตัวเขาแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
“ใครหรือครับ” ภาสวินท์ถามกลับ และคำตอบที่ได้รับคือภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือของคนถาม
“ใช่พนักงานสาวของพี่วินท์หรือเปล่าคะ ดูสิคะ ควงแฟนมาเที่ยว แฟนดูคุ้นๆ แต่นิกกี้นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
คนฟังลืมตัวทำตาโต และกำมือแน่น หากพยายามเก็บสีหน้าความรู้สึกร้อนอกร้อนใจไม่ให้ถูกจับได้
“นี่เพิ่งเจอหรือครับ”
“ค่ะ ก็ตอนนิกกี้ออกไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละค่ะ กระหนุงกระหนิงกันมากเลยนะคะ” ชนิณิภาแต่งเรื่องเพิ่ม เพราะอยากให้ภาสวินท์ไม่ยุ่งกับพนักงานสาวคนนี้
“ใครกันน่ะ เพื่อนลูกหรือนิกกี้” เดชายื่นหน้ามามองรูปถ่ายบ้าง ก่อนจะทำหน้าแปลกใจ “ผู้ชายที่เดินข้างๆ หนูคนนี้เหมือนศรตอนหนุ่มๆ เลย”
“คุณลุงหมายความว่ายังไงหรือครับ เหมือนพ่อหรือครับ” ภาสวินท์หันมาสนใจผู้ชายข้างๆ กอกานต์ พอมองดีๆ ก็คล้าย … ไม่สิ ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนภาสวัสร์มากถึงมากที่สุด แถมชุดที่ใส่ก็คือชุดที่เขาซื้อให้พี่ชายเมื่อไม่นานมานี้อีกต่างหาก!
“เหมือนนายศร ผอมๆ แบบนี้แหละ ก่อนที่จะอ้วนท้วมตอนแก่น่ะ ถ้าไม่บอกว่าวัสร์อยู่ต่างประเทศ ลุงก็คิดว่าเป็นตาวัสร์นะ ตาวัสร์เหมือนนายศร พ่อของเราตอนหนุ่มๆ มากเลยรู้ไหม”
ภาสวินท์จ้องรูปเหมือนจะค้นหาความจริง แต่ชนิณิภาซึ่งกลายเป็นคนถูกลืมก็โวยวาย พร้อมเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพาย
“พอสักทีเถอะค่ะ นิกกี้ไม่ได้อยากให้พ่อกับพี่วินท์สนใจคนอื่นแบบนี้เลยนะคะ”
เสียงเง้าหงอดของอดีตคู่หมั้นไม่เข้าหูภาสวินท์สักนิด เขารีบบอกสองพ่อลูก แม้จะเป็นการเสียมารยาทมากก็ตาม
“ผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปทำ ผมขอตัวก่อนนะครับ ขอโทษด้วยจริงๆ ถ้ายังไงมื้อนี้ผมขออนุญาตเลี้ยงนะครับ”
“ไม่เป็นไรวินท์ ลุงตั้งใจจะเป็นเจ้ามือนะ อย่าแย่งลุงสิ สำหรับเรื่องที่เราคุยกันก็ไม่ต้องห่วงนะ ลุงจะจัดการให้ รีบไปทำธุระเถอะไป”
ภาสวินท์ขอบคุณเดชาอีกครั้ง ก่อนจะรีบร้อนเดินออกจากร้านอาหารจีน ชนิณิภามองตามอย่างเสียอารมณ์
“ไม่เป็นไรนะนิกกี้ ไปเถอะ พ่อมีคนจะแนะนำให้นิกกี้รู้จัก” เดชาบอกกับลูกสาวที่กำลังงอแงเพราะถูกภาสวินท์ทิ้งไปแบบกะทันหัน
“ใครคะพ่อ นิกกี้อยากช้อปปิ้งนะคะ”
“เพื่อนของพ่อเอง เดี๋ยวพ่อจะพาไปช้อปปิ้งเย็นนี้ต่อดีไหม”
พอถูกตามใจ ลูกสาวก็เริ่มอารมณ์ดี ยอมทำตามความต้องการของบิดาโดยไม่บ่นอะไรอิดออดอีกเลย
ส่วนภาสวินท์พอออกจากมาจากร้านอาหารก็รีบโทรศัพท์หากอกานต์ แต่หญิงสาวไม่ได้รับสาย เขาร้อนใจและหงุดหงิดจนแทบทนไม่ไหว ก่อนที่ชายหนุ่มจะนึกได้ว่าลงโปรแกรมดูภาพจากกล้องวงจรปิดเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ ก็รีบเปิดโปรแกรมดูภาพจากกล้องทันที
หัวใจของภาสวินท์กระตุกวาบ เมื่อลองย้อนเวลาในกล้องเร็วจนเห็นช่วงเวลาพี่ชายแอบออกจากห้องทางประตูกระจกริมสนามหญ้า
ภาสวินท์ถึงกับมือไม้อ่อน ทำอะไรไม่ถูก คำถามมากมายไหลวนในหัว ทำไมพี่ชายเขาถึงกล้าออกจากห้องนอน ทำไมพี่ชายถึงอยู่กับกอกานต์ ทำไม … นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
สิริมาขี่รถจักรยานยนต์พร้อมถุงข้าวของที่ซื้อจากห้างวัสวามาถึงประตูรั้วบ้านวัสวาธีระนนท์ ก็พบกับผู้ชายวัยฉกรรจ์สวมแจ็คเก็ตสีดำ สะพายกระเป๋าเป้ น่าสงสัยคนหนึ่งยืนลับๆ ล่อๆ อยู่แถวๆ หน้าบ้าน
“นี่พวกคุณมาทำอะไรกันน่ะ” สิริมาตะโกนถาม พอดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเปิดประตูเล็กๆ ข้างประตูรั้วอัลลอยด์ออกมาดูเหตุการณ์ด้วย
“ผมเอาของมาส่งน่ะครับ นี่ครับ” ผู้ชายคนนั้นยื่นกล่องสีน้ำตาลมาให้ พร้อมถอดกระเป๋าเป้มาด้านหน้า เหมือนจะหยิบของบางอย่าง สิริมาหันไปมองหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย เพราะไม่ไว้ใจผู้ชายแปลกหน้าเลย
“หยุดก่อน อย่าเพิ่งหยิบอะไรออกมา บอกมาก่อนว่าจะส่งของอะไร ให้ใคร และจากไหน อย่าทำอะไรไม่ดีนะ แถวนี้ติดกล้องวงจรปิดไว้เพียบ” พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบซักถาม
ผู้ชายแปลกหน้าเลยหยุดหยิบของ เงยหน้ามองแล้วยิ้มกว้างให้
“ผมไม่ได้มาทำอะไรไม่ดีหรอกครับ ผมเป็นแมสเซนเจอร์จะมาส่งของรางวัลให้คุณภาสวัสร์ครับ ที่นี่บ้านคุณภาสวัสร์ใช่ไหมครับ ผมมาตามที่อยู่นี่” คนแปลกหน้าโชว์กระดาษที่มีชื่อภาสวัสร์ วัสวาธีระนนท์พร้อมที่อยู่บ้านอย่างถูกต้อง
พนักงานรักษาความปลอดภัยหันมองหน้าสิริมา เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้ดูแลสาวเป็นคนให้คำตอบ
“คุณวัสร์ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เขาอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้กลับมาเลย ของรางวัลอะไรล่ะ” สิริมาตอบตามข้อมูลที่เจ้านายสั่งกำชับเอาไว้ ถ้ามีใครมาถามหาภาสวัสร์ก็ให้บอกว่าอยู่ต่างประเทศ
“งั้นผมฝากไว้ให้ได้ไหม ผมเอากลับไปไม่ได้หรอก คือต้องมีผู้รับน่ะ ไม่อย่างนั้นผมจะโดนดุเอา” คนแปลกหน้าหยิบกล่องขนาดย่อมๆ ออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วยื่นให้สิริมา
แม้สิริมาจะระแวง แต่ก็ยอมรับมาถือ พร้อมเซ็นชื่อลงในใบส่งของ ชายแปลกหน้าจึงขี่รถจักรยานยนต์จากไป หลังจากนั้นผู้ดูแลสาวก็รีบเข้าไปในบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ภาสวินท์ขับรถกลับบ้านพอดี
“ส้มออกไปข้างนอกหรือ แล้วใครดูพี่วัสร์ล่ะ” ภาสวินท์ถามทันทีที่ลงจากรถ แม้จะรู้ดีว่าพี่ชายไม่ได้อยู่ในห้องตอนนี้ก็ตาม เขาเห็นสิริมาขึ่รถจักรยานยนต์พร้อมถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตตามเขามาติดๆ
“คุณวัสร์น่ะสิคะ งอแงจะกินขนมให้ได้ ส้มเลยต้องออกไปซื้อให้” สิริมาบ่นโอด สีหน้าคนดูแลหวั่นเกรงจะถูกชายหนุ่มดุที่ออกไปข้างนอก
หากภาสวินท์ก็ไม่ได้เอ็ดอะไรออกมา กลับยื่นมือมาตรงหน้าคนดูแลสาว
“งั้นเอาถุงนั่นมา ผมจะเอาไปให้พี่วัสร์เอง”
“จริงหรือคะ แต่ว่าส้มเอาไปให้คุณวัสร์เองจะดีกว่านะคะ” สิริมาทำหน้าลำบากใจ
“ผมสั่งนะครับ” ภาสวินท์เสียงเข้มจนไม่กล้าลังเลอีกต่อไป สิริมายื่นถุงขนมให้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ส่งกล่องพัสดุให้ด้วย เธอเกรงว่าความลับของภาสวัสร์จะหลุดให้น้องชายรู้
พอได้ของแล้ว ภาสวินท์หมุนตัวเดินเข้าบ้านไปทันที
“คุณวัสร์จะเป็นอะไรไหมนะ” สิริมามองตามแล้วก็กังวลใจแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
แม้อยากจะเปิดประตูห้องไปดูให้รู้แล้วรู้รอดว่าพี่ชายที่สติผิดเพี้ยนจากเหตุการณ์ร้ายในอดีตนั้นแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอกจริงหรือไม่ หากภาสวัสร์กลับไม่กล้าขยับกลอนประตู หัวใจเขาเต้นแรงอย่างไม่แน่ใจ เขากำลังกลัวจะโกรธพี่ชายหรือกลัวเสียความรู้สึก แต่ที่แน่ๆ เขาไม่มีความรู้สึกดีใจเกิดขึ้นเลย
ก่อนจะรู้สึกเอะใจกับอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัว จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยสนใจข้าวของในห้องพี่ชายมาก่อน แทบไม่ได้รู้เลยว่าเวลาเขาไปทำงาน พี่ชายทำอะไรอยู่ในห้องบ้าง เขาเคยห่วงพี่ชายจะเหงาเลยซื้อเกมซื้อหนังสือมาให้อ่านเล่นบ่อยๆ ภาพที่เห็นตอนดึกๆ ถ้าพี่ชายไม่นอนก็นั่งเล่นเกมอยู่ลำพัง
แล้วความจริงล่ะ แล้วสิ่งนอกเหนือจากเล่นเกม พี่ชายเขายังทำอะไรได้อีกบ้าง เท่าที่จำได้ พี่ชายเขาเป็นคนเรียนหนังสือเก่งมาก ได้ท้อปของห้อง … ภาสวินท์ใจกระตุก นี่เขาลืมไปสนิทเลยว่าพี่ชายเขาเป็นคนเก่งมากขนาดไหน!
ขณะนั้นเอง ภาสวินท์ตัดสินใจจะเปิดประตูไปหาคำตอบ สิริมากลับตะโกนเรียกชื่อเขาจากทางด้านหลัง
“คุณวินท์เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
“ครับ?” ภาสวินท์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ทั้งที่ทำใจไปเจอความจริงแล้วแท้ๆ แต่คนดูแลพี่ชายกลับเรียกเขาเสียได้
“เดี๋ยวนะคะ จะเอาขนมไปหมดถุงไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวคุณวัสร์ไม่ยอมกินข้าว เอาไปแค่ช็อคโกแลตมิ้นท์ห่อเดียวพอ” สิริมาหยิบห่อช็อคโกแลตมิ้นท์ห่อใหญ่ออกมาจากถุง แล้วขอถุงขนมคืนจากชายหนุ่ม
ภาสวินท์เผลอนึกถึงช็อคโกแลตมิ้นท์ที่เคยได้จากกอกานต์ ก็ฮึ่มฮั่มในใจ กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นอย่างที่คิด
“หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ผมขอเข้าไปหาพี่ตามลำพัง ส้มไม่ต้องตามเข้ามานะ”
สิริมากลืนน้ำลายลงคอ เหลือบมองประตูห้องนอนภาสวัสร์อย่างกังวล แต่ก็ต้องตัดใจเดินไปด้านหลังบ้าน ไม่กล้าขัดเจ้านายที่กำลังทำหน้าเหมือนจะโกรธคนทั้งโลก
คราวนี้ไม่มีใครขัดจังหวะ ภาสวินท์จึงเปิดประตูเข้าไปด้านใน กวาดสายตามองรอบห้องไม่เจอร่างพี่ชาย ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มกันแน่น
เขาได้คำตอบแล้วใช่ไหม … เป็นอย่างที่คิดจริงๆ สินะ?
ขณะที่เขากำลังจมดิ่งกับความรู้สึกหลากหลาย ประตูกระจกเลื่อนระหว่างห้องนอนกับสนามหญ้าถูกเลื่อนเปิด พร้อมร่างของพี่ชายในชุดแบบเดียวกับภาพที่ชนิณิภาถ่ายรูปก้าวมาในห้อง
พี่ชายถึงกับยืนตาค้าง ตัวแข็งนิ่งเป็นรูปปั้น คงไม่คิดว่าจะเห็นเขามในห้อง และคงไม่คิดมาก่อนว่าจะความลับจะแตก!
“พี่ไปไหนมาครับ” ภาสวินท์ถามน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“แถวนี้แหละ เดินไปรอบบ้าน” ภาสวัสร์หลบสายตาไปมองอย่างอื่น แต่อยู่ๆ ตัวก็ถูกดันไปติดประตูเลื่อนกระจก ด้วยแรงที่มากกว่าของน้องชาย ตัวภาสวัสร์ผอมและแรงน้อยกว่าจึงดิ้นไม่หลุดเลย
“อย่าโกหกผม ผมสั่งแล้วไงว่าให้อยู่แต่ในห้องนี้!!” ภาสวินท์โกรธ แต่ไม่ได้โกรธที่พี่ชายออกไปเที่ยว หากเป็นเรื่องอาการป่วยของพี่ รวมถึงเรื่องกอกานต์ ความลับพวกนึ้ทำให้ภาสวินท์เหมือนคนโง่งมถูกหลอกมาตลอด!
วูบที่ถูกน้องชายตวาดใส่ ทำให้ภาสวัสร์หลุดเข้าไปอยู่ในอดีตที่ลืมไปแล้ว ภาสวัสร์จำความรู้สึกว่าเคยถูกจับดันเข้าไปในที่แคบๆ และถูกตวาดใส่แบบนี้มาก่อน
‘อยู่แต่ในนี้ ห้ามออกมา!’
“ไม่!” ภาสวัสร์เอาเรี่ยวแรงจากความกลัวในอดีต ผลักทีเดียวร่างของน้องชายก็ล้มไปข้างๆ ส่วนตัวเองหนีลนลานกลัวตายออกไปด้านนอก
ส่วนภาสวินท์ตกใจ ได้สติคืนมา รีบวิ่งตามไปพร้อมตะโกนเรียกชื่อพี่ชายเสียงหลง พอมุดโพรงเล็กๆ ตรงกำแพงต้นไม้ระหว่างสนามหญ้าที่บ้านกับห้างวัสวา ภาพตรงหน้าก็ทำให้หัวใจน้องชายแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นผู้ชายสวมแจ็คเก็ตดำคนหนึ่งกำลังจะหามร่างหมดสติของพี่ชาย!!
จบตอนที่ 14
แอบมาลงนิยายก่อน เดี๋ยวกลับมาคุยกันนะค้า
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ย. 2560, 11:18:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ย. 2560, 11:19:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 964
<< ตอนที่ 13 | ตอนที่ 15 - 35% >> |
kaelek 8 ก.ย. 2560, 19:44:51 น.
มาแล้วๆๆๆ คิดถึงๆๆ .. หายไปนาน กลับมาตอนนี้ก็พีคเลย
..พวกไหนอ่ะ มาทำพี่วัสร์ พี่วินช่วยทันมะ??
มาแล้วๆๆๆ คิดถึงๆๆ .. หายไปนาน กลับมาตอนนี้ก็พีคเลย
..พวกไหนอ่ะ มาทำพี่วัสร์ พี่วินช่วยทันมะ??
พอใจ 9 ก.ย. 2560, 09:09:39 น.
คิดถึงพี่หมี ทำไมคุณวินต้องดุพี่วัสขนาดนี้ด้วย ใจร้ายยยย
อยากจะยุให้ลูกอม ชอบพี่หมี ไม่ต้องชอบคุณวินแล้ว ใจร้ายยยยย แงงง
คิดถึงพี่หมี ทำไมคุณวินต้องดุพี่วัสขนาดนี้ด้วย ใจร้ายยยย
อยากจะยุให้ลูกอม ชอบพี่หมี ไม่ต้องชอบคุณวินแล้ว ใจร้ายยยยย แงงง