คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 29[1]




..........เพชรน้ำหนึ่งค้นหาสถานที่วิวสวยงามทางอินเตอร์เน็ตแล้วติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ของอุทยาน ให้เขาช่วยจัดหาไกด์นำทางให้

...จากนั้นจึงเดินทางไปด้วยกันสามคนรวมทั้งไกด์ด้วย เดินป่าขึ้นไปบนภูเขาเป็นการเดินทางอย่างสมบุกสมบันทีเดียว ไปตั้งแค้มป์พักแรมบนภูเขาเพื่อถ่ายภาพทะเลหมอกยามเย็น

“เดินมาตั้งไกล แบกเป้หนักชะมัด” เพชรน้ำหนึ่งบ่นเมื่อทิ้งเป้ลงบริเวณที่ตั้งแค้มป์

ทั้งยุติและไกด์เข้ามาช่วยกันกางเต็นท์เพียงหลังเดียว แต่นอนรวมกันได้สามคน

“คืนนี้คงไม่ค่อยได้นอนกันสักเท่าไหร่ พี่กับคุณจอห์นจะคอยเป็นยามเฝ้าตอนดึกถึงเช้ามืด หนึ่งนอนให้เต็มที่นะ” เขาบอก

“ขอบคุณมากพี่ยุติ อย่างนั้นพี่ยุติเตรียมทำอาหารเย็น เราเอาเนื้อมาทำเนื้อย่าง พี่ยุติจัดการหั่นแล้วหมักให้ที หนึ่งกับคุณจอห์นจะช่วยกันไปหาฟืนมาก่อกองไฟ”จากนั้นเธอฉวยชะแลงและมีดพร้าติดมือไปแล้วหายเข้าไปในป่าพร้อมกับไกด์

...สักพักใหญ่จึงได้เห็นเธอหอบหิ้วถุงผ้ามาวางลง

ส่วนไกด์แบกท่อนฟืน เดินตามหลังมา

“หนึ่งเจอมันสำปะหลัง มันกินได้เลยขุดมาด้วย จะทำมันเผากินแทนขนม” เธอบอกถึงสิ่งที่บรรจุอยู่ในถุงผ้า

“ไม้ท่อนใหญ่สงสัยเราต้องผ่าทำฟืนกันสินะ แหม... พี่ผิวบางเสียด้วยไม่เคยผ่าฟืนเลย เคยแต่ใช้มือตีกลองกับเล่นกีตาร์ มือจะด้านไหมหนา” ยุติบ่นอย่างคนเจ้าสำอางเป็นห่วงความสวยงามของตัวเอง

“พี่ยุติไม่ต้องผ่าฟืนหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่หนึ่งเอง” เธอบอกและไม่รอช้าฉวยพร้าไปสับฟืนทันที

เขามองดูเธออย่างละอายใจอยู่บ้าง

‘เป็นผู้ชายเสียเปล่ามัวห่วงหล่อกลัวผิวเสียอยู่ได้ ...น่าอาย ปล่อยให้ผู้หญิงทำคนเดียว’

ยุตินึก เห็นขวานของไกด์ว่างอยู่อีกด้ามว่าจะลองใช้มันฝ่าฟืน ...พอเอื้อมมือจะไปจับ

“ขอโทษครับผมจะเอาขวานไปสับฟืนท่อนใหญ่” ไกด์เข้ามาฉวยมันไปก่อน

ยุติเลยเก้อไม่รู้จะทำอะไรอีก มองดูสองคนนั้นผ่าฟืนกันไป

“เห็นคุณจอห์นว่าแถวใกล้ที่นี่มีลำธาร เราเอาแกลลอนเปล่ามาสองอันน่าจะไปตักน้ำมาใช้” ยุติพูด ตั้งใจจะช่วยไปตักน้ำ

“ครับ สักครู่ผมจะพาไปที่ลำธาร อยู่ห่างจากที่นี่ ไม่เกินสองร้อยเมตรหรอกครับ” ไกด์บอก

...ไม่นานทั้งสองคนสับฟืน จนได้ปริมาณพอใช้

“เราไปตักน้ำที่ลำธารกันเถอะค่ะ” เธอชักชวนไกด์แล้วหันมาบอกยุติ “พี่ยุติอยู่เฝ้าเต็นท์คนเดียวก่อนนะ หนึ่งกับคุณจอห์นจะไปตักน้ำที่ลำธารไม่ไกลจากที่นี่ เดี๋ยวจะรีบกลับมา”

ยุติได้แต่รับฟังและรอคอย... จนทั้งสองหิ้วน้ำกันมาคนละแกลลอน

“จะบ่ายสี่โมงแล้วเราช่วยกันย่างเนื้อเถอะ เดี๋ยวจะได้กินเป็นอาหารเย็น” เธอบอก

ชายหนุ่มทั้งสองจึงช่วยกันก่อกองไฟ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาได้มีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน

จากนั้นไกด์ได้นำขนมปังออกมา

ส่วนเธอนำข้าวเหนียวที่นึ่งมาก่อนแล้วเตรียมห่อใส่กระดาษฟรอยด์แล้วนำไปปิ้งเป็นการอุ่นอาหาร ก่อนจะนำมาแกะออกเพื่อไว้กินกับเนื้อย่างแสนอร่อย

“เนื้อย่างเสร็จแล้วกินกันได้เลย แต่เดี๋ยวก่อน ต้องล้างมือก่อนกินอาหาร” เขาสั่งอย่างคนมีระเบียบกฎเกณฑ์

“ใช่... ต้องล้างมือ ล้างหน้า ล้างตัวก่อน หนึ่งเตรียมน้ำมาให้หนึ่งกะละมัง ใช้ประหยัดหน่อยนะพี่ยุติ นี่มีโฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชาย หนึ่งเตรียมมาเผื่อพี่ยุติด้วย”

“โอ้โฮขอบคุณมากหนึ่ง แต่น้ำแค่นี้จะพอเหรอ พี่เคยอาบน้ำเป็นอ่าง พี่ว่าเราพากันไปอาบน้ำที่ลำธารนั่น ไม่ดีกว่าเหรอ”

“พี่ยุติอาบน้ำนานเป็นชั่วโมง ขืนไปอาบน้ำที่ลำธารกลับมาคงมืดเสียก่อน ไม่ทันได้ดูทะเลหมอกตอนเย็น วันนี้ไม่ได้อาบน้ำวันเดียวคงไม่เป็นไรหรอกน่าพี่ยุติ เดี๋ยวหนึ่งทำให้ดูวิธีใช้น้ำอย่างประหยัด” ว่าแล้วจึงวักน้ำจากกะละมังลูบประพรมใบหน้าแล้วใช้โฟมล้างหน้าของตัวเองลูบไล้ใบหน้า ใช้มือวักน้ำล้างหน้าพอให้หมดคราบของโฟมแล้ววักน้ำลูบด้านหน้าและด้านหลังใบหู วักน้ำลูบซอกคอถึงหน้าอกและวักน้ำลูบตามแขน จบด้วยการใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับใบหน้าใบหูซอกคอหน้าอกและแขน ซึ่งใช้น้ำได้หมดกะละมังพอดี

ยุติและไกด์จึงทำตามบ้างจนแล้วเสร็จเป็นอันถึงเวลากินอาหารมื้อเย็น

“เนื้อย่างอร่อยไหมหนึ่ง ฝีมือการปรุงน้ำจิ้มด้วย ใช้ได้ไหม” ยุติเอ่ยถามอย่างลุ้น อยากให้ถูกใจเธอ

“อื้ม... อร่อยดี ฝีมือพี่ยุตินี่ดีใช้ได้” เธอบอกพร้อมยิ้มให้และคุยอวดฝีมือตนเองบ้าง “หนึ่งเผามันที่หนึ่งเก็บมา มีเกลือกับน้ำตาลให้จิ้มด้วยอร่อยนะ พี่ยุติลองกินมันเผาดู นี่ถ้ามีใครพาหนึ่งไปปล่อยป่า รับรองหนึ่งไม่อดตายแน่เพราะเข้าใจหาของกิน กินอยู่ง่ายหาขุดเผือกขุดมันกินเองได้”

“นั่นสิพี่เชื่อ... ถ้าแต่งงานกับหนึ่งไม่ว่ายากดีมีจนยังไงพี่คงไม่อดตายเพราะหนึ่งหากินเก่ง” เขาบอก พร้อมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเมื่อเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้อย่างนั้นเหมือนกัน

จากคำพูดของเขาทำให้ไกด์ที่มองอยู่พลอยยิ้มไปด้วย

เธอเลยต้องรีบพูดแก้เขิน

“อ้าว... ไหงเรื่องที่พูดดันวกมาเข้าตัวหนึ่งได้”



..........หลังอาหารมื้อเย็นเป็นเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ไกด์พาทั้งสองหนุ่มสาวไปชมวิวทะเลหมอก

เพชรน้ำหนึ่งไม่ลืมเตรียมพร้อมกล้องถ่ายรูปนำติดตัวไปด้วย

“สวยจริงอย่างกับในรูปถ่าย ทะเลหมอกฉาบแสงตะวันรอนสีแดงส้มอมม่วง” ยุติชื่นชมบรรยากาศ

ส่วนเพชรน้ำหนึ่งเดินถ่ายรูปตามมุมข้างต้นไม้บ้าง ทะเลหมอกในที่โล่งบ้าง ก่อนจะพากันมานั่งมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไกล

“พี่ยุติใกล้มืดแล้วเดี๋ยวจะโดนยุงกัด หนึ่งเอาสเปรย์ฉีดกันยุงมาเผื่อพี่ยุติ ฉีดสเปรย์กันยุงหน่อยนะ” เธอคว้าสเปรย์ออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วฉีดพ่นให้ทางด้านหลังตลอดจนถึงต้นคอทั้งมือและแขนซึ่งเป็นส่วนที่โผล่พ้นเสื้อคลุม “พี่ยุติถอดรองเท้าบู๊ท หนึ่งจะฉีดสเปรย์ที่เท้าให้ด้วย” เธอบอก

ซึ่งเขายอมทำตามราวกับเด็กว่าง่าย

“ขอบคุณนะหนึ่งอุตส่าห์ดูแลเอาใจใส่พี่ น่ารักจริงเลย”

คำพูดคำจาและสายตาเอ็นดูที่มองมาบ่งบอกได้ว่าเขาซึ้งในน้ำใจที่เธอดูแลเขามากมาย เตรียมสเปรย์ฉีดกันยุงให้ ทั้งโฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชาย ปิ้งข้าวเหนียว ผ่าฟืน ซึ่งเป็นงานที่ผู้ชายอย่างเขาไม่อยากทำด้วยซ้ำไป นั่นทำให้เขาเห็นใจและนับถือน้ำใจเธอ ยิ่งรักเธอเพิ่มมากขึ้น



..........ตกตอนดึก คืนนี้ฟ้ากระจ่างพระจันทร์ส่องสว่างอยู่กลางท้องฟ้า บริเวณที่พักอยู่บนเนินพื้นที่เตี้ย

เพชรน้ำหนึ่งจึงลุกจากข้างกองไฟ เดินออกมาห่างหน่อยพอให้เห็นภาพวิวแค้มป์ไฟในมุมกว้าง ได้อาศัยร่มเงาต้นไม้ใหญ่เป็นเสมือนกรอบรูป เธอตั้งกล้องถ่ายรูปบริเวณนั้น

“รูปกองไฟโดดเดี่ยวใกล้จวนจะมอดดับลง หน้าแค้มป์ที่ตั้งอยู่บนเนิน ข้างล่างเห็นเงาโขดหินเรียงรายอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีน้ำเงินมืด มีดวงดาวเต็มท้องฟ้า หนึ่งว่าภาพนี้เป็นภาพที่สวยงามอีกภาพหนึ่ง” เพชรน้ำหนึ่งกล่าวชื่นชมบรรยากาศในค่ำคืน

“หนึ่งนี่มีอารมณ์ศิลปินนะ มองเห็นความงามในค่ำคืน พี่อยู่ใกล้หนึ่งแล้วสบายใจจัง”

แม้ในความมืดสลัวสายตาของยุติที่มองจ้องมา ทำให้เธอเห็นชัดเจนว่าแววตานั้นอ่อนละมุนชวนอบอุ่นใจ

ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเล็กน้อย เพชรน้ำหนึ่งมาตั้งกล้องถ่ายภาพทะเลหมอกยามเช้ามืดก่อนจะทำอาหารเช้ากินกัน

...หลังอาหารเช้าแล้วใช้เวลาไม่นานในการเดินป่าชมธรรมชาติ เพชรน้ำหนึ่งเพียงถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น ไม่ใช่ถ่ายรูปเพื่อนำไปประกอบหนังสือ เสร็จจากการเดินป่าจึงมารื้อแค้มป์ เก็บของ เตรียมตัวกลับบ้าน



..........เดินทางกลับถึงบ้านตอนพลบค่ำ

“เฮ้อ...ถึงบ้านเราแล้วหนึ่ง ตื่น ตื่น...” ยุติส่งเสียงดังเรียกปลุกเพชรน้ำหนึ่ง

เพชรน้ำหนึ่งรู้ตัวเองดีว่าตัวร้อนมากและหนาวสั่นสะท้าน แต่เธอยังคงมีสติพอรับรู้แล้วพยายามแข็งใจพาตัวเองออกจากรถแท็กซี่ พร้อมกับรวบรวมกำลังสุดท้าย ยกกระเป๋าเป้อันหนักอึ้งวางทิ้งลงบนฟุตบาท ล้มลงไปพร้อมกับร่างที่หมดสติของตนขณะถึงหน้าประตูใหญ่ ยังไม่ทันได้เดินเข้าบ้านด้วยซ้ำ

“เฮ้ย! หนึ่งเป็นอะไรไป” ยุติตกใจที่เห็นเธอล้มแน่นิ่ง รีบเข้าประคองร่างของเธอและรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่ร้อนเกินคนปกติ “หนึ่งไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นี่รอเดี๋ยวนะพี่จะพาไปโรงพยาบาล” เขาบอกทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ได้ยินเขาแล้ว ...ยุติต้องโทรเรียกแม่บ้านให้มานำสัมภาระไปเก็บในบ้าน ส่วนตัวเขาเองรีบอุ้มเพชรน้ำหนึ่งขึ้นรถพาไปส่งโรงพยาบาล



..........ห้องคนไข้พิเศษ โรงพยาบาลเมืองคิลลีน มลรัฐเท็กซัส

“กล้ามเนื้ออักเสบมีไข้ขึ้นสูง เธอไปออกกำลังอย่างหนักหักโหมฝืนกำลังเกินไปหรือเปล่าครับ” แพทย์เจ้าของไข้เอ่ยถาม

“ครับ พวกเราเพิ่งกลับจากแค้มป์ปิ้ง เธอแบกเป้หนักมากขนาดผมเองยังแบกแล้วปวดเนื้อปวดตัว”

“ช่วงนี้ให้เธอพักผ่อนให้มาก ถ้าไม่จำเป็นพยายามอย่าให้เธอใช้กำลังแขนขามาก”

“ครับ ผมจะคอยช่วยเหลือเธอ ดูแลเธอให้ดีที่สุด” ...เมื่อแพทย์ออกไปจากห้องแล้ว

“เจ้าประคุณขอให้หนึ่งหายวันหายคืนในเร็ววันนี้ด้วยเถิด พี่เป็นห่วงหนึ่งมากนะ” ยุติพูดอย่างนั้น แม้ไม่รู้เธอจะได้ยินเปล่า เห็นเธอกำลังนอนหลับอยู่ เขากุมมือน้อยของเธอนั้นขึ้นมาจูบอย่างทะนุถนอมเพียงแผ่วเบา

“อือ...” เสียงครางของเพชรน้ำหนึ่ง เธอค่อยลืมตาขึ้นอย่างโรยแรงเพราะพิษไข้ มองดูเขาแวบหนึ่งแล้วหลับตาต่อไปอีก

เขาถึงรู้ว่าเธอได้รับรู้ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ จึงปล่อยให้เธอนอนพักแล้วเขาถึงพักผ่อนนอนหลับบ้าง

...จนกระทั่งรุ่งเช้า

“หมอบอกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ กินข้าวไม่ต้องตักกินเองหรอกนะ ให้พี่ป้อนดีกว่า”

“จะรบกวนพี่ยุติเกินไปมั้ง”

“ไม่เอาน่าอย่าคิดอย่างนั้น ตอนไปเที่ยวด้วยกัน หนึ่งดูแลพี่อย่างดี ตอนนี้หนึ่งนอนป่วยพี่ต้องดูแลหนึ่งให้ดีที่สุด แค่ป้อนข้าวให้หนึ่ง ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนตอนแบกเป้ขึ้นภูเขาหรอก ไม่เห็นต้องเกรงใจกัน” เขาบอกแล้วตักข้าวป้อน

เธอยอมกินอย่างง่ายดาย ในยามนี้ร่างกายเจ็บระบมไปทั่วสรรพางค์กาย ขนาดให้ยกแขนแต่ละข้างยังยากจะทำได้

“พี่ยุติ หนึ่งอยากอ่านทบทวนบทกลอนที่หนึ่งเขียน ช่วยเปิดโน้ตบุ๊กให้หนึ่งดูได้ไหม”

“ได้สิ” เขาคอยเอาใจไม่ห่าง เปิดบทกลอนนั้น วางให้ไว้บนหน้าตัก

จากพราก

บทกลอนจาก... เพชรน้ำหนึ่ง

เพราะรักมากมาก น้ำตาไหลพราก

ใจไม่อยากจากไกล ผ่านไปเลยลับ

นับวัน นับคืน ไม่รู้วันกลับ

เรือนนอน ห้องหับ ร้างไร้ใครนอน

ทิ้งให้อยู่เดียวดาย เขาไปไหน

หมองไหม้ ร้อนใจเหมือนไฟสุมขอน

ไม่เป็นสุขใจ อาลัยอาวรณ์

ใจร้าวรอน เปลี่ยวเหงา ปวดร้าวใจ

“ที่ที่หนึ่งไปถ่ายรูปมาจะใช้เป็นภาพประกอบบทกลอนบทนี้” เพชรน้ำหนึ่งบอก

ยุติไม่มีความคิดเห็นอะไร สงสารเธอที่เจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและไม่มีความสุขทั้งทางจิตใจ



..........เมื่อรักษาตัวจนหาย ออกจากโรงพยาบาล เพชรน้ำหนึ่งยังคงมุ่งมั่นสานต่องานเขียนบทกลอน คอยหาสถานที่ถ่ายรูปประกอบบทกวี คราวนี้เปลี่ยนสถานที่เป็นชายหาดบ้าง พาคนรับใช้มาด้วยหนึ่งคน เช่ารีสอร์ทริมทะเล แน่นอนว่ามียุติตามมาด้วย ...เดินทางถึงที่พัก ในเวลามืดค่ำแล้ว เธอปล่อยให้คนรับใช้จัดเก็บกระเป๋าเดินทางไปตามหน้าที่

ในยามดึก... เธอออกมาเดินคนเดียวริมชายหาด

“อันตรายนะดึกมากขนาดนี้มาเดินคนเดียว แถวนี้มีโจรคอยดักปล้นฆ่า น่ากลัวนะ” ผู้ชายชาวอเมริกันเดินมาเตือนเธอ เขามองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกล่าวว่า“บางรายเป็นสาวเคราะห์ร้ายโดนข่มขืนก็มี”

“ขอบคุณที่เตือน ฉันกำลังจะกลับพอดี” เธอรีบเดินหนี ไปเก็บขาตั้งและกล้องถ่ายรูปที่ตั้งเวลาถ่ายรูปไว้

“จะกลับยังไงให้ผมไปส่งไหม ผมมีรถแล้วบ้านเธออยู่แถวไหน”

“ฉันพักรีสอร์ทใกล้กับที่นี่ ฉันเดินกลับเองได้” เธอบอก

แต่เขายังเดินตามติดพร้อมทั้งเสนอตัวอาสา

“ให้ผมช่วยถือของ” เขาเข้ามาช่วยจับกระเป๋าสะพาย

“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรฉันถือกระเป๋าเองได้” เธอบอกและกำลังดึงกระเป๋าของตนกลับคืน ในใจเริ่มรู้สึกไม่ดีนึกว่าชายผู้นี้อาจเป็นอาชญากรแฝงตัวมา

...ขณะเดียวกันนั้นยุติมองเห็นแต่ไกล ดูลักษณะเหมือนเธอโดนกระชากกระเป๋า เขารีบวิ่งเข้ามาหาและผลักอกผู้ชายฝรั่งคนนั้น

“เฮ้ย! โจรวิ่งราวกระเป๋าจะทำอะไรผู้หญิง”

“โอ๊ะ! ผมแค่จะช่วยเธอถือกระเป๋า เมื่อกี้มาเตือนเธอว่าแถวนี้มีผู้ร้ายให้เธอระวังตัว แต่ผมไม่ใช่ผู้ร้ายนะ อย่าเข้าใจผิด ผมมากับเพื่อนพวกเราพักที่รีสอร์ทนี้เอง พวกเราเป็นแก๊งฮาร์เล่ย์มาเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้กันตามประสาคนโสด พวกเราไม่มีพิษภัยกับใครหรอกวางใจได้”

“เอ๋... งั้นแสดงว่าพักที่เดียวกันนะสิ” เพชรน้ำหนึ่งเริ่มพูดคุยด้วย

“อ๋อ... ใช่... พวกเราเพิ่งมาเมื่อตอนกลางวัน ไปร่วมสนุกกับเราไหม มีปาร์ตี้ดื่มกินกันโต้รุ่งเลย”

“อืม... น่าสนใจ” เธอเออออไปกับคนแปลกหน้าที่ยังไม่คุ้นเคย

“เฮ้ย!! ไปไว้ใจเขาได้ไงหนึ่ง” ยุติกล่าวท้วงติง

“ไม่ไว้ใจผม ไม่เป็นไร ขอแนะนำตัวก่อน ผมร้อยตรี โจเซฟเป็นทหารบกของกองทัพสหรัฐ”

“เป็นทหารเหรอนี่” เพชรน้ำหนึ่งตาโตขึ้นมา นึกถึงความฝันเมื่อครั้งเก่าก่อนตอนนั้น เคยฝันเห็นผู้ชายฝรั่งที่เป็นทหาร กระพริบตามองหน้าเขา หนุ่มฝรั่งคนนี้ดูแล้วหน้าตาค่อนข้างดี ตัวสูงใหญ่กว่ายุติเสียอีกและรูปร่างบึกบึนกำยำล่ำสันสมเป็นชายชาติทหาร สิ่งที่เขาเป็นนั้นทำให้เธอสนใจ

“ฉันชื่อ เพชรน้ำหนึ่ง เรียกชื่อเล่น หนึ่ง ก็ได้ คนนี้ชื่อ ยุติ” เธอกล่าวแนะนำตัวเพื่อทำความรู้จักกัน

“นี่คงเป็นแฟนกันล่ะสิ” โจเซฟถามออกไปแล้วให้ต้องงุนงงกับคำตอบที่ได้รับ

“ใช่” “ไม่ใช่”

ทั้งยุติและเพชรน้ำหนึ่งตอบพร้อมกัน แต่คำตอบนั้นขัดแย้งกัน

คนที่ถามเลยได้แต่เลิกคิ้ว ส่งยิ้มให้ไม่รู้จะเชื่อใครกันแน่




ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2560, 17:28:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2560, 17:28:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1068





<< ตอน 28[2]   ตอน 29[2] >>


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account