ในรอยกาล / เพิ่มตอนพิเศษ
“พี่พริษฐ์หยิบหีบใบนั้นให้ชมพู่หน่อย”

ชายหนุ่มขยับเข้ามาทันที พื้นที่แคบๆ ทำให้ต้องยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ในขณะแก้มแหม่มเขย่งก็แล้ว ยืดแขนจนแทบเป็นกระโดดก็แล้ว กลับยังเอาลงมาไม่ได้ แต่พริษฐ์สามารถทำให้หีบไม้ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที

หญิงสาวรับมาอย่างลิงโลด รีบก้มลงสำรวจทันใด ทว่าการหันหน้าเข้าหาชั้นวางของทำให้มีเงาพาดผ่าน ไม่สามารถมองลวดลายได้ถนัด แก้มแหม่มทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจจึงกลับหลังหันเข้าหาแสงไฟ แล้วก็ต้องตัวแข็งทื่อ แทนที่จะสว่างกลับมืดหนักเข้าไปอีก เมื่อมีกำแพงร่างกายบังเอาไว้

“พี่พริษฐ์” เธอครางเสียแผ่ว ความใกล้ชิดทำให้ไม่กล้าขยับตัว

เดินไปข้างหน้าก็ชนอกแกร่ง ครั้นจะถอยหลังก็ติดชั้นวางของ และถึงแม้แขนทั้งสองข้างของพริษฐ์ยังตกอยู่ข้างตัว แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนโดนกอดกลายๆ

“ครับ”

เสียงขานรับดังอยู่ใกล้ๆ ราวกับเจ้าตัวโน้มหน้าลงมาคุยชิดกระหม่อมนี่เอง ความชิดใกล้ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แก้มแหม่มเริ่มทำอะไรไม่ถูก หูได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังมาก ราวกับวินาทีใดข้างหน้ามันจะหลุดออกมานอกอกประจานตัวเองให้ได้อาย

ใจจึงอยากผลักชายหนุ่มออกไปไกลๆ ให้พ้นตัวจะได้หายใจหายคอสะดวก แต่เสียงเล็กๆ อีกเสียงหนึ่งกลับสั่งห้ามไว้ แก้มแหม่มจึงยืนนิ่งก้มหน้างุดปล่อยให้ชายหนุ่ม ‘กอด’ อยู่อย่างนั้น

“มองพี่ได้ไหม”

นั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม เพราะหลังจากนั้นคางมนก็ถูกช้อนขึ้นด้วยนิ้วมือแข็งแรง

ราวกับถูกร่ายมนตร์ ประกายบางอย่างซึ่งสะท้อนผ่านลูกแก้วสีดำคู่นั้นทำให้แก้มแหม่มอยากรู้ว่าคืออะไร จากที่ควรเบือนหลบก็จ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น กระทั่งใบหน้าคมค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ยังไม่ถอนสายตา

ตอนระยะห่างระหว่างกันเหลือไม่ถึงนิ้ว พริษฐ์ก็หยุดถามเสียงทุ้ม

“พี่จูบได้ไหม”

แก้มแหม่มน่าจะรู้ว่าคำถามของพริษฐ์ไม่เคยเป็นคำถามสักครั้ง สิ้นคำริมฝีปากอุ่นก็นาบลงมา คลอเคลีย หยอกเย้ากับริมฝีปากอิ่มราวภมรหนุ่มเลาะเล็มดื่มกินความหวานอย่างไม่รู้เบื่อ เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายสำลักลมหายใจ เขาก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย กระนั้นก็ยังไม่ยอมห่างไปไหน

เหมือนคนขาดอากาศหายใจมานาน พอได้รับอิสระแก้มแหม่มก็สูดลมเข้าปอดหนักๆ มือเล็กยกขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเลื่อนลอย

ร่องรอยอ่อนหวานยังคงซ่านอยู่ตรงริมฝีปาก

เมื่อกี้เธอถูกจูบใช่ไหม


- * - * - เรื่องนี้รีอัปให้อ่านอีกรอบ และจะมีตอนพิเศษเพิ่มจากเดิม 3 ตอนค่ะ - * - * -

Tags: ในรอยกาล, เนตรนภัส, พริษฐ์, ชมพู่, แก้มแหม่ม,

ตอน: บทที่ 19 [ครบ]


...๑๙...



หือ...ช่วยเดือนด้วยหรือ

แม้สะดุดหูกับประโยคซึ่งหลุดออกจากปากแก้มแหม่มขณะถลาเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว แต่เสี้ยววินาทีที่ดวงตาเบิกโพลง ความหวาดกลัวซึ่งสะท้อนออกมาทำให้เขาปัดความรู้สึกนั้นทิ้งทันที ความห่วงใยทำให้ท่อนแขนแข็งแรงอ้อมไปรัดร่างบอบบางตอบ

ร่างซึ่งเขากอดอยู่สั่นเทิ้ม ถึงไม่รู้ว่าทำไมแก้มแหม่มถึงมีอาการเช่นนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่พริษฐ์รู้คือหญิงสาวกำลังหวาดกลัว

มือแข็งแรงลูบศีรษะทุยเบาๆ หวังปลอบประโลม อาการสะดุ้งน้อยๆ ของหญิงสาวทำให้เขาต้องก้มมอง แต่เนื่องจากหญิงสาวซุกหน้าอยู่กับอกจึงเห็นแค่เพียงศีรษะ และทำให้พริษฐ์รู้ว่าอาการไหววูบเมื่อครู่เกิดจากอะไร

ชายหนุ่มจึงรัดร่างหญิงสาวแน่นเข้า เกร็งแขน ออกแรงดึงแค่นิดเดียวแก้มแหม่มก็ลอยหวือออกมาได้โดยง่าย เขาตั้งใจวางหญิงสาวลงบนพื้นซึ่งมั่นคงมากกว่าเปลสนาม ทว่าพอทำท่าจะวางร่างบางลง คนที่เกาะเขาเป็นลูกลิงอยู่ก็ออกอาการผวา แขนเล็กๆ นั้นกอดคอกันไว้แน่นหนา มิหนำซ้ำยังออกเสียงประท้วงกันอีก

พริษฐ์เล็งเห็นว่าหญิงสาวคงไม่ยอมปล่อยแน่ๆ และหากยังยืนอยู่ตรงนี้คงได้ล้มลงไปนอนกองกับพื้นทั้งคู่ จึงกระชับร่างหญิงสาวแน่นเข้า แล้วออกเดินจนตัวปลิว เป้าหมายคือเฉลียงบ้าน

พอไปถึงก็หย่อนร่างแก้มแหม่มลงกับพื้น หญิงสาวมีอาการขัดขืน ยังเกาะเขาเป็นลูกลิงติดแม่ จนเขาต้องทั้งปลอบทั้งขู่ ท่าทีของเธอจึงสงบลงจนยอมปล่อยเขาเป็นอิสระในที่สุด

พริษฐ์ขยับร่างบอบบางให้นั่งพิงระเบียง ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงโดนแว้ดใส่ ค่าที่ถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ แต่นี่ไม่เลย นอกจากไม่ขัดขืนแล้วยังมีอาการเลื่อนลอยเหมือนคนยังคืนสติไม่สมบูรณ์ ร่องรอยความหวาดกลัวแม้จะจางไปมากแล้ว แต่ก็ยังไม่หายไปจากดวงตา

เกิดอะไรขึ้นกับแก้มแหม่มกันแน่...



“น้ำครับ”

มือเล็กยื่นมารับแก้วน้ำไปทันทีเมื่อสิ้นคำ พริษฐ์รู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อเห็นว่าคนกำลังจิบน้ำเย็นเฉียบอยู่ดูไม่เลื่อนลอยและมีสติมากขึ้น ไม่น่าเป็นห่วงเหมือนเมื่อครู่ ทีนี้ก็ถึงเวลาหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

ชายหนุ่มขยับเข้าไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆ หญิงสาว ทิ้งหลังพิงระเบียง ท่าทางสบายๆ ไม่เหมือนคนหัวใจเพิ่งเข้าสู่สภาวะปกติ

“ทีนี้คุณบอกผมได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น”

น้ำเสียงสบายๆ เหมือนคุยกันเรื่องทั่วไปเรียกสายตาของแก้มแหม่มให้หันไปมอง ก็พบว่าพริษฐ์มองอยู่ก่อนแล้ว ครู่เดียวเท่านั้นหญิงสาวก็เสก้มมองแก้วน้ำในมือบนตัก

เขารู้ว่าเธอตั้งใจหลบตา แต่เขามีเวลาคอยทั้งวัน ให้มันรู้ไปสิว่าเธอจะออกไปจากตรงนี้ง่ายๆ โดยไม่พูดอะไรเลย

พริษฐ์เอื้อมไปหยิบแท็บเล็ตบนโต๊ะญี่ปุ่น เรียกโปรแกรมอ่านอีเมลขึ้นมาแล้วก็เริ่มไล่อ่านอีเมลจากบริษัท ทำทีเป็นไม่สนใจคนข้างๆ ทั้งที่จริงการนั่งอยู่ในระนาบเดียวกันแบบนี้เขาสามารถเห็นทุกอย่างได้ทางหางตา ดังนั้นพอแก้มแหม่มขยับตัว พริษฐ์ก็เอ่ยทันที

“ถ้าคุณพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็เรียกผมแล้วกัน”

คำพูดแบบใจป้ำของชายหนุ่มเรียกสายตาของแก้มแหม่มให้หันไปมอง ท่าทางไม่อนาทรพูดจบก็หันไปสนใจแท็บเล็ตทำให้หญิงสาวเผลอขบริมฝีปากเพื่อสะกดอารมณ์

เขาทำราวกับที่เธอเจอมาเป็นเรื่องง่ายๆ สามารถเล่าให้ฟังเหมือนเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปอย่างนั้นละ เอาเข้าจริงกลับไม่ง่ายเลย ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เขาไม่มีทางเชื่อ ไม่มีวันเชื่อ ซ้ำร้ายอาจหาว่าเธอบ้าอีกด้วย

อีกอย่าง...เหตุการณ์ที่เพิ่งเจอหมาดๆ คืออะไร ความฝันหรือความจริง เธอเองก็ยังไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้

ที่ผ่านมาเธอเชื่อว่า เมื่อใดก็ตามหากเดือนอยากสื่อสารกับเธอก็สามารถทำให้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านทางความฝัน รับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่อยากให้รู้ผ่านม่านตา เหมือนเป็นคนนอกยืนดูภาพยนตร์จอยักษ์ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ สิ่งเหล่านั้นชัดเจนเหลือเกิน ทั้งภาพและความรู้สึก ราวกับเป็นเธอเองที่นอนอยู่ตรงนั้น ในห้องนั้น บนเตียงนั้น...

มือบางเลื่อนไปจับข้อมือตัวเองเบาๆ ไม่รู้อุปาทานไปหรือเปล่าเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบ เธอยังจำได้ถึงลมหายใจร้อนระอุเป่ารดซอกคอ ความร้อนผะผ่าวจากมือใหญ่ที่ตะปบปิดริมฝีปาก มือทั้งสองข้างถูกยึดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว กดไว้กับที่นอนด้วยแรงมหาศาล ทุกครั้งที่โดน ความเจ็บปวดก็เพิ่มขึ้น หัวใจเธอบีบรัดรุนแรงด้วยความหวาดกลัว ทุกครั้งที่จมูกและปากน่ารังเกียจแนบลงมาตรงซอกคอ ใบหน้า และเนื้อตัว ใจเธอก็จะขาดเสียให้ได้

ทุกภาพความรู้สึกยังคงชัดเจน ราวกับว่าเป็นเธอเอง ไม่ใช่คุณเดือนกำลังถูกคนระยำรังแก!

ตอนนั้นเธอพยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด ร้องทั้งที่ปากโดนปิด แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ในเมื่อเสียงไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ วินาทีนั้นเธอกลัวจับใจ สัญชาตญาณเอาตัวรอดบอกว่าไม่ควรยอมให้กับโชคชะตา

เธอทั้งเตะทั้งถีบ ทำทุกวิถีทาง ท่องเอาไว้ในใจว่ายังไงก็ต้องรอด ทว่าแรงผู้หญิงไม่ว่าอย่างไรก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้วันยังค่ำ ขณะร่างกายเริ่มอ่อนล้า เธอกำลังจะพ่ายแพ้เสียทีให้กับคนเลว ประตูห้องนอนก็เปิดผางออก พร้อมๆ กับใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา

‘หยุดนะไอ้ลูกเลว’

คงเพราะไม่คาดคิดว่าจะมีใครเข้ามาขัดจังหวะ คนซึ่งโถมทับเธออยู่ทั้งตัวชะงัก หันขวับไปมอง อารามตกใจทำให้มือที่ตะปบปากของเธอคลายออก พอมีโอกาสเพียงนิดเดียวก็พร้อมจะคว้าไว้ เธอได้ยินเสียงใครคนหนึ่งตะโกนขอความช่วยเหลือ

‘คุณท่าน...ช่วยเดือนด้วย’

เหตุการณ์หลังจากนั้นคือร่างทั้งร่างถลาเข้าไปสู่อ้อมกอดของบุรุษที่ถูกเรียกว่า ‘คุณท่าน’ ใครสักคนที่เดือนคงรู้จัก ส่วนเธอเพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรก ทว่ายังไม่ทันได้มองเต็มตา ภาพทุกอย่างก็หายไป

ไม่มีห้องนอน ไม่มีเตียง ไม่มีผู้ชายเลวๆ ซึ่งเธอยังไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่เชื่อว่าหากได้เห็นคนคนนี้อีกสักครั้งต้องจำได้แน่ๆ

เธอไม่มีวันลืมดวงตาที่มองมาอย่างมาดร้ายคู่นั้น...เธอไม่มีทางลืมมันลงได้

หลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีก มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองนั่งพิงระเบียงอยู่บนเฉลียง จุดที่พริษฐ์ใช้เป็นสถานที่ทำงาน เธอเดาได้ทันทีว่ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แน่นอนเครื่องย้ายสสารที่สามารถนำเธอจากด้านล่างขึ้นมาถึงนี่ได้ต้องเป็นพริษฐ์

แล้วตอนนี้กำลังนั่งเป็น ‘ตะเข้’ ขวางคลองไม่ยอมให้เธอลุกไปไหน คำพูดก่อนหน้านี้บอกเธอได้ดีว่าหากไม่มีเหตุผลดีๆ ให้เขา เธอได้นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนแน่

แล้วเธอจะพูดความจริงออกไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่มีวันเชื่อ

“ฉันแค่ฝันร้าย”

หลุดปากออกไปแล้วหญิงสาวก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ สายตาที่มองมาไม่มีแววเชื่อถือสักนิด มิหนำซ้ำเธอยังเห็นแววเยาะแล่นระริกอยู่ในนั้น

“เฮอะ คุณคิดว่าผมอายุสิบสองหรือไง ถึงได้เชื่อเรื่องแบบนี้”

เธอรู้อยู่แล้วว่าพริษฐ์ไม่ใช้แค่สายตาคาดคั้น คำพูดยังแสดงออกว่ารู้ทัน แต่เขารู้แค่ไหน ตอนนี้เธอไม่อยากรู้ เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ สูบพลังไปเกือบหมด ถ้าทำได้ตอนนี้เธออยากไถลตัวลงนอนราบไปกับพื้นแล้วหลับไปให้รู้แล้วรู้รอด

ทว่าหญิงสาวก็ทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ ด้วยอากัปกิริยาที่ตัวเธอเองก็บอกได้ไม่แน่ชัดว่าคือคำตอบให้กับพริษฐ์ หรือทำไปเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“คุณจะบอกว่าไอ้อาการกลัวจนตัวอ่อน ยืนไม่ติดพื้น จนผมต้องอุ้มมาถึงที่นี่ เกิดจากแค่ฝันร้ายตอนกลางวันงั้นหรือ”

รู้ว่าเขาประชด แต่แก้มแหม่มก็หมดแรงต่อกร ตอนนี้ในสมองมีแค่ทำอย่างไรก็ได้ให้เรื่องนี้จบๆ ไปก่อน เธออยากกลับบ้านเต็มแก่

“ใช่ค่ะ”

คำตอบนี้ทำให้เส้นอารมณ์ของพริษฐ์ขาดผึง ชายหนุ่มวางแท็บเล็ตลงข้างตัว หันมามองคนข้างๆ คว้าไหล่กลมมนของหญิงสาวให้หันมาประจันหน้าจนเป็นกระชาก ความเจ็บทำให้แก้มแหม่มนิ่วหน้า

“ปล่อยฉันนะคุณพริษฐ์” หญิงสาวประท้วง พยายามแกะมือเหนียวราวตีนตุ๊กแกออกจากไหล่ของตน แต่ก็ไม่ได้ผล นอกจากไม่ปล่อย เขายังออกแรงเพิ่มมากขึ้นจนเธอร้องประท้วงด้วยความเจ็บปวด ทว่าชายหนุ่มกลับยังมองมาด้วยสายตาคาดคั้นน่ากลัว

“แค่นี้หรือคือคำตอบที่คุณให้ผม แค่นี้เองหรือ”

“แล้วคุณจะให้ฉันตอบว่าอะไร”

“อะไรก็ได้ที่ทำให้ผมเข้าใจว่าคุณเป็นอะไรกันแน่”

“ก็ฉันบอกอยู่นี่ไงว่าฉันฝัน...ฝัน เข้าใจไหมคุณพริษฐ์ ฝัน...คุณรู้จักไหม” ความเจ็บปวดจากการถูกกระทำซ้ำกันถึงสองครั้งในวันเดียวทำให้หญิงสาวขาดสติ แก้มแหม่มตอบแทบเป็นตะโกน ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่ใส่ใจด้วยว่าคนงานจะหันมามองด้วยความสนใจ

“รู้จัก แต่ผมไม่เชื่อว่าคุณขวัญอ่อนถึงขนาดตื่นมาจากฝันร้ายแล้วอ่อนปวกเปียก กลัวจนยืนไม่ติดพื้นแบบนี้ บอกผมมาดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น”

ถ้าเธอรู้ก็ดีสิ

“ฉันบอกไปคุณจะเชื่อไหมล่ะ” แก้มแหม่มจ้องหน้าพริษฐ์ด้วยสายตาวาววับ

“ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องที่คุณพูดน่าเชื่อถือแค่ไหน”

เธอคิดเอาไว้แล้วว่าต้องได้ยินอะไรทำนองนี้ รู้ทั้งรู้ในเมื่อพริษฐ์ยืนกรานมาตลอด แต่เธอก็ยังหวังว่าเขาจะเปลี่ยนความคิด ศีรษะทุยจึงส่ายเบาๆ พลางยิ้มขื่น...

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเชื่อ

“พูดไปคุณก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี” เธอสรุป แล้วปัดมือใหญ่บนไหล่ของตนเองออก

พริษฐ์มองจนมั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่หนีไปไหนแน่ๆ เขาจึงยอมปล่อยมือ กระนั้นก็ยังไม่วายนั่งขวางทางกันไม่ให้แก้มแหม่มลุกหนีไปได้

“ยังไม่ได้พูดออกมาเลย แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าผมไม่เชื่อ”

“เฮอะ...ฉันพูดมาตลอด แต่คุณไม่เคยเชื่อฉันเลยสักครั้ง คราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน พูดไปคุณก็หาว่าฉันบ้า งมงาย ป่วยการที่จะพูด”

“อย่าเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินคนอื่น”

“เปล่าเลย ฉันไม่ได้เอาความคิดของตัวเองมาตัดสินคุณ แต่คุณต่างหากที่ตัดสินฉันไปแล้ว คุณไม่เชื่อตั้งแต่แรก ไม่เชื่อทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงมือพิสูจน์อะไรเลย คุณตัดสินไปแล้ว คุณปักใจเชื่อไปแล้ว คำพูดของฉันก็ไม่ต่างจากปุยนุ่น เบาหวิว ไม่มีน้ำหนัก ฉันจะไม่พูดกับคนไม่เชื่อคำพูดของฉันเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ยิ่งคุยก็รังจะทะเลาะกันเปล่าๆ...วันนี้ฉันเหนื่อย”

เพราะน้ำเสียงเนือยๆ ท่าทางหมดแรงของแก้มแหม่มทำให้พริษฐ์ชะงัก อาการกลัวจนตัวอ่อนปวกเปียกยังคงติดตา เธอคงเหนื่อยจริงๆ

ปรอทอารมณ์ร้อนๆ เมื่อครู่ค่อยลดลงจนถึงระดับปกติ บางสิ่งบางอย่างที่สะท้อนออกมาทางแววตาของแก้มแหม่มทำให้เขาฉุกคิด

ทำไมหญิงสาวถึงได้ปักใจเชื่อถึงขนาดนี้ว่าเขาจะไม่เชื่อคำพูดของเธอ...ทำไมเธอถึงมั่นใจเช่นนั้น แล้วมันเกี่ยวกับอาการหวาดกลัวของเธอตรงไหน

“งั้นเราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังแล้วกัน ตอนนี้คุณพักเถอะ เดี๋ยวผมเอาหมอนมาให้” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเพื่อเดินไปหยิบหมอนอิง แต่มือเล็กๆ กลับฉุดเขาเอาไว้ก่อน พริษฐ์จึงต้องนั่งลงอีกครั้ง

“เราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้วได้ไหม”

ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ พลิกมือมาเป็นฝ่ายจับมือเล็กๆ เอาไว้เอง

“คุณนอนเถอะ แล้วตื่นมาเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกที อย่างจริงจังและเปิดใจ...ผมสัญญา”



-----------------------------------------------


ขอโทษที่หายไปหลายวันนะคะ พอดีมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย พอเสร็จเรื่องก็มาลงนิยายให้อ่านกันเลยจ้า... ตอนนี้สั้นกว่าปกติ เลยลงรวดเดี๋ยวเลยค่ะ ^^



เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2560, 13:25:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2560, 13:25:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 961





<< บทที่ 18 [2/2] ครบแล้วค่ะ   บทที่ 20 [1/2] + แจ้งข่าว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account