เล่ห์รัก..กับดักนายพราน (รีไรท์)

Tags: อิศนะ วรดา ไร่ส้ม เชียงราย

ตอน: ตอนที่ 4.

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงรถของอิศนะจึงแล่นเข้ามาจอดสนิทที่บริเวณลานจอดรถหน้าโรงแรมที่หญิงสาวเข้าพัก วรดามองอิศนะอย่างแปลกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวและทำท่าว่าจะก้าวลงจากรถพร้อมกับหล่อน

“เอ่อ ส่งฉันแค่นี้ก็ได้ค่ะ ฉันเดินเข้าไปเองได้”

“ดึกแล้ว ผู้หญิงเดินคนเดียวไม่ปลอดภัย ให้ผมเดินไปส่งคุณที่ล็อบบี้ดีกว่า”

อิศนะอธิบายเหตุผลของเขาสั้นๆ เป็นเหตุผลธรรมดาสามัญที่บรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายชอบใช้ กัน วรดาจำต้องยอมให้ชายหนุ่มเดินเคียงคู่ไปสู่ล้อบบี้ของโรงแรมอย่างไม่มีทางเลี่ยง

“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณยังไม่กลับหรือคะ”

วรดาหันมาถามชายหนุ่มเมื่อได้กุญแจห้องพักพร้อมคีย์การ์ดมาจากรีเชฟชั่นของโรงแรมและจัดการหย่อนมันลงในกระเป๋าสะพายใบเล็กเรียบร้อยแล้ว อิศนะยังคงยืนขนาบข้างหญิงสาวอยู่ไม่ห่างและไม่มีทีท่าว่าจะจากไปไหนง่ายๆ นัยน์ตาคู่คมมองตรงที่หญิงสาวอย่างมีความหมาย

“ผมหิว อยากจะชวนคุณทานข้าวที่คอฟฟี่ช้อปของโรงแรมเป็นเพื่อนสักหน่อย ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่า”

วรดายืนนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งด้วยไม่คิดว่าจะถูกชายหนุ่มตรงหน้าขอดินเนอร์กลางดึก ใจจริงหญิงสาวอยากจะปฏิเสธคำชวนนั้นแต่ก็ยังรู้สึกเกรงใจอิศนะอยู่มาก อย่างน้อยๆอิศนะก็เคยได้ช่วยเหลือหล่อนมาแล้วถึงสองครั้งสองคราจะออกปากปฏิเสธทันควันมันก็ดูจะแล้งน้ำใจกับเขาไปสักนิด

“ถ้าให้ผมเดา คุณก็ยังไม่ได้ทานมื้อเย็นแน่ๆ”

สิ่งที่อิศนะคาดเดาบังเอิญเป็นเรื่องจริงเสียด้วย อาหารมื้อสุดท้ายของวรดาคือก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ตรงร้านหัวมุมหน้าโรงแรมนี่เองและอาหารมื้อนั้นมันก็คงถูกย่อยสลายไปนานแล้วเพียงแต่หล่อนอาจจะยังช็อคกับเรื่องของภานุจึงไม่ทันได้คิดไปถึงเรื่องกายภาพของตนเองจนกระทั่งอิศนะพูดถึงเรื่องอาหารขึ้นมานี่แหละกระเพาะเจ้ากรรมของหล่อนมันจึงถือโอกาสร้องประท้วงเจ้าของขึ้นมาทันที

“ทานข้าวด้วยกันสักมื้อนะครับ ที่นี่มีอะไรอร่อยๆให้คุณลองชิมเยอะเลย ถึงคุณจะรีบหนีขึ้นห้องพักไปตอนนี้ มันก็ไม่ทำให้อะไรๆที่เกิดขึ้นแล้วเปลี่ยนแปลงไปได้หรอก ไปทานข้าวกับผมดีกว่านะครับ”

น้ำเสียงของอิศนะไม่เชิงว่าจะบังคับอะไร เขาให้หญิงสาวตัดสินใจเองแล้ววรดาก็ตัดสินใจตอบรับคำชวนของเขา

“ก็ได้ค่ะ”

ภายในคอฟฟี่ช้อปของโรงแรมมีผู้คนเนืองแน่น อิศนะเลือกโต๊ะตัวที่อยู่เยื้องเวทีมานิดหนึ่ง ผู้จัดการของคอฟฟี่ช้อปแห่งนั้นตรงดิ่งมาต้อนรับชายหนุ่มอย่างคนคุ้นเคย อิศนะส่งเมนูอาหารให้หญิงสาวเลือกส่วนตัวเขาป้องปากกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับผู้จัดการคนนั้น ครู่ต่อมานายผู้จัดการคนเดิมก็เดินนอบน้อมนำขวดไวน์ยี่ห้อดังมาเสริฟ์อิศนะถึงโต๊ะ อิศนะกล่าวขอโทษหญิงสาวก่อนจะดึงชายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้มตัวที่เขาสวมอยู่ออกมานอกกางเกงจัดการพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นเหนือข้อศอกดูทะมัดทะแมง

“คุณมาที่นี่บ่อยหรือคะ ดูคนที่นี่เขาดูแลคุณดีจัง”

“ก่อนหน้านี้มาบ่อย หลังๆชักห่าง เบื่อมั่ง งานยุ่งมั่ง”

อิศนะไม่ได้อธิบายต่อถึงสาเหตุที่เขาได้รับการบริการอย่างดีเยี่ยมเช่นนี้ว่าเป็นเพราะชื่อกรรมการบริหารของโรงแรมแห่งนี้มีชื่อของแม่เลี้ยงกันยาร่วมอยู่ด้วย ในฐานะลูกชายของหนึ่งในกรรมการผู้บริหาร อิศนะย่อมได้รับอนิสงฆ์จากตำแหน่งนั้นของมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย เหล่าบริกรทยอยนำอาหารออกมาเสริฟ์จนครบจากนั้นสองหนุ่มสาวต่างคนก็ต่างนั่งรับประทานอาหารกันไปเงียบๆมีการสนทนากันบ้างในเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งอิ่มด้วยกันทั้งคู่

เสียงเพลงหวานๆเศร้าๆจากนักร้องหญิงร่างท้วมที่กำลังขับกล่อมผู้คนอยู่บนเวทีดึงดูดความสนใจจากวรดาให้หันไปมองจนได้ ดวงหน้าสวยนั้นเศร้าสร้อยขณะดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงหวานๆที่มีเนื้อร้องกล่าวถึงความรักที่หลุดลอยไปและไม่มีวันที่จะหวนกลับ

อิศนะแอบสังเกตเห็นหยาดน้ำใสๆวาวๆที่กำลังรื่นอยู่ที่หัวตาของหญิงสาวและดูเหมือนวรดาจะรู้สึกตัวว่าถูกจับตามองอยู่หญิงสาวจึงรีบกระพริบตาถี่ๆไล่หยาดน้ำที่ระเรื่ออยู่นั้นให้จางหายไปอย่างรวดเร็ว

“คุณคงยังทำใจเรื่องนายภานุไม่ได้”

อิศนะตัดสินใจเอ่ยถามหญิงสาวออกไปตรงๆ วรดานิ่งอึ้งอยู่ครู่ รู้สึกลังเลใจที่จะพูดเรื่องส่วนตัวให้คนแปลกหน้าฟัง หล่อนไม่ทราบจริงๆว่าอิศนะรู้อะไรมากน้อยแค่ไหนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหล่อนกับภานุ แต่ในเมื่อเขากล้าเอ่ยปากถามอย่างนี้ ก็แสดงว่าเขาคงได้รับรู้อะไรมาบ้าง วรดาถอนหายใจแผ่วๆพยักหน้ายอมรับ

“ค่ะ มันไม่น่าเชื่อ ฉันบอกคุณตรงๆก็ได้ว่าฉันช็อค ฉันไม่คิดว่าพี่นุจะตัดสินใจแต่งงานกับคนอื่นเร็วขนาดนี้ ทั้งๆที่เราจากกันแค่ไม่กี่เดือน ปกติพี่นุไม่ใช่คนใจเร็วด่วนได้ พี่นุเคยเป็นคนใจเย็นมีเหตุผล แต่ก็นั่นแหละค่ะ อาจจริงก็ได้ ผู้หญิงคนนั้น เธออาจป็นคนที่ใช่สำหรับพี่นุ ผู้หญิงที่เป็นแค่อดีตอย่างฉันจะทำอะไรได้ละคะ ก็คงต้องยอมรับการตัดสินใจของพี่นุ แต่มันก็เจ็บเหลือเกิน ยากเหลือเกินที่จะยอมรับ”

วรดาฝืนยิ้มเศร้าๆให้ชายหนุ่ม ในยามที่หัวใจแห้งแล้งเจ็บปวดการได้พูดได้ระบายความอึดอัดภายในใจออกไปบ้างมันก็ช่วยทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้น แม้คนที่นั่งอยู่ต่อหน้าจะเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับหล่อนก็เถอะ

“ตอนนี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรต้องทำยังไง คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น แย่ค่ะ”

“ผมว่าคุณตัดใจจากเขาซะเถอะ ยังมีผู้ชายดีๆรอให้คุณเลือกอีกถมไป ตอนสมัยรุ่นๆ ผมก็เคยอกหักนะ ตอนนั้นอะไรๆในชีวิตมันก็ดูแย่ไปหมด คุณรู้มั้ย ตอนที่ผมโดนแฟนบอกเลิกครั้งแรก วันนั้นผมไม่ยอมกินข้าวกินปลา กินแต่เหล้า เมาหัวราน้ำแทบทุกวัน”

“ทำไม คนที่อกหักส่วนใหญ่ถึงชอบดื่มเหล้ากันคะ”

วรดาถามเรียบๆอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก

“ว่ากันว่ามันทำให้เราลืมความเจ็บปวดไปได้ชั่วขณะ”

“แต่พอเราหายเมา ความจริงมันก็จะกลับมาทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี”

อิศนะหัวเราะหึๆในลำคอ กวาดตามองดวงหน้าสวยๆเศร้าๆนั้นแล้วยิ้ม ก็ดูไม่โง่นี่นะ ท่าทางวรดาฉลาดดีออก ใครกันบอกเขาว่าผู้หญิงสวยส่วนใหญ่มักโง่ รายนี้อิศนะขอเถียงขาดใจเลย

“คนเรามันก็ต้องมีบ้างละครับ ที่อยากจะหลีกหนีความจริง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการหลีกหนีไปได้เพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามก็เถอะ มันก็เหมือนกับเวลาที่คุณต้องแบกของหนักๆเอาไว้บนบ่า ถ้าคุณได้วางมันลงสักพัก ทำเป็นลืมๆว่าคุณจะต้องแบกมันต่อไป คุณก็ไม่ต้องรู้สึกหนัก คนอกหักก็เหมือนกัน กินเหล้าเข้าไปให้มันเมา พอเมาแล้วเราก็จะได้ลืมอะไรๆที่มันอยากลืม ไม่ต้องทนอยู่กับความรู้สึกเจ็บปวด ผมว่านี่มันก็เป็นกลไกธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มนุษย์อย่างเราๆใช้รักษาเยียวยาชีวิตของตัวเอง”

“คุณคิดแบบนั้นหรือคะ”

“ผมคิดสิ มีคนไม่น้อยที่คิดแบบผม ไม่งั้นเหล้าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างทุกวันนี้หรือคุณ”

อิศนะพูดพลางหยิบแก้วเปล่าที่วางอยู่ใกล้ๆมารินไวน์สีสวยลงไป เขาเลื่อนไวน์แก้วนั้นไปไว้ตรงหน้าหญิงสาวพร้อมกับพยักพเยิดหน้าชี้ชวนให้วรดาลองลิ้มชิมรสเจ้าเครื่องดื่มราคาแพงแก้วนั้น

“สักแก้วก็ดีนะคุณ เผื่อสมองจะโล่งๆขึ้นมาบ้าง”

วรดามองน้ำสีแดงก่ำไม่ต่างไปจากสีของน้ำทับทิมนั้นอย่างสนใจ...เผื่อสมองจะโล่งๆขึ้นมาบ้าง...คำพูดนั้นชี้นำให้หล่อนหยิบไวน์แก้วนั้นขึ้นมาลองจิบ รสชาติของมันหวานปนขม อร่อยแปลกๆ แต่ก็จิบได้เพลินๆ

“เล่าเรื่องของคุณกับภานุให้ผมฟังบ้างสิ คุณสองคนรักกันมานานหรือยัง”

“เกือบหกปี คุณว่านานมั้ย”

“นานสิ ถ้าเทียบกับผมนะ ผมไม่เคยคบใครนานถึงปีเลยด้วยซ้ำ”

“เหรอคะ…”

วรดาเบิกตามองชายหนุ่มตรงหน้า สีหน้าของหญิงสาวเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“ครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน สงสัยผมจะเรื่องมาก”

“หรือไม่ก็เลือกมาก"

อิศนะหัวเราะหึๆในลำคอ ดวงตาคู่คมหวานซึ้งจ้องมองมายังวรดาตรงๆ จนหญิงสาวต้องเสหลบตาคมคู่นั้นก้มลงมองแก้วเครื่องดื่มของตนเอง

“ไม่น่าเชื่อนะ ว่านายภานุเขาจะกล้าหักอกคนสวยๆอย่างคุณ"

“ที่จริงมันไม่ใช่ความผิดของพี่นุหรอกค่ะ”

“อ้าว แล้วทำไมพวกคุณถึงเลิกกัน เอ่อ ขอโทษที่เสียมารยาท ถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าก็ได้”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ปัญหาน้ำเน่าทั่วไป ผู้ใหญ่ของฉัน พวกท่านไม่ค่อยปลื้มพี่นุเท่าไหร่”

“หรือครับ แต่ภานุเขาก็ดูเป็นคนดี ดูจริงจังเอาการเอางานดีนี่ครับ”

อิศนะแสร้งยืมคำพูดของชุมพลมาเอออวยภานุถึงแม้จะรู้สึกตะขิดตะขวางใจอยู่บ้างก็เถอะ

“ค่ะ พี่นุเป็นคนดีมาก แต่บางทีความดีอย่างเดียวสำหรับพวกผู้ใหญ่เขาอาจจะมองว่ามันไม่เพียงพอ ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว คุณอย่าถามอะไรเรื่องพี่นุอีกเลยนะคะ”

“ผมชอบคุณจัง”

จู่ๆอิศนะก็โผลงประโยคนั้นออกมาจนคนฟังหน้าเหวอตาโตขึ้นมาทันที

“คุณ...พูดว่าอะไรนะคะ”

“ผมบอกว่า ผมชอบคุณ”

อิศนะบอกยิ้มๆน้ำเสียงทีเล่นทีจริง วรดานิ่วหน้านิดๆ นึกไม่ชอบใจเจ้าประกายตาพราวๆของชายหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว นัยน์ตาคมกรุ้มกริ่มแฝงแววเจ้าชู้อยู่เสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์ที่เขาดื่มเข้าไปหรือเป็นไปตามปกตินิสัยของเขากันแน่

“คุณนี่ท่าจะเมา”

อิศนะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ นัยน์ตาคมแฝงแววเจ้าเล่ห์พราวระยับ

“ผมดื่มไปไม่กี่แก้วเอง จะเมาได้ไง”

“ก็ไม่รู้สิคะ”

วรดาสะบัดเสียงอย่างลืมตัว

“ฉันแค่ไม่เคยพบคนปกติดีที่ไหน กล้าบอกว่าชอบผู้หญิงคนที่ตัวเองก็เพิ่งจะรู้จักได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็อาจจะมีอยู่บ้างคนแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่เป็นพวกคนบ้า หรือไม่ก็คนเมา”

“เอ...ผมก็ไม่ได้บ้านะ แล้วก็แน่ใจมากด้วยว่าตัวเองไม่ได้เมา"

วรดาเม้มริมฝีปากบาง สีหน้าเริ่มตึงๆขึ้นมาบ้างแล้ว

“อ้าวๆ อย่าเพิ่งโกรธซีคุณ ที่ผมบอกว่าผมชอบคุณน่ะ ผมหมายถึงผมชอบผู้หญิงแบบคุณ ผู้หญิงที่ผิดหวังแต่ก็ยังตั้งสติได้ ไม่ฟูมฟายร้องห่มร้องไห้ให้ใครมาสมเพชเวทนา ผมหมายถึงแบบนี้ต่างหาก”

หน้าของวรดาแดงก่ำขึ้นมาทันทีหล่อนช้อนตางามขึ้นค้อนอิศนะอย่างมีแง่งอน

“ก็คุณพูดจากำกวมเองนี่คะ ใครจะไปเข้าใจตรงกับคุณ”

“งั้นผมก็ต้องขอโทษ ที่พูดอะไรตรงกับใจมากไปหน่อย”

วรดามองนัยน์ตาแพรวพราวของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ถอนใจ

“ฉันว่าฉันขอตัวกลับห้องพักดีกว่า คุณละคะ ยังไม่กลับอีกหรือ นี่ดึกแล้วนะคะ”

อิศนะยกนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือขึ้นดูเวลา เกือบๆห้าทุ่ม ยังไม่ถือว่าดึกสำหรับเขา

“คุณนี่ใจร้ายจัง คุณจะทิ้งผมไว้คนเดียวแบบนี้จริงๆน่ะหรือ”

“ก็คุณชวนฉันทานข้าวอย่างเดียวนี่คะ ไม่ได้ชวนดื่มต่อซะหน่อย”

“งั้นผมชวนคุณตอนนี้ยังทันมั้ย”

“คุณนี่...จริงๆเลย”

อิศนะหัวเราะร่วนไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองกับน้ำเสียงกระเง้ากระงอดของหญิงสาวเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับชอบเจ้าลูกกะตาวับๆของวรดาที่มองค้อนเขาอยู่บ่อยๆนั่นเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มชะโงกตัวเล็กน้อยยื่นมือไปหยิบแก้วตรงหน้าหญิงสาวมารินไวน์สีสวยลงไปกว่าครึ่งค่อน เมื่อเห็นว่าหล่อนจิบมันจนพร่องไปนานแล้ว

“แค่ไวน์ขวดเดียวเอง ดีกรีก็ไม่เท่าไหร่ คุณจะกลัวอะไร”

“ฉันไม่ได้กลัวการดื่มไวน์แน่ๆค่ะ”

“ถ้างั้นคุณกลัวอะไรล่ะ ผมงั้นหรือ”

อิศนะชี้นิ้วมาที่ตัวเองก่อนจะหัวเราะอย่างเห็นขำ วรดาเม้มริมฝีปากบางปากไม่ชอบความร่าเริงเกินกว่าเหตุของอีกฝ่ายเอาเสียเลยในเวลานี้

“โธ่...คุณ ถ้าผมไว้ใจไม่ได้ ภานุไม่ขอให้ผมมาส่งคุณหรอก คุณว่าจริงมั้ย”

วรดานิ่งอึ้ง ก็จริงอย่างที่อิศนะพูด เท่าที่เคยรู้จักกันมา เพื่อนฝูงของภานุทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนดีไว้ใจได้ วรดาไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลยเหมือนว่าหล่อนเป็นคนมองคนในแง่ร้ายเกินไปเสียแล้ว ที่จริงอิศนะอาจไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรเลยก็ได้นอกจากดูจะเจ้าชู้ไปสักหน่อยแค่นั้นเอง

“ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณจริงๆ ก็แค่อยากจะหาเพื่อนดื่มเท่านั้น ไวน์ขวดนี้หมดเมื่อไหร่ คุณกลับห้อง ผมกลับบ้าน จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ผมรับรองขนาดนี้แล้ว ทีนี้คุณสบายใจได้รึยัง”

วรดาถอนหายใจยาวอีกครั้งไม่รู้อะไรดลใจให้หญิงสาวตอบรับข้อเสนอของอิศนะ

“แค่ไวน์ขวดนี้ขวดเดียวเท่านั้นนะคะ ถือว่าฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณ ตอบแทนที่คุณมีน้ำใจกับฉัน ไวน์ขวดนี้หมดเมื่อไหร่ ฉันจะกลับห้องพักทันที คุณจะอยู่ต่อหรือจะกลับบ้าน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วนะคะ”

“โอเค เอาอย่างคุณว่าก็ได้”

เพลงอกหักเศร้าๆถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวจึงหันกลับไปดูนักร้องบนเวทีต่อ อิศนะกวาดตามองไปทั่วทั้งคอฟฟี่ช้อปก็พบว่าแขกเหรื่อเริ่มแน่นขนัด ไม่แปลกใจอะไรเพราะมันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แถมยังเป็นวันเงินเดือนออก ผู้คนต่างเร่งร้อนออกมาใช้เงินหลังจากที่ตรากตรำทำงานกันมาทั้งเดือน

ไวน์รสหวานปนขมหมดไปแล้วหลายแก้วอย่างไม่มีใครรู้สึกตัว
เขาดื่ม... หล่อนก็ดื่ม...
ต่างคนต่างอยู่ในโลกเงียบๆของตนเอง

อิศนะมองดวงหน้าหวานละมุนของคนตรงหน้าอย่างเพลินในอารมณ์ มองหล่อนกี่ครั้งเขาก็ยังนึกชมในใจว่าหล่อนช่างสวยงามไปทุกหยาดหยด อาจจะฤิทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปผสมอยู่ในเส้นเลือดนั่นก็ได้ที่ทำให้เขารู้สึกคึกคักและมองหล่อนสวยเป็นพิเศษ อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมภานุถึงเลือกที่จะทิ้งผู้หญิงสวยขนาดนี้ไปคว้ายายกุ้งแห้งอย่างอิงอร เขาว่าหมอนั่นมันช่างโง่บรรลัย

ไม่หรอก..
ภานุไม่ได้โง่..
ผู้หญิงสวยๆหาเมื่อไหร่ก็หาได้
แต่ผู้หญิงมีเงินอย่างอิงอรนี่สิหาได้ง่ายๆเมื่อไหร่

ภานุก็คงไม่ต่างไปจากผู้ชายบางประเภท ผู้ชายที่เคยแร้นแค้นขัดสนเสียจนอยากจะพาตัวเองตะกายขึ้นมาเป็นหนูตกถังข้าวสารแล้วอิงอรก็โง่ให้เขาหลอก ที่มันน่าเจ็บใจก็ตรงนี้แหละ

อารมณ์กรุ่นๆร้อนๆเกิดขึ้นกับอิศนะจนชายหนุ่มหมดอารมณ์อยากนั่งต่อ มองไปที่วรดาก็เห็นหล่อนกำลังนั่งเท้าคางมองเหม่อไปยังเวทีตรงหน้าเขาจึงชะโงกตัวข้ามโต๊ะไปสะกิดเรียกหล่อน

“ไวน์หมดขวดแล้วคุณ กลับกันดีกว่า”

วรดากระพริบตาถี่ๆมองเห็นภาพตรงหน้าเลือนราง รอบตัวดูเบลอๆโหวงๆแม้แต่พื้นห้องก็ดูโคลงเคลงราวกับกำลังเกิดแผ่นดินไหว หล่อนเห็นอิศนะชะโงกหน้าเข้ามาจนใกล้ เห็นปากเขาขยับพูดอะไรบางอย่างแต่วรดาจับใจความได้ไม่ถนัด

“คุณเมาแล้วละสิ”

อิศนะถามซ้ำเมื่อเห็นหล่อนนั่งเงียบ วรดาพยายามจะสลัดศีรษะไปมารู้สึกได้ถึงอาการโหวงๆเลือนๆของตนเอง หูตาดูเหมือนจะเริ่มลาย หล่อนท่าจะเมาจริงๆอย่างอิศนะว่า

“ไป๊! เดี๋ยวผมพาคุณไปส่งที่ห้องพัก”

อิศนะโบกมือเรียกบริกรมาเช็คบิลก่อนจะขยับเข้าไปรั้งร่างบางของวรดาให้ลุกขึ้นยืน อาการโหวงๆหวิวๆทำให้หญิงสาวซวนเซเข้าพิงอกกว้างทันทีที่ลุกจากเก้าอี้

“ไหวมั้ยคุณ”

อิศนะถามพลางกระชับวงแขนไปรอบเอวบางพาหล่อนออกเดินมาจากคอฟฟี่ช้อป ผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดกลิ่นน้ำหอมฉุนๆชวนเวียนหัว วรดาเอนอิงศีรษะลงกับไหล่กว้าง รู้สึกวิงเวียนจนต้องหลับตาเดินมาตลอดทาง ในความเลือนๆเบลอๆหล่อนรับรู้แต่เพียงว่าอิศนะกำลังพาหล่อนขึ้นลิฟต์ไปที่ไหนสักแห่ง

ที่ไหน...

ห้องพักของหล่อนกระมัง...

ก็เขาพูดเองว่าเขาจะไปส่งหล่อนที่ห้องพัก...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณ คุณKim : ปลาไหลเรียกพ่อไงคะ ฉายาพี่อิศเขา อิอิ


ขอบคุณ คุณปิ่นนลิน : หายหน้าหายตาไปจากเวปเลิฟเป็นปีได้มั้งคะ คือไม่มีนิยายเรื่องใหม่มาลง หนึ่งปีที่หายไปคือไปรีไรท์สารวัตรกวินท์ กับ พ่อหนุ่มไร่ส้มของเรา ลงที่เวปสีส้มเพลินๆไป กำลังไล่เขียนเรื่องที่ค้างอยู่ให้จบค่ะ เดี๋ยวจะลงจ่อคิวพี่อิศ ยังนึกถึงคุณปิ่นนลินอยู่เสมอค่ะ เดี๋ยวคงได้คุยกันนะคะ

ขอบคุณ นักอ่านเงาทุกท่านนะคะ

โอชิน.







โอชิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2560, 07:57:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2560, 07:57:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 910





<< ตอนที่ 3.   ตอนที่ 5. >>
Kim 27 ก.ย. 2560, 12:24:37 น.
นายอิศทำเนียนหนูเต็นระวังตัวนะจ๊ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account