เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
Tags: โรมานซ์
ตอน:
ตอน 4
สายลมพัดคลื่นให้มากระแทกฝั่ง เรือโดยสารเข้าจอดเทียบท่าเรือ ผู้โดยสารทั้งชายหญิงลูกเด็กเล็กแดง ทยอยเดินขึ้นมาบนสะพาน ไม่มีใครสนใจใครนอกจากเพื่อนพ้องพี่น้องที่ไปเที่ยวกันมา ชายสามคนเดินสวนคนอื่นๆเข้าไป ท่าทางนั่นเหมือนนักท่องเที่ยว ที่ต้องการจะลงเรือแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะแยกย้ายกันไปพร้อมตวัดสายตามองทุกคน ว่ามีหน้าตาเหมือนกับคนในรูปถ่ายที่ได้มาหรือไม่ แต่ไม่มีใครเหมือนสักคน
หนึ่งในสามเดินลงไปในเรือ เอารูปถ่ายให้เด็กเรือกับกัปตันดู พร้อมกับถามว่ารู้จักหรือเคยเห็นผู้ชายในรูปบ้างหรือไม่ คำตอบคือไม่ ก็เล่าให้ฟังว่าทำไมต้องตามหา และย้ำให้คิดดีๆ ถ้าจำได้ หรือมีเบาะแสจะมีรางวัลให้ แต่คำตอบก็เหมือนเดิม...ไม่เห็น
มันเดินกลับขึ้นมา สบตากับอีกสองคน แล้วพยักหน้าให้ไปหาที่ท่าเรื่ออื่นต่อ ลับหลังพวกมันก็มีชายอีกคนเดินลงไปในเรือ แล้วถามกัปตันกับเด็กเรือว่า “ผู้ชายเมื่อกี้มาถามอะไร”
“หาคนพี่” เด็กเรือตอบ
คิ้วของคนถามเลิกขึ้นเล็กน้อย แล้วหยิบรูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ให้ทั้งสองคน “คนนี้เหรอ”
“ไม่ใช่พี่ คนที่เขาถามหาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง เขาบอกว่าเป็นญาติที่หายตัวไป ให้รางวัลงามด้วยนะพี่ พี่เห็นหรือรู้จักบ้างเปล่า”
“เปล่า แต่แน่ใจนะว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้แถวนี้”
เด็กเรือครุ่นคิด แล้วหันไปมองหน้ากัปตันซึ่งส่ายหน้าว่าไม่ มันก็หันมาบอกคนถามว่า “ไม่ แต่หน้าคุ้นนะพี่ สวยเหมือนดาราเลย”
คนถามไม่พูดอะไรอีก เก็บรูปใส่กระเป๋า แต่ก่อนจะเดินจากมา เอาเงินกับเบอร์โทรให้กับเด็กเรือ พร้อมกับบอกว่า ถ้าเห็นให้โทรบอก จะให้ค่าน้ำลายมากกว่านี้อีกห้าเท่า เด็กเรือตาโต มองตามคนที่เดินจากไปแต่ไม่บอกเหตุผลว่าตามหาทำไม
ชายที่ถามหาหญิงสาวเดินมายืนหน้าอาคารจำหน่ายตั๋ว หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดหมายเลขโทรศัพท์หาใครบางคน รอจนได้ยินเสียงพูดกลับมา ก็พูดกลับไปว่า “ไม่เจอครับนาย คงหลับนิรันดร์อยู่ใต้ท้องทะเล”
“อย่าแน่ใจ จนกว่าจะได้เห็นศพ ฉันต้องการรูปยืนยันไม่ใช่การคาดเดา”
“ครับ”
“เพิ่มคนให้ออกหา แต่อย่าให้เอิกเกริก และอย่าให้ใครรู้ว่าเป็นนางเอกดัง อย่าให้มีข่าวเล็ดรอดออกมาเด็ดขาด”
“ครับ” รับปากแล้วก็วางสาย เดินไปขึ้นรถ ขับไปอีกท่าเรือ
**********
รถตู้สีขาววิ่งมาจอดใต้ร่มไม้ของเรือนไทย ผู้หญิงสามคนที่นั่งอยู่ภายในรถมองออกไปภายนอก กวาดตามองไปรอบบริเวณเหมือนสนใจทุกสิ่งอย่างที่ปลูก ที่สร้างขึ้น ต้นไม้ดอกไม้ประดับ ศาลากลางบึงบัว และคนอีกหลายคนที่กำลังหิ้วข้าวของ อุปกรณ์ต่างๆ ผู้หญิงต่างวัยสองคนที่มีสายสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ดูจะสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหญิงสาว เพราะมันเกี่ยวข้องกับการที่ทำให้เธอต้องมาที่นี่
“ที่ถ่ายละคร”
เสียงของคน ที่ต่อไปนี้จะเปรียบเหมือนเสี้ยวหนึ่งของชีวิต เพราะต้องตามติดดูแลเธอ บอกออกมา ตลอดเส้นทางที่รถวิ่งจากตระกูลธรธารามาถึงที่นี่ ก็พูดถึงงานรวมทั้งอะไรอีกหลายอย่างให้เธอฟังมากมาย ภายในใจรู้สึกเบื่อแสนเบื่อ เพราะพอจะรู้อยู่แล้วว่าการเป็นตัวตายตัวแทนของใครสักคน จะต้องเจออะไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องสาธยายให้ฟังหรือพูดง่ายๆว่าจำจี้จำไช แต่ต้องยิ้มรับ พยักหน้าค่ะ เออออดังคนว่านอนสอนง่าย แต่แทนที่จะจบกลับมาทวนซ้ำออกมาให้ฟังอีกครั้ง
“น้องธาราต้องทำตัวให้ดี พูดให้น้อย ยิ้มให้หวาน ไหว้ให้หมด แม้แต่มดก็ต้องเอ็นดูนะคะ จะได้ใจของทุกคนมาเอง ส่วนเรื่องการแสดง ถ้าเป็นอย่างที่บอกพี่มาว่าเคยผ่านการเล่นละครเวทีจากที่เรียน รับเดินแบบระหว่างที่อยู่ต่างประเทศมาบ้าง พี่ก็หายห่วง แต่แค่บางส่วนนะคะ เพราะแม้จะเป็นละครเหมือนกัน แต่รายละเอียดก็ต่างกันมาก และละครเรื่องนี้ อย่างที่พี่เล่าให้ฟังว่าเป็นเรื่องที่เชือดเฉือนอารมณ์กันอย่างถึงพริกถึงขิง เพราะคุณน้ำเล่นไว้ดี ฝีมือเฉียบขาด เข้าถึงบทบาท จนคนดูอินติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง เรตติ้งพุ่งกระจาย ถ้าจะแสดงให้เหมือนคงยากมาก”
“ไม่ยากหรอกค่ะ”
“คุณน้องแน่ใจ”
“พี่มีมี่คอยดูก็แล้วกัน”
แววตาของมีลักขณาไม่มีความเชื่อเลย เพราะรู้ว่าศาสตร์การแสดงนั้นยากยิ่งนัก และคนที่เธอไม่เคยเห็นฝีมือมาก่อน ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไร ที่สำคัญเพิ่งรู้ว่ามีตัวตนอยู่บนโลกนี้ด้วย นั้นทำใจให้เชื่อได้ยากจริง แต่เมื่อเป็นหนทางสุดท้าย ที่จะถ่วงเวลาเผื่อทุกอย่างให้ดีขึ้น ก็ต้องยอม จึงต้องเอาใจช่วย และถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ก็ค่อยไปแก้ไขกันข้างหน้า
“ถ้าคุณน้องมั่นใจ พี่ก็มั่นใจ ตอนนี้คุณน้องนั่งรออยู่ในรถก่อน พี่จะลงไปดูว่ามีข่าวคุณน้ำเล็ดลอดออกมาบ้างหรือเปล่า จะได้แก้สถานการณ์ได้ถูก ที่สำคัญไม่ว่านิสัยส่วนตัวของคุณน้องจะเป็นสีอะไร ต้องทำให้เป็นสีเทาให้เหมือนกับคุณน้ำราวกับเป็นคนๆเดียวกัน แล้วค่อยๆปรับให้เป็นสีขาว และเมื่อทำได้แล้ว คุณน้องก็จะได้เป็นตัวจริง ไม่ใช่ตัวตายตัวแทนของใครอีกต่อไป”
“ค่ะ”
“ดีมาก จำคำที่พี่บอกแล้วทำอย่างที่พี่สอนให้ดี แล้วพี่จะสร้างอิมเมจใหม่ที่ยอดเยี่ยมให้กับคุณน้อง”
“พี่มีมี่จะทำอะไรคะ”
“คอยดูก็แล้วกันจ๊ะ”
“ค่ะ” ธาราธารรับคำแล้วยิ้มหวานให้ กระทั่งมีมี่ ผู้จัดการแต่เธอเรียกว่าเจ้ากี้เจ้าการ เปิดประตูลงจากรถไป รอยยิ้มหวานก็หายไป ความกังวลที่ซุกซ่อนอยู่ในใจเปิดเผยออกมาทางสีหน้า เอียงหน้าไปมองคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ รับฟังเรื่องทั้งหมดอยู่เงียบๆ ตั้งแต่ยอมทำตามทุกอย่างที่ท่านพูดออก ก็ยังไม่ได้คุยกันเลย “แม่จะเปลี่ยนใจล้มเลิกเรื่องทั้งหมดไหมคะ ยังมีเวลาที่เราจะถอย เพราะยังไม่มีใครเห็นเรา”
“ไม่ แม่เดินหน้ามาแล้ว ไม่ถอยเด็ดขาด อย่ามาอ่อนแอ มาขี้ขลาดให้แม่เห็นธารา” เสียงนางเลอรัศมีบอกความไม่พอใจ เมื่อคิดว่าลูกกำลังล้มกระดาน แผนทั้งหมดที่นางอุตสาห์คิดอุตสาห์ทำมา
“หนูไม่ได้ขี้ขลาด แค่อยากมั่นใจ เพื่อจะได้เดินหน้าต่อไปเท่านั้น”
“งั้นก็มั่นใจ และเดินต่อไปได้เลย แม่ไม่มีวันเปลี่ยนใจ เมื่อเป็นคนเริ่มพาหนูมาถึงจุดนี้ มีแต่เดินหน้าต่อไปเท่านั้น แม่ว่าหนูฉลาดพอที่จะทำทุกอย่างให้เป็นของเรา ส่วนเรื่องยัยเจ้ากี้เจ้าการนั่น ก็เปรียบเป็นขอนไม้ที่เราต้องเกาะไว้ก่อน ถึงฝั่งเมื่อไร แม่จะเข้ามาดูแลเอง”
“ค่ะ แต่แม่มั่นใจแค่ไหนคะ ว่าจะไม่มีใครมองหนูออกว่าเป็นตัวปลอมไม่ใช่ตัวจริง” เธอถามถึงสิ่งที่กังวลอยู่ลึกๆ
“ทุกคนในตระกูลธรธาราการันตีให้แล้ว ว่าแรกที่เห็นหนูนั้น ไม่มีใครจำได้สักคน แล้วหนูจะต้องห่วงหรือกลัวอะไรอีก ถ้าจะห่วงหรือกลัว ก็แค่ตัวเองอย่าไปทำอะไรให้ใครรู้หรือจับได้เด็ดขาดว่าไม่ใช่ยัยน้ำจริงๆ ทำหน้ากล้องให้ดี แล้วหลังกล้องแม่กับยัยมีมี่นั้นจะจัดการให้เอง”
“แล้วแม่คิดเผื่อไว้หรือเปล่าคะ ว่าถ้าพี่น้ำกลับมา ทุกอย่างที่เราทำไว้ก็สูญเปล่า หน้ากล้องที่ดีพี่น้ำก็ได้หน้าไปเต็มๆ ส่วนเราคงต้องถอยไปจนไม่มีที่ยืน”
“ก็อย่าให้มันกลับมาเสียซิ” น้ำเสียงนั้นชวนให้สงสัย จนธาราธารต้องถามออกมา
“แม่หมายความว่ายังไง หรือว่าที่พี่น้ำหายไป แม่...”
“แม่ทำไม คิดว่าแม่เป็นคนทำเหรอ” นางเลอรัศมียิ้มกับความคิดง่ายๆของลูก ยกมือขึ้นลูบแก้มนุ่มแล้วบอกว่า “ไม่ต้องคิดเพราะแม่ไม่รู้อะไรด้วยทั้งนั้น มันหายไปเอง แต่หลังจากนี้ แม่คงต้องทำ”
“แม่จะทำอะไรคะ”
นางเลอรัศมีนิ่งไปกับคำถามของลูก เพราะที่พูดไปนางก็ยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่านางจะไม่ยอมให้โอกาสที่คว้ามาไว้ในกำมือ กลายเป็นการคว้าน้ำเหลวเด็ดขาด “ยังไม่รู้ ยังคิดไม่ออก”
“แล้วแม่มีนายประชาไว้ทำไมคะ”
พูดจบธาราธารก็ปรายตาไปมองมีลักขณาที่กำลังเดินกลับมาที่รถ ยื่นมือไปเปิดประตู ลงไปจากรถเหมือนไม่เห็นสีหน้าที่ตกใจของคนเป็นแม่ ทั้งๆที่เห็นและรู้ว่าสิ่งที่พูดไป สร้างความหวั่นใจให้แม่แค่ไหน เธอแอบยิ้มในใจแต่ยิ้มสดใสให้กับผู้จัดการสาว บอกว่าพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคนแล้ว
นางเลอรัศมีมองตามหลังลูกที่เดินไปพร้อมมีลักขณะ สีหน้าหวั่นวิตกเพราะคิดไม่ถึงว่าลูกจะรู้เรื่องที่นางปิดบังซ่อนเร้นไว้ได้ยังไง และรู้อะไรแค่ไหน แต่จากคำพูด แววตา บอกได้ว่าความลับที่นางปิดไว้ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว
*********
มีลักขณาเดินจูงมือนางเอกตัวปลอมมาหาทุกคนด้วยใจที่หวั่นๆ ว่าใครจะจับได้หรือไม่ แต่ละก้าวนั้นเหมือนเดินอยู่กลางสนามรบ ต้องระมัดระวังไม่ให้เหยียบกับระเบิด เพราะถ้าระเบิดขึ้นมาทุกอย่างก็พัง ก่อนหน้านี้ที่เธอเดินมาดูลาดเลา ไม่มีใครพูดถึง มีแต่ถามถึงที่เห็นเธอแต่ไม่เห็นนางเอกดัง และเมื่อไม่มีใครสงสัยอะไรหรือจับจ้องมองเป็นพิเศษ เธอก็เริ่มเบาใจ และคิดถึงสิ่งที่พูดไว้และทำทันที สร้างอิมเมจใหม่ด้วยการให้นางเอกดังยิ้มพร้อมยกมือไหว้ ตั้งแต่แม่บ้าน ช่างไฟ หรือใครก็ตามที่ผ่านสายตาเข้ามา ก็ไหว้ทุกคนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ทุกคนได้อึ้ง แปลกใจ ยกมือรับไหว้อย่างงงๆ เพราะตั้งแต่ร่วมงานกันมา เป็นที่รู้กันว่านางเอกดังไม่สนใจที่จะสุงสิงจะใคร ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาตอกกลับ ไม่ไว้หน้า ไม่สนใจว่าจะเป็นหัวหอกหรือหัวดำ หรือหัวใครยิ่งใหญ่มาจากไหน เธอก็ใส่ไม่ยั้ง พอเธอเดินผ่านไป ข้างหลังก็ซุบซิบนินทาว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ถึงได้มือไม้อ่อน หรือกินยาผิดซองถึงได้ยิ้มง่ายแบบนี้ แล้วต้องรีบหุบปาก ทำหน้าแทบไม่ถูก เมื่อเธอหันมาพูดหวานๆกับทุกคนว่า
“ฝากตัวด้วยนะคะ และก็ถ้าก่อนหน้านี้ ธา เอ่อน้ำทำอะไรที่ไม่ดี หรือผิดพลาดไปบาง ก็อย่าถือสาและขอโทษ ยกโทษให้น้ำนะคะ”
“จ๊ะ” บางคนก็รับปาก บางคนก็พยักหน้าให้ ด้วยสีหน้าที่ยังงงๆ และฝืนยิ้มให้ฝืดๆ กระทั่งผู้จัดการพานางเอกดังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ก็เดินมาสุมหัวกันอย่างแปลกใจ แต่ไม่มีใครได้ข้อสรุปว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่บางคนก็บอกว่า เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ อาจจะดีได้เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็เหมือนละครที่แสดง พอสั่งคัทปุ๊บก็ร้ายปั๊บ อย่าเพิ่งไว้ใจกันเด็ดขาด ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วมองเข้าไปในห้องแต่งตัวที่ผู้จัดการกับนางเอกดังเดินเข้าไป เพื่อรอแต่งหน้า แต่งตัว
มีลักขณาให้ธาราธารนั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจก ส่วนตัวเองนั่งบนเก้าอี้อีกตัว ตวัดสายตามองไปรอบห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ไม่มีใครสงสัยอะไร นอกจากจะแปลกใจ ที่ธาราธารรับมือกับสถานการณ์ได้ดี รู้จักจุดอ่อนจุดแข็งจนหลายคนหน้าม่าน ป่านนี้คงนินทากันยกใหญ่ แต่เธอไม่สนใจอยู่แล้ว แค่ไม่สงสัยสิ่งที่เธอกลัวอยู่ก็พอ แล้วก็ชมหญิงสาวออกมา
“ทำได้ดีมากจ๊ะ ต่อไปก็ค่อยๆใช้สีขาวไล่สีเทาออกไปให้หมด”
“สีเทา” เธอทวนคำทั้งที่พอจะรู้ความถึงอะไร แต่ยังพูดออกมาเหมือนจะไม่แน่ใจ เพื่อให้อีกฝ่ายยืนยันในคำพูดของตัวเอง “พี่น้ำนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“คุณน้องไม่รู้เหรอคะ”
“ธาราอยู่เมืองนอกค่ะ”
“อุ้ย! พี่ลืมไป” มีลักขณาทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะยิ้มให้แล้วบอกว่า “งั้นคุณน้องก็คอยฟังเอาก็แล้วกันนะคะ จะให้พี่พูดเดี๋ยวจะหาว่าพี่ใส่ความ อีกอย่างสายเลือดเดียวกัน พี่พูดไปมันจะไม่ดี แต่ตอนที่คุณน้องมือไม้อ่อนเมื่อกี้ ทุกคนทำหน้าราวกับเห็นผี แค่นี้ก็เดาออกใช่ไหมคะ”
ธาราธารไม่ตอบ แค่ยิ้มให้นิดๆพร้อมกับคิดว่า ยัยเจ้ากี้เจ้าการนี่ฉลาดสมกับอาชีพที่ต้องใช้ฝีปาก เพราะพูดแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นหลีกเลี่ยงไปได้
ขณะที่คนที่ถามให้คิด ก็คิดถึงตัวเองด้วยว่า ถ้ายอมรับหรือแฉอะไรออกไป เธอก็โง่เต็มที เพราะยังไม่รู้ว่าตัวตายตัวแทนที่อยู่ตรงหน้า จะอยู่ได้นานแค่ไหน ถ้าพูดไม่ดี ตัวจริงกลับมา แล้วรู้เข้า เธอก็จะจบสิ้นอาชีพทำกินทันที ต้องพูดกลางๆหรือไม่ก็ดูนิสัยใจคอกันไปก่อน ค่อยพูดทีหลังก็ยังไม่สาย และก็เตือนว่า
“จากนี้ไปถ้าคุณน้องได้ยินอะไรมา ก็ทำใจให้เหมือนหิน หนักแน่น ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเป็นดีที่สุด ใครพูดอะไรมาพอใจหรือไม่พอใจก็ยิ้มรับไว้ เพราะอยู่วงการมายาก็ต้องใช้มารยาหลายเล่มมาใช้ ถึงจะอยู่รอด คราวนี้ก็มาพูดถึงเรื่องงาน คุณน้องอย่าลืมว่าตอนนี้คุณน้องเป็นคุณน้ำ จดจำไว้ให้ดี เดี๋ยวพี่จะไปเป็นไกด์ให้ พี่เรียกใครชื่ออะไร ก็เรียกตามแล้วกัน และถ้าจำไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดชื่อออกมา ยิ้ม ไหว้ ค่ะๆขาๆ ไปก่อน เข้าใจตามนี้นะ”
“ค่ะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ธาราคิดจะเปลี่ยน” สิ้นเสียงบอก ผู้จัดการสาวก็ทำหน้าสงสัยทันที และได้คำตอบว่า “ธาราจะแทนชื่อเรียกแทนตัวเองว่าธารา ไม่ใช่...น้ำ” เสียงตอนท้ายเน้นย้ำ แต่มีคำสั่งห้ามออกมาทันที
“ไม่ได้”
“ทำไมคะ” เธอถามทันทีเช่นกัน “ออกจะเก๋ มีระดับ และก็เพราะมากด้วย ไม่ใช่สั้นๆ ให้คนเติมสร้อยมีความหมายแย่ๆ”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวจะมีคนสงสัย ว่าทำไม่ถึงเปลี่ยนมาใช้ธารา ทั้งๆที่ใช้ชื่อน้ำมาแสนนาน”
“ใครจะสงสัยคะ เมื่อความจริงแล้ว ชื่อของพี่น้ำกับชื่อของธารานั่นไม่ได้ต่างกันเลย ธาราธารกับธารธารา”
*************
ดวงตาของหญิงสาวที่ปิดสนิทกะพริบขึ้นมา ค่อยๆปรับให้ชินกับความสลัวของห้องที่นอนอยู่ พร้อมกับความทรงจำที่กลับมาว่าตัวเองทำอะไรอยู่ที่ไหน ‘บนเรือ’ นั่นคือคำตอบ และหลังจากวิวาทะกับเจ้าของเรือที่จับเธอโยนลงทะเล ก็เดินลงมาล้างน้ำเค็มออกจากตัว หยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่มาใส่แทนชุดเก่าที่เปียก ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง คิดถึงเรื่องตัวเองได้ไม่นานก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ลมหายใจถูกถอดถอนออกมายาวๆ แล้วยกยกตัวขึ้นนั่ง ยื่นมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ดูนาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายๆ ก็รู้ว่าเธอหลับไปนานพอสมควร ตวัดสายตามองไปทั่วห้องแคบๆ ที่มีชั้นวางเสื้อผ้าไม่กี่ตัวกับเตียงนอนที่นั่งอยู่ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกความเป็นมาของเจ้าของเรือกับผู้ชายอีกสองคนเลย
‘พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาลอยเรืออยู่ในทะเลจนพบเธอได้ยังไง’
เธอตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วปัดความคิดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะสนใจ คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกละอาย ที่คิดเหมือนเนรคุณคนที่ช่วยชีวิตไว้ ตัวเธอเองพ้นจากเรือนี้ไปก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร จะยังมีชีวิตยืนยาวอยู่ได้แค่ไหน ที่ทำได้ตอนนี้คือขอบคุณด้วยหัวใจและจะจดจำไว้ไม่ลืม และถ้ามีโอกาสก็คงจะขอบคุณพวกเขาให้ดีกว่าที่พูดไว้ แล้วลุกจากเตียง เดินออกไปจากห้อง
เมื่อรอดมาแล้วเธอก็ควรจะพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าขึ้นฝั่งไปแล้วจะต้องเจอกับอะไรบ้าง การที่เธอหายมาอย่างนี้ งานทุกอย่างก็ต้องชะงัก คนหลายคนก็ต้องเดือดร้อน ความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย ที่สำคัญเธอไม่ต้องการติดต่อกลับไปที่ใคร เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ ใครเป็นคนทำ! คนใกล้หรือคนไกล! แต่ไม่ว่าจะเป็นคนไหน! คนๆนั้นต้องรู้จักเธอดีแน่ๆ ถึงได้บุกประชิดตัวเธอถึงคอนโด
ร่างอรชรเดินขึ้นมาชั้นบนของเรือ เดินไปที่หัวเรือ นั่งมองท้องฟ้าที่เป็นฟ้าสดใสสะท้อนกับพื้นน้ำสุดสวย แสงแดดอุ่นเมื่อดวงอาทิตย์ถูกเมฆเคลื่อนมาบดบัง สายลมพัดแผ่วพลิ้วผ่านตัวให้สบาย อากาศดี บรรยากาศที่นานๆทีจะได้เจอ เธอจึงหลับตาซึมซับไว้ สูดอากาศเข้าไปสุดปอดแล้วปล่อยออกมา
“สดชื่นไหมครับ”
เสียงพูดที่ดังขึ้นทำให้ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ลืมขึ้นมา หันไปมองหน้าคนพูด ชักสีหน้าให้เห็นว่าไม่พอใจ แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นก็วางหน้านิ่งเฉย เมื่อเห็นว่าคนพูดคือหมอไม่ใช่คนที่ชังหน้ากันอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะคุยด้วย อยากนั่งมองนั่งคิดทุกอย่างเงียบๆคนเดียวมากกว่า
หมอปลาเห็นสีหน้าของเธอ ก็ไม่ถือสาแต่ชื่นชมความตรงๆของเธอ ที่รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาอย่างนั้น ซึ่งดีกว่าพวกหน้าอย่างใจอย่าง และนับถือจิตใจของเธอที่เข้มแข็ง เจอเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตแต่ไม่โวยวาย แม้ตอนแรกจะช็อก แต่สุดท้ายก็มีสติที่จะยอมรับมัน ฉะนั้นแทนที่จะถอยหลัง หมอกลับนั่งลงเพราะอยากรู้เรื่องราวของเธอ ผู้หญิงคนหนึ่งถูกจับมาโยนทิ้งทะเล น่าสนใจว่ามีความเป็นมายังไงกันแน่
“หมอขอถามเรื่องฆาตกรรมได้ไหมครับ”
หญิงสาวเอียงหน้ามามอง สายตาเธอไม่บ่งบอกความรู้สึกรำคาญ ให้หมอรู้สึกไม่ดี แล้วบอกว่า “หมอถามคนไข้ที่รักษา ทุกคนแบบนี้หรือเปล่า”
“ส่วนมากครับ เพราะมันมีประโยชน์กับการรักษา”
“แต่ฉันหายแล้ว ไม่มีแผลใดๆให้หมอรักษาอีก”
“แต่หมอว่าหมอยังไม่ได้รักษาต่างหาก” จบคำตอบหมอก็เห็นความสงสัยบนสีหน้าหญิงสาว จึงอธิบายว่า “แผลที่กายเป็นแผลภายนอก มันง่ายที่จะรักษา แต่แผลที่ใจเป็นแผลภายใน ถ้าเก็บไว้มันจะเป็นเชื้อร้ายเรื้อรังให้รักษายาก หมอจึงอยากให้พูดหรือระบายออกมาบ้าง จะได้หาทางรักษาให้ถูก หรือถ้ารักษาไม่ได้ ก็ดีกว่าเก็บ กด ไว้ทำร้ายตัวเอง”
หญิงสาวนิ่งไปกับคำพูดของหมอ ที่นำจิตวิทยามาใช้ น้ำเสียงนุ่มนวลชี้ชวนให้เห็นจริง มากกว่าจะบังคับเหมือน... เธอเม้มริมฝีปากเพราะไม่ชอบใจที่ตัวเองไปคิดถึงคนที่ชังหน้ากันอยู่ แต่จะให้เธอเล่าทุกอย่างออกมา ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่การได้คุยก็อาจจะทำให้เธอได้รู้ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหนเหมือนกัน
“หมอชื่ออะไรคะ”
“พิษณุครับหรือจะเรียกว่าหมอปลาก็ได้”
“น้ำค่ะ ธารธารา”
“เพราะมากครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่เรื่องที่หมอถาม ฉันตอบอะไรไม่ได้เลย เพราะฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่พูดออกไป ฉันก็คิดได้แค่นั้นจริงๆ”
“แล้วทำไมถึงคิดอย่างนั้น หรือว่ามีศัตรู”
“หมอไม่คุ้นหน้าฉันเลยเหรอคะ”
เธอถามไปอีกอย่าง คิ้วเข้มของหมอจึงเลิกสูงด้วยความแปลกใจ พร้อมกับพิจารณาใบหน้าของเธอ ก่อนหน้านี้พอช่วยเธอขึ้นมาได้ ก็พะวงอยู่กับการรักษาให้เธอรอดปลอดภัย แต่ตอนนี้เมื่อได้พิจารณาอย่างจริงจัง ความรู้สึกเหมือนเคยเห็นหรือคลับคล้ายคลับคลากับใครสักคนก็ผุดขึ้นมา แต่... สีหน้าของหมอออกจะตกใจเมื่อนึกออก แรกที่เห็นหน้าก็คลับคลายคลับคลา แต่คิดว่าไม่ใช่แน่นอน แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น แต่ตอนนี้ เมื่อเธอพูดแบบนี้เขาก็ไม่อยากเชื่อ ที่สำคัญมันจะเป็นไปได้ยังไง! ที่นางเอกเด่นดังแห่งยุค จะโดนฆาตกรรม มาโยนลงทะเลแบบนี้
“หวังว่าหมอจะมีจรรยาบรรณพอ ที่จะเก็บข้อมูลของคนไข้ไว้เป็นความลับนะคะ” เธอบอกเมื่อเดาได้จากสีหน้าของหมอที่รู้แล้วว่า เธอเป็นใคร “แต่ฉันก็อยากจะรู้บางอย่างเหมือนกัน หวังว่าหมอจะไม่ปิดบัง”
“ครับ ถามมาได้เลย ถ้าตอบได้หมอยินดี”
“กัปตันของหมอที่ฉันชั่งน้ำหน้า เขาเป็นใครคะ”
หมอยิ้มขำเล็กน้อย แล้วก็บอกว่า “กัปตันมีชื่อเต็มๆว่า เมธิส แอ็คส์แน็ค หรือจะเรียกง่ายๆว่ากัปตันธอร์ เป็นเทวดาคนสำคัญของมาดาโรส แห่งแอ็คส์แน็ค”
********
“เพี้ยะ”
ใบหน้าของหญิงสาว สวย นัยน์ตาเศร้า หันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือ ก่อนจะหันกลับมาจากการจิกกระชากเส้นผม หยาดน้ำตาไหลออกมาจากหางตา ขณะที่นวลแก้มก็ค่อยๆมีริ้วรอยสีแดงปรากฏขึ้นมา ความเจ็บปวดรวดร้าวบนใบหน้านั้นสุดจะประมาณ ขณะที่ดวงตาหลังม่านน้ำตาเต็มไปด้วยการขอร้องอ้อนวอน แค่นั้นยังไม่พอสองมือก็ยกขึ้นพนมจำนนต่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“พี่ไม่ได้นัดกับคุณนพจริงๆนะ คุณอร” เสียงอันสั่นเครือบอกออกมา
“ไม่นัด” เสียงกร้าวดัง นัยน์ตาแข็งกระด้าง สีหน้าแววตาขึงตึง แสดงความโกรธขึงซึ่งน่ากลัวออกมา “ไม่ได้นัด แล้วที่อรเห็นพี่ยืนอยู่กับเขาเต็มสองตานั่นคืออะไร เงาของพี่เหรอ”
“พี่ พี่”
“ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอคะ ที่อรรู้ทัน” น้ำเสียงเหยียดหยันและสุดจะคับแค้น กระตุกเส้นผมที่จับอยู่จนหน้าหงาย “อย่าหวังว่าจะได้เป็น ได้เสนอหน้าไปเคียงคู่เขา เพราะสำหรับพี่แล้วแม้แต่เงาของอร พี่ก็ไม่มีทางที่จะได้เป็น จำไว้” พูดจบก็ผลักร่างนั้น จนล้มลงไปกองกับพื้น แล้วจะหมุนตัวเดินจากไป แต่เหมือนยังไม่สาสมใจ ยังข่มขู่ออกมาอีกว่า “ถ้าอรเห็นพี่ไปออเซาะกับพี่นพอีกครั้งนะ อรจะเหยียบพี่ให้จบตีนเลย”
“คัท”
สิ้นเสียงนี้ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้คือการแสดง ของกองถ่ายทำละครสองเสน่หา บรรยากาศที่เครียดๆหายไปทันที ที่การแสดงสิ้นสุด หญิงสาวที่ใบหน้ามีแต่ความคับแค้นแน่นไปทั้งใจ ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ สลัดความแข็งกร้าวออกไป เปลี่ยนมายิ้มแย้ม รับเสียงปรบมือที่ดังขึ้นจากหลายคนที่ได้ดูการแสดงของเธอ แล้วยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชม ซึ่งยังรู้สึกแปลกๆกับการนอบน้อมของหญิงสาว พอเธอเดินไปหาผู้กำกับที่กวักมือเรียก ก็ซุบซิบนินทากันทันที
“ไม่ล้มหัวฟาดพื้น ก็ต้องกินยาผิดมาแน่ๆ”
“ใช่ ปรกติพอคัทปุ๊บก็หน้าเหวี่ยงเดินฉับๆไม่สนใจใครไปทันที ไอ้ที่จะยกมือไหว้ ยิ้มให้ อ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้นะ ไม่เคยเห็น”
“หรือจะมีคู่แฝดเหมือนในละคร มาแสดงแทน”
“บ้า นางเป็นลูกคนเดียว ไม่มีมีน้องที่ไหน แต่นางเป็นแบบนี้ก็ดี ฉันชอบ เปิดใจให้นางหน่อย บางทีนางอาจจะกลับตัวกลับใจได้แล้ว ก็เป็นไปได้”
“ถ้านางกลับตัวได้จริง พวกเราก็ยินดี แต่กลัวจะท่าดีทีเหลวมากกว่า”
ทุกคนยังเชื่อไม่สนิทใจ และปรายตามองพร้อมกับซุบซิบกันต่อ มีลักขณาที่แสร้งเดินเฉียดมาหยิบของ แต่จริงเพื่อแอบฟังว่าทุกคนจะพูดถึงนางเอกดังว่ายังไง เมื่อไม่มีใครสงสัย มีเพียงคำนินทากาเลเหมือนเทน้ำทิ้ง เธอก็โล่งใจ ก่อนหน้านี้ในห้องแต่งตัว เธอก็หวั่นจนหัวใจจะหยุดเต้นไปหลายรอบ ว่าช่างแต่งหน้า แต่งตัวจะสงสัยหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหมือนกัน ส่วนเรื่องนิสัยนั้นเธอไม่หนักใจ เพราะใครๆก็เปลี่ยนกันได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนไปในทางที่ดี จะยิ่งทำให้ทุกอย่างดีขึ้นๆไปอีก ที่สำคัญการแสดงของเธอในวันนี้ สุดยอด ไม่ต่างจากตัวจริงที่หายไปเลย
ธาราธารเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผู้กำกับ เสมือนว่าไม่เห็นสายตาที่เคลือบแคลงของใครหลายๆคน และคำพูดที่แม้จะไม่ได้ยินแต่ก็รู้ว่านินทาเธอแน่นอน ก็ยังยิ้มหวาน ทั้งๆที่เหยียดหยันพวกปากดีอยู่ในใจ
“เยี่ยมมากน้ำ” นันทวิชญ์ ผู้กำกับมือทอง วัยห้าสิบ เอ่ยชมออกมา “คุณขยี้บทได้สุดยอดมาก พี่ไม่รู้จะชมหรือพูดยังไงแล้วจริงๆ นอกจากคำว่า...ขั้นเทพ”
“ขอบคุณค่ะ ธา เอ่อน้ำว่าพี่นันท์ชมเกินไปแล้ว” เธอยั้งชื่อตัวเองไว้ ก่อนจะหยุดออกไปด้วยความเคยชิน และโชคดีที่ผู้กำกับดังไม่ติดใจสงสัย
“พี่ชมจากใจเลย พูดจริงๆ”
“แต่ถ้าไม่ได้พี่คอยกำกับ และทุกคนส่งอารมณ์ให้ น้ำอาจจะเล่นไม่ดีขนาดนี้ก็ได้ ต้องขอบคุณพี่อีกครั้งและทุกคนที่ช่วยกันด้วย” เธอถ่อมตัวออกมาให้ผู้กำกับดังแปลกใจ เพราะตั้งแต่ได้ร่วมงานกันมา ทุกครั้งที่ชม จะมีแค่คำว่าขอบคุณเท่านั้น ไม่เคยพูดยาวไปกว่าคำนี้เลย
“ไม่เป็นไร แต่คืนนี้พี่จะขอคิวน้ำเพิ่มเพราะปรับบทเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมา”
“ได้ค่ะ”
“ขอบใจมาก พี่จะเร่งถ่ายให้เสร็จอย่างที่บอก น้ำไปเตรียมตัวเข้าฉากต่อไปเถอะ และก็หาเวลาพักบ้างเพราะคืนนี้เราต้องถ่ายกันดึก”
“ค่ะ พี่ก็พักบ้างเหมือนกันนะคะ เพราะถ้ามีนักแสดง แต่ไม่มีผู้กำกับ ละครเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน” พูดจบก็ยิ้มหวาน ยกมือไหว้ แล้วเดินจากไป ไม่อยากคุยนาน จะทำให้เขาผิดสังเกตแล้วจับผิดเธอ จนนำไปสู่สิ่งที่เธอปิดบังอยู่...ตัวตายตัวแทน
ผู้กำกับดังมองตาม เพราะความเปลี่ยนไปของเธอ ที่ช่างต่างจากเมื่อก่อนที่เห็นและได้ยินเสียงเล่าลือเล่าอ้างมา ว่าเรื่องงานนั้นเธอแป๊ะ ปังทุกชิ้นที่จับ แต่ความเหวี่ยงเย่อหยิ่งก็ไม่มีใครเกิน เมื่อกี้ที่เขาบอก ก็แอบหวั่นอยู่เหมือนกัน โชคดีที่ไม่เจอ จะว่าไปตั้งแต่รวมงานกันมา ก็ไม่เคยมีปัญหา ความรับผิดชอบดีเยี่ยม หรือที่ได้ยินมานั้นจะไม่จริง บทละครที่ต้องแสดงเป็นคู่แฝด ที่แตกต่างกัน คนหนึ่งแสนดีน่าสงสาร อีกคนแสนร้ายน่ากลัว ก็เข้าถึงบทบาทจนโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ยิ่งฝีมือวันนี้ที่เขาได้เห็น ก็การันตีได้ว่า เธอคงจะโด่งดังไปอีกนาน
เขาเลิกคิดถึงเรื่องนี้ เมื่องานออกมาดีเยี่ยมก็ดีแล้ว แล้วสั่งทีมงานให้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพื่อฉากต่อไปที่จะถ่ายทำ
**********
สายตาหลายคู่ยังคอยมองนางเอกดัง ว่าเปลือกนอกที่เห็นจะเป็นนิสัยที่เปลี่ยนไปจริงๆหรือแค่หลอกกัน เธอก็ยิ้มเหมือนให้ความเป็นกันเองกับทุกสายตาที่มองมา ขณะเดินไปหาผู้จัดการสาว หลายคนเห็นเธอยิ้มให้ก็ยิ้มตอบ โดยไม่มีใครรู้ว่ายิ้มของเธอไม่ได้ลึกลงไปถึงจิตใจ ที่ซ่อนอยู่ภายในตัว จึงไม่มีใครเห็นว่าแท้จริงแล้วใจเธอนั่นกำลังเหยียดเยาะทุกคนอยู่
“คุณน้อง ยอดเยี่ยมมากค่ะ” ทันทีที่เธอเดินมาถึงผู้จัดการสาว ก็เอ่ยชมออกมาพร้อมกับยกหัวแม่มือให้ “พี่นะโล่งไปทั้งใจที่ไม่มีใครสงสัยอะไรเลย ต่อไปงานทุกอย่างก็คงฉลุย ไม่เสียทีที่มีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนกับคุณน้ำ การแสดงเลยเยี่ยมยอดไม่ต่างกัน”
แววตาของธาราธารวาวขึ้นเพราะไม่ชอบที่ถูกเปรียบ แต่เพียงแวบเดียวก็เลือนหาย กลายมาเป็นยินดีที่ได้รับคำชมและเอาใจอีกฝ่ายด้วยการชมกลับไปว่า “ก็พี่มี่ทั้งอธิบายทั้งต่อบทย้ำแล้วย้ำอีก ให้ธาราเข้าใจตัวละครตัวนี้นี่ค่ะ การแสดงก็เลยออกมาดี ธาราขอบคุณพี่มี่มากๆเลยนะคะ ถ้าไม่มีพี่มี่ ธาราแย่แน่ๆ”
“อุ้ย ปากหวาน ชมพี่ด้วย ไม่เหมือน...” มีลักขณาเกือบหลุดปากออกมาว่า ‘น้องน้ำ’ ที่เย่อหยิ่งไม่เคยชมออกมาเลย ดีที่ยั้งปากไว้ทัน และกลบเกลื่อนว่า “พี่ก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น แต่คุณน้องน่ารักอย่างนี้ พี่จะดูแล สนับสนุน ดันให้คุณน้องเกิดๆเกิดขึ้นไปอีกค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ธาราธารตามน้ำ ทั้งๆที่รู้ว่าคำพูดที่ค้างไว้เหมือนกี้นั่นหมายถึงใคร “พี่มี่ดูแลธาราดีอย่างนี้ ธาราก็จะดูแลพี่มี่ให้ดีเช่นกัน”
“แน่ใจนะคะ” เสียงถามขณะสายตามีเลศนัยบางอย่าง อีกฝ่ายก็รู้ว่าต้องการอะไร จึงเปิดโอกาสให้เพื่อแลกกับบางสิ่งที่ต้องการเช่นกัน
“ค่ะ อะไรที่ธาราได้มา ครึ่งหนึ่งจะเป็นของพี่ค่ะ”
“อะไรที่ นี่หมายถึง” ว่าแล้วก็ทำหรุบตามองกระเป๋าสะพายของตัวเอง หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาสื่อความหมาย แล้วหัวใจก็พองโต หน้าบานเมื่อตัวตายตัวแทนของนางเอกดังรับคำออกมาว่า ...
“ค่ะ”
มีลักขณาตาโตเพราะคาดไม่ถึงว่าอ้อยจะเข้าปากช้างได้ง่ายขนาดนี้ สีหน้าชื่นมื่นระรื่นขึ้นมาและรีบตะครุบไว้ทันที ยัดกระเป๋าตังค์ไว้ในกระเป๋าสะพายเรียบร้อยแล้วก็บอกว่า “งั้นไปค่ะ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าดูผม รอเข้าฉากต่อไป ส่วนพี่ก็จะหางานให้ คัดที่ดี ที่เด่นให้คุณน้อง อะไรที่เป็นการกุศล เงินน้อยของคนเก่า พี่จะเขี่ยออกให้หมด”
ธาราธารยิ้มหวานขณะที่แววตาสาสมใจ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะต้องเป็นตัวตายตัวแทนอีกนานแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอก็ต้องรีบกอบโกย แสดงฝีไม้ลายมือให้ทุกคนเห็น สร้างโปรไฟล์ดีๆไว้ เมื่อถึงเวลาหมดเวลาของเธอ จะได้ผงาดขึ้นมาเป็นตัวจริง ที่ไม่มีใครครหาหรือกังขาในฝีมือ”
“ขอตัวแป๊บหนึ่งนะคะ” ว่าแล้วก็จะขยับตัวจะผละไป มีลักขณาที่กำลังเปิดกระเป๋าสะพายหยิบสมุดงานมาดู รีบถามออกมา
“จะไปไหนคะ”
“หาคุณแม่”
“คุณแม่กลับไปแล้วค่ะ”
ธาราธารนิ่งไปอึดใจ สีหน้าสงสัยแต่เพียงเดี๋ยวเดียวก็รู้ว่าคนเป็นแม่ไปไหน กดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก็เดินไปที่ห้องแต่งตัว โดยมีผู้จัดการสาวหอบหิ้วทุกอย่างตามไปติดๆ
*********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
สายลมพัดคลื่นให้มากระแทกฝั่ง เรือโดยสารเข้าจอดเทียบท่าเรือ ผู้โดยสารทั้งชายหญิงลูกเด็กเล็กแดง ทยอยเดินขึ้นมาบนสะพาน ไม่มีใครสนใจใครนอกจากเพื่อนพ้องพี่น้องที่ไปเที่ยวกันมา ชายสามคนเดินสวนคนอื่นๆเข้าไป ท่าทางนั่นเหมือนนักท่องเที่ยว ที่ต้องการจะลงเรือแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะแยกย้ายกันไปพร้อมตวัดสายตามองทุกคน ว่ามีหน้าตาเหมือนกับคนในรูปถ่ายที่ได้มาหรือไม่ แต่ไม่มีใครเหมือนสักคน
หนึ่งในสามเดินลงไปในเรือ เอารูปถ่ายให้เด็กเรือกับกัปตันดู พร้อมกับถามว่ารู้จักหรือเคยเห็นผู้ชายในรูปบ้างหรือไม่ คำตอบคือไม่ ก็เล่าให้ฟังว่าทำไมต้องตามหา และย้ำให้คิดดีๆ ถ้าจำได้ หรือมีเบาะแสจะมีรางวัลให้ แต่คำตอบก็เหมือนเดิม...ไม่เห็น
มันเดินกลับขึ้นมา สบตากับอีกสองคน แล้วพยักหน้าให้ไปหาที่ท่าเรื่ออื่นต่อ ลับหลังพวกมันก็มีชายอีกคนเดินลงไปในเรือ แล้วถามกัปตันกับเด็กเรือว่า “ผู้ชายเมื่อกี้มาถามอะไร”
“หาคนพี่” เด็กเรือตอบ
คิ้วของคนถามเลิกขึ้นเล็กน้อย แล้วหยิบรูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ให้ทั้งสองคน “คนนี้เหรอ”
“ไม่ใช่พี่ คนที่เขาถามหาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง เขาบอกว่าเป็นญาติที่หายตัวไป ให้รางวัลงามด้วยนะพี่ พี่เห็นหรือรู้จักบ้างเปล่า”
“เปล่า แต่แน่ใจนะว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้แถวนี้”
เด็กเรือครุ่นคิด แล้วหันไปมองหน้ากัปตันซึ่งส่ายหน้าว่าไม่ มันก็หันมาบอกคนถามว่า “ไม่ แต่หน้าคุ้นนะพี่ สวยเหมือนดาราเลย”
คนถามไม่พูดอะไรอีก เก็บรูปใส่กระเป๋า แต่ก่อนจะเดินจากมา เอาเงินกับเบอร์โทรให้กับเด็กเรือ พร้อมกับบอกว่า ถ้าเห็นให้โทรบอก จะให้ค่าน้ำลายมากกว่านี้อีกห้าเท่า เด็กเรือตาโต มองตามคนที่เดินจากไปแต่ไม่บอกเหตุผลว่าตามหาทำไม
ชายที่ถามหาหญิงสาวเดินมายืนหน้าอาคารจำหน่ายตั๋ว หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดหมายเลขโทรศัพท์หาใครบางคน รอจนได้ยินเสียงพูดกลับมา ก็พูดกลับไปว่า “ไม่เจอครับนาย คงหลับนิรันดร์อยู่ใต้ท้องทะเล”
“อย่าแน่ใจ จนกว่าจะได้เห็นศพ ฉันต้องการรูปยืนยันไม่ใช่การคาดเดา”
“ครับ”
“เพิ่มคนให้ออกหา แต่อย่าให้เอิกเกริก และอย่าให้ใครรู้ว่าเป็นนางเอกดัง อย่าให้มีข่าวเล็ดรอดออกมาเด็ดขาด”
“ครับ” รับปากแล้วก็วางสาย เดินไปขึ้นรถ ขับไปอีกท่าเรือ
**********
รถตู้สีขาววิ่งมาจอดใต้ร่มไม้ของเรือนไทย ผู้หญิงสามคนที่นั่งอยู่ภายในรถมองออกไปภายนอก กวาดตามองไปรอบบริเวณเหมือนสนใจทุกสิ่งอย่างที่ปลูก ที่สร้างขึ้น ต้นไม้ดอกไม้ประดับ ศาลากลางบึงบัว และคนอีกหลายคนที่กำลังหิ้วข้าวของ อุปกรณ์ต่างๆ ผู้หญิงต่างวัยสองคนที่มีสายสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ดูจะสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหญิงสาว เพราะมันเกี่ยวข้องกับการที่ทำให้เธอต้องมาที่นี่
“ที่ถ่ายละคร”
เสียงของคน ที่ต่อไปนี้จะเปรียบเหมือนเสี้ยวหนึ่งของชีวิต เพราะต้องตามติดดูแลเธอ บอกออกมา ตลอดเส้นทางที่รถวิ่งจากตระกูลธรธารามาถึงที่นี่ ก็พูดถึงงานรวมทั้งอะไรอีกหลายอย่างให้เธอฟังมากมาย ภายในใจรู้สึกเบื่อแสนเบื่อ เพราะพอจะรู้อยู่แล้วว่าการเป็นตัวตายตัวแทนของใครสักคน จะต้องเจออะไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องสาธยายให้ฟังหรือพูดง่ายๆว่าจำจี้จำไช แต่ต้องยิ้มรับ พยักหน้าค่ะ เออออดังคนว่านอนสอนง่าย แต่แทนที่จะจบกลับมาทวนซ้ำออกมาให้ฟังอีกครั้ง
“น้องธาราต้องทำตัวให้ดี พูดให้น้อย ยิ้มให้หวาน ไหว้ให้หมด แม้แต่มดก็ต้องเอ็นดูนะคะ จะได้ใจของทุกคนมาเอง ส่วนเรื่องการแสดง ถ้าเป็นอย่างที่บอกพี่มาว่าเคยผ่านการเล่นละครเวทีจากที่เรียน รับเดินแบบระหว่างที่อยู่ต่างประเทศมาบ้าง พี่ก็หายห่วง แต่แค่บางส่วนนะคะ เพราะแม้จะเป็นละครเหมือนกัน แต่รายละเอียดก็ต่างกันมาก และละครเรื่องนี้ อย่างที่พี่เล่าให้ฟังว่าเป็นเรื่องที่เชือดเฉือนอารมณ์กันอย่างถึงพริกถึงขิง เพราะคุณน้ำเล่นไว้ดี ฝีมือเฉียบขาด เข้าถึงบทบาท จนคนดูอินติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง เรตติ้งพุ่งกระจาย ถ้าจะแสดงให้เหมือนคงยากมาก”
“ไม่ยากหรอกค่ะ”
“คุณน้องแน่ใจ”
“พี่มีมี่คอยดูก็แล้วกัน”
แววตาของมีลักขณาไม่มีความเชื่อเลย เพราะรู้ว่าศาสตร์การแสดงนั้นยากยิ่งนัก และคนที่เธอไม่เคยเห็นฝีมือมาก่อน ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไร ที่สำคัญเพิ่งรู้ว่ามีตัวตนอยู่บนโลกนี้ด้วย นั้นทำใจให้เชื่อได้ยากจริง แต่เมื่อเป็นหนทางสุดท้าย ที่จะถ่วงเวลาเผื่อทุกอย่างให้ดีขึ้น ก็ต้องยอม จึงต้องเอาใจช่วย และถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ก็ค่อยไปแก้ไขกันข้างหน้า
“ถ้าคุณน้องมั่นใจ พี่ก็มั่นใจ ตอนนี้คุณน้องนั่งรออยู่ในรถก่อน พี่จะลงไปดูว่ามีข่าวคุณน้ำเล็ดลอดออกมาบ้างหรือเปล่า จะได้แก้สถานการณ์ได้ถูก ที่สำคัญไม่ว่านิสัยส่วนตัวของคุณน้องจะเป็นสีอะไร ต้องทำให้เป็นสีเทาให้เหมือนกับคุณน้ำราวกับเป็นคนๆเดียวกัน แล้วค่อยๆปรับให้เป็นสีขาว และเมื่อทำได้แล้ว คุณน้องก็จะได้เป็นตัวจริง ไม่ใช่ตัวตายตัวแทนของใครอีกต่อไป”
“ค่ะ”
“ดีมาก จำคำที่พี่บอกแล้วทำอย่างที่พี่สอนให้ดี แล้วพี่จะสร้างอิมเมจใหม่ที่ยอดเยี่ยมให้กับคุณน้อง”
“พี่มีมี่จะทำอะไรคะ”
“คอยดูก็แล้วกันจ๊ะ”
“ค่ะ” ธาราธารรับคำแล้วยิ้มหวานให้ กระทั่งมีมี่ ผู้จัดการแต่เธอเรียกว่าเจ้ากี้เจ้าการ เปิดประตูลงจากรถไป รอยยิ้มหวานก็หายไป ความกังวลที่ซุกซ่อนอยู่ในใจเปิดเผยออกมาทางสีหน้า เอียงหน้าไปมองคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ รับฟังเรื่องทั้งหมดอยู่เงียบๆ ตั้งแต่ยอมทำตามทุกอย่างที่ท่านพูดออก ก็ยังไม่ได้คุยกันเลย “แม่จะเปลี่ยนใจล้มเลิกเรื่องทั้งหมดไหมคะ ยังมีเวลาที่เราจะถอย เพราะยังไม่มีใครเห็นเรา”
“ไม่ แม่เดินหน้ามาแล้ว ไม่ถอยเด็ดขาด อย่ามาอ่อนแอ มาขี้ขลาดให้แม่เห็นธารา” เสียงนางเลอรัศมีบอกความไม่พอใจ เมื่อคิดว่าลูกกำลังล้มกระดาน แผนทั้งหมดที่นางอุตสาห์คิดอุตสาห์ทำมา
“หนูไม่ได้ขี้ขลาด แค่อยากมั่นใจ เพื่อจะได้เดินหน้าต่อไปเท่านั้น”
“งั้นก็มั่นใจ และเดินต่อไปได้เลย แม่ไม่มีวันเปลี่ยนใจ เมื่อเป็นคนเริ่มพาหนูมาถึงจุดนี้ มีแต่เดินหน้าต่อไปเท่านั้น แม่ว่าหนูฉลาดพอที่จะทำทุกอย่างให้เป็นของเรา ส่วนเรื่องยัยเจ้ากี้เจ้าการนั่น ก็เปรียบเป็นขอนไม้ที่เราต้องเกาะไว้ก่อน ถึงฝั่งเมื่อไร แม่จะเข้ามาดูแลเอง”
“ค่ะ แต่แม่มั่นใจแค่ไหนคะ ว่าจะไม่มีใครมองหนูออกว่าเป็นตัวปลอมไม่ใช่ตัวจริง” เธอถามถึงสิ่งที่กังวลอยู่ลึกๆ
“ทุกคนในตระกูลธรธาราการันตีให้แล้ว ว่าแรกที่เห็นหนูนั้น ไม่มีใครจำได้สักคน แล้วหนูจะต้องห่วงหรือกลัวอะไรอีก ถ้าจะห่วงหรือกลัว ก็แค่ตัวเองอย่าไปทำอะไรให้ใครรู้หรือจับได้เด็ดขาดว่าไม่ใช่ยัยน้ำจริงๆ ทำหน้ากล้องให้ดี แล้วหลังกล้องแม่กับยัยมีมี่นั้นจะจัดการให้เอง”
“แล้วแม่คิดเผื่อไว้หรือเปล่าคะ ว่าถ้าพี่น้ำกลับมา ทุกอย่างที่เราทำไว้ก็สูญเปล่า หน้ากล้องที่ดีพี่น้ำก็ได้หน้าไปเต็มๆ ส่วนเราคงต้องถอยไปจนไม่มีที่ยืน”
“ก็อย่าให้มันกลับมาเสียซิ” น้ำเสียงนั้นชวนให้สงสัย จนธาราธารต้องถามออกมา
“แม่หมายความว่ายังไง หรือว่าที่พี่น้ำหายไป แม่...”
“แม่ทำไม คิดว่าแม่เป็นคนทำเหรอ” นางเลอรัศมียิ้มกับความคิดง่ายๆของลูก ยกมือขึ้นลูบแก้มนุ่มแล้วบอกว่า “ไม่ต้องคิดเพราะแม่ไม่รู้อะไรด้วยทั้งนั้น มันหายไปเอง แต่หลังจากนี้ แม่คงต้องทำ”
“แม่จะทำอะไรคะ”
นางเลอรัศมีนิ่งไปกับคำถามของลูก เพราะที่พูดไปนางก็ยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่านางจะไม่ยอมให้โอกาสที่คว้ามาไว้ในกำมือ กลายเป็นการคว้าน้ำเหลวเด็ดขาด “ยังไม่รู้ ยังคิดไม่ออก”
“แล้วแม่มีนายประชาไว้ทำไมคะ”
พูดจบธาราธารก็ปรายตาไปมองมีลักขณาที่กำลังเดินกลับมาที่รถ ยื่นมือไปเปิดประตู ลงไปจากรถเหมือนไม่เห็นสีหน้าที่ตกใจของคนเป็นแม่ ทั้งๆที่เห็นและรู้ว่าสิ่งที่พูดไป สร้างความหวั่นใจให้แม่แค่ไหน เธอแอบยิ้มในใจแต่ยิ้มสดใสให้กับผู้จัดการสาว บอกว่าพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคนแล้ว
นางเลอรัศมีมองตามหลังลูกที่เดินไปพร้อมมีลักขณะ สีหน้าหวั่นวิตกเพราะคิดไม่ถึงว่าลูกจะรู้เรื่องที่นางปิดบังซ่อนเร้นไว้ได้ยังไง และรู้อะไรแค่ไหน แต่จากคำพูด แววตา บอกได้ว่าความลับที่นางปิดไว้ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว
*********
มีลักขณาเดินจูงมือนางเอกตัวปลอมมาหาทุกคนด้วยใจที่หวั่นๆ ว่าใครจะจับได้หรือไม่ แต่ละก้าวนั้นเหมือนเดินอยู่กลางสนามรบ ต้องระมัดระวังไม่ให้เหยียบกับระเบิด เพราะถ้าระเบิดขึ้นมาทุกอย่างก็พัง ก่อนหน้านี้ที่เธอเดินมาดูลาดเลา ไม่มีใครพูดถึง มีแต่ถามถึงที่เห็นเธอแต่ไม่เห็นนางเอกดัง และเมื่อไม่มีใครสงสัยอะไรหรือจับจ้องมองเป็นพิเศษ เธอก็เริ่มเบาใจ และคิดถึงสิ่งที่พูดไว้และทำทันที สร้างอิมเมจใหม่ด้วยการให้นางเอกดังยิ้มพร้อมยกมือไหว้ ตั้งแต่แม่บ้าน ช่างไฟ หรือใครก็ตามที่ผ่านสายตาเข้ามา ก็ไหว้ทุกคนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ทุกคนได้อึ้ง แปลกใจ ยกมือรับไหว้อย่างงงๆ เพราะตั้งแต่ร่วมงานกันมา เป็นที่รู้กันว่านางเอกดังไม่สนใจที่จะสุงสิงจะใคร ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาตอกกลับ ไม่ไว้หน้า ไม่สนใจว่าจะเป็นหัวหอกหรือหัวดำ หรือหัวใครยิ่งใหญ่มาจากไหน เธอก็ใส่ไม่ยั้ง พอเธอเดินผ่านไป ข้างหลังก็ซุบซิบนินทาว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ถึงได้มือไม้อ่อน หรือกินยาผิดซองถึงได้ยิ้มง่ายแบบนี้ แล้วต้องรีบหุบปาก ทำหน้าแทบไม่ถูก เมื่อเธอหันมาพูดหวานๆกับทุกคนว่า
“ฝากตัวด้วยนะคะ และก็ถ้าก่อนหน้านี้ ธา เอ่อน้ำทำอะไรที่ไม่ดี หรือผิดพลาดไปบาง ก็อย่าถือสาและขอโทษ ยกโทษให้น้ำนะคะ”
“จ๊ะ” บางคนก็รับปาก บางคนก็พยักหน้าให้ ด้วยสีหน้าที่ยังงงๆ และฝืนยิ้มให้ฝืดๆ กระทั่งผู้จัดการพานางเอกดังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ก็เดินมาสุมหัวกันอย่างแปลกใจ แต่ไม่มีใครได้ข้อสรุปว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่บางคนก็บอกว่า เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ อาจจะดีได้เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็เหมือนละครที่แสดง พอสั่งคัทปุ๊บก็ร้ายปั๊บ อย่าเพิ่งไว้ใจกันเด็ดขาด ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วมองเข้าไปในห้องแต่งตัวที่ผู้จัดการกับนางเอกดังเดินเข้าไป เพื่อรอแต่งหน้า แต่งตัว
มีลักขณาให้ธาราธารนั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจก ส่วนตัวเองนั่งบนเก้าอี้อีกตัว ตวัดสายตามองไปรอบห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ไม่มีใครสงสัยอะไร นอกจากจะแปลกใจ ที่ธาราธารรับมือกับสถานการณ์ได้ดี รู้จักจุดอ่อนจุดแข็งจนหลายคนหน้าม่าน ป่านนี้คงนินทากันยกใหญ่ แต่เธอไม่สนใจอยู่แล้ว แค่ไม่สงสัยสิ่งที่เธอกลัวอยู่ก็พอ แล้วก็ชมหญิงสาวออกมา
“ทำได้ดีมากจ๊ะ ต่อไปก็ค่อยๆใช้สีขาวไล่สีเทาออกไปให้หมด”
“สีเทา” เธอทวนคำทั้งที่พอจะรู้ความถึงอะไร แต่ยังพูดออกมาเหมือนจะไม่แน่ใจ เพื่อให้อีกฝ่ายยืนยันในคำพูดของตัวเอง “พี่น้ำนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“คุณน้องไม่รู้เหรอคะ”
“ธาราอยู่เมืองนอกค่ะ”
“อุ้ย! พี่ลืมไป” มีลักขณาทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะยิ้มให้แล้วบอกว่า “งั้นคุณน้องก็คอยฟังเอาก็แล้วกันนะคะ จะให้พี่พูดเดี๋ยวจะหาว่าพี่ใส่ความ อีกอย่างสายเลือดเดียวกัน พี่พูดไปมันจะไม่ดี แต่ตอนที่คุณน้องมือไม้อ่อนเมื่อกี้ ทุกคนทำหน้าราวกับเห็นผี แค่นี้ก็เดาออกใช่ไหมคะ”
ธาราธารไม่ตอบ แค่ยิ้มให้นิดๆพร้อมกับคิดว่า ยัยเจ้ากี้เจ้าการนี่ฉลาดสมกับอาชีพที่ต้องใช้ฝีปาก เพราะพูดแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นหลีกเลี่ยงไปได้
ขณะที่คนที่ถามให้คิด ก็คิดถึงตัวเองด้วยว่า ถ้ายอมรับหรือแฉอะไรออกไป เธอก็โง่เต็มที เพราะยังไม่รู้ว่าตัวตายตัวแทนที่อยู่ตรงหน้า จะอยู่ได้นานแค่ไหน ถ้าพูดไม่ดี ตัวจริงกลับมา แล้วรู้เข้า เธอก็จะจบสิ้นอาชีพทำกินทันที ต้องพูดกลางๆหรือไม่ก็ดูนิสัยใจคอกันไปก่อน ค่อยพูดทีหลังก็ยังไม่สาย และก็เตือนว่า
“จากนี้ไปถ้าคุณน้องได้ยินอะไรมา ก็ทำใจให้เหมือนหิน หนักแน่น ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเป็นดีที่สุด ใครพูดอะไรมาพอใจหรือไม่พอใจก็ยิ้มรับไว้ เพราะอยู่วงการมายาก็ต้องใช้มารยาหลายเล่มมาใช้ ถึงจะอยู่รอด คราวนี้ก็มาพูดถึงเรื่องงาน คุณน้องอย่าลืมว่าตอนนี้คุณน้องเป็นคุณน้ำ จดจำไว้ให้ดี เดี๋ยวพี่จะไปเป็นไกด์ให้ พี่เรียกใครชื่ออะไร ก็เรียกตามแล้วกัน และถ้าจำไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดชื่อออกมา ยิ้ม ไหว้ ค่ะๆขาๆ ไปก่อน เข้าใจตามนี้นะ”
“ค่ะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ธาราคิดจะเปลี่ยน” สิ้นเสียงบอก ผู้จัดการสาวก็ทำหน้าสงสัยทันที และได้คำตอบว่า “ธาราจะแทนชื่อเรียกแทนตัวเองว่าธารา ไม่ใช่...น้ำ” เสียงตอนท้ายเน้นย้ำ แต่มีคำสั่งห้ามออกมาทันที
“ไม่ได้”
“ทำไมคะ” เธอถามทันทีเช่นกัน “ออกจะเก๋ มีระดับ และก็เพราะมากด้วย ไม่ใช่สั้นๆ ให้คนเติมสร้อยมีความหมายแย่ๆ”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวจะมีคนสงสัย ว่าทำไม่ถึงเปลี่ยนมาใช้ธารา ทั้งๆที่ใช้ชื่อน้ำมาแสนนาน”
“ใครจะสงสัยคะ เมื่อความจริงแล้ว ชื่อของพี่น้ำกับชื่อของธารานั่นไม่ได้ต่างกันเลย ธาราธารกับธารธารา”
*************
ดวงตาของหญิงสาวที่ปิดสนิทกะพริบขึ้นมา ค่อยๆปรับให้ชินกับความสลัวของห้องที่นอนอยู่ พร้อมกับความทรงจำที่กลับมาว่าตัวเองทำอะไรอยู่ที่ไหน ‘บนเรือ’ นั่นคือคำตอบ และหลังจากวิวาทะกับเจ้าของเรือที่จับเธอโยนลงทะเล ก็เดินลงมาล้างน้ำเค็มออกจากตัว หยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่มาใส่แทนชุดเก่าที่เปียก ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง คิดถึงเรื่องตัวเองได้ไม่นานก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ลมหายใจถูกถอดถอนออกมายาวๆ แล้วยกยกตัวขึ้นนั่ง ยื่นมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ดูนาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายๆ ก็รู้ว่าเธอหลับไปนานพอสมควร ตวัดสายตามองไปทั่วห้องแคบๆ ที่มีชั้นวางเสื้อผ้าไม่กี่ตัวกับเตียงนอนที่นั่งอยู่ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกความเป็นมาของเจ้าของเรือกับผู้ชายอีกสองคนเลย
‘พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาลอยเรืออยู่ในทะเลจนพบเธอได้ยังไง’
เธอตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วปัดความคิดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะสนใจ คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกละอาย ที่คิดเหมือนเนรคุณคนที่ช่วยชีวิตไว้ ตัวเธอเองพ้นจากเรือนี้ไปก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร จะยังมีชีวิตยืนยาวอยู่ได้แค่ไหน ที่ทำได้ตอนนี้คือขอบคุณด้วยหัวใจและจะจดจำไว้ไม่ลืม และถ้ามีโอกาสก็คงจะขอบคุณพวกเขาให้ดีกว่าที่พูดไว้ แล้วลุกจากเตียง เดินออกไปจากห้อง
เมื่อรอดมาแล้วเธอก็ควรจะพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าขึ้นฝั่งไปแล้วจะต้องเจอกับอะไรบ้าง การที่เธอหายมาอย่างนี้ งานทุกอย่างก็ต้องชะงัก คนหลายคนก็ต้องเดือดร้อน ความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย ที่สำคัญเธอไม่ต้องการติดต่อกลับไปที่ใคร เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ ใครเป็นคนทำ! คนใกล้หรือคนไกล! แต่ไม่ว่าจะเป็นคนไหน! คนๆนั้นต้องรู้จักเธอดีแน่ๆ ถึงได้บุกประชิดตัวเธอถึงคอนโด
ร่างอรชรเดินขึ้นมาชั้นบนของเรือ เดินไปที่หัวเรือ นั่งมองท้องฟ้าที่เป็นฟ้าสดใสสะท้อนกับพื้นน้ำสุดสวย แสงแดดอุ่นเมื่อดวงอาทิตย์ถูกเมฆเคลื่อนมาบดบัง สายลมพัดแผ่วพลิ้วผ่านตัวให้สบาย อากาศดี บรรยากาศที่นานๆทีจะได้เจอ เธอจึงหลับตาซึมซับไว้ สูดอากาศเข้าไปสุดปอดแล้วปล่อยออกมา
“สดชื่นไหมครับ”
เสียงพูดที่ดังขึ้นทำให้ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ลืมขึ้นมา หันไปมองหน้าคนพูด ชักสีหน้าให้เห็นว่าไม่พอใจ แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นก็วางหน้านิ่งเฉย เมื่อเห็นว่าคนพูดคือหมอไม่ใช่คนที่ชังหน้ากันอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะคุยด้วย อยากนั่งมองนั่งคิดทุกอย่างเงียบๆคนเดียวมากกว่า
หมอปลาเห็นสีหน้าของเธอ ก็ไม่ถือสาแต่ชื่นชมความตรงๆของเธอ ที่รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาอย่างนั้น ซึ่งดีกว่าพวกหน้าอย่างใจอย่าง และนับถือจิตใจของเธอที่เข้มแข็ง เจอเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตแต่ไม่โวยวาย แม้ตอนแรกจะช็อก แต่สุดท้ายก็มีสติที่จะยอมรับมัน ฉะนั้นแทนที่จะถอยหลัง หมอกลับนั่งลงเพราะอยากรู้เรื่องราวของเธอ ผู้หญิงคนหนึ่งถูกจับมาโยนทิ้งทะเล น่าสนใจว่ามีความเป็นมายังไงกันแน่
“หมอขอถามเรื่องฆาตกรรมได้ไหมครับ”
หญิงสาวเอียงหน้ามามอง สายตาเธอไม่บ่งบอกความรู้สึกรำคาญ ให้หมอรู้สึกไม่ดี แล้วบอกว่า “หมอถามคนไข้ที่รักษา ทุกคนแบบนี้หรือเปล่า”
“ส่วนมากครับ เพราะมันมีประโยชน์กับการรักษา”
“แต่ฉันหายแล้ว ไม่มีแผลใดๆให้หมอรักษาอีก”
“แต่หมอว่าหมอยังไม่ได้รักษาต่างหาก” จบคำตอบหมอก็เห็นความสงสัยบนสีหน้าหญิงสาว จึงอธิบายว่า “แผลที่กายเป็นแผลภายนอก มันง่ายที่จะรักษา แต่แผลที่ใจเป็นแผลภายใน ถ้าเก็บไว้มันจะเป็นเชื้อร้ายเรื้อรังให้รักษายาก หมอจึงอยากให้พูดหรือระบายออกมาบ้าง จะได้หาทางรักษาให้ถูก หรือถ้ารักษาไม่ได้ ก็ดีกว่าเก็บ กด ไว้ทำร้ายตัวเอง”
หญิงสาวนิ่งไปกับคำพูดของหมอ ที่นำจิตวิทยามาใช้ น้ำเสียงนุ่มนวลชี้ชวนให้เห็นจริง มากกว่าจะบังคับเหมือน... เธอเม้มริมฝีปากเพราะไม่ชอบใจที่ตัวเองไปคิดถึงคนที่ชังหน้ากันอยู่ แต่จะให้เธอเล่าทุกอย่างออกมา ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่การได้คุยก็อาจจะทำให้เธอได้รู้ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหนเหมือนกัน
“หมอชื่ออะไรคะ”
“พิษณุครับหรือจะเรียกว่าหมอปลาก็ได้”
“น้ำค่ะ ธารธารา”
“เพราะมากครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่เรื่องที่หมอถาม ฉันตอบอะไรไม่ได้เลย เพราะฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่พูดออกไป ฉันก็คิดได้แค่นั้นจริงๆ”
“แล้วทำไมถึงคิดอย่างนั้น หรือว่ามีศัตรู”
“หมอไม่คุ้นหน้าฉันเลยเหรอคะ”
เธอถามไปอีกอย่าง คิ้วเข้มของหมอจึงเลิกสูงด้วยความแปลกใจ พร้อมกับพิจารณาใบหน้าของเธอ ก่อนหน้านี้พอช่วยเธอขึ้นมาได้ ก็พะวงอยู่กับการรักษาให้เธอรอดปลอดภัย แต่ตอนนี้เมื่อได้พิจารณาอย่างจริงจัง ความรู้สึกเหมือนเคยเห็นหรือคลับคล้ายคลับคลากับใครสักคนก็ผุดขึ้นมา แต่... สีหน้าของหมอออกจะตกใจเมื่อนึกออก แรกที่เห็นหน้าก็คลับคลายคลับคลา แต่คิดว่าไม่ใช่แน่นอน แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น แต่ตอนนี้ เมื่อเธอพูดแบบนี้เขาก็ไม่อยากเชื่อ ที่สำคัญมันจะเป็นไปได้ยังไง! ที่นางเอกเด่นดังแห่งยุค จะโดนฆาตกรรม มาโยนลงทะเลแบบนี้
“หวังว่าหมอจะมีจรรยาบรรณพอ ที่จะเก็บข้อมูลของคนไข้ไว้เป็นความลับนะคะ” เธอบอกเมื่อเดาได้จากสีหน้าของหมอที่รู้แล้วว่า เธอเป็นใคร “แต่ฉันก็อยากจะรู้บางอย่างเหมือนกัน หวังว่าหมอจะไม่ปิดบัง”
“ครับ ถามมาได้เลย ถ้าตอบได้หมอยินดี”
“กัปตันของหมอที่ฉันชั่งน้ำหน้า เขาเป็นใครคะ”
หมอยิ้มขำเล็กน้อย แล้วก็บอกว่า “กัปตันมีชื่อเต็มๆว่า เมธิส แอ็คส์แน็ค หรือจะเรียกง่ายๆว่ากัปตันธอร์ เป็นเทวดาคนสำคัญของมาดาโรส แห่งแอ็คส์แน็ค”
********
“เพี้ยะ”
ใบหน้าของหญิงสาว สวย นัยน์ตาเศร้า หันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือ ก่อนจะหันกลับมาจากการจิกกระชากเส้นผม หยาดน้ำตาไหลออกมาจากหางตา ขณะที่นวลแก้มก็ค่อยๆมีริ้วรอยสีแดงปรากฏขึ้นมา ความเจ็บปวดรวดร้าวบนใบหน้านั้นสุดจะประมาณ ขณะที่ดวงตาหลังม่านน้ำตาเต็มไปด้วยการขอร้องอ้อนวอน แค่นั้นยังไม่พอสองมือก็ยกขึ้นพนมจำนนต่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“พี่ไม่ได้นัดกับคุณนพจริงๆนะ คุณอร” เสียงอันสั่นเครือบอกออกมา
“ไม่นัด” เสียงกร้าวดัง นัยน์ตาแข็งกระด้าง สีหน้าแววตาขึงตึง แสดงความโกรธขึงซึ่งน่ากลัวออกมา “ไม่ได้นัด แล้วที่อรเห็นพี่ยืนอยู่กับเขาเต็มสองตานั่นคืออะไร เงาของพี่เหรอ”
“พี่ พี่”
“ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอคะ ที่อรรู้ทัน” น้ำเสียงเหยียดหยันและสุดจะคับแค้น กระตุกเส้นผมที่จับอยู่จนหน้าหงาย “อย่าหวังว่าจะได้เป็น ได้เสนอหน้าไปเคียงคู่เขา เพราะสำหรับพี่แล้วแม้แต่เงาของอร พี่ก็ไม่มีทางที่จะได้เป็น จำไว้” พูดจบก็ผลักร่างนั้น จนล้มลงไปกองกับพื้น แล้วจะหมุนตัวเดินจากไป แต่เหมือนยังไม่สาสมใจ ยังข่มขู่ออกมาอีกว่า “ถ้าอรเห็นพี่ไปออเซาะกับพี่นพอีกครั้งนะ อรจะเหยียบพี่ให้จบตีนเลย”
“คัท”
สิ้นเสียงนี้ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้คือการแสดง ของกองถ่ายทำละครสองเสน่หา บรรยากาศที่เครียดๆหายไปทันที ที่การแสดงสิ้นสุด หญิงสาวที่ใบหน้ามีแต่ความคับแค้นแน่นไปทั้งใจ ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ สลัดความแข็งกร้าวออกไป เปลี่ยนมายิ้มแย้ม รับเสียงปรบมือที่ดังขึ้นจากหลายคนที่ได้ดูการแสดงของเธอ แล้วยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชม ซึ่งยังรู้สึกแปลกๆกับการนอบน้อมของหญิงสาว พอเธอเดินไปหาผู้กำกับที่กวักมือเรียก ก็ซุบซิบนินทากันทันที
“ไม่ล้มหัวฟาดพื้น ก็ต้องกินยาผิดมาแน่ๆ”
“ใช่ ปรกติพอคัทปุ๊บก็หน้าเหวี่ยงเดินฉับๆไม่สนใจใครไปทันที ไอ้ที่จะยกมือไหว้ ยิ้มให้ อ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้นะ ไม่เคยเห็น”
“หรือจะมีคู่แฝดเหมือนในละคร มาแสดงแทน”
“บ้า นางเป็นลูกคนเดียว ไม่มีมีน้องที่ไหน แต่นางเป็นแบบนี้ก็ดี ฉันชอบ เปิดใจให้นางหน่อย บางทีนางอาจจะกลับตัวกลับใจได้แล้ว ก็เป็นไปได้”
“ถ้านางกลับตัวได้จริง พวกเราก็ยินดี แต่กลัวจะท่าดีทีเหลวมากกว่า”
ทุกคนยังเชื่อไม่สนิทใจ และปรายตามองพร้อมกับซุบซิบกันต่อ มีลักขณาที่แสร้งเดินเฉียดมาหยิบของ แต่จริงเพื่อแอบฟังว่าทุกคนจะพูดถึงนางเอกดังว่ายังไง เมื่อไม่มีใครสงสัย มีเพียงคำนินทากาเลเหมือนเทน้ำทิ้ง เธอก็โล่งใจ ก่อนหน้านี้ในห้องแต่งตัว เธอก็หวั่นจนหัวใจจะหยุดเต้นไปหลายรอบ ว่าช่างแต่งหน้า แต่งตัวจะสงสัยหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหมือนกัน ส่วนเรื่องนิสัยนั้นเธอไม่หนักใจ เพราะใครๆก็เปลี่ยนกันได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนไปในทางที่ดี จะยิ่งทำให้ทุกอย่างดีขึ้นๆไปอีก ที่สำคัญการแสดงของเธอในวันนี้ สุดยอด ไม่ต่างจากตัวจริงที่หายไปเลย
ธาราธารเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผู้กำกับ เสมือนว่าไม่เห็นสายตาที่เคลือบแคลงของใครหลายๆคน และคำพูดที่แม้จะไม่ได้ยินแต่ก็รู้ว่านินทาเธอแน่นอน ก็ยังยิ้มหวาน ทั้งๆที่เหยียดหยันพวกปากดีอยู่ในใจ
“เยี่ยมมากน้ำ” นันทวิชญ์ ผู้กำกับมือทอง วัยห้าสิบ เอ่ยชมออกมา “คุณขยี้บทได้สุดยอดมาก พี่ไม่รู้จะชมหรือพูดยังไงแล้วจริงๆ นอกจากคำว่า...ขั้นเทพ”
“ขอบคุณค่ะ ธา เอ่อน้ำว่าพี่นันท์ชมเกินไปแล้ว” เธอยั้งชื่อตัวเองไว้ ก่อนจะหยุดออกไปด้วยความเคยชิน และโชคดีที่ผู้กำกับดังไม่ติดใจสงสัย
“พี่ชมจากใจเลย พูดจริงๆ”
“แต่ถ้าไม่ได้พี่คอยกำกับ และทุกคนส่งอารมณ์ให้ น้ำอาจจะเล่นไม่ดีขนาดนี้ก็ได้ ต้องขอบคุณพี่อีกครั้งและทุกคนที่ช่วยกันด้วย” เธอถ่อมตัวออกมาให้ผู้กำกับดังแปลกใจ เพราะตั้งแต่ได้ร่วมงานกันมา ทุกครั้งที่ชม จะมีแค่คำว่าขอบคุณเท่านั้น ไม่เคยพูดยาวไปกว่าคำนี้เลย
“ไม่เป็นไร แต่คืนนี้พี่จะขอคิวน้ำเพิ่มเพราะปรับบทเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมา”
“ได้ค่ะ”
“ขอบใจมาก พี่จะเร่งถ่ายให้เสร็จอย่างที่บอก น้ำไปเตรียมตัวเข้าฉากต่อไปเถอะ และก็หาเวลาพักบ้างเพราะคืนนี้เราต้องถ่ายกันดึก”
“ค่ะ พี่ก็พักบ้างเหมือนกันนะคะ เพราะถ้ามีนักแสดง แต่ไม่มีผู้กำกับ ละครเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน” พูดจบก็ยิ้มหวาน ยกมือไหว้ แล้วเดินจากไป ไม่อยากคุยนาน จะทำให้เขาผิดสังเกตแล้วจับผิดเธอ จนนำไปสู่สิ่งที่เธอปิดบังอยู่...ตัวตายตัวแทน
ผู้กำกับดังมองตาม เพราะความเปลี่ยนไปของเธอ ที่ช่างต่างจากเมื่อก่อนที่เห็นและได้ยินเสียงเล่าลือเล่าอ้างมา ว่าเรื่องงานนั้นเธอแป๊ะ ปังทุกชิ้นที่จับ แต่ความเหวี่ยงเย่อหยิ่งก็ไม่มีใครเกิน เมื่อกี้ที่เขาบอก ก็แอบหวั่นอยู่เหมือนกัน โชคดีที่ไม่เจอ จะว่าไปตั้งแต่รวมงานกันมา ก็ไม่เคยมีปัญหา ความรับผิดชอบดีเยี่ยม หรือที่ได้ยินมานั้นจะไม่จริง บทละครที่ต้องแสดงเป็นคู่แฝด ที่แตกต่างกัน คนหนึ่งแสนดีน่าสงสาร อีกคนแสนร้ายน่ากลัว ก็เข้าถึงบทบาทจนโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ยิ่งฝีมือวันนี้ที่เขาได้เห็น ก็การันตีได้ว่า เธอคงจะโด่งดังไปอีกนาน
เขาเลิกคิดถึงเรื่องนี้ เมื่องานออกมาดีเยี่ยมก็ดีแล้ว แล้วสั่งทีมงานให้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพื่อฉากต่อไปที่จะถ่ายทำ
**********
สายตาหลายคู่ยังคอยมองนางเอกดัง ว่าเปลือกนอกที่เห็นจะเป็นนิสัยที่เปลี่ยนไปจริงๆหรือแค่หลอกกัน เธอก็ยิ้มเหมือนให้ความเป็นกันเองกับทุกสายตาที่มองมา ขณะเดินไปหาผู้จัดการสาว หลายคนเห็นเธอยิ้มให้ก็ยิ้มตอบ โดยไม่มีใครรู้ว่ายิ้มของเธอไม่ได้ลึกลงไปถึงจิตใจ ที่ซ่อนอยู่ภายในตัว จึงไม่มีใครเห็นว่าแท้จริงแล้วใจเธอนั่นกำลังเหยียดเยาะทุกคนอยู่
“คุณน้อง ยอดเยี่ยมมากค่ะ” ทันทีที่เธอเดินมาถึงผู้จัดการสาว ก็เอ่ยชมออกมาพร้อมกับยกหัวแม่มือให้ “พี่นะโล่งไปทั้งใจที่ไม่มีใครสงสัยอะไรเลย ต่อไปงานทุกอย่างก็คงฉลุย ไม่เสียทีที่มีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนกับคุณน้ำ การแสดงเลยเยี่ยมยอดไม่ต่างกัน”
แววตาของธาราธารวาวขึ้นเพราะไม่ชอบที่ถูกเปรียบ แต่เพียงแวบเดียวก็เลือนหาย กลายมาเป็นยินดีที่ได้รับคำชมและเอาใจอีกฝ่ายด้วยการชมกลับไปว่า “ก็พี่มี่ทั้งอธิบายทั้งต่อบทย้ำแล้วย้ำอีก ให้ธาราเข้าใจตัวละครตัวนี้นี่ค่ะ การแสดงก็เลยออกมาดี ธาราขอบคุณพี่มี่มากๆเลยนะคะ ถ้าไม่มีพี่มี่ ธาราแย่แน่ๆ”
“อุ้ย ปากหวาน ชมพี่ด้วย ไม่เหมือน...” มีลักขณาเกือบหลุดปากออกมาว่า ‘น้องน้ำ’ ที่เย่อหยิ่งไม่เคยชมออกมาเลย ดีที่ยั้งปากไว้ทัน และกลบเกลื่อนว่า “พี่ก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น แต่คุณน้องน่ารักอย่างนี้ พี่จะดูแล สนับสนุน ดันให้คุณน้องเกิดๆเกิดขึ้นไปอีกค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ธาราธารตามน้ำ ทั้งๆที่รู้ว่าคำพูดที่ค้างไว้เหมือนกี้นั่นหมายถึงใคร “พี่มี่ดูแลธาราดีอย่างนี้ ธาราก็จะดูแลพี่มี่ให้ดีเช่นกัน”
“แน่ใจนะคะ” เสียงถามขณะสายตามีเลศนัยบางอย่าง อีกฝ่ายก็รู้ว่าต้องการอะไร จึงเปิดโอกาสให้เพื่อแลกกับบางสิ่งที่ต้องการเช่นกัน
“ค่ะ อะไรที่ธาราได้มา ครึ่งหนึ่งจะเป็นของพี่ค่ะ”
“อะไรที่ นี่หมายถึง” ว่าแล้วก็ทำหรุบตามองกระเป๋าสะพายของตัวเอง หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาสื่อความหมาย แล้วหัวใจก็พองโต หน้าบานเมื่อตัวตายตัวแทนของนางเอกดังรับคำออกมาว่า ...
“ค่ะ”
มีลักขณาตาโตเพราะคาดไม่ถึงว่าอ้อยจะเข้าปากช้างได้ง่ายขนาดนี้ สีหน้าชื่นมื่นระรื่นขึ้นมาและรีบตะครุบไว้ทันที ยัดกระเป๋าตังค์ไว้ในกระเป๋าสะพายเรียบร้อยแล้วก็บอกว่า “งั้นไปค่ะ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าดูผม รอเข้าฉากต่อไป ส่วนพี่ก็จะหางานให้ คัดที่ดี ที่เด่นให้คุณน้อง อะไรที่เป็นการกุศล เงินน้อยของคนเก่า พี่จะเขี่ยออกให้หมด”
ธาราธารยิ้มหวานขณะที่แววตาสาสมใจ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะต้องเป็นตัวตายตัวแทนอีกนานแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอก็ต้องรีบกอบโกย แสดงฝีไม้ลายมือให้ทุกคนเห็น สร้างโปรไฟล์ดีๆไว้ เมื่อถึงเวลาหมดเวลาของเธอ จะได้ผงาดขึ้นมาเป็นตัวจริง ที่ไม่มีใครครหาหรือกังขาในฝีมือ”
“ขอตัวแป๊บหนึ่งนะคะ” ว่าแล้วก็จะขยับตัวจะผละไป มีลักขณาที่กำลังเปิดกระเป๋าสะพายหยิบสมุดงานมาดู รีบถามออกมา
“จะไปไหนคะ”
“หาคุณแม่”
“คุณแม่กลับไปแล้วค่ะ”
ธาราธารนิ่งไปอึดใจ สีหน้าสงสัยแต่เพียงเดี๋ยวเดียวก็รู้ว่าคนเป็นแม่ไปไหน กดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก็เดินไปที่ห้องแต่งตัว โดยมีผู้จัดการสาวหอบหิ้วทุกอย่างตามไปติดๆ
*********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2560, 10:08:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2560, 10:08:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 1070
<< | >> |
แว่นใส 27 ก.ย. 2560, 07:38:36 น.
แสดงในชีวิตจริงมาตลอดนี่เนอะ
แสดงในชีวิตจริงมาตลอดนี่เนอะ