เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
Tags: โรมานซ์
ตอน:
ตอน 5
คอนโดสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยาราคาแสนแพง เพราะห้องพักแต่ละห้องนั้นตกแต่งอย่างหรู มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครั้น แถมบรรยากาศแสนดี เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ยิ่งยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเช่นตอนนี้ยิ่งสวย ตรงระเบียงห้องมุมหนึ่งจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆอีกมุมมีโต๊ะวางเครื่องดื่ม มีเก้าอี้ตัวเล็กตัวใหญ่วางไว้สำหรับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ เจ้าของห้องคือนางเลอรัศมี ซึ่งจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาพักที่คอนโดแห่งนี้ แต่วันนี้ความรู้สึกสุขไม่มี มีแต่ความรู้สึกทุกข์ กระวนกระวายไปทั้งหัวใจ
หน้านิ่วคิ้วขมวดหมุนตัวเดินไปเดินมาพลางมองไปที่ประตูห้องบ่อยๆ กระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิด ก็เดินจ้ำไปหาคนที่เปิดประตูเข้ามาทันที ริมฝีปากอ้าเหมือนจะพูดเรื่องที่ร้อนใจอยู่ แต่คิดว่าควรให้เวลาคนที่เพิ่งมาถึงได้พักก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครคนที่นางคบหาอยู่อย่างลับๆนั่นเอง
นายประชา ชนะศาสตร์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหญ่ ติดบ่วงเสน่หาแม่ม้ายลูกหนึ่ง ทั้งที่เขาก็มีภรรยาอยู่แล้ว แต่เพราะกระดังงาที่หอมยั่วยวนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอในงานการกุศล จึงสานสัมพันธ์กันเรื่อยมากระทั่งสร้างรังรักแห่งนี้ขึ้น เขาทุ่มเทให้เธอ ให้ทั้งห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ และยังเกื้อกูลลงทุนธุรกิจร้านเพชรและร้านเสื้อผ้าให้เธอได้ทำกินด้วย
เขาถอดสูทวางไว้บนโซฟากลางห้อง แล้วเดินไปที่ระเบียง นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ข้อมือทั้งสองข้างกับที่หน้าอกลงเม็ดหนึ่ง เพื่อรับลมธรรมชาติที่พัดมาเป็นระยะ พร้อมกับมองท้องฟ้าที่หม่นลงจนเกือบจะมืดแล้ว แสงไฟมุมระเบียงสว่างขึ้นพร้อมกับแก้วเบียร์เย็นๆส่งให้ตรงหน้า เขาละสายตามามองคนที่เอามาให้ ส่งยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นรับมาดื่มไปครึ่งแก้ว แล้ววางไว้บนโต๊ะ เรียบร้อยแล้วก็ถามออกมา
“โทรให้ผมรีบมาหา มีอะไร”
เลอรัศมีนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ๆ เห็นท่าทางเหนื่อยๆของเขา ก็ยิ้มหวานปลอบใจ ยังไม่พูดเรื่องของเธอ แต่ถามเขาว่า “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ คุณดูเหมือนไม่สบายใจ”
“สินค้าบนเรือผมเสียหาย”
“ตายแล้ว มากไหมคะ” นางตกใจ และเพิ่งรู้ว่าเขามีกิจการเดินเรือด้วย
“ไม่หรอก ลูกน้องผมกำลังแก้ไขอยู่ คุณอย่าใส่ใจเลย พูดเรื่องคุณมาดีกว่า”
“ฉันไม่อยากเพิ่มปัญหาให้คุณเลย”
“เรื่องของผมบอกแล้วไม่มีอะไร พูดเรื่องของคุณมาเถอะ”
เลอรัศมีทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แล้วพูดออกมา “ลูกของฉันรู้เรื่องของเราแล้ว”
“ลูกของคุณกลับมาแล้วเหรอ” เขาถามเพราะพอจะรู้ว่าลูกของเธอไปเรียนด้านแฟชั่นอยู่ต่างประเทศนั่นเอง
“ค่ะ กลับมาวันนี้”
“แล้วอะไรที่ทำให้คุณคิดว่า แกรู้เรื่องของเรา”
“แกพูดชื่อคุณออกมา อย่างที่ฉันคิดไม่ถึง และไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ”
“แล้วยังไง ลูกคุณโวยวายออกมาหรือไง สีหน้าถึงไม่ดีเอาเสียเลย” เขาถามทั้งที่พอจะรู้ว่าที่เธอกังวลเพราะกลัวใจลูกจะรับไม่ได้นั่นเอง
“เปล่าค่ะ แต่ฉันสงสัยว่าแกรู้เรื่องของเราได้ยังไง เพราะฉันปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ คุณก็รู้ว่าเราไม่อาจให้ใครรู้เด็ดขาด ยิ่งคนที่ธรธารายิ่งรู้ไม่ได้”
แววตาเขานิ่งลึกเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แล้วถามออกมา “แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้พูด หรือเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า”
“ไม่มีทาง และฉันก็แน่ใจว่าไม่เคย นอกเสียจาก...” เหมือนมีบางอย่างมาสะกิดใจ แต่อีกใจก็บอกออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้”
“อะไร”
“แกจะบังเอิญเห็นคุณกับฉัน ซึ่งอย่างที่ฉันบอกเป็นไปได้ยากมาก เพราะแกอยู่เมืองนอก เราอยู่ที่นี่ จะว่ามีใครพบเห็นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะฉันระวังไม่เคยทำอะไรที่ดูไม่ดีนอกห้องนี้กับคุณเลย การคบกันของเราข้างนอกก็เหมือนนักธุรกิจที่คุยงานด้วยกันเท่านั้น”
“แล้วจู่ๆแกพูดถึงผมได้ยังไง”
เลอรัศมีหลบตาที่มองอยู่ทันที เธอมั่วแต่ร้อนใจที่ลูกพูดออกมา รีบออกจากกองถ่ายมารอเขาที่นี่ จนไม่ทันได้คิดว่า ถ้าเขาถามจะตอบว่ายังไง แต่เมื่อคิดไปถึงคำพูดของลูกก็เห็นด้วย เรื่องที่เธอทำขึ้นมา ไม่มีใครที่เธอรู้จักหรือพอจะช่วยเธอได้เท่ากับเขา ที่มีครบทุกอย่าง ทั้งอำนาจ บารมี และเงินทอง ไม่งั้นเขาคงไม่ให้ห้องนี้กับเธอและยังธุรกิจที่ลงทุนให้อีก
คิ้วเธอย่นเข้าหากันเพราะกำลังคิดหนัก ใจหนึ่งก็ไม่อยากบอกแต่ถ้าไม่บอกใครจะช่วยเธอ จะให้ไปหาเอง พวกนักเลงอันธพาล เธอก็ไม่รู้จัก หรือถ้ารู้จัก เธอจะไว้ใจได้แค่ไหน ถ้ามันไม่ซื่อสัตย์หรือพลาดขึ้นมา ทุกอย่างที่ทำลงไปก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่า ดีไม่ดีอาจจะถึงขั้นติดคุกติดตะราง อีกใจหนึ่งที่บอกให้บอก ก็กังวลว่าหลังจากนี้ลูกต้องมารับรู้เรื่องของเธอกับเขามากยิ่งขึ้น ซึ่งเธอไม่ต้องการ ความคิดเธอกำลังขัดแย้งกันอย่างหนัก แต่สุดท้ายเมื่อเธอขึ้นขี่หลังเสือแล้ว มันก็ยากที่เธอจะลงมา
“ฉันทำเรื่องบางอย่างลงไป” เธอตัดสินใจพูดออกไป “เป็นเรื่องใหญ่ที่กำลังกังวลและกลัวผลที่จะตามมา”
นายประชาไม่ได้กังวลเรื่องที่เธอกังวล ยังถามออกมาเรื่อยๆ “เรื่องอะไรและร้ายแรงแค่ไหน”
“แค่เริ่มต้น เห็นผลว่าดีก็อยากให้ดีตลอดไป ไม่มีอะไรมาขัดขวาง หรือถ้ามีก็อยากจะกำจัดให้สิ้นทาง”
“เล่ามาซิ”
“ฉันให้ลูกเป็นตัวตายตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่งที่หายตัวไป ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร ธารธารา นางเอกดัง ลูกเลี้ยงฉันเอง” บอกแล้วเธอก็เล่าให้เขาฟังต่อว่าทำอะไรลงไปบ้าง “ตอนนี้ธาราสวมรอยเป็นยัยน้ำอยู่ กำลังทำคะแนนเป็นนางเอกที่แสนดี ไม่มีใครสงสัย ฉันเป็นคนคิดและคว้าโอกาสนี้มาให้ลูกเอง เพื่อให้แกมีทุกอย่างเหนือกว่า และอยากให้เป็นเช่นนี้ไปก่อน จึงไม่อยากให้ลูกเลี้ยงโผล่มาเอาทุกอย่างคืนไป”
“แล้วคุณอยากให้ผมช่วยยังไง”
“ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่ายัยน้ำหายไปไหน ฉันจึงอยากให้คุณส่งคนไปตามหา ถ้าได้เบาะแสหรือเจอตัว ก็ขัดขวางไว้ไม่ให้โผล่มาเป็นเสี้ยนหนามของลูกฉัน จะกักตัวไว้ หรือทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
นายประชาหรุบตาลงเหมือนปิดบังอะไรไว้ แล้วก็บอกว่า “ได้ ผมจัดการให้ เพราะลูกคุณก็เหมือนลูกผม"
“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวฉันจะบอกข้อมูลทุกอย่างของยัยน้ำให้คุณเอาไปให้คนของคุณ และถ้าทุกอย่างสำเร็จอย่างที่ฉันคิดไว้ ชื่อเสียงของธาราจะเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจของเรามากมายทีเดียว เป็นไงคะความคิดของฉัน จัดการคนแค่คนเดียว แต่เราได้ผลประโยชน์มากมาย”
นายประชายิ้ม ยกแก้วขึ้นชูความฉลาดของเธอ แล้วดื่มเบียร์พร้อมกับรับฟังข้อมูลของนางเอกดัง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาไปโทรสั่งลูกน้อง ขณะที่เลอรัศมียิ้มด้วยความโล่งใจ สบายใจ มองออกไปนอกระเบียง ท่ามกลางความมืด ดวงไฟนับล้านสว่างขึ้นมา คล้ายกับอนาคตของลูกของเธอ ที่กำลังจะสว่างไสวในตอนนี้
**********
ดวงดาวระยิบพริบอยู่บนท้องฟ้าเหนือตึกธรธารา คุณหญิงทองจันทร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ตรงสนามหญ้าหน้าตึก โดยมีนางพุดคนสนิทนั่งคอยดูแลอยู่ข้างๆ และรู้ว่าที่ท่านนั่งไม่ยอมขยับเข้าไปพักผ่อนข้างใน เพราะรอคอยการกลับมาและข่าวคราวของหลานสาวที่หายตัวไป แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ทุกทิศทางที่สื่อสารไป เป็นเหมือนคลื่นสาดทรายที่เงียบหายไป
คุณหญิงทองจันทร์มองดวงดาราที่พร่างพราวอยู่บนฟ้ามืด แสงระยิบระยับวิบวับนั้นเป็นเหมือนหลานสาวที่กำลังโด่งดังเป็นนางเอกดังอยู่ในขณะนี้ แต่ดาวบางดวงก็ริบหรี่ มีเมฆมาบดบังให้แสงหม่นมัว เหมือนการที่หายตัวไปของหลานในตอนนี้ ที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร ปลอดภัยหรือทุกข์สุข ปล่อยให้ท่านเป็นห่วงเป็นใยทุกลมหายใจ
“ไม่มีข่าวของยัยน้ำเลยใช่ไหม” ท่านถามนางพุดซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ถามซ้ำมาแล้วหลายครั้ง
“ค่ะ” นางพุดก็ตอบด้วยคำเดิมๆ “คุณทนายที่โทรมาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วยังไม่ได้โทรมาอีก ส่วนคุณมี่ลักขณา ตั้งแต่พาคุณธาราไป ก็เงียบไปเลยค่ะ”
“คงกำลังยุ่งเรื่องของธารา จะโทรมาก็กลัวจะมีคนแอบฟังแล้วความจะแตก เงียบไว้เป็นดีที่สุดแล้ว”
“แล้วพ้นคืนนี้ไป คุณท่านจะไปแจ้งความไหมคะ”
“ถ้าแจ้งก็เป็นข่าวคึกโครม ใหญ่โต สิ่งที่ธาราทำอยู่ในตอนนี้ก็สูญเปล่า และจะโดนต่อว่าว่าหลอกลวง วงศ์ตระกูลก็เสื่อมเสีย” ว่าแล้วท่านก็ถอนหายใจออกมายาวๆ หันมามองคนสนิท พูดสิ่งที่กังวลลึกออกมา “ฉันคิดผิดหรือเปล่าพุด ที่ยอมให้มีตัวตายตัวแทนเกิดขึ้นมา ฉันมาคิดๆดู เรื่องมันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะดวงดาวบนฟ้านั้นสวยงาม ล่อตาล่อใจให้ใครๆอยากได้ อยากครอบครองเป็นเจ้าของ และเมื่อได้ครอบครองแล้ว คงไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงเอาไปเด็ดขาด ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีที่สุด”
นางพุดรู้ได้ทันทีว่า คุณหญิงทองจันทร์กังวลเรื่องอะไรอยู่ “ท่านกลัวว่าคุณธารา...”
“ใช่ ธาราจากบ้านไปหลายปี นานทีถึงจะกลับมา นิสัยใจคอที่แท้จริงเป็นยังไงก็ไม่รู้ไม่เห็น ที่เห็นก็ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเสแสร้งแกล้งทำกันแน่ ฉันผ่านร้อนผ่านหนาวเห็นเรื่องราวต่างๆมามากแล้ว จนนึกหวั่นว่าศึกสายเลือดอาจจะเกิดขึ้นมา”
“แต่คุณธารารับปากท่านไว้แล้วนี่ค่ะ ว่าถ้าคุณน้ำกลับมา จะคืนทุกอย่างให้เธอเหมือนเดิม”
“ไม่มีอะไรที่แน่นอนเสมอไปนะพุด ใจคนมันยากลึกจะหยั่งถึง พอๆกับน้ำทะเลที่นิ่งลึกหรือคำโบราณที่มีมาเนิ่นนานก็ยังเอามาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ว่าดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูไปถึงแม่”
นางพุดคิดตามคำพูดท่าน ก็เริ่มหวั่นเช่นกันว่าเชื้อแม่จะแรง แย่งเอาของๆคนอื่นมาเป็นของตัวเอง จนบ้านธรธาราไม่สงบสุขมาแล้ว และจะแก้ไขก็คงไม่ทันแล้ว เมื่อคนที่ท่านพูดถึงเปรียบเหมือนเสือที่ถูกปล่อยเข้าป่า ให้ได้ลิ้มชิมเนื้อกวางหวานๆจนติดใจแล้ว ก็ยากที่จะจับกลับมาขัดเกลา มีแต่จะทะยานไปข้างหน้าเท่านั้น
“อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้นะคะท่าน” แม้จะเห็นด้วย แต่นางพุดก็ยังพูดปลอบใจเจ้านายออกมา
“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ขออย่าให้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ให้ธรธาราร้อนไปกว่านี้เลย” พูดจบท่านก็ถอนหายใจผ่อนความหนักหน่วงในอกออกมา “เข้าไปข้างในกันเถอะพุด” บอกแล้วก็ลุกขึ้น แต่ไม่ขยับเท้าเดิน เพราะเห็นรถวิ่งมา จำได้ว่าเป็นรถของภรรยาคนแรกของลูกชายของท่านที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งก็จอดไม่ห่างจากที่ท่านนั่ง แล้วคนขับก็เปิดประตูลงมา เดินมาหาท่าน
“คุณแม่ยังไม่นอนเหรอคะ” จรัสแขถามทั้งที่พอจะรู้สาเหตุที่ทำให้ท่านยังอยู่ตรงนี้ นางเองถึงจะออกไปเที่ยว ไปหาความสุขให้ตัวเอง แต่ตลอดเวลาก็คอยฟังข่าวคราวของลูกที่หายตัวไปเช่นกัน แต่ท่าทางของนางดูไม่ใส่ใจเท่าไร จึงถูกต่อว่าออกมา
“ใจฉันร้อนจะนอนหลับได้ยังไง ถึงยัยน้ำจะไม่ใช่เลือดในอก แต่ก็มีสายเลือดของฉันอยู่ด้วย จะให้ทำใจให้สบายเหมือนหล่อนๆก็คงไม่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้หรอก”
“พูดอย่างนี้แสดงว่ายัยน้ำยังไม่กลับมา หรือได้ข่าวอะไรเลยใช่ไหมคะ กลับมาเมื่อไร แขจะหยิกให้เนื้อเขียวเชียว”
“ลูกหายไปยังไม่กลับมา หล่อนจะมีใจห่วงใย หรือเดือดเนื้อร้อนใจสักนิดก็ไม่มี มีแต่จะดุว่าทำร้าย หล่อนเป็นแม่แบบไหนกัน”
“แบบเลวไงคะ” เสียงพูดนั้นมีความขมขื่นปนเหยียดหยัน “เพราะแขเคยเป็นแม่เป็นเมียที่ดี แล้วแขได้อะไรบ้าง นอกจากความเจ็บปวดทุกข์ทนทรมาน แต่คนที่ไม่ดีกลับได้รับความสุขสมไปเสียทุกอย่างอย่าง แล้วแขจะทำดีเพื่ออะไรอีก”
“หล่อนก็เลยจะเลวตาม”
“เปล่าค่ะ แต่แขจะไม่ยอมให้ความทุกข์ ความเจ็บปวด มาทำให้แขไม่มีความสุขอีกแล้ว แขจะทำทุกอย่างที่ทำให้แขมีความสุขเท่านั้น และแขมานั่งคิดดูแล้วยัยน้ำก็ไม่ใช่เด็กที่จะมานั่งคอยเป็นห่วง คอยตามว่าไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร แกอาจจะแค่ขอไปพักเพราะเหนื่อยทั้งเรื่องงานและเรื่องคนที่แบกอยู่ ส่วนเรื่องตัวตายตัวแทนที่คุณแม่เห็นดีเห็นงามไปด้วย ระวังไว้ให้ดีนะคะว่าเชื้อมันจะไม่ทิ้งแถว แล้วธรธาราของคุณแม่ จะลุกเป็นไฟขึ้นอีกครั้ง”
“ถ้าทุกครั้ง คุยกันด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ ไฟที่ว่าก็คงไม่เกิดขึ้น”
“การที่ผัวพาผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กอีกคนมาเหยียบหัวใจเราถึงในบ้าน จะต้องมีเหตุผลอะไรมาคุยกันอีกเหรอคะ นอกจากความเลวของคน และแขก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะนิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคนที่เอาหนามมาแทงอกกันซึ่งๆหน้า คุณแม่เป็นแม่ของผัวแข ไม่ได้เป็นแข ถึงจะรู้ว่าแขเจ็บแต่ไม่รู้หรอกว่าแขเจ็บแค่ไหน”
“ฉันรู้”
“ค่ะ แขก็รู้ว่าคุณแม่รู้ แต่รู้ว่าเจ็บกับที่เจ็บด้วยตัวเอง มันต่างกันนะคะ เหมือนกับที่เขาว่ามีดบาดเนื้อคนอื่น ต่อให้เลือดไหมมากแค่ไหนไม่รู้สึกเท่ากับบาดนิ้วตัวเองแม้เพียงนิดเดียวก็เจ็บแล้ว และคุณแม่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยกับเรื่องที่ลูกชายคุณแม่ก่อ แล้วตายไป ทิ้งคนที่ยังอยู่ให้ทุกข์ทรมานกับสิ่งตัวเองทำไว้” เสียงของนางเต็มไปด้วยความคับแค้น แล้วกระแทกเสียงออกมาก่อนจะเดินจากไป “ช่างเห็นแก่ตัว”
คุณหญิงทองจันทร์ถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สีหน้าไม่ดีเพราะท่านรู้สึกเหมือนตัวท่านเองก็เป็นเช่นนั่น เมื่อที่ผ่านมาไม่เคยเด็ดขาดกับสิ่งที่ลูกทำ ถึงไม่เอ่ยปากยินยอมก็เหมือนยินยอมให้เมียใหม่กับลูกอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเมียเก่า จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาจนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็เกิดเรื่องให้รู้สึกเหมือนกับว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือเปล่า ถ้าใช่! แล้วท่านจะทำยังไง จะแก้ไขได้อีกหรือไม่ ที่สำคัญตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นมา มาจากตัวท่านเอง
**********
“คัท เลิกกอง”
สิ้นเสียงผู้กำกับหนึ่งคน อีกห้าสิบชีวิตที่เหลือก็ปรบมือ ยิ้มแย้ม และถอนหายใจกันออกมาเกือบจะพร้อมกัน เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในคืนนี้ได้จบลงแล้ว จะได้เก็บของกลับที่ไปพักกันเสียที นางเอกตัวปลอมเดินออกมาจากฉาก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่นานก็กลับออกมา ยกมือขึ้นไหว้ลาทุกคนที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นใคร มีหน้าที่อะไรก็ไหว้หมดและยิ้มหวานให้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ที่ทุกคนสัมผัสได้มาทั้งวัน ทำให้เริ่มจะได้ใจใครหลายคนมา จากนั้นก็เดินไปหาผู้จัดการสาว ซึ่งก็รีบส่งน้ำเย็นๆให้ดื่ม แล้วหันไปเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วก็ ไหว้ ยิ้ม โบกมือลา ทุกคนในกอง และทิ้งท้ายด้วยคำว่า
“แล้วเจอกันนะคะ สวัสดีค่ะ บ่ายบายค่ะ”
“ไปดื่มหรือทานอะไรกันต่อไหมคะ” มีบางคนเอ่ยชวน คำปฏิเสธอย่างสุภาพก็ตามมา
“ไว้คราวหลังนะคะ วันนี้ขอตัวค่ะ พรุ่งนี้น้องน้ำมีงานค่ะ”
ทั้งสองคนให้ความกันเป็นเองกับทุกคน พูดไป ยิ้มไป เดินไปกระทั่งมาถึงรถตู้ที่จอดรออยู่ เปิดประตูเข้าไปนั่ง วางข้าวของไว้บนเบาะเสร็จแล้ว คนขับก็ขับรถออกไปทันที
มีลักขณาถอนหายใจออกมายาวๆ ที่ได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องปั้นหน้าหรือคอยกังวลกับอะไรอีก เอนหลังพิงเบาะยืดแขนยืดขา จนผ่อนคลายแล้วก็หันมามองหน้าเอกตัวปลอมที่นั่งหลับตาอยู่ข้างๆ “กลับธรธาราเลยไหมคะ”
“ไปคอนโดค่ะ”
“คอนโด ที่ไหนคะ” เธอถามอย่างสงสัย “พี่จะได้บอกคนขับถูก”
“ทำไมต้องบอกคะ ไปประจำอยู่แล้ว”
มีลักขณาทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวหมายถึงที่ไหนจริงๆ ก็เธอเพิ่งจะรู้จักอีกฝ่ายไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เรื่องราวตื้นลึกหนาบางต่างๆก็ยังรู้ไม่มาก แล้วคอนโดที่ว่ามันคือที่ไหน หรือว่า...เหมือนมีบางอย่างมาสะกิดใจให้ถามออกมาว่า “คุณน้องหมายถึง...”
ธาราธารลืมตาขึ้นมา สบตากับผู้จัดการสาว ยิ้มน้อยๆให้ราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ก็ตอบให้แน่ใจว่า “ใช่ค่ะ คอนโดพี่น้ำ ธาราจะไปอยู่ที่นั้น”
“แต่...” มีลักขณาจะค้าน ไม่เห็นด้วย เพราะยังหวังและคิดว่าธารธาราจะไม่เป็นอะไร และจะกลับมาในไม่ช้า
ธาราธารที่เห็นความลังเลของผู้จัดการสาว จึงใช้น้ำเสียงชโลมใจว่า “พี่มี่อย่าลืมซิคะ ว่าตอนนี้ธาราเป็นตัวตายตัวแทนของพี่น้ำอยู่ อะไรที่เป็นของพี่น้ำก็ต้องเป็นเจ้าน้ำด้วย ไม่งั้นจะไม่เนียน เพราะสมัยนี้ความไวของอินเตอร์เน็ต มือถือ มันน่ากลัวนะคะ ถ้ามีคนมาเห็นเข้า ถ่ายรูปหรือคลิปไปลงให้สงสัย ชื่อเสียงรวมทั้งงานก็จะพัง เงินก็จะไม่เหลือนะคะ”
มีลักขณาคล้อยตามทันทีที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง นิ่วหน้าเหมือนคิดแต่ความจริงไม่ได้คิดแต่เห็นแก่เงิน ก็บอกออกมาว่า “จริงด้วยซิคะ ขอบใจนะคุณน้องที่เตือนพี่” ว่าแล้วก็หันไปบอกคนขับรถให้ตรงไปยังคอนโดหรูทันที
ธาราธารแอบยิ้มอย่างสมใจ แล้วหลับตาลงวาดหวังถึงความหรูหราที่จะได้ครอบครองทันทีที่ไปถึง
เวลาผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมง รถตู้ก็วิ่งมาจอดใต้คอนโดหรูใจกลางเมือง มีลักขณาหยิบกระเป๋าถือมาสะพาย แล้วขยับตัวมาเปิดประตูลงไป คนสวมรอยเป็นนางเอกดังก็ก้าวตามลงมา ส่วนข้าวของนั้นเธอก็บอกให้คนขับรถถือไปให้ ทั้งคู่เดินตรงไปยังลิฟต์ ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาที ก็มาถึงหน้าห้องพัก ผู้จัดการสาวกดรหัสเครื่องสแกนตรงประตู แล้วเปิดกระเป๋าสะพายหยิบคีย์การ์ดออกมารูดเปิดประตูเข้าไปในห้อง โดยมีธาราธารเดินตามเข้าไป
แสงไฟสว่างขึ้นทั่วห้อง มีลักขณาวางกระเป๋าไว้บนโซฟา แล้วเดินไปหาเครื่องดื่มในตู้เย็น ปล่อยให้ธาราธารที่ยืนอยู่ด้านหลังกวาดตามองไปรอบๆห้อง แล้วก็ได้เห็นความหรูหราอย่างที่วาดหวังไว้ ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดวางหรือตกแต่งดูแพง สวยงามมีระดับ สมราคาสิบกว่าหลักของห้องนี้ พื้นที่กว้างโอ่อ่าทันสมัย ห้องรับแขก ห้องครัวแยกเป็นสัดส่วน เธอมองทุกอย่างด้วยความพึงพอใจ
“สวยใช่ไหมคะ” ผู้จัดการสาวถามขึ้น เมื่อเดินถือน้ำเย็นมาให้หญิงสาว และได้เห็นแววตาที่แสดงออกมา
“ค่ะ” ธาราธารรับคำออกมา ไม่มีการซ่อนเร้นหรือปกปิดเพราะคิดว่าใครๆก็ชอบของสวยๆงามๆกันทั้งนั้น
“ห้องนี้คุณน้ำซื้อก็เหมือนไม่ซื้อ ได้มาตอนเป็นพรีเซนเตอร์ให้โครงการ แล้วขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เจ้าของก็เลยให้ค่าจ้างเป็นค่าห้อง เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ได้ครอบครอง คุณน้ำรักห้องนี้มาก มีแม่บ้านมาดูแลให้อย่างดี ถ้าว่างไม่มีคิวงานก็จะจัดห้อง แต่งห้องเอง แต่ที่เด็ดสุด หวงสุดต้องห้องนี้เลยค่ะ”
“ห้องนอน”
“เก่งมากค่ะ รู้ได้ยังไงคะ”
“แค่เดาตามนิสัยคนทั่วไป ที่ใครๆก็มักจะหวงห้องนอนกันทั้งนั้น”
“งั้นตามพี่มาค่ะ”
ว่าแล้วก็วางแก้วไว้บนโต๊ะรับแขก เดินนำไปที่บันไดต่างระดับที่สูงขึ้นไปสามขั้น เปิดประตูห้องออก เดินเข้าไป เปิดไฟให้สว่าง ให้คนสวมรอยที่เดินตามมายืนอยู่ข้างหลังได้เห็นเต็มๆตา เตียงนอนสีขาวขนาดใหญ่มีผ้าคลุมชายลูกไม้สีชมพู วางเด่นอยู่ตรงกลาง โซฟาสีเดียวกันวางอยู่ปลายเตียง ธาราธารมองอย่างชอบใจ แล้วค่อยๆเลื่อนสายตามองไปรอบห้อง ข้าวของทุกอย่างดูเรียบง่าย แต่ทันสมัย จัดวางให้เข้ากันอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นตู้ลิ้นชักที่วางขนาบหัวเตียง โคมไฟ ผ้าม่านชายลูกไม้สีเดียวกับเตียง
มีลักขณาเดินไปดึงผ้าม่านให้เลื่อนออก กระจกใสก็ปรากฏให้เห็น มองเห็นแสงไฟในยามราตรี “เลื่อนออกไปเป็นระเบียง มีสวน มีเก้าอี้ไว้นั่งนอน พักผ่อนดูดาว ดูแสงสีในยามค่ำคืน ซึ่งสวยมาก ส่วนห้องน้ำกับห้องแต่งตัวอยู่ด้านนี้ค่ะ” พูดจบก็เดินไปอีกด้านหนึ่งของห้อง เปิดประตูบางเลื่อนๆออกก็เห็นห้องน้ำหรู อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำพร้อมให้ลงไปอาบได้ทุกเวลา “แม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดห้อง จะเตรียมไว้ให้ทุกวัน และด้านนี้”
เธอเดินไปดึงผ้าม่านออก ก็จะเห็นกระจกใส เห็นวิวสวยงาม “อาบน้ำไปชมวิวไป สวรรค์เลยใช่ไหมคะ และเมื่ออาบน้ำเสร็จ...” มีลักขณาเดินไปเลื่อนประตูที่ซ่อนไว้ เปิดออกกว้างให้เห็นภายใน หันมายิ้มให้เพราะรู้ว่าหญิงสาวต้องชอบห้องนี้ที่สุด แล้วบอกว่า “ห้องแต่งตัว”
ธาราธารเดินเข้าไปดู รอบห้องกรุด้วยกระจก ให้เธอสามารถยืนเห็นรูปร่างของตัวเองได้ทุกสัดส่วน และเพียงเอามือไปแตะกระจก ก็จะเลื่อนเปิดออกให้เห็น เสื้อผ้า อีกบานก็เป็นเครื่องประดับ เธอหยุดมือไว้เมื่อคิดว่ากระจกทุกบานคงซ่อนสิ่งที่สร้างสรรค์ความงดงามให้ทั้งนั้น สูดลมหายใจเข้าเก็บอาการอยากรู้อยากเห็น แล้วหันมามองคนที่รู้เห็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอแล้วว่า
“ออกไปกันเถอะค่ะ พี่มี่จะได้กลับไปพักเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และพรุ่งนี้ยังต้องรีบตื่นมารับธาราอีก”
“ให้พี่ค้างด้วยไหม” มีลักขณาถามเหมือนหวังดี แต่ใจจริงอยากสำรวจห้องสุดหวงนี้บ้าง เพราะไม่ค่อยได้เข้ามา จึงอยากสำรวจทุกซอกทุกมุมบ้าง แต่เหตุผลที่บอกมาคือ “คุณน้องเพิ่งจะมาห้องนี้ครั้งแรก อาจจะยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนอีกบ้าง อีกอย่างเผื่อจะถามเรื่องของคุณน้ำเพิ่มอีก พี่เป็นห่วง ไม่อยากทิ้งให้คุณน้องอยู่คนเดียว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ธาราอยู่ได้ ส่วนเรื่องของพี่น้ำ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เรื่องบางเรื่องบางอย่าง ธาราก็พอจะรู้เหมือนกัน และวันนี้ธาราก็เหนื่อยมาก ลงเครื่องมาก็ทำงานเลย จึงไม่อยากถามอะไรแล้วค่ะ นอกจากนอน”
“งั้นพี่ไม่กวนแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
พูดจบก็ยิ้มให้ แต่เพียงหันหลังเดินออกมา ริมฝีปากก็บิดเบ้เหยียดอีกฝ่ายที่ขัดใจ ปากขมุบขมิบต่อว่าคงอยากจะครอบครองเต็มแก่ คนสวมรอยมองตามอย่างรู้ทัน เหยียดริมฝีปากใส่หลังเพราะพอจะรู้ว่าคิดอะไรอยู่ ทั้งคู่เดินออกมา หยุดยืนด้วยกันที่โซฟากลางห้อง มีลักขณาหยิบกระเป๋ามาสะพายบ่า หันมายิ้มให้พร้อมยกมือโบกลา แล้วหมุนตัวจะเดินไป ก็...
“เดี๋ยวค่ะ”
มีลักขณายิ้ม เพราะคิดว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ ปรับสีหน้าให้นิ่งแล้วหันกลับมาทำตาใส ว่ามีอะไร แต่กลับพบกับสิ่งที่เหนือความคาดหมาย หน้าฉงนสงสัย เมื่อเห็นหญิงสาวยื่นสิ่งที่เป็นกำลังใจให้...เงิน
“น้ำใจเล็กๆน้อยๆ วันนี้พี่มี่เหนื่อยกับธารามาทั้งวันแล้ว จึงอยากให้เป็นกำลังใจค่ะ”
“อุ้ย ไม่ต้องค่ะ คุณน้อง ทั้งหมดที่ทำก็คือหน้าที่” ปากว่าแต่ใจอยากให้มือไขว่คว้ามาใส่กระเป๋าแทบขาดใจ เพราะดูคำนวณแล้วเงินนั้นไม่ได้น้อยเลย
“แต่ถ้าไม่มีพี่มี่ หน้าที่ของธาราวันนี้ก็คงไม่สำเร็จ รับไปเถอะค่ะ”
เมื่ออีกฝ่ายคะยั้นคะยอ สีหน้าของมีลักขณาเต็มไปด้วยความลำบากใจ ยื่นมือไปรับมาอย่างเสียไม่ได้ “ขอบใจนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ธาราอยากขอให้พี่มี่ช่วยตามข่าวพี่น้ำให้หน่อย เป็นห่วงนะคะ และถ้าเจอหรือได้ข่าวอะไรก็รีบบอกธาราด้วย”
มีลักขณารีบรับปากเพราะวันนี้เธอก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท ที่สำคัญถ้านางเอกดังกลับมาแล้ว เธอก็จะได้ตั้งรับหาเหตุหาผล กันตัวเองไม่ให้เดือดร้อน แล้วรีบเดินออกมาจากห้อง ขณะที่ธาราธารก็คิดไม่ต่างกันเลย เพราะคำว่าหายไป ไม่ได้ตายจากไป อีกฝ่ายอาจจะโผล่มาเมื่อไรก็ได้
*********
ยามรุ่งสางที่ตะวันยังไม่โผล่ขึ้นมา มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ดำทะมึนเป็นพื้นเดียวกับท้องฟ้า เรือประมงถูกขับฝ่าวารีไปข้างหน้า ฟองคลื่นสีขาวแตกกระเซ็นเป็นเส้นสายอย่างสวยงาม หญิงสาวคนเดียวในเรือเดินออกจากห้องเล็กแคบชั้นล่างพร้อมบางอย่างในมือ ขึ้นมาชั้นบน สายตามองไปรอบๆและสะดุดหยุดนิ่งที่คนบังคับเรือ แค่ด้านหลังเธอก็จำได้ว่าเป็นคนชังน้ำหน้า แล้วละสายตามองไปยังขอบฟ้าที่เริ่มมีสีเรืองรอง ลมเย็นพัดมาให้ต้องยกมือขึ้นกอดอก ขณะเดินไปนั่งที่หัวเรือ วางของในมือไว้ข้างตัว แล้วหลับตาลงพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ ไม่กี่อึดใจก็ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนกร้อง
เธอมองนกที่มีอิสรเสรีที่จะบินไปไหนก็ได้ ยิ้มให้กับมัน แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหาย เมื่อกลับมาคิดถึงตัวเองที่อิสรภาพกำลังจะหมดไป กลับไปเผชิญกับไฟส่องหน้าไมค์จ่อปาก ถามคำถามมากมายว่าเธอหายไปไหน ทำอะไร หรืออยู่กับใคร และอีกมากมายหลายปัญหา ทำให้เธอนอนไม่หลับ ที่สำคัญคือข่าวการหายตัวไปของเธอคงดังกระหึ่มและรำลือกันไปต่างๆนาๆ คงหาสาเหตุและขุดคุ้ยกันจ้าละหวั่น ใครที่สนิทกับเธอคงโดนตามติด สอบถาม เพื่อหาข่าว อาจมีการไปเฝ้าถึงหน้าคอนโดหรือที่บ้านด้วยซ้ำ และคนที่โดนหนักที่สุดก็คงเป็นผู้จัดการของเธอ พี่มีมี่ ซึ่งคงแก้ต่างแก้ตัวให้เธอสวยๆได้เช่นเคย แต่คงไม่มีใครคิดว่าเธอโดนลักพาตัวมาเพื่อฆ่าอย่างแน่นอน
และอีกหนึ่งคนที่คงทุกข์ใจ ก็คือคุณย่าคงรู้จากพี่มีมี่ และคงเป็นห่วงเธอไม่น้อย แต่คนที่ไม่เดือดร้อนเลยก็คือคนเป็นแม่ ที่รักตัวเองมากกว่ารักคนอื่นไปแล้ว เพราะรักที่มีและให้คนอื่นไป มันถูกทำลายไปตั้งแต่วันที่มือที่สามเข้ามา จึงไม่อยากให้รักกับใครให้เจ็บปวดอีก แต่คนที่เจ็บกลับกลายมาเป็นเธอแทน เมื่ออยากได้ความรักจากแม่เหลือเกิน คิดถึงอ้อมแขนที่เคยโอบอุ้มโอบกอด ริมฝีปากที่แตะไปทั่วหน้า ฝ่ามือที่ลูบผม รอยยิ้ม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำให้ มันห่างหายกลายเป็นความทรงจำ ที่เธอฝันอยากให้มันกลับคืนมาสักวัน
น้ำตารื้อขึ้นมากลบดวงตา เธอรีบกะพริบตาให้มันหายไป แล้วยิ้มหยันตัวเอง ภายนอกที่ทุกคนเห็นคือเธอเป็นคนที่เข้มแข็ง เย่อหยิ่ง ไม่สนใจใคร ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาร้ายกลับ โดยไม่สนภาพลักษณ์นางเอก นั่นเพราะสังคมของเธอมันอยู่ยาก ทั้งวงการมายาที่เบื้องหน้าสวยงาม แต่เบื้องหลังเป็นมายาสมชื่อ เพื่อให้มีที่ยืนอยู่ในวงการ แค่หน้าตาดีไม่พอมันต้องมีบารมีและฝีมือด้วย ที่สำคัญคือครอบครัวของเธอ แม่เลี้ยงกับน้องต่างเลือด ที่เข้ามาทำให้เธอรู้ว่าถ้าอ่อนแอเมื่อไรก็แพ้ไปเมื่อนั้น เธอจึงซ่อนความอ่อนแอไว้ลึกสุดใจ
ดวงอาทิตย์กลมโตค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นน้ำ มันสวยงามและให้ความรู้สึกเหมือนมาปลอบใจเธอ จึงยิ้มด้วยความสดใสเพราะเป็นยิ้มมาจากใจ เธอจับจ้องมองทุกวินาทีที่มันเคลื่อนขึ้นมา ยกมือขึ้นทำท่าราวกับโอบมันไว้ แต่แล้วก็มีบางอย่างโผล่ขึ้นมาจากน้ำบดบังมันจากสายตาของเธอ... ธารธาราจ้องมองสิ่งนั้นและเมื่อเห็นว่าเป็นคนชั่งน้ำหน้า ที่ไม่รู้ว่าลงไปแหวกว่ายน้ำอยู่เมื่อไร และโผล่มาทำลายบรรยากาศแสนสุขของเธอ รอยยิ้มก็หายไป อยากจะลุกไปจากที่นั่งอยู่ แต่ทำไมเธอต้องหนี
ใบหน้างามเชิดขึ้นแล้วเลิกสนใจเขา คิดถึงสิ่งที่ต้องการจะทำเมื่อได้เหยียบแผ่นดิน คนมากมายคงจำเธอได้ ฉะนั้นเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ใครจำได้ ก่อนที่จะได้รู้ว่าพี่มีมี่ให้ข่าวอะไรไปบ้าง จึงหยิบของที่ขอมาจากหมอ มองมันอย่างชั่งใจ แล้วตัดสินใจยกมันขึ้นสูง เพื่อ...
“จะทำอะไร”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธอชะงัก แหงนหน้าขึ้นมองร่างสูงที่โผล่มายืนตรงหน้า ตัวเขามีเพียงกางเกงขาสั้นที่เปียกน้ำแนบไปกับรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและซิกแพคที่สวยงาม แม้จะเคยร่วมถ่ายแบบกับผู้ชายที่เปลือยเกือบทั้งตัวมาบ้าง แต่ไม่เคยมีใครทำให้มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจได้เท่ากับเขา แต่ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร สบตาที่มองอยู่พร้อมกับบอกว่า
“เรื่องของฉัน”
ดวงตาคมหรี่มองของที่อยู่ในมือ ซึ่งก็คือกรรไกร ที่น่าสงสัยมากว่าเธอจะทำอะไร “กล้าที่จะทำ ก็กล้ายอมรับหน่อยซิ อย่าขี้ขลาด”
“ตัดผม” เธอตัดความรำคาญกับน้ำเสียงที่ดูแคลนของเขา
“ทำไม”
“แล้วทำไมฉันจะต้องบอก คุณเป็นใคร คนอื่นสำหรับฉัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องบอก”
ใบหน้าคมก้มต่ำลงมา มองใบหน้างามในระยะประชิด ชิดจนอีกฝ่ายรับรู้ถึงลมหายใจเขา และคำพูดที่ข่มอยู่กลายๆ “แต่เธออยู่บนเรือของฉัน ทุกเรื่องของเธอก็เหมือนเรื่องของฉัน”
“ฉันเป็นคนไม่จำเป็นสำหรับคุณ จะทำไปเพื่ออะไร คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ไม่ใช่เหรอ”
“แต่ตอนนี้จำเป็น เพราะฉันอยากรู้ และถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องตัด”
“ผมของฉัน คุณไม่มีสิทธิมายุ่ง”
“ลองดูไหมละ”
สิ้นเสียงพูด กรรไกรในมือก็ตัดฉับแต่ไม่โดนเส้นผมเมื่อมือหนาจับมือเรียวไว้ทัน เธอก็กระชากมือกลับอย่างไม่พอใจพร้อมกับบอกให้ปล่อย แต่เขาจะคลายให้สักนิดก็ไม่มี และสั่งเสียงเข้ม “ตอบ”
เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันข่มความโกรธ ขณะสายตาที่มองใบหน้าคมก็ไม่ต่างกัน อีกฝ่ายก็มองให้รู้ว่าถ้าไม่ตอบ อย่าหวังว่าจะได้ตัด ความโกรธจึงอ่อนลงแต่ใจก็ยังอยากต่อต้าน อีกใจก็บอกว่าทำไปก็แค่นั้น กัปตันเรือที่เด็ดขาดอย่างเขาไม่มีวันถอยแน่นอน ต้องข่มขู่หรือทำจนเธอต้องพูดออกไปนั่นแหละ เสียงแข็งๆจึงพูดออกมามาเพื่อให้จบๆ “ฉันอยากเป็นคนใหม่ อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเหมือนเส้นผมที่ขาดไปจากตัวฉันก็เท่านั้น”
“ไม่เสียดายเหรอ”
“ไม่ สั้นได้ก็ยาวได้จะเสียดายทำไม”
“ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ต้องตัด เพราะเรื่องฆาตกรรมไม่มีทางที่ขาดหายไป มันคงกลับมาเหมือนเส้นผมที่ยาวออกมาใหม่ของเธอ ตราบใดที่ยังไม่ตัดรากถอนโคน มันก็จะกลับมาหาเธออีก”
มือที่ถือกรรไกรอ่อนแรงให้คนที่จับอยู่รู้สึก แต่แววตายังเด็ดเดียวอยู่ “ก็ช่างมัน แต่ยังไงฉันก็จะตัด มันอาจจะทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่พวกมันจำไม่ได้ก็ได้ หรือถ้าได้ ฉันก็จะได้รู้ว่าใครมันฆาตกรรมฉัน”
“รู้แล้วตายจะมีประโยชน์อะไร”
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าฉันจะตาย หรือคุณอยากให้ฉันตาย กัปตันธอร์”
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเธอเรียกชื่อเขาออกมา แล้วดึงกรรไกรมาตัดผมให้เธอ เพียงเส้นผมร่วงลงมา ใจเธอก็แวบหายขณะสายตาก็มองอย่างเสียดาย ความยาวของเส้นผมบอกให้รู้ว่าที่เหลืออยู่คงสั้นเหลือเกิน และไม่รู้ว่าจะมีรูปทรงยังไง แต่ไม่รำพันคำใดออกมา นั่งนิ่งให้เขาตัด กระทั่งเสียงตัดหายไป เสียงเขาก็ดังขึ้นมาแทน
“ได้คำตอบหรือยัง” เขาถามพลางยืดตัวขึ้นเต็มความสูง มองใบหน้าที่สวยหวานกลายมาเป็นหนุ่มน้อยหน้ามน ทะลุทรงผมเว้าๆแว้งๆจากมือเขา รอยยิ้มก็เกิดขึ้นในใจราวกับพอใจอะไรบางอย่าง แต่น้ำเสียงกับสีหน้านิ่งเฉย
“คำตอบอะไร” เธอตวัดสายตาขึ้นมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ว่าฉันอยากให้เธอตายหรือเปล่า”
“ไม่รู้ แต่คนที่ชังน้ำหน้ากัน ก็คิดได้อย่างเดียว ว่าคงอยากให้ตายเหมือนเส้นผมที่ถูกตัดไป จะได้ขาดจากกันเสียที”
“ฉันร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่” เธอสวนแบบไม่ต้องคิด ดวงตาคมหรี่ลงปิดบังรอยขำไว้ แล้วบอกว่า
“แค่ฉันให้คนจับเธอโยนลงน้ำแค่นั้น ก็หาว่าฉันร้ายแล้ว ถ้ารู้จักฉันมาก...”
“ฉันไม่อยากรู้จัก”
เธอพูดสวนออกมาทันที ใบหน้าคมจึงก้มลงมาใกล้หน้าเธออีกครั้ง ถามเสียงเรียบแต่มันทำให้เธออาย ที่เขาจับไต่เธอได้ “ฉันไม่อยากรู้จัก แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันชื่อ...ธอร์”
แก้มของธารธาราร้อนผ่าวขึ้นมาทันที และนึกเคืองหมอที่คงไปบอกเขา โดยไม่รู้ว่าหมอไม่ได้พูดแต่เขาเผอิญได้ยินก็เท่านั้น แล้วพยายามทำหน้าบึ้งขึงตาใส่ ไม่ให้แก้มแดงขึ้นมาแต่ดูจะไม่ได้ผล เมื่อมันระเรื่อออกมาให้เขาเห็น และบอกเธอก่อนจะเดินไปที่ท้ายเรือว่า
“ถ้าฉันอยากให้เธอตาย คงไม่ตัดผมให้เธอด้วยตัวฉันเอง และไม่ใช่แค่ผมที่ฉันจะตัด แต่...คนที่มันทำร้ายเธอ ฉันจะตัดมันให้ขาดไปจากชีวิตเธอด้วย”
ธารธาราอึ้งไปกับคำพูดที่ทิ้งท้ายไว้ แล้วปัดทิ้งไป ไม่มีความซึ้งใจหรือดีใจเลยสักนิด เพราะคิดว่าที่เขาพูดก็เพื่อให้ตัวเองดูดี ไม่ให้ดูร้ายในสายตาเธอไปมากกว่านี้ก็เท่านั้น
***********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
คอนโดสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยาราคาแสนแพง เพราะห้องพักแต่ละห้องนั้นตกแต่งอย่างหรู มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครั้น แถมบรรยากาศแสนดี เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ยิ่งยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเช่นตอนนี้ยิ่งสวย ตรงระเบียงห้องมุมหนึ่งจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆอีกมุมมีโต๊ะวางเครื่องดื่ม มีเก้าอี้ตัวเล็กตัวใหญ่วางไว้สำหรับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ เจ้าของห้องคือนางเลอรัศมี ซึ่งจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาพักที่คอนโดแห่งนี้ แต่วันนี้ความรู้สึกสุขไม่มี มีแต่ความรู้สึกทุกข์ กระวนกระวายไปทั้งหัวใจ
หน้านิ่วคิ้วขมวดหมุนตัวเดินไปเดินมาพลางมองไปที่ประตูห้องบ่อยๆ กระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิด ก็เดินจ้ำไปหาคนที่เปิดประตูเข้ามาทันที ริมฝีปากอ้าเหมือนจะพูดเรื่องที่ร้อนใจอยู่ แต่คิดว่าควรให้เวลาคนที่เพิ่งมาถึงได้พักก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครคนที่นางคบหาอยู่อย่างลับๆนั่นเอง
นายประชา ชนะศาสตร์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหญ่ ติดบ่วงเสน่หาแม่ม้ายลูกหนึ่ง ทั้งที่เขาก็มีภรรยาอยู่แล้ว แต่เพราะกระดังงาที่หอมยั่วยวนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอในงานการกุศล จึงสานสัมพันธ์กันเรื่อยมากระทั่งสร้างรังรักแห่งนี้ขึ้น เขาทุ่มเทให้เธอ ให้ทั้งห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ และยังเกื้อกูลลงทุนธุรกิจร้านเพชรและร้านเสื้อผ้าให้เธอได้ทำกินด้วย
เขาถอดสูทวางไว้บนโซฟากลางห้อง แล้วเดินไปที่ระเบียง นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ข้อมือทั้งสองข้างกับที่หน้าอกลงเม็ดหนึ่ง เพื่อรับลมธรรมชาติที่พัดมาเป็นระยะ พร้อมกับมองท้องฟ้าที่หม่นลงจนเกือบจะมืดแล้ว แสงไฟมุมระเบียงสว่างขึ้นพร้อมกับแก้วเบียร์เย็นๆส่งให้ตรงหน้า เขาละสายตามามองคนที่เอามาให้ ส่งยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นรับมาดื่มไปครึ่งแก้ว แล้ววางไว้บนโต๊ะ เรียบร้อยแล้วก็ถามออกมา
“โทรให้ผมรีบมาหา มีอะไร”
เลอรัศมีนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ๆ เห็นท่าทางเหนื่อยๆของเขา ก็ยิ้มหวานปลอบใจ ยังไม่พูดเรื่องของเธอ แต่ถามเขาว่า “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ คุณดูเหมือนไม่สบายใจ”
“สินค้าบนเรือผมเสียหาย”
“ตายแล้ว มากไหมคะ” นางตกใจ และเพิ่งรู้ว่าเขามีกิจการเดินเรือด้วย
“ไม่หรอก ลูกน้องผมกำลังแก้ไขอยู่ คุณอย่าใส่ใจเลย พูดเรื่องคุณมาดีกว่า”
“ฉันไม่อยากเพิ่มปัญหาให้คุณเลย”
“เรื่องของผมบอกแล้วไม่มีอะไร พูดเรื่องของคุณมาเถอะ”
เลอรัศมีทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แล้วพูดออกมา “ลูกของฉันรู้เรื่องของเราแล้ว”
“ลูกของคุณกลับมาแล้วเหรอ” เขาถามเพราะพอจะรู้ว่าลูกของเธอไปเรียนด้านแฟชั่นอยู่ต่างประเทศนั่นเอง
“ค่ะ กลับมาวันนี้”
“แล้วอะไรที่ทำให้คุณคิดว่า แกรู้เรื่องของเรา”
“แกพูดชื่อคุณออกมา อย่างที่ฉันคิดไม่ถึง และไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ”
“แล้วยังไง ลูกคุณโวยวายออกมาหรือไง สีหน้าถึงไม่ดีเอาเสียเลย” เขาถามทั้งที่พอจะรู้ว่าที่เธอกังวลเพราะกลัวใจลูกจะรับไม่ได้นั่นเอง
“เปล่าค่ะ แต่ฉันสงสัยว่าแกรู้เรื่องของเราได้ยังไง เพราะฉันปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ คุณก็รู้ว่าเราไม่อาจให้ใครรู้เด็ดขาด ยิ่งคนที่ธรธารายิ่งรู้ไม่ได้”
แววตาเขานิ่งลึกเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แล้วถามออกมา “แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้พูด หรือเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า”
“ไม่มีทาง และฉันก็แน่ใจว่าไม่เคย นอกเสียจาก...” เหมือนมีบางอย่างมาสะกิดใจ แต่อีกใจก็บอกออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้”
“อะไร”
“แกจะบังเอิญเห็นคุณกับฉัน ซึ่งอย่างที่ฉันบอกเป็นไปได้ยากมาก เพราะแกอยู่เมืองนอก เราอยู่ที่นี่ จะว่ามีใครพบเห็นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะฉันระวังไม่เคยทำอะไรที่ดูไม่ดีนอกห้องนี้กับคุณเลย การคบกันของเราข้างนอกก็เหมือนนักธุรกิจที่คุยงานด้วยกันเท่านั้น”
“แล้วจู่ๆแกพูดถึงผมได้ยังไง”
เลอรัศมีหลบตาที่มองอยู่ทันที เธอมั่วแต่ร้อนใจที่ลูกพูดออกมา รีบออกจากกองถ่ายมารอเขาที่นี่ จนไม่ทันได้คิดว่า ถ้าเขาถามจะตอบว่ายังไง แต่เมื่อคิดไปถึงคำพูดของลูกก็เห็นด้วย เรื่องที่เธอทำขึ้นมา ไม่มีใครที่เธอรู้จักหรือพอจะช่วยเธอได้เท่ากับเขา ที่มีครบทุกอย่าง ทั้งอำนาจ บารมี และเงินทอง ไม่งั้นเขาคงไม่ให้ห้องนี้กับเธอและยังธุรกิจที่ลงทุนให้อีก
คิ้วเธอย่นเข้าหากันเพราะกำลังคิดหนัก ใจหนึ่งก็ไม่อยากบอกแต่ถ้าไม่บอกใครจะช่วยเธอ จะให้ไปหาเอง พวกนักเลงอันธพาล เธอก็ไม่รู้จัก หรือถ้ารู้จัก เธอจะไว้ใจได้แค่ไหน ถ้ามันไม่ซื่อสัตย์หรือพลาดขึ้นมา ทุกอย่างที่ทำลงไปก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่า ดีไม่ดีอาจจะถึงขั้นติดคุกติดตะราง อีกใจหนึ่งที่บอกให้บอก ก็กังวลว่าหลังจากนี้ลูกต้องมารับรู้เรื่องของเธอกับเขามากยิ่งขึ้น ซึ่งเธอไม่ต้องการ ความคิดเธอกำลังขัดแย้งกันอย่างหนัก แต่สุดท้ายเมื่อเธอขึ้นขี่หลังเสือแล้ว มันก็ยากที่เธอจะลงมา
“ฉันทำเรื่องบางอย่างลงไป” เธอตัดสินใจพูดออกไป “เป็นเรื่องใหญ่ที่กำลังกังวลและกลัวผลที่จะตามมา”
นายประชาไม่ได้กังวลเรื่องที่เธอกังวล ยังถามออกมาเรื่อยๆ “เรื่องอะไรและร้ายแรงแค่ไหน”
“แค่เริ่มต้น เห็นผลว่าดีก็อยากให้ดีตลอดไป ไม่มีอะไรมาขัดขวาง หรือถ้ามีก็อยากจะกำจัดให้สิ้นทาง”
“เล่ามาซิ”
“ฉันให้ลูกเป็นตัวตายตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่งที่หายตัวไป ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร ธารธารา นางเอกดัง ลูกเลี้ยงฉันเอง” บอกแล้วเธอก็เล่าให้เขาฟังต่อว่าทำอะไรลงไปบ้าง “ตอนนี้ธาราสวมรอยเป็นยัยน้ำอยู่ กำลังทำคะแนนเป็นนางเอกที่แสนดี ไม่มีใครสงสัย ฉันเป็นคนคิดและคว้าโอกาสนี้มาให้ลูกเอง เพื่อให้แกมีทุกอย่างเหนือกว่า และอยากให้เป็นเช่นนี้ไปก่อน จึงไม่อยากให้ลูกเลี้ยงโผล่มาเอาทุกอย่างคืนไป”
“แล้วคุณอยากให้ผมช่วยยังไง”
“ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่ายัยน้ำหายไปไหน ฉันจึงอยากให้คุณส่งคนไปตามหา ถ้าได้เบาะแสหรือเจอตัว ก็ขัดขวางไว้ไม่ให้โผล่มาเป็นเสี้ยนหนามของลูกฉัน จะกักตัวไว้ หรือทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
นายประชาหรุบตาลงเหมือนปิดบังอะไรไว้ แล้วก็บอกว่า “ได้ ผมจัดการให้ เพราะลูกคุณก็เหมือนลูกผม"
“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวฉันจะบอกข้อมูลทุกอย่างของยัยน้ำให้คุณเอาไปให้คนของคุณ และถ้าทุกอย่างสำเร็จอย่างที่ฉันคิดไว้ ชื่อเสียงของธาราจะเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจของเรามากมายทีเดียว เป็นไงคะความคิดของฉัน จัดการคนแค่คนเดียว แต่เราได้ผลประโยชน์มากมาย”
นายประชายิ้ม ยกแก้วขึ้นชูความฉลาดของเธอ แล้วดื่มเบียร์พร้อมกับรับฟังข้อมูลของนางเอกดัง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาไปโทรสั่งลูกน้อง ขณะที่เลอรัศมียิ้มด้วยความโล่งใจ สบายใจ มองออกไปนอกระเบียง ท่ามกลางความมืด ดวงไฟนับล้านสว่างขึ้นมา คล้ายกับอนาคตของลูกของเธอ ที่กำลังจะสว่างไสวในตอนนี้
**********
ดวงดาวระยิบพริบอยู่บนท้องฟ้าเหนือตึกธรธารา คุณหญิงทองจันทร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ตรงสนามหญ้าหน้าตึก โดยมีนางพุดคนสนิทนั่งคอยดูแลอยู่ข้างๆ และรู้ว่าที่ท่านนั่งไม่ยอมขยับเข้าไปพักผ่อนข้างใน เพราะรอคอยการกลับมาและข่าวคราวของหลานสาวที่หายตัวไป แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ทุกทิศทางที่สื่อสารไป เป็นเหมือนคลื่นสาดทรายที่เงียบหายไป
คุณหญิงทองจันทร์มองดวงดาราที่พร่างพราวอยู่บนฟ้ามืด แสงระยิบระยับวิบวับนั้นเป็นเหมือนหลานสาวที่กำลังโด่งดังเป็นนางเอกดังอยู่ในขณะนี้ แต่ดาวบางดวงก็ริบหรี่ มีเมฆมาบดบังให้แสงหม่นมัว เหมือนการที่หายตัวไปของหลานในตอนนี้ ที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร ปลอดภัยหรือทุกข์สุข ปล่อยให้ท่านเป็นห่วงเป็นใยทุกลมหายใจ
“ไม่มีข่าวของยัยน้ำเลยใช่ไหม” ท่านถามนางพุดซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ถามซ้ำมาแล้วหลายครั้ง
“ค่ะ” นางพุดก็ตอบด้วยคำเดิมๆ “คุณทนายที่โทรมาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วยังไม่ได้โทรมาอีก ส่วนคุณมี่ลักขณา ตั้งแต่พาคุณธาราไป ก็เงียบไปเลยค่ะ”
“คงกำลังยุ่งเรื่องของธารา จะโทรมาก็กลัวจะมีคนแอบฟังแล้วความจะแตก เงียบไว้เป็นดีที่สุดแล้ว”
“แล้วพ้นคืนนี้ไป คุณท่านจะไปแจ้งความไหมคะ”
“ถ้าแจ้งก็เป็นข่าวคึกโครม ใหญ่โต สิ่งที่ธาราทำอยู่ในตอนนี้ก็สูญเปล่า และจะโดนต่อว่าว่าหลอกลวง วงศ์ตระกูลก็เสื่อมเสีย” ว่าแล้วท่านก็ถอนหายใจออกมายาวๆ หันมามองคนสนิท พูดสิ่งที่กังวลลึกออกมา “ฉันคิดผิดหรือเปล่าพุด ที่ยอมให้มีตัวตายตัวแทนเกิดขึ้นมา ฉันมาคิดๆดู เรื่องมันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะดวงดาวบนฟ้านั้นสวยงาม ล่อตาล่อใจให้ใครๆอยากได้ อยากครอบครองเป็นเจ้าของ และเมื่อได้ครอบครองแล้ว คงไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงเอาไปเด็ดขาด ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีที่สุด”
นางพุดรู้ได้ทันทีว่า คุณหญิงทองจันทร์กังวลเรื่องอะไรอยู่ “ท่านกลัวว่าคุณธารา...”
“ใช่ ธาราจากบ้านไปหลายปี นานทีถึงจะกลับมา นิสัยใจคอที่แท้จริงเป็นยังไงก็ไม่รู้ไม่เห็น ที่เห็นก็ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเสแสร้งแกล้งทำกันแน่ ฉันผ่านร้อนผ่านหนาวเห็นเรื่องราวต่างๆมามากแล้ว จนนึกหวั่นว่าศึกสายเลือดอาจจะเกิดขึ้นมา”
“แต่คุณธารารับปากท่านไว้แล้วนี่ค่ะ ว่าถ้าคุณน้ำกลับมา จะคืนทุกอย่างให้เธอเหมือนเดิม”
“ไม่มีอะไรที่แน่นอนเสมอไปนะพุด ใจคนมันยากลึกจะหยั่งถึง พอๆกับน้ำทะเลที่นิ่งลึกหรือคำโบราณที่มีมาเนิ่นนานก็ยังเอามาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ว่าดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูไปถึงแม่”
นางพุดคิดตามคำพูดท่าน ก็เริ่มหวั่นเช่นกันว่าเชื้อแม่จะแรง แย่งเอาของๆคนอื่นมาเป็นของตัวเอง จนบ้านธรธาราไม่สงบสุขมาแล้ว และจะแก้ไขก็คงไม่ทันแล้ว เมื่อคนที่ท่านพูดถึงเปรียบเหมือนเสือที่ถูกปล่อยเข้าป่า ให้ได้ลิ้มชิมเนื้อกวางหวานๆจนติดใจแล้ว ก็ยากที่จะจับกลับมาขัดเกลา มีแต่จะทะยานไปข้างหน้าเท่านั้น
“อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้นะคะท่าน” แม้จะเห็นด้วย แต่นางพุดก็ยังพูดปลอบใจเจ้านายออกมา
“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ขออย่าให้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ให้ธรธาราร้อนไปกว่านี้เลย” พูดจบท่านก็ถอนหายใจผ่อนความหนักหน่วงในอกออกมา “เข้าไปข้างในกันเถอะพุด” บอกแล้วก็ลุกขึ้น แต่ไม่ขยับเท้าเดิน เพราะเห็นรถวิ่งมา จำได้ว่าเป็นรถของภรรยาคนแรกของลูกชายของท่านที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งก็จอดไม่ห่างจากที่ท่านนั่ง แล้วคนขับก็เปิดประตูลงมา เดินมาหาท่าน
“คุณแม่ยังไม่นอนเหรอคะ” จรัสแขถามทั้งที่พอจะรู้สาเหตุที่ทำให้ท่านยังอยู่ตรงนี้ นางเองถึงจะออกไปเที่ยว ไปหาความสุขให้ตัวเอง แต่ตลอดเวลาก็คอยฟังข่าวคราวของลูกที่หายตัวไปเช่นกัน แต่ท่าทางของนางดูไม่ใส่ใจเท่าไร จึงถูกต่อว่าออกมา
“ใจฉันร้อนจะนอนหลับได้ยังไง ถึงยัยน้ำจะไม่ใช่เลือดในอก แต่ก็มีสายเลือดของฉันอยู่ด้วย จะให้ทำใจให้สบายเหมือนหล่อนๆก็คงไม่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้หรอก”
“พูดอย่างนี้แสดงว่ายัยน้ำยังไม่กลับมา หรือได้ข่าวอะไรเลยใช่ไหมคะ กลับมาเมื่อไร แขจะหยิกให้เนื้อเขียวเชียว”
“ลูกหายไปยังไม่กลับมา หล่อนจะมีใจห่วงใย หรือเดือดเนื้อร้อนใจสักนิดก็ไม่มี มีแต่จะดุว่าทำร้าย หล่อนเป็นแม่แบบไหนกัน”
“แบบเลวไงคะ” เสียงพูดนั้นมีความขมขื่นปนเหยียดหยัน “เพราะแขเคยเป็นแม่เป็นเมียที่ดี แล้วแขได้อะไรบ้าง นอกจากความเจ็บปวดทุกข์ทนทรมาน แต่คนที่ไม่ดีกลับได้รับความสุขสมไปเสียทุกอย่างอย่าง แล้วแขจะทำดีเพื่ออะไรอีก”
“หล่อนก็เลยจะเลวตาม”
“เปล่าค่ะ แต่แขจะไม่ยอมให้ความทุกข์ ความเจ็บปวด มาทำให้แขไม่มีความสุขอีกแล้ว แขจะทำทุกอย่างที่ทำให้แขมีความสุขเท่านั้น และแขมานั่งคิดดูแล้วยัยน้ำก็ไม่ใช่เด็กที่จะมานั่งคอยเป็นห่วง คอยตามว่าไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร แกอาจจะแค่ขอไปพักเพราะเหนื่อยทั้งเรื่องงานและเรื่องคนที่แบกอยู่ ส่วนเรื่องตัวตายตัวแทนที่คุณแม่เห็นดีเห็นงามไปด้วย ระวังไว้ให้ดีนะคะว่าเชื้อมันจะไม่ทิ้งแถว แล้วธรธาราของคุณแม่ จะลุกเป็นไฟขึ้นอีกครั้ง”
“ถ้าทุกครั้ง คุยกันด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ ไฟที่ว่าก็คงไม่เกิดขึ้น”
“การที่ผัวพาผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กอีกคนมาเหยียบหัวใจเราถึงในบ้าน จะต้องมีเหตุผลอะไรมาคุยกันอีกเหรอคะ นอกจากความเลวของคน และแขก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะนิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคนที่เอาหนามมาแทงอกกันซึ่งๆหน้า คุณแม่เป็นแม่ของผัวแข ไม่ได้เป็นแข ถึงจะรู้ว่าแขเจ็บแต่ไม่รู้หรอกว่าแขเจ็บแค่ไหน”
“ฉันรู้”
“ค่ะ แขก็รู้ว่าคุณแม่รู้ แต่รู้ว่าเจ็บกับที่เจ็บด้วยตัวเอง มันต่างกันนะคะ เหมือนกับที่เขาว่ามีดบาดเนื้อคนอื่น ต่อให้เลือดไหมมากแค่ไหนไม่รู้สึกเท่ากับบาดนิ้วตัวเองแม้เพียงนิดเดียวก็เจ็บแล้ว และคุณแม่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยกับเรื่องที่ลูกชายคุณแม่ก่อ แล้วตายไป ทิ้งคนที่ยังอยู่ให้ทุกข์ทรมานกับสิ่งตัวเองทำไว้” เสียงของนางเต็มไปด้วยความคับแค้น แล้วกระแทกเสียงออกมาก่อนจะเดินจากไป “ช่างเห็นแก่ตัว”
คุณหญิงทองจันทร์ถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สีหน้าไม่ดีเพราะท่านรู้สึกเหมือนตัวท่านเองก็เป็นเช่นนั่น เมื่อที่ผ่านมาไม่เคยเด็ดขาดกับสิ่งที่ลูกทำ ถึงไม่เอ่ยปากยินยอมก็เหมือนยินยอมให้เมียใหม่กับลูกอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเมียเก่า จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาจนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็เกิดเรื่องให้รู้สึกเหมือนกับว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือเปล่า ถ้าใช่! แล้วท่านจะทำยังไง จะแก้ไขได้อีกหรือไม่ ที่สำคัญตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นมา มาจากตัวท่านเอง
**********
“คัท เลิกกอง”
สิ้นเสียงผู้กำกับหนึ่งคน อีกห้าสิบชีวิตที่เหลือก็ปรบมือ ยิ้มแย้ม และถอนหายใจกันออกมาเกือบจะพร้อมกัน เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในคืนนี้ได้จบลงแล้ว จะได้เก็บของกลับที่ไปพักกันเสียที นางเอกตัวปลอมเดินออกมาจากฉาก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่นานก็กลับออกมา ยกมือขึ้นไหว้ลาทุกคนที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นใคร มีหน้าที่อะไรก็ไหว้หมดและยิ้มหวานให้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ที่ทุกคนสัมผัสได้มาทั้งวัน ทำให้เริ่มจะได้ใจใครหลายคนมา จากนั้นก็เดินไปหาผู้จัดการสาว ซึ่งก็รีบส่งน้ำเย็นๆให้ดื่ม แล้วหันไปเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วก็ ไหว้ ยิ้ม โบกมือลา ทุกคนในกอง และทิ้งท้ายด้วยคำว่า
“แล้วเจอกันนะคะ สวัสดีค่ะ บ่ายบายค่ะ”
“ไปดื่มหรือทานอะไรกันต่อไหมคะ” มีบางคนเอ่ยชวน คำปฏิเสธอย่างสุภาพก็ตามมา
“ไว้คราวหลังนะคะ วันนี้ขอตัวค่ะ พรุ่งนี้น้องน้ำมีงานค่ะ”
ทั้งสองคนให้ความกันเป็นเองกับทุกคน พูดไป ยิ้มไป เดินไปกระทั่งมาถึงรถตู้ที่จอดรออยู่ เปิดประตูเข้าไปนั่ง วางข้าวของไว้บนเบาะเสร็จแล้ว คนขับก็ขับรถออกไปทันที
มีลักขณาถอนหายใจออกมายาวๆ ที่ได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องปั้นหน้าหรือคอยกังวลกับอะไรอีก เอนหลังพิงเบาะยืดแขนยืดขา จนผ่อนคลายแล้วก็หันมามองหน้าเอกตัวปลอมที่นั่งหลับตาอยู่ข้างๆ “กลับธรธาราเลยไหมคะ”
“ไปคอนโดค่ะ”
“คอนโด ที่ไหนคะ” เธอถามอย่างสงสัย “พี่จะได้บอกคนขับถูก”
“ทำไมต้องบอกคะ ไปประจำอยู่แล้ว”
มีลักขณาทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวหมายถึงที่ไหนจริงๆ ก็เธอเพิ่งจะรู้จักอีกฝ่ายไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เรื่องราวตื้นลึกหนาบางต่างๆก็ยังรู้ไม่มาก แล้วคอนโดที่ว่ามันคือที่ไหน หรือว่า...เหมือนมีบางอย่างมาสะกิดใจให้ถามออกมาว่า “คุณน้องหมายถึง...”
ธาราธารลืมตาขึ้นมา สบตากับผู้จัดการสาว ยิ้มน้อยๆให้ราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ก็ตอบให้แน่ใจว่า “ใช่ค่ะ คอนโดพี่น้ำ ธาราจะไปอยู่ที่นั้น”
“แต่...” มีลักขณาจะค้าน ไม่เห็นด้วย เพราะยังหวังและคิดว่าธารธาราจะไม่เป็นอะไร และจะกลับมาในไม่ช้า
ธาราธารที่เห็นความลังเลของผู้จัดการสาว จึงใช้น้ำเสียงชโลมใจว่า “พี่มี่อย่าลืมซิคะ ว่าตอนนี้ธาราเป็นตัวตายตัวแทนของพี่น้ำอยู่ อะไรที่เป็นของพี่น้ำก็ต้องเป็นเจ้าน้ำด้วย ไม่งั้นจะไม่เนียน เพราะสมัยนี้ความไวของอินเตอร์เน็ต มือถือ มันน่ากลัวนะคะ ถ้ามีคนมาเห็นเข้า ถ่ายรูปหรือคลิปไปลงให้สงสัย ชื่อเสียงรวมทั้งงานก็จะพัง เงินก็จะไม่เหลือนะคะ”
มีลักขณาคล้อยตามทันทีที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง นิ่วหน้าเหมือนคิดแต่ความจริงไม่ได้คิดแต่เห็นแก่เงิน ก็บอกออกมาว่า “จริงด้วยซิคะ ขอบใจนะคุณน้องที่เตือนพี่” ว่าแล้วก็หันไปบอกคนขับรถให้ตรงไปยังคอนโดหรูทันที
ธาราธารแอบยิ้มอย่างสมใจ แล้วหลับตาลงวาดหวังถึงความหรูหราที่จะได้ครอบครองทันทีที่ไปถึง
เวลาผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมง รถตู้ก็วิ่งมาจอดใต้คอนโดหรูใจกลางเมือง มีลักขณาหยิบกระเป๋าถือมาสะพาย แล้วขยับตัวมาเปิดประตูลงไป คนสวมรอยเป็นนางเอกดังก็ก้าวตามลงมา ส่วนข้าวของนั้นเธอก็บอกให้คนขับรถถือไปให้ ทั้งคู่เดินตรงไปยังลิฟต์ ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาที ก็มาถึงหน้าห้องพัก ผู้จัดการสาวกดรหัสเครื่องสแกนตรงประตู แล้วเปิดกระเป๋าสะพายหยิบคีย์การ์ดออกมารูดเปิดประตูเข้าไปในห้อง โดยมีธาราธารเดินตามเข้าไป
แสงไฟสว่างขึ้นทั่วห้อง มีลักขณาวางกระเป๋าไว้บนโซฟา แล้วเดินไปหาเครื่องดื่มในตู้เย็น ปล่อยให้ธาราธารที่ยืนอยู่ด้านหลังกวาดตามองไปรอบๆห้อง แล้วก็ได้เห็นความหรูหราอย่างที่วาดหวังไว้ ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดวางหรือตกแต่งดูแพง สวยงามมีระดับ สมราคาสิบกว่าหลักของห้องนี้ พื้นที่กว้างโอ่อ่าทันสมัย ห้องรับแขก ห้องครัวแยกเป็นสัดส่วน เธอมองทุกอย่างด้วยความพึงพอใจ
“สวยใช่ไหมคะ” ผู้จัดการสาวถามขึ้น เมื่อเดินถือน้ำเย็นมาให้หญิงสาว และได้เห็นแววตาที่แสดงออกมา
“ค่ะ” ธาราธารรับคำออกมา ไม่มีการซ่อนเร้นหรือปกปิดเพราะคิดว่าใครๆก็ชอบของสวยๆงามๆกันทั้งนั้น
“ห้องนี้คุณน้ำซื้อก็เหมือนไม่ซื้อ ได้มาตอนเป็นพรีเซนเตอร์ให้โครงการ แล้วขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เจ้าของก็เลยให้ค่าจ้างเป็นค่าห้อง เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ได้ครอบครอง คุณน้ำรักห้องนี้มาก มีแม่บ้านมาดูแลให้อย่างดี ถ้าว่างไม่มีคิวงานก็จะจัดห้อง แต่งห้องเอง แต่ที่เด็ดสุด หวงสุดต้องห้องนี้เลยค่ะ”
“ห้องนอน”
“เก่งมากค่ะ รู้ได้ยังไงคะ”
“แค่เดาตามนิสัยคนทั่วไป ที่ใครๆก็มักจะหวงห้องนอนกันทั้งนั้น”
“งั้นตามพี่มาค่ะ”
ว่าแล้วก็วางแก้วไว้บนโต๊ะรับแขก เดินนำไปที่บันไดต่างระดับที่สูงขึ้นไปสามขั้น เปิดประตูห้องออก เดินเข้าไป เปิดไฟให้สว่าง ให้คนสวมรอยที่เดินตามมายืนอยู่ข้างหลังได้เห็นเต็มๆตา เตียงนอนสีขาวขนาดใหญ่มีผ้าคลุมชายลูกไม้สีชมพู วางเด่นอยู่ตรงกลาง โซฟาสีเดียวกันวางอยู่ปลายเตียง ธาราธารมองอย่างชอบใจ แล้วค่อยๆเลื่อนสายตามองไปรอบห้อง ข้าวของทุกอย่างดูเรียบง่าย แต่ทันสมัย จัดวางให้เข้ากันอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นตู้ลิ้นชักที่วางขนาบหัวเตียง โคมไฟ ผ้าม่านชายลูกไม้สีเดียวกับเตียง
มีลักขณาเดินไปดึงผ้าม่านให้เลื่อนออก กระจกใสก็ปรากฏให้เห็น มองเห็นแสงไฟในยามราตรี “เลื่อนออกไปเป็นระเบียง มีสวน มีเก้าอี้ไว้นั่งนอน พักผ่อนดูดาว ดูแสงสีในยามค่ำคืน ซึ่งสวยมาก ส่วนห้องน้ำกับห้องแต่งตัวอยู่ด้านนี้ค่ะ” พูดจบก็เดินไปอีกด้านหนึ่งของห้อง เปิดประตูบางเลื่อนๆออกก็เห็นห้องน้ำหรู อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำพร้อมให้ลงไปอาบได้ทุกเวลา “แม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดห้อง จะเตรียมไว้ให้ทุกวัน และด้านนี้”
เธอเดินไปดึงผ้าม่านออก ก็จะเห็นกระจกใส เห็นวิวสวยงาม “อาบน้ำไปชมวิวไป สวรรค์เลยใช่ไหมคะ และเมื่ออาบน้ำเสร็จ...” มีลักขณาเดินไปเลื่อนประตูที่ซ่อนไว้ เปิดออกกว้างให้เห็นภายใน หันมายิ้มให้เพราะรู้ว่าหญิงสาวต้องชอบห้องนี้ที่สุด แล้วบอกว่า “ห้องแต่งตัว”
ธาราธารเดินเข้าไปดู รอบห้องกรุด้วยกระจก ให้เธอสามารถยืนเห็นรูปร่างของตัวเองได้ทุกสัดส่วน และเพียงเอามือไปแตะกระจก ก็จะเลื่อนเปิดออกให้เห็น เสื้อผ้า อีกบานก็เป็นเครื่องประดับ เธอหยุดมือไว้เมื่อคิดว่ากระจกทุกบานคงซ่อนสิ่งที่สร้างสรรค์ความงดงามให้ทั้งนั้น สูดลมหายใจเข้าเก็บอาการอยากรู้อยากเห็น แล้วหันมามองคนที่รู้เห็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอแล้วว่า
“ออกไปกันเถอะค่ะ พี่มี่จะได้กลับไปพักเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และพรุ่งนี้ยังต้องรีบตื่นมารับธาราอีก”
“ให้พี่ค้างด้วยไหม” มีลักขณาถามเหมือนหวังดี แต่ใจจริงอยากสำรวจห้องสุดหวงนี้บ้าง เพราะไม่ค่อยได้เข้ามา จึงอยากสำรวจทุกซอกทุกมุมบ้าง แต่เหตุผลที่บอกมาคือ “คุณน้องเพิ่งจะมาห้องนี้ครั้งแรก อาจจะยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนอีกบ้าง อีกอย่างเผื่อจะถามเรื่องของคุณน้ำเพิ่มอีก พี่เป็นห่วง ไม่อยากทิ้งให้คุณน้องอยู่คนเดียว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ธาราอยู่ได้ ส่วนเรื่องของพี่น้ำ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เรื่องบางเรื่องบางอย่าง ธาราก็พอจะรู้เหมือนกัน และวันนี้ธาราก็เหนื่อยมาก ลงเครื่องมาก็ทำงานเลย จึงไม่อยากถามอะไรแล้วค่ะ นอกจากนอน”
“งั้นพี่ไม่กวนแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
พูดจบก็ยิ้มให้ แต่เพียงหันหลังเดินออกมา ริมฝีปากก็บิดเบ้เหยียดอีกฝ่ายที่ขัดใจ ปากขมุบขมิบต่อว่าคงอยากจะครอบครองเต็มแก่ คนสวมรอยมองตามอย่างรู้ทัน เหยียดริมฝีปากใส่หลังเพราะพอจะรู้ว่าคิดอะไรอยู่ ทั้งคู่เดินออกมา หยุดยืนด้วยกันที่โซฟากลางห้อง มีลักขณาหยิบกระเป๋ามาสะพายบ่า หันมายิ้มให้พร้อมยกมือโบกลา แล้วหมุนตัวจะเดินไป ก็...
“เดี๋ยวค่ะ”
มีลักขณายิ้ม เพราะคิดว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ ปรับสีหน้าให้นิ่งแล้วหันกลับมาทำตาใส ว่ามีอะไร แต่กลับพบกับสิ่งที่เหนือความคาดหมาย หน้าฉงนสงสัย เมื่อเห็นหญิงสาวยื่นสิ่งที่เป็นกำลังใจให้...เงิน
“น้ำใจเล็กๆน้อยๆ วันนี้พี่มี่เหนื่อยกับธารามาทั้งวันแล้ว จึงอยากให้เป็นกำลังใจค่ะ”
“อุ้ย ไม่ต้องค่ะ คุณน้อง ทั้งหมดที่ทำก็คือหน้าที่” ปากว่าแต่ใจอยากให้มือไขว่คว้ามาใส่กระเป๋าแทบขาดใจ เพราะดูคำนวณแล้วเงินนั้นไม่ได้น้อยเลย
“แต่ถ้าไม่มีพี่มี่ หน้าที่ของธาราวันนี้ก็คงไม่สำเร็จ รับไปเถอะค่ะ”
เมื่ออีกฝ่ายคะยั้นคะยอ สีหน้าของมีลักขณาเต็มไปด้วยความลำบากใจ ยื่นมือไปรับมาอย่างเสียไม่ได้ “ขอบใจนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ธาราอยากขอให้พี่มี่ช่วยตามข่าวพี่น้ำให้หน่อย เป็นห่วงนะคะ และถ้าเจอหรือได้ข่าวอะไรก็รีบบอกธาราด้วย”
มีลักขณารีบรับปากเพราะวันนี้เธอก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท ที่สำคัญถ้านางเอกดังกลับมาแล้ว เธอก็จะได้ตั้งรับหาเหตุหาผล กันตัวเองไม่ให้เดือดร้อน แล้วรีบเดินออกมาจากห้อง ขณะที่ธาราธารก็คิดไม่ต่างกันเลย เพราะคำว่าหายไป ไม่ได้ตายจากไป อีกฝ่ายอาจจะโผล่มาเมื่อไรก็ได้
*********
ยามรุ่งสางที่ตะวันยังไม่โผล่ขึ้นมา มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ดำทะมึนเป็นพื้นเดียวกับท้องฟ้า เรือประมงถูกขับฝ่าวารีไปข้างหน้า ฟองคลื่นสีขาวแตกกระเซ็นเป็นเส้นสายอย่างสวยงาม หญิงสาวคนเดียวในเรือเดินออกจากห้องเล็กแคบชั้นล่างพร้อมบางอย่างในมือ ขึ้นมาชั้นบน สายตามองไปรอบๆและสะดุดหยุดนิ่งที่คนบังคับเรือ แค่ด้านหลังเธอก็จำได้ว่าเป็นคนชังน้ำหน้า แล้วละสายตามองไปยังขอบฟ้าที่เริ่มมีสีเรืองรอง ลมเย็นพัดมาให้ต้องยกมือขึ้นกอดอก ขณะเดินไปนั่งที่หัวเรือ วางของในมือไว้ข้างตัว แล้วหลับตาลงพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ ไม่กี่อึดใจก็ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนกร้อง
เธอมองนกที่มีอิสรเสรีที่จะบินไปไหนก็ได้ ยิ้มให้กับมัน แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหาย เมื่อกลับมาคิดถึงตัวเองที่อิสรภาพกำลังจะหมดไป กลับไปเผชิญกับไฟส่องหน้าไมค์จ่อปาก ถามคำถามมากมายว่าเธอหายไปไหน ทำอะไร หรืออยู่กับใคร และอีกมากมายหลายปัญหา ทำให้เธอนอนไม่หลับ ที่สำคัญคือข่าวการหายตัวไปของเธอคงดังกระหึ่มและรำลือกันไปต่างๆนาๆ คงหาสาเหตุและขุดคุ้ยกันจ้าละหวั่น ใครที่สนิทกับเธอคงโดนตามติด สอบถาม เพื่อหาข่าว อาจมีการไปเฝ้าถึงหน้าคอนโดหรือที่บ้านด้วยซ้ำ และคนที่โดนหนักที่สุดก็คงเป็นผู้จัดการของเธอ พี่มีมี่ ซึ่งคงแก้ต่างแก้ตัวให้เธอสวยๆได้เช่นเคย แต่คงไม่มีใครคิดว่าเธอโดนลักพาตัวมาเพื่อฆ่าอย่างแน่นอน
และอีกหนึ่งคนที่คงทุกข์ใจ ก็คือคุณย่าคงรู้จากพี่มีมี่ และคงเป็นห่วงเธอไม่น้อย แต่คนที่ไม่เดือดร้อนเลยก็คือคนเป็นแม่ ที่รักตัวเองมากกว่ารักคนอื่นไปแล้ว เพราะรักที่มีและให้คนอื่นไป มันถูกทำลายไปตั้งแต่วันที่มือที่สามเข้ามา จึงไม่อยากให้รักกับใครให้เจ็บปวดอีก แต่คนที่เจ็บกลับกลายมาเป็นเธอแทน เมื่ออยากได้ความรักจากแม่เหลือเกิน คิดถึงอ้อมแขนที่เคยโอบอุ้มโอบกอด ริมฝีปากที่แตะไปทั่วหน้า ฝ่ามือที่ลูบผม รอยยิ้ม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำให้ มันห่างหายกลายเป็นความทรงจำ ที่เธอฝันอยากให้มันกลับคืนมาสักวัน
น้ำตารื้อขึ้นมากลบดวงตา เธอรีบกะพริบตาให้มันหายไป แล้วยิ้มหยันตัวเอง ภายนอกที่ทุกคนเห็นคือเธอเป็นคนที่เข้มแข็ง เย่อหยิ่ง ไม่สนใจใคร ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาร้ายกลับ โดยไม่สนภาพลักษณ์นางเอก นั่นเพราะสังคมของเธอมันอยู่ยาก ทั้งวงการมายาที่เบื้องหน้าสวยงาม แต่เบื้องหลังเป็นมายาสมชื่อ เพื่อให้มีที่ยืนอยู่ในวงการ แค่หน้าตาดีไม่พอมันต้องมีบารมีและฝีมือด้วย ที่สำคัญคือครอบครัวของเธอ แม่เลี้ยงกับน้องต่างเลือด ที่เข้ามาทำให้เธอรู้ว่าถ้าอ่อนแอเมื่อไรก็แพ้ไปเมื่อนั้น เธอจึงซ่อนความอ่อนแอไว้ลึกสุดใจ
ดวงอาทิตย์กลมโตค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นน้ำ มันสวยงามและให้ความรู้สึกเหมือนมาปลอบใจเธอ จึงยิ้มด้วยความสดใสเพราะเป็นยิ้มมาจากใจ เธอจับจ้องมองทุกวินาทีที่มันเคลื่อนขึ้นมา ยกมือขึ้นทำท่าราวกับโอบมันไว้ แต่แล้วก็มีบางอย่างโผล่ขึ้นมาจากน้ำบดบังมันจากสายตาของเธอ... ธารธาราจ้องมองสิ่งนั้นและเมื่อเห็นว่าเป็นคนชั่งน้ำหน้า ที่ไม่รู้ว่าลงไปแหวกว่ายน้ำอยู่เมื่อไร และโผล่มาทำลายบรรยากาศแสนสุขของเธอ รอยยิ้มก็หายไป อยากจะลุกไปจากที่นั่งอยู่ แต่ทำไมเธอต้องหนี
ใบหน้างามเชิดขึ้นแล้วเลิกสนใจเขา คิดถึงสิ่งที่ต้องการจะทำเมื่อได้เหยียบแผ่นดิน คนมากมายคงจำเธอได้ ฉะนั้นเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ใครจำได้ ก่อนที่จะได้รู้ว่าพี่มีมี่ให้ข่าวอะไรไปบ้าง จึงหยิบของที่ขอมาจากหมอ มองมันอย่างชั่งใจ แล้วตัดสินใจยกมันขึ้นสูง เพื่อ...
“จะทำอะไร”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธอชะงัก แหงนหน้าขึ้นมองร่างสูงที่โผล่มายืนตรงหน้า ตัวเขามีเพียงกางเกงขาสั้นที่เปียกน้ำแนบไปกับรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและซิกแพคที่สวยงาม แม้จะเคยร่วมถ่ายแบบกับผู้ชายที่เปลือยเกือบทั้งตัวมาบ้าง แต่ไม่เคยมีใครทำให้มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจได้เท่ากับเขา แต่ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร สบตาที่มองอยู่พร้อมกับบอกว่า
“เรื่องของฉัน”
ดวงตาคมหรี่มองของที่อยู่ในมือ ซึ่งก็คือกรรไกร ที่น่าสงสัยมากว่าเธอจะทำอะไร “กล้าที่จะทำ ก็กล้ายอมรับหน่อยซิ อย่าขี้ขลาด”
“ตัดผม” เธอตัดความรำคาญกับน้ำเสียงที่ดูแคลนของเขา
“ทำไม”
“แล้วทำไมฉันจะต้องบอก คุณเป็นใคร คนอื่นสำหรับฉัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องบอก”
ใบหน้าคมก้มต่ำลงมา มองใบหน้างามในระยะประชิด ชิดจนอีกฝ่ายรับรู้ถึงลมหายใจเขา และคำพูดที่ข่มอยู่กลายๆ “แต่เธออยู่บนเรือของฉัน ทุกเรื่องของเธอก็เหมือนเรื่องของฉัน”
“ฉันเป็นคนไม่จำเป็นสำหรับคุณ จะทำไปเพื่ออะไร คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ไม่ใช่เหรอ”
“แต่ตอนนี้จำเป็น เพราะฉันอยากรู้ และถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องตัด”
“ผมของฉัน คุณไม่มีสิทธิมายุ่ง”
“ลองดูไหมละ”
สิ้นเสียงพูด กรรไกรในมือก็ตัดฉับแต่ไม่โดนเส้นผมเมื่อมือหนาจับมือเรียวไว้ทัน เธอก็กระชากมือกลับอย่างไม่พอใจพร้อมกับบอกให้ปล่อย แต่เขาจะคลายให้สักนิดก็ไม่มี และสั่งเสียงเข้ม “ตอบ”
เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันข่มความโกรธ ขณะสายตาที่มองใบหน้าคมก็ไม่ต่างกัน อีกฝ่ายก็มองให้รู้ว่าถ้าไม่ตอบ อย่าหวังว่าจะได้ตัด ความโกรธจึงอ่อนลงแต่ใจก็ยังอยากต่อต้าน อีกใจก็บอกว่าทำไปก็แค่นั้น กัปตันเรือที่เด็ดขาดอย่างเขาไม่มีวันถอยแน่นอน ต้องข่มขู่หรือทำจนเธอต้องพูดออกไปนั่นแหละ เสียงแข็งๆจึงพูดออกมามาเพื่อให้จบๆ “ฉันอยากเป็นคนใหม่ อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเหมือนเส้นผมที่ขาดไปจากตัวฉันก็เท่านั้น”
“ไม่เสียดายเหรอ”
“ไม่ สั้นได้ก็ยาวได้จะเสียดายทำไม”
“ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ต้องตัด เพราะเรื่องฆาตกรรมไม่มีทางที่ขาดหายไป มันคงกลับมาเหมือนเส้นผมที่ยาวออกมาใหม่ของเธอ ตราบใดที่ยังไม่ตัดรากถอนโคน มันก็จะกลับมาหาเธออีก”
มือที่ถือกรรไกรอ่อนแรงให้คนที่จับอยู่รู้สึก แต่แววตายังเด็ดเดียวอยู่ “ก็ช่างมัน แต่ยังไงฉันก็จะตัด มันอาจจะทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่พวกมันจำไม่ได้ก็ได้ หรือถ้าได้ ฉันก็จะได้รู้ว่าใครมันฆาตกรรมฉัน”
“รู้แล้วตายจะมีประโยชน์อะไร”
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าฉันจะตาย หรือคุณอยากให้ฉันตาย กัปตันธอร์”
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเธอเรียกชื่อเขาออกมา แล้วดึงกรรไกรมาตัดผมให้เธอ เพียงเส้นผมร่วงลงมา ใจเธอก็แวบหายขณะสายตาก็มองอย่างเสียดาย ความยาวของเส้นผมบอกให้รู้ว่าที่เหลืออยู่คงสั้นเหลือเกิน และไม่รู้ว่าจะมีรูปทรงยังไง แต่ไม่รำพันคำใดออกมา นั่งนิ่งให้เขาตัด กระทั่งเสียงตัดหายไป เสียงเขาก็ดังขึ้นมาแทน
“ได้คำตอบหรือยัง” เขาถามพลางยืดตัวขึ้นเต็มความสูง มองใบหน้าที่สวยหวานกลายมาเป็นหนุ่มน้อยหน้ามน ทะลุทรงผมเว้าๆแว้งๆจากมือเขา รอยยิ้มก็เกิดขึ้นในใจราวกับพอใจอะไรบางอย่าง แต่น้ำเสียงกับสีหน้านิ่งเฉย
“คำตอบอะไร” เธอตวัดสายตาขึ้นมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ว่าฉันอยากให้เธอตายหรือเปล่า”
“ไม่รู้ แต่คนที่ชังน้ำหน้ากัน ก็คิดได้อย่างเดียว ว่าคงอยากให้ตายเหมือนเส้นผมที่ถูกตัดไป จะได้ขาดจากกันเสียที”
“ฉันร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่” เธอสวนแบบไม่ต้องคิด ดวงตาคมหรี่ลงปิดบังรอยขำไว้ แล้วบอกว่า
“แค่ฉันให้คนจับเธอโยนลงน้ำแค่นั้น ก็หาว่าฉันร้ายแล้ว ถ้ารู้จักฉันมาก...”
“ฉันไม่อยากรู้จัก”
เธอพูดสวนออกมาทันที ใบหน้าคมจึงก้มลงมาใกล้หน้าเธออีกครั้ง ถามเสียงเรียบแต่มันทำให้เธออาย ที่เขาจับไต่เธอได้ “ฉันไม่อยากรู้จัก แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันชื่อ...ธอร์”
แก้มของธารธาราร้อนผ่าวขึ้นมาทันที และนึกเคืองหมอที่คงไปบอกเขา โดยไม่รู้ว่าหมอไม่ได้พูดแต่เขาเผอิญได้ยินก็เท่านั้น แล้วพยายามทำหน้าบึ้งขึงตาใส่ ไม่ให้แก้มแดงขึ้นมาแต่ดูจะไม่ได้ผล เมื่อมันระเรื่อออกมาให้เขาเห็น และบอกเธอก่อนจะเดินไปที่ท้ายเรือว่า
“ถ้าฉันอยากให้เธอตาย คงไม่ตัดผมให้เธอด้วยตัวฉันเอง และไม่ใช่แค่ผมที่ฉันจะตัด แต่...คนที่มันทำร้ายเธอ ฉันจะตัดมันให้ขาดไปจากชีวิตเธอด้วย”
ธารธาราอึ้งไปกับคำพูดที่ทิ้งท้ายไว้ แล้วปัดทิ้งไป ไม่มีความซึ้งใจหรือดีใจเลยสักนิด เพราะคิดว่าที่เขาพูดก็เพื่อให้ตัวเองดูดี ไม่ให้ดูร้ายในสายตาเธอไปมากกว่านี้ก็เท่านั้น
***********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2560, 11:08:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2560, 11:08:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1206
<< | ตอน 6 >> |
Kim 27 ก.ย. 2560, 12:21:31 น.
กัปตันจะช่วยแล้ว หนูน้ำก็เปิดใจให้แกหน่อยนะ
กัปตันจะช่วยแล้ว หนูน้ำก็เปิดใจให้แกหน่อยนะ
แว่นใส 28 ก.ย. 2560, 12:46:19 น.
คนร้ายตัวจริงยังไม่โผล่
คนร้ายตัวจริงยังไม่โผล่