เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)

หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา

ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง

เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ

ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่

รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า

Tags: โรมานซ์

ตอน: ตอน 6

ตอน 6
ธอร์เดินมาหาฉลามที่มาดูแลห้องเครื่องแทนเขา สั่งให้ไปเอาสมอที่เขาโยนลงไปก่อนหน้านี้ที่ลงไปเล่นน้ำยามอรุณขึ้นมา เพื่อจะได้เดินทางต่อไป ฉลามเดินไปทันที ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาเดินเครื่องเรือให้เดินหน้าต่อไป กัปตันก็จะเดินลงไปข้างล่างเพื่อล้างตัว แต่หมอปลาเดินมาหาเสียก่อน สายตามองกัปตัน ชื่นชมร่างกายที่ไม่มีไขมันส่วนเกินมีแต่มัดกล้ามที่แข็งแรง แต่ในแววตาก็มีความไม่เข้าใจอะไรหลายอย่าง แล้วปรายตาไปมองแผลที่ไหล่พร้อมต่อว่าออกมาทันที

“ไม่ฟังกันเลยนะกัปตัน”

กัปตันยิ้มขำหมอที่มุมปาก ที่ห่วงเขาราวกับเป็นคนไข้หนักหรือเด็กตัวเล็กๆ “แผลแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก หรือถ้าเป็นก็ไม่เกินมือหมอไปได้หรอก จริงไหม”

“ผมไม่ใช่หมอเทวดา ที่จะรักษาได้ทุกโรค”

“หมอไม่ใช่ แต่ฉันใช่ แสดงว่าไม่เป็นไร”

“แต่ตอนนี้กัปตันไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์แอ็คส์แน็ค ไม่มีวงศ์วานรายล้อมราวกับเทวดา ก็อย่าชะล่าใจนะครับ เพราะสิ่งเล็กๆที่เราประมาทมักทำให้คนเราตายมานักต่อนักแล้ว และเมื่อกี้ที่ไปตัดผมให้เธอแบบนั้น” เขาถามหาคำตอบจากสิ่งที่เห็น “สนใจเธอขึ้นมาหรือจะตัดเธอให้ขาดเหมือนเส้นผมเธอ”

“สนใจ” เขาบอกขณะมองไกลออกไปในทะเล น้ำสีฟ้าใสสะท้อนกับแสงดวงอาทิตย์ เป็นเกร็ดสีขาวราวกับเพชรน้ำงามไม่มีผิด

คิ้วของหมอเลิกขึ้นสูงอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนหน้าการกระทำนั่นบอกว่าไม่ใช่เลย หรือเขาจะจำได้แล้วว่าเธอเป็นใคร แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะกัปตันไม่เคยสนใจเรื่องในวงการบันเทิง “หลงเสน่ห์เธอหรือครับ” เขาลองหยั่งเชิง

“ฉันชอบผู้หญิงง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

ตอบแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หมอจึงยิ้มให้เล็กน้อย แล้วบอกว่า “ก็ไม่ง่าย แต่เสือในตระกูลแอ็คส์แน็ค ถ้าเจอที่ใช่เมื่อไรก็พร้อมจะปกป้อง คุ้มครอง ปัดทุกปัญหาออกไปเพื่อให้เธอมีความสุขที่สุด แต่ถ้าไม่ใช่เหตุผลที่ว่ามา แล้วมันคืออะไรครับ”

ดวงตาคมละกลับมามองหน้าหมอ แล้วบอกว่า “การฆาตกรรมกับแม่น้ำหลายสาย ที่หมอพยายามชักนำมาพูดมาให้ฉันฟังก่อนหน้านี้มันน่าสนใจอย่างที่บอก และขอให้รู้ว่าฉันไม่ได้ชั่งเธอ แค่ไม่ชอบคนอ่อนแอ เมื่อเธอแสดงให้เห็นว่าพร้อมจะสู้ ฉันก็จะช่วย”

“ถ้าเธอรู้ว่ากัปตันคิดแบบนี้คงดีใจ”

“ทำไมต้องดีใจ”

“คนที่หมดสิ้นหนทาง เมื่อมีคนยื่นมือเข้ามาช่วย เป็นใครก็ต้องดีใจ”

“ไม่คิดว่าฉันจะใจดีบ้างเหรอ”

“อยากได้ใจเธอเหรอครับถึงจะให้คิดอย่างนั้น”

หมอล้อออกไปอย่างขำๆ แต่เทวดาแห่งแอ็คส์แน็คไม่ขำด้วย เพราะมีบางอย่างสะกิดใจ ดวงตาคมมองหมอราวกับจับพิรุธ เพราะพูดวกกลับวนมาเหมือนพ่อสื่อ ให้เขาสนใจในตัวเธอให้ได้ “เปล่า แล้วเมื่อวานคุยอะไรกับเธอ”

“เรื่องทั่วไป ท้องฟ้า ทะเล อากาศ ส่วนการฆาตกรรม เธอก็ยังตอบเหมือนเดิมว่าไม่รู้หรือมีชนวนอะไรให้ต้องสงสัย และความเป็นมาของเธอ”
“เป็นยังไง”

“จรรยาบรรณของหมอครับกัปตัน พูดไม่ได้”

“แม้แต่ฉันก็จะปิดบังงั้นเหรอ”

“ครับ” หมอยอมรับออกมา “แต่อีกไม่นานกัปตันก็จะรู้เอง”

“ถ้ารู้แล้วไม่พอใจหรือมีอะไรเกิดขึ้นมา หมอพร้อมที่จะรับโทษทุกอย่างใช่ไหม”

ไม่มีคำตอบจากหมอ สีหน้ากัปตันก็ขรึมให้น่าหวั่น แต่หมอก็พูดไม่ได้เพราะรับปากกับหญิงสาวไว้แล้ว และหวังว่าเมื่อกัปตันรู้จะไม่โกรธเธอหรือเขามากมายนัก ธอร์หันไปมองฉลามที่จับพวงมาลัยให้เรือแล่นไปข้างหน้า คิดคำนวณเวลาที่ใกล้เข้าหาฝั่งและปัญหาที่รออยู่ข้างหน้าที่ไม่ง่ายเลย

“ไม่เกินชั่วโมงเราก็คงถึงฝั่ง” เสียงหมอบอก พลางมองทิศทางที่เรือกำลังพุ่งไป “คนบนฝั่งส่งมาข่าวมาแล้ว ว่ามีคนถามหากัปตัน จะให้จัดการยังไงครับ”

“แหกตา ให้ปีกของแอ็คส์แน็คปลอมเป็นฉัน หลอกมันไปอีกทาง เพราะฉันไม่ต้องการหางแต่อยากเจอหัว”

“งั้นก็จับมันมาคาดคั้น”

“อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะเราอาจจะได้แค่หัวเล็กๆ และมันอาจจะถูกตัดตอน จนเราไม่รู้ว่าใครคือตัวการใหญ่ ปล่อยให้มันเป็นแมงเม่ามาเล่นกับแสงไฟ แล้วค่อยจัดการดีกว่า”

“หมายความว่า กัปตันจะออกไปล่อพวกมันให้ออกมา”

ธอร์ยิ้มเป็นคำตอบ แต่หมอปลากลับเป็นห่วง เพราะเล่นกับไอ้คนเดนคนแบบนี้มีแต่ความเสี่ยง จึงเตือนออกมาด้วยความหวังดี “ให้ทางการจัดการดีกว่า”

“ถ้าเราจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็ป่วยการ เช่นยานรกบนเรือนั่น มันคงถูกทำลายไปตั้งแต่ฉันโดดลงจากเรือมันแล้ว ทางการไปก็คงไม่เจออะไรแล้ว แต่ได้สร้างหายนะให้มันแสบๆคันๆ ก็สะใจดี”

“ถูกหมายหัวนี่นะครับ ดี”

ธอร์ไม่ตอบเพราะไม่อยากให้หมอเป็นห่วงมากกว่านี้ บอกแค่ว่า “ไปเตรียมตัวเถอะ”

หมอรู้ทัน แต่พูดไปก็เปลี่ยนใจให้ชายหนุ่มให้ถอนตัวจากสายลับไม่ได้อยู่ดี เขาเดินลงไปข้างล่างเพื่อติดต่อปีกของแอ็คส์แน็ค ส่วนกัปตันก็หันไปมองหญิงสาวที่ยังนั่งอยู่ที่หัวเรือแวบเดียวก็เดินตามหมอลงไป เพื่อเตรียมตัวรับกับสถานการณ์เมื่อเหยียบแผ่นดิน
**********
ตระกูลธรธารา คุณหญิงทองจันทร์เดินเข้ามาในห้องทานอาหาร โดยมีนางพุดเดินเยื้องตามมาด้านหลัง มองความเรียบร้อยบนโต๊ะอาหารที่จัดวางเครื่องปรุง แก้วน้ำ ผ้ากันเปื้อนไว้อย่างเรียบร้อย คุณหญิงเดินมานั่งบนเก้าอี้ เรียบร้อยแล้วนางพุดก็หันไปพยักหน้าให้สาวใช้นำข้าวต้มปลาที่ท่านชอบมาวางให้ตรงหน้า กลิ่นหอมกรุ่นน่ารับประทาน แต่ท่านกลับไม่อยากจะทานเลย เพราะหลานสาวที่หายตัวไปเกือบจะสองวันแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย

ท่านหยิบช้อนคนข้าวต้ม แต่ไม่ช้อนข้าวทาน นางพุดมองอย่างเป็นห่วง เพราะสองวันที่ผ่านมา ท่านดูอ่อนล้าเหลือเกิน เมื่อคืนก็คงนอนไม่หลับ

“ทานหน่อยเถอะค่ะท่าน จะได้มีแรงคิดอ่านว่าจะทำยังไงต่อไป” นางพุดให้กำลังใจ สาวใช้ที่ยืนอยู่ก็เช่นกัน แม้จะไม่พูดออกมา แต่สายตาก็เป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันกินไม่ลงจริงๆพุด” ท่านวางช้อนแล้วมองนางพุด “เช้านี้ก็เหมือนเดิมใช่ไหม”

“ค่ะ ยังไม่มีใครส่งข่าวอะไรมาเลย ในสื่อต่างๆก็ไม่มีข่าวของคุณน้ำ เราก็เบาใจได้ว่าเธอยังไม่เป็นอะไร”

“ไม่หรอกพุด ตามใดที่ยังไม่ได้เจอตัว ยังไม่ได้ข่าว ฉันเบาใจอะไรไม่ได้เลย” ว่าแล้วท่านก็ถอนหายใจออกมา แต่คลายความหนักหน่วงไม่ได้เลย เมื่อสะใภ้ของท่านแม่ของหลานเดินเข้ามา

จรัสแขสบตาแม่สามีพลางเดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างขวามือท่าน สาวใช้รีบตักข้าวต้มมาวางให้ตรงหน้า แต่นางไม่สนใจ จะพูดเรื่องของนาง แต่ยังไม่ทันได้พูด เลอรัศมีก็เดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ข้างซ้ายมือท่าน ยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้ท่านอย่างอ่อนหวาน จรัสแขตวัดสายตามองหน้าคนประจบอย่างไม่พอใจ แล้วจะพูดเรื่องของตัวเองออกมาแต่ช้ากว่าเลอรัศมี

“สวัสดีค่ะคุณแม่เลอจะมาบอกเรื่องของธารานะคะ แกทำได้ดีราวกับเป็นตัวจริง ไม่ใช่ตัวตายตัวแทนของใคร เพราะไม่มีใครสงสัยแม้แต่นิดเดียว เรื่องการแสดงก็ไม่มีทีติ ผู้กำกับชมพร้อมยกหัวแม่มือให้ ว่าเก่งมาก สวมบทบาทได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ”

“แล้วเรื่องยัยน้ำละค่ะคุณแม่จะทำยังไงต่อไป จะให้ความสำคัญคนอยู่มากกว่าคนที่หายไปหรือคะ”

“วันนี้ธารามีถ่ายแบบด้วยนะคะ เลอว่าจะไปดู ไปให้กำลังใจลูกเสียหน่อย คุณแม่ไปด้วยกันไหมคะ หลานจะได้ดีใจ”

“ถ้าคุณแม่ยังไม่คิดหรือตัดสินใจว่าจะทำยังไง แขก็จะใช้สิทธิความเป็นแม่ ไปแจ้งความแล้ว ให้ตำรวจช่วยสืบ ตั้งเป็นคดีให้ขุดคุ้ยกันขึ้นมา”

สะใภ้สองคนพูดถึงสิ่งที่ต้องการ และให้ท่านเห็นด้วยแต่ท่านยังนิ่งเงียบ
“ถ้าทำอย่างนั้น แล้วเราจะตอบเรื่องธารายังไงคะ เมื่อออกสื่อไปหมดแล้ว ถ้าพูดออกไปก็เท่ากับเราหลอกลวงคนทั้งประเทศ” เลอรัศมีรีบหาเหตุผลมายับยั้ง ให้แม่สามีเห็นด้วย แต่ท่านยังเงียบ นางก็บอกกับจรัสแขว่า “เธอน่าจะรออีกหน่อย ลูกเธอเพิ่งหายไปแค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืนเท่านั้นเอง คงไม่เป็นอะไรหรอก”

“ไม่ใช่ลูกของเธอ ก็พูดได้ซิ ลองเป็นลูกเธอไหมละ ฉันว่าจะออกอีกแร้งจิกกัดเขาไปทั่วมากกว่าจะร้องเป็นอีกาอยู่แบบนี่ แล้วนี่ลูกเธอไปไหน” นางถามเมื่อต้องการเจอตัว เพื่อถามเรื่องลูกของนาง

“ยังไม่ตื่น”

“งั้นเธอก็ควรจะตื่นได้แล้ว เพราะโกหกได้ไม่เนียน ฉันเพิ่งถามสาวใช้มาเมื่อกี้ว่าลูกเธอยังไม่กลับ”

เลอรัศมีหน้าม่านที่ถูกจับได้ก่อนจะปรับสีหน้าให้ระรื่นขึ้นมา บอกว่า “งั้นก็คงจะค้างที่ไหนสักแห่ง ซึ่งก็น่าจะเป็นคอนโด”

“คอนโดที่ไหน” จรัสแขถามด้วยความสงสัย “ลูกเธอเพิ่งกลับมาแค่วันกับคืน จะรู้จักหรือคุ้นเคยพอที่จะเร่ไปค้างได้ยังไง”

“เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ชวนให้น่าสงสัยของเลอรัศมีนั้น ทำให้คิ้วของจรัสแขย่นเข้าหากัน ขบคิดว่ามีอะไรซ่อนอยู่ เพียงไม่กี่วินาทีเค้าลางบางอย่างก็ทำให้สีหน้านางโกรธขึงขึ้นมา “อย่าบอกนะว่า ...”

“ใช่” เลอรัศมียอมรับออกมาอย่างหน้าซื่อตาใส ไม่มีความละอายที่ลูกของตัวเอง เข้าไปวุ่นวายในคอนโดคนอื่น ซ้ำยังเชือดให้อีกฝ่ายเจ็บใจอีกว่า “เมื่อคืนนี้มีลักขณาโทรมาบอกฉันแล้ว ว่าธาราพักที่คอนโดของยัยน้ำ เพื่อให้ทุกอย่างสมจริง”

“ทุเรศ” จรัสแขปรี้ดขึ้นทันที “ลูกเธอมีสิทธิอะไรไปยุ่งวุ่นวายคอนโดของลูกฉัน ไปลากตัวลูกเธอออกมาเลยนะ ถ้าไม่ฉันจะไปลากออกมาเอง จะโยนให้เหมือนหมูเหมือนหมาเลย” แล้วหันมามองแม่สามีให้ช่วยอีกแรง “คุณแม่ต้องจัดการเรื่องนี้นะคะ”

“ไม่ได้นะคะคุณแม่ ยอมให้ธาราไปเป็นตัวตายตัวแทนแล้ว ทุกอย่างก็ต้องให้เหมือนให้หมด ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา เราก็จะเสียหายกันทั้งหมด”

“กลัวเสียหายหรืออยากได้กันแน่”

“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น แค่อยากทำทุกอย่างให้...”

“พอได้แล้วทั้งสองคน” เสียงคุณหญิงทองจันทร์หยุดการถกเถียงของสะใภ้สองคน และมองอย่างตำหนิที่ไม่เห็นหัวท่านเลย แทนที่จะสามัคคีปรองดองเพื่อให้ท่านสบายใจ กลับชิงชังนำแต่ปัญหามาให้กลุ้มใจมากขึ้นไปอีก

เลอรัศมีข่มอารมณ์ให้เย็นลงได้อย่างง่ายดาย เพราะคิดว่าเธอมีส่วนได้กับได้เท่านั้น แต่จรัสแขข่มได้ยากเย็น ทำได้แค่ปรับน้ำน้ำเสียงให้อ่อนลงมาเท่านั้น

“งั้นคุณแม่ก็ตัดสินใจมาซิคะว่าจะทำยังไง ลูกแขหลานคุณแม่หายไปทั้งคน ยังจะใจเย็นเห็นแก่ตระกูลอยู่อีกเหรอคะ พ้นยี่สิบสี่ชั่วโมงมาแล้วแต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ถ้าคุณแม่ยังตัดสินใจไม่ได้ แขก็จะทำอย่างที่บอก จะไม่ให้เวลาหรือรออะไรอีกแล้ว”

คุณหญิงรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในถ้ำที่ไม่เห็นแสงสว่างอะไร แล้วยังมาเจอผนังอีก ตีบตันบีบคั้นหัวใจให้เลือกว่าจะทำยังไง จะไปทางไหนต่อ ท่านบีบมือตัวเองตรึกตรองอยู่หลายอึดใจก็ตัดสินใจพูดออกมา “ฉันจะให้ทนายขอให้ตำรวจมาจัดการอย่างเงียบๆก่อน ถ้าภายในสองวัน ไม่ได้ข่าวหรือความคืบหน้าใดๆ หรือยัยน้ำยังไม่กลับมา หล่อนก็จัดการได้เลย”

“คุณแม่!!!” เลอรัศมีตกใจ “ทำแบบนั้น ชื่อเสียงของธรธาราก็ป่นปี้หมดซิคะ เวลาที่ให้ตำรวจก็น้อยนิด ข้อมูลต่างๆก็ไม่มี ควรจะให้เวลาเขามากกว่านี้ สักอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ ถ้ายัยน้ำไม่ได้เป็นอะไร แค่หนีไปพักผ่อน เราจะได้ไม่เสียหายจะไม่ถูกตราหน้าว่าหลอกลวงด้วย”

“ถ้าเธอกลัวขนาดนั้น เธอก็พาลูกกลับไปอยู่เมืองนอกเสียซิ” จรัสแขเสนอทางพร้อมเสนอยิ้มเย้ย เลอรัศมีต้องข่มใจไว้สุดๆและพูดออกมา

“ฉันไม่เห็นแก่ตัวเหมือนเธอหรอก ที่เอาแต่ความต้องการของตัวเอง โดยไม่คิดถึงคนอื่น” เสียงนั่นมีความเจ็บใจอยู่ “ฉันอยากรู้นักว่า ถ้ายัยน้ำหายไปจริงๆ แล้วไม่มีใครมีเงินประเคนให้เธอหาความสุข เธอยังจะยิ้มระรื่นอยู่แบบนี้หรือเปล่า”

จรัสแขยิ้มให้เห็นว่ายิ้มได้ แล้วขอตัวกับคุณหญิงเดินออกมาจากห้อง แต่พ้นออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็มีคนตามมาเหนี่ยวแขนไว้ เธอหันมอง หรุบตามองมือที่จับแขนแล้วดึงออกจากรังเกียจ ก่อนจะถามว่า “ไม่จบใช่ไหม”

“ใช่ เพราะฉันรู้นิสัยเธอดีว่าที่ทำทั้งหมดนั้น ไม่ได้ห่วงลูกอย่างที่พูดมา”

“ฉันก็รู้จักนิสัย ไม่ใช่ซิสันดานเธอดีเหมือนกัน ว่าเธอมันน้ำนิ่งไหลลึกเพียงใด และที่นิ่งอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะห่วงหน้าตาของตระกูล แต่กลัวน้ำลดแล้วตอมันจะผุด อะไรๆที่เธอทำเลวไว้ มันก็จะโผล่ขึ้นมามากกว่า ฉันว่าอยู่เฉยๆ ใจร่มๆ แล้วทำหน้าที่ที่เธอประกาศแล้วประกาศอีกว่า ไม่ได้คิดจะแย่งทุกอย่างไปจากลูกสาวฉัน ดีกว่าท่าทางปากว่าตาขยิบบอกความอยากได้จนตัวสั่นแบบนี้ จบนะ”

เธอยิ้มเย้ยให้แล้วเดินจากไป เลอรัศมีกำมือข่มอารมณ์เจ็บแค้นจนเล็บจิกเนื้อ ใบหน้านิ่งแต่แววตาที่มองตามไปนั่นน่ากลัว และแค้นอยู่ในใจว่า ...ฉันจะทำให้ลูกเธอไม่ได้กลับมาอีกเลย
**********
คอนโดหรูใจกลางเมือง ห้องพักของนางเอกดัง แม่บ้านผู้ดูแลห้องเข้ามาทำความสะอาด ผ้าม่านถูกดึงเก็บไว้ด้านข้าง ให้แสงดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้อง นางถนอมเริ่มปัดกวาดเช็ดถู แล้วดูดฝุ่น เสียงเครื่องนั่นดังทำให้คนที่นอนอยู่ในห้องนอนต้องลืมตาขึ้นมา ความไม่คุ้นเคย ต้องเรียกความทรงจำกลับมา แล้วอารมณ์ที่ควรจะดีที่ได้ตื่นขึ้นมาในห้องสวยๆ ต้องขุ่นมัว อยากจะลุกขึ้นไปจัดการคนทำเสียงดัง แต่คำว่าตัวตายตัวแทนตรึงให้ข่มอารมณ์ไว้ แล้วลุกจากเตียง หยิบเสื้อคลุมผ้าลินินเนื้อนุ่มที่วางอยู่ปลายเตียง มาใส่ทับชุดนอนบางๆ เสยผมด้วยปลายนิ้วให้เข้าทรง ก็เดินไปเปิดผ้าม่าน เลื่อนบานกระจกให้เปิดออก

แสงสว่างผ่านกระจกเข้ามาในห้อง สายลมเย็นๆพัดมาโดนตัว สายตามองตึกอาคารบ้านช่องลดหลั่นเป็นทิวทัศน์ไกลสุดตา และยังมีแม่น้ำกับสวนสาธารณะให้เห็นเย็นตาสบายใจอีก ร่างอรชรก้าวออกไปยืนตรงระเบียง หรุบตามองสวนหย่อมเล็กๆมีพันธุ์ไม้แคระไม้ดอกจัดให้ชวนชม แต่เธอมองอย่างเฉยๆไม่คิดแม้จะหยิบกระบอกน้ำมารดให้มันเลย

“สวัสดีค่ะ คุณน้ำ”

เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังนั้นทำให้ธาราธารเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย เพราะชื่อที่เป็นของแสลงให้เธอระลึกว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก่อนจะปรับให้เป็นปรกติ เมื่อคิดว่าคนทักนั่นคงเป็นแม่บ้าน ที่ผู้จัดการสาวเคยบอกไว้ แต่ไม่หันไปมอง เพราะเธอยังไม่ได้แต่งหน้าทำผมให้เหมือนคนที่หายไป โดยไม่รู้ว่าแม่บ้านมองอย่างสงสัย เพราะคุณน้ำไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ จะใส่เป็นกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อผ้าหรือใส่แค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเท่านั้น

“มีอะไร”

“ไม่มีค่ะ แค่อยากถามว่า คุณน้ำจะดื่มอะไรหรือทานอะไรรองท้อง ก่อนคุณผู้จัดการจะมารับ ไหมคะ ถนอมจะจัดให้”

“ไม่ละ ไปเตรียมน้ำให้ฉันอาบก็แล้วกัน เสร็จแล้วก็ออกไปได้ แล้วอีกสองชั่วโมงค่อยมาทำความสะอาดห้อง”

“ค่ะ” นางถนอมรับปาก ทั้งที่แปลกใจ เพราะคุณน้ำไม่เคยสั่งให้นางทำอะไรให้เลย นอกจากจะฝากดูแลต้นไม้ ทุกครั้งที่นางเคยเห็นจะรดน้ำต้นไม้ ดูแล จัดปรับแต่งสวนเล็กๆแห่งนี้ให้มันสวย ผลิดอกให้ชวนชม เติบโตให้ชื่นใจ โดยเฉพาะต้นมะลิที่จะชอบเป็นพิเศษ และถ้าว่างก็จะร้อยมะลิเป็นพวงสวย ซึ่งนางยังทึ่งว่าทำได้ยังไง แต่วันนี้อาจจะเหนื่อย นางคิดง่ายๆ แล้วเดินไปจัดการตามคำสั่ง

ธาราธารยืนคอยมองจนแม่บ้านออกไปจากห้องนอน ก็เดินไปที่ห้องน้ำที่กว้างขวาง สวยไปทุกมุมโดยเฉพาะอ่างอาบน้ำที่มีฟองนุ่มน่าสัมผัส ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ แล้วเดินไปเปิดเพลงเพราะๆฟัง หันหลังเดินไปที่อ่างอาบน้ำพร้อมๆกับดึงสายเสื้อคลุม ถอดเสื้อทั้งตัวนอกตัวในออกจากตัว ก็ก้าวลงไปนอนในอ่าง มือกอบฟองหอมๆมาดม เป่าฟองนุ่มๆเล่น เธอสุขใจกับความหรูหราสะดวกสบาย

แต่แล้วก็ภาพในความทรงจำก็ผุดขึ้นมาซ้อนภาพความสุข ห้องเล็กๆมีเตียงสองชั้นวางไว้ชิดผนังทั้งสองข้าง ตรงกลางที่เหลือเป็นทางเดินที่เดินสวนกันไม่ได้ ต้องรอให้ใครคนใดคนหนึ่งเดินไปก่อน ข้าวของเครื่องใช้ก็ต้องซุกไว้ใต้เตียง จะใช้แต่ละทีก็ต้องก้มลงไปหา ช่างน่าอนาถ รอยเยาะหยันผุดขึ้นบนสีหน้า ขณะสายตากวาดมองไปรอบห้องที่ช่างต่างกันเหลือเกิน

‘จะไม่กลับไปซุกอยู่เหมือนหนูสกปรกอีกแล้ว’
ประโยคนี้ดังขึ้นในใจ ไม่นานก็ลุกขึ้นจากอ่างมาล้างตัว หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัว ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเดินไปห้องแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ทุกอย่างดีต่อใจ หยิบตัวที่ใช่ของที่ชอบมาใส่ แต่งหน้าทำผมให้เหมือนนางเอกดัง แล้วถือกระเป๋าใบหรูออกไปนั่งโซฟานุ่มรอผู้จัดการสาว

ติ๊ด ติ๊ด เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังให้ได้ยิน ธาราธารเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมา หน้าจอบอกว่าใครโทรมา ก็รีบกดรับยกขึ้นแนบหู เพราะอยากรู้เรื่องคนที่หายไป เธอสวัสดีแล้วถามว่า “ได้ข่าวยัยน้ำหรือยังคะ”

“ยัง แต่นังจรัสแขมันรู้ว่าลูกอยู่ที่นั้น มันจะไปลากตัวลูกออกมา” เสียงพูดเหมือนบอกเล่าทั่วไป แต่แววตาที่ไม่คนฟังไม่เห็นนั่นซ่อนนัยร้ายไว้ “และอีกสองวันถ้ายังไม่ได้ข่าวยัยน้ำ คุณย่าจะให้ตำรวจเข้ามาจัดการอย่างลับๆ”

“ก็ดีนี่ค่ะ เราจะได้รู้กันเสียที ว่าพี่น้ำหายไปไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว”

“แม่ภาวนาให้มัน...ตาย เพราะเกลียดมัน แม่มันก็เหมือนกัน คุณพ่อให้รักกับเรา แต่ไม่เคยให้เงินเราใช้เลย เพราะทรัพย์สินเป็นของสองแม่ลูกนี้หมด คุณย่าก็ไม่เคยช่วยอะไรได้เลย นอกจากให้ตึกทางด้านซ้ายเป็นที่คุมกะลาหัวเท่านั้น เราสองแม่ลูกก็ต้องดิ้นรนกันเอง กว่าจะยืนมาถึงทุกวันนี้โดยไม่ล้มให้ใครเหยียบ เลือดตาก็แทบกระเด็นและพอจะสุขสบายกลับจะมาทำลายกันอีก แม่ไม่มีวันยอม หนูก็เหมือนกัน จำไว้อย่ายอม”

“แม่ไม่รู้จักหนูเหรอคะ เมื่อหนูก้าวเข้ามาแล้ว ไม่มีทางที่จะถอยออกไปง่ายๆ ไม่งั้นหนูไม่เป็นตัวตายตัวแทนใครให้เสียเวลาหรอกค่ะ”

“ถ้าหนูคิดได้อย่างนี้ก็ดี แม่จะได้ไม่ต้องห่วง จะทำอะไรก็จัดเต็ม ไม่ต้องเกรงหน้าไหนทั้งนั้น”

“แม้กระทั่งคุณย่าเหรอคะ” เสียงถามเหมือนจะห่วงใย แต่สีหน้านิ่งเฉยมาก

“ใช่ จะไปใยดีทำไมกับคนที่เขาไม่รักเรา ที่มีความเป็นธรรมให้อยู่บ้าง ก็กลัวจะถูกถอนหงอกและเพราะเลือดของตัวเองที่อยู่ในตัวลูกเท่านั้น เวลาท้องเราหิวปากเราอยาก ไม่มีใครป้อนให้เรากิน นอกจากตัวเราเอง ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสก็กอบโกยทุกอย่างไว้ จะได้สบายไม่ลำบากอย่างที่ผ่านมา ส่วนตัวแม่แม่จะจัดการเอง”

“แม่จะทำอะไรคะ”

“แม่จะทำให้ทุกคนเห็นว่าน้ำนิ่งที่ไหลลึกเวลากราดเกรี้ยวขึ้นมา ก็พร้อมจะซัดทุกอย่างให้พังไปเหมือนกัน”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ถ้านังตัวแม่ไม่หยุด ลูกก็จะรู้เอง”

เสียงสัญญาณตัดขาดไป ธาราธารก็ยังนั่งนิ่งอยู่ แต่แววตาถ้าใครได้เห็นคงสงสัยว่าเธอกำลังสะใจกับอะไร และเมื่อผู้จัดการสาวโทรมาบอกว่ารออยู่ข้างล่างแล้ว ก็ลุกขึ้นยืน เชิดหน้าขึ้นพร้อมจะออกไปกอบโกยทุกอย่างมาไว้ในมือ
**********
หัวเรือประมงค่อยๆขับเข้ามาใกล้ท่าเรือ ที่ผู้คนบางตาเพราะไม่ใช่ท่าเรือท่องเที่ยว แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของคนขับกับอีกสามคนที่อยู่บนเรือก็มองอย่างสนใจ โดยเฉพาะสายตาของกัปตันที่มองราวกับเครื่องเอกซเรย์ จับจ้องทุกคนพิจารณาทุกจุด ซึ่งถ้าสายตาเขายาวกว่านี้ ก็จะได้เห็นว่าที่หน้าอาคารไม้ขายตั๋ว ตอนนี้มีชายคนหนึ่ง ลักษณะท่าทางคล้ายเขา ใส่เสื้อเจ็กเก็ต สวมหมวกปิดบังหน้า เดินหลบผู้คนไปที่ลานจอดรถ

สายตาคอยตวัดมอง เมื่อเห็นคนเดินตามก็แอบยิ้มสมใจ รีบเดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์ แล้วขับออกไป คนที่ตามก็รีบวิ่งไปที่รถยนต์ของตัวเอง ขับตามไปทันที โดยไม่รู้ว่าเบื้องหลังนั้น มีคนตามหายืนอยู่บนเรือที่กำลังจอดเทียบท่า หมอปลาเดินเข้ามายืนข้างๆแล้วบอกว่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยตามแผนครับกัปตัน ตอนนี้ปีกแอ็คส์แน็คเตรียมของไว้ให้ที่ข้างอาคารไม้แล้วครับ”

“ฉันกำลังจะเหยียบพื้นพสุธา ไม่ได้อยู่บนเรือแล้ว ไม่ต้องเรียกฉันว่ากัปตันอีก” บอกแล้วก็เดินไปถือเชือกเรือ กระโดดขึ้นไปบนสะพาน เอาเชือกไปคล้องเสาปูน ฉลามดับเครื่องยนต์ แล้วเดินมาสมทบกับหมอและหญิงสาว ทั้งสามเดินขึ้นไปยืนบนสะพาน

หมอปรายตามองหญิงสาวที่เขารู้ดีว่าเป็นใคร ส่งสายตาห่วงใยให้เธอ กัปตันที่ละสายตามามองก็เห็นสายตานั้นเข้าพอดี แต่ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากเดินนำทั้งสามคนไปยังอาคารตรงหน้า หญิงสาวเพียงคนเดียวที่เดินอยู่หลังสุด หน้ามอมด้วยฝุ่นจากกาบเรือที่เอามาป้ายหน้า กันคนจำได้ว่าเป็นใคร แม้จะตัดผมสั้นจนเหมือนคนละคนไปแล้ว แต่เธอก็ไม่วางใจ เดินก้มหน้า ไม่สบตา ไม่มองหน้าใคร ที่เดินผ่านไปทั้งนั้น

อาคารไม้มีร้านเล็กๆขายอาหาร น้ำ ให้คนที่สัญจรไปมา ทั้งสี่คนไม่มีใครแวะทาน เดินไปยืนข้างอาคาร และไม่มีการเคลื่อนไหวอีก หญิงสาวเพียงคนเดียวก็รู้แล้วว่าทุกอย่างคงสิ้นสุดลงที่นี่ เงยหน้าขึ้นมองทุกคน ที่ต้องเอ่ยลาและที่ขาดไม่ได้คือ... “ขอบคุณที่ช่วยฉัน ฉันจะไม่ลืมและถ้ามีโอกาสฉันคงได้ตอบแทนทุกคนบ้าง”

“ไม่เป็นไรครับ” หมอตอบแทนอีกสองคน “เราช่วยด้วยใจไม่ได้หวังสิ่งใด ไม่ต้องคิดมากหรือกังวลเลย และถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยอีก ก็ยินดีครับ อีกอย่างระวังตัวด้วยนะครับ”

หญิงสาวรู้ว่าเตือนเรื่องฆาตกรรม “ขอบคุณค่ะ” พูดจบเธอก็ยิ้มให้ และมองกัปตันที่ยืนนิ่งอยู่ อยากจะพูดบางอย่างกับเขาแต่ที่พูดได้คือขอบคุณเขาอีกครั้ง ก็ก้าวจากมา แต่เพียงไม่กี่ก้าว แขนก็ถูกรั้งไว้ เธอหันมามองก่อนจะสบตาคนรั้งอย่างสงสัย ว่ามาเหนี่ยวเธอไว้ทำไม

“จะไปไหน ฉันจะไปส่ง”

ความอุ่นใจเกิดขึ้นมา แต่เพียงแวบเดียวก็หายไป เมื่อเสียงเขาเรียบเฉยตามมารยาท เสียงที่ตอบไปจึงไม่ต่างกัน “ไม่ต้องค่ะ ฉันไปเองได้”

“ยังไง” เขาถาม แต่มีความเงียบเป็นคำตอบ เพราะเธอก็ยังไม่รู้เหมือนกัน “เงินไม่มี รถไม่มี เครื่องมือสื่อสารใดๆก็ไม่มี จะไปยังไง จะขอใครให้ช่วย จะไว้ใจได้หรือเปล่า”

“งั้นฉันขอยืมเงินคุณก่อนได้ไหม”

“ฉันไม่มีเงินให้ แต่จะไปส่งอย่างที่บอกไปแล้ว”

“คุณมีแต่ไม่ให้มากกว่า”

“ก็แล้วแต่จะคิด จะตกลงหรือปฏิเสธก็บอกมา”

ธารธาราอยากจะปฏิเสธ แต่ยั้งปากไว้ เมื่อคิดได้ว่าเธอไม่ควรทำตัวให้เด่นเป็นที่สนใจของใคร เพราะที่หายตัวมาสองวัน ก็ยังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง การที่จะไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ถ้ามีใครจำได้ขึ้นมาเรื่องที่ควรจะเงียบก็จะดังขึ้นมา และที่ดังอยู่แล้วก็จะลุกลามไปอีก จึงตอบตกลงกับเขา ซึ่งก็จับแขนเธอพาเดินลึกเข้าไปข้างอาคาร มายืนข้างบางอย่างที่มีผ้าคลุมไว้ พอเขาดึงผ้าคลุมออกจึงได้เห็นว่าเป็นรถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์คันใหญ่

เมธิสหยิบหมวกกันน็อกมาใส่ อีกใบก็ใส่ให้เธอ โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวและไม่คิดว่าเขาจะใส่ให้ รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล ความอุ่นใจที่หายไปวาบเข้ามาในหัวใจใหม่ แต่พยายามนิ่งโดยไม่รู้ว่าคนใส่มองใบหน้าที่เปื้อนไม่วางตา และสงสัยว่าทำไมถึงได้ทำหน้าตัวเองให้มอมแมม แต่ไม่ถามกลับเลื่อนปลายนิ้วมาเช็ดออก เธอเบี่ยงหน้าหนีทันที เขาชะงัก ก็ถาม

“ทำไม”

“ฉันถือ”

เขาก็ไม่พูดอะไรอีก หมุนตัวไปก้าวขาคร่อมรถมอเตอร์ไซด์ ส่วนธาราธารถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วก็ขยับขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลัง จะนั่งตัวตรงก็ไม่ได้ เพราะที่นั่งคนซ้อนสูงกว่าที่นั่งคนขับ จึงโน้มตัวไปเกาะบ่าเขาไว้

เขาเอียงหน้าไปหรี่ตามองมือที่เกาะบ่าก่อนจะตวัดขึ้นไปสบตาเธอ ถามคำถามบางอย่างและเมื่อได้คำตอบก็จับมือที่เกาะบ่าให้มากอดเอว แล้วขับบิ๊กไบค์ออกไปพร้อมกับคิดถึงคำถามที่ถามเมื่อกี้ว่า

“ทำไมถึงยอมให้ฉันไปส่ง”

“ฉันไว้ใจ”
รถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์วิ่งห่างจากสายตาของหมอกับฉลามไป เสียงความสงสัยของทั้งสองคนก็ดังสลับกันขึ้นมา “ไหนว่าจะไม่สนใจ”

“ไหนว่าขึ้นฝั่งแล้วทางใครทางมัน”

“ไหนว่าเป็นคนไม่จำเป็น”

“แล้วที่จับไปซ้อนท้ายไปนั่นคืออะไร”

“ไปส่ง”

“ที่ไหน”

คราวนี้ไม่มีเสียงตอบมีแต่ความเงียบ เพราะต่างก็ไม่รู้ แล้วหันมามองหน้ากัน มองตากันก็รู้ว่า เสือเริ่มออกลาย ลูกไม้เริ่มหล่นไม่ไกลต้น ฮ่าๆๆๆๆ สองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อคิดตรงกันว่าอีกไม่นานตระกูลแอ็คส์แน็คจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่แน่นอน จากนั้นไม่นานก็เดินออกจากอาคารไม้แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
***********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ย. 2560, 17:43:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ย. 2560, 17:43:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1574





<<    ตอน 7 >>
แว่นใส 29 ก.ย. 2560, 20:53:24 น.
แม่ลูกร้ายนะ


Kim 29 ก.ย. 2560, 22:55:50 น.
กัปตันเริ่มสนแล้วสิ
ไม่ชอบสองแม่ลูกนี้เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account