เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)

หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา

ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง

เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ

ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่

รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า

Tags: โรมานซ์

ตอน: ตอน 7

ตอน 7
หน้าคอนโดหรูของนางเอกดัง แม่ของเธอ นางจรัสแขมายืนจ้องมองเข้าไปข้างใน เพื่อมาไล่ตัวตายตัวแทนที่แจ๋นมาอยู่คอนโดลูกของนางออกไป ทั้งที่ไม่แน่ใจจะยังอยู่หรือออกไปทำงานแล้ว เพราะตัวแม่ต้องโทรมาบอกเรื่องที่นางจะมาลากตัวออกไป แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่านางอยากมาดูด้วยตาตัวเองว่าข้าวของๆลูกนาง จะยังมีอยู่ครบหรือได้ถูกฉกฉวยออกไปบางหรือเปล่า แต่ก่อนที่นางจะเข้าไปดู นางต้องจัดการคนเจ้ากี้เจ้าการ พาจอมฉวยโอกาสมาที่นี่ก่อน

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงสัญญาณโทรศัพท์ของผู้จัดการนางเอกดัง ดังขึ้น มีลักขณาซึ่งตอนนี้กำลังนั่งมองตัวแทนของนางเอกดัง ถ่ายแฟชั่นอยู่ในสตูดิโอของนิตยสารดัง หยิบมือถือขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นใครโทรมา อาการสันหลังหวะก็เกิดขึ้นทันที เพราะรู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไว้ และเรื่องคงรู้ไปถึงหูแล้ว ถึงได้โทรมา จะไม่รับก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้สถานะของเธออยู่ในสภาวะคาบเกี่ยว ระหว่างตัวจริงกับตัวปลอม จะภักดีคนใดคนหนึ่งยังไม่ได้ได้ จำต้องเป็นนกสองหัวไว้ก่อน คิดได้แล้วก็กดรับสัญญาณ พูดเจื้อยแจ้วออกไป

“สวัสดีค่ะคุณแข มีอะไรให้มี่รับใช้คะ”

“สาระแน”

“ว้าย” มีลักขณาแสร้งตกใจที่จู่ๆก็โดนด่า ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก แล้วมองซ้ายมองขวา กลัวใครจะได้ยิน จึงลุกขึ้นเดินไปหาที่คุยเงียบๆ พร้อมกับพูดไปด้วยเบาๆ “มี่ทำอะไรให้เคืองหรือคะ หรือว่าลืมจ่ายค่าของให้คุณแข”

“ไม่ต้องมาแถ ฉันรู้ว่าเธอรู้อยู่เต็มอก แต่ถ้ายังแสร้งโง่ฉันจะเอาทิงเจอร์ไปราดที่ก้านสมอง ให้รอยหยักมันแสบๆคันๆ ขึ้นมา จะได้ตอบฉันได้ว่าทำไมพาตัวปลอมไปพักที่คอนโดลูกฉัน”

“คุณแขเอามาจากไหนคะ มี่ไม่...”

“ช่วงนี้หน้าทุเรียน ไม่ใช่สะตอ ไม่ต้องมาแหลให้ฉันฟัง” นางซัดอย่างไม่ต้องการฟังคำพูดใดๆ “แต่ที่ฉันอยากรู้ ตอนนี้เธอพาตัวปลอมออกมาจากห้องลูกฉันหรือยัง”

“ออก ออกมาแล้วค่ะ” เธอยอมรับไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำ แต่ยังถูกจิกกัดมาอีกว่า

“ยอมรับแล้วซิว่าพาไป”

“เอ่อ เอ่อ” ผู้จัดการสาวติดอ่างเพราะพยายามหาคำมาแก้ตัว แต่ดูจะไม่มีคำใดมีน้ำหนักพอเท่ากับยอมรับออกไป แต่ให้ตัวเองดูดี มากกว่าจะแย่ลง จึงตีบทโศกให้น่าเห็นใจ “แล้วคุณแขจะให้มี่ทำยังไงคะ ก็คุณน้อง เอ่อคุณธาราเธอต้องการอย่างนั้น มี่ห้ามแล้วห้ามอีก เธอก็ไม่ฟัง ดึงดันจะไปอยู่ให้ได้ ถ้ามี่ไม่พาไปก็จะล้มเลิกทุกอย่าง เราก็จะเสียหายกันทั้งหมดนะคะ”

“ห่วงความเสียหายของครอบครัวฉัน หรือเงินที่จะหายไปจากกระเป๋าเธอกันแน่หึนังหมี่ซั่ว”

“มีมี่ค่ะคุณแข ไม่ใช่หมี่ซั่ว”

“ฉันจะเรียกเธออย่างนี้ และคืนนี้ไม่ต้องพาตัวปลอมไปที่คอนโดลูกฉันอีกนะ ไม่งั้นฉันฉีกอกเธอแน่”
ขู่เสร็จจรัสแขก็วางสาย ก้าวฉับๆเข้าไปข้างใน โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำขู่ของเธอเลย เบ้ปากหยันมาทางโทรศัพท์ เพราะเธอต้องเอาใจคนที่ให้ผลประโยชน์กับเธอเท่านั้น แล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนนางจรัสแขก็เดินตรงไปยังลิฟต์ กดให้เปิดเพื่อพานางขึ้นไปยังห้องพักสุดหรูของลูก ไม่เกินสามนาทีนางก็มายืนตรงหน้าห้อง

กริ่งที่ติดไว้หน้าห้องส่งเสียงบอกคนที่อยู่ข้างในให้รู้ว่ามีคนมาหา ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก นางถนอมมองคนที่มากดกริ่ง ไม่มีความแปลกใจเพราะรู้จักคนที่ยืนตรงหน้าดี เพราะมักจะแวะเวียนมาบ่อยๆ ยกมือขึ้นไหว้ แล้วเบี่ยงตัวเปิดทางให้นางเดินเข้าไปข้างใน จรัสแขกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะตวัดกลับมามองหน้านางถนอม แม่บ้านที่วางตัวดี ไม่ซอกไม่แซก ไม่นำพาเรื่องราวในห้องนี้ไปพูดข้างนอกให้เสียหาย ที่สำคัญดูแลห้องให้ลูกนางมานาน จำของทุกชิ้นที่มีอยู่ในห้องนี้ได้ ก็ถามว่า

“มีอะไรหายไปจากห้องนี้บ้าง”

“ไม่มีค่ะ” ปากก็ตอบขณะที่สมองก็สงสัยว่าทำไมถึงถามแบบนี้ ในเมื่อไม่มีใครเข้ามาห้องนี้เลย นอกจากเจ้าของห้อง ซึ่งก็เพิ่งออกไป

“ไปตรวจดูให้แน่ใจก่อน แล้วค่อยมาตอบฉัน”

นางถนอมไม่ถามให้มากความเดินไปทำตามคำสั่ง ไม่นานก็กลับมาบอกว่าไม่มีอะไรหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว จรัสแขพยักหน้าพอใจ แล้วอยากจะสั่งอะไรอีกหลายอย่าง แต่ระลึกได้ว่าความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า ให้มากคนมากความไปมากกว่านี้ แม้จะไว้ใจได้ก็ตาม

“ฉันกลับละ แต่ถ้ามีอะไรในห้องนี้หายไปสักชิ้น ต้องโทรบอกฉันทันที เข้าใจไหม”

“ค่ะ”

ได้ยินคำรับปากแล้วจรัสแขก็เดินออกมาจากห้อง ทิ้งความสงสัยไว้เต็มหน้านางถนอม แล้วถอนหายใจทิ้งความสงสัยไป เพราะแม่ของนางเอกดังมาวุ่นวายแบบนี้บ่อยๆ

เก๋งสีขาวขับออกไปจากคอนโดหรู โดยมีสายตาคู่หนึ่งมองตามไป ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร นางเลอรัศมีที่ขับรถตามนางจรัสแขมา ทั้งๆที่รู้ว่าลูกนางไม่อยู่แล้ว แต่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาทำอะไรบ้าง ตอนแรกก็จะลงจากรถไปสมน้ำหน้า ที่มาคว้าน้ำเหลว แต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่านางตาม จึงได้แต่นั่งดู และขับรถตามไปอีก เพราะอยากจะรู้ว่านางจะไปไหนต่อ ถ้าไปหาเรื่องลูกของนางถึงที่ทำงาน นางก็จะได้ปกป้องได้ทัน

นางขับตามไปเรื่อยๆ กระทั่งเลี้ยวรถตามมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง จอดรถแอบมองอยู่ห่าง ก็เห็นว่าพออีกฝ่ายลงจากรถก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาหา โอบกันก่อนจะพากันเดินเข้าไปในโรงแรม กระจกใสๆนั่นเห็นว่าทั้งคู่เดินไปที่ห้องอาหาร แต่จากนั้นนางก็เดาออกว่าต้องไปกินของคาวกันต่อแน่นอน

‘ต่ำตมไม่เลิก’

นางเหยียดหยันอยู่ในใจ แล้วโทรศัพท์ไปหาคนที่ให้ความสุข ความหวังในการติดตามการหายตัวไปของลูกเลี้ยง ซึ่งไม่รู้ว่าป่านนี้คนของเขาจะได้ข่าวมาบ้างหรือยัง พออีกฝ่ายรับสาย นางก็หวานใส่ก่อน

“คิดถึงค่ะ อยู่ที่ไหนคะ งานการกุศล ค่ะเดี๋ยวไปหานะคะ แต่เรื่องที่ให้ตามเป็นไงบ้างคะ”

“ยังไม่ได้ข่าว แต่ไม่ต้องห่วงผมไม่วางมือ ยังตามหาอยู่ แต่ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อย”

“บอกมาเลยค่ะ เลอยินดีช่วยคุณทุกอย่าง”

“ผมอยากให้นางเอกดังมางานการกุศลค่ำนี้”

เลอรัศมีอึ้งไปเล็กน้อย ก็บอกเหตุผลไป “กะทันหันแบบนี้ เลอไม่กล้ารับปากเลยค่ะ เพราะคิวของธาราแน่นมาก”

“ผมขอแค่นี้ ที่เหลือก็เป็นความสามารถของคุณ เพื่อให้ความหวังของเราทั้งคู่สำเร็จ”

เลอรัศมีรู้ความหมายของความหวังทันที ว่าคือการแลกเปลี่ยน ถ้าเธอทำไม่สำเร็จ เรื่องที่เธอขอเขาช่วยก็อาจจะไม่สำเร็จด้วย จึงต้องรับปาก “ค่ะ”

คนปลายสายยิ้มอย่างพอใจ ขณะที่เลอรัศมีลำบากใจ แล้วกดโทรศัพท์หาลูกสาวตัวเอง ซึ่งตอนนี้อยู่ที่สตูดิโอ ถ่ายแฟชั่นของนิตยสารชื่อดัง พอรับสัญญาณก็พูดทันที “ธารา”

“ค่ะแม่” เสียงปลายสายดังฟังชัดออกมา

“ยุ่งอยู่หรือเปล่า”

“พักเพื่อเปลี่ยนชุดค่ะ แม่มีอะไรคะ”

นางเลอรัศมีนิ่งไปอึดใจเพราะลำบากใจ แต่ก็ต้องพูดออกมา “แม่อยากให้หนูมางานการกุศลค่ำนี้”

“คิวเต็มค่ะ”

“ยกบางคิว แล้วให้คิวแม่ได้ไหม”

ปลายสายนิ่งไป คนเป็นแม่ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องสงสัย และไม่ผิดอย่างที่คิด เมื่อได้ยินเสียงถามมาว่า “เพื่ออะไรคะแม่”

“ตัวจริง”

ธาราธารมองโทรศัพท์ที่ตัดสัญญาณไปเพียงอึดใจ ก็มองสตูดิโอที่ต้องพักการถ่าย ให้เปลี่ยนชุด เปลี่ยนฉาก เพราะมีนางแบบกิตติมศักดิ์มาร่วมเฟรมด้วย เธอไม่พอใจที่ไม่ได้เด่นคนเดียว แต่ต้องหน้าชื่นไว้ไม่ให้ใครสงสัย และยังมีเรื่องของแม่มาเพิ่มความขุ่นมัวในอารมณ์อีก เธอเม้มริมฝีปากข่มใจสุดๆ แล้วมองหาผู้จัดการสาว เดินไปหาทันทีที่เห็นว่ายืนคุยโทรศัพท์อยู่ ไปถึงก็ลากมือไปคุยที่ไม่มีคน

“ว้าย คุณน้อง เดี๋ยว เดี๋ยว แค่นี้ก่อนนะคะ” เธอบอกกับปลายสาย แล้วรั้งมือรั้งคนลากให้หยุด “มีอะไรคะ” ถามแล้วก็ฟังความต้องการของหญิงสาว พอจบก็ปฏิเสธออกมาทันที “เต็ม ไม่ว่างจ๊ะ เพราะจบจากงานนี้ ก็ต้องไปออกอีเว้น”

“แทรกได้ไหมคะ หรือพอจะจัดเวลา ให้เหลือสักชั่วโมงได้หรือเปล่า”

“ไม่ได้เลย เวลากระชั้นชิดเกินไป ทำยังไงก็ไม่ทัน”

“งั้นธาราถามหน่อยว่า ระหว่างเงินเล็กน้อยที่ต้องเสียไป กับเงินที่จะได้มามากมายในอนาคต พี่มี่จะเลือกอะไร”

คำถามนี้สร้างความลำบากใจให้กับผู้จัดการสาวทันที เพราะความรับผิดชอบของวงการมายานั่นสำคัญมาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีการซิกแซก ยิ้มมีเลศนัยให้นางเอกตัวปลอม ซึ่งแค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าผู้จัดการจอมงกเลือกอะไร แต่เธอยังไม่ตอบคนเป็นแม่ เมื่อรู้ว่าที่ท่านร้อนใจ เพราะความต้องการของใคร

เมื่อปัญหามีทางแก้เธอก็จับมือผู้จัดการไปที่ห้องแต่งตัว เดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจก ทุกคนที่รุมล้อมพูดคุยยิ้มแย้มอยู่กับนางแบบกิตติมศักดิ์ ก็ผละมาหานางเอกดังทันที ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้าทำผม ฝ่ายบริการ ฝ่ายเสื้อผ้า ทุกคนมะรุมมะตุ้มเธอ เพื่อให้งานเสร็จตามเวลา และไม่อยากให้นางเอกดังเหวี่ยงใส่ แต่ต้องแปลกใจเมื่อไม่มีคำพูดใด นอกจากรอยยิ้มสดใสที่แจกให้ ทุกคนยิ้มตอบแต่แอบมองตากันด้วยความแปลกใจ

ขณะคนที่ไม่มีใครสนใจ ไม่พอใจ แสดงอาการเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ปนอิจฉาริษยา แต่ต้องข่มใจรอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็รอมาเป็นชั่วโมงแล้ว ส่วนทุกคนที่สงสัยก็เก็บความนี้ไว้ เอาหน้าที่มาก่อน ฝ่ายบริการกับช่างแต่งหน้า เอาใจด้วยการถามว่า

“พี่มีผลไม้เชอรี่กับสตอบอรี่ น้องน้ำอยากทานไหมคะ”

“หน้าของน้องน้ำซับเหงื่อ เติมแป้งอีกนิด เติมลิปอีกหน่อย ก็สวยแล้วค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

คำตอบที่ได้มายิ่งทำให้ทุกคนแปลกใจ แต่ไม่มีใครพูดอะไร ทำหน้าที่ตัวเองพร้อมคุยอย่างเป็นกันเองกับเธอมากขึ้น แต่คนที่รอมานานกลับหงุดหงิด เมื่อยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ ไม่มีการเร่งรีบ ปอยอเล่นกับอีกฝ่ายจนเธอทนไม่ไหว เพราะมีงานต้องไปทำอีก จึงลุกขึ้นเดินไปหาทุกคน ฉีกยิ้มให้ก่อน ก็พูดออกมา

“เสร็จหรือยังคะ แบมรอนานแล้วนะคะ มีงานอื่นต้องไปอีก”
ทุกคนชะงักไปกับคำถามนี้ เพราะมีความไม่พอใจอยู่ เบนสายตามองนางเอกดังว่าจะเหวี่ยงใส่หรือเปล่า แต่เธอกลับนิ่ง เป็นผู้จัดการเธอเสียอีกที่ลุกขึ้นมายืนข้างๆ สีหน้าเอาเรื่องขึ้นมา แต่ฝ่ายเสื้อผ้ารีบออกหน้าให้ กลัวว่าจะกระทบกับงานด้วยการบอกว่า

“รอน้องน้ำเปลี่ยนชุด เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ”

“ชุดมือสอง ที่เคยมีคนอื่นใส่ไปแล้วนั่นเหรอคะ เหมาะดีนะคะ” ว่าแล้วก็ยิ้มหวานใส่ตานางเอกดังที่มองอยู่ “ขอตัวไปคุยกับช่างภาพก่อนนะคะ งานจะได้เสร็จเร็ว ไม่กินเวลาคนอื่น” พูดจบก็เดินเชิดหน้าออกไปทันที

ฝ่ายเสื้อผ้าจึงรีบบอกนางเอกดังว่า “ชุดใหม่ค่ะน้องน้ำ ไม่ใช่มือสอง”

“ไม่เป็นไร ชุดไหนน้ำก็ใส่ได้ทั้งนั้น”

คำพูดของเธอได้ใจทุกคน ภาพลักษณ์ที่เหวี่ยงวีนที่เคยได้เห็นได้ยินมาก่อนหน้านี้ ถูกลบออกจนหมด เธอได้รับการเอาใจมากยิ่งขึ้น มีลักขณายิ้มให้ทุกคนพร้อมแอบบีบแขนนางเอกดังที่ทำได้ดีมาก ทางเดินจากนี้ไปสดใส เพราะปากของพวกช่างหน้าทำผมในวงการมายานั้นไวยิ่งกว่าปากคนอาชีพใดและปากกาชนิดไหน

ฝ่ายเสื้อผ้าไปเอาชุดมาให้เธอใส่ เธอรับมาแต่พอจะไปเปลี่ยน คนเอาชุดมาให้ก็เรียกไว้ ส่งผ้าชิ้นเล็กสีเนื้อให้พร้อมกับบอกว่า “ชุดนี้เฉี่ยวแล้วก็เปรี้ยวมาก ต้องเปลือยแผ่นหลังไปถึงเอว นี่เกาะอกน้องน้ำเอาไปใส่ แล้วพี่ค่อยให้เขารีทัชออก”

“ไม่ต้องลำบากให้หลายขั้นตอนอย่างนั้นหรอกค่ะ ธาราใส่ชุดไม่ต้องใส่เกาะอกให้ได้เลย”

คำตอบของเธอสร้างความแปลกใจให้กับทุกคน เพราะจากที่เคยร่วมงานกันมา ถ้าชุดเปรี้ยวหรือเซ็กซี่เกินไป จะต้องมีเกาะอกหรือซับในให้เธอใส่เสมอ แต่นั่นไม่สำคัญกับคำพูดแทนตัวเอง ที่มีลักขณาต้องรีบแก้ให้ว่า “เอ่อ คำว่าธารา น้องน้ำก็หมายถึงตัวเองนะคะ หมอดูทักมาว่าชื่อสองพยางค์จะทำให้ดังขึ้นไปอีกก็เลยถือเคล็ดนิดหน่อย”

“อุ้ย จริงเหรอค่ะ เรียกแทนตัวว่าธารา เก๋ดีนะคะ เปิดชื่อใหม่พร้อมความเปรี้ยวโนรีทัชแบบนี้ ดังขึ้นอีกแน่เลยคะน้องน้ำ เอ่อน้องธารา”

ธาราธารยิ้มอายคล้ายเจียมๆ ให้ทุกคนเอ็นดูแต่ใจนั้นฟูด้วยความสมหวัง ที่ก้าวของเธอสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว และอีกไม่นาน จะไม่มีชื่อน้ำอีก มีแต่ธารา จากนั้นเธอก็ขอตัวไปเปลี่ยนชุด ไม่นานก็ออกมา ทุกคนชมว่าชุดเหมาะกับเธอมาก เข้ากับรูปร่างเธอได้อย่างพอดี ไม่ต้องปรับแก้อะไรเลย ที่สำคัญเซ็กซี่มาก ยิ่งใส่คัทชูคู่สวย ส่งให้เธอสง่างาม จนทุกคนชมไม่ขาดปาก พากันถ่ายรูป อัพรูปเธอลงโซเชียลพร้อมแอชแทชใหม่...ธารา

นางเอกตัวปลอมยกมือไหว้ทุกคน ที่ทยอยออกไปจากห้องแต่งตัว กระทั่งเหลือแค่เธอกับผู้จัดการสาว ก็ถามออกมาว่า “นางแบบกิตติมศักดิ์เมื่อกี้ชื่ออะไรคะ”

“คุณแบม ปวริ สิริ ไฮโซสาวทายาทผู้ดีเก่า กำลังได้รับความสนใจจากวงสังคม ก่อนหน้านี้พี่ก็ได้ข่าวมาว่าเอาแต่ใจอยู่เหมือนกัน วันนี้ได้เจอกับตัวแล้ว”

“เมื่อกี้เธอบอกว่ามีงานอื่นต้องไปอีก พี่มี่ช่วยธาราได้ไหมคะ”

มีลักขณารู้ความต้องการของนางเอกตัวปลอมทันที ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนบอกว่า “คุณน้องออกไปทำงานเลยค่ะ ทางนี้พี่จัดการให้”

ธาราธารให้ยิ้มขอบคุณ แล้วเดินออกไปจากห้อง ส่วนมีลักขณาก็หยิบมือถือออกมา กดหาข่าวกับเพื่อนพ้องในวงการทันที

นางเอกตัวปลอมเดินมั่นใจมาหาทีมช่างภาพ ทุกสายตามองมาอย่างชื่นชม มีเพียงคู่เดียวเท่านั้นที่มีความชิงชัง เพราะชุดมือสองที่เธอแดกดันไว้นั้น มันสวยเซ็กซี่เสียจนเธออยากไปกระชากมาใส่ แทนชุดของเธอ ที่ถ้าไม่แหวกไม่เดินก็เรียบๆทั่วไป แต่ไม่เป็นไรอยู่หน้ากล้องก่อนเถอะ เธอจะเบียดรัศมีนางเอกดังให้ตกไปเอง

“จะถ่ายได้หรือยังคะ”

“ได้ครับ คุณแบมรู้คอนเซปของงานแล้วไปรอที่ฉากได้เลย ผมขอบรีฟงานให้น้องน้ำแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวเริ่มถ่ายได้เลย”

“หวังว่าจะไม่นานเกินรออีกนะคะ”

เธอทิ้งท้าย ทิ้งสายตาเหยียดนางเอกดัง แล้วเดินไป ฝ่ายช่างภาพก็หันมาบอกว่า “ชุดนี้ผมอยากได้ความเซ็กซี่ สีหน้ามีรอยยิ้มยั่ว แววตาเชิญชวน ฉากเป็นสไตล์วินเทจ เพื่อให้พวกคุณโดดเด่น และฉีกความกล้าของยุคออกมา ให้เข้ากับสมัยใหม่ เชิญที่ฉากเลยครับ”

“ขอบคุณค่ะ แต่ถ้าธาราทำไม่ดีพอ พี่โอบอกได้เลยนะคะ”

“ครับ” ช่างภาพหนุ่มยิ้มให้ เธอก็เดินไปที่ฉาก ทุกฝ่ายก็ประจำหน้าที่ตัวเอง เช็คไฟ เช็คแสง เช็คจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งก็พร้อมรับฟังคำสั่งช่างภาพ รวมทั้งนางแบบทั้งสองคนด้วย “น้องน้ำนั่งลงบนลังเลยครับ หันข้างโชว์แผ่นหลังแล้วเอียงหน้ามา จิกตามองกล้องครับ ของคุณแบมยืนหลังน้องน้ำ ยกขาขึ้นมาบนกล่อง แหวกชุดออกโชว์เรียวขาครับ”

ทั้งสองคนทำตามคำบอก โดยมีผู้ช่วยช่างภาพช่วยจัดเสื้อผ้ากับท่าทางให้ด้วย จนพร้อมเริ่มถ่าย เสียงช่างภาพก็ดังขึ้น “มองกล้องเลยครับ เยี่ยมครับ มองกล้องครับ ยั่วหน่อยครับ” เสียงช่างภาพบอกพร้อมกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ และให้เปลี่ยนท่า เป็นให้นางเอกดังนอนโชว์แผ่นหลัง สายตามองตรง ขณะที่นางแบบกิตติมศักดิ์นั่งฉีกขากว้าง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่พอใจ เพราะถูกนางเอกสาวเอกดังบังอีกแล้ว จึงทำให้ตัวเองเด่น ดึงคอเสื้อลงมาให้เห็นร่องอก ขณะใบหน้าเชิดขึ้น แล้วก็สมใจ เมื่อได้รับคำชม

“สวย ดี ริมฝีปากเซ็กซี่นิดครับ เยี่ยมครับ น้องน้ำเอียงหน้ามาครับ คุณแบมมองข้างเลย”

การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อยๆ แต่ทุกภาพนางเอกดังจะเด่นอยู่ข้างหน้าแต่นางแบบกิตติมศักดิ์อยู่ด้านหลัง ความไม่พอใจแล่นริ้วมาจนทำอารมณ์ไม่ได้ “ขอพักหน่อยค่ะ”

ช่างภาพนิ่งไปนิด ก็พยักหน้า “ครับ อีกสิบนาที มาถ่ายรูปสุดท้ายกัน”

แบม ปวริ เดินลิ่วไปที่ห้องแต่งตัว โดยมีสายตาของนางเอกดังแอบมองตามไป แล้วยิ้มเยือนให้ทุกคน ก็เดินไปหามีลักขณาที่หลังจากหาข่าวได้แล้ว ก็คันปากอยากจะบอกข่าวที่ได้มาให้รู้ แต่ติดที่เธอทำงานอยู่ จึงต้องนั่งดูการถ่ายแบบ จนได้เวลาพัก ก็รีบก้าวมาจับมือเธอไปนั่งที่เงียบๆ แต่ธาราธารกลับดึงมือให้เดินไปที่ห้องแต่งตัว เพียงก้าวผ่านเข้ามาก็ปรายตามองนางแบบกิตติมศักดิ์ ที่นั่งให้ช่างแต่งหน้าซับเหงื่อให้อยู่ตรงมุมห้องแวบเดียว ก็หันมามองผู้จัดการตัวเอง ซึ่งก็พูดด้วยเสียงที่ให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า

“เรียบร้อยค่ะ” บอกแล้วก็ส่งมือถือของหญิงสาวให้ “อยู่ในไลน์ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอรับมาแล้วเปิดดูทันที เมื่อเห็นข้อความแล้วยิ้มอย่างพอใจ

“จะทำอะไรคะ”

ไม่มีคำตอบให้รู้ แต่มีรอยยิ้มซ่อนร้ายให้เห็น แล้วกดโทรศัพท์หาคนที่ทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง ไม่เกินวินาทีก็มีเสียงรับสัญญาณ เธอก็พูดไป “แม่เหรอคะ เรื่องที่ถามตกลงค่ะ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย”

“หนูต้องการอะไร”

“มีหนูก็ต้องไม่มีแมว”

“ใคร ทำหนูกลัว”

“ไม่ได้กลัวค่ะ แต่มันร้องกวนใจน่ารำคาญ แม่ช่วยไล่ออกไปไกลๆได้ไหมคะ เดี๋ยวหนูส่งรายละเอียดไปให้ แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ”

ธาราธารจัดการส่งข้อความไปให้คนเป็นแม่ ยิ้มนิดๆอย่างสมใจ แล้วยิ้มกว้างเมื่อช่างแต่งหน้ามาซับหน้าให้ ขณะที่ผู้จัดการสาวเริ่มเปรียบเทียบระหว่างนางเอกตัวจริงกับตัวปลอม ตัวจริงนั่นการทำงานดีเยี่ยม ความรับผิดชอบดีเลิศ ไม่เคยมีซิกแซก งานทุกอย่างที่รับไว้จะแป๊ะกับเวลาเสมอ ไม่ค่อยยิ้ม นิ่งเฉย และพูดตรง ข่าวที่บอกเหวี่ยงวีนนั่น ก็เฉพาะคนที่ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ หน้าอย่างหลังอย่างเท่านั้น ส่วนตัวปลอม ดูใจเย็น ยิ้มแย้ม อ่อนหวาน แต่มีความร้ายที่ค่อยๆเผยออกมาให้เธอได้เห็นแล้ว
**********
ท่ามกลางเปลวแดดที่ร้อนระอุ รถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์ถูกบังคับให้วิ่งไปบนถนน ที่มีรถยนต์ร่วมทางอีกมากมาย เจ้าของขับด้วยความชำนาญเพื่อพาคนซ้อนท้ายไปสู่จุดหมาย แต่ความแรงและเร็วของรถทำให้หญิงสาวนั่งเกร็ง เพราะไม่คุ้นเคยกับเจ้าสองล้อคนใหญ่ มือที่จับเอวคนขับกดแน่นจนเขารู้สึก จึงลดความเร็วลงแล้วเอียงหน้าไปมองเธอเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขาไม่เห็นรถยนต์ที่เบี่ยงซ้ายออกมา จึงรีบหักหลบ แต่ก็เสียหลัก โชคดีที่เขาใช้ขายันพื้นไม่ให้ล้ม แต่คนซ้อนท้ายร่วงลงไปกองกับพื้น

“บ้าจริง” เขาสบถออกมา ไม่สนใจคู่กรณี หรือรถที่เริ่มชะลอดู รีบตั้งสแตนค้ำรถมอเตอร์ไซค์ไว้ ไปดูเธอ ที่ยันตัวขึ้นมานั่ง “เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามพลางกวาดตามองไปทั่วตัวหญิงสาว แต่เสื้อกับกางเกงรุ่มร่ามที่เธอใส่ทำให้เขาไม่เห็นแผลใดๆ

“เปล่า” เธอตอบเมื่อยังไม่รู้สึกอะไรไปมากกว่างงๆ แต่พอยันตัวลุกขึ้นยืนก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ คนที่จับตามดูอยู่รีบช่วยพยุงพร้อมถามออกมาทันที

“เจ็บตรงไหน”

เธอดึงขากางเกงขึ้นมา ก็เห็นแผลที่หัวเข่า มีเลือดซึมไหลออกมา รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมาจากหลายส่วนของร่างกาย ดึงแขนเสื้อขึ้นก็เห็นแผลที่ข้อศอก เข็ดขัดยอกที่ไหล่ ที่ตัว ธอร์ขบฟันไม่พอใจตัวเองที่ทำให้เธอเจ็บ “ไปโรงพยาบาล” บอกแล้วก็อุ้มตัวเธอขึ้นมา พาไปที่รถมอเตอร์ไซด์ วางเธอบนเบาะและรู้สึกถึงอาการเกร็งจากความกลัว “ฉันจะระวัง จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”

“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”

ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย แล้วทดสอบคำว่าไม่เป็นไร ด้วยการจับที่แขนเธอ เสียงร้องโอยก็ดังออกมา เสียงเขาก็บอกว่า “ต้องไป เพราะอาจจะช้ำใน แผลที่เห็นอาจจะเล็กแต่แรงกระแทกอาจจะมากชนิดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้”

“เสียเวลา”

“เสียเวลา แล้วไม่เสียดายชีวิตเหรอ หรือเห็นชีวิตไม่มีค่าอีกแล้ว”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉัน แค่เกรงใจ”

“เมื่อฉันบอกว่าจะดูแล ชีวิตเธอก็ต้องมีค่าสำหรับฉัน”

คำพูดของเขาทำให้ความอบอุ่นเข้ามาจู่โจมหัวใจอีกแล้ว ขณะร่างสูงเดินไปถามทางไปโรงพยาบาลหรือคลินิกกับไทยมุง ไม่นานก็กลับมา ขึ้นนั่งบนเจ้าสองล้อคันใหญ่ จับมือเธอไปกอดเอวไว้ แต่พอจะขับออกไป เสียงหวานๆก็ดังขึ้น “แล้วคุณเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า”

แม้จะรู้ว่าเป็นคำถามตามมารยาท แต่ก็ทำให้เขารู้ว่าอย่างน้อยเธอก็มีน้ำใจ ก็เอียงหน้ามามอง แล้วบอก “จับดูซิ”

เธอทำหน้างงเล็กน้อย ก็เข้าใจ ว่าเขาเอาคำพูดเธอมาย้อนนั่นเอง ประมาณว่าถ้าอยากจะรู้ก็ให้จับดู เหมือนที่เขาถามเธอแล้วจับดูก็ได้คำตอบมาแล้ว แต่เธอจะไปจับตัวเขาแบบนั่นได้ยังไง จึงขึงตาใส่ตาเขา ก็ได้เห็นยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ก่อนจะบอกว่า

“กลัวอะไร ฉันไม่ใช่ยักษ์เสียหน่อย เอวก็กอดแล้ว จะจับแขนจับตัว จับอกหรือ...จับหัวใจ ฉันไม่ว่าหรอก”

“ฉันร้อน”

“เพราะฉันเหรอ”

“ดวงอาทิตย์ค่ะ”

รอยขำวาวขึ้นในดวงตาคม พอหันหน้าไปมองทางก็ยิ้มกว้างออกมา แล้วขับเจ้าสองล้อออกไป จึงไม่ได้เห็นสีแก้มของหญิงสาวที่ระเรื่อขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าจะเขินกับคำพูดเขาทำไม
*******
สตูดิโอของนิตยสารดัง ที่ได้นางเอกตัวปลอมกับนางแบบกิตติมศักดิ์มาถ่ายแบบขึ้นปก เซ็ทสุดท้ายได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ทุกฝ่ายก็เก็บของ ขณะที่นางแบบสองคนก็เดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัว นางเอกตัวปลอมนั้นมีผู้จัดการคอยช่วยถอดช่วยใส่ ส่วนของนางแบบกิตติมศักดิ์ มีฝ่ายเสื้อผ้าเป็นคนช่วย เรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ยิ้มแย้มพูดเล่นหยอกเย้า ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แล้วจะขอตัวกลับ แต่เสียงสัญญาณโทรศัพท์ของใครคนหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน

นางเอกตัวปลอมปรายตาไปมอง พอเห็นว่านางแบบกิตติมศักดิ์เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมา ก็ทำเมินเหมือนไม่สนใจ แต่คอยฟังว่าเธอจะพูดว่าอะไร

“สวัสดีค่ะ” ไฮโซสาวเสียงอ่อนหวานออกไป แต่เพียงไม่กี่วินาทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดมา เสียงก็เปลี่ยนเป็นขุ่นขึ้นมา “อะไรนะคะ ยกเลิก หมายความว่าไงคะ”

เสียงของเธอทำให้หลายคนหันมามอง รวมถึงนางเอกตัวปลอมที่ยิ้มสะใจอยู่ในใจ

“ทั้งชุดทั้งช่างแต่งหน้าทำผม ค่ามัดจำค่าจ้างทุกอย่าง แบมก็จ่ายไปหมดแล้ว รวมทั้งแคนเซิลงานอื่น เพื่อรับงานนี้ แล้วจู่ๆมายกเลิกกันได้ยังไง” เธอถามกลับไป แต่คำตอบที่ได้มา กลับยิ่งเพิ่มความไม่พอใจมากขึ้นจนไม่อาจข่มเสียงไม่ให้กระด้างไม่ได้แล้ว “ไม่รู้ ทำตามคำสั่ง คำสั่งใครคะ”

“คุณหญิง ประธานของงาน”

เสียงตอบที่ได้มาทำให้ไฮโซสาว หน้าตาบูดบึ้ง กำมือเข้าหากันแน่น กรีดร้องลั่นอยู่ในใจที่ไม่มีใครได้ยินว่า ‘บ้าที่สุด’ เธอระงับอารมณ์ของตัวเองไม่ให้พลุ่งพล่านไปมากกว่านี้ แล้วมาคิดว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง เธอโดนยกเลิกงานแต่งานไม่ได้ยกเลิก มันหมายความว่าไง แล้วใครจะไปแทนเธอ

“แล้วใครไปแทนแบมค่ะ” เธอถามกลับไปอีก แต่คำตอบที่ได้ก็ยิ่งทำให้อารมณ์เสีย “ไม่ทราบ ตลกแล้วค่ะพี่ ยกเลิกแบม แต่ใครไปแทนแบมยังไม่รู้ แล้วมายกเลิกแบมได้ยังไง” เธอเค้นเพื่อจะเอาคำตอบ

ขณะที่ผู้จัดการนางเอกตัวปลอมก็ขยับเข้ามากระแซะให้ฟังคำพูดเหล่านั้น และกระซิบถามว่า “ฝีมือคุณน้องเหรอคะ”

“กลับกันดีกว่าค่ะ”

เธอบอกแค่นั้นก็เดินนำออกไปทันที ผู้จัดการสาวได้แต่ละล้าละลังเพราะอยากรู้เรื่องที่ไฮโซสาวกำลังของขึ้นอยู่ แต่ต้องตัดใจเดินตามนางเอกตัวปลอมออกไป และมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับที่ให้เธอหาข่าวของไฮโซสาวมาให้แน่ๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือนางเอกตัวปลอมทำยังไงให้ไฮโซสาวกระเด็นออกไปจากงาน

ไฮโซแบมไม่ได้คำตอบได้แต่ความขุ่นเคือง วางสายแล้วอยากจะร้องกรีด กำโทรศัพท์กดอารมณ์ไว้ แล้วคิดว่าจะหาความจริงเรื่องนี้ได้จากที่ไหน วงการที่แคบโลกที่กลม ทั้งไฮโซดารานักแสดงก็รู้จักกันทั้งนั้น แม้บางคนจะเห็นหน้าแต่ไม่รู้ใจ แต่ถ้าเธอถามไป ด้วยหน้าตาทางสังคมที่เป็นที่รู้จัก ที่บางคนอยากจะพาตัวเข้ามาอยู่ในวงการเดียวกัน โดยเฉพาะพวกใจหญิงแต่กายชายสายความงามที่ช่างเม้าท์คงจะสืบเสาะหามาให้เธอได้ไม่ยาก แล้วก็ใช้มือถือสื่อสารไปหาคนที่พอจะไหว้วานได้ ไม่นานเธอก็ได้คำตอบที่คิดไม่ถึง ว่าคนที่ได้งานนี้แทนเธอคือ

‘นางเอกดัง’

ความเจ็บใจแล่นริ้วขึ้นมา หันไปมองหาทันที แต่ไม่เห็นแล้ว ไม่เป็นไร เพราะวงการนี้มันแคบเหมือนลูกโลกอยู่ในกำมือ ต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ และเธอจะหาคำตอบให้ได้ว่าที่เธอโดนเขี่ยออกไป มีใครใช้เส้นสายหรืออยู่เบื้องหลัง
**********
รถบิ๊กไบค์คันใหญ่จอดหน้าอาคารคลินิก ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนที่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เจ้าของรถพาคนเจ็บเข้าไปตรวจร่างกายเบื้องต้นกับทำแผล ผลออกมาว่าร่างกายปรกติ รอยฟกช้ำกับแผลก็ได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อย นางพยาบาลยิ้มให้กับคนป่วย ที่คอยสังเกตตั้งแต่ทำแผลให้แล้วว่ามีใบหน้าคล้ายคนๆหนึ่งที่ชื่นชอบอยู่ ผิดกันที่ทรงผมกับหน้าที่รอยเปื้อนฝุ่นให้ดำๆด่างๆ จึงหยิบกระดาษทิชชูมาให้เช็ดหน้า พร้อมพูดสิ่งที่สงสัยออกมา

“หน้าน้องนี่คล้ายดาราที่พี่ชอบเลย”

หญิงสาวที่เอื้อมมือไปหยิบทิชชูชะงักไปเล็กน้อย ไม่พูดอะไรกับพยาบาลแต่ปรายตาไปมองร่างสูงที่ยืนจ่ายเงินอยู่ ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ เมื่อเขาไม่หันมาก็คิดว่าคงไม่ได้ยินหรือไม่ก็ไม่สนใจ พอเขาเดินกลับมาหา เธอก็ขอให้เขาพาออกมาจากคลินิก

“อย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ จะได้หายเร็ว” นางพยาบาลบอกก่อนจะยื่นถุงยาให้ ซึ่งทั้งสองคนก็ยิ้มขอบคุณ แล้วเดินออกมา โดยมีสายตาของพยาบาลมองตามไปจนลับตาเพราะยังติดใจกับใบหน้าของหญิงสาว

ทั้งคู่เดินมายืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซด์ ธอร์หยิบหมวกกันน็อกใส่ให้เธอ แล้วให้ขึ้นไปนั่งบนเบาะเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขึ้นตามไปเป็นพลขับ พาเธอมุ่งสู่ที่พัก ที่เธอบอกไว้แล้ว คราวนี้เขาลดความเร็วลงมาและเพิ่มความระวังมากขึ้น เพื่อคลายความกลัวในตัวเธอ เมฆสีขาวลอยมาบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้อากาศครึ้ม ลมเย็นพัดมาคลายความร้อน ต้นไม้สองข้างทาง พื้นนา ทุ่งกว้าง สร้างความเพลินตาให้เธอไม่น้อย

สองมือที่กอดแน่นที่เอวคนขับคลายออก บอกให้เขารู้ว่าเธอไม่เกร็งและกลัวแล้ว ดวงตาคมคอยมองเธอทางกระจก และเมื่อยามเผลอเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ แววตาสดใสเหมือนเด็กที่ได้เห็นสิ่งที่ชอบ ความเป็นมาของเธอนั่นเขาไม่รู้ แต่หลังจากนี้เธอจะอยู่ในความสนใจของเขา

สองชั่วโมงผ่านไป รถบิ๊กไบค์คันใหญ่ก็มาจอดหน้าบันได หญิงสาวลงจากท้ายรถเขาอย่างเก้ๆกังๆเพราะความเคล็ดขัดยอกของร่างกาย เขาก็ก้าวตามลงมายืนข้างๆ กวาดตาไปรอบบริเวณที่เรียกว่าคอนโด ซึ่งสร้างความแปลกใจให้เขาพอสมควร เพราะดูหรูมาก แล้วหันมาสบตาเธอก่อนจะถอดหมวกกันน็อกให้ เสียงเธอก็บอกเขาว่า

“ฉันขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง และขอบคุณที่มาส่ง” เธอบอกแล้วหันหลังให้ ถือถุงยาก้าวกะเผลกๆขึ้นบันไดตรงไปยังทางเข้าคอนโด ประตูกระจกบานเลื่อนออกให้เดินเข้าไปข้างใน แต่ต้องหันกลับมามองเมื่อเห็นร่างสูงก้าวตามมาเคียงข้าง สบตาเขาอย่างไม่เข้าใจ ก็ได้คำตอบว่า

“ฉันจะขึ้นไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก ถึงที่ๆฉันดูแลตัวเองได้แล้ว คุณก็กลับไปเถอะ”

“เดินกะเผลกแบบนี้ แผลก็ยิ่งเจ็บแล้วเมื่อไรจะถึง และที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน ฉันก็จะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด จะให้ฉันประคอง อุ้ม หรือแบก ก็บอกมา”

“ที่พาฉันไปหาหมอ พามาส่งถึงที่นี่ คุณก็รับผิดชอบดีแล้ว จากนี้ก็ไม่ต้อง ฉันบอกแล้วไง...”

“ฉันก็บอกไปแล้ว จะเลือกเอง หรือให้ฉันเลือก”

เสียงที่พูดสวนมาบอกไม่มีทางยอมนั้น ทำให้เธอเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ จะเถียงกลับไปอีกแต่ในสถานที่ๆทุกคนรู้จักเธอเป็นอย่างดี อย่าให้เป็นที่จับตามองของใครดีกว่า จึงต้องยอม แต่ยังไม่วายค่อนขอดเขา

“ถนัดแต่ความป่าเถื่อน ไม่มีจิตสำนึกที่ดีๆบ้างหรือไง”

“มี แต่ฉันเลือกที่จะทำ และอย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำอีกครั้ง เลือกมา”
“ก็ได้ ฉันจะยอมให้คุณขึ้นไปส่ง แต่ฉันจะไม่เลือกไม่ว่าจะประคอง อุ้ม หรือแบก แค่เดินไปกับฉันเท่านั้นบอก ถ้าไม่ตกลง ฉันจะร้องให้ รปภ.มาจัดการคุณ”

ได้” เขายอมไม่ใช่เพราะกลัวคำที่เธอเอามาขู่ แต่อยากขึ้นไปดูที่พักของเธออย่างไม่มีปัญหา เพราะยังไม่ลืมสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ในมือเขาว่ามาจากการฆาตกรรม

ธารธาราเดินกะเผลกไปยังลิฟต์กดหมายเลขรอให้ประตูเปิด แล้วก็เดินเข้าไปยืนข้างใน โดยมีคนที่ลดความอบอุ่นในใจแต่ชังน้ำหน้ามากขึ้น ก้าวมายืนอยู่ข้างๆ ดวงตาเธอเมินไม่มองหน้าเขา แต่เขากลับมองพิศหน้าเธอ คราบมอมแมมไม่ได้ทำให้ความสวยลดลง ผมสั้นที่เขาตัดให้กลับทำให้ยิ่งดูเก๋ เหตุผลที่ทำเธอบอกเขาแล้ว แต่เขารู้ว่าไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เธอยังมีสิ่งที่ปกปิดเขาอยู่ ที่เขาจะต้องหาคำตอบ

ตั้งแต่เหยียบพื้นพสุธา ดูเธอคอยระวังและระแวงอะไรบางอย่าง หลบตาไม่พยายามสบตากับใคร ระหว่างทางที่ผ่านมา เขาคอยสังเกตเธอตลอด สิ่งที่นางพยาบาลพูดเขาก็ได้ยิน คอยฟังคำตอบจากเธอ แต่ไม่มี กระทั่งมาส่งถึงคอนโดแห่งนี้ ที่เขาคาดคะเนราคาได้ บอกให้รู้ว่าฐานะของเธอไม่ธรรมดา แต่จะได้มาด้วยตัวเองหรือมีใครให้มา จนเป็นสาเหตุให้เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วหรือเปล่า

เสียงประตูลิฟต์เปิดออกหยุดความคิดเขาไว้ ขยับตัวเข้าไปอุ้มร่างอรชรขึ้นมา พาออกจากลิฟต์ทันที ธารธาราที่ไม่ทันตั้งตัวดิ้นพร้อมบอกให้เขาปล่อย เขาแสร้งคลายอ้อมแขนออก เธอก็ร้องว้ายกอดคอเขาเพราะกลัวตก เสียงหัวเราะดังขึ้นข้างหูให้เธอฉุนเขาไปอีก จึงหยิกอกเขาด้วยความโมโห เขาเอาคืนด้วยการกอดเธอแน่นขึ้นพร้อมกับบอกว่า

“ทำแบบนี้ มีแต่คนเป็นแฟนกัน งอนกันเท่านั้น”

“ฉันไม่ใช่แฟนคุณ และที่ทำคือโกรธ”

“ไม่เกลียดก็ดีแล้ว และที่ทำเพราะต้องดูแลให้ดีที่สุด”

ความอบอุ่นลดลงไปอีก เมื่อความใกล้ชิดที่เขาทำไม่ใช่เพราะความรู้สึกดีๆหรือความชอบ แต่คือความรับผิดชอบ “งั้นก็ปล่อยฉันได้แล้ว”

ธอร์ว่าง่ายเพราะคิดว่าถึงห้องพักเธอแล้ว ธารธารากะเผลกไปที่ห้องพัก กดรหัสเปิดประตู แต่ยังไม่เปิดเข้าไป ยืนนิ่งเหมือนจะคิดอะไรอยู่ ก็หันมาบอกเขาว่า

“คุณรอสักนิดได้ไหม”

ธอร์พยักหน้าว่าได้ เธอก็เปิดประตูออก เดินหายเข้าไปข้างใน ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมของบางอย่าง มาส่งให้เขา ซึ่งก็มองพร้อมกับถามออกมา

“เพื่ออะไร”

“พวงมาลัยพวงนี้ฉันร้อยไว้ก่อนที่จะถูกจับตัวไป สำหรับฉันแล้วมันเป็นของมีค่าทางจิตใจ เป็นของสูงที่ฉันใช้ไหว้พระของพร ฉันมอบให้คุณ เป็นการทดแทนคุณ ขอบพระคุณคุณอย่างสูงที่ช่วยให้ฉันมีลมหายใจอยู่ และจะขอให้คุ้มครองคุณ เพื่อไม่ให้มีอะไรติดค้างกันอีก”

“น้อยไปหรือเปล่า หนึ่งชีวิตกับหนึ่งพวงมาลัย แต่ไม่เป็นไร เพราะที่เธอให้พวงมาลัย แสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับฉัน และ...” เขารับพวงมาลัยมาถือไว้ อีกมือก็หยิบกระดาษจากกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้เธอ ธารธาราไม่ยกมือขึ้นรับแต่มองอย่างสงสัยว่าคืออะไร เขาก็ยัดใส่มือเธอไว้ “เบอร์โทรของฉัน โทรหาฉันได้ตลอด ฉันจะมาทันที ”

“คุณช่วยฉันมามากแล้ว ฉันคงไม่ขอให้ช่วยอะไรให้เป็นหนี้บุญคุณมากกว่านี้อีก เอาคืนไปเถอะ”

“ให้แล้วไม่รับคืน ถ้าไม่อยากได้ก็ทิ้งไป แต่แค่กระดาษนะ เพราะเมื่อเธอคือความรับผิดชอบของฉัน เธอจะทิ้งฉันเหมือนกระดาษไม่ได้เด็ดขาด”

เขาบอกความแน่วแน่ในคำพูดด้วยการสบตาเธอ แล้วหันหลังเดินจากไป ความอบอุ่นกลับมาเกิดขึ้นในหัวใจของธารธารา แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกดีกับมันเหมือนครั้งก่อนๆ หรือเพราะคำว่า ...รับผิดชอบ
********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2560, 15:41:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2560, 15:41:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1493





<< ตอน 6   ตอน 8 >>
แว่นใส 2 ต.ค. 2560, 22:21:41 น.
จะเจอตัวร้ายไหมล่ะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account