เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
Tags: โรมานซ์
ตอน: ตอน 8
ตอน 8
ธารธาราหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตูแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ กับปัญหาจากนี้ที่เธอต้องเผชิญ ซึ่งไม่รู้ว่าจะยุ่งยากแค่ไหน เธอขยับเดินช้าๆไปที่ห้อง แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด เมื่อมีเสียงเข้มๆดังขึ้นข้างหลัง
“ใครนะ เข้ามาในห้องนี้ได้ไง ออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้ง รปภ.กับตำรวจ”
นางเอกดังจำเสียงได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ้มขำทันทีที่ป้าถนอมจำเธอไม่ได้ ก็นะ เธอใส่เสื้อผ้าโคร่งๆตัวใหญ่ของผู้ชาย แถมผมที่เคยยาวสลวยก็ถูกตัดเสียสั้น ไม่มีความเป็นผู้หญิง มีแต่ความเซอร์แบบทอมบอยเท่านั้น แล้วค่อยๆหมุนตัวมาให้คนที่เธอนับถือเหมือนญาติ
นางถนอมจ้องเขม็ง ความคุ้นเคยค่อยๆทำให้จำได้ว่าเป็นใคร “คุณน้ำ” เสียงนางดังพร้อมกับเดินเข้ามาหา ความสงสัยปรากฏขึ้นเต็มหน้าว่าหญิงสาวไปทำอะไรมา ถึงได้เปลี่ยนไปจนเกือบจะจำไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยังเป็นคนเดิมอยู่ หรือว่าเป็นชุดของละคร พอคิดได้แบบนี้ความสงสัยก็หายไป กลายเป็นชวนคุยมากกว่า
“คุณน้ำเล่นละครเรื่องใหม่หรือคะถึงได้แต่งตัวแบบนี้ วันนี้คิวน้อยซิคะ ถึงได้กลับเร็ว แล้วนี้เกิดอะไรขึ้นที่กองถ่ายคะ ถึงได้มีแผลเต็มไปหมด”
“อุบัติเหตุค่ะ” เธอตอบแค่ประโยคหลังไม่ได้ขยายความให้รู้ เพราะการเฉียดความตายมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้เธอไว้ใจใครไม่ได้เลย
“คุณหมอว่าไงบ้างคะ” นางถามเมื่อเห็นถุงยาในมือหญิงสาว ที่เดาได้ว่าไปหามาแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่กี่วันก็ดีขึ้น แต่น้ำไม่อยู่ตั้งสองวัน ต้นไม้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
นางถนอมทำหน้างงๆ ก่อนจะบอกด้วยเสียงที่มีความขำเจืออยู่ เพราะคิดว่าหญิงสาวเล่นมุก “คุณน้ำล้อป้าเล่นใช่ไหม”
“ล้อ เล่น อะไรคะ” เธอถามกลับด้วยความงง
“ก็เมื่อเช้าคุณน้ำก็เดินออกไปดูอยู่เลย แต่ไม่ได้รดน้ำเท่านั้นเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ป้ารดให้แล้ว”
“ป้าล้อน้ำเล่นใช่ไหมคะ”
“คุณน้ำนั่นแหละล้อป้า ส่วนป้านะพูดจริง แต่แปลกไปนิดเดียวที่คุณน้ำให้ป้าเตรียมน้ำให้อาบ ทั้งๆที่ไม่เคยให้ทำ”
ธารธาราเย็นวาบไปทั้งใจ มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่เธอจะอยู่ที่นี่ และทำอย่างที่ป้าถนอมพูดมาทั้งหมด ในเมื่อเมื่อเช้านั่นเธอยังอยู่ในเรือล่องอยู่ในทะเลอยู่เลย แล้วสิ่งที่ป้าถนอมพูดคืออะไร พูดถึงใคร ใครที่...เหมือนเธองั้นเหรอ ใครที่แม้แต่ป้าถนอมที่อยู่กับเธอมานาน ยังมองว่าเป็นเธอลมหายใจติดขัดขึ้นมา ความคิดต่างๆสับสนวุ่นวายจนต้องกำมือข่มความรู้สึกเหล่านั่นไว้ แล้วรับรู้ถึงกระดาษที่อยู่ในมือ ความอบอุ่นแผ่นซ่านขึ้นมา ความสับสนก็เหมือนจะคลายลงไป
“งั้นเหรอคะ” เธอไม่อาจจะพูดอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ค่ะ เมื่อกี้ป้าก็เพิ่งทำความสะอาดเสร็จ ออกมาก็เจอคุณน้ำ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นขโมย ยังคิดว่าเข้ามาได้ไง เมื่อห้องนี้ใครจะเข้าต้องรู้รหัส แต่ก่อนที่คุณน้ำจะกลับมา คุณแม่ก็มาหานะคะ แล้วก็แปลกที่บอกให้ป้าเช็คของทุกอย่างว่ามีอะไรหายไปบ้าง...” นางถนอมพูดไปเรื่อยๆ ขณะที่หญิงสาวเริ่มจะหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนั่นหมายความว่าแม่ของเธอก็ต้องรู้ ว่าคนที่ป้านอมพูดถึงต้องไม่ใช่เธอ
“แล้วนั่นผมจริงหรือผมปลอมคะ”
“ผมจริง น้ำตัดจริงๆ”
“คุณน้ำ” เสียงนางถนอมทั้งเสียดายและเห็นใจหญิงสาว เพราะรู้ว่ารักผมมาก “อยากให้ป้าอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ” นางถามเมื่อคิดว่าเธอคงใจเสียไม่น้อย ถูกตัดผมแล้วยังต้องมาเจ็บตัวจากอุบัติเหตุอีก
“ค่ะ ป้าอยู่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวน้ำขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ความจริงแล้วเธอขอไปตั้งหลัก หาข่าวหารูปคนที่ปลอมตัวมาเป็นตัวเธอ ระหว่างที่เธออยู่ในทะเลมากกว่า
ร่างอรชรเดินกะเผลกไปยังห้องนอน เปิดประตูแล้วปิด เดินตรงไปที่เตียงนอน วางถุงยา กระดาษไว้บนเตียง แล้วหันไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียง หยิบโทรศัพท์ที่เธอมีไว้คุยกับคนเป็นย่าและแม่ที่มักจะโทรมาขอเงิน โชคดีที่เธอเสียบแบตตารี่ให้เต็มไว้เสมอ สองวันที่ผ่านไปเมื่อไม่ได้ใช้ แบตก็ยังมีอยู่ เปิดออกมา เข้ารหัส แล้วเข้าไปในโลกอินเตอร์เน็ต เช็คอินสตาแกรมของผู้จัดการสาว ที่ต้องลงรูปของเธอทุกงาน แล้วชาวาบไปทั้งตัว
ภาพของหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนเธอราวกับเป็นคนๆเดียวกันปรากฏขึ้นมา เธออึ้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ เลื่อนภาพดูไปเรื่อย แล้วเหมือนจะมีบางอย่างที่สะดุด หยุดภาพนั่นไว้ พร้อมกับจ้องที่แอชแทชใต้ภาพว่า...ธารา สายตาเธอจ้องใบหน้านั้น ความทรงจำเกี่ยวกับคนที่เห็นค่อยๆผุดขึ้นมา ตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็น ได้รับรู้ว่ามีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ความร้าวฉานเกิดขึ้นในครอบครัว ความเจ็บปวดตามมา แล้วสุดท้ายก็เป็นความสูญเสีย
เธอเสียความอบอุ่นจากพ่อแม่ ต่อมาก็เสียความรักจากแม่ และท้ายสุดก็เสียพ่อ เธอเสียใจ เจ็บปวดร้องไห้มากมาย พอตั้งตัว ตั้งหลักได้ ก็ทำงาน ให้งานช่วยให้ลืมทุกอย่าง โดยเฉพาะสองแม่ลูกนี้ไป ไม่สนใจความเป็นไปของทั้งคู่ จะรู้ข่าวรู้เรื่องบ้างก็เมื่อกลับบ้าน คนเป็นแม่กระแนะกระแหนให้ฟัง คนเป็นย่าพูดให้ได้ยินว่าทำอะไรกันอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ คิดไม่ถึงว่าจะเวลาและเทคโนโลยีสมัยใหม่จะทำให้หน้าตาเปลี่ยนมาเหมือนเธอขนาดนี้ ที่สำคัญยอมเป็นตัวตายตัวแทนเธอเพื่อ...อะไร
‘ใจดีเหรอ’
มุมปากเธอเหยียดหยัน เพราะไม่มีคำตอบดีๆแทรกขึ้นมาเลย เมื่ออดีตที่ผ่านมามีแต่สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ และเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ช่วยด้วยใจแน่ๆ อีกอย่างรูปก่อนหน้านี้ที่เธอเห็น เป็นวันเดียวกับที่เธอลืมตาขึ้นบนเรือ ช่างประจวบเหมาะที่โผล่มาในวันที่เธอหายตัวไปพอดี
เธอครุ่นคิดถึงอะไรอีกหลายๆอย่างพร้อมกับเช็กข่าวต่างๆ ไม่มีข่าวการหายตัวไปของเธอ แน่ละ เมื่อมีคนหน้าตาเหมือนเธอแบบนี้มาทำทุกอย่างแทน ใครจะสงสัย และที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ก็คงเป็นเพราะผู้จัดการสาวของเธอที่สร้างภาพให้ แล้วคุณย่ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ความร้อนใจร้อนรุ่มขึ้นมา เธอวางโทรศัพท์ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ จัดการกับตัวเองไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ออกมาในชุดใหม่ คว้าโทรศัพท์ ถุงยา กระดาษเบอร์โทรศัพท์ และกุญแจรถสำรอง ใส่กระเป๋า เดินกะเผลกไปที่ประตู เปิดออกไปหานางถนอม
“ป้านอมคะ” เธอเรียกหาแม่บ้าน เมื่อคิดวางแผนว่าจะทำยังไงกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ นางถนอมที่ได้ยินเสียงเรียกก็เดินออกมาจากห้องครัว
“ค่ะคุณน้ำ มีอะไรคะ” นางถาม แล้วอธิบายว่า “ป้ากำลังทำข้าวต้ม เพื่อคุณน้ำจะทานก่อนทานยาแล้วพักผ่อน”
“ป้าเอาไปทานนะคะ เพราะน้ำจะออกไปข้างนอก มีเรื่องต้องจัดการ”
“พักก่อนดีไหมคะ เพิ่งเจ็บตัวมา เดี๋ยวแผลจะอักเสบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำเกือบตายมาแล้ว แผลแค่นี้เล็กน้อยค่ะ และน้ำมีเรื่องอยากให้ป้าช่วย”
“บอกมาได้เลยค่ะ ป้ายินดีทุกอย่าง อ๋อ ป้ายังไม่ได้ชมเลยว่า ผมทรงใหม่ ก็สวยเก๋ดีนะคะ”
ธารธาราขอบคุณนางถนอม จากนั้นก็พูดความต้องการให้นางรู้ ซึ่งก็รับปาก ความสงสัยมีอยู่เต็มหัวใจ แต่ไม่ถามหาสาเหตุและเหตุผล ว่าทำไมให้นางอยู่เงียบๆสักระยะ ... ธารธารากลับมาเป็นนางเอกดังเชิดหน้าขึ้นพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่าง การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับเธอ ไม่มีทางที่เธอจะขี้ขลาด หลบ หลีก หนีไปซุกอยู่ที่ไหนแน่ๆ มีแต่เผชิญหน้ากันเท่านั้น
*********
รถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่วิ่งห่างออกมาจากคอนโดหรูไม่เท่าไร ก็ต้องชะลอจอดข้างทาง ใต้ร่มเงาของต้นไม้ เมื่อคนขับรับรู้ถึงสัญญาณโทรศัพท์ที่พกติดตัว เตือนบอกให้รู้ว่ามีคนติดต่อมา ธอร์ใช้เท้ายันพื้น ถอดหมวกกันน็อกออกมาวางไว้บนขา แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย เพียงได้ยินเสียงคนโทรมา มุมปากของเขาก็ยิ้มละมุนทันที
“ครับมาดาม มีอะไรให้เทวดารับใช้ครับ” เขาหวานกับคนเป็นย่า โดยไม่รู้ว่าคำพูดของเขานั้นทำให้ท่านแปลกใจ เพราะอารมณ์ดีราวกับได้เจอเรื่องดีๆ
“มีอะไรจะสารภาพไหม”
ธอร์นิ่งไปพร้อมกับคิดว่าทำไมท่านถึงได้ถามเขาแบบนี้ แล้วยิ้มกว้างเมื่อคิดได้ว่าท่านคงสงสัยอะไรบางอย่าง “ไม่มีครับ แค่คิดถึงอ้อมกอดและแก้มนุ่มๆของมาดามเท่านั้น รออีกนิดนะครับ เดี๋ยวจะหอมให้ช้ำเลย”
“งั้นย่าฝากไปหอมสาวที่เพิ่งไปส่งมาด้วยได้ไหม”
ท่านสัพยอกกลับมา แต่รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าคมทันที ที่รู้สึกว่าถูกตามติดอีกแล้ว แม้จะเข้าใจแต่ความไม่พอใจในส่วนลึกก็ยังมีอยู่ “มาดามมีอะไรครับ”
นายใหญ่แห่งแอ็คส์แน็คนิ่งจับน้ำเสียงที่บอกความรู้สึกได้ทันที ท่านรู้แต่ไม่ก้าวเข้าไปถาม เพราะยังไงก็วางมือไม่ได้ ความห่วงใยมีอยู่เต็มหัวใจ และจะพูดให้กระทบใจกันทำไม พูดเรื่องดีๆที่ท่านต้องการให้เขาทำ และตบท้ายด้วยว่า “ได้หรือเปล่า”
“ครับ”
รับปากแล้ว ธอร์ก็เก็บโทรศัพท์ สวมหมวกกันน็อก บังคับรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจให้เลี้ยวไปยังเส้นทาง ที่รับปากคนเป็นย่าไว้
********
ห้องบอลรูมของโรงแรมดัง ที่จัดงานเดินแบบการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในการศึกษา โดยคุณหญิงจรุงจิต จิรภากรณ์ ภรรยาของท่านรัฐมนตรี ผู้ที่ได้รับเชิญและอาสามาร่วมหาทุนสมทบทุน ส่วนใหญ่จะมีชื่อเสียงรู้จักในหลายวงการ ซึ่งได้ให้ความสำคัญมาร่วมงานกันมากหน้าหลายตา บางคนก็มาด้วยใจที่ต้องการช่วยจริงๆ แต่บางคนก็มาเพราะนอกจากจะได้บุญแล้วยังได้หน้า ได้เอื้อผลประโยชน์ให้ตัวเองด้วย แต่ไม่ว่าใครจะมาด้วยเหตุผลใดก็ถือว่าดีที่เด็กๆจะได้มีโอกาสได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น
ตอนแรกนั้นงานนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อดังๆมากมายนัก แต่เพียงมีข่าวออกไปว่า นางเอกดังมาร่วมเดินแบบด้วย จำนวนสื่อก็เพิ่มมากขึ้น ภายในห้องบอลรูม คุณหญิงจรุงจิตประธานของงานยิ้มหน้าบาน ต้อนรับทุกคน โดยมีคนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอีกหลายคนยืนคอยช่วยต้อนรับแขกด้วย ช่างภาพในงานถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศภายในงาน ไม่ต่างจากนักข่าวจากหลายสำนักที่มาเกาะติดงานนี้เช่นกัน เพราะข่าวการเปลี่ยนตัวนางแบบเดินฟินาเล่กะทันหันนั่นน่าติดตามมากนัก อีกคนที่ได้รับความสนใจก็คือนายประชา ชนะศาสตร์ เพราะเป็นผู้ที่บริจาคสูงสุดของงาน
เขายืนให้สื่อต่างๆถ่ายรูป แล้วขอตัวเพราะโทรศัพท์ที่พกติดตัวสั่นบอกสัญญาณขึ้นมา เขาหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท ดูเบอร์โทรที่หน้าจอ แล้วกดรับสาย ฟังเสียงที่พูดมา สีหน้าก็ค่อยๆเคร่งขรึม แล้ววางสายไป
เลอรัศมีที่มาร่วมงานด้วย เดินยิ้มมาหาเขา ภายนอกที่ทุกคนได้เห็นคือเธอรู้จักเขา นับถือเขาแค่นั้น เมื่อเขาเป็นนักธุรกิจที่เก่งมากคนหนึ่ง และเขาก็สร้างเครดิตให้กับเธอด้วยการพาไปพูดคุยกับใครหลายคน บอกให้รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของร้านเพชรที่เขาเป็นลูกค้าประจำ แค่นั้นก็มีคุณหญิงคุณนายเข้ามาคุยด้วย และในจังหวะที่หลายคนสนใจกับเรื่องอื่น เขาก็ถามเธอว่า
“ลูกคุณมาหรือยัง”
“เมื่อกี้ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้วค่ะ เลอกำลังจะไปหา แล้วจะพามาพบนะคะ”
“ลูกคุณอาจจะไม่อยากพบผมก็ได้”
“ไม่ได้ซิคะ เพราะคุณเราสองแม่ลูกจึงมีวันนี้ จะเนรคุณกันได้ไง”
“งั้นคุณก็อย่าบังคับเลย เดี๋ยวจะไม่ชอบหน้าผมเอา เอาที่แกสบายใจก็แล้วกัน”
“คุณน่ารักสำหรับเลอจริงๆ”
นายประชายิ้มให้ แล้วเดินไปคุยกับเพื่อนนักธุรกิจ เลอรัศมียืนมองเขาด้วยความภูมิใจ แล้วหมุนตัวจะเดินไปหาที่นั่ง แต่ชะงักไปทันที สีหน้าที่ดีๆก็เชิดตึงขึ้นมา เมื่อเห็นคนที่เธอว่าต่ำตมมาเสนอหน้าอยู่ในงานนี้ด้วย เธออยากจะเดินหลีกไปอีกทางไม่อยากจะเสวนาด้วย แต่อีกฝ่ายเห็นเธอแล้ว การจะหลีกก็เหมือนจะแพ้ ยิ่งอีกฝ่ายขอตัวจากคนที่คุยอยู่ เดินมาหาเธอก็ถอยไม่ได้เด็ดขาด
ในวงสังคมนั้นไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนมีตื้นลึกหนาบางอะไรกันอยู่ การที่จะคุยกันจึงไม่ได้เป็นที่จับตามอง แต่กว่าจรัสแขจะเดินมาถึง ต้องยิ้มทักทายใครหลายคน เพราะสถานะที่สังคมรับรู้คือเธอเป็นแม่ของนางเอกดัง
ทั้งสองคนใส่หน้ากากเข้าหากัน ยิ้มให้กันแต่น้ำคำเชือดเฉือนกันอยู่ แววตาของเลอรัศมีเหยียดหยัน ก่อนจะต่อว่าออกมา “มาทำไม”
“มาดูความหน้า...ด้านของคนไง” เสียงตอบไม่ต่างจากสายตาอีกฝ่ายที่มองอยู่ “และไม่ต้องถามนะว่าฉันมางานนี้ได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นแม่ของนางเอกดังตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอมอยู่เหมือนใครบางคน ก็จะมีคนส่งข่าวให้ฉันรู้หรือเชิญฉันอยู่แล้ว แต่เธอน่าจะถามตัวเองหน่อยนะ ว่ามาทำไม ในเมื่อไม่มีความสำคัญกับที่นี่เลย”
“ลูกฉันอยู่ที่นี่”
“แล้วบอกใครได้ไหม” เธอเบ้ปากใส่ “ก็ไม่ ช่างน่าสงสาร บัวใต้น้ำพอได้ทีโผล่ขึ้นมาจะบานให้คนชื่นชมเสียหน่อย ก็กลัวจะถูกเหยียบย่ำเสียอีก กลับไปจมอยู่ในโคลมตมเหมือนเดิมเถอะ ไป”
เลอรัศมีต้องข่มใจอย่างหนัก ก่อนจะยิ้มหยันแล้วสาดน้ำคำใส่ “ไล่ฉันให้ไปอยู่ในโคลนตมแล้วเธอละทิ้งความต่ำตมไว้ที่ไหน ถึงได้ล้างคาวออกจากตัวโผล่มาที่นี่ได้ ประพรมน้ำหอมมาเท่าไรละ กลิ่นถึงได้ไม่เหม็นโฉ่ออกมา”
“เธอหมายถึงอะไร”
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง อย่าคิดว่าเรื่องเน่าๆที่ทำไว้ จะไม่มีใครเห็น”
จรัสแขนิ่งคิดเพียงนิดก็รู้ได้ทันที ว่าอีกฝ่ายเชือดเฉือนด้วยเรื่องอะไร “เธอตามฉันเหรอ” เสียงเข้มขึ้นอย่างเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายยิ้มเยือนไร้ความกลัว
“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องตาม ก็รู้กันอยู่ เพราะไก่แก่แม่ปลาช่อนอย่างเธอนะ ชอบสะบัดหางไม่เลือกที่อยู่แล้ว”
“แล้วยังไง ในเมื่อฉันเป็นแม่หม้ายผัวตาย จะมีรักใหม่หรือไปกับใคร ก็คงไม่มีใครสนใจ”
“เธอเพิ่งบอกเมื่อกี้ ว่าเป็นแม่ของนางเอกดัง ไม่มีใครสนใจนั้นคงไม่ใช่ ระวังลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น ลูกจะเป็นเหมือนแม่เข้าสักวัน”
“เหมือนเธอซินะ ที่ลูกกับแม่ไร้ยางอายไม่ต่างกัน แย่งเอาของที่ไม่ใช่ของๆตัวเองไปซึ่งๆหน้า และอย่าคิดว่าที่ยืนเป็นไม้ประดับอยู่ข้างไม้พะยูนเมื่อกี้จะไม่มีใครสนใจ เธอคิดผิดแล้ว เพราะไม้พะยูนที่ราคาแพง เมื่อมีไม้อื่นมาขึ้นอยู่ข้างๆ ทุกคนก็พร้อมที่จะขุดคุ้ยว่ามันเป็นต้นอะไร บางทีอาจจะมีกลิ่นคาวให้ได้ฉาวโฉ่บางก็ได้”
“ผู้หญิงไม่โด่งไม่ดังไม่มีหน้าในสังคมอย่างฉัน จะเป็นยังไง ก็ไม่มีใครสนใจหรอก ระวังตัวเองไว้เถอะ มั่วไม่เลือกหน้าจะเป็นเอดส์ตายสักวัน” พูดจบ ยิ้มเยือนให้แล้วเชิดหน้าเดินจากไป
จรัสแขอยากจะฉีกหน้ายิ้มๆนั่นให้แหลกคามือนัก แล้วหันไปมองคนที่เธอเปรียบเป็นไม้พะยูน เคยเห็นหน้ามาบ้าง แต่ก็ไม่เคยจะสนใจ ผิดกับคราวนี้ที่มีความคิดบางอย่างอยากจะเข้าไปรู้จักเสียแล้ว
**********
นางเอกตัวปลอมนั่งให้ช่างแต่งหน้าเนรมิตใบหน้าให้สวยสมราวกับนางฟ้าที่มีเมตตากับเด็กๆ โดยมีผู้จัดการส่วนตัวนั่งคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ความกังวลเรื่องที่จะมีใครจับได้ว่าไม่ใช่นางเอกตัวจริงนั้น ไม่มีแล้ว เมื่อไม่มีใครพูดสะกิดใจใดๆออกมา ส่วนนางแบบคนอื่นๆก็จะมีห้องแต่งตัวแยกออกไปอีกห้องหนึ่ง โทรศัพท์ในกระเป๋าถือของผู้จัดการสาวสั่นขึ้นมาเบาๆ เธอหยิบออกมาข้อความที่ปรากฏขึ้น แล้วลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปนอกห้อง ไม่นานก็กลับมาพร้อมแม่ของนางเอกตัวปลอม เหตุที่เธอต้องออกไปรับเข้ามา เพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้ามาในห้องนี้
ธาราธารตวัดสายตาไปมองคนเป็นแม่ สบตากันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางเลอรัศมีนั่งบนเก้าอี้ข้างผู้จัดการสาว คุยกันเรื่องทั่วๆไป รอกระทั่งช่างแต่งหน้าทำผมให้เธอเสร็จเรียบร้อย ฝ่ายเสื้อผ้าก็เข้ามาพาเธอไปเปลี่ยนชุด เป็นชุดสีขาว กระโปรงลายลูกไม้ฟูฟ่อง แต่ชุดหลวม เนื่องจากแรกเริ่มนั้นชุดนี้ไม่ใช่เตรียมไว้ให้เธอ
ฝ่ายเสื้อผ้าสองคนแอบมองตากันด้วยความหวั่น เพราะได้ยินกิตติศักดิ์ความเหวี่ยงวีน แม้ช่วงหลังจะมีข่าวว่าเธอเปลี่ยนไปแล้ว ก็ยังมีความหวั่นอยู่ “คุณน้ำคะ” หนึ่งในสองเอ่ยออกมาอย่างเกรงๆ แต่ไม่ได้พูดต่อ เพราะนางเอกตัวปลอมขัดขึ้นมาว่า
“แอชแทชใหม่ว่าธาราแล้ว เรียกธารานะคะ ส่วนเรื่องชุด เข้าใจค่ะ ปรับแก้ได้ตามสบายนะคะ”
ฝ่ายเสื้อผ้าพากันยิ้มที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แล้วช่วยกันปรับแก้ เย็บให้เข้ากับรูปร่างของเธอ เรียบร้อยแล้วก็สวมมงกุฎประดับเพชรเล็กๆให้เข้ากับชุดที่สื่อถึงความใจดี แล้วขอตัวออกไปนอกห้อง ส่วนนางเอกตัวปลอมก็รอเวลาที่จะออกไปเฉิดฉายบนแคทวอล์ค ภายในห้องที่จึงเหลือแค่คนกันเองเท่านั้น แต่...
“พี่มี่คะ ขอน้ำเย็นๆกับขนมให้คุณแม่หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ แหมพี่ก็คุยเพลิน ลืมไปเลย คุณแม่รอแป๊บนะคะ” พูดจบก็รีบลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปจากห้องทันที สองแม่ลูกมองตามกระทั่งประตูห้องปิดสนิท ความเป็นส่วนตัวก็มีมากพอที่จะพูดเรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน
“แม่เจอจรัสแขข้างนอก หลายคนเข้ามาสนใจพูดคุยเพราะรู้ว่าเป็นแม่ของนางเอกดัง แม่ละหมั่นไส้”
“จะใส่ใจทำไมคะ” บอกแล้วก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ
“ไม่ใส่ใจได้ไง ในเมื่อมันมาในฐานะแม่ของหนู และเดี๋ยวพอหนูเดินแบบเสร็จก็คงมาเดินเคียงข้าง เอาหน้าอีกมากมาย”
“ก็ดีที่เขาไปยืน เพราะถ้าแม่ไปยืนอาจจะมีคนสงสัย และแม่ไม่ต้องไปอิจฉา เพราะถ้านางเอกตัวจริงหายตัวไปจริงๆ ถึงเวลานั้นหนูจะทำให้แม่หัวเราะที่หลังดังกว่าหลายเท่านัก”
“ขอให้เป็นจริงทีเถอะ แม่จะสมน้ำหน้าและจะเอาคืนที่มันทำกับเราสองแม่ลูกให้หนำใจ” ว่าแล้วก็ยิ้มด้วยความหวังที่คิดว่าจะเป็นจริงในไม่ช้า
“แล้วแม่ได้ข่าวเพิ่มเติมมาบ้างหรือยังคะ”
คนเป็นแม่รู้ได้ทันที แม้ไม่เอ่ยชื่อว่าลูกพูดถึงใคร เสียงพูดเบาลงมา เพราะกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน “ยัง แต่อีกไม่นานเพราะคนของคุณสืบไม่วางมือวางตา”
“แม่ควรจะเร่งหน่อย เพราะอีกไม่นานเดี๋ยวจะกลายเป็นนานจนถึงเวลาที่อริของแม่กำหนดไว้ แล้วเสียงหัวเราะจะกลายเป็นหยาดน้ำตา”
“งั้นเดี๋ยวเสร็จงานแล้ว หนูก็ไปพบคุณเสียหน่อย ขอบคุณที่เขาช่วยเรา ส่วนเรื่องเร่ง แม่ไม่อยากทำ เพราะคุณรับปากแล้ว ไม่ทำให้แม่ผิดหวังเด็ดขาด”
“หนูเป็นลูกของแม่ แม่ขอบคุณก็เหมือนหนูขอบคุณ ทำไมต้องไปหาอีก”
“แต่แม่อยากให้หนูไปพบ”
“จะพบทำไมคะ ไม่ควรจะเกี่ยวข้องกันหรือเจอหน้ากันให้กระอักกระอวนดีกว่า” เธอบอกเมื่อพอจะรู้ว่า แม่ตัวเองอยู่ในฐานะอะไร
“คุณมีบุญคุณกับแม่ และหนูได้ไปต่างประเทศก็เพราะเงินเขาที่เลี้ยงดูแม่ เก็บออมไว้จนได้ส่งหนูไป เมื่อมีโอกาสพบกันแล้ว ทำไมถึงไม่ตอบแทนบุญคุณ แค่เจอหน้า และพูดคำว่าขอบคุณ มันยากหนักเหรอ”
ธาราธารเมินหน้าไปทางอื่น บอกให้รู้ว่าไม่อยากจะทำ นางเลอรัศมีจึงต้องจับมือปลอบปะเลาะเบาๆ “ถ้าการฝืนใจแล้วได้ทุกอย่าง แม่ว่าหนูควรจะทำ”
หญิงสาวหันหน้ามาสบตาคนเป็นแม่ เพื่อให้ท่านเห็นความลำบากใจของเธอ แต่กลับเห็นความแน่วแน่ในดวงตาท่านแทน จึงต้องถามออกมาว่า “เขากับแม่คบกันในฐานะอะไรคะ”
“หนูใช้ให้แม่ไปขอความช่วยเหลือจากเขา แสดงว่ารู้เรื่องของเขาแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าแม่กับเขาคบกันในฐานะอะไร แต่ที่แม่อยากรู้คือ หนูรู้เรื่องคุณกับแม่ได้ยังไง”
ธาราธารหรุบตาลงต่ำเพื่อปิดบังบางอย่างไว้ และก็เป็นโชคดีที่ผู้จัดการสาวกลับเข้ามาพอดี นางเลอรัศมีเสียดายที่ไม่อาจจะคาดคั้น แต่ไม่เป็นไร จังหวะและโอกาสยังมีที่นางจะต้องรู้ให้ได้
**********
รถแท็กซี่สีเขียวเหลือง เลี้ยวจากถนนใหญ่เข้ามาในซอยเพียงห้าร้อยเมตร ก็ชะลอแล้วเลี้ยวเข้าไปจอดใต้ต้นไม้หน้าที่มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘คอฟฟิ่บายที’ ผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดประตูลงมา ยืนอยู่บนพื้นกรวดเล็กๆจนกระทั่งรถแท็กซี่ขับถอยออกไป ก็มองไปทั่วร้านที่มีแต่ความร่มรื่นของต้นไม้ สายน้ำตกจำลองที่จัดเป็นซุ่ม มีเก้าอี้เป็นไม้นั่งให้ลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้รู้สึกเย็นสบายเหมือนได้อยู่กับธรรมชาติ และยังจะมีดอกไม้ ต้นไม้แคระ ไม้ประดับให้มองเพลินตาเพลินใจอีกด้วย
ด้านหลังร้านที่ร่มรื่น เป็นบ้านของเจ้าของร้าน เพียงแค่คิดถึงหน้าริมฝีปากก็แย้มออกยิ้ม แล้วเดินกะเผลกไปบนแผ่นหินที่วางบนสนามหญ้า เป็นทางเดินไปที่ร้าน ที่เปิดโล่ง มีเคาน์เตอร์ต้อนรับลูกกับให้พนักงานได้ทำเครื่องดื่ม ซึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเธอพร้อมรอยยิ้ม โค้งคำนับต้อนรับ แล้วเชิญให้นั่งได้ เธอเดินไปนั่งที่มุมสวน แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย กดหาหมายเลข แล้วรอสาย พอได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็พูดไปว่า
“ชนแก้วกันหน่อยซิ”
พูดแค่นั้นเธอก็วางสาย เด็กในร้านนำขันน้ำสีเงินใบเล็กแกะสลักลายไทย ใส่น้ำเย็นลอยดอกมะลิหอมมาวางตรงหน้า แล้วถามอย่างสุภาพว่าอยากรับเครื่องดื่มอะไร เธอส่ายหน้าว่าไม่รับ เด็กในร้านก็ถอยออกไปทันที หญิงสาวหรุบตามองความเป็นไทย ที่เจ้าของร้านนำมาใช้ให้ระลึกความเป็นมาในกาลเก่า ก่อนจะมาเป็นแก้วที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งลูกค้าทุกคนที่ได้เห็นต่างรู้สึกชื่นชอบ บางคนให้ทำเครื่องดื่มใส่ขันแบบนี้ให้เลย
เธอนั่งคิดถึงอะไรหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือการที่มาที่นี่ก่อนจะกลับไปหาครอบครัว เพื่อนที่ดีกับมิตรภาพที่มีมาอย่างยาวนาน เพียงพอให้เธอมาปรึกษาก่อนกลับไปเผชิญหน้ากับทุกคน ที่ยังไม่รู้ว่าจะรู้เห็นเป็นใจให้มีตัวตายตัวแทนมาแทนเธอหรือไม่
ความคิดของเธอหยุดลง เมื่อมีคนมาหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับที่เธอนั่ง ซึ่งก็คือชายหนุ่ม หน้าตาคมคาย นามว่า นที ทีรกานต์ เพื่อนของเธอ ไว้ผมยาวปะบ่า ผิวขาว แต่งตัวสุภาพด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนดูสะอาดสะอ้าน อบอุ่น เหมาะสมกับอาชีพศิลปินที่ชอบการวาดรูป และเจ้าของร้านกาแฟ ที่สาวๆพากันปลื้ม แต่นี่เป็นภาพลักษณ์ที่หลอกตา เพราะจริงๆแล้วลุยแหลกแจกแถมด้วยอารมณ์ร้อนบางครั้ง และชอบดื่ม
ดวงตาเขามองเธออย่างสำรวจ แรกนั่นคือความไม่แน่ใจแล้วเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจพร้อมเสียงที่พูดออกมา “ไปทำอะไรมา หน้าจืดยังกับปลาสำลักน้ำมา”
“ผจญภัยนิดหน่อย แล้วมีแก้วให้ชนหรือเปล่า”
“ตะวันยังไม่ตกดิน จะรีบชนไปไหน”
“ฉันอยากชน”
ดวงตาที่มองอยู่หรี่ลงราวกับรับรู้ความผิดปรกติบางอย่าง แล้วบอกว่า “งั้นไปชนในบ้าน” บอกแล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวออกมาจากเก้าอี้ หญิงสาวลุกขึ้นยืนก้าวตามออกมา แต่แผลที่ยังสดกับความเคล็ดขัดยอก ทำให้ยังเดินไม่สะดวก คนที่มองอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยและห่วงใย เธอจึงบอกว่า
“ฉันไม่เป็นไร เดินได้ ไปเถอะ”
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไป ตามแผ่นปูนที่ปูเป็นทางเดินไปทางหลังร้าน ก็ได้เห็นบ้านไม้หลังใหญ่ สมัยเก่า ที่ยังคงแข็งแรง ตกทอดมาสู่ลูกหลาน ที่ยังรักษาไว้อย่างดี มีระเบียงกว้างตั้งชุดรับแขกที่สานด้วยหวายมีเบาะรองไว้ ต้อนรับผู้มาเยือน หญิงสาวเดินขึ้นบันไดห้าขั้นไปนั่งบนเก้าอี้ ส่วนเจ้าของบ้านก็เดินหายเข้าไปในบ้าน ไม่นานก็ออกมาพร้อมขวดกับแก้วตามความต้องการของเธอ วางบนโต๊ะรับแขก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ รินน้ำใส่แก้วให้เธอ ซึ่งก็ยกขึ้นดื่ม พอเธอวางแก้วคำพูดก็ดังออกมาทันที
“คราวนี้ก็ตอบคำถามฉันมา ว่าไปทำอะไรมา ถึงได้เปลี่ยนไปเกือบเป็นคนละคนแบบนี้ และยังเจ็บตัวมาอีก”
“ฉันไม่ได้ทำ แต่คนอื่นทำ”
“กองถ่ายที่แกถ่ายละครอยู่ละซิ”
เธอยิ้มขำและสมเพชไปในคราวเดียวกัน แล้วบอกว่า “ไม่ใช่ เป็นคนอื่น แต่ฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร” บอกแล้วเธอก็ยกแก้วขึ้นมา “ชนแก้วก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
นทีรินเหล้าใส่แก้วตัวเอง แล้วยกขึ้นชนกับแก้วเธอ ดื่มกันจนหมดแก้ว เสียงเธอก็บอกว่า “ฉันถูกจับไปโยนในทะเล ตื่นขึ้นมาบนเรือประมง กลับถึงฝั่งก็ได้รู้ว่ามีตัวตายตัวแทนมาทำทุกอย่างแทนฉันไปแล้ว”
นทีตกใจกับคำบอกนั้น ถ้าไม่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนจนมาถึงปัจจุบัน ที่รู้ว่าเพื่อนจะไม่เอาเรื่องคอขาดบาดตายมาพูดเล่น เขาไม่เชื่อเด็ดขาด แต่ที่รู้ก็ยังไม่กระจ่าง “หมายความว่าไง ใครทำแทนแก ในเมื่อสิ่งที่แกทำมันทำแทนกันไม่ได้”
“แกเปิดข่าวบันเทิงดูก็น่าจะรู้”
นทีไม่ปล่อยให้เรื่องคาใจ เขาลุกขึ้นไปหยิบมือถือของตัวเอง เดินกลับมานั่งที่เดิมแล้วหาข่าวในโลกออนไลน์ทันที ภาพที่เห็นนั่นทำให้อึ้ง เงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อนกับหญิงสาวในรูป แม้ตอนนี้เพื่อนจะตัดผมสั้น ไม่แต่งหน้า ดูไม่ค่อยเหมือนหญิงสาวในรูป แต่ข้อความที่บอกว่าหญิงสาวในรูปถ่ายเมื่อไร เวลาไหนนั้นบอกให้รู้ว่าเป็นเธอตัวจริงโดยไม่มีอะไรให้สงสัยเลย
เขางงงวย แววตาบอกความสับสน มองหน้าเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นแต่ก็ต้องเชื่อ “ถ้าแกไม่พูดว่าชนแก้ว ที่เป็นทริกระหว่างแกกับฉัน ฉันอาจจะคิดว่าแกเป็นตัวปลอม แล้วผู้หญิงในโทรศัพท์นี้คือตัวจริง แล้วแกรู้ไหมว่าตัวตายตัวแทนของแกเป็นใคร”
“แกลืมไปแล้วเหรอว่า ฉันไม่ได้เป็นลูกคนเดียวของพ่อ”
“หมายความว่า...”
“ความเจ็บปวดตามมาหลอกหลอนฉันแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้นทีรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงในรูปคือใคร เพราะเมื่อชนแก้วกันแล้วความอ่อนแอที่ซุกซ้อนซ่อนเอาไว้ก็จะพรั่งพรูออกมา เขาไม่เคยเจอหน้าผู้หญิงในรูปมาก่อน คิดไม่ถึงว่าจะมีหน้าตาเหมือนเพื่อนเขายังกับแกะอย่างนี้ เขาถอนหายใจออกมา เห็นใจและสงสารเพื่อนที่ต้องมาเจอกับความเจ็บปวดอีกแล้ว
“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”
“เล่นตามน้ำ”
นทีเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าจะเป็นยังไง พลางมองหน้าเพื่อนที่ยิ้มราวกับไม่มีความหวั่นกลัวเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง เขาก็พร้อมจะช่วยเธอเท่าที่จะทำได้ ความจริงแล้วเขาอยากทำมากกว่าคำว่าเพื่อน แต่...ถ้าแกไม่อยากเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉัน อย่าทำแบบนี้อีก คำประกาศิตนี้หยุดเขาไว้ เพียงเพราะเขาเผลอไปจูบเธอเข้านั่นเอง
********
บนห้องพักของโรงแรมดัง ทายาทของตระกูลแอ็คส์แน็ค ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าคมนิ่งเฉย ขณะสายตาเหลือบมองเครื่องแต่งตัวที่วางอยู่บนเตียง ส่วนหนึ่งนั้นอยู่บนตัวเขาแล้ว เหลือแค่เสื้อสูท นาฬิกา รองเท้า ของทุกอย่างนี้มีคนเตรียมไว้ให้ ทันทีที่เขาได้รับคำสั่งจากมาดามให้มางานการกุศล เขาตวัดสายตามามองเงาของตัวเองในกระจก มีความครุ่นคิดว่าเหตุใด มาดามถึงให้เขามางานนี้
เขาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ข้อมือทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็หยิบเสื้อสูทเรียบหรูบนเตียงมาใส่ ส่งให้ร่างสูงสมาร์ทสง่างาม บวกกับหน้าตาที่หล่อคม เซ็ตผมให้เรียบร้อย ก็ยิ่งทำให้ดูราวเทวดามาจุติ ไม่เหลือเค้าของกัปตันในเรือประมงเลย เขาขยับเสื้อเชิ้ตเสื้อสูทให้เข้าตัว แล้วใส่รองเท้า พร้อมจะออกไปทำหน้าที่แทนมาดาม
สิบนาทีต่อมาร่างสูงก็เดินเข้ามาในห้องบอลรูมที่จัดงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในการศึกษา ที่เขามาเร็วนั่นเพราะห้องที่เขาแต่งตัว อยู่ที่โรงแรมนี้เช่นกัน หลายคนหันมามองด้วยความสนใจในรูปลักษณ์ที่ดีใบหน้าที่หล่อ สาวเล็กสาวใหญ่มองอย่างชื่นชม และกระซิบถึงที่มาของเขา ว่าเป็นใครมาจากไหน นักข่าวบางสำนักก็แอบถ่ายรูปเขา
ธอร์รู้สึกไม่ชินแต่ก็เข้าใจ ไม่มีความเบื่อหน่ายให้เห็น กวาดตามองไปรอบห้อง แขกทุกคนไม่มีใครคุ้นตาเขาเลย เพราะอยู่ในวารีเสียนาน ไม่ได้สนใจเรื่องใครบนพื้นพสุธา ตอนนี้แขกผู้มีเกียรติทุกคน ไปนั่งรวมกันอยู่ข้างเวทีที่จะมีการเดินแบบในไม่ช้า เขาหยิบแก้วไวท์ที่บริกรเดินผ่านมาเสิร์ฟ แล้วเดินไปยืนตรงมุมห้องที่สามารถมองเห็นทุกคนได้ชัดเจน
ประธานของงานขึ้นไปกล่าววัตถุประสงค์ในการจัดงาน ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน และบริจาคเงินเพื่อเด็กๆที่โตขึ้นมาเป็นอนาคตของชาติ จากนั้นก็ประกาศเกียรติคุณให้กับคนที่บริจาคยอดสูงสุด เสียงปรบมือดังเกรียวเมื่อชื่อถูกประกาศออกมา คือ
“นายประชา ชนะศาสตร์”
เขาลุกขึ้นยืนโค้งให้ทุกคนก่อนเดินยิ้มขึ้นไปบนเวที แสงเฟรชจากสื่อต่างๆวูบวาบตามตัวเขาไปด้วยความสนใจ เช่นเดียวกับผู้หญิงสองคน ที่นั่งคนละด้านของเวที
นางเลอรัศมีนั่นมองผู้ชายที่ดีกับเธอด้วยความชื่นชม ส่วนนางจรัสแขมองด้วยความสงสัย สลับกับมองหน้าอริหัวใจ สายตาที่มองไม่ต่างจากนางเวลาเจอผู้ชายที่อยากได้เลย ก่อนหน้านี้นางก็หาข่าวเขาจากคุณหญิงคุณนายที่ปากไม่ค่อยมีหูรูด รู้อะไรมาก็พูดออกมาหมด แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับทั้งคู่ และนางก็มีแค่โอกาสเข้าไปแนะนำตัวเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร นางจะสืบให้รู้ จะใช้วิธีเดียวกันกับที่มันหาว่าเธอต่ำตม นางจะใช้ดาบนั้นคือสนองให้ดู
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการประกาศนามผู้บริจาครองลงมา ซึ่งเป็นที่น่าตกใจสำหรับใครบางคน เมื่อชื่อนั่นคือ
“น้องแบม ปวริ สิริ”
ไฮโซสาว ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในตอนนี้ ทุกคนต่างเหลียวมองหา รวมทั้งมีลักขณาผู้จัดการนางเอกดัง ที่ออกมานั่งรอชมแฟชั่นด้วย เธอยกมือขึ้นทาบใจที่เต้นแรงด้วยความหวั่นว่าไฮโซสาวจะปรากฏตัวขึ้น แล้วยิ้มอย่างโล่งอก เมื่อพิธีกรบอกว่าไฮโซสาวติดงาน ไม่สามารถมาร่วมงานได้
มีลักขณาแอบยิ้มเมื่อพอจะรู้ความนัยว่าที่มาไม่ได้นั่นเพราะอะไร นี่ละน่าที่เขาเรียกว่า แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนานั่น แข่งไม่ได้เลยจริงๆ
และแล้วพิธีการต่างๆบนเวทีก็สิ้นสุดลง ทุกคนเดินลงมาจากเวที คุณหญิงจรุงจิตนั่งบนโซฟาที่วางชิดติดเวที โดยมีนายประชานั่งข้างๆ และแล้วเวลาของการเดินแบบก็เริ่มขึ้น นางแบบในชุดสีขาวเดินออกมาโชว์ชุดที่สื่อถึงความใจดี มีเมตตา มีไม้คฆารูปดาว สัญลักษณ์ของการให้พรส่งถึงทุกคนที่มาร่วมงาน สลับสับเปลี่ยนกันไป กระทั่งถึงเวลาของ...ฟินาเล่
นางเอกตัวปลอมก็ปรากฏตัวออกมา คนที่ยืนอยู่มุมห้องขยับตัวทันที ดวงตามองราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ใบหน้าของเธอไม่ต่างจากคนที่อยู่บนเรือเขา ซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์จนเกิดอุบัติเหตุ และเขาเพิ่งไปส่งที่คอนโดมา เขาจับตามองลีลาการเดินวาดลวดลายอยู่บนแคทวอล์ค ท่าทางไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ธาราธารยืนโพสตวัดสายตามองซ้ายมองขวา โปรยยิ้มพร้อมทำท่ายื่นไม้คทาออกไปส่งพรให้ทุกคน ซึ่งต่างมองอย่างชื่นชมและเอ่ยชมถึงความสวย รวมถึงมีลักขณาที่เก็บความปลื้มปริ่มไว้ไม่ไหว “สวยมากค่ะน้องธารา สวยไหมคะ” เธอหันไปถามคนข้างๆ ซึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วย เสียงชื่นชมดังมาเข้าหูไม่ขาดสาย
นางเอกตัวปลอม เดินวนอีกรอบ จากนั้นนางแบบทุกคนก็เดินออกมา ยืนโค้งคำนับขอบคุณแขกทุกคน แล้วเดินวนไปด้านหลัง ด้านหน้าพิธีกรก็ขึ้นมาเชิญคุณหญิงขึ้นมากล่าวปิดงาน ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนแต่งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป ธาราธารเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหาคนเป็นแม่ กวาดตามองหา แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่เธอเพิ่งเขี่ยออกไปจากงาน เดินลอยหน้าลอยตาเข้ามาในงาน มือข้างลำตัวกำเข้าหากันแน่น ขณะที่สีหน้ายังคงยิ้มแย้ม เพราะเกือบทุกคนในงานให้ความสนใจกับเธอ
แบม ปวริยิ้มรับทุกสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยเช่นกัน ว่าเธอมาได้ยังไง ในเมื่อเธอถูกยกเลิกงานนี้ไปแล้ว แม้จะมีชื่อยอดบริจาคเป็นอันดับสอง แต่ตอนนั้นไม่มีใครเห็นเธอ นั่นเพราะเธอมั่วแต่หาคำตอบว่าถูกเขี่ยออกจากงานกะทันหันได้ยังไง เธอมาเดินมาหานางเอกตัวปลอม หรุบตามองตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงหน้า ยิ้มหยันให้เล็กน้อย ก็พูดออกมา
“แปลกใจเหรอคะพี่น้ำ ที่เห็นแบม”
“เปล่า แค่สมเพช อุ้ย ไม่ใช่จ๊ะแค่สงสัยมากกว่าว่าเขาเขี่ย เอ่อ เลิกจ้างไปแล้ว แล้วยังเสนอหน้ามาอีกได้ยังไง” เธอแสร้งพูดผิดๆถูกๆ แต่แววตานั่นหยันอย่างชัดเจน
ไฮโซสาวขบฟันข่มความเจ็บใจไว้ และรู้ว่าที่พูดไม่ได้แสร้งแต่พูดจริง เริ่มจะเห็นมารยาของนางเอกดังแล้ว จึงโต้กลับอย่างไม่เกรง “พี่น้ำคงลืมว่าพ่อแม่แบมเป็นใคร ถึงไม่ได้เดินแบบ ก็มาร่วมงานได้ และที่มาก็เพื่อมาดูคนที่น่าสมเพชกว่า ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ยางอาย ใช้เส้นสาย ไม่ใช่ซิ ใช่อะไรเสนอให้เขาละ ถึงได้มีหน้ามาเชิดแทน”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าจ๊ะ ทุกอย่างเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ และพี่ดังพอไม่ต้องใช่ชื่อเสียงของพ่อแม่มาเป็นแบ็ค ใครๆก็รู้จัก”
“งั้นเหรอคะ แต่คงไม่รู้ซิคะ ว่าหน้าที่เห็นว่าสวยใสความจริงแล้ว ด้านเหลือเกิน”
“ระวังหน่อยนะคะ ปากก็บอกว่าเป็นไฮโซ แต่วาจานั้นโลโซ เพราะกริยาส่อสกุลเหลือเกิน”
“ก็คงไม่ต่างกันหรอก เพราะวาจาพี่ก็ไม่ต่างจากสลัมเหมือนกัน”
ปวริโต้อย่างไม่ลดละ เพราะเธอรู้มาว่าคนที่เปลี่ยนตัวเธอเป็นนางเอกดังคือคนที่มียอดบริจาคสูงสุด เหตุผลนั้นไม่มีใครรู้ ได้แต่เดากันว่าเพราะเขาชื่นชอบเธอ แต่เธอไม่เชื่อเด็ดขาด มันต้องมีอะไรมากกว่านี้ แต่เธอยังหาไม่ได้ว่าคืออะไรนั่นเอง
*******
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
ธารธาราหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตูแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ กับปัญหาจากนี้ที่เธอต้องเผชิญ ซึ่งไม่รู้ว่าจะยุ่งยากแค่ไหน เธอขยับเดินช้าๆไปที่ห้อง แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด เมื่อมีเสียงเข้มๆดังขึ้นข้างหลัง
“ใครนะ เข้ามาในห้องนี้ได้ไง ออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้ง รปภ.กับตำรวจ”
นางเอกดังจำเสียงได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ้มขำทันทีที่ป้าถนอมจำเธอไม่ได้ ก็นะ เธอใส่เสื้อผ้าโคร่งๆตัวใหญ่ของผู้ชาย แถมผมที่เคยยาวสลวยก็ถูกตัดเสียสั้น ไม่มีความเป็นผู้หญิง มีแต่ความเซอร์แบบทอมบอยเท่านั้น แล้วค่อยๆหมุนตัวมาให้คนที่เธอนับถือเหมือนญาติ
นางถนอมจ้องเขม็ง ความคุ้นเคยค่อยๆทำให้จำได้ว่าเป็นใคร “คุณน้ำ” เสียงนางดังพร้อมกับเดินเข้ามาหา ความสงสัยปรากฏขึ้นเต็มหน้าว่าหญิงสาวไปทำอะไรมา ถึงได้เปลี่ยนไปจนเกือบจะจำไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยังเป็นคนเดิมอยู่ หรือว่าเป็นชุดของละคร พอคิดได้แบบนี้ความสงสัยก็หายไป กลายเป็นชวนคุยมากกว่า
“คุณน้ำเล่นละครเรื่องใหม่หรือคะถึงได้แต่งตัวแบบนี้ วันนี้คิวน้อยซิคะ ถึงได้กลับเร็ว แล้วนี้เกิดอะไรขึ้นที่กองถ่ายคะ ถึงได้มีแผลเต็มไปหมด”
“อุบัติเหตุค่ะ” เธอตอบแค่ประโยคหลังไม่ได้ขยายความให้รู้ เพราะการเฉียดความตายมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้เธอไว้ใจใครไม่ได้เลย
“คุณหมอว่าไงบ้างคะ” นางถามเมื่อเห็นถุงยาในมือหญิงสาว ที่เดาได้ว่าไปหามาแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่กี่วันก็ดีขึ้น แต่น้ำไม่อยู่ตั้งสองวัน ต้นไม้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
นางถนอมทำหน้างงๆ ก่อนจะบอกด้วยเสียงที่มีความขำเจืออยู่ เพราะคิดว่าหญิงสาวเล่นมุก “คุณน้ำล้อป้าเล่นใช่ไหม”
“ล้อ เล่น อะไรคะ” เธอถามกลับด้วยความงง
“ก็เมื่อเช้าคุณน้ำก็เดินออกไปดูอยู่เลย แต่ไม่ได้รดน้ำเท่านั้นเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ป้ารดให้แล้ว”
“ป้าล้อน้ำเล่นใช่ไหมคะ”
“คุณน้ำนั่นแหละล้อป้า ส่วนป้านะพูดจริง แต่แปลกไปนิดเดียวที่คุณน้ำให้ป้าเตรียมน้ำให้อาบ ทั้งๆที่ไม่เคยให้ทำ”
ธารธาราเย็นวาบไปทั้งใจ มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่เธอจะอยู่ที่นี่ และทำอย่างที่ป้าถนอมพูดมาทั้งหมด ในเมื่อเมื่อเช้านั่นเธอยังอยู่ในเรือล่องอยู่ในทะเลอยู่เลย แล้วสิ่งที่ป้าถนอมพูดคืออะไร พูดถึงใคร ใครที่...เหมือนเธองั้นเหรอ ใครที่แม้แต่ป้าถนอมที่อยู่กับเธอมานาน ยังมองว่าเป็นเธอลมหายใจติดขัดขึ้นมา ความคิดต่างๆสับสนวุ่นวายจนต้องกำมือข่มความรู้สึกเหล่านั่นไว้ แล้วรับรู้ถึงกระดาษที่อยู่ในมือ ความอบอุ่นแผ่นซ่านขึ้นมา ความสับสนก็เหมือนจะคลายลงไป
“งั้นเหรอคะ” เธอไม่อาจจะพูดอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ค่ะ เมื่อกี้ป้าก็เพิ่งทำความสะอาดเสร็จ ออกมาก็เจอคุณน้ำ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นขโมย ยังคิดว่าเข้ามาได้ไง เมื่อห้องนี้ใครจะเข้าต้องรู้รหัส แต่ก่อนที่คุณน้ำจะกลับมา คุณแม่ก็มาหานะคะ แล้วก็แปลกที่บอกให้ป้าเช็คของทุกอย่างว่ามีอะไรหายไปบ้าง...” นางถนอมพูดไปเรื่อยๆ ขณะที่หญิงสาวเริ่มจะหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนั่นหมายความว่าแม่ของเธอก็ต้องรู้ ว่าคนที่ป้านอมพูดถึงต้องไม่ใช่เธอ
“แล้วนั่นผมจริงหรือผมปลอมคะ”
“ผมจริง น้ำตัดจริงๆ”
“คุณน้ำ” เสียงนางถนอมทั้งเสียดายและเห็นใจหญิงสาว เพราะรู้ว่ารักผมมาก “อยากให้ป้าอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ” นางถามเมื่อคิดว่าเธอคงใจเสียไม่น้อย ถูกตัดผมแล้วยังต้องมาเจ็บตัวจากอุบัติเหตุอีก
“ค่ะ ป้าอยู่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวน้ำขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ความจริงแล้วเธอขอไปตั้งหลัก หาข่าวหารูปคนที่ปลอมตัวมาเป็นตัวเธอ ระหว่างที่เธออยู่ในทะเลมากกว่า
ร่างอรชรเดินกะเผลกไปยังห้องนอน เปิดประตูแล้วปิด เดินตรงไปที่เตียงนอน วางถุงยา กระดาษไว้บนเตียง แล้วหันไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียง หยิบโทรศัพท์ที่เธอมีไว้คุยกับคนเป็นย่าและแม่ที่มักจะโทรมาขอเงิน โชคดีที่เธอเสียบแบตตารี่ให้เต็มไว้เสมอ สองวันที่ผ่านไปเมื่อไม่ได้ใช้ แบตก็ยังมีอยู่ เปิดออกมา เข้ารหัส แล้วเข้าไปในโลกอินเตอร์เน็ต เช็คอินสตาแกรมของผู้จัดการสาว ที่ต้องลงรูปของเธอทุกงาน แล้วชาวาบไปทั้งตัว
ภาพของหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนเธอราวกับเป็นคนๆเดียวกันปรากฏขึ้นมา เธออึ้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ เลื่อนภาพดูไปเรื่อย แล้วเหมือนจะมีบางอย่างที่สะดุด หยุดภาพนั่นไว้ พร้อมกับจ้องที่แอชแทชใต้ภาพว่า...ธารา สายตาเธอจ้องใบหน้านั้น ความทรงจำเกี่ยวกับคนที่เห็นค่อยๆผุดขึ้นมา ตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็น ได้รับรู้ว่ามีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ความร้าวฉานเกิดขึ้นในครอบครัว ความเจ็บปวดตามมา แล้วสุดท้ายก็เป็นความสูญเสีย
เธอเสียความอบอุ่นจากพ่อแม่ ต่อมาก็เสียความรักจากแม่ และท้ายสุดก็เสียพ่อ เธอเสียใจ เจ็บปวดร้องไห้มากมาย พอตั้งตัว ตั้งหลักได้ ก็ทำงาน ให้งานช่วยให้ลืมทุกอย่าง โดยเฉพาะสองแม่ลูกนี้ไป ไม่สนใจความเป็นไปของทั้งคู่ จะรู้ข่าวรู้เรื่องบ้างก็เมื่อกลับบ้าน คนเป็นแม่กระแนะกระแหนให้ฟัง คนเป็นย่าพูดให้ได้ยินว่าทำอะไรกันอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ คิดไม่ถึงว่าจะเวลาและเทคโนโลยีสมัยใหม่จะทำให้หน้าตาเปลี่ยนมาเหมือนเธอขนาดนี้ ที่สำคัญยอมเป็นตัวตายตัวแทนเธอเพื่อ...อะไร
‘ใจดีเหรอ’
มุมปากเธอเหยียดหยัน เพราะไม่มีคำตอบดีๆแทรกขึ้นมาเลย เมื่ออดีตที่ผ่านมามีแต่สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ และเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ช่วยด้วยใจแน่ๆ อีกอย่างรูปก่อนหน้านี้ที่เธอเห็น เป็นวันเดียวกับที่เธอลืมตาขึ้นบนเรือ ช่างประจวบเหมาะที่โผล่มาในวันที่เธอหายตัวไปพอดี
เธอครุ่นคิดถึงอะไรอีกหลายๆอย่างพร้อมกับเช็กข่าวต่างๆ ไม่มีข่าวการหายตัวไปของเธอ แน่ละ เมื่อมีคนหน้าตาเหมือนเธอแบบนี้มาทำทุกอย่างแทน ใครจะสงสัย และที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ก็คงเป็นเพราะผู้จัดการสาวของเธอที่สร้างภาพให้ แล้วคุณย่ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ความร้อนใจร้อนรุ่มขึ้นมา เธอวางโทรศัพท์ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ จัดการกับตัวเองไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ออกมาในชุดใหม่ คว้าโทรศัพท์ ถุงยา กระดาษเบอร์โทรศัพท์ และกุญแจรถสำรอง ใส่กระเป๋า เดินกะเผลกไปที่ประตู เปิดออกไปหานางถนอม
“ป้านอมคะ” เธอเรียกหาแม่บ้าน เมื่อคิดวางแผนว่าจะทำยังไงกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ นางถนอมที่ได้ยินเสียงเรียกก็เดินออกมาจากห้องครัว
“ค่ะคุณน้ำ มีอะไรคะ” นางถาม แล้วอธิบายว่า “ป้ากำลังทำข้าวต้ม เพื่อคุณน้ำจะทานก่อนทานยาแล้วพักผ่อน”
“ป้าเอาไปทานนะคะ เพราะน้ำจะออกไปข้างนอก มีเรื่องต้องจัดการ”
“พักก่อนดีไหมคะ เพิ่งเจ็บตัวมา เดี๋ยวแผลจะอักเสบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำเกือบตายมาแล้ว แผลแค่นี้เล็กน้อยค่ะ และน้ำมีเรื่องอยากให้ป้าช่วย”
“บอกมาได้เลยค่ะ ป้ายินดีทุกอย่าง อ๋อ ป้ายังไม่ได้ชมเลยว่า ผมทรงใหม่ ก็สวยเก๋ดีนะคะ”
ธารธาราขอบคุณนางถนอม จากนั้นก็พูดความต้องการให้นางรู้ ซึ่งก็รับปาก ความสงสัยมีอยู่เต็มหัวใจ แต่ไม่ถามหาสาเหตุและเหตุผล ว่าทำไมให้นางอยู่เงียบๆสักระยะ ... ธารธารากลับมาเป็นนางเอกดังเชิดหน้าขึ้นพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่าง การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับเธอ ไม่มีทางที่เธอจะขี้ขลาด หลบ หลีก หนีไปซุกอยู่ที่ไหนแน่ๆ มีแต่เผชิญหน้ากันเท่านั้น
*********
รถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่วิ่งห่างออกมาจากคอนโดหรูไม่เท่าไร ก็ต้องชะลอจอดข้างทาง ใต้ร่มเงาของต้นไม้ เมื่อคนขับรับรู้ถึงสัญญาณโทรศัพท์ที่พกติดตัว เตือนบอกให้รู้ว่ามีคนติดต่อมา ธอร์ใช้เท้ายันพื้น ถอดหมวกกันน็อกออกมาวางไว้บนขา แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย เพียงได้ยินเสียงคนโทรมา มุมปากของเขาก็ยิ้มละมุนทันที
“ครับมาดาม มีอะไรให้เทวดารับใช้ครับ” เขาหวานกับคนเป็นย่า โดยไม่รู้ว่าคำพูดของเขานั้นทำให้ท่านแปลกใจ เพราะอารมณ์ดีราวกับได้เจอเรื่องดีๆ
“มีอะไรจะสารภาพไหม”
ธอร์นิ่งไปพร้อมกับคิดว่าทำไมท่านถึงได้ถามเขาแบบนี้ แล้วยิ้มกว้างเมื่อคิดได้ว่าท่านคงสงสัยอะไรบางอย่าง “ไม่มีครับ แค่คิดถึงอ้อมกอดและแก้มนุ่มๆของมาดามเท่านั้น รออีกนิดนะครับ เดี๋ยวจะหอมให้ช้ำเลย”
“งั้นย่าฝากไปหอมสาวที่เพิ่งไปส่งมาด้วยได้ไหม”
ท่านสัพยอกกลับมา แต่รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าคมทันที ที่รู้สึกว่าถูกตามติดอีกแล้ว แม้จะเข้าใจแต่ความไม่พอใจในส่วนลึกก็ยังมีอยู่ “มาดามมีอะไรครับ”
นายใหญ่แห่งแอ็คส์แน็คนิ่งจับน้ำเสียงที่บอกความรู้สึกได้ทันที ท่านรู้แต่ไม่ก้าวเข้าไปถาม เพราะยังไงก็วางมือไม่ได้ ความห่วงใยมีอยู่เต็มหัวใจ และจะพูดให้กระทบใจกันทำไม พูดเรื่องดีๆที่ท่านต้องการให้เขาทำ และตบท้ายด้วยว่า “ได้หรือเปล่า”
“ครับ”
รับปากแล้ว ธอร์ก็เก็บโทรศัพท์ สวมหมวกกันน็อก บังคับรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจให้เลี้ยวไปยังเส้นทาง ที่รับปากคนเป็นย่าไว้
********
ห้องบอลรูมของโรงแรมดัง ที่จัดงานเดินแบบการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในการศึกษา โดยคุณหญิงจรุงจิต จิรภากรณ์ ภรรยาของท่านรัฐมนตรี ผู้ที่ได้รับเชิญและอาสามาร่วมหาทุนสมทบทุน ส่วนใหญ่จะมีชื่อเสียงรู้จักในหลายวงการ ซึ่งได้ให้ความสำคัญมาร่วมงานกันมากหน้าหลายตา บางคนก็มาด้วยใจที่ต้องการช่วยจริงๆ แต่บางคนก็มาเพราะนอกจากจะได้บุญแล้วยังได้หน้า ได้เอื้อผลประโยชน์ให้ตัวเองด้วย แต่ไม่ว่าใครจะมาด้วยเหตุผลใดก็ถือว่าดีที่เด็กๆจะได้มีโอกาสได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น
ตอนแรกนั้นงานนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อดังๆมากมายนัก แต่เพียงมีข่าวออกไปว่า นางเอกดังมาร่วมเดินแบบด้วย จำนวนสื่อก็เพิ่มมากขึ้น ภายในห้องบอลรูม คุณหญิงจรุงจิตประธานของงานยิ้มหน้าบาน ต้อนรับทุกคน โดยมีคนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอีกหลายคนยืนคอยช่วยต้อนรับแขกด้วย ช่างภาพในงานถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศภายในงาน ไม่ต่างจากนักข่าวจากหลายสำนักที่มาเกาะติดงานนี้เช่นกัน เพราะข่าวการเปลี่ยนตัวนางแบบเดินฟินาเล่กะทันหันนั่นน่าติดตามมากนัก อีกคนที่ได้รับความสนใจก็คือนายประชา ชนะศาสตร์ เพราะเป็นผู้ที่บริจาคสูงสุดของงาน
เขายืนให้สื่อต่างๆถ่ายรูป แล้วขอตัวเพราะโทรศัพท์ที่พกติดตัวสั่นบอกสัญญาณขึ้นมา เขาหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท ดูเบอร์โทรที่หน้าจอ แล้วกดรับสาย ฟังเสียงที่พูดมา สีหน้าก็ค่อยๆเคร่งขรึม แล้ววางสายไป
เลอรัศมีที่มาร่วมงานด้วย เดินยิ้มมาหาเขา ภายนอกที่ทุกคนได้เห็นคือเธอรู้จักเขา นับถือเขาแค่นั้น เมื่อเขาเป็นนักธุรกิจที่เก่งมากคนหนึ่ง และเขาก็สร้างเครดิตให้กับเธอด้วยการพาไปพูดคุยกับใครหลายคน บอกให้รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของร้านเพชรที่เขาเป็นลูกค้าประจำ แค่นั้นก็มีคุณหญิงคุณนายเข้ามาคุยด้วย และในจังหวะที่หลายคนสนใจกับเรื่องอื่น เขาก็ถามเธอว่า
“ลูกคุณมาหรือยัง”
“เมื่อกี้ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้วค่ะ เลอกำลังจะไปหา แล้วจะพามาพบนะคะ”
“ลูกคุณอาจจะไม่อยากพบผมก็ได้”
“ไม่ได้ซิคะ เพราะคุณเราสองแม่ลูกจึงมีวันนี้ จะเนรคุณกันได้ไง”
“งั้นคุณก็อย่าบังคับเลย เดี๋ยวจะไม่ชอบหน้าผมเอา เอาที่แกสบายใจก็แล้วกัน”
“คุณน่ารักสำหรับเลอจริงๆ”
นายประชายิ้มให้ แล้วเดินไปคุยกับเพื่อนนักธุรกิจ เลอรัศมียืนมองเขาด้วยความภูมิใจ แล้วหมุนตัวจะเดินไปหาที่นั่ง แต่ชะงักไปทันที สีหน้าที่ดีๆก็เชิดตึงขึ้นมา เมื่อเห็นคนที่เธอว่าต่ำตมมาเสนอหน้าอยู่ในงานนี้ด้วย เธออยากจะเดินหลีกไปอีกทางไม่อยากจะเสวนาด้วย แต่อีกฝ่ายเห็นเธอแล้ว การจะหลีกก็เหมือนจะแพ้ ยิ่งอีกฝ่ายขอตัวจากคนที่คุยอยู่ เดินมาหาเธอก็ถอยไม่ได้เด็ดขาด
ในวงสังคมนั้นไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนมีตื้นลึกหนาบางอะไรกันอยู่ การที่จะคุยกันจึงไม่ได้เป็นที่จับตามอง แต่กว่าจรัสแขจะเดินมาถึง ต้องยิ้มทักทายใครหลายคน เพราะสถานะที่สังคมรับรู้คือเธอเป็นแม่ของนางเอกดัง
ทั้งสองคนใส่หน้ากากเข้าหากัน ยิ้มให้กันแต่น้ำคำเชือดเฉือนกันอยู่ แววตาของเลอรัศมีเหยียดหยัน ก่อนจะต่อว่าออกมา “มาทำไม”
“มาดูความหน้า...ด้านของคนไง” เสียงตอบไม่ต่างจากสายตาอีกฝ่ายที่มองอยู่ “และไม่ต้องถามนะว่าฉันมางานนี้ได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นแม่ของนางเอกดังตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอมอยู่เหมือนใครบางคน ก็จะมีคนส่งข่าวให้ฉันรู้หรือเชิญฉันอยู่แล้ว แต่เธอน่าจะถามตัวเองหน่อยนะ ว่ามาทำไม ในเมื่อไม่มีความสำคัญกับที่นี่เลย”
“ลูกฉันอยู่ที่นี่”
“แล้วบอกใครได้ไหม” เธอเบ้ปากใส่ “ก็ไม่ ช่างน่าสงสาร บัวใต้น้ำพอได้ทีโผล่ขึ้นมาจะบานให้คนชื่นชมเสียหน่อย ก็กลัวจะถูกเหยียบย่ำเสียอีก กลับไปจมอยู่ในโคลมตมเหมือนเดิมเถอะ ไป”
เลอรัศมีต้องข่มใจอย่างหนัก ก่อนจะยิ้มหยันแล้วสาดน้ำคำใส่ “ไล่ฉันให้ไปอยู่ในโคลนตมแล้วเธอละทิ้งความต่ำตมไว้ที่ไหน ถึงได้ล้างคาวออกจากตัวโผล่มาที่นี่ได้ ประพรมน้ำหอมมาเท่าไรละ กลิ่นถึงได้ไม่เหม็นโฉ่ออกมา”
“เธอหมายถึงอะไร”
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง อย่าคิดว่าเรื่องเน่าๆที่ทำไว้ จะไม่มีใครเห็น”
จรัสแขนิ่งคิดเพียงนิดก็รู้ได้ทันที ว่าอีกฝ่ายเชือดเฉือนด้วยเรื่องอะไร “เธอตามฉันเหรอ” เสียงเข้มขึ้นอย่างเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายยิ้มเยือนไร้ความกลัว
“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องตาม ก็รู้กันอยู่ เพราะไก่แก่แม่ปลาช่อนอย่างเธอนะ ชอบสะบัดหางไม่เลือกที่อยู่แล้ว”
“แล้วยังไง ในเมื่อฉันเป็นแม่หม้ายผัวตาย จะมีรักใหม่หรือไปกับใคร ก็คงไม่มีใครสนใจ”
“เธอเพิ่งบอกเมื่อกี้ ว่าเป็นแม่ของนางเอกดัง ไม่มีใครสนใจนั้นคงไม่ใช่ ระวังลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น ลูกจะเป็นเหมือนแม่เข้าสักวัน”
“เหมือนเธอซินะ ที่ลูกกับแม่ไร้ยางอายไม่ต่างกัน แย่งเอาของที่ไม่ใช่ของๆตัวเองไปซึ่งๆหน้า และอย่าคิดว่าที่ยืนเป็นไม้ประดับอยู่ข้างไม้พะยูนเมื่อกี้จะไม่มีใครสนใจ เธอคิดผิดแล้ว เพราะไม้พะยูนที่ราคาแพง เมื่อมีไม้อื่นมาขึ้นอยู่ข้างๆ ทุกคนก็พร้อมที่จะขุดคุ้ยว่ามันเป็นต้นอะไร บางทีอาจจะมีกลิ่นคาวให้ได้ฉาวโฉ่บางก็ได้”
“ผู้หญิงไม่โด่งไม่ดังไม่มีหน้าในสังคมอย่างฉัน จะเป็นยังไง ก็ไม่มีใครสนใจหรอก ระวังตัวเองไว้เถอะ มั่วไม่เลือกหน้าจะเป็นเอดส์ตายสักวัน” พูดจบ ยิ้มเยือนให้แล้วเชิดหน้าเดินจากไป
จรัสแขอยากจะฉีกหน้ายิ้มๆนั่นให้แหลกคามือนัก แล้วหันไปมองคนที่เธอเปรียบเป็นไม้พะยูน เคยเห็นหน้ามาบ้าง แต่ก็ไม่เคยจะสนใจ ผิดกับคราวนี้ที่มีความคิดบางอย่างอยากจะเข้าไปรู้จักเสียแล้ว
**********
นางเอกตัวปลอมนั่งให้ช่างแต่งหน้าเนรมิตใบหน้าให้สวยสมราวกับนางฟ้าที่มีเมตตากับเด็กๆ โดยมีผู้จัดการส่วนตัวนั่งคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ความกังวลเรื่องที่จะมีใครจับได้ว่าไม่ใช่นางเอกตัวจริงนั้น ไม่มีแล้ว เมื่อไม่มีใครพูดสะกิดใจใดๆออกมา ส่วนนางแบบคนอื่นๆก็จะมีห้องแต่งตัวแยกออกไปอีกห้องหนึ่ง โทรศัพท์ในกระเป๋าถือของผู้จัดการสาวสั่นขึ้นมาเบาๆ เธอหยิบออกมาข้อความที่ปรากฏขึ้น แล้วลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปนอกห้อง ไม่นานก็กลับมาพร้อมแม่ของนางเอกตัวปลอม เหตุที่เธอต้องออกไปรับเข้ามา เพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้ามาในห้องนี้
ธาราธารตวัดสายตาไปมองคนเป็นแม่ สบตากันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางเลอรัศมีนั่งบนเก้าอี้ข้างผู้จัดการสาว คุยกันเรื่องทั่วๆไป รอกระทั่งช่างแต่งหน้าทำผมให้เธอเสร็จเรียบร้อย ฝ่ายเสื้อผ้าก็เข้ามาพาเธอไปเปลี่ยนชุด เป็นชุดสีขาว กระโปรงลายลูกไม้ฟูฟ่อง แต่ชุดหลวม เนื่องจากแรกเริ่มนั้นชุดนี้ไม่ใช่เตรียมไว้ให้เธอ
ฝ่ายเสื้อผ้าสองคนแอบมองตากันด้วยความหวั่น เพราะได้ยินกิตติศักดิ์ความเหวี่ยงวีน แม้ช่วงหลังจะมีข่าวว่าเธอเปลี่ยนไปแล้ว ก็ยังมีความหวั่นอยู่ “คุณน้ำคะ” หนึ่งในสองเอ่ยออกมาอย่างเกรงๆ แต่ไม่ได้พูดต่อ เพราะนางเอกตัวปลอมขัดขึ้นมาว่า
“แอชแทชใหม่ว่าธาราแล้ว เรียกธารานะคะ ส่วนเรื่องชุด เข้าใจค่ะ ปรับแก้ได้ตามสบายนะคะ”
ฝ่ายเสื้อผ้าพากันยิ้มที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แล้วช่วยกันปรับแก้ เย็บให้เข้ากับรูปร่างของเธอ เรียบร้อยแล้วก็สวมมงกุฎประดับเพชรเล็กๆให้เข้ากับชุดที่สื่อถึงความใจดี แล้วขอตัวออกไปนอกห้อง ส่วนนางเอกตัวปลอมก็รอเวลาที่จะออกไปเฉิดฉายบนแคทวอล์ค ภายในห้องที่จึงเหลือแค่คนกันเองเท่านั้น แต่...
“พี่มี่คะ ขอน้ำเย็นๆกับขนมให้คุณแม่หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ แหมพี่ก็คุยเพลิน ลืมไปเลย คุณแม่รอแป๊บนะคะ” พูดจบก็รีบลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปจากห้องทันที สองแม่ลูกมองตามกระทั่งประตูห้องปิดสนิท ความเป็นส่วนตัวก็มีมากพอที่จะพูดเรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน
“แม่เจอจรัสแขข้างนอก หลายคนเข้ามาสนใจพูดคุยเพราะรู้ว่าเป็นแม่ของนางเอกดัง แม่ละหมั่นไส้”
“จะใส่ใจทำไมคะ” บอกแล้วก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ
“ไม่ใส่ใจได้ไง ในเมื่อมันมาในฐานะแม่ของหนู และเดี๋ยวพอหนูเดินแบบเสร็จก็คงมาเดินเคียงข้าง เอาหน้าอีกมากมาย”
“ก็ดีที่เขาไปยืน เพราะถ้าแม่ไปยืนอาจจะมีคนสงสัย และแม่ไม่ต้องไปอิจฉา เพราะถ้านางเอกตัวจริงหายตัวไปจริงๆ ถึงเวลานั้นหนูจะทำให้แม่หัวเราะที่หลังดังกว่าหลายเท่านัก”
“ขอให้เป็นจริงทีเถอะ แม่จะสมน้ำหน้าและจะเอาคืนที่มันทำกับเราสองแม่ลูกให้หนำใจ” ว่าแล้วก็ยิ้มด้วยความหวังที่คิดว่าจะเป็นจริงในไม่ช้า
“แล้วแม่ได้ข่าวเพิ่มเติมมาบ้างหรือยังคะ”
คนเป็นแม่รู้ได้ทันที แม้ไม่เอ่ยชื่อว่าลูกพูดถึงใคร เสียงพูดเบาลงมา เพราะกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน “ยัง แต่อีกไม่นานเพราะคนของคุณสืบไม่วางมือวางตา”
“แม่ควรจะเร่งหน่อย เพราะอีกไม่นานเดี๋ยวจะกลายเป็นนานจนถึงเวลาที่อริของแม่กำหนดไว้ แล้วเสียงหัวเราะจะกลายเป็นหยาดน้ำตา”
“งั้นเดี๋ยวเสร็จงานแล้ว หนูก็ไปพบคุณเสียหน่อย ขอบคุณที่เขาช่วยเรา ส่วนเรื่องเร่ง แม่ไม่อยากทำ เพราะคุณรับปากแล้ว ไม่ทำให้แม่ผิดหวังเด็ดขาด”
“หนูเป็นลูกของแม่ แม่ขอบคุณก็เหมือนหนูขอบคุณ ทำไมต้องไปหาอีก”
“แต่แม่อยากให้หนูไปพบ”
“จะพบทำไมคะ ไม่ควรจะเกี่ยวข้องกันหรือเจอหน้ากันให้กระอักกระอวนดีกว่า” เธอบอกเมื่อพอจะรู้ว่า แม่ตัวเองอยู่ในฐานะอะไร
“คุณมีบุญคุณกับแม่ และหนูได้ไปต่างประเทศก็เพราะเงินเขาที่เลี้ยงดูแม่ เก็บออมไว้จนได้ส่งหนูไป เมื่อมีโอกาสพบกันแล้ว ทำไมถึงไม่ตอบแทนบุญคุณ แค่เจอหน้า และพูดคำว่าขอบคุณ มันยากหนักเหรอ”
ธาราธารเมินหน้าไปทางอื่น บอกให้รู้ว่าไม่อยากจะทำ นางเลอรัศมีจึงต้องจับมือปลอบปะเลาะเบาๆ “ถ้าการฝืนใจแล้วได้ทุกอย่าง แม่ว่าหนูควรจะทำ”
หญิงสาวหันหน้ามาสบตาคนเป็นแม่ เพื่อให้ท่านเห็นความลำบากใจของเธอ แต่กลับเห็นความแน่วแน่ในดวงตาท่านแทน จึงต้องถามออกมาว่า “เขากับแม่คบกันในฐานะอะไรคะ”
“หนูใช้ให้แม่ไปขอความช่วยเหลือจากเขา แสดงว่ารู้เรื่องของเขาแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าแม่กับเขาคบกันในฐานะอะไร แต่ที่แม่อยากรู้คือ หนูรู้เรื่องคุณกับแม่ได้ยังไง”
ธาราธารหรุบตาลงต่ำเพื่อปิดบังบางอย่างไว้ และก็เป็นโชคดีที่ผู้จัดการสาวกลับเข้ามาพอดี นางเลอรัศมีเสียดายที่ไม่อาจจะคาดคั้น แต่ไม่เป็นไร จังหวะและโอกาสยังมีที่นางจะต้องรู้ให้ได้
**********
รถแท็กซี่สีเขียวเหลือง เลี้ยวจากถนนใหญ่เข้ามาในซอยเพียงห้าร้อยเมตร ก็ชะลอแล้วเลี้ยวเข้าไปจอดใต้ต้นไม้หน้าที่มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘คอฟฟิ่บายที’ ผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดประตูลงมา ยืนอยู่บนพื้นกรวดเล็กๆจนกระทั่งรถแท็กซี่ขับถอยออกไป ก็มองไปทั่วร้านที่มีแต่ความร่มรื่นของต้นไม้ สายน้ำตกจำลองที่จัดเป็นซุ่ม มีเก้าอี้เป็นไม้นั่งให้ลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้รู้สึกเย็นสบายเหมือนได้อยู่กับธรรมชาติ และยังจะมีดอกไม้ ต้นไม้แคระ ไม้ประดับให้มองเพลินตาเพลินใจอีกด้วย
ด้านหลังร้านที่ร่มรื่น เป็นบ้านของเจ้าของร้าน เพียงแค่คิดถึงหน้าริมฝีปากก็แย้มออกยิ้ม แล้วเดินกะเผลกไปบนแผ่นหินที่วางบนสนามหญ้า เป็นทางเดินไปที่ร้าน ที่เปิดโล่ง มีเคาน์เตอร์ต้อนรับลูกกับให้พนักงานได้ทำเครื่องดื่ม ซึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเธอพร้อมรอยยิ้ม โค้งคำนับต้อนรับ แล้วเชิญให้นั่งได้ เธอเดินไปนั่งที่มุมสวน แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย กดหาหมายเลข แล้วรอสาย พอได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็พูดไปว่า
“ชนแก้วกันหน่อยซิ”
พูดแค่นั้นเธอก็วางสาย เด็กในร้านนำขันน้ำสีเงินใบเล็กแกะสลักลายไทย ใส่น้ำเย็นลอยดอกมะลิหอมมาวางตรงหน้า แล้วถามอย่างสุภาพว่าอยากรับเครื่องดื่มอะไร เธอส่ายหน้าว่าไม่รับ เด็กในร้านก็ถอยออกไปทันที หญิงสาวหรุบตามองความเป็นไทย ที่เจ้าของร้านนำมาใช้ให้ระลึกความเป็นมาในกาลเก่า ก่อนจะมาเป็นแก้วที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งลูกค้าทุกคนที่ได้เห็นต่างรู้สึกชื่นชอบ บางคนให้ทำเครื่องดื่มใส่ขันแบบนี้ให้เลย
เธอนั่งคิดถึงอะไรหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือการที่มาที่นี่ก่อนจะกลับไปหาครอบครัว เพื่อนที่ดีกับมิตรภาพที่มีมาอย่างยาวนาน เพียงพอให้เธอมาปรึกษาก่อนกลับไปเผชิญหน้ากับทุกคน ที่ยังไม่รู้ว่าจะรู้เห็นเป็นใจให้มีตัวตายตัวแทนมาแทนเธอหรือไม่
ความคิดของเธอหยุดลง เมื่อมีคนมาหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับที่เธอนั่ง ซึ่งก็คือชายหนุ่ม หน้าตาคมคาย นามว่า นที ทีรกานต์ เพื่อนของเธอ ไว้ผมยาวปะบ่า ผิวขาว แต่งตัวสุภาพด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนดูสะอาดสะอ้าน อบอุ่น เหมาะสมกับอาชีพศิลปินที่ชอบการวาดรูป และเจ้าของร้านกาแฟ ที่สาวๆพากันปลื้ม แต่นี่เป็นภาพลักษณ์ที่หลอกตา เพราะจริงๆแล้วลุยแหลกแจกแถมด้วยอารมณ์ร้อนบางครั้ง และชอบดื่ม
ดวงตาเขามองเธออย่างสำรวจ แรกนั่นคือความไม่แน่ใจแล้วเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจพร้อมเสียงที่พูดออกมา “ไปทำอะไรมา หน้าจืดยังกับปลาสำลักน้ำมา”
“ผจญภัยนิดหน่อย แล้วมีแก้วให้ชนหรือเปล่า”
“ตะวันยังไม่ตกดิน จะรีบชนไปไหน”
“ฉันอยากชน”
ดวงตาที่มองอยู่หรี่ลงราวกับรับรู้ความผิดปรกติบางอย่าง แล้วบอกว่า “งั้นไปชนในบ้าน” บอกแล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวออกมาจากเก้าอี้ หญิงสาวลุกขึ้นยืนก้าวตามออกมา แต่แผลที่ยังสดกับความเคล็ดขัดยอก ทำให้ยังเดินไม่สะดวก คนที่มองอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยและห่วงใย เธอจึงบอกว่า
“ฉันไม่เป็นไร เดินได้ ไปเถอะ”
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไป ตามแผ่นปูนที่ปูเป็นทางเดินไปทางหลังร้าน ก็ได้เห็นบ้านไม้หลังใหญ่ สมัยเก่า ที่ยังคงแข็งแรง ตกทอดมาสู่ลูกหลาน ที่ยังรักษาไว้อย่างดี มีระเบียงกว้างตั้งชุดรับแขกที่สานด้วยหวายมีเบาะรองไว้ ต้อนรับผู้มาเยือน หญิงสาวเดินขึ้นบันไดห้าขั้นไปนั่งบนเก้าอี้ ส่วนเจ้าของบ้านก็เดินหายเข้าไปในบ้าน ไม่นานก็ออกมาพร้อมขวดกับแก้วตามความต้องการของเธอ วางบนโต๊ะรับแขก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ รินน้ำใส่แก้วให้เธอ ซึ่งก็ยกขึ้นดื่ม พอเธอวางแก้วคำพูดก็ดังออกมาทันที
“คราวนี้ก็ตอบคำถามฉันมา ว่าไปทำอะไรมา ถึงได้เปลี่ยนไปเกือบเป็นคนละคนแบบนี้ และยังเจ็บตัวมาอีก”
“ฉันไม่ได้ทำ แต่คนอื่นทำ”
“กองถ่ายที่แกถ่ายละครอยู่ละซิ”
เธอยิ้มขำและสมเพชไปในคราวเดียวกัน แล้วบอกว่า “ไม่ใช่ เป็นคนอื่น แต่ฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร” บอกแล้วเธอก็ยกแก้วขึ้นมา “ชนแก้วก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
นทีรินเหล้าใส่แก้วตัวเอง แล้วยกขึ้นชนกับแก้วเธอ ดื่มกันจนหมดแก้ว เสียงเธอก็บอกว่า “ฉันถูกจับไปโยนในทะเล ตื่นขึ้นมาบนเรือประมง กลับถึงฝั่งก็ได้รู้ว่ามีตัวตายตัวแทนมาทำทุกอย่างแทนฉันไปแล้ว”
นทีตกใจกับคำบอกนั้น ถ้าไม่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนจนมาถึงปัจจุบัน ที่รู้ว่าเพื่อนจะไม่เอาเรื่องคอขาดบาดตายมาพูดเล่น เขาไม่เชื่อเด็ดขาด แต่ที่รู้ก็ยังไม่กระจ่าง “หมายความว่าไง ใครทำแทนแก ในเมื่อสิ่งที่แกทำมันทำแทนกันไม่ได้”
“แกเปิดข่าวบันเทิงดูก็น่าจะรู้”
นทีไม่ปล่อยให้เรื่องคาใจ เขาลุกขึ้นไปหยิบมือถือของตัวเอง เดินกลับมานั่งที่เดิมแล้วหาข่าวในโลกออนไลน์ทันที ภาพที่เห็นนั่นทำให้อึ้ง เงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อนกับหญิงสาวในรูป แม้ตอนนี้เพื่อนจะตัดผมสั้น ไม่แต่งหน้า ดูไม่ค่อยเหมือนหญิงสาวในรูป แต่ข้อความที่บอกว่าหญิงสาวในรูปถ่ายเมื่อไร เวลาไหนนั้นบอกให้รู้ว่าเป็นเธอตัวจริงโดยไม่มีอะไรให้สงสัยเลย
เขางงงวย แววตาบอกความสับสน มองหน้าเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นแต่ก็ต้องเชื่อ “ถ้าแกไม่พูดว่าชนแก้ว ที่เป็นทริกระหว่างแกกับฉัน ฉันอาจจะคิดว่าแกเป็นตัวปลอม แล้วผู้หญิงในโทรศัพท์นี้คือตัวจริง แล้วแกรู้ไหมว่าตัวตายตัวแทนของแกเป็นใคร”
“แกลืมไปแล้วเหรอว่า ฉันไม่ได้เป็นลูกคนเดียวของพ่อ”
“หมายความว่า...”
“ความเจ็บปวดตามมาหลอกหลอนฉันแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้นทีรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงในรูปคือใคร เพราะเมื่อชนแก้วกันแล้วความอ่อนแอที่ซุกซ้อนซ่อนเอาไว้ก็จะพรั่งพรูออกมา เขาไม่เคยเจอหน้าผู้หญิงในรูปมาก่อน คิดไม่ถึงว่าจะมีหน้าตาเหมือนเพื่อนเขายังกับแกะอย่างนี้ เขาถอนหายใจออกมา เห็นใจและสงสารเพื่อนที่ต้องมาเจอกับความเจ็บปวดอีกแล้ว
“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”
“เล่นตามน้ำ”
นทีเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าจะเป็นยังไง พลางมองหน้าเพื่อนที่ยิ้มราวกับไม่มีความหวั่นกลัวเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง เขาก็พร้อมจะช่วยเธอเท่าที่จะทำได้ ความจริงแล้วเขาอยากทำมากกว่าคำว่าเพื่อน แต่...ถ้าแกไม่อยากเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉัน อย่าทำแบบนี้อีก คำประกาศิตนี้หยุดเขาไว้ เพียงเพราะเขาเผลอไปจูบเธอเข้านั่นเอง
********
บนห้องพักของโรงแรมดัง ทายาทของตระกูลแอ็คส์แน็ค ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าคมนิ่งเฉย ขณะสายตาเหลือบมองเครื่องแต่งตัวที่วางอยู่บนเตียง ส่วนหนึ่งนั้นอยู่บนตัวเขาแล้ว เหลือแค่เสื้อสูท นาฬิกา รองเท้า ของทุกอย่างนี้มีคนเตรียมไว้ให้ ทันทีที่เขาได้รับคำสั่งจากมาดามให้มางานการกุศล เขาตวัดสายตามามองเงาของตัวเองในกระจก มีความครุ่นคิดว่าเหตุใด มาดามถึงให้เขามางานนี้
เขาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ข้อมือทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็หยิบเสื้อสูทเรียบหรูบนเตียงมาใส่ ส่งให้ร่างสูงสมาร์ทสง่างาม บวกกับหน้าตาที่หล่อคม เซ็ตผมให้เรียบร้อย ก็ยิ่งทำให้ดูราวเทวดามาจุติ ไม่เหลือเค้าของกัปตันในเรือประมงเลย เขาขยับเสื้อเชิ้ตเสื้อสูทให้เข้าตัว แล้วใส่รองเท้า พร้อมจะออกไปทำหน้าที่แทนมาดาม
สิบนาทีต่อมาร่างสูงก็เดินเข้ามาในห้องบอลรูมที่จัดงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในการศึกษา ที่เขามาเร็วนั่นเพราะห้องที่เขาแต่งตัว อยู่ที่โรงแรมนี้เช่นกัน หลายคนหันมามองด้วยความสนใจในรูปลักษณ์ที่ดีใบหน้าที่หล่อ สาวเล็กสาวใหญ่มองอย่างชื่นชม และกระซิบถึงที่มาของเขา ว่าเป็นใครมาจากไหน นักข่าวบางสำนักก็แอบถ่ายรูปเขา
ธอร์รู้สึกไม่ชินแต่ก็เข้าใจ ไม่มีความเบื่อหน่ายให้เห็น กวาดตามองไปรอบห้อง แขกทุกคนไม่มีใครคุ้นตาเขาเลย เพราะอยู่ในวารีเสียนาน ไม่ได้สนใจเรื่องใครบนพื้นพสุธา ตอนนี้แขกผู้มีเกียรติทุกคน ไปนั่งรวมกันอยู่ข้างเวทีที่จะมีการเดินแบบในไม่ช้า เขาหยิบแก้วไวท์ที่บริกรเดินผ่านมาเสิร์ฟ แล้วเดินไปยืนตรงมุมห้องที่สามารถมองเห็นทุกคนได้ชัดเจน
ประธานของงานขึ้นไปกล่าววัตถุประสงค์ในการจัดงาน ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน และบริจาคเงินเพื่อเด็กๆที่โตขึ้นมาเป็นอนาคตของชาติ จากนั้นก็ประกาศเกียรติคุณให้กับคนที่บริจาคยอดสูงสุด เสียงปรบมือดังเกรียวเมื่อชื่อถูกประกาศออกมา คือ
“นายประชา ชนะศาสตร์”
เขาลุกขึ้นยืนโค้งให้ทุกคนก่อนเดินยิ้มขึ้นไปบนเวที แสงเฟรชจากสื่อต่างๆวูบวาบตามตัวเขาไปด้วยความสนใจ เช่นเดียวกับผู้หญิงสองคน ที่นั่งคนละด้านของเวที
นางเลอรัศมีนั่นมองผู้ชายที่ดีกับเธอด้วยความชื่นชม ส่วนนางจรัสแขมองด้วยความสงสัย สลับกับมองหน้าอริหัวใจ สายตาที่มองไม่ต่างจากนางเวลาเจอผู้ชายที่อยากได้เลย ก่อนหน้านี้นางก็หาข่าวเขาจากคุณหญิงคุณนายที่ปากไม่ค่อยมีหูรูด รู้อะไรมาก็พูดออกมาหมด แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับทั้งคู่ และนางก็มีแค่โอกาสเข้าไปแนะนำตัวเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร นางจะสืบให้รู้ จะใช้วิธีเดียวกันกับที่มันหาว่าเธอต่ำตม นางจะใช้ดาบนั้นคือสนองให้ดู
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการประกาศนามผู้บริจาครองลงมา ซึ่งเป็นที่น่าตกใจสำหรับใครบางคน เมื่อชื่อนั่นคือ
“น้องแบม ปวริ สิริ”
ไฮโซสาว ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในตอนนี้ ทุกคนต่างเหลียวมองหา รวมทั้งมีลักขณาผู้จัดการนางเอกดัง ที่ออกมานั่งรอชมแฟชั่นด้วย เธอยกมือขึ้นทาบใจที่เต้นแรงด้วยความหวั่นว่าไฮโซสาวจะปรากฏตัวขึ้น แล้วยิ้มอย่างโล่งอก เมื่อพิธีกรบอกว่าไฮโซสาวติดงาน ไม่สามารถมาร่วมงานได้
มีลักขณาแอบยิ้มเมื่อพอจะรู้ความนัยว่าที่มาไม่ได้นั่นเพราะอะไร นี่ละน่าที่เขาเรียกว่า แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนานั่น แข่งไม่ได้เลยจริงๆ
และแล้วพิธีการต่างๆบนเวทีก็สิ้นสุดลง ทุกคนเดินลงมาจากเวที คุณหญิงจรุงจิตนั่งบนโซฟาที่วางชิดติดเวที โดยมีนายประชานั่งข้างๆ และแล้วเวลาของการเดินแบบก็เริ่มขึ้น นางแบบในชุดสีขาวเดินออกมาโชว์ชุดที่สื่อถึงความใจดี มีเมตตา มีไม้คฆารูปดาว สัญลักษณ์ของการให้พรส่งถึงทุกคนที่มาร่วมงาน สลับสับเปลี่ยนกันไป กระทั่งถึงเวลาของ...ฟินาเล่
นางเอกตัวปลอมก็ปรากฏตัวออกมา คนที่ยืนอยู่มุมห้องขยับตัวทันที ดวงตามองราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ใบหน้าของเธอไม่ต่างจากคนที่อยู่บนเรือเขา ซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์จนเกิดอุบัติเหตุ และเขาเพิ่งไปส่งที่คอนโดมา เขาจับตามองลีลาการเดินวาดลวดลายอยู่บนแคทวอล์ค ท่าทางไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ธาราธารยืนโพสตวัดสายตามองซ้ายมองขวา โปรยยิ้มพร้อมทำท่ายื่นไม้คทาออกไปส่งพรให้ทุกคน ซึ่งต่างมองอย่างชื่นชมและเอ่ยชมถึงความสวย รวมถึงมีลักขณาที่เก็บความปลื้มปริ่มไว้ไม่ไหว “สวยมากค่ะน้องธารา สวยไหมคะ” เธอหันไปถามคนข้างๆ ซึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วย เสียงชื่นชมดังมาเข้าหูไม่ขาดสาย
นางเอกตัวปลอม เดินวนอีกรอบ จากนั้นนางแบบทุกคนก็เดินออกมา ยืนโค้งคำนับขอบคุณแขกทุกคน แล้วเดินวนไปด้านหลัง ด้านหน้าพิธีกรก็ขึ้นมาเชิญคุณหญิงขึ้นมากล่าวปิดงาน ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนแต่งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป ธาราธารเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหาคนเป็นแม่ กวาดตามองหา แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่เธอเพิ่งเขี่ยออกไปจากงาน เดินลอยหน้าลอยตาเข้ามาในงาน มือข้างลำตัวกำเข้าหากันแน่น ขณะที่สีหน้ายังคงยิ้มแย้ม เพราะเกือบทุกคนในงานให้ความสนใจกับเธอ
แบม ปวริยิ้มรับทุกสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยเช่นกัน ว่าเธอมาได้ยังไง ในเมื่อเธอถูกยกเลิกงานนี้ไปแล้ว แม้จะมีชื่อยอดบริจาคเป็นอันดับสอง แต่ตอนนั้นไม่มีใครเห็นเธอ นั่นเพราะเธอมั่วแต่หาคำตอบว่าถูกเขี่ยออกจากงานกะทันหันได้ยังไง เธอมาเดินมาหานางเอกตัวปลอม หรุบตามองตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงหน้า ยิ้มหยันให้เล็กน้อย ก็พูดออกมา
“แปลกใจเหรอคะพี่น้ำ ที่เห็นแบม”
“เปล่า แค่สมเพช อุ้ย ไม่ใช่จ๊ะแค่สงสัยมากกว่าว่าเขาเขี่ย เอ่อ เลิกจ้างไปแล้ว แล้วยังเสนอหน้ามาอีกได้ยังไง” เธอแสร้งพูดผิดๆถูกๆ แต่แววตานั่นหยันอย่างชัดเจน
ไฮโซสาวขบฟันข่มความเจ็บใจไว้ และรู้ว่าที่พูดไม่ได้แสร้งแต่พูดจริง เริ่มจะเห็นมารยาของนางเอกดังแล้ว จึงโต้กลับอย่างไม่เกรง “พี่น้ำคงลืมว่าพ่อแม่แบมเป็นใคร ถึงไม่ได้เดินแบบ ก็มาร่วมงานได้ และที่มาก็เพื่อมาดูคนที่น่าสมเพชกว่า ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ยางอาย ใช้เส้นสาย ไม่ใช่ซิ ใช่อะไรเสนอให้เขาละ ถึงได้มีหน้ามาเชิดแทน”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าจ๊ะ ทุกอย่างเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ และพี่ดังพอไม่ต้องใช่ชื่อเสียงของพ่อแม่มาเป็นแบ็ค ใครๆก็รู้จัก”
“งั้นเหรอคะ แต่คงไม่รู้ซิคะ ว่าหน้าที่เห็นว่าสวยใสความจริงแล้ว ด้านเหลือเกิน”
“ระวังหน่อยนะคะ ปากก็บอกว่าเป็นไฮโซ แต่วาจานั้นโลโซ เพราะกริยาส่อสกุลเหลือเกิน”
“ก็คงไม่ต่างกันหรอก เพราะวาจาพี่ก็ไม่ต่างจากสลัมเหมือนกัน”
ปวริโต้อย่างไม่ลดละ เพราะเธอรู้มาว่าคนที่เปลี่ยนตัวเธอเป็นนางเอกดังคือคนที่มียอดบริจาคสูงสุด เหตุผลนั้นไม่มีใครรู้ ได้แต่เดากันว่าเพราะเขาชื่นชอบเธอ แต่เธอไม่เชื่อเด็ดขาด มันต้องมีอะไรมากกว่านี้ แต่เธอยังหาไม่ได้ว่าคืออะไรนั่นเอง
*******
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2560, 16:38:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2560, 16:38:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 1366
<< ตอน 7 | ตอน 9 >> |
Kim 3 ต.ค. 2560, 17:44:35 น.
ลุ้นค่ะมาต่อเร็วๆนะคะ
ลุ้นค่ะมาต่อเร็วๆนะคะ
แว่นใส 3 ต.ค. 2560, 22:20:07 น.
จะเคลมลูกสาวแทนลาะสิ
จะเคลมลูกสาวแทนลาะสิ