เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)

หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา

ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง

เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ

ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่

รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า

Tags: โรมานซ์

ตอน: ตอน 11

ตอน 11

เช้าวันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ยังไม่ทันได้โผล่ขึ้นมาสาดแสง รถยนต์คันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดหน้าบันไดทางเข้าตึกธรธารา คนในรถคือมีลักขณาผู้จัดการดูแลคิวงานต่างๆให้กับนางเอกดัง รีบเปิดประตูลงมา ท่าทางดูร้อนใจขณะสายตามองหาคนในตึก พอเห็นสาวใช้เดินมา ก็รีบกวักมือเรียกให้หยุดพร้อมกับเดินเข้าไปหา ถามหาคนสำคัญที่ทำให้เธอแทบจะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน พอรุ่งสางก็รีบแหกขี้ตาตื่นมาหาทันที

“ฉันได้ข่าวว่าคุณน้ำกลับมาแล้ว แล้วคุณน้ำอยู่ไหน ตื่นหรือยัง”

“ได้ข่าวมาจากไหนหรือคะ คุณมี่”

เสียงพูดที่ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้ลักขณาหันขวับไปมอง พอเห็นว่าเป็นนางพุด คนสนิทของคุณหญิงทองจันทร์ ที่มายืนอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัว ก็ปรับสีหน้าที่ร้อนรนให้ผ่อนคลายลงมา ยิ้มให้ก่อนจะยกมือไหว้ ลดมือลงมาก็ตอบว่า “มี่คุยกับคุณแขเมื่อคืนค่ะ ถึงได้รู้”

ได้คำตอบแล้วนางพุดก็บอกว่า “คุณน้ำยังไม่ตื่นค่ะ คุณมี่ไปทำงานก่อนแล้วค่อยมาหาเธอใหม่ดีกว่า”

“แล้วน้องน้ำพูดอะไรถึงมี่บ้างไหมคะ” เสียงถามมีความกังวล แล้วยิ้มแหยเมื่อถูกนางพุดถามกลับ

“แล้วคุณมี่ทำอะไรไม่ดีให้คุณน้ำพูดถึงหรือเปล่าละคะ”

“เปล่าๆๆค่ะเปล่า” มีลักขณารีบปฏิเสธ “มี่ถามดูเผื่อน้องน้ำจะถามถึง เพราะห่วงงานทิ้งไปหลายวัน แล้วน้องน้ำได้บอกไหมคะว่าหายไปไหนมา”

“คุณมี่ค่อยถามคุณน้ำเองดีกว่าค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ” พูดจบนมพุดก็พยักหน้าให้สาวใช้ เดินไปด้วยกัน

มีลักขณามองตาม กระทั่งทั้งสองคนเดินไปไกลแล้วก็มองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใคร ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ที่ถามอะไรก็ไม่ได้เรื่อง แล้วกลัดกลุ้มขึ้นมา เพราะห่วงอนาคตตัวเอง กลัวจะเป็นอย่างที่นางจรัสแขขู่เอาไว้ แม้จะปลอบใจตัวเองว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เธอแค่เหยียบเรือสองแคมเป็นแค่นกสองหัว ยังไม่ได้ทรยศอะไรนางเอกดังเลย แต่เธอรู้จักหญิงสาวดีว่า ถ้ารู้ว่าใครทำไม่ดีกับเธอ เธอก็ตอบโต้อย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน

ผู้จัดการสาวคิดไม่ตก เพราะยังไม่รู้ข้อเท็จจริงก็ยังไม่รู้จะรับมือยังไง แล้วรีบเดินไปหาคนที่จะไขข้อข้องใจของเธอได้ นั่นคือนางเอกตัวปลอม เธอเดินไปที่ตึกซ้ายมือ พอเข้าไปในตึก ก็เจอกับสาวใช้ที่ชื่อบงกช ซึ่งชอบสาระแนเรื่องเจ้านาย จึงพอจะรู้เรื่องตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง และไม่แปลกใจที่เจอผู้จัดการดังที่นี่

“คุณเลอกับคุณธาราอยู่หรือเปล่า”

“คุณเลอยังไม่ตื่น ส่วนคุณธารา แต่งตัวอยู่บนห้อง”

“งั้นไปบอกคุณธาราว่าคุณมี่มาแล้ว”

“คุณธาราสั่ง ให้บอก ให้คุณนั่งรอก่อน เดี๋ยวจะลงมาค่ะ”

มีลักขณานั่งลงบนโซฟา ไม่มีกะจิตกะใจจะชมของตกแต่งห้อง ส่วนสาวใช้หันหลังเบ้ปากใส่คุณมี่ เพราะหมั่นไส้ที่ยกตัวขึ้นมาเทียบเท่าเจ้านายของเธอ แล้วเดินไปเอาน้ำมาเสิร์ฟ วางให้ตรงหน้าแล้วเดินออกไป ไม่นานคนที่เธอมาพบก็เดินมาหา ธาราธารเดินมานั่งบนโซฟาข้างผู้จัดการสาว ท่าทางที่ร้อนใจนั่นทำให้เธอหยันด้วยแววตา เพราะนั่นแสดงว่าให้ความสำคัญกับคนที่กลับมามากกว่าเธอ

“คุณน้ำกลับมาแล้วจริงเหรอคะ”

“จริงค่ะ”

“ตายแล้วคุณน้องขา แล้วอย่างนี้เราจะทำยังไงกันดีละคะ”

“ทำอะไร หมายความว่าไงคะ หรือพี่มี่คิดจะทำอะไร ถึงได้ถามแบบนี้”

“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั่นค่ะ แค่เป็นห่วงคุณน้อง คุณน้ำกลับมาแบบนี้แล้วคุณน้องละคะ จะอยู่ตรงไหน หรือจะทำอะไรต่อไป”

“ก็ทำงานเหมือนเดิม”

“ทำงานเหมือนเดิม หมายความว่ายังไงคะ...หรือว่า ”

“ใช่ค่ะ พี่น้ำให้ธาราเป็นตัวตายตัวแทนเหมือนเดิม” ปากเธอบอกแต่แววตานั้นไม่ใช่ มันแสดงบางอย่างออกมาก่อนจะหายไป “ส่วนของพี่มี่ก็คงไม่ต่างกัน เพราะไม่ได้พูดอะไร”

มีลักขณาโล่งใจ ที่ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่คิดไว้ แต่ความสงสัยยังไม่หมดไป “แล้วทำไมคุณน้ำไม่กลับมาทำงานละคะ”

“เธอบอกว่าอยากพัก อีกอย่างเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย ก็เลยยังไม่พร้อม”

“แล้วคุณน้องพร้อมหรือยังคะ” คำถามเหมือนมีความนัยบางอย่างส่งมาให้ แต่ธาราธารทำเป็นไม่รู้ ไม่สนใจจะถามว่าคืออะไร บอกแค่ว่า

“พร้อมจะไปทำหน้าที่แล้วค่ะ วันนี้มีคิวอะไรให้ธาราทำบ้างคะ”

มีลักขณายิ้มให้แบบอ่อนใจที่การชี้นำไม่เป็นผล แต่ไม่นำพาอีกเพราะถ้าอีกฝ่ายไม่เล่นเดี๋ยวจะโดนด่า ดีไม่ดีอาจจะเป็นบ่วงมารัดคอ ซึ่งเธอต้องระวังให้มากๆ เพราะนางเอกตัวจริงกลับมาแล้วนั่นเอง การจะทำอะไรต้องระมัดระวังและชั่งให้ดีว่าควรจะเหยียบให้หนักข้างไหนมากกว่ากัน
ธาราธารรู้ทันผู้จัดการสาว ตอนนี้ก็ยังดีกับเธอ แต่เมื่อไรที่เธอหมดประโยชน์ สายตาก็คงไม่ชายแลเธอ แววตาเธอเหยียดหยัน และไม่มีวันให้ผู้หญิงคนนี้ทำกับเธอแบบนั้นได้เด็ดขาด มีแต่เธอที่จะทำให้รู้สึก
**********
จิ๊บ จิ๊บ เสียงร้องของนกตัวเล็กที่บินมาเกาะขอบหน้าต่างห้องนอน ของคนที่ได้รับฉายาว่าเทวดาแห่งตระกูลแอ็คส์แน็ค ดวงตาบนใบหน้าคมของคนที่นอนนิ่งอยู่บนที่นอนนุ่ม กะพริบสองสามครั้งส่งสัญญาณว่ารู้สึกตัวแล้ว แต่ไม่ยอมลืมขึ้นมา กลับพลิกตัวนอนตะแคงจะหลับต่อ แต่สัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นรบกวน ให้สีหน้ายุ่งเพราะไม่อยากจะลุกขึ้นมารับสาย แต่ต้องรับ

ร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงผ้านิ่มขายาวตัวเดียวพลิกตัวกลับมา ยื่นมือไปควานหาโทรศัพท์ที่เมื่อคืนนี้ก่อนนอน เขาวางไว้บนโต๊ะวางโคมไฟข้างหัวเตียง จับได้แล้วก็รับสายทั้งที่ไม่ได้ลืมตา ไม่ได้ทักทายอีกฝ่ายไป ก็มีเสียงพูดมาให้ได้ยิน “ไง กัปตันสุดหล่อ ขึ้นจากพสุธามาก็ฮอตเลยนะ”

เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงน้องชายนายธีร์หรือเมธัส กัปตันขับเครื่องบิน ตอนนี้คงอยู่ระหว่างหยุดบิน ถึงได้โทรมาหาเขาได้ “พูดเรื่องอะไรของนาย”

“ก็พูดเรื่องนายไง”

“เรื่องอะไร” ธอร์ถามกลับไปแล้วลืมตาขึ้นมา

“ก็เรื่องรูปของนายที่แพร่กระจายอยู่ในอินเตอร์เน็ตไง สาวๆกดไลน์ กดแชร์ ขุดคุ้ยกันใหญ่ว่านายเป็นใครมาจากไหน โชคดีที่ไม่มีประวัตินายหลุดออกไป แต่ตอนนี้คำว่ากัปตันสุดหล่อฮอตระเบิดระเบ้อ หนักมาก”

“บ้าจริง” เขาสบถออกมา แล้วลุกขึ้นนั่งใช้มือถือกดเข้าไปในโลกโซเชียลค้นหารูปที่ว่าทันที ไม่นานก็ได้เห็นรูป และคิดออกทันทีว่าเป็นฝีมือใคร เพราะรูปที่เห็นเพิ่งถูกถ่ายไปเมื่อวานนี้เอง “ไอ้แร้งแก่”

“นักข่าวเหรอ”

“ใช่” เขารับออกมาแล้วลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าต่าง มองลงไปข้างล่างพร้อมกับเล่าให้ฟังว่าเปิดวาทะอะไรกันไปบ้าง และอาจจะเป็นชนวนให้เขาเจอเรื่องเมื่อคืน เพราะก่อนหน้านี้เขาไปทลายคลังยาเสพติดไอ้นักธุรกิจเดินเรือมา และพวกมันก็กำลังตามหาตัวเขาอยู่

“แบบนี้เท่ากับการชี้เป้า มิน่าพวกมันถึงได้เจอตัวนายเร็วนัก ระวังตัวให้ดีและควรไปขอบคุณนักข่าวเสียด้วย”

“เอาอะไรไปให้ดี ไอ้ฉลามไปเป็นไง”

“ธีร์ว่าไม่ต้องหรอก เพราะป่านนี้มันอาจจะโดนเชิญตัวไปแล้วก็ได้ ถึงเวลานายค่อยไปหามันด้วยตัวเองดีกว่า”

“เป็นความคิดที่ดี ถ้ามันไม่โดนเก็บไปเสียก่อน ฉันอาจจะได้เบาะแสของไอ้ตัวการใหญ่ แต่เพื่อป้องกันการโดนเก็บ ส่งฉลามไปสะกดรอยก่อนก็ดี”

ธอร์ยิ้มหยันออกมา แล้วถามถึงงานของน้องชาย จึงได้รู้ว่าตอนนี้เขานอนเล่นอยู่ที่ปารีส ช่วงพักก่อนจะบินไฟล์ต่อไป และอาจจะแวะไปหาพ่อกับแม่ที่ไปเยี่ยมนางฟ้ามิลลี่ เขาจึงฝากความคิดถึงและหอมแก้มพี่สาวคนสวยด้วย จากนั้นก็วางสายก้าวยาวๆไปที่ห้องน้ำ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็ออกมาในชุดใหม่ เพราะเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายทุกอย่างอยู่ติดกับห้องน้ำที่กว้างขวาง เขาเปิดประตูห้องนอนจะก้าวออกไป แล้วเหมือนคิดบางอย่างได้ จึงเดินกลับไปที่หัวเตียงหยิบบางอย่างติดมือลงไปข้างล่างด้วย

เขาเดินตรงไปยังสวนกล้วยไม้ เพราะเห็นจากหน้าต่างว่าสุดที่รักของเขาอยู่ที่นั้น เรียวปากยิ้มออกทันทีที่เห็นท่านกำลังยืนฉีดน้ำให้ต้นกล้วยไม้ เขาเดินเหมือนย่องเบาไปด้านหลัง วางสิ่งที่ถือมาไว้บนโต๊ะ แล้วกางแขนออกกอดร่างนั้นไว้เต็มอ้อมแขน คนโดนกอดตกใจเล็กน้อย แล้วหันหน้ามามองคนกอดก็ถูกหอมแก้มฟอดใหญ่ ก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ จึงถูกหอมแก้มสลับไปมาอีกหลายฟอด แล้วถอยห่างเพียงก้าว ให้ท่านได้มองเขาเต็มตา

สายตาที่ฝ้าฟางไปตามเวลาของท่าน มีแว่นมาช่วยให้เห็นว่าสายลมแห่งท้องทะเลทำให้หลานชายท่านคมเข้มขึ้นเป็นกอง ธอร์ยิ้มกว้างให้ท่าน แล้วยืดตัวขึ้นตรง ยกมือขึ้นทำท่าวันทยาหัต รายงานตัวออกมาว่า

“อรุณสวัสดิ์ครับมาดามโรส ผมเมธิสหรือกัปตันธอร์ ลูกพ่อแม็คแม่เมรี มารายงานตัวแล้วครับผม”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะกัปตัน กลับมาหาย่าได้เสียที”

“ขอโทษด้วยครับที่กลับมาช้าไปหน่อย” เขาบอกพลางก้าวเข้าไปประคองท่าน ให้เดินไปนั่งบนเก้าอี้หวายที่มีเบาะนุ่มๆให้ได้นั่งสบายขึ้น ท่านวางกระบอกฉีดน้ำไว้บนโต๊ะข้างแจกันดอกไม้กับหนังสือพิมพ์ และแปลกใจกับบางสิ่งที่เห็นวางอยู่ ด้วย คิดว่าหลานชายคงเอามา แต่ยังไม่ถาม รอให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่วางอยู่ข้างๆท่านเรียบร้อยแล้วก็พูดออกมา

“ย่าทำข้าวต้มปลาใส่กากหมูที่ชอบไว้ให้ ทานกับย่าก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน” บอกแล้วท่านก็หันไปสั่งสาวใช้ที่คอยดูแลท่านอยู่ไม่ห่างให้จัดข้าวต้มมา ไม่นานสาวใช้ก็นำข้าวต้มหอมกรุ่นพร้อมเครื่องปรุงและน้ำดื่มมาวางให้ตรงหน้า

มาดามโรสทานไปเล่าเรื่องต้นไม้ให้หลานรักฟังไป สลับกับฟังเขาเล่าเรื่องความงดงามของท้องทะเลให้ฟังด้วย สองคนย่าหลานคุยกันอย่างถูกคอ กระทั่งอิ่ม สาวใช้มาเก็บถ้วยข้าวต้มไป เสียงท่านก็ถามออกมา “อร่อยไหม”

“มากครับ ขอบคุณนะครับคุณย่า”

“ปากหวานมาเรียกยงเรียกย่า มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะปิดเรื่องที่ติดสาวมากกว่าติดย่า”

“ไม่ได้ติดใครหรอกครับ แต่มีความจำเป็นมากกว่า”

“อันนี้หรือเปล่า” ว่าแล้วมาดามก็พลิกหน้าหนังสือพิมพ์ให้เขาดู
ธอร์หรุบตามองรูป สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้น บอกความไม่พอใจ ไม่คิดว่าหนังสือพิมพ์ก็มีรูปเขาอยู่ด้วย แม้จะแค่กรอบเล็กๆในหน้าธุรกิจก็ตาม “สาเหตุมาจากความลับในท้องทะเลหรือเปล่า”

“คิดว่าจะใช่ครับ” เขาบอกแล้วเล่าให้คนเป็นย่าฟังเหมือนกับที่เล่าให้น้องชายฟัง สีหน้ามาดามไม่มีความกังวล นอกจากความห่วงใย และเตือนออกมาว่า

“จะรุกหรือรับ ก็คิดให้ดี เมื่อตัวเราถูกเปิดเผยออกมาแบบนี้ เท่ากับเราอยู่ในที่สว่าง ขณะที่พวกมันอยู่ในที่มืด และถ้าจะเริ่มหาตัวพวกมัน คนแรกก็คือนักข่าวคนนี้ ที่อยู่ของเขาคงอยู่ในมือถือธอร์แล้ว แต่อย่าบุ่มบ่ามเข้าไปเด็ดขาด เพราะอาจจะเป็นกับดัก เพราะย่าได้ข่าวมาว่า จรรยาบรรณไม่มี”

“ขอบคุณครับผมจะระวัง แต่สงสัยอยู่อย่าง ที่ไม่มีประวัติของผม ฝีมือมาดามหรือเปล่า”

“ย่าแค่ขอความร่วมมือ แต่ใช่ว่าจะปิดได้ทุกคน เพราะคนในเงามืดก็พร้อมจะขายให้คนที่จ่ายแพงอยู่แล้ว” ธอร์เข้าใจคำพูดของมาดาม เพราะบางครั้งเขาก็หาข่าวจากคนพวกนี้เหมือนกัน “แล้วรอยขีดข่วนจากท้องทะเลเป็นไงบ้าง”

เขารู้ได้ทันทีว่าคนเป็นย่าหมายถึงบาดแผลที่ไหล่ ยกมือแตะเบาๆ แล้วตอบท่านว่า “ดีแล้วครับ ยาหมอปลาเยี่ยมครับ”

“วันนี้จะอยู่กินขนมฝีมือย่าหรือเปล่า”

“ผมติดสาวครับ”

มาดามยิ้มกว้าง “ว่างๆก็พามาให้ย่ารู้จักบ้าง แล้ว...” ท่านหยิบบางสิ่งที่คิดว่าหลานชายเอามาให้ขึ้นมาดู ซึ่งก็คือพวงมาลัยที่ร้อยได้อย่างสวยงามแม้ดอกไม้จะเริ่มช้ำไปบ้างแล้วก็ตาม “เอามาจากไหน”

“ได้รับทดแทนบุญคุณมาครับ เห็นแล้วผมก็คิดถึงนายเหมืองเถื่อนของมาดามกับนายเหมืองฆีนทร์หลานรักสุดสวาทอีกคนของมาดามด้วยครับ”

“พ่อดอกรักจอมเถื่อนนั่นเหรอ ตอนนี้ยุ่งอยู่กับการดูแลลูกแฝด แต่ก็ไม่เคยลืมย่าและไม่ลืมที่จะเก็บดอกรักให้ดั่งดวงฤทัยเมียรักเหมือนเคย” น้ำเสียงที่พูดออกมาบอกความรักความเอ็นดูและยังแฝงความคิดถึง ทั้งๆที่ลูกหลานมาเยี่ยมบ่อยๆ บางทีก็มารับให้ไปอยู่ด้วย “ย่ารู้สึกคุ้นเคยกับพวงมาลัยที่ร้อยแบบนี้ เหมือนจะเคยเห็น”

“คุ้น เพราะคล้ายกับของนายเหมืองเถื่อนแห่งเหมืองร้างหรือเปล่าครับ”

“ไม่ใช่หรอก ฆินทร์เขาร้อยแบบง่ายๆ ใส่ความรักลงไปให้หทัยชนกใส่ข้อมือ แต่พวงมาลัยแบบนี้ร้อยเพื่อถวายพระหรือไปเคารพญาติผู้ใหญ่ และย่าเหมือนจะเคยได้รับด้วย แต่นานจนไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า”

“แล้วใครเป็นคนให้คุณย่าครับ”

“ธารธารา”
********
อาคารสามชั้นที่เปิดเป็นบริษัทท่องเที่ยวทางทะเล ด้านหน้ามีกระถางต้นไม้ให้ความร่มรื่น และรูปปั้นพญาสิงห์พ่นน้ำวางขนานประตูทางเข้า เปิดเข้าไปก็เจอรีเซฟชั่นสุดสวยและโซฟารองรับลูกค้า ชั้นสองเป็นชั้นของพนักงานในตำแหน่งต่างๆ ส่วนชั้นต่างเป็นที่อยู่ของฝ่ายบริหาร ซึ่งตอนนี้ผู้มีอำนาจสูงสุดมานั่งอยู่แล้ว

นายภษิตนั่งฮอร์มาจากเรือสำราญ ตั้งแต่ลูกน้องบอกว่าได้เจอมัน กำลังตามไป เขาก็เตรียมตัวกลับขึ้นฝั่งทันที แต่แทนที่จะได้รับข่าวดีกลับเป็นข่าวร้าย เมื่อกลับกลายเป็นการแหกตา เพราะไอ้คนที่ตามไปกระชากคอมานั้นเป็นเด็กหนุ่ม ที่รูปร่างละม้ายคล้ายมันเท่านั้น

เขาเจ็บใจเป็นที่สุดแทบจะสับลูกน้องที่ทำงานพลาดให้ออกเป็นชิ้นๆ เพราะนั่นหมายความว่าความตายเฉียดมาใกล้เขาเข้ามาอีก และเหมือนโชคจะเข้าข้าง เมื่อลูกน้องส่งรูปมันที่ว่อนอยู่ในอินเตอร์เน็ตให้ดู แม้จะไม่มีที่อยู่แต่เขาก็หาได้ไม่ยาก สะบัดเงินออกไปข่าวก็พร้อมจะมาหาเขา แต่เขาอยากได้ความชัวร์ไม่ใช่ความมั่ว จึงสั่งลูกน้องให้ไปเอาตัวคนที่ถ่ายรูปมันมา

คนที่ไม่รู้ชะตากรรมเดินออกมาจากอาคารที่พัก ลงบันไดไปที่ลานจอดรถคันเก่าของตัวเอง พร้อมกับคิดถึงภาพถ่ายทายาทตระกูลดังที่กำลังโด่งดังในโลกอินเตอร์เน็ตเพราะฝีมือเขา มีหลายคนอยากได้รูปที่เขายังไม่ลงและถามหาประวัติ เขาเกือบจะลงไปแล้ว แต่ต้องหยุดเพราะคำสั่งหัวหน้า แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าใครเสนอเงินงามๆเขาก็พร้อมที่จะยื่นหมูยื่นแมว โดยไม่กลัวคำขู่...เพราะคนอย่างเขาเก๋าพออยู่แล้ว

นักข่าวจอมเก๋าเดินผิวปากมาถึงรถ แต่ยังไม่ทันเปิดประตู ก็มีชายสองคนมาประชิดตัวแล้วจับเขากดกับตัวรถ “เฮ้ย อะไรวะ” เขาร้องออกมาพร้อมกับหันมองหน้า เห็นเสี้ยวหน้าที่เหี้ยม ก็รู้ว่าตัวเองเจอต่อเข้าแล้ว ไม่มีความกลัวแถมยังขู่ออกไปว่า “พวกมึงเป็นใคร กูเป็นนักข่าว ถ้าไม่อยากโดนสังคมประณาม ก็ปล่อย”

ไม่มีการรับฟัง มีแต่ปลายกระบอกปืนที่จ่อเอว และขู่กลับ “เงียบ ถ้าไม่อยากตายอยู่ท้ายรถ”

ใจนักข่าวจอมเก๋าร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเจอของจริง “พวกมึงต้องการอะไร”

“ตัวมึงไง”

พูดจบก็ลากคอจอมเก๋าไปที่รถกระบะสีดำสี่ประตูที่อยู่จอดอยู่ข้างกัน คนหนึ่งเปิดประตูอีกคนก็ดันตัวเข้าไปแล้วเข้าไปนั่งประกบ คนเปิดปิดประตูแล้วรีบเดินไปทำหน้าที่คนขับ ขับรถออกไป “จะพากูไปไหน”

“เดี๋ยวก็รู้ และขอเตือนว่ารู้อะไรก็อย่าเหยียบไว้ให้พูดออกมา ไม่งั้นจะถูกเหยียบอกแทน”

นักข่าวจอมเก๋าที่คิดจะโวยวาย หุบปากเก็บแรงไว้หาทางรอดและทางเดียวที่ทำได้คือโทรศัพท์มือถือ เขาแอบใช้มันเก็บหลักฐานทันที และคิดว่าพวกมันเป็นใคร หลอกถามไอ้คนที่จับตัวเขาว่าทำงานให้ใคร จะพาเขาไปไหน เขาหลอกถามให้มันพูด ก่อนจะเงียบเมื่อโดนขู่ และคิดว่าใช่คนของไอ้กัปตันนั่นหรือเปล่า

ไม่ใช่ เขาบอกตัวเอง เพราะไม่ได้ล้ำเส้นเกินขอบเขตของมัน แล้วคนพวกนี้เป็นใคร เอาตัวเขาไปเพื่ออะไร หรือว่า...ความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามา ว่าช่วงเวลานี้เขาไม่ได้แกว่งเท้าไปหาข่าวที่จะกลายเป็นเสี้ยนให้ตำเท้าที่ไหน นอกจากข่าวของ...ไอ้กัปตันธอร์
*********
บ้านธรธาร ในห้องนอนของนางเอกดัง เธอต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะสัญญาณโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเรียก แรกนั่นเธอจะไม่รับ แต่คิดได้ว่าลืมบางอย่างไป นั่นคือเพื่อนรักนที ที่เธอบอกว่าจะโทรไปหา เล่าเรื่องที่ได้เผชิญหน้ากับทุกคนให้ฟัง ก็รีบลุกขึ้นนั่ง ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงมากดรับสายทันที

“นที น้ำขอ...”

“ตื่นหรือยัง”

เสียงพูดที่สวนกลับมานั่นทำให้เธอนิ่งไป และรู้ว่าเป็นเสียงใคร ความอบอุ่นวิ่งเข้ามาสู่หัวใจทันทีที่คิดถึงคำพูดเขาก่อนจะจากไปเมื่อคืน ...เพราะหัวใจฉันบอกว่าใช่... เรียวปากอิ่มแย้มออกยิ้มแต่ไม่สุด เมื่อใจหนึ่งบอกว่าอย่าไปหลงคำหวานของคนที่ยังไม่รู้จักกันดีพอ จึงตอบกลับไปด้วยเสียงที่เฉยเมย “เกี่ยวอะไรกับคุณ”

“ไม่ถามว่าใครโทรมา แสดงว่าจำเสียงฉันได้แล้ว แต่นทีนั่นใคร”

“เรื่องของฉัน คุณมีธุระอะไรก็ว่ามา”

“เลิกใช่คำว่าธุระกับฉัน เมื่อเธอคือคนที่ใช่ ทุกเรื่องของเธอก็คือทุกเรื่องของฉันเหมือนกัน”

ธารธารานิ่ง แต่ใจเต้นแรง ไม่ตอบคำนี้แต่บอกเขาว่า “ขอโทษนะคะ เรื่องของคุณก็คือเรื่องของคุณ เรื่องของฉันก็คือเรื่องของฉัน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมาเหมือนกันได้ยังไง”

“แล้วสักวันจะทำให้เป็นอะไรกันและให้เหมือนกัน”

เธออยากจะถามกลับไปว่าทำยังไง แต่ไม่กล้า และรู้สึกว่าแก้มร้อนขึ้นด้วยความเขิน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเขินทำไม รีบข่มใจให้นิ่ง “ว่า...คุณโทรมาทำไม” เธอรีบเปลี่ยนคำถาม ก่อนจะพูดคำว่าธุระให้เขาพูดย้อนกลับมาอีก

“แผลเป็นไงบ้าง ปวดตัวมากหรือเปล่า”

“เหมือนเดิม ส่วนตัวฉันรู้สึกว่าปวดมากกว่าเมื่อวาน”

“กินยา แล้วพักผ่อนเยอะๆ สักพักก็จะดีขึ้น” เสียงพูดเขาก็ธรรมดา แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกอุ่นในหัวใจอีกแล้ว หรือเพราะเขาไม่ได้แสดงให้เห็นว่าชื่นชมหรือสนใจกับการเป็นนางเอกดังของเธอ

“คงไม่ได้ ฉันมีเรื่องที่ต้องทำ”

ปลายสายเงียบไป แล้วก่อนจะวางสายก็ย้ำมาอีกว่า “พักผ่อนเสีย”

ธารธาราอยากจะทำอย่างที่เขาบอก แต่เธอไม่อาจนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ แม้จะเจ็บตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอมันอันตรายมากกว่าสิ่งที่เป็นอยู่มากนัก วางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียงแล้วลุกจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็กินยาระงับอาการปวดตัว แล้วเปิดประตูออกมาจากห้องนอน

ร่างอรชรเดินลงบันไดมาชั้นล่าง ทุกก้าวนั่นคือการครุ่นคิด ว่าจะมีใครในบ้านรู้เห็นเกี่ยวกับการหายไปของเธอบ้าง ภายนอกเธอไม่มีศัตรูที่ไหน ไม่เคยไปขัดแข้งขา หรือมีปัญหากับคนใหญ่คนโต ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เมื่อคืนนี้เธอไม่บอกความจริงให้รู้ เพราะอยากจะรู้ว่าทุกคนในบ้านจะรู้สึกยังไง ที่จู่ๆเธอก็กลับมา ไม่มีใครน่าสงสัย แต่เธอสงสัยเพราะเธอไม่มีศัตรูที่ไหน นอกจากคนในบ้านที่มีปัญหากันมานาน

เธอเดินลงมาถึงชั้นล่าง กำลังจะเลี้ยวไปด้านหลังที่เป็นสวนมะลิ แต่เหมือนมีบางอย่างดึงดูดให้เดินไปหา นั่นคือภาพวาดของคนเป็นพ่อ ที่ติดอยู่บนผนังห้องโถง ใบหน้าคมเข้มบอกความเป็นชายชาตรี มีความหล่อเหล่า แต่แววตากลับมีความเศร้า นั่นคงเพราะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และตัวท่านอาจจะนำพาเหตุนั่นมาโดยไม่รู้ตัว เธอยืนสบตาท่านอยู่นาน ก็หรุบตามองรูปอีกสองใบที่วางอยู่บนโต๊ะ ภาพผู้หญิงหน้าตาสะสวยกับเด็กวัยสิบขวบ แม่กับเธอ และอีกภาพ แม่เลี้ยงกับน้องต่างแม่

“คุณน้ำตื่นนานหรือยังคะ”

ธารธารายิ้มให้เสียงที่รู้ดีกว่าเป็นใครแล้วหันหน้ามามอง สบตากับนางพุดก่อนจะบอกว่า “สักพักแล้วค่ะ แล้วคุณย่าอยู่ที่สวนมะลิหรือเปล่าคะ”

“ค่ะ คุณท่านก็ถามหาคุณน้ำอยู่ แล้วนี่คุณน้ำจะไปไหนคะ” นางถามเมื่อเห็นเธอมีกระเป๋าสะพายที่ไหล่

“น้ำจะไปธุระค่ะ ฝากเรียนคุณย่าด้วยนะคะ แต่ก่อนไปขอแวะไปตึกซ้ายก่อน”

นางพุดนิ่งไปอย่างแปลกใจว่าหญิงสาวจะไปทำไม เมื่อตึกซ้ายนั่นคือที่อยู่ของสองแม่ลูกที่สร้างความเจ็บปวดให้เธอ “ให้นมไปด้วยไหมคะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ น้ำไปคุยธุระเดี๋ยวเดียวก็จะออกไป”

“นมเห็นคุณมี่มารับคุณธาราไปแล้ว แต่คุณเลอ นมยังไม่เห็นอาจจะออกไปข้างนอกแล้ว”

“ยังหรอกค่ะ เขาจะไม่ออกไปไหนจนกว่าจะได้พบน้ำ หรือถ้าออกไป เขาก็ต้องกลับมา”

นางพุดแปลกใจขึ้นไปอีก และรู้สึกเหมือนว่าตั้งแต่หญิงสาวกลับมา ดูใจเย็นลงแต่เหมือนมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ “มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะคุณน้ำ” นางถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้ำแค่คิดว่าเขาอยากจะพูดเรื่องตัวตายตัวแทน เพราะเมื่อคืนยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจนเท่านั้นเอง” พูดจบเธอก็หมุนตัวจะเดินไป แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นคนเป็นแม่ เดินหนีบกระเป๋าใบเล็ก ตรงมาหา นางพุดหลบออกไป ให้สองแม่ลูกได้คุยกัน

“แม่จะไปไหนคะ” ธารธาราถามทันทีที่คนเป็นแม่เดินมายืนตรงหน้า

“ฉันเพิ่งกลับมาต่างหาก ไปสำราญให้หายเจ็บใจ ที่มีลูกโง่ๆอย่างแก” ว่าพลางตวัดสายตาไปหยันรูปสามีที่ติดอยู่บนผนัง “ปล่อยให้สองแม่ลูกนั้นชุบมือเปิบเอาทุกอย่างไป พวกมันคงหัวเราะเยาะความโง่ของแกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”

“ไม่มีใครเอาอะไรไปทั้งนั่นแหละค่ะ เพราะทุกอย่างที่ธาราทำ ก็เป็นในนามของน้ำทั้งนั้น”

“แล้วแกไปควบคุมได้ทุกอย่างเหรอ ก็ไม่ กลับมาแทนที่จะรีบไปทำงาน แล้วตรวจสอบทุกอย่าง กลับมาบ่นว่าเหนื่อยอยากพัก หึ ป่านนี้มันยักยอกอะไรไปบ้างแล้วก็ไม่รู้ แล้วยัยหมี่ซั่วที่แกไว้ใจก็เหมือนกัน แกไม่รู้หรือว่าตอนที่แกไม่อยู่มันดี้ด้าแค่ไหน พายัยธาราไปนอนที่คอนโดแกมาด้วย”

“หนูรู้แล้วค่ะ แล้วจะไม่มีใครไปยุ่งกับคอนโดน้ำได้อีก”

“ก็ดี แล้วรีบไปเป็นตัวจริง ก่อนจะเหลือแค่เงาให้สองแม่ลูกนั่นเหยียบ” ว่าแล้วก็หมุนตัวจะเดินไป แต่ชะงักนิ่งเมื่อธารธาราถามออกไปว่า

“แม่เคยห่วงน้ำบ้างไหมคะ”

นางนิ่งไปเล็กน้อย รับรู้ได้ถึงความเสียใจของลูก แต่เชิดหน้าขึ้นเหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วหันกลับมาบอกว่า “ห่วง แต่ห่วงว่าแกจะหาเงินให้ฉันใช่ไม่พอมากกว่า”

“น้ำต้องให้แม่เท่าไร แม่ถึงจะหายเจ็บ”

“ไม่มีวันจะหายจนกว่าฉันจะตายไปเท่านั้น เพราะมันคือแผลหัวใจ ไม่ใช่แผลร่างกายที่จะรักษากันง่ายๆ” เสียงนางยังเต็มไปด้วยความคับแค้น “แกแค่เจ็บที่คิดว่าฉันไม่รัก ไม่ได้เจ็บช้ำเจ็บซ้อนเหมือนฉัน ที่นอกจากพ่อแกจะไม่รักแล้ว ยังพาแม่ลูกคู่นั้นมาเหยียบบนหัวใจฉันอีก มันเทียบกันไม่ได้เลย”

“แล้วน้ำต้องเจ็บอีกเท่าไร ถึงจะเทียบกับที่แม่เจ็บได้ แม่เจ็บช้ำเจ็บซ้อนแต่น้ำเจ็บซ้อนซ่อนเข้าไปอีก เมื่อทั้งพ่อทั้งแม่ไม่รักแล้วยังถูกพวกเขาซ้ำเติม” เสียงเธอสั่นเครือก่อนจะกดคำว่าเจ็บไว้ “และแม่รู้ไหมว่าที่น้ำหายไป ไม่ใช่หลบไปพัก แต่เพราะน้ำถูกพาตัวไป ...ฆาตกรรม”
*********

บนถนนที่การจราจรคับคั่ง ไม่ว่าจะมองไปเส้นทางไหน ทั้งขาเข้าขาออกของเมืองหลวง เต็มไปด้วยรถยนต์มากมายหลายยี่ห้อหลากหลายรุ่นหลายแบบ ขับตามๆกันไป เช่นเดียวกับรถกระบะสีดำสี่ประตูขับตามรถคันอื่นๆ ก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวๆเข้าซอย โดยมีรถคันอื่นทั้งรถเก๋งรถมอเตอร์ไซด์ตามหลังมาด้วย แต่ไม่มีรถคันใดที่ทำให้คนขับรู้สึกผิดสังเกต ยังคงขับรถไปกระทั่งเลี้ยวผ่านประตูรั้วอาคารสีขาวเข้าไปจอดหลังที่ คนขับดับเครื่องยนต์แล้ว คนที่นั่งอยู่ข้างหลังก็เปิดประตูลากคอนักข่าวจอมเก๋าออกมา ซึ่งก็ฮึดฮัดขัดขืน ไม่ยอมที่จะเดินไปด้วยดีๆ

คนขับรีบเปิดประตูออกมาคุมตัวอีกข้าง ทั้งสองช่วยกันพาตัวนักข่าวขึ้นบันไดไปหาคนเป็นนายที่รออยู่ที่ชั้นสาม ขณะที่ถนนด้านหน้ารถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งที่ขับตามมาจอดเลยประตูรั้วไปเพียงนิด คนขับที่ซ่อนหน้าไว้ใต้หมวกกันน็อกหันมามองลอดประตูรั้วเข้าไปด้านใน แม้สายตาไม่อาจมองไปถึงด้านหลัง แต่รู้ว่าใครถูกนำตัวมาที่นี่ เพราะเฝ้าดูตั้งแต่เริ่มจนมาถึงที่นี่ และเรื่องนี้ต้องถึงหูเจ้านาย...กัปตันธอร์

ฉลามหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเทวดาของมัน รายงานทุกอย่างให้รับรู้ แล้วยิ้มที่ได้รับคำชมมา แต่ต้องทำหน้าแหยๆเมื่อได้คำสั่งใหม่ ให้คุ้มครองนักข่าว

ประตูห้องผู้บริหารบริษัทเรือสำราญ ถูกเคาะก่อนจะได้ยินเสียงคนที่อยู่ในห้องเอ่ยคำอนุญาตออกมาให้ได้ยิน ก็เปิดประตูออก แล้วผลักตัวคนที่ไปจับมาให้เข้าไป ก่อนจะเดินตามเข้ามา นักข่าวจอมเก๋าเซถลาไปยืนอยู่กลางห้อง สีหน้าไม่พอใจที่ถูกผลักเข้ามา ขยับจับเสื้อที่บิดเบี้ยวพร้อมกับมองไปทั่วห้อง แล้วหยุดนิ่งที่คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน

ภษิตจ้องหน้านักข่าวจอมเก๋าเขม็ง คิดว่าจะเป็นคนหนุ่มไฟแรง ถึงได้มีแรงแส่เรื่องชาวบ้าน กลับเป็นคนแก่ ไม่ซิ ต้องเรียกว่าขิงแก่แล้ว ถึงได้ไม่มีทีท่าจะกลัวกลับการถูกจับตัวมาที่นี่ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกมานั่งที่ขอบโต๊ะตรงหน้านักข่าว ยิ้มให้เหมือนยินดีต้อนรับ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเยาะหยันแล้วพูดออกมา

“เข้าเรื่องละนะ ไม่อ้อมค้อม ฉันอยากรู้เรื่องของไอ้นี่” พูดจบก็หันไปหยิบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะมายื่นให้ดู “รู้อะไรเกี่ยวกับมันก็บอกมา ไม่งั้นไม่ต้องออกไปจากที่นี่”

นักข่าวจอมเก๋าหรี่ตามอง แล้วก็ยิ้มในใจ เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราวจึงเกิดขึ้นมา “ค่าน้ำลายละ ถ้าสมน้ำสมเนื้อ ก็จะเปลืองให้ฟัง”

ภษิตหน้าตึงที่ถูกต่อรอง แต่เขาก็ต้องยอม เพื่อข่าวสำคัญ “สมกับงานที่ใช้น้ำหมึกทำงาน ต่อรองได้เก่ง แต่ขึ้นอยู่ว่าลิ้นกับน้ำลายแกจะประสานกันได้เก่งแค่ไหน”

“ขอเงินเข้าบัญชีนี้ก่อน แล้วทุกอย่างจะคายให้รู้”

“จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ยังจะต่อรองอีก”
“ใครบอก ผมอัดคลิปที่ลูกน้องคุณทำกับผม และชื่อบริษัทของคุณตอนที่เข้ามาเมื่อกี้ผมก็ถ่ายไว้ แล้วส่งไฟล์ไปให้บอกอผมแล้ว ถ้าตุกติกหรือคิดจะปิดปากกันละก็ เรื่องของคุณถึงได้ออกข่าวและเข้าไปถึงหูของทหาร คุณก็เตรียมตัวไปนอนนับซี่กรงขังได้เลย”

ภษิตตวัดสายตาแข็งกร้าวไปที่ลูกน้อง ซึ่งหลบตาด้วยความกลัวแล้วรีบเข้าไปค้นที่ตัวนักข่าว ดึงมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาให้เจ้านาย ซึ่งรีบเปิดดูคลิปที่มันพูดถึง พอเห็นก็อยากจะเล่นงานลูกน้องที่ทำงานพลาด แต่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะจัดการมัน ต้องรีบเร่งทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่ตัวเองจะถูกนายใหญ่เล่นงาน

“ต้องการเท่าไร”

นักข่าวจอมเก๋ายิ้มกริ่ม ไม่มีความกลัว เพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่กล้าเสี่ยงกับนักข่าว เพราะมันไม่คุ้มกับที่จะเสีย แล้วบอกตัวเลขก่อนจะบอกหมายเลขบัญชีให้อีกฝ่ายรู้ รอจนเงินเข้าบัญชีเรียบร้อยก็คายสิ่งที่รู้ให้ฟังทันที “เขาคือกัปตันธอร์หรือชื่อจริงว่าเมธิส แอ็คส์แน็ค ทายาทของมาดามโรส แค่นี้คุณก็น่าจะรู้แล้วว่าประวัติของตระกูลเป็นยังไง และที่เขาไม่เป็นข่าว น้อยคนที่จะได้เห็นหน้า เพราะเขาไปเป็นกัปตันเรืออยู่ในมหาสมุทร แต่ไม่รู้ไปเจออะไรเข้า ถึงได้มาเดินเล่นอยู่บนพื้นพสุธา” พูดจบก็ยิ้มเหมือนกับรู้ทันคนตรงหน้า แล้วบอกว่า “แต่ถ้าจะให้เดาก็น่าจะเกี่ยวกับคุณ เพราะไม่งั้นผมคงไม่ถูกคุมตัวมาที่นี่”

ภษิตตาวาวและก้าวออกมายืนตรงหน้า เสียงต่ำลึกข่มขู่ ไม่มีความสุภาพอีกแล้ว “อย่าแส่ว่ารู้อะไรต่ออะไรดีกว่านะคุณนักข่าว ไม่งั้นจะเป็นข่าวเสียเอง”

“คุณไม่กล้าหรอก”

“คิดว่าไอ้คลิปแค่นี้จะหยุดความตายไว้ได้เหรอ เป็นนักข่าวรุ่นเก๋า แต่ความเก๋ามันไม่สอนเหรอว่า บางเรื่องควรพูดไม่ควรไปเพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บ และบอกอของคุณก็คงไม่เอาเนื้อมาปะเหล็กให้เจ็บตัว เพราะยังมีลูกเมียญาติพี่น้องให้ต้องดูแล”

นักข่าวจอมเก๋าลดความกร่างลงแล้วรีบหาทางออกให้ตัวเอง เพราะยิ่งอยู่หรือพูดก็ยิ่งอันตราย “หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ผมจะได้กลับ”

“มันไม่ง่ายอย่างนั่นหรอก แกต้องลบทุกอย่างให้หมดเสียก่อน ไม่งั้นก็ไม่ต้องออกไป”

พูดจบก็ยื่นมือถือให้ นักข่าวจอมเก๋ามองเหมือนไม่อยากจะทำ แต่จำใจต้องทำ แล้วส่งข้อความถึงบอกอให้ทำทุกอย่างเป็นความว่างเปล่า “เรียบร้อยแล้วปล่อยผมได้หรือยัง”

“ยัง”

สิ้นเสียงของนายภษิต ลูกน้องสองคนก็รู้ใจเจ้านาย ปรี่เข้ามาประกอบตัวนักข่าวจอมเก๋า ซึ่งก็ร้องพร้อมดิ้นให้หลุด “เฮ้ย อะไรวะ จะพลิกลิ้นกันเหรอ”

“ใช่ นักข่าวอย่างแกก็รู้อยู่แล้วนี่ว่ามันไม่เคยมีสัจจะในหมู่โจร รอให้ทุกอย่างมันชัวร์ว่าฉันไม่เสียเงินฟรีเสียก่อน แกจะได้ออกไป”

ใจนักข่าวจอมเก๋าร่วงไปอยู่ตาตุ่ม ไม่ต้องถามหาความหมายก็พอจะรู้ว่ามันไม่ปล่อยเขาให้เป็นหอกข้างแคร่ คอยระแวงว่าจะวกกลับมาทิ่มแทงเมื่อไร เขาจ้องหน้ามันอย่างโกรธแค้นที่เสียเหลี่ยมและไม่รู้ว่าชีวิตจะจบลงตรงไหน นายภษิตยิ้มเย้ย แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องที่รู้อยู่แล้วว่า เอาตัวมันไปใส่ไว้ในเรือ ที่พร้อมจะออกสู่ทะเลกว้าง กว้างจนใครหาตัวมันไม่พบ จากนั้นก็มองรูปไอ้กัปตันที่ทำให้คอเขาไปอยู่บนเขียง

ความเก่งกาจของตระกูลนี้นำความหนักใจมาให้เขา แต่เพื่อแลกกับการความตายที่รออยู่ตรงหน้า เขาก็พร้อมจะเสี่ยงเพื่อจะรอดหรือไม่ก็...ตาย จากนั้นก็โทรไปสั่งลูกน้องให้หาตัวมันให้เจอ แล้วหาทางจัดการ
**********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2560, 10:23:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2560, 11:45:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1152





<< ตอน 10   ตอน 12 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account