เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
Tags: โรมานซ์
ตอน: ตอน 12
กำลังงงอยู่ว่าทำไมตอนที่ 11 ไม่ขึ้น
เดี๋ยวจะลองพยายามอัพใหม่ค่ะ
ตอน 12
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นหน้าห้องนอนของสะใภ้คนรองของตระกูลธรธารา ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงระเบียงห้องนอน สายตาเหม่อมองยอดไม้ที่ถูกสายลมโลมลูบ ให้พลิ้วไหวเอนไปมา เปรียบอุปมาว่าช่างมีความสุข จนนางอยากจะเป็นอย่างนั้น แต่กิเลสในใจที่มีมากมาย จึงไม่อาจทำได้ ต้องทุกข์ตรมเพื่อหาหนทางที่จะทำให้กิเลสนั้นเป็นจริงขึ้นมา
นางละสายตาจากยอดไม้หันไปมองประตูห้องที่ถูกเคาะ แล้วลุกขึ้นเดินมาเปิดประตู มองหน้าสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า “มีอะไร”
“คุณน้ำมาพบค่ะ รออยู่ในห้องรับแขกค่ะ”
“ไปบอกให้รอ เดี๋ยวฉันลงไป” พูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าสาวใช้ สองมือกำเข้าหากันแน่น เมื่อคิดว่ามันคงมาพูดเรื่องตัวตายตัวแทน แล้วยิ้มมีเลศนัยออกมา ไม่รีบร้อนที่จะลงไปหา เดินเอื่อยๆเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวโดยไม่สนใจว่าเวลาจะเดินไปนานแค่ไหน
ส่วนคนที่มารอ ก็ไม่ร้อนใจเช่นกัน หลังจากสาวใช้เข้ามาบอก ก็เดินดูเครื่องลายครามที่วางโชว์อยู่ในตู้ ดูสวยงามและมีราคาสมกับความเก่าแก่ เธอเดินดูๆไปเรื่อยๆ แล้วหยุดอยู่ที่ภาพวาดที่ติดอยู่บนผนัง
นกสองตัวที่เกาะติดอยู่บนผนัง สีสันที่ลงไว้ ความหนักเบาของแสงเงา ลายเส้น ทุกส่วนประกอบช่างสวยงาม และเหมือนกันเหลือเกิน ตัวหนึ่งนั้นเกาะอยู่ที่กรงสีทองที่มั่นคงแข็งแรง อีกตัวเกาะอยู่ที่ขอนไม้ สีของเปลือกไม้นั่นบอกให้รู้ว่ามันผุพร้อมจะหักได้ทุกเวลา แต่แววตาของนกที่เกาะอยู่ที่ขอนไม้ เธอรู้สึกว่ามันไม่สะทกสะท้านหรือหวั่นกลัวใดๆเลย ช่างสะท้อนออกมาได้เหมือนชีวิตเธอเหลือเกิน แม้ภายในใจจะเป็นยังไง แต่เธอก็ยังยืนหยัดอยู่ได้จนวันนี้
“ชอบเหรอจ๊ะ”
เสียงถามดังขึ้นข้างหลัง ธารธาราจำได้ทันทีว่าเป็นแม่เลี้ยง เธอหันไปมอง เก็บทุกสิ่งอย่างไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ลดมือลงแล้วก็ตอบออกไป “ค่ะ ของเก่านี้ค่ะ ยิ่งนานก็ยิ่งสวย”
“นั่นซินะ เพราะเคยอยู่ที่ตึกใหญ่มาก่อน พอคุณพ่อนำมาติดที่ตึกซ้าย ธาราดีใจใหญ่ ห่วงไม่ให้ใครเอาไปไหนอีกเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะไม่ว่ามันจะติดอยู่ที่ส่วนใดของบ้าน มันก็เป็นสมบัติของน้ำอยู่ดี”
นางเลอรัศมียิ้มให้เหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ในใจนั่นสุดจะคับแค้นเพราะคำพูดเมื่อกี้คือการประกาศให้นางรู้ว่า นางไม่มีสิทธิอะไรในบ้านหลังนี้เลย ส่วนรูปนี้ก็เคยเป็นของรักของหวงของอีกฝ่ายมาก่อน แต่เมื่อลูกนางอยากได้ คนเป็นพ่อที่รักลูกนางมากกว่า ก็ไปปลดมาแขวนให้ โดยไม่สนใจน้ำตาของลูกอีกคน คิดถึงตอนนั้นนางก็สะใจ แต่ตอนนี้ได้แต่เจ็บใจ ที่เขาทิ้งไปกลางทาง ทำให้นางกับลูกต้องลำบาก
“นั่งซิจ๊ะ” นางเชิญให้เห็นว่ายินดีต้อนรับ ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร แล้วเดินมานั่งที่โซฟา พออีกฝ่ายเดินตามมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆเรียบร้อย ก็ถามออกมา “มาหาน้ามีอะไร ใช่เรื่องตัวตายตัวแทนหรือเปล่า”
“ค่ะ น้ำอยากถามอะไรนิดหน่อย”
“ว่ามาเลยจ๊ะ”
ธารธาราสบตาที่มองอย่างไม่กะพริบ เพื่อจะดูว่าจะมีร่องรอยอะไรให้เห็นหรือไม่ “ถ้าน้ำไม่กลับมา คุณน้าจะทำยังไงกับเรื่องตัวตายตัวแทนคะ”
“ไม่รู้จ๊ะ อย่างที่บอกไปเมื่อคืนว่าน้ายังไม่ได้คิดอะไรเลย แค่แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเพื่อให้เราทุกคนอยู่รอด และรอการกลับมาของน้ำเท่านั้น ว่าแต่น้ำถามแบบนี้ สงสัยอะไรหรือไม่ไว้ใจน้าจ๊ะ” คำพูดของนางยังไพเราะ สีหน้าแววตาไม่มีอะไรให้ธารธาราจับพิรุธได้เลย จึงต้องพูดเหมือนเอาความในใจมาตีแผ่ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัวเช่นกัน
“น้ำไม่เคยไว้ใจคุณน้าอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุไม่ต้องย้ำ เราก็ต่างก็รู้กันอยู่ และที่สงสัยหนักมากก็คือทำไมวันที่น้ำไม่อยู่ มันประจวบกับวันที่ธารากลับมาพอดี”
นางเลอรัศมีหน้าตึงขึ้นมา น้ำเสียงก็ตึงไม่แพ้หน้า “ธาราแจ้งการกลับมาเป็นเดือนแล้ว ทุกคนที่นี่ก็รู้ แต่น้ำไม่รู้เพราะอยู่แต่ที่คอนโด นานๆจะกลับมาที่ธรธารา และที่พูดมาเหมือนกล่าวหาว่าน้าคิดไม่ดีกลับน้ำเหรอ”
“น้ำไม่ทราบค่ะ แต่คุณน้าน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี และไม่ว่าคุณน้าทำอะไรไว้ ถ้าน้ำมีหลักฐานเมื่อไร น้ำจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอตัวค่ะ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน ไม่ยกมือขึ้นไหว้เหมือนตอนเข้ามา เพราะสิ่งที่พูดไปเป็นการเปิดศึกท้ารบกับอีกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอะไรกันอีกแล้ว
นางเลอรัศมี กำมือมือเข้าหากันแน่น สายตาที่มองตามลูกเลี้ยงไปถ้าเปรียบเป็นมีด ก็แทงทะลุเข้าหัวใจไปแล้ว นางลุกจากเก้าอี้เดินขึ้นไปชั้นบนเข้าไปในห้องนอน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรหาคนที่เป็นที่พึ่งของนาง พลางเดินออกไปยืนที่ระเบียง ดูลูกเลี้ยงที่เพิ่งเดินออกไปจากตึก
“คุณอยู่ไหนคะ”
“ที่ทำงานครับ” คนที่นางเลอรัศมีโทรมาหาก็คือนายประชา เขาตอบเธอไปแล้วก็วางปากกาไว้บนแฟ้มเอกสาร “ฟังน้ำเสียงคุณ ไม่ดีเลยมีอะไรหรือครับ หรือว่าเมื่อคืนนี้...”
“ค่ะ มันกลับมาแล้วอย่างที่คนของคุณบอก เลอเจอมันแล้ว แล้วมันกำลังทำให้เลอร้อนใจแทบจะบ้า” เสียงของกร้าวเพราะสุดจะแค้น
“ใจเย็นๆ” เขาปลอบพลางเดินไปยืนที่กระจก มองต่ำลงไปที่แม่สายใหญ่สายหลักของประเทศ บ้านเรือนสิ่งก่อสร้างต่างๆที่ใหญ่โต แม้แต่เรือก็เล็กนิดเดียว เมื่อมองจากที่สูง
“เลอเย็นไม่อยู่ ยืนอยู่แทบจะไม่ไหวแล้ว” เสียงนางเค้นด้วยความคับแค้น “คุณรู้ไหมว่าเลอนอนไม่หลับทั้งคืน คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้มันหายไปชั่วนิรันดร์ และทำไมโชคชะตามันชอบเล่นตลกกับเลอนัก ไม่เคยเข้าข้างเลอเลย ทำให้มันหายตัวไป แล้วก็พามันกลับมาในขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี มันเหมือนสายรุ้งที่สวยงามแล้วจู่ๆก็มีเมฆสีดำมาบดบังให้มองไม่เห็น เลอเกลียดมันนัก” เสียงนางกร้าวราวกับจะทำลายให้สิ้นซาก “คุณยังจำที่เลอขอให้คุณทำครั้งก่อนที่มันหายตัวไปได้ไหม”
“ได้ ตอนนั้นคุณบอกผมว่า ถ้าเจอตัวเธอ ให้คนของผมทำยังไงก็ได้ อย่าให้เธอกลับมา”
“คราวนี้มันกลับมาแล้ว คุณจะทำให้สำเร็จจริงๆจังๆได้หรือเปล่า”
“เพื่อความสบายใจของคุณ ผมทำให้ได้ทุกอย่าง”
“ขอบคุณค่ะ แต่ความสบายใจจะไม่มีวันมี ถ้าเลอไม่ได้เห็นมันหายไปจากชีวิตเลอ แต่...” ว่าแล้วนางก็นิ่งไปเพราะเห็นรถยนต์แล่นเข้ามาในธรธารา จอดข้างตัวลูกเลี้ยง แล้วคนที่เปิดประตูออกมาจากรถนั้น ทำให้นางต้องจับตามอง นางเงียบไปจนอีกฝ่ายถามกลับมา ถึงได้พูดต่อ “มันไม่ได้ตัวคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
“หมายความว่าไง”
“เลอไม่แน่ใจค่ะ แต่เมื่อคืนมันกลับมาพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง” ว่าแล้วนางก็เล่าให้ฟัง จบแล้วก็พูดต่อว่า “เลอไม่เชื่อว่าแค่คนธรรมดาที่มารู้จักกันเพราะอุบัติเหตุ เมื่อท่าทางเขาดูดี ต้องมีของแน่นอน” ของที่ว่าคืออำนาจที่นางรู้สึกได้ เมื่อวานเขาขับเจ้าสองล้อที่ราคาแพงเอาการ มาวันนี้ขันรถยนต์ยี่ห้อแสนแพงในท้องตลาดบอกให้รู้ถึงฐานะที่ไม่ธรรมดา
“ใคร”
“เลอไม่รู้ค่ะ แต่เป็นห่วงคุณ ไม่อยากให้เสี่ยงมากไป แค่จัดการยัยน้ำให้สมกับที่ทำให้เลอเจ็บใจก็พอใจแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา”
“ขอบคุณที่ห่วง ผมจะทำให้ดีที่สุดสำหรับคุณ”
“ขอบคุณค่ะ” นางพูดกับเขาอีกนิดหน่อย ก็วางสาย สบายใจขึ้น แล้วยิ้มเหมือนจะส่งไปให้ถึงคนที่แสนดีที่รักนางมาก โดยไม่รู้ว่าความรักที่นางได้นั่นเป็นรักแบบไหน ถ้านางมีความสามารถพิเศษที่จะอ่านใจคนได้ ก็จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันคือรักที่...หลอกหลวง เพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่รักด้วยใจจริง
นายประชามองโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในมือ ยิ้มเย็นๆที่มุมปาก เขาไม่จำเป็นที่จะเก็บอารมณ์ ท่าทาง หรือทำตัวเป็นพ่อพระเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้านางอีกแล้ว เมื่อบางอย่างที่เขาทำไว้เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แล้วโทรไปหาใครบางคน ที่ให้ผลประโยชน์กับเขา
********
ธารธารามองร่างสูงที่ยืนกอดอก พิงรถ อยู่ตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหาเธอ เมื่อคำพูดเขาก่อนหน้านี้บอกให้เธอพักผ่อน เธอดีใจที่เห็นเขา หลังจากเดินออกมาจากตึกของแม่เลี้ยง ความเข้มแข็งที่สร้างขึ้นเพื่อไปฟาดฟันกับอีกฝ่าย เปลี่ยนเป็นความอ่อนแอแล้วกลับมาเข้มแข็งเมื่อเขามายืนอยู่ข้างๆแบบนี้ แต่ต้องเก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ เขาจึงได้เห็นแค่ความเฉยเมยเท่านั้น
“ฉันมารับไปล้างแผลและเช็กร่างกายอีกครั้ง”
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว และแผลแค่นี้ฉันจัดการเองได้”
ธอร์สบตาเธอนิ่งๆ แล้วยกมือขึ้นแตะหน้าผากเธอ ใจของธารธาราใจแรงขึ้นมา ขณะที่เขาก็รู้สึกได้ถึงความร้อน แล้วจับเรียวแขนดูแผลที่ข้อศอก ก็บอกว่า “ฉันจัดการเองดีกว่า” บอกแล้วก็เดินไปเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง เพื่อจะได้พาไปโรงพยาบาล แต่ธารธารากลับไม่ขยับ สายตาบอกความดื้อว่าจะไม่ไป เสียงที่เอาจริงไม่ใช่แค่ขู่ก็ดังขึ้นมา
“ถ้าไม่เดินฉันจะอุ้ม ถ้าไม่เข้าไปนั่งดีๆ ฉันจะยัดเข้าไป”
“ฉันไม่ใช่ลูกน้องบนเรือของคุณนะ ที่จะมาใช้วิธีป่าเถื่อนแบบนี้”
“สายเลือดฉันมันเถื่อน และฉันก็บอกเธอไปแล้วว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้ หรือต้องให้ย้ำว่าเธอคือคนที่ใช่”
“ฉันไม่ประทับใจ”
“ต้องประทับรอยหรือไง ถึงจะประทับใจ”
ถามแล้วก็ก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกแทบจะจรดแก้มเธอ ซึ่งก็ระเรื่อขึ้นมา จนต้องรีบเดินหนีไปขึ้นรถก่อนที่เขาจะเห็นแล้วได้รู้ว่าเธออาย จึงไม่เห็นยิ้มที่มุมปากของเขา ธอร์หมุนตัวเดินไปขึ้นรถ และก่อนที่จะขับรถออกไป ก็ชะโงกหน้ามาบอกเธอว่า “ฉันเห็น น่าจูบ”
แก้มของธารธาราแดงขึ้นมาทันตา ขณะสายตาขึงโกรธกลบเกลื่อนความอาย แล้วนั่งหน้าเชิด หันมองข้างทาง ธอร์ยิ้ม ขับรถไปด้วยความสุข ที่เขาไปสำรวจหัวใจตัวเองมาแล้วว่าพอใจ แต่ไม่รู้จะสุขใจได้แค่ไหน เมื่อความสัมพันธ์แรกเริ่มของเขากับเธอนั้นไม่ค่อยสวยงามนัก และจะให้เขาทำตัวแบบหวานๆเขาก็ทำไม่ค่อยได้ สายเลือดเขานั่นออกจะเถื่อนๆเหมือนที่เขาบอกเธอไปว่าเมื่อใช่แล้ว ก็พร้อมจะรัก ปกป้องดูแล ทำทุกอย่างให้ได้...สมรัก
ระหว่างทางแทบจะไม่มีเสียงคุย กระทั่งความเขินอายคลายลงไป ธารธาราก็ปรายตามามองเขาบ่อยๆ เพราะกำลังชั่งใจว่าจะบอกเรื่องของเธอให้เขารู้ดีหรือไม่ แต่กลับถูกเขาถามออกมาเหมือนจะอ่านใจเธอออก โดยไม่ต้องหันมามองหน้าว่า
“สงสัยอะไร”
“ฉันควรจะถามคุณมากกว่า เพราะเชื่อว่า เรื่องที่ฉันขอให้คุณมาหาเมื่อคืน คุณต้องคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องที่ต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันเจ็บตัว มันมีเรื่องอื่นมากกว่านั้น ‘การฆาตกรรม’ และที่คุณมาเพราะคุณก็อยากจะรู้เหมือนกัน”
“ฉลาด” เขาชมออกมา แล้วถามตรงจุด “สงสัยใครอยู่บ้าง”
“ฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหน การเป็นนางเอกดัง ฉันไม่เคยมีปัญหากับใคร อาจจะขุ่นมัว เหวี่ยงหรือวีนไปบางตามอารมณ์ แต่คนปรกติทั่วไปที่อยากจะมายุ่งกับฉัน อย่างมากก็อยากใกล้ชิดฉัน หรือถ้าโรคจิตก็แค่อยากจะเอาตัวฉันไปอยู่ด้วย แต่ไม่ใช่จะฆ่ากันแบบนี้ มีแต่คนใกล้ตัวฉันเท่านั้นที่น่าสงสัย”
“ใคร”
“แม่เลี้ยงกับลูกของนาง ที่ฉันรู้มาว่าวันที่ฉันหายตัวไป เป็นวันเดียวกับที่น้องต่างแม่ฉันกลับมาจากเมืองนอก และเธอก็ไปเป็นตัวตายตัวแทนของฉัน โลดแล่นเล่นอยู่ในวงการมายา”
ธอร์คิดถึงผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาเหมือนกับเธอ ต่างกันตรงที่ผมสั้นกับยาวเท่านั้น ถ้าเขาไม่ตัดผมให้เธอ ก็ไม่แน่ใจว่าจะจำได้หรือเปล่าว่าคนไหนคือเธอ คนไหนคือน้องของเธอ จากนั้นก็ฟังเธอเล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ เพื่อให้เขาเก็บเป็นข้อมูล รักสามเส้าของพ่อแม่ แต่กระทบใจลูกอย่างเธอ เพราะน้ำเสียงนั้นมีความเศร้ารวมอยู่ด้วย
“ก่อนที่คุณจะมา ฉันไปเปิดศึกกับแม่เลี้ยงมาแล้ว เพราะไม่ชอบการลอบกัด ไม่ชอบคนหน้าไหว้หลังหลอก หน้าเนื้อใจเสือ ต่อหน้าก็แสนดี แต่ลับหลังชิงชังและทำร้ายกัน ไม่ว่าด้วยการกระทำหรือคำพูด”
“เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือเปล่า” เขาให้ความเห็นออกมา
“ถ้าเป็นงูก็ดี เพราะเราจะได้เห็น ได้จัดการตีหรือไม่ก็จับตัวมันไว้ ไม่ให้ทำร้ายเราได้อีก”
“แล้วถ้างูที่เจอไม่ใช่งูที่กัด หรือไม่ได้มีตัวเดียว แต่มีหลายตัวละ”
ธารธารานิ่งไป เมื่อลืมคิด จริงๆแล้วไม่เชิงว่าจะลืม แต่เธอไม่เคยเห็นว่าแม่เลี้ยงมีใครเป็นมือเป็นเท้าให้ต่างหาก แล้วผู้ชายสองคนที่จับตัวเธอไปละ ถ้าไม่ใช่มือเท้าของนาง แล้วเป็นของใคร...ใครที่ร่วมมือกับนาง หรือใครที่เป็นเงาร้ายทำลายเธออยู่ในเงามืด
“จำหน้าคนที่ทำร้ายได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ”
“กลัวเหรอ” เขาถามเมื่อเสียงเธอมีความหวั่นๆอยู่
“ฉันรอดความตายมา คำว่ากลัวก็ไม่มีความหมายแล้ว แต่อยากรู้มากกว่าว่าใครที่ต้องการฆ่าฉัน และทำไปเพื่ออะไร”
ธอร์ปรายตามองหน้าเธอแวบเดียว ก็มองถนนที่บังคับให้รถวิ่งไป “คนเราจะทำร้ายกัน มีเหตุหรือปัจจัยไม่กี่อย่างหรอก อำนาจ เงินทอง ผลประโยชน์ สามสิ่งนี้อันตรายไม่เข้าใครออกใคร ความอิจฉาริษยา โกรธแค้นก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้คนทำร้ายคนกันได้ แต่ทำไมถึงเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง ไว้ใจฉัน ฉันช่วยเธอ หรือคิดว่าฉันจะแสนดี”
“ฉันไว้ใจ คุณช่วยฉัน แต่ไม่ได้แสนดี เพราะคุณใจร้าย เห็นฉันเป็นคนไร้ค่าที่ไม่จำเป็น แต่ทุกอย่างที่คุณทำ ทำให้ฉันรู้สึกว่าความอ่อนแอมันเหมือนมีดที่จะทิ่มแทงให้ฉันเจ็บปวดและตายไปจริง มีแต่ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะทำให้ฉันยืนอยู่ และเอาคืนคนที่ทำร้ายฉันให้ถึงที่สุด”
“ถ้ารู้สึกขนาดนี้ งั้นก็คบกันไหม”
ธารธาราอึ้ง ไม่คิดว่าคนที่รู้จักกันไม่นาน ชั่งน้ำหน้ากันอยู่ด้วยซ้ำ จะพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ไม่มีคำเกริ่นนำให้หวานๆ สมกับที่เป็นกัปตันเรือที่มีลูกน้องกร่างๆอย่างนายฉลามนั่นจริงๆ
“จะมัดมือชกกันเหรอ”
“ยอมหรือเปล่าละ”
ธารธารานิ่งคิด เธอรู้สึกดีกับเขานั่นคือใช่ และอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ แต่ความรักของพ่อแม่ที่สร้างปมความเจ็บปวดไว้ให้และยังเจ็บช้ำอยู่ทุกวันนี้ กับคนที่เธอเคยให้ความรู้สึกดี แล้วทำลายมันด้วยการทิ้งเธอไว้กลางทาง จากไปเมืองนอก พร้อมผู้หญิงคนอื่นเมื่อสามปีก่อน ทำให้เธอกลัว ว่าท้ายที่สุดของความรักจะไม่เป็นดั่งละครที่เธอสวมบทบาท ตอนจบนางเอกมีความสุขกับพระเอก เข้าใจกัน รักกันตราบชั่วนิรันดร์
ธอร์ที่รอฟังคำตอบและคอยปรายตามอง เห็นสีหน้าเธอก็พอจะเดาได้ ว่าเธอกลัว เพราะเธอพึ่งเล่าเรื่องในครอบครัวให้ฟัง จึงยื่นมือไปจับมือเธอไว้ กระชับราวกับจะบอกให้เชื่อใจเขาเหมือนอย่างที่เธอไว้ใจมาแล้ว ธารธาราหรุบตามองมือตัวเองที่เขาจับไว้ ใจหนึ่งบอกให้ดึงมือออก แต่อีกใจก็บอกว่า...อย่า ให้จับมือเขาไว้ เพราะถ้าเธอปล่อย เธอก็ไม่มีวันจะก้าวผ่านความกลัว ที่สำคัญเธอจะเจอคนที่ทำให้กล้าเผชิญกับทุกอย่าง และมีความอบอุ่นไปทั้งใจแบบนี้ได้อีกหรือเปล่า
*******
บนเรือนไทยหลังใหญ่สถานที่ถ่ายทำละคร วันนี้นางเอกตัวปลอมกำลังเข้าฉากสำคัญ คือการได้รู้ว่าศัตรูหัวใจกลับมา ทำให้ความรักของเธอที่กำลังหวานชื่นกับคนที่รัก ต้องมีปัญหาอีกครั้ง เธอสุดแค้นแสนชัง สีหน้าแววตาแสดงความรู้สึกที่น่ากลัวออกมา สาวใช้ที่นำข่าวมาบอกนั่งพินอบพิเทาอยู่ข้างๆ สาธยายออกมาอย่างมีรสชาติ
“มันเดินลอยหน้าลอยตาเข้าไปอยู่ที่เรือนริมน้ำ หน้ามันมั่นจนน่า น่า...” สาวใช้ไม่อยากพูดคำนั้นออก เพราะเกรงจะมีใครมาได้ยินแล้วเอาไปฟ้องนายผู้ชาย แต่ก็ยกมือขึ้นมาเกา พร้อมกับพูดออกมาว่า “หือ คันมือเลยค่ะคุณอร”
“พี่นพอยู่กับมันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ พรเห็นนะคะว่าคุณนพนะ ยิ้มไม่หุบ เดินตามติดจนแทบจะอุ้มมันเข้าเรือนอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าไม่มีใคร ก็พูดเสียงเบาลงมาแต่สีหน้ายั่วยุเจ้านายว่า “ไปตบมันเลยไหมคะคุณอร”
คุณอรกำมือ ขบฟันข่มอารมณ์ให้เยือกเย็น แล้วบอกว่า “ยังหรอก พี่นพอยู่กับมันไปทำอะไรก็รังแต่จะเข้าตัวเปล่าๆ แกไปแอบดูมันไว้ พี่นพออกไปข้างนอกเมื่อไร ก็มาบอกฉัน”
“คุณอรจะไปตบมันใช่ไหมคะ”
“อย่าสาระแน ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” สาวใช้หน้าเสียไปเล็กน้อย รีบรับคำแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที ขณะที่คุณอรยังยืนอยู่ที่เดิม แต่ความคั่งแค้นที่แสดงออกมาทางสีหน้ากับแววตานั่นถ้าใครได้มาเห็นคงอกสั่นขวัญหายไปแน่ๆ
“คัท”
สิ้นเสียงผู้กำกับ นางเอกตัวปลอมก็ต้องเป่าปาก ถอนหายใจออกมายาวๆ ผ่อนคลายสลัดสะบัดตัวละครออกไป กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ยิ้มแย้มให้ทุกคน แล้วเดินไปดูจอมอนิเตอร์ เช็กการแสดงของตัวเองว่าดีมากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่าผู้กำกับชมเธอไม่ขาดปาก แล้วบอกให้ไปพักก่อนที่จะเข้าฉากต่อไป ซึ่งเหลืออีกแค่ฉากเดียวก็เสร็จ เธอจึงเดินออกไปจากฉาก
มีลักขณาผู้จัดการสาวที่นั่งคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ระหว่างรอก็เช็กงาน เช็กคิว เช็กข่าวให้เธอ เจอบางข่าวที่ทำให้นั่งไม่ติด รีบลุกขึ้นไปหานางเอกตัวปลอม แต่ไม่เห็น ก็ออกเดินหาไปทั่วเรือนก็ไม่พบ จึงเดินลงบันไดมาหาต่อข้างล่าง
คนที่ผู้จัดการสาวตามหา มายืนอยู่ใต้ร่มไม้ข้างเรือน กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน สีหน้าตึงๆกับน้ำเสียงเครียดๆบอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญและกำลังไม่พอใจ “ไม่อยากรอแล้วนะคะ แล้วจะทำให้ได้เมื่อไรคะ แบบนี้อีกแล้ว ถามกี่ทีคำตอบก็เหมือนเดิม เบื่อมากเลยค่ะ” ยิ่งพูดสีหน้าเธอก็ยิ่งเครียด ก่อนจะผ่อนคลายคล้ายจะดีใจ “เจอแล้ว จริงเหรอคะ น่ารักจังค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ แค่นี้ก่อนนะคะ”
เธอตัดบททันทีที่หางตาเห็นผู้จัดการสาว เดินมาหา ไม่แน่ใจว่าได้ยินเรื่องที่เธอพูดไปหรือไม่ รีบถามเพื่อกันไม่ให้มายุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวเธอ “พี่มี่มีอะไรเหรอคะ”
“เรื่องร้อนนะซิ” บอกแล้วก็หยุด เพราะสงสัยกับคำพูดแว่วๆที่ได้ยินได้คนตรงหน้าคุยโทรศัพท์มากกว่า “แล้วเมื่อกี้คุณน้องคุยกับใครคะ”
ธาราธารต้องกัดฟันข่มใจ ยิ้มให้ทั้งที่แววตาฉายความขุ่นเคือง แต่ต้องตอบเพื่อรักษาอีกฝ่ายไว้ให้นำพาไปสู่ความสำเร็จ “คุณแม่”
“เรื่องของน้องน้ำใช่ไหม”
“ทำไมคิดว่าเป็นเรื่องของยัยน้ำ”
“อ้าว...” มีลักขณาร้องแบบไม่น่าจะถาม ก็รู้กันอยู่ว่า เมื่อตัวจริงกลับมาตัวปลอมก็ต้องจากไป เธอจึงอยากปั้นตัวปลอมให้เด่นให้ดังขึ้นมาคู่กัน จะได้เรียกงานเรียกเงินเรียกผลประโยชน์อีกมากมายมหาศาล ก่อนหน้านี้เธอก็หยั่งเชิงไว้บ้างแล้ว แต่หยุดไว้ เพราะยังไม่ใช่เวลาที่ควรพูด แต่กิเลสที่เต้นริกๆอยู่ในใจ จึงคิดว่าลองหยั่งเชิงออกไปอีกครั้งก็ดี “ก็น้องน้ำกลับมาแล้ว พี่ก็คิดว่าคุณน้องจะต้องรีบทำอะไร อะไรบ้างนะซิคะ”
“อะไร อะไร นี่คืออะไรคะ”
“ก็เช่น ถ้าคุณน้องสนใจจะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ไก่รองบ่อนของใครอยู่แบบนี้ พี่ก็มีวิธี”
“ยังไงคะ” เธอถามขณะที่สายตารู้ทันผู้จัดการสาว ที่ตอนนี้เปรียบเหมือนนกสองหัว ทำดีกับทั้งสองฝ่าย เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
มีลักขณาอยากจะพูดออกไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง เมื่อคิดได้ว่าถ้าชี้โพรงออกไปแล้วกระจอกไม่วิ่งเข้าไป เธอก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่า เพราะหญิงสาวทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันอยู่ แม้จะต่างแม่กันก็ตาม ที่สำคัญเธอยังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นยังไง เท่าที่เห็นตอนนี้เดาได้ว่า ไม่หวานอมขมกลืนก็น้ำนิ่งไหลลึก เพราะแม่ของทั้งสองคนเห็นหน้ากันแล้วกัดกันขนาดนั้น ก็เดาได้ว่าเป็นศัตรูหัวใจกัน แล้วลูกๆจะดีกันได้ยังไง คิดได้แล้ว เธอก็รีบกันตัวเองออกมาก่อน รอให้แน่ใจ แล้วค่อยเป็นบ่างก็ยังไม่สาย
“พี่ว่าถ้าคุณน้องสนใจอะไร อะไรที่พี่ว่า ซึ่งก็น่าจะรู้กันอยู่ เราค่อยมาพูดกันทีหลังดีกว่า ตอนนี้มาพูดเรื่องร้อนๆที่พี่บอกเมื่อกี้กันก่อน เพราะคุณน้องจะต้องเตรียมรับมือ”
“เรื่องอะไรคะ”
“คิวแรก” เธอบอกแล้วก็พูดๆ โดยไม่เห็นความงุนงงของอีกฝ่าย “เรื่องนี้กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เพราะตอนนี้พวกที่ชอบเผือกเรื่องดารา กำลังขุดคุ้ยกันอย่างเมามัน ว่าอักษรย่อธอธงที่ว่านี้เป็นใครกันแน่ แล้วจะแห่มาถามคุณน้อง เพราะเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย”
“สงสัยอะไร แล้วคิวแรกคืออะไร”
ผู้จัดการสาวทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะร้องออกมา “โอ๊ยตาย พี่ลืมไปว่าคุณน้องเป็นตัวปลอมไม่ใช่ตัวจริง ไม่รู้ว่าเรื่องด้วย” เธอพูดโดยไม่คิดอะไรซ้ำยังหัวเราะอย่างขำๆ แต่อีกฝ่ายกลับขำไม่ออก กำมือข่มความรู้สึกให้ลึกไว้ อย่าได้แสดงอะไรออกมา แล้วฟังผู้จัดการสาว
“คิวแรกก็คือ รักแรกพบของน้องน้ำกับหนุ่มไฮโซรูปหล่อพ่อรวย ปิ๊งปั๊งกันแล้วถูกทิ้งไว้กลางทาง เพราะเขาไปเมืองนอกกับคนที่มีเวลาให้เขา ไม่ใช่ให้แต่งาน ทำแต่งานไม่สนใจเขา...” แล้วเธอก็เล่าให้ฟังว่าทั้งคู่ปิ๊งกัน เพราะนางเอกดังไปออกงานให้กับสินค้าของเขา ก็คุยกันเรื่อยมากระทั่งเป็นอย่างที่บอก จบแล้วก็บอกว่า
“ตอนนี้ข่าวในวงไฮโซบอกว่าเขากลับมาแล้ว กำลังเป็นที่จับตามองของสื่อสังคม เพราะมีข่าวก๊อสซิปกระซิบมาบอกว่าเขาโสดสนิท และที่เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาคือ เขาไปกดไลน์รูปของนางเอกดัง อักษรย่อธอธง แล้วแบบนี้ ถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมาหรือเปล่า”
พูดจบก็กดโทรศัพท์เปิดข่าวให้หญิงสาวดู ธาราธารดู แต่ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาให้ได้เห็น มีลักขณาก็บอกว่า “นี่แหละที่พี่บอกว่า นักข่าวจะแห่มาหาคุณน้อง เพราะเดากันว่า อักษรย่อธอธงนี่คือนางเอกดัง ธารธาราแน่นอน คุณน้องจะต้องฮอตขึ้นไปอีก อีเว้นต่างๆจะวิ่งมาหา ได้เงินอีกมาก ถ้านักข่าวมาถามคุณน้องก็ทำหน้าซื่อตาใสบอกไม่รู้เรื่อง ยังไม่เห็นข่าวไปก่อนนะคะ ที่เหลือพี่จะจัดการเอง”
“พี่มี่อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่ธารามีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย”
“คุณน้องอยากให้พี่ช่วยอะไร”
“หาคน”
“ใครคะ”
ธาราธารกดโทรศัพท์หารูปในโซเชียล แล้วยื่นให้ผู้จัดการสาวดู ซึ่งพอเห็นรูป ก็ตาโต อ้าปากค้าง ร้องเอะอะออกมา “ว้ายตายแล้ว คุณน้องขา เขาเป็นใครคะเนี๋ย หล่อยังกับเทพบุตร หน้าคมจมูกโด่งคิวเข้ม ริมฝีปากเป็นกระจับรับกับใบหน้าไปทุกสัดส่วนแบบนี้ ต้องมีเชื้อสายของลูกครึ่งแน่ๆ ใช่ไหม”
“ไม่ทราบค่ะ คำตอบอยู่ที่พี่มี่นั่นแหละค่ะ”
“หมายความว่าไงคะคุณน้อง” ถามด้วยสีหน้างุนงง นางเอกตัวปลอมก็เลยบอกว่า
“ที่ธาราอยากให้ช่วยก็คือหาประวัติเขา ถ้าพี่มี่หามาได้ พี่มี่ก็จะได้ทุกอย่างที่พูดมาเมื่อกี้ไงคะ”
มีลักขณานิ่งไปเล็กน้อย ก็ยิ้มออกมาเพราะพอจะมีทางแล้ว เพื่อนพ้องในวงการข่าวนั่นมีมากมาย ต่อให้ลึกแค่ไหน ถ้าไม่ลับระดับประเทศ ก็พอจะซุบซิบบอกกันได้ “งั้นส่งรูปให้พี่เลยนะ” บอกแล้วก็ขอตัว เพื่อไปหาข่าวทันที
ส่วนนางเอกตัวปลอมก็ยิ้มเช่นกัน แต่เป็นยิ้มแบบมีเลศนัย เพราะรูปที่เธอให้ผู้จัดการสาวไปนั่นคือ ...กัปตันสุดฮอต ผู้ชายที่เธอเจอในงานการกุศล ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ที่พี่สาวต่างแม่พาเข้าธรธาราเมื่อคืนนี้ และอีกคนก็เธอจะไม่ปล่อยให้ผ่านไปเหมือนไม่สนใจก็คือ...คิวแรกนั่นเอง
*********
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ที่ให้มีความสะดวกสบาย บริการที่ดีเทียบเท่าโรงแรมหรู ผู้คนไม่วุ่นวาย ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว คุณหมอกับนางพยาบาลต่างก็น่ารัก เพราะดูแลผู้ป่วยประดุจญาติมิตรพี่น้องเพื่อนสนิท และตอนนี้ก็กำลังดูแลคนไข้ ที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางเอกดัง ต่างกันแค่ทรงผมกับใบหน้าที่จืดชืดไร้เครื่องสำอาง จึงทำให้ไม่แน่ใจว่าจะใช่เธอหรือเปล่า และชายหนุ่มที่พาเธอมา ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นทำให้นางพยาบาลที่ได้เห็น ต่างใจสั่นตามๆกันไป ซุบซิบปากต่อปาก จนต้องแอบมาดูอยู่ห่างๆ
หลังจากคุณหมอหนุ่มล้างแผลให้หญิงสาวเรียบร้อยแล้ว ก็ตรวจเช็กร่างกายให้ตามความต้องการของหนุ่มหล่อที่พามา ซึ่งไม่ชัดเจนในสถานะ แต่ท่าทางที่คอยดูแลไม่ห่างทำให้คุณหมอกับนางพยาบาลคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจาก...คนรัก ผลการตรวจร่างกาย ไม่มีอะไรผิดปรกติทุกอย่างดีหมด ส่วนเรื่องการปวดระระบม อีกสองสามวันก็จะหายไป สองคนขอบคุณคุณหมอ แล้วออกจากห้องมารอที่ฝ่ายการเงิน
คุณหมอไม่มียาให้คนไข้ หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ธารธาราเดินเคียงข้างคนขอคบไปที่ลานจอดรถ คนที่เดินสวนไป บางคนก็แอบมองด้วยความสงสัยหน้าตาของเธอ บางคนก็เดินผ่านไปโดยไม่สงสัยอะไร เพราะเธอทำตัวปรกติ ไม่ได้ใส่แว่นตาปกปิดใบหน้าหรือสวมผ้าปิดปาก ให้เป็นที่ผิดสังเกต
ธอร์แอบมองว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไง เมื่อเดินเคียงข้างเขาอยู่แบบนี้ จะคอยหลบหน้าหลบตา กลัวใครจะจำได้หรือไม่ หรือจะทำตัวเหมือนคนดังๆที่เขาเคยเห็นเคยได้ข่าวมาว่า ให้คนที่คบหาดูใจกันอยู่ เดินห่างๆหรือแอบอยู่ไม่ให้ใครเห็น ให้รู้ว่ามาด้วยกัน เพราะจะทำให้ความนิยมลดต่ำลงทันที
“ไม่กลัวใครจะจำได้เหรอ” เขาถามเมื่อเห็นเธอไม่แสดงอาการใดๆออกมา
“ไม่ค่ะ”
“ทำไม”
“เพราะทรงผมที่คุณตัดให้ ทำให้หน้าฉันเปลี่ยน และคงไม่มีใครคิดว่านางเอกดังอย่างฉันจะตัดผมทรงที่เหมือนถูกหนูแทะมาแบบนี้”
“แล้วชอบไหม”
“ก็แปลกดี”
“ตอบไม่ตรงคำถามนะ” เขาบอกแล้วพาจับข้อมือเธอ พาเดินเลี้ยวไปอีกทาง ตรงไปยังประตูทางออก ออกไปนอกโรงพยาบาล
ธารธาราเดินตามเขาไปด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ถามว่าจะพาไปไหน ได้แต่มองข้างทางที่เป็นตึกแถว เปรสภาพและตกแต่งให้เป็นโชว์รูมรถหรู ร้านค้า ร้านอาหาร และร้าน... เธอดึงมือเขาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าเขาตรงไปร้านนั่นและรู้ว่าจะทำอะไร สาเหตุนั่นก็คงมาจากที่เธอไม่ยอมตอบคำถามเขาตรงๆ
ธอร์หรุบตามองใบหน้างาม ยิ้มให้กับการรู้ทันของเธอว่าเขาจะทำอะไร แต่ไม่แน่ใจกับการรั้งเขาไว้แล้วถามออกมา “ทำไม”
“ฉันชอบแล้ว”
“ชอบฉันเหรอ”
“เปล่า” เธอปฏิเสธออกมาทันที แต่หลบตาให้คนที่มองอยู่ได้ยิ้มที่มุมปาก เพราะเห็นความขัดเขิน แล้วบอกว่า
“ฉันแค่อยากทำให้ใหม่ ไม่ใช่เพราะฉันไม่ชอบ แต่เพราะฉัน...ใส่ใจ”
ความอบอุ่นที่เปรียบดังนาฬิกาทรายไหลซึมไปเพิ่มขึ้นในหัวใจ และยินยอมให้เขาพาเข้าไปในร้านตัดผม ที่ไม่มีลูกค้า ให้ต้องรอคิว คงเพราะช่วงสายแบบนี้คนส่วนใหญ่จะทำงาน
เจ้าของร้านสาวประเภทสองสวยด้วยมีดหมอ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู เปิดยิ้มต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่มีความคุ้นคล้ายกับใครสักคน ที่ยังไม่แน่ใจ ทักทายให้ความเป็นกัน แล้วเชิญหนุ่มหล่อสาวสวยให้นั่งบนโซฟาที่มีไว้รับรองลูกค้า หยิบน้ำมาเสิร์ฟ สร้างความประทับใจให้ แล้วถามความต้องการอออกมาอย่างสุภาพ
“คุณน้องผู้หญิงหรือคุณพี่ผู้ชายคะ ที่จะให้ทางร้านบริการ”
ธารธาราชี้ที่ตัวเอง เจ้าของร้านก็ถามต่อ “จะให้ทางร้านบริการแบบไหนดีคะ ตัดผม นวดหน้า สระ ไดร์ หรือว่า...”
“ตัดผม” ธอร์เป็นคนตอบ
“ได้ค่ะ จะตัดทรงไหน มีแบบหรือยังคะ หรือจะให้ออกแบบ...”
“ผมขอตัดเอง แค่ช่วยบอกว่าให้ใช้กรรไกรแบบไหน ตัดแค่ไหน ก็พอ”
“อุ๊ยตายแล้ว น่ารักจัง งั้นไปสระผมก่อนนะคะ จะได้ตัดง่ายขึ้น แล้วเดี๋ยวจะช่วยเต็มที่”
ธารธาราลุกขึ้นเดินตามเจ้าของร้านไปนอนบนเก้าอี้สระผม โดยมีสายตาธอร์คอยมองอยู่ตลอดเวลา กระทั่งสระผมเสร็จ แล้วเดินมานั่งบนเก้าอี้ หน้ากระจกบานใหญ่ เจ้าของร้านเช็ดผมให้จนแห้งหมาด แล้วหยิบผ้ามาคลุมไหล่ หยิบอุปกรณ์ตัดผมมาไว้หน้ากระจก จากนั้นก็พิจารณาทรงผมที่เว้าๆแหว่งๆ พร้อมกับสงสัยว่าหญิงสาวไปตัดที่ไหนยังไงกันมาถึงได้ดูแปลกๆแบบนี้ แต่ไม่ถามให้ลูกค้ารู้สึกรำคาญใจ หยิบกรรไกรส่งให้ชายหนุ่ม บอกให้เขาเล็มปลายผมให้เท่าๆกันก่อน
ธอร์ทำตามอย่างตั้งใจ ฟังทุกคำบอกของเจ้าของร้าน แต่ไม่ง่ายเลยที่จะทำ ผิดกับครั้งก่อนที่เขาตัดๆโดยไม่สนใจว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ธารธารามองเขาตลอดเวลา ท่าทางที่เก้ๆกังๆของเขาประทับใจเธอ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ต้องทำก็ได้ เพราะเธอบอกชอบไปแล้ว แต่เขาก็ยังพยายามและใส่ใจที่จะทำ...เพื่อเธอ
นอกจากความอบอุ่นที่มีอยู่แล้ว เธอยังรู้สึกเหมือนมีดอกรักเกิดขึ้นในใจ แล้วยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปเป็นชั่วโมง เส้นผมที่เว้าๆแว้งก็เป็นรูปทรงดูดีขึ้นมา แม้จะไม่สวยเหมือนช่างฝีมือ แต่สวยสุดในใจของธอร์กับธารธาราแล้ว
********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
เดี๋ยวจะลองพยายามอัพใหม่ค่ะ
ตอน 12
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นหน้าห้องนอนของสะใภ้คนรองของตระกูลธรธารา ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงระเบียงห้องนอน สายตาเหม่อมองยอดไม้ที่ถูกสายลมโลมลูบ ให้พลิ้วไหวเอนไปมา เปรียบอุปมาว่าช่างมีความสุข จนนางอยากจะเป็นอย่างนั้น แต่กิเลสในใจที่มีมากมาย จึงไม่อาจทำได้ ต้องทุกข์ตรมเพื่อหาหนทางที่จะทำให้กิเลสนั้นเป็นจริงขึ้นมา
นางละสายตาจากยอดไม้หันไปมองประตูห้องที่ถูกเคาะ แล้วลุกขึ้นเดินมาเปิดประตู มองหน้าสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า “มีอะไร”
“คุณน้ำมาพบค่ะ รออยู่ในห้องรับแขกค่ะ”
“ไปบอกให้รอ เดี๋ยวฉันลงไป” พูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าสาวใช้ สองมือกำเข้าหากันแน่น เมื่อคิดว่ามันคงมาพูดเรื่องตัวตายตัวแทน แล้วยิ้มมีเลศนัยออกมา ไม่รีบร้อนที่จะลงไปหา เดินเอื่อยๆเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวโดยไม่สนใจว่าเวลาจะเดินไปนานแค่ไหน
ส่วนคนที่มารอ ก็ไม่ร้อนใจเช่นกัน หลังจากสาวใช้เข้ามาบอก ก็เดินดูเครื่องลายครามที่วางโชว์อยู่ในตู้ ดูสวยงามและมีราคาสมกับความเก่าแก่ เธอเดินดูๆไปเรื่อยๆ แล้วหยุดอยู่ที่ภาพวาดที่ติดอยู่บนผนัง
นกสองตัวที่เกาะติดอยู่บนผนัง สีสันที่ลงไว้ ความหนักเบาของแสงเงา ลายเส้น ทุกส่วนประกอบช่างสวยงาม และเหมือนกันเหลือเกิน ตัวหนึ่งนั้นเกาะอยู่ที่กรงสีทองที่มั่นคงแข็งแรง อีกตัวเกาะอยู่ที่ขอนไม้ สีของเปลือกไม้นั่นบอกให้รู้ว่ามันผุพร้อมจะหักได้ทุกเวลา แต่แววตาของนกที่เกาะอยู่ที่ขอนไม้ เธอรู้สึกว่ามันไม่สะทกสะท้านหรือหวั่นกลัวใดๆเลย ช่างสะท้อนออกมาได้เหมือนชีวิตเธอเหลือเกิน แม้ภายในใจจะเป็นยังไง แต่เธอก็ยังยืนหยัดอยู่ได้จนวันนี้
“ชอบเหรอจ๊ะ”
เสียงถามดังขึ้นข้างหลัง ธารธาราจำได้ทันทีว่าเป็นแม่เลี้ยง เธอหันไปมอง เก็บทุกสิ่งอย่างไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ลดมือลงแล้วก็ตอบออกไป “ค่ะ ของเก่านี้ค่ะ ยิ่งนานก็ยิ่งสวย”
“นั่นซินะ เพราะเคยอยู่ที่ตึกใหญ่มาก่อน พอคุณพ่อนำมาติดที่ตึกซ้าย ธาราดีใจใหญ่ ห่วงไม่ให้ใครเอาไปไหนอีกเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะไม่ว่ามันจะติดอยู่ที่ส่วนใดของบ้าน มันก็เป็นสมบัติของน้ำอยู่ดี”
นางเลอรัศมียิ้มให้เหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ในใจนั่นสุดจะคับแค้นเพราะคำพูดเมื่อกี้คือการประกาศให้นางรู้ว่า นางไม่มีสิทธิอะไรในบ้านหลังนี้เลย ส่วนรูปนี้ก็เคยเป็นของรักของหวงของอีกฝ่ายมาก่อน แต่เมื่อลูกนางอยากได้ คนเป็นพ่อที่รักลูกนางมากกว่า ก็ไปปลดมาแขวนให้ โดยไม่สนใจน้ำตาของลูกอีกคน คิดถึงตอนนั้นนางก็สะใจ แต่ตอนนี้ได้แต่เจ็บใจ ที่เขาทิ้งไปกลางทาง ทำให้นางกับลูกต้องลำบาก
“นั่งซิจ๊ะ” นางเชิญให้เห็นว่ายินดีต้อนรับ ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร แล้วเดินมานั่งที่โซฟา พออีกฝ่ายเดินตามมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆเรียบร้อย ก็ถามออกมา “มาหาน้ามีอะไร ใช่เรื่องตัวตายตัวแทนหรือเปล่า”
“ค่ะ น้ำอยากถามอะไรนิดหน่อย”
“ว่ามาเลยจ๊ะ”
ธารธาราสบตาที่มองอย่างไม่กะพริบ เพื่อจะดูว่าจะมีร่องรอยอะไรให้เห็นหรือไม่ “ถ้าน้ำไม่กลับมา คุณน้าจะทำยังไงกับเรื่องตัวตายตัวแทนคะ”
“ไม่รู้จ๊ะ อย่างที่บอกไปเมื่อคืนว่าน้ายังไม่ได้คิดอะไรเลย แค่แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเพื่อให้เราทุกคนอยู่รอด และรอการกลับมาของน้ำเท่านั้น ว่าแต่น้ำถามแบบนี้ สงสัยอะไรหรือไม่ไว้ใจน้าจ๊ะ” คำพูดของนางยังไพเราะ สีหน้าแววตาไม่มีอะไรให้ธารธาราจับพิรุธได้เลย จึงต้องพูดเหมือนเอาความในใจมาตีแผ่ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัวเช่นกัน
“น้ำไม่เคยไว้ใจคุณน้าอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุไม่ต้องย้ำ เราก็ต่างก็รู้กันอยู่ และที่สงสัยหนักมากก็คือทำไมวันที่น้ำไม่อยู่ มันประจวบกับวันที่ธารากลับมาพอดี”
นางเลอรัศมีหน้าตึงขึ้นมา น้ำเสียงก็ตึงไม่แพ้หน้า “ธาราแจ้งการกลับมาเป็นเดือนแล้ว ทุกคนที่นี่ก็รู้ แต่น้ำไม่รู้เพราะอยู่แต่ที่คอนโด นานๆจะกลับมาที่ธรธารา และที่พูดมาเหมือนกล่าวหาว่าน้าคิดไม่ดีกลับน้ำเหรอ”
“น้ำไม่ทราบค่ะ แต่คุณน้าน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี และไม่ว่าคุณน้าทำอะไรไว้ ถ้าน้ำมีหลักฐานเมื่อไร น้ำจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอตัวค่ะ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน ไม่ยกมือขึ้นไหว้เหมือนตอนเข้ามา เพราะสิ่งที่พูดไปเป็นการเปิดศึกท้ารบกับอีกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอะไรกันอีกแล้ว
นางเลอรัศมี กำมือมือเข้าหากันแน่น สายตาที่มองตามลูกเลี้ยงไปถ้าเปรียบเป็นมีด ก็แทงทะลุเข้าหัวใจไปแล้ว นางลุกจากเก้าอี้เดินขึ้นไปชั้นบนเข้าไปในห้องนอน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรหาคนที่เป็นที่พึ่งของนาง พลางเดินออกไปยืนที่ระเบียง ดูลูกเลี้ยงที่เพิ่งเดินออกไปจากตึก
“คุณอยู่ไหนคะ”
“ที่ทำงานครับ” คนที่นางเลอรัศมีโทรมาหาก็คือนายประชา เขาตอบเธอไปแล้วก็วางปากกาไว้บนแฟ้มเอกสาร “ฟังน้ำเสียงคุณ ไม่ดีเลยมีอะไรหรือครับ หรือว่าเมื่อคืนนี้...”
“ค่ะ มันกลับมาแล้วอย่างที่คนของคุณบอก เลอเจอมันแล้ว แล้วมันกำลังทำให้เลอร้อนใจแทบจะบ้า” เสียงของกร้าวเพราะสุดจะแค้น
“ใจเย็นๆ” เขาปลอบพลางเดินไปยืนที่กระจก มองต่ำลงไปที่แม่สายใหญ่สายหลักของประเทศ บ้านเรือนสิ่งก่อสร้างต่างๆที่ใหญ่โต แม้แต่เรือก็เล็กนิดเดียว เมื่อมองจากที่สูง
“เลอเย็นไม่อยู่ ยืนอยู่แทบจะไม่ไหวแล้ว” เสียงนางเค้นด้วยความคับแค้น “คุณรู้ไหมว่าเลอนอนไม่หลับทั้งคืน คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้มันหายไปชั่วนิรันดร์ และทำไมโชคชะตามันชอบเล่นตลกกับเลอนัก ไม่เคยเข้าข้างเลอเลย ทำให้มันหายตัวไป แล้วก็พามันกลับมาในขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี มันเหมือนสายรุ้งที่สวยงามแล้วจู่ๆก็มีเมฆสีดำมาบดบังให้มองไม่เห็น เลอเกลียดมันนัก” เสียงนางกร้าวราวกับจะทำลายให้สิ้นซาก “คุณยังจำที่เลอขอให้คุณทำครั้งก่อนที่มันหายตัวไปได้ไหม”
“ได้ ตอนนั้นคุณบอกผมว่า ถ้าเจอตัวเธอ ให้คนของผมทำยังไงก็ได้ อย่าให้เธอกลับมา”
“คราวนี้มันกลับมาแล้ว คุณจะทำให้สำเร็จจริงๆจังๆได้หรือเปล่า”
“เพื่อความสบายใจของคุณ ผมทำให้ได้ทุกอย่าง”
“ขอบคุณค่ะ แต่ความสบายใจจะไม่มีวันมี ถ้าเลอไม่ได้เห็นมันหายไปจากชีวิตเลอ แต่...” ว่าแล้วนางก็นิ่งไปเพราะเห็นรถยนต์แล่นเข้ามาในธรธารา จอดข้างตัวลูกเลี้ยง แล้วคนที่เปิดประตูออกมาจากรถนั้น ทำให้นางต้องจับตามอง นางเงียบไปจนอีกฝ่ายถามกลับมา ถึงได้พูดต่อ “มันไม่ได้ตัวคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
“หมายความว่าไง”
“เลอไม่แน่ใจค่ะ แต่เมื่อคืนมันกลับมาพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง” ว่าแล้วนางก็เล่าให้ฟัง จบแล้วก็พูดต่อว่า “เลอไม่เชื่อว่าแค่คนธรรมดาที่มารู้จักกันเพราะอุบัติเหตุ เมื่อท่าทางเขาดูดี ต้องมีของแน่นอน” ของที่ว่าคืออำนาจที่นางรู้สึกได้ เมื่อวานเขาขับเจ้าสองล้อที่ราคาแพงเอาการ มาวันนี้ขันรถยนต์ยี่ห้อแสนแพงในท้องตลาดบอกให้รู้ถึงฐานะที่ไม่ธรรมดา
“ใคร”
“เลอไม่รู้ค่ะ แต่เป็นห่วงคุณ ไม่อยากให้เสี่ยงมากไป แค่จัดการยัยน้ำให้สมกับที่ทำให้เลอเจ็บใจก็พอใจแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา”
“ขอบคุณที่ห่วง ผมจะทำให้ดีที่สุดสำหรับคุณ”
“ขอบคุณค่ะ” นางพูดกับเขาอีกนิดหน่อย ก็วางสาย สบายใจขึ้น แล้วยิ้มเหมือนจะส่งไปให้ถึงคนที่แสนดีที่รักนางมาก โดยไม่รู้ว่าความรักที่นางได้นั่นเป็นรักแบบไหน ถ้านางมีความสามารถพิเศษที่จะอ่านใจคนได้ ก็จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันคือรักที่...หลอกหลวง เพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่รักด้วยใจจริง
นายประชามองโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในมือ ยิ้มเย็นๆที่มุมปาก เขาไม่จำเป็นที่จะเก็บอารมณ์ ท่าทาง หรือทำตัวเป็นพ่อพระเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้านางอีกแล้ว เมื่อบางอย่างที่เขาทำไว้เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แล้วโทรไปหาใครบางคน ที่ให้ผลประโยชน์กับเขา
********
ธารธารามองร่างสูงที่ยืนกอดอก พิงรถ อยู่ตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหาเธอ เมื่อคำพูดเขาก่อนหน้านี้บอกให้เธอพักผ่อน เธอดีใจที่เห็นเขา หลังจากเดินออกมาจากตึกของแม่เลี้ยง ความเข้มแข็งที่สร้างขึ้นเพื่อไปฟาดฟันกับอีกฝ่าย เปลี่ยนเป็นความอ่อนแอแล้วกลับมาเข้มแข็งเมื่อเขามายืนอยู่ข้างๆแบบนี้ แต่ต้องเก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ เขาจึงได้เห็นแค่ความเฉยเมยเท่านั้น
“ฉันมารับไปล้างแผลและเช็กร่างกายอีกครั้ง”
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว และแผลแค่นี้ฉันจัดการเองได้”
ธอร์สบตาเธอนิ่งๆ แล้วยกมือขึ้นแตะหน้าผากเธอ ใจของธารธาราใจแรงขึ้นมา ขณะที่เขาก็รู้สึกได้ถึงความร้อน แล้วจับเรียวแขนดูแผลที่ข้อศอก ก็บอกว่า “ฉันจัดการเองดีกว่า” บอกแล้วก็เดินไปเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง เพื่อจะได้พาไปโรงพยาบาล แต่ธารธารากลับไม่ขยับ สายตาบอกความดื้อว่าจะไม่ไป เสียงที่เอาจริงไม่ใช่แค่ขู่ก็ดังขึ้นมา
“ถ้าไม่เดินฉันจะอุ้ม ถ้าไม่เข้าไปนั่งดีๆ ฉันจะยัดเข้าไป”
“ฉันไม่ใช่ลูกน้องบนเรือของคุณนะ ที่จะมาใช้วิธีป่าเถื่อนแบบนี้”
“สายเลือดฉันมันเถื่อน และฉันก็บอกเธอไปแล้วว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้ หรือต้องให้ย้ำว่าเธอคือคนที่ใช่”
“ฉันไม่ประทับใจ”
“ต้องประทับรอยหรือไง ถึงจะประทับใจ”
ถามแล้วก็ก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกแทบจะจรดแก้มเธอ ซึ่งก็ระเรื่อขึ้นมา จนต้องรีบเดินหนีไปขึ้นรถก่อนที่เขาจะเห็นแล้วได้รู้ว่าเธออาย จึงไม่เห็นยิ้มที่มุมปากของเขา ธอร์หมุนตัวเดินไปขึ้นรถ และก่อนที่จะขับรถออกไป ก็ชะโงกหน้ามาบอกเธอว่า “ฉันเห็น น่าจูบ”
แก้มของธารธาราแดงขึ้นมาทันตา ขณะสายตาขึงโกรธกลบเกลื่อนความอาย แล้วนั่งหน้าเชิด หันมองข้างทาง ธอร์ยิ้ม ขับรถไปด้วยความสุข ที่เขาไปสำรวจหัวใจตัวเองมาแล้วว่าพอใจ แต่ไม่รู้จะสุขใจได้แค่ไหน เมื่อความสัมพันธ์แรกเริ่มของเขากับเธอนั้นไม่ค่อยสวยงามนัก และจะให้เขาทำตัวแบบหวานๆเขาก็ทำไม่ค่อยได้ สายเลือดเขานั่นออกจะเถื่อนๆเหมือนที่เขาบอกเธอไปว่าเมื่อใช่แล้ว ก็พร้อมจะรัก ปกป้องดูแล ทำทุกอย่างให้ได้...สมรัก
ระหว่างทางแทบจะไม่มีเสียงคุย กระทั่งความเขินอายคลายลงไป ธารธาราก็ปรายตามามองเขาบ่อยๆ เพราะกำลังชั่งใจว่าจะบอกเรื่องของเธอให้เขารู้ดีหรือไม่ แต่กลับถูกเขาถามออกมาเหมือนจะอ่านใจเธอออก โดยไม่ต้องหันมามองหน้าว่า
“สงสัยอะไร”
“ฉันควรจะถามคุณมากกว่า เพราะเชื่อว่า เรื่องที่ฉันขอให้คุณมาหาเมื่อคืน คุณต้องคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องที่ต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันเจ็บตัว มันมีเรื่องอื่นมากกว่านั้น ‘การฆาตกรรม’ และที่คุณมาเพราะคุณก็อยากจะรู้เหมือนกัน”
“ฉลาด” เขาชมออกมา แล้วถามตรงจุด “สงสัยใครอยู่บ้าง”
“ฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหน การเป็นนางเอกดัง ฉันไม่เคยมีปัญหากับใคร อาจจะขุ่นมัว เหวี่ยงหรือวีนไปบางตามอารมณ์ แต่คนปรกติทั่วไปที่อยากจะมายุ่งกับฉัน อย่างมากก็อยากใกล้ชิดฉัน หรือถ้าโรคจิตก็แค่อยากจะเอาตัวฉันไปอยู่ด้วย แต่ไม่ใช่จะฆ่ากันแบบนี้ มีแต่คนใกล้ตัวฉันเท่านั้นที่น่าสงสัย”
“ใคร”
“แม่เลี้ยงกับลูกของนาง ที่ฉันรู้มาว่าวันที่ฉันหายตัวไป เป็นวันเดียวกับที่น้องต่างแม่ฉันกลับมาจากเมืองนอก และเธอก็ไปเป็นตัวตายตัวแทนของฉัน โลดแล่นเล่นอยู่ในวงการมายา”
ธอร์คิดถึงผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาเหมือนกับเธอ ต่างกันตรงที่ผมสั้นกับยาวเท่านั้น ถ้าเขาไม่ตัดผมให้เธอ ก็ไม่แน่ใจว่าจะจำได้หรือเปล่าว่าคนไหนคือเธอ คนไหนคือน้องของเธอ จากนั้นก็ฟังเธอเล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ เพื่อให้เขาเก็บเป็นข้อมูล รักสามเส้าของพ่อแม่ แต่กระทบใจลูกอย่างเธอ เพราะน้ำเสียงนั้นมีความเศร้ารวมอยู่ด้วย
“ก่อนที่คุณจะมา ฉันไปเปิดศึกกับแม่เลี้ยงมาแล้ว เพราะไม่ชอบการลอบกัด ไม่ชอบคนหน้าไหว้หลังหลอก หน้าเนื้อใจเสือ ต่อหน้าก็แสนดี แต่ลับหลังชิงชังและทำร้ายกัน ไม่ว่าด้วยการกระทำหรือคำพูด”
“เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือเปล่า” เขาให้ความเห็นออกมา
“ถ้าเป็นงูก็ดี เพราะเราจะได้เห็น ได้จัดการตีหรือไม่ก็จับตัวมันไว้ ไม่ให้ทำร้ายเราได้อีก”
“แล้วถ้างูที่เจอไม่ใช่งูที่กัด หรือไม่ได้มีตัวเดียว แต่มีหลายตัวละ”
ธารธารานิ่งไป เมื่อลืมคิด จริงๆแล้วไม่เชิงว่าจะลืม แต่เธอไม่เคยเห็นว่าแม่เลี้ยงมีใครเป็นมือเป็นเท้าให้ต่างหาก แล้วผู้ชายสองคนที่จับตัวเธอไปละ ถ้าไม่ใช่มือเท้าของนาง แล้วเป็นของใคร...ใครที่ร่วมมือกับนาง หรือใครที่เป็นเงาร้ายทำลายเธออยู่ในเงามืด
“จำหน้าคนที่ทำร้ายได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ”
“กลัวเหรอ” เขาถามเมื่อเสียงเธอมีความหวั่นๆอยู่
“ฉันรอดความตายมา คำว่ากลัวก็ไม่มีความหมายแล้ว แต่อยากรู้มากกว่าว่าใครที่ต้องการฆ่าฉัน และทำไปเพื่ออะไร”
ธอร์ปรายตามองหน้าเธอแวบเดียว ก็มองถนนที่บังคับให้รถวิ่งไป “คนเราจะทำร้ายกัน มีเหตุหรือปัจจัยไม่กี่อย่างหรอก อำนาจ เงินทอง ผลประโยชน์ สามสิ่งนี้อันตรายไม่เข้าใครออกใคร ความอิจฉาริษยา โกรธแค้นก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้คนทำร้ายคนกันได้ แต่ทำไมถึงเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง ไว้ใจฉัน ฉันช่วยเธอ หรือคิดว่าฉันจะแสนดี”
“ฉันไว้ใจ คุณช่วยฉัน แต่ไม่ได้แสนดี เพราะคุณใจร้าย เห็นฉันเป็นคนไร้ค่าที่ไม่จำเป็น แต่ทุกอย่างที่คุณทำ ทำให้ฉันรู้สึกว่าความอ่อนแอมันเหมือนมีดที่จะทิ่มแทงให้ฉันเจ็บปวดและตายไปจริง มีแต่ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะทำให้ฉันยืนอยู่ และเอาคืนคนที่ทำร้ายฉันให้ถึงที่สุด”
“ถ้ารู้สึกขนาดนี้ งั้นก็คบกันไหม”
ธารธาราอึ้ง ไม่คิดว่าคนที่รู้จักกันไม่นาน ชั่งน้ำหน้ากันอยู่ด้วยซ้ำ จะพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ไม่มีคำเกริ่นนำให้หวานๆ สมกับที่เป็นกัปตันเรือที่มีลูกน้องกร่างๆอย่างนายฉลามนั่นจริงๆ
“จะมัดมือชกกันเหรอ”
“ยอมหรือเปล่าละ”
ธารธารานิ่งคิด เธอรู้สึกดีกับเขานั่นคือใช่ และอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ แต่ความรักของพ่อแม่ที่สร้างปมความเจ็บปวดไว้ให้และยังเจ็บช้ำอยู่ทุกวันนี้ กับคนที่เธอเคยให้ความรู้สึกดี แล้วทำลายมันด้วยการทิ้งเธอไว้กลางทาง จากไปเมืองนอก พร้อมผู้หญิงคนอื่นเมื่อสามปีก่อน ทำให้เธอกลัว ว่าท้ายที่สุดของความรักจะไม่เป็นดั่งละครที่เธอสวมบทบาท ตอนจบนางเอกมีความสุขกับพระเอก เข้าใจกัน รักกันตราบชั่วนิรันดร์
ธอร์ที่รอฟังคำตอบและคอยปรายตามอง เห็นสีหน้าเธอก็พอจะเดาได้ ว่าเธอกลัว เพราะเธอพึ่งเล่าเรื่องในครอบครัวให้ฟัง จึงยื่นมือไปจับมือเธอไว้ กระชับราวกับจะบอกให้เชื่อใจเขาเหมือนอย่างที่เธอไว้ใจมาแล้ว ธารธาราหรุบตามองมือตัวเองที่เขาจับไว้ ใจหนึ่งบอกให้ดึงมือออก แต่อีกใจก็บอกว่า...อย่า ให้จับมือเขาไว้ เพราะถ้าเธอปล่อย เธอก็ไม่มีวันจะก้าวผ่านความกลัว ที่สำคัญเธอจะเจอคนที่ทำให้กล้าเผชิญกับทุกอย่าง และมีความอบอุ่นไปทั้งใจแบบนี้ได้อีกหรือเปล่า
*******
บนเรือนไทยหลังใหญ่สถานที่ถ่ายทำละคร วันนี้นางเอกตัวปลอมกำลังเข้าฉากสำคัญ คือการได้รู้ว่าศัตรูหัวใจกลับมา ทำให้ความรักของเธอที่กำลังหวานชื่นกับคนที่รัก ต้องมีปัญหาอีกครั้ง เธอสุดแค้นแสนชัง สีหน้าแววตาแสดงความรู้สึกที่น่ากลัวออกมา สาวใช้ที่นำข่าวมาบอกนั่งพินอบพิเทาอยู่ข้างๆ สาธยายออกมาอย่างมีรสชาติ
“มันเดินลอยหน้าลอยตาเข้าไปอยู่ที่เรือนริมน้ำ หน้ามันมั่นจนน่า น่า...” สาวใช้ไม่อยากพูดคำนั้นออก เพราะเกรงจะมีใครมาได้ยินแล้วเอาไปฟ้องนายผู้ชาย แต่ก็ยกมือขึ้นมาเกา พร้อมกับพูดออกมาว่า “หือ คันมือเลยค่ะคุณอร”
“พี่นพอยู่กับมันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ พรเห็นนะคะว่าคุณนพนะ ยิ้มไม่หุบ เดินตามติดจนแทบจะอุ้มมันเข้าเรือนอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าไม่มีใคร ก็พูดเสียงเบาลงมาแต่สีหน้ายั่วยุเจ้านายว่า “ไปตบมันเลยไหมคะคุณอร”
คุณอรกำมือ ขบฟันข่มอารมณ์ให้เยือกเย็น แล้วบอกว่า “ยังหรอก พี่นพอยู่กับมันไปทำอะไรก็รังแต่จะเข้าตัวเปล่าๆ แกไปแอบดูมันไว้ พี่นพออกไปข้างนอกเมื่อไร ก็มาบอกฉัน”
“คุณอรจะไปตบมันใช่ไหมคะ”
“อย่าสาระแน ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” สาวใช้หน้าเสียไปเล็กน้อย รีบรับคำแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที ขณะที่คุณอรยังยืนอยู่ที่เดิม แต่ความคั่งแค้นที่แสดงออกมาทางสีหน้ากับแววตานั่นถ้าใครได้มาเห็นคงอกสั่นขวัญหายไปแน่ๆ
“คัท”
สิ้นเสียงผู้กำกับ นางเอกตัวปลอมก็ต้องเป่าปาก ถอนหายใจออกมายาวๆ ผ่อนคลายสลัดสะบัดตัวละครออกไป กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ยิ้มแย้มให้ทุกคน แล้วเดินไปดูจอมอนิเตอร์ เช็กการแสดงของตัวเองว่าดีมากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่าผู้กำกับชมเธอไม่ขาดปาก แล้วบอกให้ไปพักก่อนที่จะเข้าฉากต่อไป ซึ่งเหลืออีกแค่ฉากเดียวก็เสร็จ เธอจึงเดินออกไปจากฉาก
มีลักขณาผู้จัดการสาวที่นั่งคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ระหว่างรอก็เช็กงาน เช็กคิว เช็กข่าวให้เธอ เจอบางข่าวที่ทำให้นั่งไม่ติด รีบลุกขึ้นไปหานางเอกตัวปลอม แต่ไม่เห็น ก็ออกเดินหาไปทั่วเรือนก็ไม่พบ จึงเดินลงบันไดมาหาต่อข้างล่าง
คนที่ผู้จัดการสาวตามหา มายืนอยู่ใต้ร่มไม้ข้างเรือน กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน สีหน้าตึงๆกับน้ำเสียงเครียดๆบอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญและกำลังไม่พอใจ “ไม่อยากรอแล้วนะคะ แล้วจะทำให้ได้เมื่อไรคะ แบบนี้อีกแล้ว ถามกี่ทีคำตอบก็เหมือนเดิม เบื่อมากเลยค่ะ” ยิ่งพูดสีหน้าเธอก็ยิ่งเครียด ก่อนจะผ่อนคลายคล้ายจะดีใจ “เจอแล้ว จริงเหรอคะ น่ารักจังค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ แค่นี้ก่อนนะคะ”
เธอตัดบททันทีที่หางตาเห็นผู้จัดการสาว เดินมาหา ไม่แน่ใจว่าได้ยินเรื่องที่เธอพูดไปหรือไม่ รีบถามเพื่อกันไม่ให้มายุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวเธอ “พี่มี่มีอะไรเหรอคะ”
“เรื่องร้อนนะซิ” บอกแล้วก็หยุด เพราะสงสัยกับคำพูดแว่วๆที่ได้ยินได้คนตรงหน้าคุยโทรศัพท์มากกว่า “แล้วเมื่อกี้คุณน้องคุยกับใครคะ”
ธาราธารต้องกัดฟันข่มใจ ยิ้มให้ทั้งที่แววตาฉายความขุ่นเคือง แต่ต้องตอบเพื่อรักษาอีกฝ่ายไว้ให้นำพาไปสู่ความสำเร็จ “คุณแม่”
“เรื่องของน้องน้ำใช่ไหม”
“ทำไมคิดว่าเป็นเรื่องของยัยน้ำ”
“อ้าว...” มีลักขณาร้องแบบไม่น่าจะถาม ก็รู้กันอยู่ว่า เมื่อตัวจริงกลับมาตัวปลอมก็ต้องจากไป เธอจึงอยากปั้นตัวปลอมให้เด่นให้ดังขึ้นมาคู่กัน จะได้เรียกงานเรียกเงินเรียกผลประโยชน์อีกมากมายมหาศาล ก่อนหน้านี้เธอก็หยั่งเชิงไว้บ้างแล้ว แต่หยุดไว้ เพราะยังไม่ใช่เวลาที่ควรพูด แต่กิเลสที่เต้นริกๆอยู่ในใจ จึงคิดว่าลองหยั่งเชิงออกไปอีกครั้งก็ดี “ก็น้องน้ำกลับมาแล้ว พี่ก็คิดว่าคุณน้องจะต้องรีบทำอะไร อะไรบ้างนะซิคะ”
“อะไร อะไร นี่คืออะไรคะ”
“ก็เช่น ถ้าคุณน้องสนใจจะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ไก่รองบ่อนของใครอยู่แบบนี้ พี่ก็มีวิธี”
“ยังไงคะ” เธอถามขณะที่สายตารู้ทันผู้จัดการสาว ที่ตอนนี้เปรียบเหมือนนกสองหัว ทำดีกับทั้งสองฝ่าย เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
มีลักขณาอยากจะพูดออกไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง เมื่อคิดได้ว่าถ้าชี้โพรงออกไปแล้วกระจอกไม่วิ่งเข้าไป เธอก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่า เพราะหญิงสาวทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันอยู่ แม้จะต่างแม่กันก็ตาม ที่สำคัญเธอยังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นยังไง เท่าที่เห็นตอนนี้เดาได้ว่า ไม่หวานอมขมกลืนก็น้ำนิ่งไหลลึก เพราะแม่ของทั้งสองคนเห็นหน้ากันแล้วกัดกันขนาดนั้น ก็เดาได้ว่าเป็นศัตรูหัวใจกัน แล้วลูกๆจะดีกันได้ยังไง คิดได้แล้ว เธอก็รีบกันตัวเองออกมาก่อน รอให้แน่ใจ แล้วค่อยเป็นบ่างก็ยังไม่สาย
“พี่ว่าถ้าคุณน้องสนใจอะไร อะไรที่พี่ว่า ซึ่งก็น่าจะรู้กันอยู่ เราค่อยมาพูดกันทีหลังดีกว่า ตอนนี้มาพูดเรื่องร้อนๆที่พี่บอกเมื่อกี้กันก่อน เพราะคุณน้องจะต้องเตรียมรับมือ”
“เรื่องอะไรคะ”
“คิวแรก” เธอบอกแล้วก็พูดๆ โดยไม่เห็นความงุนงงของอีกฝ่าย “เรื่องนี้กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เพราะตอนนี้พวกที่ชอบเผือกเรื่องดารา กำลังขุดคุ้ยกันอย่างเมามัน ว่าอักษรย่อธอธงที่ว่านี้เป็นใครกันแน่ แล้วจะแห่มาถามคุณน้อง เพราะเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย”
“สงสัยอะไร แล้วคิวแรกคืออะไร”
ผู้จัดการสาวทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะร้องออกมา “โอ๊ยตาย พี่ลืมไปว่าคุณน้องเป็นตัวปลอมไม่ใช่ตัวจริง ไม่รู้ว่าเรื่องด้วย” เธอพูดโดยไม่คิดอะไรซ้ำยังหัวเราะอย่างขำๆ แต่อีกฝ่ายกลับขำไม่ออก กำมือข่มความรู้สึกให้ลึกไว้ อย่าได้แสดงอะไรออกมา แล้วฟังผู้จัดการสาว
“คิวแรกก็คือ รักแรกพบของน้องน้ำกับหนุ่มไฮโซรูปหล่อพ่อรวย ปิ๊งปั๊งกันแล้วถูกทิ้งไว้กลางทาง เพราะเขาไปเมืองนอกกับคนที่มีเวลาให้เขา ไม่ใช่ให้แต่งาน ทำแต่งานไม่สนใจเขา...” แล้วเธอก็เล่าให้ฟังว่าทั้งคู่ปิ๊งกัน เพราะนางเอกดังไปออกงานให้กับสินค้าของเขา ก็คุยกันเรื่อยมากระทั่งเป็นอย่างที่บอก จบแล้วก็บอกว่า
“ตอนนี้ข่าวในวงไฮโซบอกว่าเขากลับมาแล้ว กำลังเป็นที่จับตามองของสื่อสังคม เพราะมีข่าวก๊อสซิปกระซิบมาบอกว่าเขาโสดสนิท และที่เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาคือ เขาไปกดไลน์รูปของนางเอกดัง อักษรย่อธอธง แล้วแบบนี้ ถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมาหรือเปล่า”
พูดจบก็กดโทรศัพท์เปิดข่าวให้หญิงสาวดู ธาราธารดู แต่ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาให้ได้เห็น มีลักขณาก็บอกว่า “นี่แหละที่พี่บอกว่า นักข่าวจะแห่มาหาคุณน้อง เพราะเดากันว่า อักษรย่อธอธงนี่คือนางเอกดัง ธารธาราแน่นอน คุณน้องจะต้องฮอตขึ้นไปอีก อีเว้นต่างๆจะวิ่งมาหา ได้เงินอีกมาก ถ้านักข่าวมาถามคุณน้องก็ทำหน้าซื่อตาใสบอกไม่รู้เรื่อง ยังไม่เห็นข่าวไปก่อนนะคะ ที่เหลือพี่จะจัดการเอง”
“พี่มี่อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่ธารามีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย”
“คุณน้องอยากให้พี่ช่วยอะไร”
“หาคน”
“ใครคะ”
ธาราธารกดโทรศัพท์หารูปในโซเชียล แล้วยื่นให้ผู้จัดการสาวดู ซึ่งพอเห็นรูป ก็ตาโต อ้าปากค้าง ร้องเอะอะออกมา “ว้ายตายแล้ว คุณน้องขา เขาเป็นใครคะเนี๋ย หล่อยังกับเทพบุตร หน้าคมจมูกโด่งคิวเข้ม ริมฝีปากเป็นกระจับรับกับใบหน้าไปทุกสัดส่วนแบบนี้ ต้องมีเชื้อสายของลูกครึ่งแน่ๆ ใช่ไหม”
“ไม่ทราบค่ะ คำตอบอยู่ที่พี่มี่นั่นแหละค่ะ”
“หมายความว่าไงคะคุณน้อง” ถามด้วยสีหน้างุนงง นางเอกตัวปลอมก็เลยบอกว่า
“ที่ธาราอยากให้ช่วยก็คือหาประวัติเขา ถ้าพี่มี่หามาได้ พี่มี่ก็จะได้ทุกอย่างที่พูดมาเมื่อกี้ไงคะ”
มีลักขณานิ่งไปเล็กน้อย ก็ยิ้มออกมาเพราะพอจะมีทางแล้ว เพื่อนพ้องในวงการข่าวนั่นมีมากมาย ต่อให้ลึกแค่ไหน ถ้าไม่ลับระดับประเทศ ก็พอจะซุบซิบบอกกันได้ “งั้นส่งรูปให้พี่เลยนะ” บอกแล้วก็ขอตัว เพื่อไปหาข่าวทันที
ส่วนนางเอกตัวปลอมก็ยิ้มเช่นกัน แต่เป็นยิ้มแบบมีเลศนัย เพราะรูปที่เธอให้ผู้จัดการสาวไปนั่นคือ ...กัปตันสุดฮอต ผู้ชายที่เธอเจอในงานการกุศล ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ที่พี่สาวต่างแม่พาเข้าธรธาราเมื่อคืนนี้ และอีกคนก็เธอจะไม่ปล่อยให้ผ่านไปเหมือนไม่สนใจก็คือ...คิวแรกนั่นเอง
*********
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ที่ให้มีความสะดวกสบาย บริการที่ดีเทียบเท่าโรงแรมหรู ผู้คนไม่วุ่นวาย ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว คุณหมอกับนางพยาบาลต่างก็น่ารัก เพราะดูแลผู้ป่วยประดุจญาติมิตรพี่น้องเพื่อนสนิท และตอนนี้ก็กำลังดูแลคนไข้ ที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางเอกดัง ต่างกันแค่ทรงผมกับใบหน้าที่จืดชืดไร้เครื่องสำอาง จึงทำให้ไม่แน่ใจว่าจะใช่เธอหรือเปล่า และชายหนุ่มที่พาเธอมา ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นทำให้นางพยาบาลที่ได้เห็น ต่างใจสั่นตามๆกันไป ซุบซิบปากต่อปาก จนต้องแอบมาดูอยู่ห่างๆ
หลังจากคุณหมอหนุ่มล้างแผลให้หญิงสาวเรียบร้อยแล้ว ก็ตรวจเช็กร่างกายให้ตามความต้องการของหนุ่มหล่อที่พามา ซึ่งไม่ชัดเจนในสถานะ แต่ท่าทางที่คอยดูแลไม่ห่างทำให้คุณหมอกับนางพยาบาลคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจาก...คนรัก ผลการตรวจร่างกาย ไม่มีอะไรผิดปรกติทุกอย่างดีหมด ส่วนเรื่องการปวดระระบม อีกสองสามวันก็จะหายไป สองคนขอบคุณคุณหมอ แล้วออกจากห้องมารอที่ฝ่ายการเงิน
คุณหมอไม่มียาให้คนไข้ หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ธารธาราเดินเคียงข้างคนขอคบไปที่ลานจอดรถ คนที่เดินสวนไป บางคนก็แอบมองด้วยความสงสัยหน้าตาของเธอ บางคนก็เดินผ่านไปโดยไม่สงสัยอะไร เพราะเธอทำตัวปรกติ ไม่ได้ใส่แว่นตาปกปิดใบหน้าหรือสวมผ้าปิดปาก ให้เป็นที่ผิดสังเกต
ธอร์แอบมองว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไง เมื่อเดินเคียงข้างเขาอยู่แบบนี้ จะคอยหลบหน้าหลบตา กลัวใครจะจำได้หรือไม่ หรือจะทำตัวเหมือนคนดังๆที่เขาเคยเห็นเคยได้ข่าวมาว่า ให้คนที่คบหาดูใจกันอยู่ เดินห่างๆหรือแอบอยู่ไม่ให้ใครเห็น ให้รู้ว่ามาด้วยกัน เพราะจะทำให้ความนิยมลดต่ำลงทันที
“ไม่กลัวใครจะจำได้เหรอ” เขาถามเมื่อเห็นเธอไม่แสดงอาการใดๆออกมา
“ไม่ค่ะ”
“ทำไม”
“เพราะทรงผมที่คุณตัดให้ ทำให้หน้าฉันเปลี่ยน และคงไม่มีใครคิดว่านางเอกดังอย่างฉันจะตัดผมทรงที่เหมือนถูกหนูแทะมาแบบนี้”
“แล้วชอบไหม”
“ก็แปลกดี”
“ตอบไม่ตรงคำถามนะ” เขาบอกแล้วพาจับข้อมือเธอ พาเดินเลี้ยวไปอีกทาง ตรงไปยังประตูทางออก ออกไปนอกโรงพยาบาล
ธารธาราเดินตามเขาไปด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ถามว่าจะพาไปไหน ได้แต่มองข้างทางที่เป็นตึกแถว เปรสภาพและตกแต่งให้เป็นโชว์รูมรถหรู ร้านค้า ร้านอาหาร และร้าน... เธอดึงมือเขาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าเขาตรงไปร้านนั่นและรู้ว่าจะทำอะไร สาเหตุนั่นก็คงมาจากที่เธอไม่ยอมตอบคำถามเขาตรงๆ
ธอร์หรุบตามองใบหน้างาม ยิ้มให้กับการรู้ทันของเธอว่าเขาจะทำอะไร แต่ไม่แน่ใจกับการรั้งเขาไว้แล้วถามออกมา “ทำไม”
“ฉันชอบแล้ว”
“ชอบฉันเหรอ”
“เปล่า” เธอปฏิเสธออกมาทันที แต่หลบตาให้คนที่มองอยู่ได้ยิ้มที่มุมปาก เพราะเห็นความขัดเขิน แล้วบอกว่า
“ฉันแค่อยากทำให้ใหม่ ไม่ใช่เพราะฉันไม่ชอบ แต่เพราะฉัน...ใส่ใจ”
ความอบอุ่นที่เปรียบดังนาฬิกาทรายไหลซึมไปเพิ่มขึ้นในหัวใจ และยินยอมให้เขาพาเข้าไปในร้านตัดผม ที่ไม่มีลูกค้า ให้ต้องรอคิว คงเพราะช่วงสายแบบนี้คนส่วนใหญ่จะทำงาน
เจ้าของร้านสาวประเภทสองสวยด้วยมีดหมอ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู เปิดยิ้มต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่มีความคุ้นคล้ายกับใครสักคน ที่ยังไม่แน่ใจ ทักทายให้ความเป็นกัน แล้วเชิญหนุ่มหล่อสาวสวยให้นั่งบนโซฟาที่มีไว้รับรองลูกค้า หยิบน้ำมาเสิร์ฟ สร้างความประทับใจให้ แล้วถามความต้องการอออกมาอย่างสุภาพ
“คุณน้องผู้หญิงหรือคุณพี่ผู้ชายคะ ที่จะให้ทางร้านบริการ”
ธารธาราชี้ที่ตัวเอง เจ้าของร้านก็ถามต่อ “จะให้ทางร้านบริการแบบไหนดีคะ ตัดผม นวดหน้า สระ ไดร์ หรือว่า...”
“ตัดผม” ธอร์เป็นคนตอบ
“ได้ค่ะ จะตัดทรงไหน มีแบบหรือยังคะ หรือจะให้ออกแบบ...”
“ผมขอตัดเอง แค่ช่วยบอกว่าให้ใช้กรรไกรแบบไหน ตัดแค่ไหน ก็พอ”
“อุ๊ยตายแล้ว น่ารักจัง งั้นไปสระผมก่อนนะคะ จะได้ตัดง่ายขึ้น แล้วเดี๋ยวจะช่วยเต็มที่”
ธารธาราลุกขึ้นเดินตามเจ้าของร้านไปนอนบนเก้าอี้สระผม โดยมีสายตาธอร์คอยมองอยู่ตลอดเวลา กระทั่งสระผมเสร็จ แล้วเดินมานั่งบนเก้าอี้ หน้ากระจกบานใหญ่ เจ้าของร้านเช็ดผมให้จนแห้งหมาด แล้วหยิบผ้ามาคลุมไหล่ หยิบอุปกรณ์ตัดผมมาไว้หน้ากระจก จากนั้นก็พิจารณาทรงผมที่เว้าๆแหว่งๆ พร้อมกับสงสัยว่าหญิงสาวไปตัดที่ไหนยังไงกันมาถึงได้ดูแปลกๆแบบนี้ แต่ไม่ถามให้ลูกค้ารู้สึกรำคาญใจ หยิบกรรไกรส่งให้ชายหนุ่ม บอกให้เขาเล็มปลายผมให้เท่าๆกันก่อน
ธอร์ทำตามอย่างตั้งใจ ฟังทุกคำบอกของเจ้าของร้าน แต่ไม่ง่ายเลยที่จะทำ ผิดกับครั้งก่อนที่เขาตัดๆโดยไม่สนใจว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ธารธารามองเขาตลอดเวลา ท่าทางที่เก้ๆกังๆของเขาประทับใจเธอ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ต้องทำก็ได้ เพราะเธอบอกชอบไปแล้ว แต่เขาก็ยังพยายามและใส่ใจที่จะทำ...เพื่อเธอ
นอกจากความอบอุ่นที่มีอยู่แล้ว เธอยังรู้สึกเหมือนมีดอกรักเกิดขึ้นในใจ แล้วยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปเป็นชั่วโมง เส้นผมที่เว้าๆแว้งก็เป็นรูปทรงดูดีขึ้นมา แม้จะไม่สวยเหมือนช่างฝีมือ แต่สวยสุดในใจของธอร์กับธารธาราแล้ว
********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ต.ค. 2560, 11:47:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2560, 11:47:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 1313
<< ตอน 11 | ตอน 13 >> |
Kim 11 ต.ค. 2560, 11:49:57 น.
หวานกันในร้านตัดผมไม่สงสารช่างบ้างเลย
หวานกันในร้านตัดผมไม่สงสารช่างบ้างเลย
แว่นใส 12 ต.ค. 2560, 13:02:14 น.
เป็นช่างตัดผมด้วย ดีจัง
เป็นช่างตัดผมด้วย ดีจัง