มนต์รักในคำสัญญา (Yaoi) - จบ
คำสัญญาที่เธอเคยให้ไว้กับชายที่รัก แต่ในชาตินี้เธอกลับจำไม่ได้และที่สำคัญเธอเกิดมาเป็นผู้ชาย " คำสัญญาที่เจ้าเคยให้ไว้กับพี่ เจ้าจำได้ไหม พี่รอคอยเวลาที่จะพบเจอเจ้ามานานแสนนาน ไม่ว่ากี่พบกี่ชาติพี่ไม่มีวันลืม" ความรักจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหรือจะต้องทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน
Tags: นิยายรัก มนตรา มนตร์ นิยายวาย BL Yaoi
ตอน: ดอกไม้ปริศนา
"คุณพ่อ คุณแม่ครับ ผมกลัว พวกเราจะตายไหม"
"พวกเราต้องรอด"
"ไม่ต้องกลัวนะลูก"
"ไม่ ไม่ พ่อครับแม่ครับอย่าทิ้งผมไป ขอร้อง ฮือๆ" น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มที่ขาวซีดด้วยความกลัว นทีร้องออกมาเสียงดังเนื่องจากยังไม่ตื่นจากความฝันอันโหดร้าย เหงื่อไหลตามตัวจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง
"พ่อครับ แม่ครับ" นทียังส่งเสียงเรียกหาคนที่จากโลกนี้ไปแล้ว โดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดแม้แต่น้อย
"ชู่ ชู่ อย่าได้ร้องไห้ ชู่"
มีเสียงกระซิบข้างกายของนที แต่ที่น่าแปลกนทีกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาสัมผัสร่างกายของเขา เขานิ่งเงียบไปอย่างไม่รู้ตัว ความฝันอันน่ากลัวที่เผชิญอยู่นั้นค่อยๆ หายไปเหลือแต่ภาพมืดในความฝัน เขาได้ดำดิ่งสู่ช่วงเวลาของการนอนหลับที่ลึกไปเรื่อยๆ เพราะน้ำเสียงแสนอบอุ่นของชายปริศนา
"จิ๊บ จิ๊บ"
เสียงนกร้องส่งเสียงประสานโต้ตอบกันบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว นทีได้กะพริบตาเพื่อปรับสายตากับแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาในห้องนอนของเขา
"กลิ่นอะไร หอมจัง" เขาสูดดมความหอมที่อบอวลไปทั่วห้องด้วยความสงสัยว่ากลิ่นหอมเหล่านี้มาจากไหน
"ดอกกระดังงานิ"
นทีเหลือบไปเห็นดอกกระดังงาวางอยู่บนโต๊ะที่หัวนอนของเขา เขาหยิบมาพิจารณาและสูดดมความหอมเข้าไปในปอด ความหอมของดอกไม้นี้ทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก ความอ่อนเพลียและความกังวลใจตั้งแต่กลับมาที่นี่นั้นหายไปจนหมดสิ้น เขายกยิ้มกับดอกไม้แสนสวยและกลิ่นหอมนี้อย่างอารมณ์ดี ไม่น่าเชื่อว่าแค่ดอกไม้ดอกเดียวทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
"ใครกันนำดอกไม้มาให้" นทีกลับแปลกใจว่าผู้ใดเเอบเอาดอกไม้มาวางให้เขา
"คงเป็นอารัตแน่เลย" เขาได้พูดกับตัวเองเบาๆ และเก็บดอกไม้ใส่กระเป๋าแล้วลงมาหาอาของตนข้างล่าง เขานั้นลืมความฝันเมื่อคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีแต่ความคิดใหม่ว่าผู้ใดนำดอกไม้ดอกนี้มาให้เขากันแน่ช่างใจดีจริง
"อารัตครับ" นทีเดินลงมาเจออาของเขาเข้าพอดีจึงรีบทักขึ้น
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ" รัตนาเห็นนทีหน้าตาตื่นลงมาจากบันไดด้วยความตื่นเต้น เธอแปลกใจที่หลานชายตื่นเช้ากว่าที่คิด นึกว่าจะตื่นตอนเที่ยงเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเสียอีก
"ครับ ว่าแต่อาจะไปไหนครับ" นทีเห็นอาของตนแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอกจึงแปลกใจว่าจะไปไหนแต่เช้า
"จะไปตลาด พอดีตื่นมาเตรียมตัวสายไปหน่อย อาต้องรีบไปก่อนตลาดจะวาย" เธอรีบเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้ที่ชื่อพิมทันทีที่พูดกับนทีจบ นทียืนงงกับท่าทางของคนตรงหน้า เขาจึงไม่ได้ถามเรื่องดอกไม้จากอาของเขาเลย
นทีมองคนทั้งสองออกไปข้างนอกจนลับสายตา เขาจึงหันหลังกลับเข้าห้องไปอย่างมึนงง อยากคุยอยากถามอะไรมากกว่านี้แต่คนบ้านนี้ดูเหมือนจะรีบเร่งตลอดเวลา
เขากลับมาในห้องนอนวางดอกไม้ไว้บนโต๊ะที่เดิม ถึงไม่รู้ว่าใครที่ใจดีนำดอกไม้กลิ่นหอมมาให้เขาก็ไม่เป็นอะไร เรื่องที่อยากรู้คงต้องเก็บไว้ก่อนเพราะตอนนี้เขาควรเก็บที่นอนและอาบน้ำให้ตนเองสดชื่นตามดอกไม้ดอกนี้ดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นนทีจึงจัดการตนเองตามที่ตนคิดไว้อย่างเรียบร้อยในเวลาไม่นาน
นทีเดินออกจากบ้านเพื่อสำรวจรอบบ้านว่าเปลี่ยนไปจากเดิมไหม เขาเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงหนองน้ำขนาดใหญ่มีต้นไม้และหญ้าปกคลุมโดยรอบ เขาจำที่นี่ได้เป็นอย่างดีเป็นสถานที่ที่เขามานั่งเล่นบ่อยครั้งในตอนเด็ก นทีนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ติดกับหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้โดยนั่งมองออกไปสุดสายตา ความรู้สึกสบายแบบนี้ในชีวิตของเขานั้นยากที่จะเจอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่สถานที่นี้ยังคงเหมือนเดิมและทำให้เขาสบายใจทุกครั้งไป นทีได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลัง เขาตกใจจึงหันไปมองต้นเสียงที่ใกล้เข้ามาทันที
"ใครนะ!"
"เราเอง แฮะ แฮะ" ปัถวีตั้งใจจะทำให้นทีตกใจเล่นแต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว นทีรู้ตัวเสียก่อน
"อ้าว วีเองเหรอเรานึกว่าใคร" นทีหันไปคุยกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าที่คลายความตกใจ
"ใช่สิ นายนึกว่าใครกัน" แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นเขาแต่ทำไมนทีถึงพูดว่ามีคนอื่นอีก
"ไม่รู้สิ เรานึกว่ามีชายแปลกหน้าแอบย่องมาทางด้านหลัง" นทียังไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกว่าไม่ใช่ปัถวี เหมือนมีคนคอยจับตามองเขาอยู่ อาจเป็นเพราะดอกกระดังงาปริศนานั้นแน่นอนที่ทำให้เขาระแวงว่ามีคนคอยตามมา
"ฮ่า ฮ่า คิดมากน่าที่นี่ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีนายต้องรีบโทรหาเราก่อนคนแรกเลยรู้ไหม" ปัถวีเดินมานั่งใกล้ๆ นทีอย่างทุกครั้ง
"อืม ขอบใจ" นทียิ้มกลับให้เขาอย่างเป็นมิตร จะหาเพื่อนที่ไหนดีเท่าคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว
"ว่าแต่คิดถึงเหมือนกันเนอะ เวลานายโดนคุณย่าหรือคุณพ่อกับคุณแม่นายบ่นทีไร ต้องแอบมานั่งที่นี่เป็นประจำเลยนะ" ปัถวีจำเรื่องตอนเด็กได้เป็นอย่างดีเพราะเขามักอยู่ด้วยทุกครั้งไป
"อืมใช่ นายนั่นแหละที่ทำให้ฉันโดนด่า" นทีหันไปมองค้อนต่อว่าเพื่อนตน
"แฮะ แฮะ" ปัถวีหัวเราะกลบเกลื่อนทันที
"แดดเริ่มร้อนแล้ว เข้าบ้านกันเถอะ นายก็อยู่ทานข้าวที่บ้านกับเราด้วยสิ" นทีชวนปัถวีเพราะปัถวีนั้นอยู่บ้านคนเดียว บิดาและมารดาของเขาไปทำงานที่ต่างประเทศยังไม่กลับมาซึ่งแน่นอนรายนี้ต้องมาฝากท้องที่บ้านประจำ
"ไม่ปฏิเสธครับผม" ปัถวียิ้มหน้าบานตามนทีที่ลุกขึ้นเดินเข้าบ้านโดยไม่รอเขาเลยสักนิด
เมื่อกลับเข้าบ้านมาทั้งสองได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาถึงประตูทางเข้าบ้าน พวกเขาทั้งคู่เดินไปนั่งประจำที่ทันทีพร้อมกับอาหารที่กำลังจัดเตรียมวางไว้บนโต๊ะอาหารทีละอย่าง
"อ้าว มากันแล้ว อากำลังให้พิมไปตามเราอยู่เลยนะที" รัตนาเห็นนทีมาพร้อมกับปัถวีจึงเข้าใจว่าทั้งคู่คงเจอกันข้างนอกอย่างแน่นอนและปัถวีต้องย่องมาหานทีอย่างไม่ต้องสงสัย รายนี้ชอบตามติดนทีตั้งแต่เด็กยันโต
"ครับ ผมพาวีมาด้วย" นทียิ้มแป้นให้อาของเขา ใจจริงอยากทานอาหารตรงหน้าจะแย่อยู่แล้ว
"จ้าๆ ทานได้เลยไม่ต้องรออา" เธอคิดว่าจะเข้าไปดูอะไรในครัวอีกเล็กน้อยก่อนที่จะออกมาทานอาหารพร้อมกับหลาน
"อารัตครับ" นทีอยากรู้เรื่องที่เขาคาใจ
"มีอะไรจ๊ะ" รัตนาหันมามองนทีเพี่อตอบคำถามของเขา
"เมื่อเช้าอานำดอกกระดังงามาให้ผมเหรอครับ" นทีสงสัยสิ่งนี้ที่สุดว่าใครเอาดอกไม้มาให้ตน
"พูดเรื่องอะไรกัน อาไม่ได้เข้าไปห้องเราเลยนะ อีกอย่างประตูห้องเราก็ล็อกไว้ไม่ใช่หรือไง" เธองงกับคำพูดของหลานชาย คงไม่มีใครเข้าไปในห้องได้เพราะนทีติดนิสัยชอบล็อกประตูห้อง อีกอย่างเธอลองมาหาเมื่อคืนจะแอบดูว่าหลานตนนอนสบายไหม พอรู้ว่านทีล็อกห้องเธอจึงตัดใจเดินออกมา
"เออ...จริงด้วย" นทีพึ่งนึกออกว่าเขาเป็นคนล็อกประตูห้องเองแล้วใครจะเข้ามาได้
"แล้วดอกกระดังงาที่บ้านนี้ไม่มีแล้วนะจ๊ะ ต้นมันตายไปตั้งหลายปีแล้ว แล้วเราไปเอาดอกกระดังงามาจากที่ไหนกัน" เธอขมวดคิ้วสงสัยในสิ่งที่นทีถาม
"ไม่มีอะไรครับ ผมพูดไปอย่างนั้นแหละครับ" นทีเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนเขาไม่อยากให้ใครมองว่าเขาแปลกที่กุเรื่องขึ้นมาเอง
"อ๋อ จ๊ะ" เธอเดินเข้าครัวไปทันทีทิ้งให้นทีมึนงงอยู่บนโต๊ะ
"มีอะไรหรือเปล่า" ปัถวีถามนทีด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มี ทานข้าวกันเถอะ มีแต่ของที่นายชอบทั้งนั้นเลยนะ กินเยอะๆ หล่ะ"
นทีเอาใจคนตรงหน้ากลบเกลื่อนเรื่องที่เขาถามอาของตนเองไป เขาไม่อยากให้ปัถวีมาสงสัยอะไรเขาตอนนี้ แค่ดอกปริศนาที่มาโผล่บนหัวเตียงก็ทำให้เขามีความคิดมากพอแล้ว ถ้าโดนคนตรงหน้าซักถามอีกมีหวังแย่แน่เลย
"พวกเราต้องรอด"
"ไม่ต้องกลัวนะลูก"
"ไม่ ไม่ พ่อครับแม่ครับอย่าทิ้งผมไป ขอร้อง ฮือๆ" น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มที่ขาวซีดด้วยความกลัว นทีร้องออกมาเสียงดังเนื่องจากยังไม่ตื่นจากความฝันอันโหดร้าย เหงื่อไหลตามตัวจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง
"พ่อครับ แม่ครับ" นทียังส่งเสียงเรียกหาคนที่จากโลกนี้ไปแล้ว โดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดแม้แต่น้อย
"ชู่ ชู่ อย่าได้ร้องไห้ ชู่"
มีเสียงกระซิบข้างกายของนที แต่ที่น่าแปลกนทีกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาสัมผัสร่างกายของเขา เขานิ่งเงียบไปอย่างไม่รู้ตัว ความฝันอันน่ากลัวที่เผชิญอยู่นั้นค่อยๆ หายไปเหลือแต่ภาพมืดในความฝัน เขาได้ดำดิ่งสู่ช่วงเวลาของการนอนหลับที่ลึกไปเรื่อยๆ เพราะน้ำเสียงแสนอบอุ่นของชายปริศนา
"จิ๊บ จิ๊บ"
เสียงนกร้องส่งเสียงประสานโต้ตอบกันบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว นทีได้กะพริบตาเพื่อปรับสายตากับแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาในห้องนอนของเขา
"กลิ่นอะไร หอมจัง" เขาสูดดมความหอมที่อบอวลไปทั่วห้องด้วยความสงสัยว่ากลิ่นหอมเหล่านี้มาจากไหน
"ดอกกระดังงานิ"
นทีเหลือบไปเห็นดอกกระดังงาวางอยู่บนโต๊ะที่หัวนอนของเขา เขาหยิบมาพิจารณาและสูดดมความหอมเข้าไปในปอด ความหอมของดอกไม้นี้ทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก ความอ่อนเพลียและความกังวลใจตั้งแต่กลับมาที่นี่นั้นหายไปจนหมดสิ้น เขายกยิ้มกับดอกไม้แสนสวยและกลิ่นหอมนี้อย่างอารมณ์ดี ไม่น่าเชื่อว่าแค่ดอกไม้ดอกเดียวทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
"ใครกันนำดอกไม้มาให้" นทีกลับแปลกใจว่าผู้ใดเเอบเอาดอกไม้มาวางให้เขา
"คงเป็นอารัตแน่เลย" เขาได้พูดกับตัวเองเบาๆ และเก็บดอกไม้ใส่กระเป๋าแล้วลงมาหาอาของตนข้างล่าง เขานั้นลืมความฝันเมื่อคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีแต่ความคิดใหม่ว่าผู้ใดนำดอกไม้ดอกนี้มาให้เขากันแน่ช่างใจดีจริง
"อารัตครับ" นทีเดินลงมาเจออาของเขาเข้าพอดีจึงรีบทักขึ้น
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ" รัตนาเห็นนทีหน้าตาตื่นลงมาจากบันไดด้วยความตื่นเต้น เธอแปลกใจที่หลานชายตื่นเช้ากว่าที่คิด นึกว่าจะตื่นตอนเที่ยงเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเสียอีก
"ครับ ว่าแต่อาจะไปไหนครับ" นทีเห็นอาของตนแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอกจึงแปลกใจว่าจะไปไหนแต่เช้า
"จะไปตลาด พอดีตื่นมาเตรียมตัวสายไปหน่อย อาต้องรีบไปก่อนตลาดจะวาย" เธอรีบเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้ที่ชื่อพิมทันทีที่พูดกับนทีจบ นทียืนงงกับท่าทางของคนตรงหน้า เขาจึงไม่ได้ถามเรื่องดอกไม้จากอาของเขาเลย
นทีมองคนทั้งสองออกไปข้างนอกจนลับสายตา เขาจึงหันหลังกลับเข้าห้องไปอย่างมึนงง อยากคุยอยากถามอะไรมากกว่านี้แต่คนบ้านนี้ดูเหมือนจะรีบเร่งตลอดเวลา
เขากลับมาในห้องนอนวางดอกไม้ไว้บนโต๊ะที่เดิม ถึงไม่รู้ว่าใครที่ใจดีนำดอกไม้กลิ่นหอมมาให้เขาก็ไม่เป็นอะไร เรื่องที่อยากรู้คงต้องเก็บไว้ก่อนเพราะตอนนี้เขาควรเก็บที่นอนและอาบน้ำให้ตนเองสดชื่นตามดอกไม้ดอกนี้ดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นนทีจึงจัดการตนเองตามที่ตนคิดไว้อย่างเรียบร้อยในเวลาไม่นาน
นทีเดินออกจากบ้านเพื่อสำรวจรอบบ้านว่าเปลี่ยนไปจากเดิมไหม เขาเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงหนองน้ำขนาดใหญ่มีต้นไม้และหญ้าปกคลุมโดยรอบ เขาจำที่นี่ได้เป็นอย่างดีเป็นสถานที่ที่เขามานั่งเล่นบ่อยครั้งในตอนเด็ก นทีนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ติดกับหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้โดยนั่งมองออกไปสุดสายตา ความรู้สึกสบายแบบนี้ในชีวิตของเขานั้นยากที่จะเจอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่สถานที่นี้ยังคงเหมือนเดิมและทำให้เขาสบายใจทุกครั้งไป นทีได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลัง เขาตกใจจึงหันไปมองต้นเสียงที่ใกล้เข้ามาทันที
"ใครนะ!"
"เราเอง แฮะ แฮะ" ปัถวีตั้งใจจะทำให้นทีตกใจเล่นแต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว นทีรู้ตัวเสียก่อน
"อ้าว วีเองเหรอเรานึกว่าใคร" นทีหันไปคุยกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าที่คลายความตกใจ
"ใช่สิ นายนึกว่าใครกัน" แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นเขาแต่ทำไมนทีถึงพูดว่ามีคนอื่นอีก
"ไม่รู้สิ เรานึกว่ามีชายแปลกหน้าแอบย่องมาทางด้านหลัง" นทียังไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกว่าไม่ใช่ปัถวี เหมือนมีคนคอยจับตามองเขาอยู่ อาจเป็นเพราะดอกกระดังงาปริศนานั้นแน่นอนที่ทำให้เขาระแวงว่ามีคนคอยตามมา
"ฮ่า ฮ่า คิดมากน่าที่นี่ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีนายต้องรีบโทรหาเราก่อนคนแรกเลยรู้ไหม" ปัถวีเดินมานั่งใกล้ๆ นทีอย่างทุกครั้ง
"อืม ขอบใจ" นทียิ้มกลับให้เขาอย่างเป็นมิตร จะหาเพื่อนที่ไหนดีเท่าคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว
"ว่าแต่คิดถึงเหมือนกันเนอะ เวลานายโดนคุณย่าหรือคุณพ่อกับคุณแม่นายบ่นทีไร ต้องแอบมานั่งที่นี่เป็นประจำเลยนะ" ปัถวีจำเรื่องตอนเด็กได้เป็นอย่างดีเพราะเขามักอยู่ด้วยทุกครั้งไป
"อืมใช่ นายนั่นแหละที่ทำให้ฉันโดนด่า" นทีหันไปมองค้อนต่อว่าเพื่อนตน
"แฮะ แฮะ" ปัถวีหัวเราะกลบเกลื่อนทันที
"แดดเริ่มร้อนแล้ว เข้าบ้านกันเถอะ นายก็อยู่ทานข้าวที่บ้านกับเราด้วยสิ" นทีชวนปัถวีเพราะปัถวีนั้นอยู่บ้านคนเดียว บิดาและมารดาของเขาไปทำงานที่ต่างประเทศยังไม่กลับมาซึ่งแน่นอนรายนี้ต้องมาฝากท้องที่บ้านประจำ
"ไม่ปฏิเสธครับผม" ปัถวียิ้มหน้าบานตามนทีที่ลุกขึ้นเดินเข้าบ้านโดยไม่รอเขาเลยสักนิด
เมื่อกลับเข้าบ้านมาทั้งสองได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาถึงประตูทางเข้าบ้าน พวกเขาทั้งคู่เดินไปนั่งประจำที่ทันทีพร้อมกับอาหารที่กำลังจัดเตรียมวางไว้บนโต๊ะอาหารทีละอย่าง
"อ้าว มากันแล้ว อากำลังให้พิมไปตามเราอยู่เลยนะที" รัตนาเห็นนทีมาพร้อมกับปัถวีจึงเข้าใจว่าทั้งคู่คงเจอกันข้างนอกอย่างแน่นอนและปัถวีต้องย่องมาหานทีอย่างไม่ต้องสงสัย รายนี้ชอบตามติดนทีตั้งแต่เด็กยันโต
"ครับ ผมพาวีมาด้วย" นทียิ้มแป้นให้อาของเขา ใจจริงอยากทานอาหารตรงหน้าจะแย่อยู่แล้ว
"จ้าๆ ทานได้เลยไม่ต้องรออา" เธอคิดว่าจะเข้าไปดูอะไรในครัวอีกเล็กน้อยก่อนที่จะออกมาทานอาหารพร้อมกับหลาน
"อารัตครับ" นทีอยากรู้เรื่องที่เขาคาใจ
"มีอะไรจ๊ะ" รัตนาหันมามองนทีเพี่อตอบคำถามของเขา
"เมื่อเช้าอานำดอกกระดังงามาให้ผมเหรอครับ" นทีสงสัยสิ่งนี้ที่สุดว่าใครเอาดอกไม้มาให้ตน
"พูดเรื่องอะไรกัน อาไม่ได้เข้าไปห้องเราเลยนะ อีกอย่างประตูห้องเราก็ล็อกไว้ไม่ใช่หรือไง" เธองงกับคำพูดของหลานชาย คงไม่มีใครเข้าไปในห้องได้เพราะนทีติดนิสัยชอบล็อกประตูห้อง อีกอย่างเธอลองมาหาเมื่อคืนจะแอบดูว่าหลานตนนอนสบายไหม พอรู้ว่านทีล็อกห้องเธอจึงตัดใจเดินออกมา
"เออ...จริงด้วย" นทีพึ่งนึกออกว่าเขาเป็นคนล็อกประตูห้องเองแล้วใครจะเข้ามาได้
"แล้วดอกกระดังงาที่บ้านนี้ไม่มีแล้วนะจ๊ะ ต้นมันตายไปตั้งหลายปีแล้ว แล้วเราไปเอาดอกกระดังงามาจากที่ไหนกัน" เธอขมวดคิ้วสงสัยในสิ่งที่นทีถาม
"ไม่มีอะไรครับ ผมพูดไปอย่างนั้นแหละครับ" นทีเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนเขาไม่อยากให้ใครมองว่าเขาแปลกที่กุเรื่องขึ้นมาเอง
"อ๋อ จ๊ะ" เธอเดินเข้าครัวไปทันทีทิ้งให้นทีมึนงงอยู่บนโต๊ะ
"มีอะไรหรือเปล่า" ปัถวีถามนทีด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มี ทานข้าวกันเถอะ มีแต่ของที่นายชอบทั้งนั้นเลยนะ กินเยอะๆ หล่ะ"
นทีเอาใจคนตรงหน้ากลบเกลื่อนเรื่องที่เขาถามอาของตนเองไป เขาไม่อยากให้ปัถวีมาสงสัยอะไรเขาตอนนี้ แค่ดอกปริศนาที่มาโผล่บนหัวเตียงก็ทำให้เขามีความคิดมากพอแล้ว ถ้าโดนคนตรงหน้าซักถามอีกมีหวังแย่แน่เลย

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2560, 13:44:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2560, 13:44:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 680
<< อันตรายมาเยือน | เสียงใครกัน >> |