มนต์รักในคำสัญญา (Yaoi) - จบ
คำสัญญาที่เธอเคยให้ไว้กับชายที่รัก แต่ในชาตินี้เธอกลับจำไม่ได้และที่สำคัญเธอเกิดมาเป็นผู้ชาย " คำสัญญาที่เจ้าเคยให้ไว้กับพี่ เจ้าจำได้ไหม พี่รอคอยเวลาที่จะพบเจอเจ้ามานานแสนนาน ไม่ว่ากี่พบกี่ชาติพี่ไม่มีวันลืม" ความรักจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหรือจะต้องทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน
Tags: นิยายรัก มนตรา มนตร์ นิยายวาย BL Yaoi
ตอน: พศินกับคืนที่แปลก
เข้าสู่เช้าวันใหม่นทีโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มที่ใช้คลุมตัว เขามองไปรอบห้องด้วยขอบตาที่คล้ำจากการอดนอนเมื่อคืน ยอมรับว่ายังระแวงเสียงที่หลอนเมื่อวาน แต่พอมองไปรอบห้องไม่มีอะไรผิดปกติจึงโล่งใจ เขารีบเก็บที่นอนและทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อยก่อนที่จะลงไปข้างล่าง
"อ้าวทีตื่นแล้วเหรอ" รัตนาได้ถามนทีที่เดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าที่อิดโรย
"ครับ"
"หน้าเราเหมือนคนไม่ได้นอนเลยนะ นอนไม่หลับหรือไง" รัตนาเป็นห่วงหลานชายขึ้นมาเพราะดูหน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน
"ค...คือผม" นทีอยากบอกว่าตนได้เจอกับอะไรมาบ้าง แต่เหมือนมันจุกที่คอไม่สามารถพูดออกมาได้ คงเป็นเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อ
"เป็นอะไรไปที" รัตนาขมวดคิ้วสงสัยขึ้นมาทันที
"ไงที หลานรักของอากลับมาก็ไม่มาหาเลยนะ" พศินเห็นหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลยืนคุยกับภรรยาของตนก็ดีใจทักทายออกไป
"ครับ อาศินสวัสดีครับ โห อามาถึงเมื่อไหร่กันครับ" นทีรีบยกมือไหว้อาของตนทันที
"อะไรกัน อาก็บอกรัตแล้วไงว่าอาจะกลับค่ำ อามาถึงก็ไม่เห็นเราเลยนะรีบขึ้นนอนก่อนไม่รอรับอาเลย" พศินยิ้มให้กับความมึนงงของหลานชายตนเอง
"แฮะ แฮะ ผมขอโทษครับเมื่อวานผมเหนื่อยไปหน่อย" นทีต้องโกหกไปถ้าบอกความจริงจะมีใครเชื่อเขา กลับกันอาจโดนหาว่าหูฟาดไปอีก แต่เมื่อวานเขาก็ผิดจริงมัวแต่กลัวผีจนตนเองลืมไปว่าต้องรอรับพศิน
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากนะ ไปทานข้าวกัน" พศินไม่อยากให้หลานเป็นกังวลจึงรีบเปลี่ยนเรื่องไปนั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารดีเสียกว่า
"ครับ"
นทีเดินตามอาทั้งสองไปทานข้าวเช้า ตั้งแต่เมื่อคืนเขายังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิดเอาเข้าจริงหิวเหมือนกัน
ทั้งสามนั่งทานข้าวกันพร้อมหน้าและคุยกันอย่างสนุกสนานบนโต๊ะอาหาร ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาอย่างคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน
แต่หารู้ไม่ว่ามีสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็นกำลังจับตามองพวกเขา ความลับของบ้านหลังนี้รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวนี้มันมีความลับแฝงอยู่ แต่คงไม่สามารถรอดพ้นสิ่งที่มองไม่เห็นตนนี้ไปได้ เขานั้นรับรู้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้และรู้ด้วยว่าใครเป็นคนพรากพ่อและแม่ไปจากคนรักของเขา ความแค้นของคนหนึ่งคนที่ฝังลึกข้ามภพข้ามชาติตามมาแก้แค้นและทวงสมบัติของเขาคืน นั้นมันรุนแรงจนไม่สามารถห้ามได้ สิ่งดีที่มองผิวเผินแต่ลับหลังกลับมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ยังไงสักวันต้องปรากฏ
ตอนนี้ทั้งสามกำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์ที่น่าสนใจตรงหน้าในห้องรับแขกอย่างสนอกสนใจ
"ทีรู้หรือยังว่าอาทิตย์หน้าจะมีการเปิดพินัยกรรม" พศินเกริ่นนำเรื่องสำคัญก่อนอันดับแรกหลังจากทุกคนเงียบไปไปนาน
"อารัตบอกผมเหมือนกันครับ" นทียิ้มให้อาของเขาและหันกลับไปมองรายการโทรทัศน์ตรงหน้าต่อ
"รัตบอกหลานหมดแล้วค่ะ" รัตนาได้บอกสมทบออกมาอีกครั้งแล้วหันไปปอกแอปเปิลที่สามีถือติดมาฝากคนที่บ้าน
"อืม" พศินพยักหน้ารับทันที
"ว่าแต่เพื่อนตัวดีของเราทำไมวันนี้ถึงเงียบจัง" รัตนาหันไปถามหลานของตนเนื่องจากเธอไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนชายของนทีตั้งแต่เช้าซึ่งดูผิดวิสัยไปหน่อย
"คงโดนพ่อกับแม่ของเขากักตัวให้ทำงานบ้านมั้งครับ ผมไม่อยากคิดภาพเลยเวลาวีโดนคุณป้าดุเอา" เขาจำได้ตอนสมัยเด็กปถวีมักจะโดนต่อว่าเป็นประจำเรื่องที่ชอบทำบ้านรกและไม่ยอมเก็บของตนเองเข้าที่
"ฮ่า ฮ่า ยังเหมือนเดิมเลยนะ นิสัยขี้เกียจทำความสะอาดบ้านเนี้ย" พศินหัวเราะชอบใจกับการกระทำที่คงเส้นคงวาของเพื่อนหลานชายตนเอง นทีหันไปยิ้มให้
"ครืด ครืด" เสียงโทรศัพท์มือถือของพศินที่อยู่บนโต๊ะดังขึ้นเขาจึงรับสาย
"ครับ"
"ได้ครับ"
"เดี๋ยวอากลับมานะ คงกลับดึกหน่อยนะรัต" พศินได้บอกนทีและหันไปบอกรัตนาต่อ
"ไปไหนอีกค่ะพึ่งจะกลับมาเอง" รัตนาไม่เข้าใจในเมื่องานที่ต้องทำก็เสร็จเรียบร้อยแล้วทำไมยังต้องไปอีก
"งานด่วนนะ มีลูกค้าสั่งออร์เดอร์เพิ่ม พี่ต้องไปดูก่อนว่าสินค้าเรามีพอไหม" พศินพูดจบเขาได้ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ในมือทันที
"ดูอาศินจะยุ่งตลอดเลยนะครับ" นทีเห็นอาของเขาดูยุ่งตลอดเวลาจนอดที่จะพูดออกมาไม่ได้
"ก็ตั้งแต่คุณย่าเสียคนคุมงานในบ้านก็ลดลง คนงานก็มีบ้างที่จะไม่ฟังอาศิน เรากลับมาก็ดีเหมือนกันนะ จะได้มาช่วยกันดูแลสวนคุณย่า อาศินทำคนเดียวคงไม่ไหวแน่" เธอบอกหลานของเธอเพราะสวนผลไม้ที่มารดาของเธอทำไว้นั้นมีจำนวนไม่น้อย ถึงจะมีคนงานจำนวนมากแต่ก็หลายคนที่ยังยึดติดกับมารดาของเขา ถ้าพี่กนก พ่อของนทียังอยู่คงช่วยได้มากเลยทีเดียว
"แต่ผมทำอะไรไม่เป็นเลยนะครับ" นทีบ่นกับตนเองจะให้เป็นได้ยังไงในเมื่อคณะที่เขาจบมาเป็นคณะบริหารและที่สำคัญยังไม่เคยทำเรื่องเกษตรเลยสักครั้ง
"ไม่เป็นไรที เรื่องเหล่านี้เราเรียนรู้ไปด้วยกันได้นะ ไม่ต้องเครียดหรอกนะจ๊ะ ยังไงอาศินต้องสอนเราอยู่แล้วไม่ต้องห่วง" เธอให้กำลังใจหลานของเธอเพราะเข้าใจว่านทียังคงเป็นเด็กน้อยที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้
เมื่อตะวันลับขอบฟ้าทุกคนต้องเข้านอนรวมถึงนทีด้วยเหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังจัดที่นอนให้เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะนอนหลับแต่หูกลับไปได้ยินเสียงชายปริศนาเข้า
"แม่จัน"
เสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงที่โหยหวนเหมือนครั้งก่อนที่ตนเคยได้ยิน แต่เป็นเสียงที่ตั้งใจเรียกใครบางคนให้ออกไป ด้วยความที่นทีคาใจกับชายปริศนา ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคนตอนนี้ความอยากรู้มันมากกว่าความกลัวที่เคยครอบงำจิตใจของเขาเมื่อคืนนี้ จึงก้าวขาออกจากห้องตามเสียงเรียกของชายปริศนาออกไปในชุดนอน
"แม่จัน แม่จัน"
เขาได้เดินตามเสียงเรียกไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมืดจนไม่เห็นทางแต่ยังพอมีเเสงจากพระจันทร์ทำให้เขาสามารถเห็นทางเดินได้ เขาเดินตามเสียงไปจนมาหยุดอยู่ที่หนองน้ำขนาดใหญ่ที่เขาชอบมานั่งเล่นเป็นประจำ สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้เขายกยิ้มขึ้นมาทันที
หนองน้ำมีแสงจันทร์กระทบกับผิวน้ำและบริเวณรอบตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยหิ่งห้อยน้อยใหญ่จำนวนมาก เป็นภาพที่สวยงามในสายตาของเขา ตัวของนทีนั้นไม่เคยเห็นเขาได้ยื่นมือทั้งสองออกไปจับหิ่งห้อยตัวน้อยให้อยู่ในอุ้งมือ แล้วค่อยๆ ส่องดูแสงที่ลอดออกมาจากรอยแยกของนิ้วมือ เหมือนเขาสามารถกำแสงดวงเล็กๆ ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง นทีมองดูหิ่งห้อยที่อยู่ในมือด้วยความเอ็นดูแสงที่สวยงามของมันก่อนที่จะปล่อยออกไป
"เจ้าชอบไหม"
เสียงของชายปริศนาได้ดังขึ้นทำให้นทีหันไปตามเสียงแล้วสิ่งที่เขาเห็น คือ ผู้ชายไว้ผมรองทรง เสื้อและกางเกงขายาวเป็นผ้าแพรอย่างดี เขามองคนที่มาหาเขาอย่างพิจารณา
"ครับ" นทีขานกลับไปด้วยสีหน้าที่มึนงง
"หึ" เขากลับหัวเราะในลำคอ นทีเห็นแบบนั้นยิ่งงงเข้าไปใหญ่
"แม่จัน เจ้าชอบไหมที่พี่ทำแบบนี้ให้" ชายตรงหน้าได้พูดขึ้นอีกครั้ง
"จัน คุณเรียกผมว่าจันเหรอครับ" นทีถามกลับไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
"ใช่ แม่จันของพี่" ชายตรงหน้ากลับพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนอะไรสักอย่าง นทีได้ยินถึงกลับเกาหัวในทันที
"ผมไม่ได้ชื่อจันนะครับ ผมชื่อนที จะเรียกว่าทีก็ได้" นทีตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร
"หึ ฉันชื่อศร" ชายตรงหน้ากลับไม่พูดอะไรมากนักแต่กลับแนะนำตนเองด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง นทีเห็นแบบนั้นจึงยักไหล่ไม่ว่าอะไร
"เออ...คุณมีอะไรกับผมเหรอครับ"
"พี่อยากให้เจ้าดูสิ่งเหล่านี้" ศรได้ชี้ไปยังหนองน้ำที่แสงจันทร์ส่องกระทบผิวน้ำให้เห็นคลื่นน้ำเล็กๆ กระทบเข้ามาตามลมที่พัดผ่านและรอบตัวมีแสงจากหิ่งห้อยบินเข้ามาหา นทียกยิ้มอีกครั้งกับความสวยงามเหล่านี้
"สวยจังครับ"
นทีได้บอกกับชายข้างกายแบบนั้น ศรเห็นว่านทีชอบเขาจึงยิ้มตามไปด้วย นทีมัวแต่สนใจสิ่งที่ศรทำให้และชื่นชมความสวยงามจนลืมนึกว่าตนนั้นกำลังคุยกับใครและไม่สังเกตว่าสิ่งเหล่านี้มันผิดวิสัยที่จะเกิดขึ้น จนกระทั่งหูของเขาได้ยินเสียงที่ไม่น่าจะได้ยินในคืนนี้
"อย่าสิพี่ เดี๋ยวมีคนได้ยิน"
"พี่คิดถึงเราจะแย่อยู่แล้ว"
"ถ้าใครเห็นเข้าทำยังไงจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เรามาแถวนี้ใครมันจะได้ยิน"
"อ้าวทีตื่นแล้วเหรอ" รัตนาได้ถามนทีที่เดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าที่อิดโรย
"ครับ"
"หน้าเราเหมือนคนไม่ได้นอนเลยนะ นอนไม่หลับหรือไง" รัตนาเป็นห่วงหลานชายขึ้นมาเพราะดูหน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน
"ค...คือผม" นทีอยากบอกว่าตนได้เจอกับอะไรมาบ้าง แต่เหมือนมันจุกที่คอไม่สามารถพูดออกมาได้ คงเป็นเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อ
"เป็นอะไรไปที" รัตนาขมวดคิ้วสงสัยขึ้นมาทันที
"ไงที หลานรักของอากลับมาก็ไม่มาหาเลยนะ" พศินเห็นหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลยืนคุยกับภรรยาของตนก็ดีใจทักทายออกไป
"ครับ อาศินสวัสดีครับ โห อามาถึงเมื่อไหร่กันครับ" นทีรีบยกมือไหว้อาของตนทันที
"อะไรกัน อาก็บอกรัตแล้วไงว่าอาจะกลับค่ำ อามาถึงก็ไม่เห็นเราเลยนะรีบขึ้นนอนก่อนไม่รอรับอาเลย" พศินยิ้มให้กับความมึนงงของหลานชายตนเอง
"แฮะ แฮะ ผมขอโทษครับเมื่อวานผมเหนื่อยไปหน่อย" นทีต้องโกหกไปถ้าบอกความจริงจะมีใครเชื่อเขา กลับกันอาจโดนหาว่าหูฟาดไปอีก แต่เมื่อวานเขาก็ผิดจริงมัวแต่กลัวผีจนตนเองลืมไปว่าต้องรอรับพศิน
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากนะ ไปทานข้าวกัน" พศินไม่อยากให้หลานเป็นกังวลจึงรีบเปลี่ยนเรื่องไปนั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารดีเสียกว่า
"ครับ"
นทีเดินตามอาทั้งสองไปทานข้าวเช้า ตั้งแต่เมื่อคืนเขายังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิดเอาเข้าจริงหิวเหมือนกัน
ทั้งสามนั่งทานข้าวกันพร้อมหน้าและคุยกันอย่างสนุกสนานบนโต๊ะอาหาร ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาอย่างคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน
แต่หารู้ไม่ว่ามีสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็นกำลังจับตามองพวกเขา ความลับของบ้านหลังนี้รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวนี้มันมีความลับแฝงอยู่ แต่คงไม่สามารถรอดพ้นสิ่งที่มองไม่เห็นตนนี้ไปได้ เขานั้นรับรู้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้และรู้ด้วยว่าใครเป็นคนพรากพ่อและแม่ไปจากคนรักของเขา ความแค้นของคนหนึ่งคนที่ฝังลึกข้ามภพข้ามชาติตามมาแก้แค้นและทวงสมบัติของเขาคืน นั้นมันรุนแรงจนไม่สามารถห้ามได้ สิ่งดีที่มองผิวเผินแต่ลับหลังกลับมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ยังไงสักวันต้องปรากฏ
ตอนนี้ทั้งสามกำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์ที่น่าสนใจตรงหน้าในห้องรับแขกอย่างสนอกสนใจ
"ทีรู้หรือยังว่าอาทิตย์หน้าจะมีการเปิดพินัยกรรม" พศินเกริ่นนำเรื่องสำคัญก่อนอันดับแรกหลังจากทุกคนเงียบไปไปนาน
"อารัตบอกผมเหมือนกันครับ" นทียิ้มให้อาของเขาและหันกลับไปมองรายการโทรทัศน์ตรงหน้าต่อ
"รัตบอกหลานหมดแล้วค่ะ" รัตนาได้บอกสมทบออกมาอีกครั้งแล้วหันไปปอกแอปเปิลที่สามีถือติดมาฝากคนที่บ้าน
"อืม" พศินพยักหน้ารับทันที
"ว่าแต่เพื่อนตัวดีของเราทำไมวันนี้ถึงเงียบจัง" รัตนาหันไปถามหลานของตนเนื่องจากเธอไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนชายของนทีตั้งแต่เช้าซึ่งดูผิดวิสัยไปหน่อย
"คงโดนพ่อกับแม่ของเขากักตัวให้ทำงานบ้านมั้งครับ ผมไม่อยากคิดภาพเลยเวลาวีโดนคุณป้าดุเอา" เขาจำได้ตอนสมัยเด็กปถวีมักจะโดนต่อว่าเป็นประจำเรื่องที่ชอบทำบ้านรกและไม่ยอมเก็บของตนเองเข้าที่
"ฮ่า ฮ่า ยังเหมือนเดิมเลยนะ นิสัยขี้เกียจทำความสะอาดบ้านเนี้ย" พศินหัวเราะชอบใจกับการกระทำที่คงเส้นคงวาของเพื่อนหลานชายตนเอง นทีหันไปยิ้มให้
"ครืด ครืด" เสียงโทรศัพท์มือถือของพศินที่อยู่บนโต๊ะดังขึ้นเขาจึงรับสาย
"ครับ"
"ได้ครับ"
"เดี๋ยวอากลับมานะ คงกลับดึกหน่อยนะรัต" พศินได้บอกนทีและหันไปบอกรัตนาต่อ
"ไปไหนอีกค่ะพึ่งจะกลับมาเอง" รัตนาไม่เข้าใจในเมื่องานที่ต้องทำก็เสร็จเรียบร้อยแล้วทำไมยังต้องไปอีก
"งานด่วนนะ มีลูกค้าสั่งออร์เดอร์เพิ่ม พี่ต้องไปดูก่อนว่าสินค้าเรามีพอไหม" พศินพูดจบเขาได้ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ในมือทันที
"ดูอาศินจะยุ่งตลอดเลยนะครับ" นทีเห็นอาของเขาดูยุ่งตลอดเวลาจนอดที่จะพูดออกมาไม่ได้
"ก็ตั้งแต่คุณย่าเสียคนคุมงานในบ้านก็ลดลง คนงานก็มีบ้างที่จะไม่ฟังอาศิน เรากลับมาก็ดีเหมือนกันนะ จะได้มาช่วยกันดูแลสวนคุณย่า อาศินทำคนเดียวคงไม่ไหวแน่" เธอบอกหลานของเธอเพราะสวนผลไม้ที่มารดาของเธอทำไว้นั้นมีจำนวนไม่น้อย ถึงจะมีคนงานจำนวนมากแต่ก็หลายคนที่ยังยึดติดกับมารดาของเขา ถ้าพี่กนก พ่อของนทียังอยู่คงช่วยได้มากเลยทีเดียว
"แต่ผมทำอะไรไม่เป็นเลยนะครับ" นทีบ่นกับตนเองจะให้เป็นได้ยังไงในเมื่อคณะที่เขาจบมาเป็นคณะบริหารและที่สำคัญยังไม่เคยทำเรื่องเกษตรเลยสักครั้ง
"ไม่เป็นไรที เรื่องเหล่านี้เราเรียนรู้ไปด้วยกันได้นะ ไม่ต้องเครียดหรอกนะจ๊ะ ยังไงอาศินต้องสอนเราอยู่แล้วไม่ต้องห่วง" เธอให้กำลังใจหลานของเธอเพราะเข้าใจว่านทียังคงเป็นเด็กน้อยที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้
เมื่อตะวันลับขอบฟ้าทุกคนต้องเข้านอนรวมถึงนทีด้วยเหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังจัดที่นอนให้เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะนอนหลับแต่หูกลับไปได้ยินเสียงชายปริศนาเข้า
"แม่จัน"
เสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงที่โหยหวนเหมือนครั้งก่อนที่ตนเคยได้ยิน แต่เป็นเสียงที่ตั้งใจเรียกใครบางคนให้ออกไป ด้วยความที่นทีคาใจกับชายปริศนา ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคนตอนนี้ความอยากรู้มันมากกว่าความกลัวที่เคยครอบงำจิตใจของเขาเมื่อคืนนี้ จึงก้าวขาออกจากห้องตามเสียงเรียกของชายปริศนาออกไปในชุดนอน
"แม่จัน แม่จัน"
เขาได้เดินตามเสียงเรียกไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมืดจนไม่เห็นทางแต่ยังพอมีเเสงจากพระจันทร์ทำให้เขาสามารถเห็นทางเดินได้ เขาเดินตามเสียงไปจนมาหยุดอยู่ที่หนองน้ำขนาดใหญ่ที่เขาชอบมานั่งเล่นเป็นประจำ สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้เขายกยิ้มขึ้นมาทันที
หนองน้ำมีแสงจันทร์กระทบกับผิวน้ำและบริเวณรอบตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยหิ่งห้อยน้อยใหญ่จำนวนมาก เป็นภาพที่สวยงามในสายตาของเขา ตัวของนทีนั้นไม่เคยเห็นเขาได้ยื่นมือทั้งสองออกไปจับหิ่งห้อยตัวน้อยให้อยู่ในอุ้งมือ แล้วค่อยๆ ส่องดูแสงที่ลอดออกมาจากรอยแยกของนิ้วมือ เหมือนเขาสามารถกำแสงดวงเล็กๆ ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง นทีมองดูหิ่งห้อยที่อยู่ในมือด้วยความเอ็นดูแสงที่สวยงามของมันก่อนที่จะปล่อยออกไป
"เจ้าชอบไหม"
เสียงของชายปริศนาได้ดังขึ้นทำให้นทีหันไปตามเสียงแล้วสิ่งที่เขาเห็น คือ ผู้ชายไว้ผมรองทรง เสื้อและกางเกงขายาวเป็นผ้าแพรอย่างดี เขามองคนที่มาหาเขาอย่างพิจารณา
"ครับ" นทีขานกลับไปด้วยสีหน้าที่มึนงง
"หึ" เขากลับหัวเราะในลำคอ นทีเห็นแบบนั้นยิ่งงงเข้าไปใหญ่
"แม่จัน เจ้าชอบไหมที่พี่ทำแบบนี้ให้" ชายตรงหน้าได้พูดขึ้นอีกครั้ง
"จัน คุณเรียกผมว่าจันเหรอครับ" นทีถามกลับไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
"ใช่ แม่จันของพี่" ชายตรงหน้ากลับพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนอะไรสักอย่าง นทีได้ยินถึงกลับเกาหัวในทันที
"ผมไม่ได้ชื่อจันนะครับ ผมชื่อนที จะเรียกว่าทีก็ได้" นทีตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร
"หึ ฉันชื่อศร" ชายตรงหน้ากลับไม่พูดอะไรมากนักแต่กลับแนะนำตนเองด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง นทีเห็นแบบนั้นจึงยักไหล่ไม่ว่าอะไร
"เออ...คุณมีอะไรกับผมเหรอครับ"
"พี่อยากให้เจ้าดูสิ่งเหล่านี้" ศรได้ชี้ไปยังหนองน้ำที่แสงจันทร์ส่องกระทบผิวน้ำให้เห็นคลื่นน้ำเล็กๆ กระทบเข้ามาตามลมที่พัดผ่านและรอบตัวมีแสงจากหิ่งห้อยบินเข้ามาหา นทียกยิ้มอีกครั้งกับความสวยงามเหล่านี้
"สวยจังครับ"
นทีได้บอกกับชายข้างกายแบบนั้น ศรเห็นว่านทีชอบเขาจึงยิ้มตามไปด้วย นทีมัวแต่สนใจสิ่งที่ศรทำให้และชื่นชมความสวยงามจนลืมนึกว่าตนนั้นกำลังคุยกับใครและไม่สังเกตว่าสิ่งเหล่านี้มันผิดวิสัยที่จะเกิดขึ้น จนกระทั่งหูของเขาได้ยินเสียงที่ไม่น่าจะได้ยินในคืนนี้
"อย่าสิพี่ เดี๋ยวมีคนได้ยิน"
"พี่คิดถึงเราจะแย่อยู่แล้ว"
"ถ้าใครเห็นเข้าทำยังไงจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เรามาแถวนี้ใครมันจะได้ยิน"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2560, 13:47:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2560, 13:47:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 716
<< เสียงใครกัน | ชู้รัก >> |