เพลงซ่อนรัก Romance melody
เจอโรม นักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ผู้ครองตำแหน่งแชมป์หลายสมัย

อุบัติเหตุเมื่อสามเดือนก่อนทำให้เขาโคม่า อยู่โรงพยาบาล

เมื่อฟื้นขึ้นมา เจอโรมจำอะไรไม่ได้เลย

สิ่งที่คนรอบข้างบอกก็คือ เขาเลว เจ้าชู้ และสมควรตาย แม้แต่พ่อแท้ๆ ก็ยังไม่รัก

ความทรงจำของเจอโรมเปรียบเสมือนกระดาษขาว เขาจำอะไรไมได้เลย

จำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง เคยชอบอะไร เคยทำอะไร

ผู้หญิงคนเดียวที่รู้สีกคุ้นเคย คือ ชาลิสา

แต่เธอเกลียดเขา จนแช่งให้เขาตาย

เพราะเขาเคยลวนลามหญิงสาวบนเครื่องบินและฟาดหน้าเธอด้วยเงินปิดปากเพื่อให้ทุกอย่างเงียบ

เจอโรมตามติดหญิงสาว เพื่อหวังว่า ไวโอลินอันไพเราะของเธอจะทำให้เขาฟื้นจากความจำเสื่อม

แต่ยิ่งใกล้กัน ความจริงก็ยิ่งเปิดเผย..

ว่า เบื้องหลังอุบัติเหตุนั้นมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่..


Tags: เพลงโอเปร่า แบดบอย นักดนตรีสุดเซอร์และฆาตกรรม

ตอน: บทที่ ๖ โอกาสที่สอง

บทที่ ๖ โอกาสที่สอง

วันนี้เหนื่อยสุดๆ งานเยอะ เครียด หนักใจ อยากกระโดดข้ามไปสิ้นเดือนเลยได้ไหม

อ่านกันเลยเน้อ...





You don’t deserve a second chance if you haven’t learned from the first mistake

Mr.Ch, Slapix.com

หญิงสาวเดินนำชายหนุ่มออกจากพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ซิซี่ (Sisi Museum) ที่แยกส่วนออกมาต่างหากจากพระราชวังโฮฟบวร์ก พื้นที่ส่วนนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความชื่นชอบที่มีต่อจักรพรรดินีผู้เลอโฉมจากบาวาเรีย ทรงอภิเษกสมรสกับจักรพรรดิฟรานซ์ โยเซฟ ตั้งแต่อายุ 16 พรรษา ทรงเป็นชายาที่จักรพรรดิโยเซฟรักมากที่สุด พระนางซิซี่ทรงเป็นจักรพรรดินีที่น่าสงสารเพราะมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับราชวงศ์และที่อยู่แห่งใหม่ แม้จะมีพระสิริโฉมงดงามเป็นที่ชื่นชมของทุกคนแล้ว ยังทรงขึ้นชื่อเรื่องฉลองพระองค์ที่งดงาม พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกาย จะทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับความสวยความงามโดยไม่ค่อยสนใจการทำพระราชกรณียกิจสักเท่าไหร่นัก สิ่งที่พระองค์ภูมิใจที่สุดในพระวรกายก็คือ เส้นพระเกศาที่ว่ากันว่า ยาวถึงบั้นพระองค์





ภายหลังการสูญเสียพระโอรส คือ มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ ซึ่งทรงปลงพระชนม์พระองค์เองด้วยพระแสงปืนทำให้พระนางซิซี่ทรงเสียพระทัยมาก หลังจากเหตุการณ์นั้นพระองค์จึงทรงท่องเที่ยวไปทั่วและใช้เวลากับความสวยความงามส่วนพระองค์มากขึ้นไปอีก พระนางซิซี่ถูกลอบปลงพระชนม์จนเสียชีวิตขณะเสด็จประพาส ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะนั้นกำลังทรงพักผ่อนแปรพระราชฐานพร้อมนางกำนัลคนสนิทโดยมีคณะผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน ได้ทรงถูกคนร้ายที่มีชื่อว่า ลุยกิ ลูเชนี นักอนาธิปไตยนิยมแทงจะสิ้นประชนม์ โดยเขาอ้างว่า ต้องการปลงพระชนม์พระบรมวงศานุวงศ์ราชวงศ์ของฝรั่งเศสแต่พระองค์เสด็จผ่านมาพอดีจึงตกเป็นเหยื่อ พระศพของพระนางซิซี่ถูกนำกลับมายังกรุงเวียนนา และฝังไว้ที่วิหารฮับส์บูร์กตั้งแต่ตอนนั้น



ภายในพิพิธภัณฑ์ซิซี่แสดงเรื่องราวของพระองค์ ทั้งในเรื่องการดูแลความงาม ฉลองพระองค์และห้องที่ทรงประทับ งานอดิเรก ทรงใสใจดูแลด้านความสวยความงาม เมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษาขึ้นไม่ค่อยโปรดให้มีการถ่ายรูปเท่าใดนัก ว่ากันว่า แม้แต่คนใกล้ชิดก็ยังไม่ค่อยมีคนได้เห็นพระพักตร์ที่แท้จริงของ เนื่องจากทรงห่วงเรื่องความสวยความงามเป็นอย่างมาก



ภายในร้านขายของที่ระลึกมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังซื้อของ ชาลิสาเดินนำชายหนุ่มออกมา จนถึงริมถนน เมื่ออยู่กันสองคน หญิงสาวก็โพล่งขึ้น



“คุณตามฉันมาทำไมอีก”

ดูเหมือนเจอโรมจะไม่ได้อยู่ในอามรณ์โกรธเช่นเดียวกับหล่อน เพราะเขากลับฉีกยิ้มกว้างราวกับจะขอความเห็นใจ

“ผมรู้แล้วว่า เราสองคนเคยเจอกัน เราเคยนั่งติดกันบนเครื่องบิน”

ชาลิสากอดอกหน้าบึ้ง ไม่รู้จะทำยังไงกับเจอโรมที่นิสัยเปลี่ยนไปดี เมื่อกวาดตามองและเห็นผ้าก๊อซที่ปิดอยู่ตรงตำแหน่งที่ตนได้ใช้แจกันทุ่มหัวชายหนุ่มก็แอบรู้สึกผิด



“แล้วไง”



“ผมขอโทษถ้าผมเคยทำผิดกับคุณ แต่ผมอยากแก้ตัว ขอโอกาสให้ผมสักครั้ง”

คำๆ นี้อีกแล้ว ชาลิสาลังเล หล่อนไม่รู้ว่า ควรจะเชื่อใจชายหนุ่มดีหรือไม่ ส่วนลึกในใจที่มีอคติบอกตัวเองว่า ควรจะปฏิเสธ

“คุณไม่มีสิทธิ์ได้อะไรทั้งนั้น”



“ทำไมชาร์ลอต เพราะอะไรคุณถึงได้โกรธผมขนาดนี้”



“เพราะว่า คุณเคยลวนลามฉันบนเครื่องบินนะสิ...ผู้จัดการของคุณเป็นคนเอาเงินฟาดหัวฉัน บอกให้ฉันปิดข่าวนี้เอาไว้ไม่อย่างนั้นเขาจะทำให้ฉันกระเด็นไปจากออสเตรียทั้งที่ยังเรียนไม่จบ ข้อหาที่ทำให้นักแข่งรถระดับโลกอย่างคุณเสียชื่อ”



ชาลิสาเห็นความตกใจในสายตาคู่นั้น แววตาเจอโรมบ่งว่า เขาตกใจในสิ่งที่ได้รับรู้จริงๆ

“ผมจำไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษ”

“เก็บคำขอโทษคุณไว้เถอะคุณเจอโรม เพราะฉันไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด รู้อย่างนี้แล้วต่อไปก็อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก”



“เดี๋ยวสิชาร์ลอต ฟังผมพูดหน่อย”



“ฉันไม่ฟัง”



“ผมไม่ได้ขออะไรมาก แค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณก็ไม่ได้งั้นหรือ”

“คนอย่างคุณไม่สมควรจะเป็นเพื่อนกับใครทั้งนั้น คุณคือ ปีศาจเข้าใจไหม ฉันเกลียดคุณ”

ชาลิสาสะบัดหน้าหนีไป หล่อนเดินข้ามถนนตรงทางแยกโดยไม่ทันสังเกตว่า ไฟสำหรับคนข้ามถนนเป็นสีแดง รถคันหนึ่งเลี้ยวมาพอดี เจอโรมตะโกนสุดเสียง



“ระวังชาร์ลอต”



หญิงสาวได้แต่ยืนอึ้งเพราะทำอะไรไม่ถูก สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือ รถแล่นมาด้วยความเร็วสูงและคงจะพุ่งมาชน หล่อนหลับตารู้สึกถึงแรงผลัก กระแทก และความเจ็บ ตามด้วยเสียงบีบแตรยาวเหยียด เสียงคนกรีดร้อง แล้วทุกอย่างก็เงียบลง...





“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับคุณผู้หญิง”



เสียงเรียกทำให้ชาร์ลอตลืมตาขึ้น พอเห็นบรรยากาศรอบห้องก็ยิ่งตกใจ หล่อนอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ม่านที่รูดกั้นแต่ละเตียงออกจากกันอีกทั้งความจ็อกแจกจอแจรอบตัวก็ยิ่งทำให้ตกใจ

“ผมหมอโรเบิร์ตนะครับ ตอนนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาล...” ชื่อที่เปล่งออกมาจากปากของนายแพทย์ในชุดเสื้อสีเขียวคอวี เหมือนแพทย์ประจำห้องผ่าตัด ทำให้หญิงสาวตกใจยิ่งกว่าเดิม ความทรงจำสุดท้ายคือ หล่อนกำลังจะถูกรถชนแต่แล้วทุกอย่างก็มืดไป

“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”

“คุณหมดสติครับ มีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลคุณเกือบถูกรถชนแต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่เพื่อนคุณอาการหนักหน่อย”



“เพื่อน” ชาลิสารทวนคำ นับตั้งแต่มานี่หล่อนไม่มีเพื่อนสนิท หญิงสาวเดินทางคนเดียว ไปเรียนคนเดียว แต่คนที่อยู่ใกล้หล่อนที่สุดเมื่อครู่นี้คือ คู่อาฆาตต่างหาก



“ไม่ต้องตกใจนะครับ สำหรับคุณหมอตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีอะไร ผลเอกซเรย์ปกติดี ไม่มีเลือดคั่ง หมออยากให้คุณลองลุกนั่งถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็กลับบ้านได้ คุณป้ามารออยู่หน้าห้องแล้ว”

หญิงสาวก้มลงสำรวจตัวเอง ตรงข้อศอกมีรอยถลอกเล็กน้อย คงเป็นตอนที่ล้มลงไปแต่หล่อนจำเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้เลย รู้แต่ว่า เจอโรมร้องเรียก หมอบอกว่า เขาอาการหนัก จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า

“ผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ”





“เขายังไม่ฟื้นเลยครับ หมอระบบประสาทกำลังตรวจดูอย่างละเอียดอยู่ คุณเจอโรมเคยประสบอุบัติเหตุจนโคม่า และครั้งนี้หัวกระแทกพื้นซ้ำอีก จึงถือว่า อันตรายมากๆ”

เรื่องราวที่รับรู้จากนายแพทย์ทำเอาคอขมปร่า เจอโรมช่วยผลักหล่อนให้พ้นจากการถูกรถชนแต่เขากลับยอมเอาตัวรับแรกกระแทกเสียเอง ศีรษะที่ฟาดกับพื้นทำให้แผลที่ไม่ได้เย็บเมื่อหลายวันก่อนปริออกมา ชายหนุ่มเลือดอาบ ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอันมาก

“เขาคงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”

“ผมยังไม่ทราบผลตรวจเลย คุณเจอโรมเป็นคนไข้ประจำของหมอจอห์น แต่ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะให้คนไปถามให้”

“ฉันอยากไปเยี่ยมเขาค่ะ”

ชาลิสารีบลุกขึ้นจากเตียง หล่อนไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณชายหนุ่มอีก ถ้าหล่อนไม่มัวแต่ขึ้นเสียงใส่เขาก็คงไม่เกือบถูกรถชน โปรเฟสเซอร์แองเจล่าพูดถูก ทุกคนควรจะได้รับโอกาสครั้งที่สอง แต่ถ้าเกิดชายหนุ่มตายไปละหญิงสาวคงรู้สึกผิดมาก



“จะไหวหรือครับ คุณเองก็เพิ่งจะฟื้น”



“ได้โปรดเถอะนะคะ คุณหมอ ฉันต้องพบเขาจริงๆ”



“ก็ได้ครับ ผมจะให้คุณพยาบาล เอารถนั่งมาให้คุณ เราจะไปเยี่ยมคุณเจอโรมที่ห้องกัน ผมว่า ป่านนี้เขาคงจะเอกซเรย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”



ชาลิสาพยายามจะก้าวลงจากเตียงแต่ขากลับอ่อนแรง นายแพทย์โรเบิร์ตรีบยกมือห้าม

“อย่าเพิ่งใจร้อนสิครับ รอรถนั่งสักครู่ ผมรับรองว่า คุณได้ไปเยี่ยมเขาแน่ เขาอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง”



หญิงสาวไม่คิดว่า ตัวเองจะร้องไห้ให้กับคู่อริที่เคยเกลียดแสนเกลียด แต่ตอนนี้พอเห็นชายหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนเจ้าชายนิทรา น้ำตาก็พลันไหลพรากลงมาเสียอย่างนั้น หล่อนผิดที่ข้ามถนนไม่ระวังจนชายหนุ่มต้องได้รับบาดเจ็บ เขาเป็นแบบนี้เพราะว่า เสี่ยงชีวิตช่วย



“ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณเจอโรมไม่เป็นอะไร อีกสักพักก็จะฟื้น ผมเอกซเรย์ออกมาดีมาก ผมโล่งใจไปเยอะ”

นายแพทย์จอห์นยืนอยู่ข้างเตียงรีบอธิบาย เมื่อเห็นว่า ชาลิสากำลังร้องไห้

“ในสมองมีเลือดคั่งเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ”

“ไม่ครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี เลือดที่เราเห็นเปื้อนตามตัวก็มาจากแผลที่เขาดื้อไม่ยอมเย็บตั้งแต่เมื่อวันนั้น คุณเจอโรมนี่แปลกนะครับ บทจะดื้อก็ทำตัวเหมือนเด็กๆ เลย ผมดุไปหลายทีแล้วแต่ไม่ฟังผมเลย”

“ใช่ค่ะ เขาดื้อ..ดื้อมาก”

เจอโรมดื้อดึงจะขอโทษหล่อนให้ได้ หลายครั้งที่ชาลิสาไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรชายหนุ่มถึงอยากรู้จักหล่อนมากมายนัก เขาเข้ามาวอแวทำให้หญิงสาวทำตัวไม่ถูก ใจหนึ่งสั่งให้เกลียดแต่พอเห็นสภาพตอนนี้ก็ใจอ่อนยวบ แม่บอกเสมอว่า หล่อนปากแข็งแต่ใจอ่อน ซึ่งก็จริง







“คุณนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ผมจะขอไปสั่งงานพยาบาลสักครู่ เดี๋ยวจะให้คนมารับคุณไปพักที่ห้อง”



นายแพทย์จอห์นเดินออกไปแล้ว ชาลิสายังคงนั่งมองชายหนุ่ม หญิงสาวเพิ่งมีโอกาสเห็นเสี้ยวหน้าของเจอโรมใกล้ๆ ก็ตอนนี้ ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้ม คิ้วเข้มพาดอยู่เหนือนัยน์ตาคมกริบ เครื่องหน้าทุกส่วนคมคาย แม้จะมีแผลและผ้าก๊อซปิดอยู่ตรงหน้าผากที่ชิดกับไรผม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาน้อยลงเลย ลมหายใจอุ่นที่ออกมาทางจมูกโด่งทำให้รู้ว่า เขาคือ มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อไม่ใช่เทพบุตรกรีกที่ลงมายังเดินเล่นยังดินแดนมนุษย์ ยามหลับเขาดูไม่น่ากลัวสักนิด ใบหน้าดูอ่อนเยาว์จนไม่น่าเชื่อว่า จะอายุมากกว่าหล่อนถึงสองปี แต่แล้วจู่ๆ ชายหนุ่มก็เริ่มขยับตัว ทำให้คนที่จ้องมองอยู่สะดุ้ง





“คุณเจอโรม”



ชายหนุ่มไม่ตอบแต่เหมือนเขาอยู่ในภวังค์จึงพลิกตัวอย่างกระสับกระส่าย เครื่องวัดสัญญาณชีพจรตรงหัวเตียงร้องเตือน ครู่เดียวพยาบาลสาวก็กรูเข้ามา





“คุณเจอโรมคะ ได้ยินไหม อย่าเพิ่งดิ้นนะคะ คุณอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”

พยาบาลคนหนึ่งช่วยจับแขนชายหนุ่มไม่ให้ดิ้น ชาลิสาใช้มือเลื่อนรถเข็นให้ออกห่างเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวก



“ระวังชาร์ลอต...อันตราย”

เขายังคงพึมพำรอดริมฝีปาก คิ้วขมวด พยาบาลสาวฉีดยาชนิดหนึ่งเข้าในน้ำเกลือ ครู่เดียวการดิ้นรนก็สงบลง เจอโรมก็เข้าสู่นิทราอีกครั้ง



“คุณชาร์ลอตกลับก่อนนะคะ ประเดี๋ยวดิฉันจะให้คนมาเข็นรถเข็นให้ คืนนี้คุณเจอโรมคงต้องพักที่นี่ ส่วนคุณ คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ค่ะ”





“แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายละคะ”



ชาลิสาเพิ่งมาเป็นนักศึกษาแม้หล่อนจะมีประกันแต่อาจไม่ครอบคลุมการตรวจทั้งหมด หล่อนไม่อยากรบกวนป้ามาเรียอีก





“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ พ่อบ้านของคุณเจอโรมแจ้งว่า จะดูแลให้ทั้งหมด”

หล่อนเหลือบมองชายหนุ่มอีกครั้งและเห็นว่า เปลือกตาปิดสนิทตอนที่คุณพยาบาลเข็นรถออกจากห้อง หญิงสาวก็ได้ยินเจอโรมพึมพำคำพูดประโยคหนึ่งออกมา



“ผมขอโทษ”



และตอนนี้ชาลิสาก็ได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่า ควรจะให้โอกาสที่สองกับชายหนุ่มหรือไม่...



เจอโรมขยับตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะฤทธิ์ยานอนหลับที่คุณหมอให้ เพียงไม่นานชายหนุ่มก็หลับลึกแล้วก็ฝัน





เขาไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อนเลยนับตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลแต่วันนี้เจอโรมคิดว่า ตัวเองอยู่ที่สนามบินแห่งหนึ่ง นักเดินทางมากมายเดินกันอย่างขวักไขว่ เห็นแค่แวบเดียวก็รู้ว่า คือ สนามบินสุวรรณภูมิในประเทศไทย เขาเคยมาที่นี่จริงๆ ตามที่อัลเบิร์ตบอกและที่สำคัญเจอโรมกำลังเดินตามใครคนหนึ่งขึ้นไปบนบันไดเลื่อน



สุดปลายสายตามีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก กำลังผ่านเครื่องสแกนแต่ในบรรดาทั้งหมด เขากลับสะดุดตาหญิงสาวคนหนึ่ง หล่อนสวมเสื้อยืดสีเทาแขนยาวกางเกงยีน เส้นผมสีดำสนิททิ้งตัวตรงกลางแผ่นหลัง หล่อนดูโดดเด่น ทั้งท่าเดินสง่างาม เขาเห็นชายคนหนึ่งเข้าไปตีสนิทกับหญิงสาวตรงเครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติ หญิงสาวจึงรีบเดินไปข้างหน้าเมื่อผ่านเข้าเครื่องได้หล่อนก็โกยอ้าว ขณะที่เขายังต้องต่อแถว เวลากระชั้นเข้าไปทุกที ชายหนุ่มมองตามไปจนสุดสายตา ภาวนาขอให้ได้มีโอกาสพบกับหล่อนอีกครั้ง...



เจอโรมกะพริบตาซ้ำเมื่อรู้สึกถึงเสียงเปิดประตู แต่เขายังไม่อยากตื่น เครื่องปรับอากาศที่ทำงานอย่างเต็มที่ทำให้ห้องนอนดูคล้ายห้องเย็น เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด วันที่เขาง่วงสุดขีดบนเครื่องบิน เสียงร้องของใครคนหนึ่งปลุกจนต้องลืมตาขึ้นด้วยความที่ดื่มไปหลายแก้ว สุดท้ายก็ทนไม่ไหวผล็อยหลับไปอีกครั้ง





ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เมื่อลืมตาขึ้นก็มีหญิงสาวมานั่งข้างๆ แอร์โฮสเตสของสายการบินพูดบางอย่างกับหล่อน และยื่นผ้าห่มให้เป็นทำนองให้หญิงสาวพัก หล่อนยิ้มอย่างอ่อนแรง เจอโรมปิดเปลือกตาลง เขาตะแคงหน้าเล็กน้อยเพื่อชื่นชมนางฟ้าบนเก้าอี้ที่อยู่ติดกัน เสี้ยวหน้ารูปไข่งดงาม หล่อนคงเครียดกับอะไรบางอย่างสังเกตว่า บนแพขนตายังมีน้ำตาเปื้อนอยู่ เปลือกตาของเจอโรมหนักอึ้งขึ้นทุกที จนสุดท้ายก็หลับสนิท ความทรงจำสุดท้ายคือ ผู้หญิงในฝันกำลังพาดศีรษะตรงพนัก ทั้งสองนั่งติดกันบนเครื่องบินจึงกระทั่งถึงกรุงเวียนนา...







ม่านไฟฟ้าตรงหน้าต่างเลื่อนออกอย่างช้าๆ พร้อมกับแสงที่ส่องเข้ามาปลุกคนบนเตียงให้ตื่น อัลเบิร์ตสวมชุดพ่อบ้านเต็มยศยืนอยู่ข้างเตียงพร้อมกับถาดอาหารเช้าในมือ

“อรุณสวัสดิ์ หลับสบายดีไหมครับเมื่อคืน”



เจอโรมกระเถิบตัวขึ้นนั่ง เอามือเสยผม มองคนที่แกล้งทำท่าบริกรในโรงแรมแล้วโคลงศีรษะ รู้ดีว่า พ่อบ้านกำลังแกล้งทำท่าทางสุภาพหลังจากค่อนแคะเขาด้วยคำพูดแรงๆ มาเกือบอาทิตย์



“ให้ตายสิอัลเบิร์ต คุณทำให้ผมนึกถึงฉากในหนัง”



“นั่นไม่ใช่หรือ ที่คุณคาดหวังเอาไว้ พ่อบ้านอาวุโสผู้จงรักภักดี คอยเตรียมอาหารเช้าให้”



ชายหนุ่มยิ้มเมื่อโดนประชด อัลเบิร์ตยักไหล่ สีหน้ายังคงเรียบเฉย



“คุณมีดีกว่านั้นนะอัลเบิร์ต เพราะคุณคือ เพื่อนคนเดียวของผม แม้คุณจะไม่อยากเป็นนักก็ตาม”

มีความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นในแววตาของอัลเบิร์ตแต่เพียงแวบเดียวเจ้าตัวก็รีบปัดมันทิ้งไป เจอโรมรู้ดีว่า คือ การสร้างกำแพงขีดเส้นความสัมพันธ์เอาไว้ ทุกครั้งที่เจอโรมพยายามจะสนิทสนมด้วย อัลเบิร์ตก็ชักสีหน้าตึงทันที เขาไม่โทษอีกฝ่ายเพราะรู้ว่า สิ่งที่ตนทำในอดีตไม่น่าให้อภัยเลยสักนิด หากเขาเป็นอัลเบิร์ตและมีคนมาลวนลามลูกสาว เขาคงจะเอามีดแทงให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ แต่ที่อัลเบิร์ตต้องฝืนทนเพราะเห็นแก่นิโคลัส



“รีบกินอาหารเช้าเถอะ มียารอคุณอยู่อีกหลายขนานเลยทีเดียว คุณหมอจอห์นกำชับว่า ต้องกินยาให้ตรงเวลา”



“ยาอีกแล้วหรือ เมื่อไหร่ผมจะเลิกได้ยินคำนี้เสียที น่าเบื่อชะมัด”

“จนกว่า คุณจะหายความจำเสื่อม หรือไม่ก็เลิกออกไปรนหาที่ให้ผู้หญิงตีหัว หรือเอาตัวเองไปกระแทกกับรถเพื่อทดสอบสมรรถภาพร่างกาย โชคดีแค่ไหนแล้วที่คราวนี้แขนไม่หักอีกข้าง” พ่อบ้านอาวุโสบ่นเป็นชุด





“คุณบ่นผมมาหลายรอบแล้วนะอัลเบิร์ตก็บอกแล้วไงว่า ผมไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ”

“ไม่ใช่แค่ผม แต่คุณหมอจอห์นสั่งห้ามคุณ ไม่ให้ออกไปก่อเรื่องเด็ดขาด ช่วงนี้ทางที่ดีควรจะพักอยู่แต่ในบ้าน”



“แต่ผมเบื่อ นั่งๆ นอนๆ มาเป็นอาทิตย์แล้ว”



“เบื่อก็หาอะไรทำสิ อย่างเช่นดูหนัง ดูซีรีย์ หรือไม่ก็เล่นเกมส์”

เจอโรมทำหน้าเหมือนโลกจะแตกในวันพรุ่งนี้ เมื่อโดนคำสั่งกักบริเวณของพ่อบ้าน นับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เขาก็ถูกคุมแจจนออกไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทำให้อดดีใจคือ อัลเบิร์ตเล่าว่า ชาลิสาแวะมาเยี่ยมที่ห้องแต่น่าเสียดายที่เจอโรมหมดสติจึงไม่ได้คุยกัน แต่หลังจากกลับมาพักฟื้นที่บ้านก็ไม่ได้ติดต่อกับหล่อนอีกเลย



“ผมอยากออกไปข้างนอก...”



“ไม่....คุณไม่ได้ยินที่คุณหมอสั่งหรือว่า ช่วงนี้ต้องเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่จะได้กลับไปแข่งรถ”





เรื่องแข่งรถก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เจอโรมหนักใจ ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล เขายังไม่มีโอกาสได้ขับรถเลยสักครั้ง นั่นก็เพราะช่วงแรกคุณหมอสั่งห้าม ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนักแถมเรี่ยวแรงของกล้ามเนื้อก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ แต่นักข่าวดูเหมือนจะไม่เข้าใจเท่าใดนัก จึงสอบถามกับอัลเบิร์ตแทบทุกวัน พ่อบ้านอาวุโสต้องตอบปฏิเสธไป หนังสือแท๊บลอยด์หลายฉบับพยายามขอสัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ชายหนุ่มจะกลับไปลงสนามในการแข่งขันที่ใกล้เข้ามา รวมถึงเหล่าสปอนเซอร์ เจอโรมรู้ดีว่า ทุกคนฝากความหวังเอาไว้ ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เขากำลังลงแข่งฟอร์มูล่าวันเพื่อชิงแชมป์สมัยที่แปดแต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้เพราะอุบัติเหตุ



“แล้วถ้าเกิดผมขับรถอีกไม่ได้ละ ถ้าอุบัติเหตุทำให้ผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“ผมว่า คุณไม่ควรคิดมาก มันเป็นไปไม่ได้หรอก คุณรู้ไหมว่า คุณเริ่มหัดขับรถตั้งแต่อายุเท่าไหร่”

“ไม่รู้เหมือนกัน ผมจำไม่ได้ “





“ตั้งแต่สี่ขวบครึ่ง คุณก็เข้าแข่งโกคาร์ทแล้ว”



เนื่องจากลุงของเขาเป็นนักแข่งรถมาก่อน จึงชักนำหลานมาจับรถตั้งแต่อายุได้สี่ขวบครึ่ง เด็กหนุ่มเข้าแข่งโกคาร์ท หรือ Karting ซึ่งเป็นรถมอเตอร์สปอร์ตเปิดล้อดัดแปลงซึ่งเป็นรถที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่ออายุได้สิบเอ็ดขวบก็เข้าสู่การแข่งรถอย่างเต็มตัว เขาทำเวลาได้ดีกว่านักแข่งที่มีประสบการณ์อีกหลายคนและต่อมาเมื่ออายุได้สิบห้าปีได้เข้าแข่งขัน Pembrey Circuit ซึ่งถือเป็นการแข่งครั้งสำคัญในประเทศอังกฤษ และได้รับแชมป์ด้วยรถ Dallara F331





หลังจากนั้นเขาก็เข้าร่วมการแข่งขันอีกหลายรายการจนชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จัก เส้นทางการเป็นนักแข่งรถของเจอโรมที่กำลังรุ่งโรจน์ต้องสะดุดไปถึงหนึ่งปี นั่นก็เพราะจอร์จิโอ้ ผู้เป็นลุงนั้นประสบอุบัติเหตุในการแข่งรถจนกระทั่งเสียชีวิต เขาเคว้งอยู่หลายเดือนและทำตัวเสเพลเอาแต่ดื่มเหล้าเพื่อคลายความกลัดกลุ้มเมื่อที่ปรึกษาคนสำคัญไม่อยู่เสียแล้ว เจอโรมผูกพันกับลุงมากเพราะเป็นผู้ชักนำให้เขาก้าวสู่วงการแข่งรถ แต่หลังจากได้พบกับใครคนหนึ่ง สุดท้ายก็กลับมาฮึดลงแข่งจนได้รับตำแหน่งแชมป์ถึงเจ็ดสมัยด้วยกัน ชายหนุ่มถือเป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับตำแหน่งแชมป์แถมยังครองตำแหน่งได้ถึงเจ็ดสมัยด้วยกัน แม้จะอายุ25 ปีแล้วแต่ยังไม่มีใครโค่นแชมป์ลงได้จนกระทั่งมาประสบอุบัติเหตุ

“เก้าปีมาแล้วที่คุณขับรถฟอร์มูลล่าวัน ผมไม่เคยเห็นคุณห่างจากรถเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น ยกเว้นตอนที่คุณโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล”





“แต่บางทีผมอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูดระหว่างผมและรถเลยด้วยซ้ำ”

“นั่นเพราะคุณยังไม่มีโอกาสได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัย แต่ผมเชื่อว่า ถ้าคุณได้กลับไปนั่งที่เดิมอีกครั้ง จิตวิญญาณนักแข่งที่อยู่ในตัวคุณ จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น”



เจอโรมสบตาอัลเบิร์ต เมื่อเห็นอีกฝ่ายมั่นใจสุดขีดจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อแต่กลับรู้สึกถึงภาระหนักอึ้งที่ตกอยู่บนสองบ่า แม้อยากจะผลักออกใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ หนังสือพิมพ์ยังประโคมข่าวทุกวัน อีกทั้งยังมีแฟนคลับอีกเป็นจำนวนมาก โพสต์ข้อความอยากให้เขากลับไปลงแข่งอีกครั้ง เจอโรมยอมรับว่า ยังขยาด แค่นึกถึงคลิปอุบัติเหตุก็รู้สึกกลัวขึ้นมา





ถ้าในด้านธุรกิจเขามั่นใจว่า สามารถเรียนรู้ได้ แต่เรื่องแข่งรถซึ่งคือ พรสวรรค์ หลายครั้งที่เจอโรมถามตัวเองว่า ถ้าเกิดเขาขับรถไม่ได้อีกคนที่อยู่รอบตัวจะรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้หรือไม่



“เชื่อผมเถอะ ไม่มีทางที่คุณจะขับรถไม่ได้อีก ถ้าคุณยังไม่สบายใจ เอาไว้ให้คุณหมออนุญาตก่อน ผมจะพาคุณไปที่สนามซ้อม จะได้ลองให้รู้ไปเลย จะได้ไม่ต้องเก็บมาคิดมากอีก”



ความเครียดจากการคุยกับพ่อบ้านอาวุโสทำให้เริ่มปวดหัว ทั้งที่ชายหนุ่มไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลเจอโรมจึงพักงีบในช่วงบ่าย อาจเป็นด้วยฤทธิ์ยาของนายแพทย์จอห์นทำให้เขาหลับยาวไปถึงตอนหัวค่ำ เมื่อตื่นขึ้นมาพระอาทิตย์ก็ตกดินไปเรียบร้อยแล้ว





ในห้องมืดเพราะเจ้าตัวไม่ได้เปิดไฟกลางห้องเอาไว้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง ด้วยความที่ไม่ชินกับห้องจึงจำไม่ได้ว่า ปุ่มเปิดไฟอยู่ที่ไหน เขาเดินสะเปะสะปะไปยังทิศทางซึ่งคิดว่า เป็นห้องน้ำ แต่ตอนที่เดินผ่านโต๊ะมือก็ปัดโดนบางอย่างล้ม เจอโรมคุ้นๆ ว่า น่าจะเป็นโคมไฟที่วางอยู่ตรงหัวเตียง เขากลั้นใจเดินไปข้างหน้าต่อจนถึงห้องน้ำในที่สุดและกดปุ่มเปิดไฟ เมื่อในห้องสว่างขึ้น จึงเห็นวัตถุที่ว่า กลิ้งอยู่ที่พื้น

ชายหนุ่มอุ้มฐานของโคมไฟขึ้นมาวาง ขณะที่ส่วนโคมด้านบนก็ล้มคว่ำไปด้วย โชคดีที่ทำจากพลาสติกจึงไม่แตก แต่ถึงกระนั้นชิ้นส่วนก็กระจัดกระจาย เขานำแต่ละส่วนประกอบลงไปแต่ดูเหมือนบางอย่างยังขาดหายไปจึงก้มลงมองที่พื้นเพื่อหาส่วนที่เหลือ แต่แทนที่จะเห็นส่วนของหลอดไฟ เจอโรมกลับได้พบชิ้นส่วนบางอย่างแทน



ลักษณะของมันคล้ายกับกระดุมมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ เซนติเมตร เขาไม่แน่ใจว่า มันคือ อะไรจึงนำไปส่องกับไฟในห้องน้ำ ชายหนุ่มใช้มือถือถ่ายรูปเอาไว้เพื่อดูอุปกรณ์เล็กจิ๋ว แต่ไม่ว่า จะดูยังไงก็ยังไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ว่าคือ อะไรกันแน่ ในจังหวะที่กำลังส่องดูนั้นเอง ของชิ้นนั้นก็ร่วงหลุดมือตกลงไปในโถส้วม เสียงซ่าปรากฏขึ้นแว๊บเดียวก่อนจะตามมาด้วยไฟลักษณะคล้ายไฟช็อต



เจอโรมมือเย็นวาบเมื่อคิดได้ว่า เจ้าสิ่งนี้คือ อะไร เขารีบเปิดไฟกลางห้องให้สว่างทั้งหมด และกวาดตามองเพื่อสำรวจหาของลักษณะแบบเดียวกันที่ติดอยู่ที่อื่น แต่เพราะไม่ต้องการให้มีพิรุธ เขาจึงทำเป็นเดินไปรอบๆ ในตอนที่นั่งลงข้างเตียงนั้นเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นชิ้นส่วนกลมๆ ลักษณะเหมือนกันติดอยู่ใกล้หลอดไฟกลางห้อง และอีกชิ้นอยู่ที่ตรงโต๊ะกระถางต้นไม้ใกล้หัวเตียง เขาไม่รู้ว่า ของพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือว่า จะเป็นอัลเบิร์ตที่ติดตั้งเครื่องดักฟังพวกนี้ พ่อบ้านอาวุโสต้องการอะไรกันแน่ หรือว่า นี่คือ เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ้านหลังนี้ที่คนรับใช้ในบ้านจะต้องสอดแนม บางทีอาจเป็นเพราะพ่อของเขาเสียชีวิตกะทันหัน จึงเป็นการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย





ชายหนุ่มกำลังเดินทั่วห้อง ทำทีเป็นเดินจิบน้ำแต่แท้จริงแอบสำรวจว่า ภายในห้องมีของประเภทนี้อีกหรือไม่ เมื่อค้นจนทั่วเขาจึงเปลี่ยนใจเข้าไปในห้องทำงานของบิดาแทน บนชั้นหนังสือมีกล้องขนาดเล็กติดอยู่ แม้แต่ห้องรับประทานอาหาร หรือแม้แต่ห้องนั่งเล่น ทั้งหมดราวกับว่า มีคนต้องการสอดส่องพฤติกรรมของเขาไม่ว่า จะอยู่ที่ไหน



เจอโรมนั่งลงบนโต๊ะทำงานบิดา ควานมือเพื่อหาสมุดบันทึกเล่มที่เคยสอดเอาไว้ แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า สมุดที่เขาเคยพบว่า มีข้อความปริศนาซ่อนอยู่บัดนี้อันตรธานหายไปแล้ว อีกทั้งข้าวของในลิ้นชักก็ถูกรื้อค้นจนต่างไปจากเดิมอีกด้วย แม้ว่า จะพยายามจัดให้เป็นระเบียบแต่เขาก็จำได้เพราะตั้งใจทำสัญลักษณ์เอาไว้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มได้แต่สงสัย เพราะอะไรถึงมีคนมาค้นดูห้องทำงาน แม้เขาจะยังไม่สนิทกับพ่อบ้านอาวุโสเท่าใดนัก แต่ถ้าฟังจากเอ็มม่าเล่า อัลเบิร์ตไม่ได้คิดร้ายกับบิดาเขาแน่ๆ

บางทีอาจมีคนอื่น แต่ใครกันที่ต้องการสอดแนมเรื่องภายในบ้าน ใครกันที่เอาไมโครโฟนดักฟังมาซ่อนไว้ในห้องนอนและติดกล้องเพื่อดูการเคลื่อนไหว ใครกันที่เข้ามารื้อค้นรวมถึงเอาสมุดบันทึกเล่มนั้นไป น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ซ่อนเอาไว้ในที่ใหม่ หรือว่า เรื่องที่บอกว่า บิดาเขาถูกฆาตกรรมเป็นเรื่องจริง ชายหนุ่มมองไปรอบชั้นหนังสือ พยายามถามตัวเองว่า พลาดหลักฐานอะไรไปหรือเปล่า แต่จู่ๆ ก็มีคนมายืนอยู่ด้านหลัง พอหันไปเจอโรมก็สะดุ้งสุดตัว...




tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2560, 21:43:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2560, 21:43:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 788





<< บทที่ ๕ ฉันเกลียดคุณ    บทที่ ๗ เพื่อนหรือศัตรู >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account