เพลงซ่อนรัก Romance melody
เจอโรม นักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ผู้ครองตำแหน่งแชมป์หลายสมัย

อุบัติเหตุเมื่อสามเดือนก่อนทำให้เขาโคม่า อยู่โรงพยาบาล

เมื่อฟื้นขึ้นมา เจอโรมจำอะไรไม่ได้เลย

สิ่งที่คนรอบข้างบอกก็คือ เขาเลว เจ้าชู้ และสมควรตาย แม้แต่พ่อแท้ๆ ก็ยังไม่รัก

ความทรงจำของเจอโรมเปรียบเสมือนกระดาษขาว เขาจำอะไรไมได้เลย

จำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง เคยชอบอะไร เคยทำอะไร

ผู้หญิงคนเดียวที่รู้สีกคุ้นเคย คือ ชาลิสา

แต่เธอเกลียดเขา จนแช่งให้เขาตาย

เพราะเขาเคยลวนลามหญิงสาวบนเครื่องบินและฟาดหน้าเธอด้วยเงินปิดปากเพื่อให้ทุกอย่างเงียบ

เจอโรมตามติดหญิงสาว เพื่อหวังว่า ไวโอลินอันไพเราะของเธอจะทำให้เขาฟื้นจากความจำเสื่อม

แต่ยิ่งใกล้กัน ความจริงก็ยิ่งเปิดเผย..

ว่า เบื้องหลังอุบัติเหตุนั้นมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่..


Tags: เพลงโอเปร่า แบดบอย นักดนตรีสุดเซอร์และฆาตกรรม

ตอน: บทที่ ๗ เพื่อนหรือศัตรู

วันนี้มาดึกหน่อยเพราะว่า งานเยอะค่ะ ช่วงใกล้งานสำคัญและต้องเตรียมตัวเดินทางตอนปลายเดือนด้วย มาอ่านกันเลยนะคะ นักอ่านท่านใดมีแผนจะไปงานหนังสือ แวะทักทายกันได้ที่บูท สนพ ที่รักนะคะ วันพฤหัส เสาร์และก็อาทิตย์ค่ะ มีของแจก คือ สมุดโน้ต พัดลม พัด และเจลเย็นประคบตาค่ะ มารับกับมือนะคะจะได้คุยทักทายกัน ปกติพอไปงาน ผู้เขียนจะหน้ามึนๆ นิดหนึ่งเพราะเมาคน ใครจำได้มาทักเลยนะคะ


บทที่ ๗ เพื่อนหรือศัตรู



Don’t fear the enemy that attacks you but afraid friend that hug you

Uploaded On CoolINSmart.com





ไม่ใช่ว่า เจอโรมไม่เคยเจอแพทริเซียมาก่อน แต่ไม่รู้ว่า เพราะอะไรวันนี้ถึงตกใจเมื่อได้เห็นหญิงสาวยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของหญิงสาวที่ขาวโร่ในความมืดเพราะรองพื้นเฉดอ่อนประกอบกับนัยน์ตาที่เพ่งมอง พอเห็นว่า เจอโรมหันไปหล่อนก็ฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับโผเข้ามากอด กลิ่นน้ำหอมฉุนจัดทำให้ต้องเบือนหน้าหนีเพื่อรักษามารยาทจึงแค่แตะตรงเอวหญิงสาวเบาๆ



แพทริเซียเบียดหน้าอกเข้าหาเขาอย่างจงใจ ใช้แขนโอบรอบคอเขาไว้ซบหน้าอย่างอ้อยอิ่งปล่อยให้ลมหายใจอุ่นระตรงต้นคอจนเจอโรมขนลุกซู่ เขากลั้นใจผลักออก

“วันนี้ทำไมถึงแวะมาหาผมได้ คุณไม่ต้องทำงานหรือ”



“นี่คุณไม่อยากเจอฉันหรือคะ ถามอย่างนี้แพทน้อยใจ เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้วนะคะ”

แพทริเซียทำงานเป็นนางแบบ อาทิตย์ที่ผ่านมาหล่อนอ้างว่า งานยุ่งต้องทำงานจึงไม่ค่อยได้มาเยี่ยม เจอโรมเห็นเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้พักฟื้นตามลำพัง





“ใครว่า อยากเจอสิ ผมอยู่บ้านคนเดียวทุกวันเบื่อจะแย่ อยากหาเพื่อนคุย ถ้าเราไปนั่งที่ห้องรับแขกดีไหม”



ชายหนุ่มตัดบท เขาจูงมือหญิงสาวออกไปจากห้อง แต่แพทริเซียกลับยื้อข้อมือเอาไว้

“ไม่เอาค่ะเรานั่งคุยกันในนี้ดีกว่า ข้างนอกคนเยอะ ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่”

หล่อนกำลังหมายถึง บรรดาแม่บ้านคนอื่นๆ ที่มักจะมายืนอยู่เผื่อว่า เจอโรมต้องการเรียกใช้อะไร ชายหนุ่มดึงหล่อนไปนั่งตรงโซฟากลางห้องสมุดแทน แพทริเซียโอบเอวเขาไว้ ชายหนุ่มทำแค่แตะประคองเอวคอ เขาไม่อยากตัดรอนหญิงสาวในตอนนี้เพราะดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย



“เมื่อครู่นี้คุณทำอะไรอยู่หรือคะ ฉันเห็นคุณก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงโต๊ะคุณพ่อ”

“เปล่าหรอก ผมแค่ทำของตก”



“ของอะไรหรือคะ”



“ปากกาน่ะ พอดีนั่งคิดอะไรเพลินๆ ทำปากกาตกก็เลยก้มลงไปเก็บ”

เจอโรมตอบเลี่ยง สายตาก็แอบหรี่มองแพทริเซีย เพราะอะไรหล่อนถึงได้เข้ามาในจังหวะนั้นพอดี ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่า แท้จริงแล้วกล้องสอดแนมกับอุปกรณ์ดักฟังเป็นของหญิงสาวกันแน่





หลายครั้งที่พอสบตา เขาก็รู้สึกเหมือนแพทริเซียคือ คนแปลกหน้า บางครั้งหล่อนก็ดูอ่อนหวานและช่างเอาอกเอาใจแต่บางครั้งก็เหมือนซ่อนอะไรเอาไว้ในแววตา อย่างตอนที่กลับจากโรงพยาบาล เขาเห็นหล่อนส่งข้อความโต้ตอบกับใครคนหนึ่งตลอดเวลาแต่พอถามหญิงสาวก็อ้างว่า เป็นเรื่องงาน



“พักนี้คุณดูแปลกไปนะคะ เมื่อก่อนคุณไม่เคยชอบนั่งในห้องหนังสือ มีแต่บอกว่า มันอุดอู้และน่าเบื่อ”

“ก็ผมเพิ่งจะหาย ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ ว่าแต่วันนี้คุณแวะมาหาผมจะชวนออกไปข้างนอกอีกหรือเปล่า”





“ไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้ฉันว่า เรากินอาหารที่บ้านกันดีกว่า”

“คุณเองก็แปลกเหมือนกัน ก็ไหนวันก่อนบอกว่า เบื่อฝีมือเอ็มม่าจะแย่แล้ว”

“แหมก็ออกไปนอกบ้านทุกวันมันเบื่อนี่คะ”



“แล้วคุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ผมจะได้ให้แม่บ้านเตรียมไว้ให้ สเต็กเนื้อแกะเป็นยังไงหรือว่า แซลมอนกับสลัด คุณต้องรักษาหุ่นไม่ใช่หรือ”

แพทริเซียเกาะแขนเจอโรม เอียงหน้ามาซบอีกครั้ง

“ อะไรก็ได้ค่ะแล้วแต่คุณ”

เจอโรมเหลือบมองคนข้างกาย แพทริเซียไล้มือไปบนแผ่นอก มือที่ลูบไล้ไปมาพร้อมกับยื่นหน้ามาตรงซอกคอทำเอาชายหนุ่มขนลุกซู่ เขาไม่ได้ซื่อบื้อจนดูไม่ออกว่า แพทริเซียต้องการอะไร แต่เพราะชายหนุ่มยังจำอะไรไม่ได้ เขาไม่อยากเอาเปรียบหญิงสาวในตอนนี้ และที่สำคัญก็คือ เขาไม่ได้รู้สึกพิศวาสหล่อนเท่าใดนัก หลายวันมานี้คนที่อยู่ในลมหายใจเข้าออกทั้งยามตื่นยามหลับกลับเป็นใครอีกคน





“แพท”

“ทำไมคะ ทำไมต้องทำตัวเย็นชาแบบนี้ด้วย เมื่อก่อนคุณไม่เคยเป็นแบบนี้”

หญิงสาวพลิกตัวมานั่งตักแทน เจอโรมนิ่งเมื่อแพทริเซียเริ่มต้นจูบ เขาไม่กล้าผลักออกเพราะกลัวหล่อนจะโวยวาย เรือนร่างนุ่มนิ่มที่นั่งคร่อมตักและเสียดสีไปมาควรจะทำให้ชายหนุ่มร้อนฉ่า ยิ่งเมื่อมือซุกซนของหญิงสาวเลื่อนไปแตะตรงขอบกางเกง เจอโรมก็รีบเอ่ยห้ามเสียงพร่า



“แพท...ผมว่า เราน่าจะออกไปหาอะไรกินกันก่อนนะ ผมชักหิว”





หญิงสาวครางอย่างขัดใจแต่ไม่ยอมหยุด หล่อนบรรจงจูบเขาอย่างดูดดื่ม และใช้ริมฝีปากดุนดันให้เจอโรมเผยอปากออกด้วยชั้นเชิงมืออาชีพ เขาแตะประคองเอวคอด ความอึดอัดทำให้เผลอพ่นลมหายใจออกมา แพทริเซียได้ทียิ่งรุกหนัก ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้หล่อนบรรเลงทุกอย่างแต่เพียงฝ่ายเดียว เสียงหล่อนพร่าด้วยแรงของอารมณ์

“คุณจำเรื่องของเราได้บ้างไหมคะเจอโรม คุณจำได้ไหมว่า เมื่อก่อนเราเคยร่วมรักกันทั้งวันทั้งคืน เราเคยมีความสุขกันมากแค่ไหน”



ชายหนุ่มเบิกตากว้างมองคนตรงหน้า ไม่รู้ตัวเลยว่า หญิงสาวปลดตะขอกางเกงตั้งแต่เมื่อไหร่ เจอโรมผลักออกเพราะรู้ว่า ตนมาไกลเกินไปเสียแล้ว และรีบอุ้มหญิงสาวลงจากตัก



“นี่คุณ...”



แพทริเซียกำมือแน่น ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ ในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังตึงเครียดอัลเบิร์ตก็เปิดประตูเข้ามาพอดี สำหรับเจอโรมแล้วพ่อบ้านอาวุโสเปรียบเสมือนระฆังเคาะตอนนักมวยกำลังเพลี่ยงพล้ำ หญิงสาวหันขวับไปทางพ่อบ้านอาวุโสที่ยิ้มกริ่มอยู่



“อาหารเย็นพร้อมแล้วครับคุณเจอโรม คุณแพทริเซีย เชิญที่โต๊ะอาหาร เอ๊ะ..นี่ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า”

เจอโรมคลี่ยิ้มให้กับพ่อบ้าน เขาเป็นฝ่ายลุกขึ้นดึงมือแพทริเซียให้ลุกตาม

“ไม่เลยอัลเบิร์ต คุณเข้ามาในเวลาพอดีมากๆ ผมกำลังหิวโซเลยทีเดียว เราลงไปที่ห้องอาหารกันเถอะนะแพท ผมหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว”





มื้ออาหารเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน เพราะแม้แพทริเซียจะโดนขัดคอจากอัลเบิร์ตแต่หล่อนก็ไม่ยอมแพ้ ดังนั้นตลอดมื้ออาหารทั้งคู่จึงเหมือนประกาศสงครามกันกราย นอกจากพูดจาเหน็บแนมให้ได้ยินแล้วเป็นระยะๆ ยังมีการกระแทกกระทั้นใส่กันอีกด้วย สุดท้ายเจอโรมเป็นฝ่ายทนไม่ไหว เขาขอตัวไปอาบน้ำ ชายหนุ่มเดาว่า แพทริเซียคงโกรธและตะบึงตะบอนกลับบ้านเมื่อถูกอัลเบิร์ตไล่

เจอโรมใช้เวลาอยู่ใต้ฝักบัวนานทีเดียว เขาปล่อยให้สายน้ำเย็นจัดไหลผ่านศีรษะจรดเท้าเพื่อคลายความเครียด เขามีปัญหามากมายที่ยังขบคิดไม่ตก ทั้งเรื่องกล้องสอดแนม อุปกรณ์ดักฟังรวมถึงเรื่องการตายของบิดา จนกระทั่งได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องน้ำถึงนึกได้ว่า ลืมล็อกประตู



ผู้หญิงที่เขาอยากให้กลับบ้านตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อนเปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ

ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงกระโจนเข้าหาแต่เจอโรมกลับกำลังหาทางหนีต่างหาก หล่อนไม่ได้ให้เวลาเขาคิดอะไรมากนักเพราะเป็นฝ่ายแทรกตัวเข้ามาในสายน้ำ อีกทั้งยังเป็นฝ่ายรุกด้วยการประกบจูบอย่างดูดดื่ม



เจอโรมต้องกลั้นใจเมื่อเลือดในกายฉีดพล่าน ปฏิกิริยาอันเกิดจากฮอร์โมนเพศชายกำลังไหลเวียนไปทั่วร่างและอีกไม่กี่นาทีเขาคงพ่ายแพ้ต่อมัน แพทริเซียปลุกเร้าด้วยมือและปาก เขากลั้นใจถาม





“นี่คุณยังไม่กลับอีกหรือ”

“ยังค่ะ...ฉันอยากอาบน้ำกับคุณก่อน”

เสียงหล่อนแหบพร่าด้วยแรงแห่งอารมณ์ เจอโรมต้องข่มใจอย่างสุดสามารถ เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไร ขณะที่แพทริเซียก็รุกหนักเหลือเกิน หล่อนดึงมือเขาให้ลูบไล้ไปตามเรือนร่าง แม้เขาจะยืนนิ่งไม่ยอมขยับแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุด เจอโรมบอกตัวเองว่า ต้องรีบหาทางเอาตัวรอดจากสภาวะคับขันนี้โดยเร็วที่สุด หาไม่แล้ว เขากับหล่อนคงต้องลงเอยบนเตียงแน่ๆ





“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่า ไม่ชอบ...ให้ฉันช่วยทำให้คุณมีความสุขดีไหมคะ”

หญิงสาวทำท่าจะทรุดตัวลงกับเพื่อนเพื่อทำบางอย่าง แต่เจอโรมรีบโพล่งขึ้น

“ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว สงสัยจะไม่สบาย”

“อะไรนะ” แพทริเซียถลึงตาโตจ้อง ถ้าหาสายตาหล่อนเป็นมีดโกน ลำคอของเจอโรมคงจะขาดกระเด็น เขารีบยื่นหน้ามาหอมแก้มอย่างเอาใจ





“ผมขอโทษนะที่รัก คุณก็รู้นี่ว่า ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เอาไว้ให้พร้อมกว่านี้หน่อย ผมสัญญาจะชดเชยให้”



ใบหน้าแพทริเซียขาวซีดท่ามกลางสายน้ำเพราะเจ้าตัวต้องข่มความโกรธอย่างยิ่งยวด แม้จะรู้ว่า เป็นการทำร้ายจิตใจหญิงสาว แต่เจอโรมไม่มีทางเลือก เขาไม่ใช่พวก

ตายด้าน หากยังอยู่แบบนี้เขาคงต้องตบะแตกเป็นแน่ แต่เจอโรมตั้งใจว่า หากจะมีสัมพันธ์กับใครนับจากนี้เขาอยากให้มันเป็นเรื่องปัจจุบันมากกว่า ความคุ้นเคยในอดีต

“นี่คุณหมดรักฉันแล้วใช่ไหม” หล่อนพ้อ

“เปล่า ผมรู้ว่า คุณดีกับผมมาก คุณเป็นคนเดียวที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด แต่วันนี้ผมไม่พร้อมจริงๆ ถ้ายังไงเรามานอนคุยกันดีกว่า ไหม”

แพทริเซียกำมือแน่น ความไม่พอใจฉายชัดในแววตาแต่เพียงครู่เดียวทุกอย่างก็เลือนหายไปเมื่อเจ้าตัวฉีกยิ้มตอบรับคำ

“ก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจ”

เจอโรมรีบก้าวออกจากห้องอาบน้ำเพราะกลัวหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ รีบเช็ดตัวให้แห้ง ขณะกำลังสวมชุดนอนสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าถือวางทิ้งอยู่ ซิบที่เปิดอ้าทำให้มองเห็นโทรศัพท์มือถือซึ่งอยู่ด้านใน มันคือ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด แต่สิ่งที่ทำให้เจอโรมเบิกตากว้างกลับเป็นข้อความที่กระเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

“หาของที่ต้องการเจอหรือยัง”

แพทริเซียหาอะไรอยู่?..

นั่นคือ คำถามที่เจอโรมถามตัวเอง เขาเพ่งมองหน้าจอซ้ำอีกครั้งเพื่อหาคำตอบ ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่กดหน้าจอเพื่อเลื่อนดูข้อความ แต่แล้วกลับมีข้อความส่งมาอีกครั้ง

“รีบทำภารกิจให้สำเร็จ แล้วจัดการเสีย”



การได้รู้ความลับของแพทริเซียทำให้เจอโรมนอนไม่หลับ เขาได้แต่กังวลว่า หล่อนจะเป็นนักฆ่า สมองด้านเหตุผลคิดทบทวน หญิงสาวดูบอบบางและอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นเช่นนั้น เจอโรมมั่นใจว่า หากต่อสู้กัน เขาสามารถเอาชนะหญิงสาวได้ในเสี้ยววินาที



หรือว่า หล่อนจะเป็นสายลับ...





ปัญหาที่สงสัยก็คือ หล่อนคุยกับใคร และวิธีจัดการที่อีกฝ่ายบอกหมายถึงอะไร...ฆ่าเขาให้ตายงั้นหรือ คงเพราะมัวคิดอย่างฟุ้งซ่าน กลัวว่า จะถูกหญิงสาวลุกขึ้นมาเอามีดปาดคอให้ตายคาเตียงทำให้ชายหนุ่มยิ่งกระวนกระวาย หล่อนหาของอะไรอยู่กันแน่ เพราะอะไรสิ่งนี้ถึงได้สำคัญนัก

หลังจากนอนข่มตาอยู่พักใหญ่จนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก หญิงสาวก็ก้าวออกจากห้องน้ำ เจอโรมแกล้งทำเป็นหลับกรนแต่หูเงี่ยฟังว่า หญิงสาวจะทำอะไร แพทริเซียยืนอยู่ข้างเตียงและยื่นหน้ามาหอมแก้ม เจอโรมกลั้นใจไม่ให้ขยับ และรอจนหล่อนเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มแทบจะพ่นลมออกมาอย่างโล่งอก



เขาคงคิดมากไป ผู้หญิงบอบบางอย่างแพทริเซียจะทำอะไรได้ หล่อนอาจจะคุยเรื่องอื่นอยู่แต่เขากลับเอาเรื่องทั้งหมดมาปะติปะต่อ เรือนร่างของหล่อนเพรียว ข้อมือเล็ก ไม่มีทางที่หล่อนจะเป็นนักฆ่า และหากเป็นจริง หญิงสาวคงจะปาดคอเขาไปตั้งแต่เมื่อครู่ เจอโรมส่ายหน้ากับจินตนาการอันบรรเจิดของตัวเอง แม้จะบอกตัวเองว่า เช่นนั้นแต่ผลของความหวาดระแวงก็ทำให้พลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน





ดังนั้นวันนี้เขาจึงตื่นสาย เมื่อลงมาที่โต๊ะอาหาร เอ็มม่าก็ยืนรออยู่แล้ว อาหารเช้าวันนี้เป็นแพนเค้กเนื้อนุ่ม พร้อมกับบาร์บิคิวแฮม กับไส้กรอกย่าง ข้างๆ มีมันบดกับน้ำเกรวี่ซอส

“คุณจะรับอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ”



“ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว อัลเบิร์ตล่ะ”



นับตั้งแต่กลับมาพักฟื้น อัลเบิร์ตจะมายืนรอต้อนรับเขาแทบทุกเช้า แต่วันนี้หายไป

“เขาออกไปทำธุระข้างนอก ถ้าคุณต้องการอะไรให้ฉันช่วยได้นะคะ”

“มีอะไรก็ไปทำเถอะเอ็มม่า ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ผมดูแลตัวเองได้”



“งั้นฉันขอไปทำความสะอาดข้างบนก่อนนะคะ อัลเบิร์ตสั่งให้เก็บกวาดชุดใหญ่”





ชายหนุ่มเกือบจะถามว่า อะไรที่ต้องเก็บกวาด แต่ก็พลันแต่แล้วก็กลับเปลี่ยนใจ เขามีบางอย่างต้องทำเหมือนกันและคงจะเป็นการดีมาก หากแม่บ้านทุกคนถูกเกณฑ์ขึ้นไปทำความสะอาดกันหมด เพราะจะได้มีโอกาสสำรวจพื้นที่รอบๆ โดยไม่มีคนมาเดินตามให้รำคาญ



เจอโรมยังไม่มีโอกาสได้สำรวจบ้านหลังนี้เลยสักครั้ง เขารู้เพียงแต่ว่า พื้นที่ชั้นบนเป็นของเขาและบิดา นอกเหนือจากนั้นชายหนุ่มจำอะไรไม่ได้อีก เมื่อจัดการกับอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เขาก็เงี่ยหูฟัง เอ็มม่าพาแม่บ้านคนอื่นๆ ขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนตามคำสั่ง เสียงขลุกขลักด้านบนทำให้รู้ว่า ทุกคนกำลังง่วนกับการทำความสะอาด เจอโรมจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้



คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่โต พื้นที่ใช้สอยมากกว่าพันตารางเมตรเลยทีเดียว ชั้นบนของบ้านเป็นห้องนอนซึ่งมีทั้งหมดสี่ห้อง ส่วนชั้นล่างนั้นนอกจากห้องรับแขก ห้องกินข้าวแล้วก็ยังมีห้องทำงานของนิโคลัสและห้องสมุด ทางปีกซ้ายของบ้านมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังส่วนที่พักของคนงาน เอ็มม่าเคยเล่าให้ฟังว่า บิดาของเขาตั้งใจสร้างบ้านหลังนี้ให้เป็นสัดส่วน โดยแยกที่พักของนายและบ่าวออกจากกัน



ชายหนุ่มตัดสินใจใช้ทางเชื่อมเดินไปสู่ตึกด้านหลังซึ่งเป็นที่พัก ระหว่างทางเดินมีสวมหย่อมเล็กๆ ทำให้เกิดความร่มรื่น ตึกส่วนนี้เป็นสองชั้นลักษณะแบ่งเป็นห้องเรียงรายกัน ด้านบนมีห้องทั้งหมดสี่ห้อง เป็นห้องนอนสองห้อง ส่วนห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วน ด้านล่างมีห้องใหญ่สองห้อง ซึ่งเจอโรมเดาว่า น่าจะเป็นห้องของอัลเบิร์ตและเอ็มม่า เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ด้านหน้า เป็นชุดผู้หญิง คงเป็นของแม่บ้านสาว เขาลองเดินต่อไปยังห้องในสุด เขาลองบิดประตูและก็ต้องประหลาดใจที่มันไม่ได้ล็อก ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงตัดสินใจเปิดเข้าไป



เฟอร์นิเจอร์ด้านในเน้นสีเข้ม น้ำตาลและดำ ผ้าปูที่นอนสีขาวมีผ้าคลุมทับเอาไว้ ชุดสูทแบบผู้ชายอย่างที่อัลเบิร์ตใส่ประจำแขวนไว้หน้าตู้ ห้องของพ่อบ้านอาวุโสดูเป็นระเบียบอีกทั้งยังสะอาดสะอ้านแทบไม่มีฝุ่นให้เห็น ชายหนุ่มกวาดตามองไปยังโต๊ะทำงานที่มีเอกสารกองอยู่ อีกทั้งยังมีสมุดจดบันทึกวางอยู่ ด้านขวามีกรอบรูปวางอยู่ คนในภาพเป็นชายหญิงคู่หนึ่งในชุดแต่งงาน เจอโรมเดาว่า น่าจะเป็นบุตรสาวของอัลเบิร์ต รูปนั้นน่าจะถ่ายในวันแต่งงาน พ่อบ้านอาวุโสยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แค่คิดถึงสิ่งที่เคยทำในอดีต ลำคอก็ขมปร่า



เจอโรมจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้เลย แต่พอลองสมมุติเป็นตัวเอง หากเขามีลูกสาวและถ้ามีผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งเคยพยายามปล้ำลูกสาว มีหรือคนเป็นพ่อจะไม่โกรธ เป็นไปได้ไหมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับนิโคลัสคือ การแก้แค้น และบางทีอัลเบิร์ตอาจเป็นคนที่แอบติดตั้งเครื่องดักฟังและกล้องสอดแนมไว้ก็เป็นได้ ความสงสัยทำให้ชายหนุ่มยื่นมือไปหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา เขาไม่ได้ตั้งใจสอดรู้ แต่เพราะอยากรู้ว่า พ่อบ้านอาวุโสจดอะไรเอาไว้ในนั้น



มือพลิกสมุดบันทึกหน้าแรก ด้านในเขียนด้วยลายมือตัวบรรจง ส่วนใหญ่เป็นความเป็นไปในแต่ละวัน เขาพลิกดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าสุดท้าย มีรูปถ่ายของชายคนหนึ่งสอดอยู่ ชายหนุ่มกำลังจะพลิกดูด้านหลังซึ่งมีตัวอักษรอยู่แต่แล้วเสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นก่อน

“คุณเข้ามาทำอะไรที่นี่”



ความตกใจทำให้เจอโรมเผลอปล่อยสมุดบันทึกตกพื้น เขากำลังจะก้มลงเก็บแต่แล้วอัลเบิร์ตกลับปราดเข้ามาแย่งเอาไปเสียก่อน

“ผมไม่นึกเลยว่า คุณจะถือวิสาสะเข้ามาค้นของในห้องคนอื่นแบบนี้”

“ผมขอโทษ”

สำหรับเจอโรมแล้วคงไม่มีอะไรดีไปกว่า การขอโทษ เขารู้ว่า ตนผิดที่ถือวิสาสะเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตถึงแม้อัลเบิร์ตจะเป็นลูกจ้างแต่ก็อายุมากกว่า อีกทั้งยังทำงานมานาน อีกอย่างห้องนี้เป็นห้องส่วนตัว แต่แล้วสายตากลับไปปะทะกับของบางอย่างที่อยู่ในมือของพ่อบ้านอาวุโส



“เอ๊ะ..นั่น”





อุปกรณ์ดักฟังขนาดเล็กแบบที่เจอในห้องนอนเมื่อวานนี้ ถูกใส่อยู่ในถุง ไม่ใช่อันเดียวแต่มีถึงสิบอันด้วยกัน



“ของคุณหรือ คุณใช่ไหมที่เอาของพวกนี้มาติดไว้ในห้องผม ทำไมต้องดักฟังผมด้วย”

“ไม่ใช่ผม...ผมเจอในห้องรับแขกและอีกหลายๆ ห้อง วันนี้ผมเลยแวะไปหาเพื่อนที่มีความรู้เกี่ยวกับเจ้าอุปกรณ์นี่ เขาให้ข้อมูลมาเยอะทีเดียว คุณเองก็เจอเหมือนกันหรือ”

“ใช่ ผมเจอมันซ่อนอยู่ในโคมไฟในห้องผม และในทำงานของพ่อด้วย ผมยังคิดว่า คุณ...”

“ถ้าคิดว่า ผมเป็นฆาตกรฆ่านิโคลัสละก็ ลืมไปได้เลย เราสองคนเหมือนเพื่อน ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อคุณผมคงไม่ได้มีชีวิตอยู่ตรงนี้”

สีหน้าอัลเบิร์ตเคร่งเครียด เจอโรมอยากคิดว่า อีกฝ่ายโกหก แต่พอสบตาเขาก็รู้ได้ทันทีว่า ไม่ใช่ อัลเบิร์ตคิดเช่นนั้นจริงๆ

“ขอโทษ ผมคงเข้าใจคุณผิด”





“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ เป็นใครก็ต้องสงสัย ผมว่า เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกัน อยู่ที่นี่คงไม่สะดวก เราสองคนออกไปนั่งรถเล่นในเมืองกันเถอะ”



อัลเบิร์ตเลือกร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่อยู่ในเขตเมือง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านจึงไม่เป็นจุดสังเกต เขาเลือกเก้าอี้ที่ยังว่างตรงส่วนในสุดของร้าน เจ้าของร้านเป็นคุณป้าอายุราวหกสิบ ท่าทางใจดี พอเห็นอัลเบิร์ตก็เดินเข้ามาทัก ท่าทางของทั้งสองสนิทสนมกันดีคงรู้จักกันมาก่อน ชายสูงวัยพาเจอโรมเข้าไปนั่งด้านหลังของร้าน เพียงไม่นานกาแฟแบบดั้งเดิมของเวียนนาก็ถูกนำมาเสิร์ฟ





นับตั้งแต่ศตวรรษที่สิบห้าที่กาแฟซึ่งมีต้นกำเนิดจากเอธิโอเปียเข้ามาในอาณาจักรออตโตมัน โดยกาแฟยุคแรกๆ จะเกิดจากการคั่วเมล็ดกาแฟจนแห้งและนำมาบดผสมกับน้ำ ต่อมาทางยุโรปก็มีการพัฒนาการคั่วกาแฟไปตามความเข้มจากอ่อนไปหาเข้ม อ่อนที่สุดมักจะเรียกว่า Vienna Roast ส่วนเข้มที่สุดเรียกว่า Spanish Roast แต่กาแฟเฉพาะของเวียนนา หรือที่เรียกว่า Vienna Coffee นั้นจะมีลักษณะเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่สองช็อตตามด้วยครีมด้านบน เพียงแต่มีปริมาณครีมและกาแฟมากกว่า



เจอโรมสูดกลิ่นหอมของกาแฟ แม้ร้านแห่งนี้จะเป็นเพียงร้านเล็กๆ แต่กลิ่นที่รวยรินอยู่โดยรอบทำให้รู้ว่า กาแฟที่นำมาชงให้ลูกค้าเป็นกาแฟเกรดพรีเมียม เมื่อเจ้าของร้านนำกาแฟแบบดั้งเดิมมาเสิรฟ์เขาก็อดอมยิ้มไม่ได้



“นี่คือ ถ้วยโปรดของพ่อคุณลองชิมดูสิ”



กาแฟที่อยู่ตรงหน้าบรรจุอยู่ในแก้วทรงสูง ด้านบนลักษณะเป็นครีมผสมกับฟองนมที่ข้น ด้านล่างเป็นกาแฟสีเข้มแยกชั้นกันอย่างชัดเจน ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า Weiner Coffee



“พ่อผมชอบดื่มแบบนี้หรือ”



“ใช่ พ่อคุณจะดื่มแบบนี้ทุกครั้งที่เรามานั่งร้านนี้ด้วยกัน แอลลี่จะนำมาเสิร์ฟให้ทุกครั้ง โดยเราแทบไม่ต้องสั่ง”





เจอโรมกวาดตามองกาแฟของอัลเบิร์ตบ้าง ลักษณะแก้วกาแฟเป็นทรงสูงเช่นเดียวกันเพียงแต่สีของกาแฟอ่อนกว่า ฟองนมและครีมที่อยู่ด้านบนหนากว่า เขาจำได้ทันทีว่า มันคือ กาแฟที่เรียกว่า Vienna Melange หรือที่ประเทศอื่นมักจะเรียกว่า กาแฟคาปูชิโน่นั่นเอง

“คุณกับพ่อผมสนิทกันมากใช่ไหม”



“ถ้าคุณกำลังสงสัยว่า ผมฆ่าพ่อคุณเพื่อแก้แค้นเรื่องลูกสาวละก็ ลืมไปได้เลย ถึงผมจะเกลียดคุณมากแค่ไหน แต่ไม่มีวันทำร้ายนิโคลัส ผมเสียใจที่วันนั้นผมขึ้นไปช้าเกินไป บางทีถ้าผมเฉลียวใจสักนิดเรื่องทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้น”

“คุณรู้มานานเท่าไหร่แล้วว่า บ้านเราโดนดักฟัง”

“ตั้งแต่คุณกลับมาบ้านได้สักอาทิตย์ ผมบังเอิญเจอเครื่องดักฟังกับกล้องวงจรปิด ผมพยายามหาตัวการอยู่แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้”



“มีคนนอกเข้าออกบ้านได้ด้วยหรือ”



“เยอะแยะ คุณอย่าลืมสิว่า บ้านเรามีคนงานตั้งกี่คน ยังไม่รวมทีมทำความสะอาด ทีมล้างแอร์หรือแม้แต่ช่างสวน แม่บ้าน”



“คุณคิดว่า ใครอยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยบ้าง”



“ข้อนี้ผมเดาไม่ออกจริงๆ แต่ผมคิดว่า น่าจะเกี่ยวกับการตายของพ่อคุณ” อัลเบิร์ตเว้นวรรค สีหน้าเขาบ่งถึงความเสียใจอย่างยิ่งยวด พ่อบ้านอาวุโสไม่ได้โกหก มีความเจ็บปวดฉายชัดในดวงตาสีเทาคู่นั้น



“พ่อผมถูกฆาตกรรมใช่ไหม”

“ใช่...ผมกับนิโคลัสรู้จักกันมานาน เขาไม่มีทางฆ่าตัวตาย อีกอย่างเขาเป็นคนสั่งผมเองให้เตรียมรถในตอนเช้าเพราะตั้งใจจะไปเยี่ยมคุณ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าตัวตายด้วย”



“พ่อผมอาจจะไปรู้เรื่องราวที่ผิดกฎหมาย”



ไม่รู้อะไรดลใจให้เจอโรมเอ่ยประโยคนี้ออกไป เขาเคยสงสัยอัลเบิร์ตแต่พอตอนนี้กลับรู้สึกว่า อีกฝ่ายเป็นเพื่อน



“คุณไปรู้เรื่องอะไรมางั้นหรือ”





“ผมเจอบันทึกของท่านสอดอยู่ในโต๊ะทำงาน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันหายไปแล้ว”

“บันทึกอะไรหรือ”



เจอโรมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสมุดบันทึกที่ถูกฉีก รวมถึงข้อความที่เขียนไว้ให้ฟัง อัลเบิร์ตขมวดคิ้ว สีหน้าเขาเคร่งเครียดกว่าเดิม วูบเดียวที่ดวงตาของคนตรงหน้าวาวขึ้นแต่เพียงแว๊บเดียวเขาก็รีบสลัดมันออกไป



“แสดงว่า สิ่งที่ผมเดาเอาไว้ไม่ผิด พ่อคุณถูกฆาตกรรมจริงๆ”



“เราควรจะทำยังไงกันต่อดี ถ้ามีคนแอบมาติดเครื่องดักฟังในบ้านแสดงว่า มันต้องการอะไรสักอย่างจากเรา”



“ผมสั่งให้เอ็มม่าและแม่บ้านที่ไว้ใจได้เก็บกวาดของทั้งหมดแล้วและสั่งเปลี่ยนแม่บ้านยกชุด วันนี้ผมแวะไปหาเพื่อนมา เขาแนะนำให้ตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณทำให้พวกมันหาข้อมูลอะไรไม่ได้อีก แค่นี้ก็หมดปัญหา แต่ระหว่างนี้คุณเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วย อย่าเอาตัวไปเป็นเป้าอีกเด็ดขาด เพราะถ้ามันไม่ได้ข้อมูลจากเครื่องก็คงเบนเข็มมาที่คุณแทน”



“คุณคิดว่า แพทริเซียเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า”



“ข้อนั้นผมตอบไม่ได้ แต่ก่อนที่คุณจะประสบอุบัติเหตุ คุณไม่เคยสนิทสนมกับเธอมาก่อน”

“อ้าว...ก็ไหนคุณหมอบอกว่า เธอคือ ว่าที่คู่หมั้นของผมแถมยังมาเฝ้าผมทุกวันตอนโคม่า”

“นั่นคือ สิ่งที่เธออ้าง แต่เท่าที่ผมรู้ คุณไม่เคยหมั้นกับใครทั้งนั้น”

“แล้วทำไมเธอถึงอ้างกับคนอื่น ว่า เราหมั้นกันเป็นการภายใน สรุปว่า ผมกับเธอรู้จักกันหรือเปล่า”



“ข้อนั้นผมเองก็ตอบไม่ได้ เพราะผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อน เพิ่งจะเจอตอนที่เธอไปแสดงบทว่า ที่คู่หมั้นที่โรงพยาบาล แถมยังขอให้หมอช่วยจัดการเรื่องการเป็นผู้จัดการมรดก แต่จะว่าไป หลักฐานที่เธอนำมาให้ดูว่า คุณกับเธอเคยควงกัน ก็น่าจะมีมูลอยู่บ้าง แต่จะสำคัญอะไรในเมื่อคุณเปลี่ยนคู่ควงทุกอาทิตย์อยู่แล้ว คุณอาจจะเคยมีเซ็กซ์กัน แล้วเธอก็อาจจะอยากได้สมบัตินับพันล้านของคุณ”



อัลเบิร์ตหมายถึง รูปถ่ายที่เผยแพร่ผ่านสื่อ เป็นรูปคู่ เจอโรมในรูปยิ้มแย้มซึ่งแสดงว่า ทั้งสองน่าจะรู้จักกันจริง แต่เท่าที่เขารู้ เจอโรมมักจะเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น





“บางทีผมอาจจะรักเธอจริงๆ ก็ได้”



อัลเบิร์ตแค่นเสียงออกจมูก ยักไหล่



“จะบอกอะไรให้นะ คนอย่างคุณไม่เคยคิดจะแต่งงาน ผู้หญิงก็แค่ของเล่นบนเตียง ผมเองยังแทบจะจำแฟนคุณไม่ได้ทุกคนเสียด้วยซ้ำ บางคนก็มีอายุเป็นวัน บ้างก็เป็นอาทิตย์ บางรายแค่ชั่วโมงเดียวก็เขี่ยทิ้งแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ว่า คนเจ้าชู้อย่างคุณจะยอมจบทุกอย่าง”



“นี่ผมแย่ขนาดนั้นเลยหรือ”



“แย่ไม่แย่ไม่รู้ แต่คุณเคยโดนผู้หญิงตบหน้าพร้อมกันวันเดียวห้าราย”





เจอโรมถึงกับเบ้หน้า เขานึกภาพตัวเองเสเพลไม่ออกคงเป็นเรื่องแย่มากที่ไปไหนมาไหนมีแต่คนเกลียดแต่ถ้าฟังจากคนรอบข้างเจอโรมคนเก่าคงไม่แคร์ เพราะเหตุนี้เองอัลเบิร์ตถึงได้เกลียดเขามาก นอกจากเจ้าชู้แล้วเขายังบ้าตัณหาอีกด้วย





“แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว”



“ข้อนั้นผมรู้ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน คุณไม่มีทางมานั่งดื่มกาแฟกับผมแน่นอน คุณเคยบอกว่า เกลียดกาแฟที่สุด โดยเฉพาะชนิดที่ใส่ครีมแบบนี้ คุณแทบจะเขวี้ยงแก้วทิ้งด้วยซ้ำ”






tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ต.ค. 2560, 22:31:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2560, 22:31:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 904





<< บทที่ ๖ โอกาสที่สอง   บทที่ ๘ เดทแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account