นาฬิกาทรายหวนคืน (Yaoi) - จบ
เมื่อคนรักกลับจำเขาไม่ได้จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่อุบัติเหตุนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา สิ่งที่แก้ไขได้มีเวลาเพียงสามเดือนเพื่อฟื้นฟูความจำให้กลับมา ซึ่งความทรงจำที่หายไปมาควบคู่กับอาการประหลาดที่เกิดขึ้น และอาจจะไม่มีชีวิตอยู่รอดก่อนที่จะครบสามเดือนความเสี่ยงที่จะย้อนเวลากลับอดีตนั้น จะช่วยให้ความทรงจำกลับมาได้ไหม แล้วคนในอดีตตามมาปัจจุบันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากเพียงใด สิ่งที่ตามจัดการพวกเขาในเงามืดอยู่นั้นเกิดขึ้นเพราะใครทำไมต้องทำเช่นนี้
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
Tags: นิยายรัก อดีต ปัจจุบัน อนาคต นาฬิกาทราย นิยายวาย BL Yaoi
ตอน: นาฬิกาทราย
"แต่ยังขาดอีกอย่าง"
"อะไรครับ" อินได้ถามด้วยความสงสัย
"ก่อนอื่นผมขอถามคุณก่อนว่า คุณตั้งใจสร้างบ้านเพื่ออยู่ที่นี่หรือย้อนกลับอดีตไปอีกครั้ง" ไมเคิลต้องการรู้ว่าอินต้องการที่จะให้เอกฟื้นความทรงจำในยุคไหน
"ใจผมอยากย้อนอดีตไปอีกครั้งครับแต่ผมเข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้"
อินอยากย้อนอดีตไปอีกครั้งเพราะจุดเริ่มต้นของเขาอยู่ที่บ้านและการข้ามกาลเวลาไปมานั้นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาและเอกได้พบกันและมีความทรงจำที่ดีร่วมกัน
"เป็นไปได้ ถ้ามีสิ่งที่บอกเวลาแทนนาฬิกาเรือนโตที่ถูกทำลายไป" ไมเคิลตอบในสิ่งที่เขารู้มาจากการค้นคว้าของเขาถึงแม้เขามีหุ้นส่วนในบริษัทของนินและทำงานหนักแทบทุกวันแต่เขาไม่เคยหยุดค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ ใส่ตัวเองเสมอ
"สิ่งที่บอกเวลา" อินพึมพำกับตัวเองเขากำลังนึกถึงบางอย่างที่เมื่อก่อนเขาเคยใช้จับเวลาในการทำงาน
"แต่สิ่งนั้นต้องมีในอดีตด้วยนะ คุณพอมีไหมสิ่งที่ผมว่า" ไมเคิลคิดว่าการสร้างบ้านให้กลับมาเช่นเดิมนั้นนอกจากปัจจัยหลักที่หาได้ในปัจจุบันได้แล้วจะต้องมีตัวเชื่อมจากอดีตด้วย
"มีอยู่สิ่งหนึ่งครับที่ผมได้คืนมาเมื่อสิบปีก่อน" อินกลับแน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิด ต้องใช่อันนี้อย่างแน่นอนที่จะสามารถช่วยเขา
"มันบอกเวลาได้ไหม" ไมเคิลถามย้ำอีกทีเพราะปัจจัยหลักที่สำคัญคือเวลา
"ได้ครับ เป็นนาฬิกาทรายครับแต่บอกเวลาได้ไม่กี่ชั่วโมง พอที่จะแทนได้ไหม" อินกำลังคิดว่านาฬิกาทรายที่เขาทำขึ้นมานั้น มันบอกจำนวนเวลาได้ไม่กี่ชั่วโมงเขากลัวว่าจะแทนนาฬิกาจริงไม่ได้
"นาฬิกาทำพิเศษใช่ไหม" ไมเคิลถามอีกครั้ง
"ครับ ผมสั่งทำพิเศษ" อินได้ตอบไมเคิลทันที นาฬิกาทรายนี้เขาจัดทำพิเศษเอาไว้ตั้งในห้องทำงานขนาดและราคาจึงไม่เหมือนใคร
"ถ้าสั่งทำพิเศษก็สามารถรู้จำนวนเวลาที่ตั้งได้"
ไมเคิลรู้ว่านาฬิกาทรายที่ทำเองในสมัยก่อนนั้นจะพิเศษกว่ายุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเนื้อไม้ ความประณีตที่มีเฉพาะช่างแต่ละคน และที่สำคัญถ้าสั่งทำด้วยฝีมือช่างมือดีจะสามารถกำหนดจำนวนเวลาที่เม็ดทรายไหลลงมาข้างล่างจนหมดได้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่
"หกชั่วโมงที่เม็ดทรายในนาฬิกาทรายจะหมดไปครับ" อินเป็นคนสั่งให้ชั่งกำหนดชั่วโมงให้เป็นเท่านี้
"อืม ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าจะทำได้ไหมแต่คงต้องลองดู" ไมเคิลพยักหน้ารับรู้แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องแบบนี้ว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งไหม
"ครับ"
อินไม่สนใจว่าจะได้หรือไม่ได้ ขอแค่มีโอกาสที่ทำให้เอกกลับมาเป็นเอกของเขาได้เหมือนเดิมถ้าโอกาสนั้นมีเพียงแค่0.001% เท่านั้นเขาก็ยอมเสี่ยงทุกอย่าง
"พรุ่งนี้ผมจะส่งคนไปที่บ้านคุณ เราต้องเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้" ไมเคิลเห็นแววตาแห่งความตั้งใจของอิน เขาจึงพอใจและคิดว่าไม่แน่อาจจะเกิดสิ่งที่มหัศจรรย์จากสองคนนี้อีกครั้งก็เป็นไปได้
"ขอบคุณครับ"
อินไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณยังไงที่ช่วยเหลือเขากับเอกขนาดนี้ถึงตอนแรกจะไม่อยากช่วยแต่แบบนี้เขาก็รู้สึกติดหนี้บุญคุณเสียแล้ว
"มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมจะเตือนเอาไว้ สมมติว่าคุณกับคุณเอกกลับไปอดีตอีกครั้งได้ ในครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่คุณเจอกันครั้งแรก" เขาได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้วว่าในครั้งก่อนอินไม่มีตัวตนในปัจจุบันแต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่อินมีและถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตบางทีอนาคตอาจเปลี่ยนไปแต่ยังไงคงไม่มีใครรู้
"ทำไมครับ" อินไม่เข้าใจเล็กน้อยมันจะต่างกันยังไงในเมื่อก็เคยกลับอดีตได้ตั้งหลายครั้ง
"เวลาในตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้ผ่านมาสิบปีในอดีตเวลาก็เดินไปสิบปีเช่นกัน ดังนั้นการที่คุณกับคุณเอกกลับไปครั้งนี้อาจเปลี่ยนอนาคตของพวกคุณบางอย่างได้" ไมเคิลอธิบายสิ่งที่เขาคิด
"ครับ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ" อินพอเข้าใจอยู่บ้าง แต่เรื่องนั้นเขาไม่สนใจอย่างแน่นอน อะไรที่ทำให้เอกจำเขาได้อีกครั้งเขาก็ยอม
"อืม ผมอาจไม่ได้ไปช่วยดูเรื่องนี้แต่ถ้ามีอะไรต้องการความช่วยเหลือโทรบอกผม นนท์คุณมีเบอร์ผมใช่ไหม" ไมเคิลคิดว่าต่อจากนี้คงวุ่นวายน่าดูเขาก็เหมือนกัน
"มีครับ" นนท์ตอบคำถามของไมเคิลทันที
"ถ้าแบบนั้นผมกับนนท์ขอตัวกลับครับ" อินเห็นว่าเป็นเวลาที่ควรกลับเพราะเขาต้องกลับไปบ้านเพื่อไปเช็กนาฬิกาทรายของตนเองอีกครั้ง
"ตามสบาย"
ไมเคิลยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ากลับไปเถอะเขาก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน ทั้งสองเห็นท่าทางแบบนั้นจึงยกมือไหว้ลาไมเคิลและเดินตรงไปที่รถของพวกเขา
ขณะที่เดินกลับมาที่รถนนท์ก็ทำสีหน้าที่ผิดสังเกตอินจึงต้องทักขึ้นเพราะปกตินนท์จะไม่แสดงสีหน้ากังวลใจเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แบบนี้
"นนท์นายเป็นอะไรหรือเปล่า" อินอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเพราะนนท์ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเขาเหมือนกัน
"ไม่ได้เป็นอะไรครับ" นนท์รีบปรับสีหน้าที่แสดงออกมาทันทีเขาไม่อยากให้อินเป็นห่วง
"บอกฉันมาเถอะนะ มีอะไรควรบอกดีกว่าปล่อยให้นานไปกว่านี้จะไม่ดี" อินกลับคิดว่าการปล่อยให้อะไรที่คาใจปล่อยไปนานไปกว่านี้อาจจะคิดเลยเถิดไปไกลและแก้ไม่ทัน นนท์พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เขากลับไปนั่งในรถเตรียมออกจากที่นี่ทำให้อินงงเล็กน้อยกับท่าทางของนนท์
ทั้งนนท์และอินขึ้นไปนั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยนนท์ก็รีบขับรถออกจากบ้านไมเคิลทันทีส่วนอินนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อบรรยากาศในรถเข้าสู่ความเงียบ
"บอกได้ยังว่ามีอะไรแต่ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร" อินได้ถามขึ้นอีกครั้งเพื่อทำลายความเงียบเพราะเขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอาจเป็นเพราะเขาเป็นห่วงนนท์ด้วย
"ผมขอโทษครับ ที่ผมดูแลคุณท่านไม่ดีครับ"
นนท์รู้สึกผิดถึงที่สุดที่ได้รับรู้ว่านินนั้นเสียชีวิตลงเพราะโดนวางยาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย ใครกันที่มาฉวยโอกาสตอนที่เขาเผลอแบบนี้แต่คิดโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะยังหาตัวคนทำไม่ได้ ตอนนี้ถ้าจะโทษคงต้องเป็นตัวเองที่ปล่อยให้มีช่องโหว่ให้คนอื่นแอบลอบทำร้ายได้
"หึ คนที่ผิดควรเป็นฉันมากกว่าเพราะว่าฉันเป็นพี่เขาแท้ๆ กลับดูแลไม่ได้" อินรู้สึกผิดเช่นเดียวกันที่ไม่ดูแลน้องชายของตนให้ดี ทั้งๆ ที่นินนั้นเสียสละให้เขามากขนาดไหนยิ่งคิดยิ่งไม่ให้อภัยตัวเอง
"ถ้าอย่างนั้นคงต้องผิดกันทั้งคู่ครับ" นนท์ได้ยินอินต่อว่าตนเองแบบนั้นเขาเห็นว่าคงไม่มีบทสรุปอย่างแน่นอนจึงตัดสินใจให้ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละดีที่สุด
"หึ คงต้องเป็นแบบนั้นสินะ"
อินได้ยินที่นนท์พูดออกมา ทำให้เขานึกขำตนเองในใจไม่ใช่ว่าเขาจะรักนินคนเดียว นนท์ก็เช่นกันทั้งรักและเคารพนินอย่างกับอะไรดี
เมื่อจบบทสนทนาทั้งสองจึงเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งต่างคนต่างอยู่กับตนเอง จนกระทั่งนนท์ได้ขับรถมาถึงหน้าบ้านของอิน ทั้งคู่จึงลงจากรถและอินได้ไล่นนท์ให้กลับไปพักผ่อนส่วนตัวเขานั้นไปที่ห้องนอนของเขาและเอก
"ขอให้ใช้ได้เถอะนะ"
อินได้จับนาฬิกาทรายขนาดเท่ากับหนึ่งศอกที่เอกได้มาจากร้านขายของเก่าออกจากตู้โชว์ ซึ่งเป็นเรื่องโชคดีที่ของสิ่งนี้เอกตั้งใจให้ในวันเกิดแต่ว่าเป็นของเขาในอดีตที่ถูกขโมยแล้วนำไปขายต่อ ผลสุดท้ายก็กลับมาหาเขาอีกครั้งจนได้
อินนำมาวางบนโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ในห้องนอนของพวกเขาแล้วเดินไปหยิบนาฬิกาทรายอีกอันหนึ่งที่วางถัดมาจากของของเขาและเก็บไว้ในตู้โชว์เหมือนกันแต่อันนี้เป็นของเอก เขานำออกมาวางคู่กับนาฬิกาทรายของเขา เป็นของขวัญที่เขาตั้งใจทำให้เอกในวันเกิด ซึ่งน่าแปลกที่เขาทั้งสองเกิดในวันเดียวกันและยังคิดให้ของเหมือนกันอีก
อินมองนาฬิกาทรายขนาดเท่ากับหนึ่งศอกทั้งสองอันที่เหมือนกันต่างกันแค่อายุของมันเท่านั้น ของอินนั้นจะซีดและโทรมเล็กน้อยตามกาลเวลา ส่วนของเอกยังคงดูเหมือนใหม่เพราะผ่านมาเพียงสิบปีเท่านั้นและเอกก็ดูแลรักษาอย่างดีจึงเหมือนใหม่แกะกล่อง
ทางด้านเอกได้นั้นกำลังนอนหลับแต่เขาฝันเห็นภาพต่างๆ เกี่ยวกับอินเข้ามาในสมองโดยที่เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ความรู้สึกหลากหลายมากมายเข้ามาในความฝันเพียงแต่ไม่เห็นหน้าชายในฝันคนนั้น ทำให้น้ำตาแห่งความอึดอัดไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
"เอก ไอ้เอก" จิ๋วได้สังเกตเห็นว่าเอกร้องไห้ทั้งที่หลับอยู่เธอเกิดความกังวลใจและเป็นห่วงเพื่อนจึงพยายามปลุกให้เอกตื่น
"ฮ๊ะ! " เอกสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
"เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม" จิ๋วรีบถามขึ้นอย่างไวเมื่อเอกลืมตาตื่นขึ้น
"ไม่เป็นอะไร นี่เราร้องไห้เหรอ" เอกงงกับน้ำตาที่อาบแก้มของเขา
"นายร้องไห้นะสิ ฉันเลยเป็นห่วง" จิ๋วพูดออกมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
"ทำไมต้องร้องไห้ด้วยนะ ความฝันเมื่อกี้มันคืออะไรกัน" เอกยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
"ไม่เป็นอะไรแน่นะ" เธอถามอีกครั้ง
ไม่เป็นอะไร คงแปลกที่เลยไม่คุ้นมั้ง ว่าแต่คุณอินกับคุณนนท์เขาจะมาที่นี่ไหม" ทำไมเวลาแบบนี้ถึงนึกถึงอินขึ้นมาแต่ไม่กล้าถามหาอินคนเดียวเลยเอานนท์มาด้วยจะได้ไม่น่าเกลียด
"ไม่รู้เหมือนกัน นายคิดถึงคุณอินเหรอเดี๋ยวเราโทรหาให้นะ" จิ๋วยกยิ้มที่เพื่อนของเธออยากเจอหน้าอินขึ้นมา
"ไม่ต้องหรอก เราไม่ได้คิดถึงคุณอินเสียหน่อย เกรงใจเขา"
เอกรีบห้ามเพื่อนของตนเอง จนถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าอินเหมือนคนที่รู้จักและสนิทสนมกันแต่อีกใจกลับไม่ใช่ รู้สึกเหมือนติดขัดอะไรบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถนึกเรื่องเกี่ยวกับคนคนนี้ได้ ทำไมมันรู้สึกอึดอัดแบบนี้นะ พอคิดขึ้นมาเอกกลับน้ำตาไหลอีกครั้ง
"เฮ้ย...เอกแกไม่เป็นอะไรจริงนะ" จิ๋วรีบเข้าไปดูทันที
"ไม่เป็นอะไร ช่างมันเถอะ" เอกรีบปาดน้ำตาออกไม่อยากให้จิ๋วคิดมาก
"แน่นะ" จิ๋วยังรู้สึกไม่ไว้วางใจ
"อืม" เอกพยักหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้จิ๋วสบายใจได้เลย
"ก๊อก ก๊อก"
มีเสียงเคาะประตูเบนความสนใจของคนทั้งสองในห้อง อินที่มาคนเดียวเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้พูดอะไร
"คุณอินมาแล้ว จิ๋วขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ" จิ๋วยิ้มให้กับอินที่เดินมาใกล้เตียงของเอก
"ครับ" อินพยักหน้าให้จิ๋ว
"ไปก่อนนะเอก" จิ๋วได้เดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แค่อินกับเอกเพียงแค่สองคนเท่านั้นเพราะตอนนี้มันมืดแล้วเธอจึงต้องรีบกลับไปหาสามีของเธอ
"คุณร้องไห้เหรอครับ"
อินแอบได้ยินการพูดคุยของคนทั้งสองจากข้างนอก เขามาหาเอกนานแล้วเพียงแต่เปิดประตูเข้ามาแล้วได้ยินเสียงของจิ๋วที่ตกใจอะไรบางอย่างเลยแอบฟัง เพื่อจะได้รู้ว่าตอนนี้เอกเป็นอย่างไรบ้างพอลับหลังเขา
"ไม่นิครับ" เอกโกหกหน้าตายแต่ยังพอมีคราบน้ำตาอยู่บ้าง
"โกหกไม่เนียนเลยนะครับ" อินยื่นนิ้วไปเกลี่ยคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่
"เอ๊ะ! คุณทำอะไรนะครับ" เอกเบี่ยงหลบมือของอิน ถึงเขาจะรู้สึกดีจนหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก็ตามแต่ว่าเขาพึ่งรู้จักคนตรงหน้าจะให้ทำแบบนี้ได้ยังไง
"อดทนหน่อยนะ ถ้าคุณนึกเรื่องของเราไม่ออกผมจะทำให้คุณนึกออกเอง" อินยิ้มกับท่าทางของคนรักของตน
"ยังไงครับ" เอกได้ยินสิ่งที่อินพูดเขาจึงขมวดคิ้วคิดตามด้วยความมึนงง
"ผมจะพาคุณกลับไปอดีตที่เราไปด้วยกันไงครับ ไปเริ่มตั้งแต่แรก" อินยิ้มให้เอกที่ยังทำหน้ามึนอยู่ เอกขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่อินกำลังสื่อ
"รอก่อนนะ ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยได้มาหาแต่ผมสัญญาจะพยายามมาหาคุณ" อินบอกกับเอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง
"เออ...ครับ" เอกไม่รู้ว่าคืออะไรแต่เขาเห็นท่าทางของอินแล้วไม่อยากขัดจึงเออออตามอินไป
"อะไรครับ" อินได้ถามด้วยความสงสัย
"ก่อนอื่นผมขอถามคุณก่อนว่า คุณตั้งใจสร้างบ้านเพื่ออยู่ที่นี่หรือย้อนกลับอดีตไปอีกครั้ง" ไมเคิลต้องการรู้ว่าอินต้องการที่จะให้เอกฟื้นความทรงจำในยุคไหน
"ใจผมอยากย้อนอดีตไปอีกครั้งครับแต่ผมเข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้"
อินอยากย้อนอดีตไปอีกครั้งเพราะจุดเริ่มต้นของเขาอยู่ที่บ้านและการข้ามกาลเวลาไปมานั้นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาและเอกได้พบกันและมีความทรงจำที่ดีร่วมกัน
"เป็นไปได้ ถ้ามีสิ่งที่บอกเวลาแทนนาฬิกาเรือนโตที่ถูกทำลายไป" ไมเคิลตอบในสิ่งที่เขารู้มาจากการค้นคว้าของเขาถึงแม้เขามีหุ้นส่วนในบริษัทของนินและทำงานหนักแทบทุกวันแต่เขาไม่เคยหยุดค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ ใส่ตัวเองเสมอ
"สิ่งที่บอกเวลา" อินพึมพำกับตัวเองเขากำลังนึกถึงบางอย่างที่เมื่อก่อนเขาเคยใช้จับเวลาในการทำงาน
"แต่สิ่งนั้นต้องมีในอดีตด้วยนะ คุณพอมีไหมสิ่งที่ผมว่า" ไมเคิลคิดว่าการสร้างบ้านให้กลับมาเช่นเดิมนั้นนอกจากปัจจัยหลักที่หาได้ในปัจจุบันได้แล้วจะต้องมีตัวเชื่อมจากอดีตด้วย
"มีอยู่สิ่งหนึ่งครับที่ผมได้คืนมาเมื่อสิบปีก่อน" อินกลับแน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิด ต้องใช่อันนี้อย่างแน่นอนที่จะสามารถช่วยเขา
"มันบอกเวลาได้ไหม" ไมเคิลถามย้ำอีกทีเพราะปัจจัยหลักที่สำคัญคือเวลา
"ได้ครับ เป็นนาฬิกาทรายครับแต่บอกเวลาได้ไม่กี่ชั่วโมง พอที่จะแทนได้ไหม" อินกำลังคิดว่านาฬิกาทรายที่เขาทำขึ้นมานั้น มันบอกจำนวนเวลาได้ไม่กี่ชั่วโมงเขากลัวว่าจะแทนนาฬิกาจริงไม่ได้
"นาฬิกาทำพิเศษใช่ไหม" ไมเคิลถามอีกครั้ง
"ครับ ผมสั่งทำพิเศษ" อินได้ตอบไมเคิลทันที นาฬิกาทรายนี้เขาจัดทำพิเศษเอาไว้ตั้งในห้องทำงานขนาดและราคาจึงไม่เหมือนใคร
"ถ้าสั่งทำพิเศษก็สามารถรู้จำนวนเวลาที่ตั้งได้"
ไมเคิลรู้ว่านาฬิกาทรายที่ทำเองในสมัยก่อนนั้นจะพิเศษกว่ายุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเนื้อไม้ ความประณีตที่มีเฉพาะช่างแต่ละคน และที่สำคัญถ้าสั่งทำด้วยฝีมือช่างมือดีจะสามารถกำหนดจำนวนเวลาที่เม็ดทรายไหลลงมาข้างล่างจนหมดได้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่
"หกชั่วโมงที่เม็ดทรายในนาฬิกาทรายจะหมดไปครับ" อินเป็นคนสั่งให้ชั่งกำหนดชั่วโมงให้เป็นเท่านี้
"อืม ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าจะทำได้ไหมแต่คงต้องลองดู" ไมเคิลพยักหน้ารับรู้แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องแบบนี้ว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งไหม
"ครับ"
อินไม่สนใจว่าจะได้หรือไม่ได้ ขอแค่มีโอกาสที่ทำให้เอกกลับมาเป็นเอกของเขาได้เหมือนเดิมถ้าโอกาสนั้นมีเพียงแค่0.001% เท่านั้นเขาก็ยอมเสี่ยงทุกอย่าง
"พรุ่งนี้ผมจะส่งคนไปที่บ้านคุณ เราต้องเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้" ไมเคิลเห็นแววตาแห่งความตั้งใจของอิน เขาจึงพอใจและคิดว่าไม่แน่อาจจะเกิดสิ่งที่มหัศจรรย์จากสองคนนี้อีกครั้งก็เป็นไปได้
"ขอบคุณครับ"
อินไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณยังไงที่ช่วยเหลือเขากับเอกขนาดนี้ถึงตอนแรกจะไม่อยากช่วยแต่แบบนี้เขาก็รู้สึกติดหนี้บุญคุณเสียแล้ว
"มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมจะเตือนเอาไว้ สมมติว่าคุณกับคุณเอกกลับไปอดีตอีกครั้งได้ ในครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่คุณเจอกันครั้งแรก" เขาได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้วว่าในครั้งก่อนอินไม่มีตัวตนในปัจจุบันแต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่อินมีและถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตบางทีอนาคตอาจเปลี่ยนไปแต่ยังไงคงไม่มีใครรู้
"ทำไมครับ" อินไม่เข้าใจเล็กน้อยมันจะต่างกันยังไงในเมื่อก็เคยกลับอดีตได้ตั้งหลายครั้ง
"เวลาในตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้ผ่านมาสิบปีในอดีตเวลาก็เดินไปสิบปีเช่นกัน ดังนั้นการที่คุณกับคุณเอกกลับไปครั้งนี้อาจเปลี่ยนอนาคตของพวกคุณบางอย่างได้" ไมเคิลอธิบายสิ่งที่เขาคิด
"ครับ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ" อินพอเข้าใจอยู่บ้าง แต่เรื่องนั้นเขาไม่สนใจอย่างแน่นอน อะไรที่ทำให้เอกจำเขาได้อีกครั้งเขาก็ยอม
"อืม ผมอาจไม่ได้ไปช่วยดูเรื่องนี้แต่ถ้ามีอะไรต้องการความช่วยเหลือโทรบอกผม นนท์คุณมีเบอร์ผมใช่ไหม" ไมเคิลคิดว่าต่อจากนี้คงวุ่นวายน่าดูเขาก็เหมือนกัน
"มีครับ" นนท์ตอบคำถามของไมเคิลทันที
"ถ้าแบบนั้นผมกับนนท์ขอตัวกลับครับ" อินเห็นว่าเป็นเวลาที่ควรกลับเพราะเขาต้องกลับไปบ้านเพื่อไปเช็กนาฬิกาทรายของตนเองอีกครั้ง
"ตามสบาย"
ไมเคิลยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ากลับไปเถอะเขาก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน ทั้งสองเห็นท่าทางแบบนั้นจึงยกมือไหว้ลาไมเคิลและเดินตรงไปที่รถของพวกเขา
ขณะที่เดินกลับมาที่รถนนท์ก็ทำสีหน้าที่ผิดสังเกตอินจึงต้องทักขึ้นเพราะปกตินนท์จะไม่แสดงสีหน้ากังวลใจเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แบบนี้
"นนท์นายเป็นอะไรหรือเปล่า" อินอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเพราะนนท์ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเขาเหมือนกัน
"ไม่ได้เป็นอะไรครับ" นนท์รีบปรับสีหน้าที่แสดงออกมาทันทีเขาไม่อยากให้อินเป็นห่วง
"บอกฉันมาเถอะนะ มีอะไรควรบอกดีกว่าปล่อยให้นานไปกว่านี้จะไม่ดี" อินกลับคิดว่าการปล่อยให้อะไรที่คาใจปล่อยไปนานไปกว่านี้อาจจะคิดเลยเถิดไปไกลและแก้ไม่ทัน นนท์พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เขากลับไปนั่งในรถเตรียมออกจากที่นี่ทำให้อินงงเล็กน้อยกับท่าทางของนนท์
ทั้งนนท์และอินขึ้นไปนั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยนนท์ก็รีบขับรถออกจากบ้านไมเคิลทันทีส่วนอินนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อบรรยากาศในรถเข้าสู่ความเงียบ
"บอกได้ยังว่ามีอะไรแต่ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร" อินได้ถามขึ้นอีกครั้งเพื่อทำลายความเงียบเพราะเขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอาจเป็นเพราะเขาเป็นห่วงนนท์ด้วย
"ผมขอโทษครับ ที่ผมดูแลคุณท่านไม่ดีครับ"
นนท์รู้สึกผิดถึงที่สุดที่ได้รับรู้ว่านินนั้นเสียชีวิตลงเพราะโดนวางยาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย ใครกันที่มาฉวยโอกาสตอนที่เขาเผลอแบบนี้แต่คิดโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะยังหาตัวคนทำไม่ได้ ตอนนี้ถ้าจะโทษคงต้องเป็นตัวเองที่ปล่อยให้มีช่องโหว่ให้คนอื่นแอบลอบทำร้ายได้
"หึ คนที่ผิดควรเป็นฉันมากกว่าเพราะว่าฉันเป็นพี่เขาแท้ๆ กลับดูแลไม่ได้" อินรู้สึกผิดเช่นเดียวกันที่ไม่ดูแลน้องชายของตนให้ดี ทั้งๆ ที่นินนั้นเสียสละให้เขามากขนาดไหนยิ่งคิดยิ่งไม่ให้อภัยตัวเอง
"ถ้าอย่างนั้นคงต้องผิดกันทั้งคู่ครับ" นนท์ได้ยินอินต่อว่าตนเองแบบนั้นเขาเห็นว่าคงไม่มีบทสรุปอย่างแน่นอนจึงตัดสินใจให้ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละดีที่สุด
"หึ คงต้องเป็นแบบนั้นสินะ"
อินได้ยินที่นนท์พูดออกมา ทำให้เขานึกขำตนเองในใจไม่ใช่ว่าเขาจะรักนินคนเดียว นนท์ก็เช่นกันทั้งรักและเคารพนินอย่างกับอะไรดี
เมื่อจบบทสนทนาทั้งสองจึงเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งต่างคนต่างอยู่กับตนเอง จนกระทั่งนนท์ได้ขับรถมาถึงหน้าบ้านของอิน ทั้งคู่จึงลงจากรถและอินได้ไล่นนท์ให้กลับไปพักผ่อนส่วนตัวเขานั้นไปที่ห้องนอนของเขาและเอก
"ขอให้ใช้ได้เถอะนะ"
อินได้จับนาฬิกาทรายขนาดเท่ากับหนึ่งศอกที่เอกได้มาจากร้านขายของเก่าออกจากตู้โชว์ ซึ่งเป็นเรื่องโชคดีที่ของสิ่งนี้เอกตั้งใจให้ในวันเกิดแต่ว่าเป็นของเขาในอดีตที่ถูกขโมยแล้วนำไปขายต่อ ผลสุดท้ายก็กลับมาหาเขาอีกครั้งจนได้
อินนำมาวางบนโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ในห้องนอนของพวกเขาแล้วเดินไปหยิบนาฬิกาทรายอีกอันหนึ่งที่วางถัดมาจากของของเขาและเก็บไว้ในตู้โชว์เหมือนกันแต่อันนี้เป็นของเอก เขานำออกมาวางคู่กับนาฬิกาทรายของเขา เป็นของขวัญที่เขาตั้งใจทำให้เอกในวันเกิด ซึ่งน่าแปลกที่เขาทั้งสองเกิดในวันเดียวกันและยังคิดให้ของเหมือนกันอีก
อินมองนาฬิกาทรายขนาดเท่ากับหนึ่งศอกทั้งสองอันที่เหมือนกันต่างกันแค่อายุของมันเท่านั้น ของอินนั้นจะซีดและโทรมเล็กน้อยตามกาลเวลา ส่วนของเอกยังคงดูเหมือนใหม่เพราะผ่านมาเพียงสิบปีเท่านั้นและเอกก็ดูแลรักษาอย่างดีจึงเหมือนใหม่แกะกล่อง
ทางด้านเอกได้นั้นกำลังนอนหลับแต่เขาฝันเห็นภาพต่างๆ เกี่ยวกับอินเข้ามาในสมองโดยที่เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ความรู้สึกหลากหลายมากมายเข้ามาในความฝันเพียงแต่ไม่เห็นหน้าชายในฝันคนนั้น ทำให้น้ำตาแห่งความอึดอัดไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
"เอก ไอ้เอก" จิ๋วได้สังเกตเห็นว่าเอกร้องไห้ทั้งที่หลับอยู่เธอเกิดความกังวลใจและเป็นห่วงเพื่อนจึงพยายามปลุกให้เอกตื่น
"ฮ๊ะ! " เอกสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
"เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม" จิ๋วรีบถามขึ้นอย่างไวเมื่อเอกลืมตาตื่นขึ้น
"ไม่เป็นอะไร นี่เราร้องไห้เหรอ" เอกงงกับน้ำตาที่อาบแก้มของเขา
"นายร้องไห้นะสิ ฉันเลยเป็นห่วง" จิ๋วพูดออกมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
"ทำไมต้องร้องไห้ด้วยนะ ความฝันเมื่อกี้มันคืออะไรกัน" เอกยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
"ไม่เป็นอะไรแน่นะ" เธอถามอีกครั้ง
ไม่เป็นอะไร คงแปลกที่เลยไม่คุ้นมั้ง ว่าแต่คุณอินกับคุณนนท์เขาจะมาที่นี่ไหม" ทำไมเวลาแบบนี้ถึงนึกถึงอินขึ้นมาแต่ไม่กล้าถามหาอินคนเดียวเลยเอานนท์มาด้วยจะได้ไม่น่าเกลียด
"ไม่รู้เหมือนกัน นายคิดถึงคุณอินเหรอเดี๋ยวเราโทรหาให้นะ" จิ๋วยกยิ้มที่เพื่อนของเธออยากเจอหน้าอินขึ้นมา
"ไม่ต้องหรอก เราไม่ได้คิดถึงคุณอินเสียหน่อย เกรงใจเขา"
เอกรีบห้ามเพื่อนของตนเอง จนถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าอินเหมือนคนที่รู้จักและสนิทสนมกันแต่อีกใจกลับไม่ใช่ รู้สึกเหมือนติดขัดอะไรบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถนึกเรื่องเกี่ยวกับคนคนนี้ได้ ทำไมมันรู้สึกอึดอัดแบบนี้นะ พอคิดขึ้นมาเอกกลับน้ำตาไหลอีกครั้ง
"เฮ้ย...เอกแกไม่เป็นอะไรจริงนะ" จิ๋วรีบเข้าไปดูทันที
"ไม่เป็นอะไร ช่างมันเถอะ" เอกรีบปาดน้ำตาออกไม่อยากให้จิ๋วคิดมาก
"แน่นะ" จิ๋วยังรู้สึกไม่ไว้วางใจ
"อืม" เอกพยักหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้จิ๋วสบายใจได้เลย
"ก๊อก ก๊อก"
มีเสียงเคาะประตูเบนความสนใจของคนทั้งสองในห้อง อินที่มาคนเดียวเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้พูดอะไร
"คุณอินมาแล้ว จิ๋วขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ" จิ๋วยิ้มให้กับอินที่เดินมาใกล้เตียงของเอก
"ครับ" อินพยักหน้าให้จิ๋ว
"ไปก่อนนะเอก" จิ๋วได้เดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แค่อินกับเอกเพียงแค่สองคนเท่านั้นเพราะตอนนี้มันมืดแล้วเธอจึงต้องรีบกลับไปหาสามีของเธอ
"คุณร้องไห้เหรอครับ"
อินแอบได้ยินการพูดคุยของคนทั้งสองจากข้างนอก เขามาหาเอกนานแล้วเพียงแต่เปิดประตูเข้ามาแล้วได้ยินเสียงของจิ๋วที่ตกใจอะไรบางอย่างเลยแอบฟัง เพื่อจะได้รู้ว่าตอนนี้เอกเป็นอย่างไรบ้างพอลับหลังเขา
"ไม่นิครับ" เอกโกหกหน้าตายแต่ยังพอมีคราบน้ำตาอยู่บ้าง
"โกหกไม่เนียนเลยนะครับ" อินยื่นนิ้วไปเกลี่ยคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่
"เอ๊ะ! คุณทำอะไรนะครับ" เอกเบี่ยงหลบมือของอิน ถึงเขาจะรู้สึกดีจนหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก็ตามแต่ว่าเขาพึ่งรู้จักคนตรงหน้าจะให้ทำแบบนี้ได้ยังไง
"อดทนหน่อยนะ ถ้าคุณนึกเรื่องของเราไม่ออกผมจะทำให้คุณนึกออกเอง" อินยิ้มกับท่าทางของคนรักของตน
"ยังไงครับ" เอกได้ยินสิ่งที่อินพูดเขาจึงขมวดคิ้วคิดตามด้วยความมึนงง
"ผมจะพาคุณกลับไปอดีตที่เราไปด้วยกันไงครับ ไปเริ่มตั้งแต่แรก" อินยิ้มให้เอกที่ยังทำหน้ามึนอยู่ เอกขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่อินกำลังสื่อ
"รอก่อนนะ ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยได้มาหาแต่ผมสัญญาจะพยายามมาหาคุณ" อินบอกกับเอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง
"เออ...ครับ" เอกไม่รู้ว่าคืออะไรแต่เขาเห็นท่าทางของอินแล้วไม่อยากขัดจึงเออออตามอินไป
![](/images/icons/guest.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2560, 19:04:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2560, 19:04:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 639
<< ความหวังยังไม่หมดไป | ใครเป็นแม่? >> |