นาฬิกาทรายหวนคืน (Yaoi) - จบ
เมื่อคนรักกลับจำเขาไม่ได้จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่อุบัติเหตุนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา สิ่งที่แก้ไขได้มีเวลาเพียงสามเดือนเพื่อฟื้นฟูความจำให้กลับมา ซึ่งความทรงจำที่หายไปมาควบคู่กับอาการประหลาดที่เกิดขึ้น และอาจจะไม่มีชีวิตอยู่รอดก่อนที่จะครบสามเดือนความเสี่ยงที่จะย้อนเวลากลับอดีตนั้น จะช่วยให้ความทรงจำกลับมาได้ไหม แล้วคนในอดีตตามมาปัจจุบันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากเพียงใด สิ่งที่ตามจัดการพวกเขาในเงามืดอยู่นั้นเกิดขึ้นเพราะใครทำไมต้องทำเช่นนี้
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
Tags: นิยายรัก อดีต ปัจจุบัน อนาคต นาฬิกาทราย นิยายวาย BL Yaoi
ตอน: จะได้ผลไหม
ณ ร้านอาหาร เวลา 17.00 น.
"หัวหน้าเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาเสียทีครับ" นนท์กำลังดื่มน้ำและคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ลูกน้องที่ตามมาทานอาหารเย็นด้วยกันได้ทักขึ้นมา
"ไม่ครับ ผมไม่คิดเรื่องนั้น" นนท์ตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง
"สามสิบแล้วไม่คิดจะมีใครจริงเหรอครับ"
นนท์กลับไม่ตอบอะไร พอเหล่าลูกน้องที่มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะเห็นท่าทางที่นิ่งเงียบของนนท์จึงหันกลับไปคุยเรื่องอื่นกัน ปล่อยให้นนท์นั้นนั่งทานอาหารต่อไปโดยไม่มีใครกล้าเล่นด้วยอีกเลย
สิ่งที่นนท์คิดอยู่ในหัวสมองนั้นไม่ใช่อะไร เขากำลังคิดถึงคนที่ตนชอบมาตั้งแต่เด็ก คนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนิน ที่เป็นเหมือนฮีโร่ในดวงใจของเขา ตั้งแต่เกิดมาพอจะจำความได้เขาก็พบกับชายคนนี้ที่เปรียบเสมือนพ่อและเจ้านายในคราวเดียวกัน แต่ในบางมุมนั้นเขาก็เหมือนเพื่อนที่รู้ใจ จากฮีโร่ในดวงใจกลายมาเป็นคนที่ตนชอบ ในทุกๆ วันเขานั้นพยายามหักห้ามใจไม่ให้รู้สึกชอบคนที่อายุแก่กว่าตนหลายรอบ คนที่มีพระคุณรับเลี้ยงเขาแทนพ่อที่ทิ้งเขากับแม่ไปหาหญิงอื่น
"นนท์แม่รู้นะว่าลูกคิดอะไรอยู่"
"ครับ"
"รู้ไหมว่าคุณท่านเขามีพระคุณกับเรามากนะ"
"ครับ"
"คุณท่านอายุแก่กว่าพ่อของลูกอีกนะ เราเข้าใจใช่ไหมเรื่องนี้"
"ครับ ผมจะจำไว้"
"ห้ามคิดอะไรแบบนี้อีกเข้าใจไหม"
"ครับ ผมจะไม่คิดอีกครับ"
สิ่งที่มารดาของเขาได้เตือนนั้นมันตอกย้ำว่าเขานั้นอยู่ในฐานะอะไร มันยากขนาดไหนที่ต้องอยู่กับคนที่ตนแอบชอบมาตลอดตั้งแต่เด็กจนตอนนี้อายุเข้าเลขสาม ถึงนินจะจากไปแล้วแต่ความรู้สึกที่อยากอยู่ใกล้ชิดนินนั้นไม่เคยลดลงเลย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขานั้นไม่สามารถมีใครในใจได้อีก ความลับที่อยู่ในใจไม่มีใครล่วงรู้นอกจากมารดาผู้ให้กำเนิดเขาเท่านั้นที่จับพิรุธของเขาได้ มันน่าอายที่จะบอกกับใครและทรมานมากเพียงไหนที่ไม่ให้คิดเกินเลยกับชายผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเขา
"ตืดด...ตืดด..." เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นนท์หลุดจากความคิดทั้งหมด
"ครับ คุณไมเคิล" สายที่โทรมาไม่ใช่ใครเป็นไมเคิลเพื่อนของนินนั้นเอง
"ผมจะไปบอกคุณอินให้ครับ"
"ครับ"
"สวัสดีครับ"
เมื่อจบการสนทนาจากไมเคิลแล้ว เขานั้นต้องไปหาอินตามคำสั่งของไมเคิล จึงต้องจ่ายเงินค่าอาหารทั้งหมดรวมถึงลูกน้องที่ติดตามเขามาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เหล่าลูกน้องดีใจเสียยกใหญ่ที่มีคนเลี้ยงอาหารมื้อหนักนี้
นนท์ต้องตรงกลับไปที่บ้านของอินและไม่ใช่บ้านที่อินอยู่ปัจจุบันแต่เป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ต่างหาก ในวันนี้เป็นวันที่เอกออกจากโรงพยาบาล อินจึงดีใจไปรับเอกมาดูบ้านที่เขาใช้เวลาสร้างเสร็จเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ทุกอย่างเหมือนเดิมหมดไม่มีตกหล่นที่ไหน ของในบ้านก็เหมือนเดิมยกเว้นนาฬิกาลูกตุ้มเรือนโตที่ไม่มีเท่านั้น ส่วนกรลูกชายบุญธรรมของคนทั้งสองได้จิ๋วไปดูแล โดยจิ๋วเป็นคนเสนอขอเองถึงสามีเธอจะแยกเขี้ยวหลายรอบก็ตาม แต่เธอยังคงยืนยันจะให้กรไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอตอนสามีเธอออกไปทำงาน ก็เท่ากับว่าอินและเอกต้องกลับมาอยู่บ้านเพียงสองคนซึ่งเข้าทางอินเลยทีเดียว
ทางด้านของอินและเอกได้ออกมาจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย เอกนั้นยังไม่ค่อยหายดีเท่าไหร่นักเเต่พอเดินได้จึงกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านโดยหมอนัดติดตามอาการทุกเดือน อินได้พาเอกมาที่บ้านใหม่แต่ดัดแปลงให้เหมือนบ้านเดิมทุกอย่าง ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่หน้าประตู
"เป็นยังไงบ้างครับพอนึกอะไรออกบ้างไหม" อินยืนลุ้นคำตอบอยู่ข้างเอก
"ไม่เลยครับ" เอกส่ายหน้ารัวเลยทีเดียว
"ถ้าอย่างนั้นเข้าบ้านกันเถอะ" อินจับมือเอกเปิดประตูเข้าบ้านไป
"แล้วคุณป้าดาหล่ะครับ" เอกนึกถึงหญิงสูงวัยที่พาเขามาชมบ้าน
"ป้าดาเสียไปตั้งหลายปีแล้วครับ" อินตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่นิ่ง เขารู้แล้วว่าความทรงจำของเอกหยุดอยู่ที่วันแรกของการมาเหยียบบ้านหลังนี้ เอกขมวดคิ้วคิดตามทำไมเขาถึงจำไม่ได้
"ไปเถอะ" อินดึงมือของเอกให้เข้าไปในบ้านทันที
เมื่อเอกก้าวขาเข้าบ้านมาเขาเกือบหน้าทิ่มเพราะเท้าของเขายกข้ามธรณีประตูไม่ผ่านโชคดีที่อินรับไว้ได้ทัน
"เป็นอะไรไหม" อินบอกคนในอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วง
"ไม่เป็นอะไรครับ ผมคงมัวแต่คิดอะไรเพลิน"
เอกกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขายกขาไม่ขึ้นเพราะแรงยังกลับมาไม่หมดแต่กลัวว่าอินจะรู้เขาจึงโกหกไป เอกคงคิดผิดเพราะอินนั้นกลับรับรู้ทั้งหมดว่าเกิดอะไรกับร่างกายของเอก อินได้ทำตัวตามปกติและตามน้ำไปให้เอกไว้วางใจในตัวเขา เขาไม่อยากขัดใจเอกเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบทำ
"เป็นยังไงบ้างเหมือนเดิมไหมครับ" อินภูมิใจกับการสร้างบ้านหลังนี้ให้กลับมาเหมือนเดิมมากเพราะเขานั้นทุ่มสุดตัวและสุดแรง
"เหมือนนะครับแต่ว่านาฬิกาเรือนโตไปไหนครับ" เอกชี้ไปยังตำแหน่งที่นาฬิกาลูกตุ้มเรือนโตควรอยู่กลับไม่มี เห็นแต่นาฬิกาทรายขนาดหนึ่งศอกสองอันวางไว้บนโต๊ะคู่กัน
"มันพังไปพร้อมกับระเบิดเมื่อสิบปีก่อน" อินตอบเอกด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง
"เหรอครับ"
"ผมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม ผมอยากให้พวกเรากลับไปอดีตอีกครั้งเพื่อคุณจะจำอะไรได้บ้าง" อินไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไงตอนนี้เขาได้สร้างบ้านกลับมาเหมือนเดิมทุกอย่างแล้วแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด หรือว่าเขาจะทำอะไรผิดพลาดไป
"ครับ" เอกขานรับแต่ตัวได้เดินเข้ามาใกล้นาฬิกาทรายทั้งสองอย่างสนอกสนใจ
"คุณจำนาฬิกาทรายที่คุณได้ให้ผมในวันเกิดได้ไหม" อินชี้ไปที่นาฬิกาทรายอันหนึ่งที่ดูเก่ากว่าอีกอัน แต่เอกกลับส่ายหน้าจำไม่ได้และมองนาฬิกาทรายที่อินบอกอย่างใช้ความคิด
"คุณอินครับ"
อินและเอกหันไปมองต้นเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับตัวของนนท์ที่เข้ามาในบ้านเหมือนมีธุระสำคัญ เมื่อเอกเห็นว่านนท์นั้นมาหาอินไม่ใช่ตัวของเขาจึงหันกลับไปสนใจนาฬิกาทรายตรงหน้าต่อปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน
"มีอะไรเหรอนนท์" อินเดินเข้าไปใกล้นนท์มากขึ้น
"คุณไมเคิลฝากให้ผมมาบอกคุณอินครับว่า เมื่อพาคุณเอกกลับมาบ้านแล้วอย่าพึ่งไปยุ่งกับนาฬิกาทรายครับ"
"ทำไมหล่ะ" อินงงกับสิ่งที่ไมเคิลห้าม
"ผมก็ไม่ทราบครับ" เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมไมเคิลถึงห้าม แต่ไมเคิลกำชับว่าจะต้องไปบอกด้วยตัวเองห้ามโทรศัพท์บอกเด็ดขาด
"ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้อง...เอ๋! "
อินกำลังจะหันหลังกลับไปเตือนเอกตามที่ไมเคิลสั่งห้ามแต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว บรรยากาศรอบบ้านเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมองออกไปที่หน้าต่างจะเห็นว่าไม่ใช่ยุคที่พวกเขาอยู่แต่พวกเขากลับมาอดีต
"เกิดอะไรขึ้นครับ" นนท์งงกับบรรยากาศและในตัวบ้านที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยดูจากของในบ้านที่เหมือนเดิมแต่เก่าขึ้น
"คุณเอกทำอะไรครับ" อินหันไปถามเอกที่หน้าตาตื่นตระหนกเหมือนตกใจที่รอบตัวเปลี่ยนไป
"ครับ ผมเปล่าทำอะไรนะ แค่อยากลองกลับนาฬิกาทรายดูเฉยๆ" เอกอธิบายไปและชี้ไปที่นาฬิกาทรายที่เขาพึ่งกลับหัวไปเพื่ออยากเห็นเม็ดทรายที่ไหลลงสู่ก้นขวดแก้ว เอกหันกลับมามองหลังจากอธิบายให้อินฟังจนจบ แต่เอกต้องตกใจยิ่งกว่าเก่าเพราะสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่นาฬิกาทรายกลับเป็นนาฬิกาลูกตุ้มเรือนโตที่เขาเห็นในวันแรกที่เดินมาเหยียบที่นี่
"อ้าวทำไมไม่มีนาฬิกาทรายทำไมเป็นนาฬิกาลูกตุ้ม"
"เรากลับมาอดีตได้" อินเดินเข้าไปหาเอกด้วยความดีใจปล่อยให้นนท์ยืนนิ่งตัวแข็งเพราะเกิดอาการช็อกที่รับรู้ว่าตนเองกลับมาอดีต
"อดีต? " เอกทำหน้างงเขาไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"พี่อิน! " เสียงเรียกอันคุ้นเคยดึงสติของทุกคนกลับมา
"นิน" อินดีใจที่ได้เห็นน้องชายอีกครั้งไม่คิดว่าการกลับมาครั้งนี้จะได้เจอกันอีก ส่วนนนท์นั้นมองนินด้วยความตกใจกว่าเดิมที่เห็นนินในสภาพที่อายุใกล้เคียงกัน
"พี่เอก" นินรีบเดินเข้ามาหาเอกที่ยืนคู่กับอินทันที เขาไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสได้เจอกับคนทั้งสองอีกครั้ง
"คุณเป็นใครครับ" เอกขมวดคิ้วเป็นปมกับชายตรงหน้าที่หน้าตาคล้ายอินเพียงแต่บุคลิกที่แตกต่างกับอิน
"พี่จำผมไม่ได้เหรอครับ ผมนินไงครับ" นินสงสัยขึ้นมาทันทีว่าทำไมเอกถึงทำสีหน้าเหมือนกับจำเขาไม่ได้แบบนี้
"ตอนนี้เอกความจำเสื่อมนะ รายละเอียดพี่จะเล่าให้ฟังอีกทีนะ"
"ฮ๊ะ! ทำไมครับ" นินตกใจที่ได้ยินแบบนั้นจึงไม่สนใจอินที่บอกจะเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้ง
"นินนี่นนท์" อินรีบเบี่ยงเบนการสนทนาของน้องชายให้ไปทางอื่น พอดีเขาหันไปเห็นนนท์ที่บังเอิญติดตามมาด้วย จึงรีบแนะนำให้นินทันทีเพราะคิดว่ายังไงนินคงไม่รู้จักอย่างแน่นอน
"ยินดีที่ได้รู้จักนะนนท์" นินยิ้มกว้างให้กับนนท์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
"ค...ครับ" นนท์ตื่นเต้นที่เห็นนินอีกครั้งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว ส่วนนินนั้นได้แต่มองโดยไม่ได้คิดอะไรและหันกลับไปสนใจอินและเอกต่อเมื่อนนท์พูดจบ
"พี่เอก จำผมไม่ได้จริงเหรอครับ" นินไม่ยอมแพ้ยังไงต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"ผมขอโทษนะครับ ผมจำคุณไม่ได้จริงๆ แล้วที่นี่ที่ไหนครับดูเหมือนบ้านจะเปลี่ยนไปและคุณเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไงครับ" เอกยังคงมองไปรอบๆ ตัวบ้านด้วยความมึนงง
"ปีนี้เข้าปี พ.ศ. 2510 ครับ ตอนนี้พวกพี่อยู่ในอดีต" นินเริ่มเข้าใจแล้วว่าเอกจำอะไรไม่ได้จึงบอกบางอย่างไป
"เอ๋! กลับมาอดีตเหรอ"
เอกรีบเดินไปที่ปฏิทินที่เขาเห็นตอนกวาดสายตามองจึงรู้ได้ว่าชายตรงหน้าไม่ได้โกหก พอคิดได้ว่าเกิดเรื่องแปลกกับตัวเองอีกครั้งสมองจึงประมวลผลไม่ทันและหายใจไม่ทั่วท้อง ทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมในทันที โชคดีที่อินเห็นท่าทางของเอกดูแปลกไปจึงรีบไปรับไว้ได้ทัน
"เฮ้อออ...เมื่อก่อนแค่ล้มลงคราวนี้ถึงกับสลบไปเลยคงตกใจน่าดู" อินมองคนในอ้อมแขนอย่างเหนื่อยใจเขาไม่รู้จะเริ่มฟื้นความจำของเอกให้กลับมาเหมือนเดิมได้ยังไง
"พี่เอกเป็นยังไงบ้างครับ" นินและนนท์ตกใจที่เอกเป็นลมจึงรีบเข้าไปดูแต่เป็นนินที่ออกอาการเป็นห่วงจนออกมากับสีหน้า นนท์เห็นแบบนั้นเขารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในหัวใจทันที
"เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกัน พี่พาเอกไปนอนก่อน"
อินไม่ได้ตอบคำถามน้องชายตน เขาได้อุ้มคนในอ้อมแขนเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนของพวกเขาในทันที ส่วนนินและนนท์มองคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้ว่าคิดอย่างไรแต่แน่นอนทั้งสองคงคิดต่างกัน
กลับมาในยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2570)
ถ้ามีคนสังเกตให้ดีจะมีรถสีดำจอดอยู่ข้างบ้านของอินและเอก
"บอสครับ" ชายที่นั่งอยู่ด้านคนขับได้เรียกชายที่นั่งข้างหลังเนื่องจากพวกเขาได้จอดสังเกตการณ์คนที่อยู่ในบ้านหลังนี้มานานพอสมควร
"อืม กลับได้" ชายที่ถูกเรียกว่า บอส นั้นได้สั่งลูกน้องให้ขับรถกลับที่พักและไม่ได้พูดสิ่งใดต่อเขาได้ก้มหน้ามองรูปถ่ายที่มีแต่รอยยับบ่งบอกว่าเขานั้นหยิบขึ้นมาดูบ่อยขนาดไหน
"ทศ อีกไม่นาน ผมจะแก้แค้นให้กับคุณเอง"
"หัวหน้าเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาเสียทีครับ" นนท์กำลังดื่มน้ำและคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ลูกน้องที่ตามมาทานอาหารเย็นด้วยกันได้ทักขึ้นมา
"ไม่ครับ ผมไม่คิดเรื่องนั้น" นนท์ตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง
"สามสิบแล้วไม่คิดจะมีใครจริงเหรอครับ"
นนท์กลับไม่ตอบอะไร พอเหล่าลูกน้องที่มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะเห็นท่าทางที่นิ่งเงียบของนนท์จึงหันกลับไปคุยเรื่องอื่นกัน ปล่อยให้นนท์นั้นนั่งทานอาหารต่อไปโดยไม่มีใครกล้าเล่นด้วยอีกเลย
สิ่งที่นนท์คิดอยู่ในหัวสมองนั้นไม่ใช่อะไร เขากำลังคิดถึงคนที่ตนชอบมาตั้งแต่เด็ก คนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนิน ที่เป็นเหมือนฮีโร่ในดวงใจของเขา ตั้งแต่เกิดมาพอจะจำความได้เขาก็พบกับชายคนนี้ที่เปรียบเสมือนพ่อและเจ้านายในคราวเดียวกัน แต่ในบางมุมนั้นเขาก็เหมือนเพื่อนที่รู้ใจ จากฮีโร่ในดวงใจกลายมาเป็นคนที่ตนชอบ ในทุกๆ วันเขานั้นพยายามหักห้ามใจไม่ให้รู้สึกชอบคนที่อายุแก่กว่าตนหลายรอบ คนที่มีพระคุณรับเลี้ยงเขาแทนพ่อที่ทิ้งเขากับแม่ไปหาหญิงอื่น
"นนท์แม่รู้นะว่าลูกคิดอะไรอยู่"
"ครับ"
"รู้ไหมว่าคุณท่านเขามีพระคุณกับเรามากนะ"
"ครับ"
"คุณท่านอายุแก่กว่าพ่อของลูกอีกนะ เราเข้าใจใช่ไหมเรื่องนี้"
"ครับ ผมจะจำไว้"
"ห้ามคิดอะไรแบบนี้อีกเข้าใจไหม"
"ครับ ผมจะไม่คิดอีกครับ"
สิ่งที่มารดาของเขาได้เตือนนั้นมันตอกย้ำว่าเขานั้นอยู่ในฐานะอะไร มันยากขนาดไหนที่ต้องอยู่กับคนที่ตนแอบชอบมาตลอดตั้งแต่เด็กจนตอนนี้อายุเข้าเลขสาม ถึงนินจะจากไปแล้วแต่ความรู้สึกที่อยากอยู่ใกล้ชิดนินนั้นไม่เคยลดลงเลย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขานั้นไม่สามารถมีใครในใจได้อีก ความลับที่อยู่ในใจไม่มีใครล่วงรู้นอกจากมารดาผู้ให้กำเนิดเขาเท่านั้นที่จับพิรุธของเขาได้ มันน่าอายที่จะบอกกับใครและทรมานมากเพียงไหนที่ไม่ให้คิดเกินเลยกับชายผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเขา
"ตืดด...ตืดด..." เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นนท์หลุดจากความคิดทั้งหมด
"ครับ คุณไมเคิล" สายที่โทรมาไม่ใช่ใครเป็นไมเคิลเพื่อนของนินนั้นเอง
"ผมจะไปบอกคุณอินให้ครับ"
"ครับ"
"สวัสดีครับ"
เมื่อจบการสนทนาจากไมเคิลแล้ว เขานั้นต้องไปหาอินตามคำสั่งของไมเคิล จึงต้องจ่ายเงินค่าอาหารทั้งหมดรวมถึงลูกน้องที่ติดตามเขามาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เหล่าลูกน้องดีใจเสียยกใหญ่ที่มีคนเลี้ยงอาหารมื้อหนักนี้
นนท์ต้องตรงกลับไปที่บ้านของอินและไม่ใช่บ้านที่อินอยู่ปัจจุบันแต่เป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ต่างหาก ในวันนี้เป็นวันที่เอกออกจากโรงพยาบาล อินจึงดีใจไปรับเอกมาดูบ้านที่เขาใช้เวลาสร้างเสร็จเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ทุกอย่างเหมือนเดิมหมดไม่มีตกหล่นที่ไหน ของในบ้านก็เหมือนเดิมยกเว้นนาฬิกาลูกตุ้มเรือนโตที่ไม่มีเท่านั้น ส่วนกรลูกชายบุญธรรมของคนทั้งสองได้จิ๋วไปดูแล โดยจิ๋วเป็นคนเสนอขอเองถึงสามีเธอจะแยกเขี้ยวหลายรอบก็ตาม แต่เธอยังคงยืนยันจะให้กรไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอตอนสามีเธอออกไปทำงาน ก็เท่ากับว่าอินและเอกต้องกลับมาอยู่บ้านเพียงสองคนซึ่งเข้าทางอินเลยทีเดียว
ทางด้านของอินและเอกได้ออกมาจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย เอกนั้นยังไม่ค่อยหายดีเท่าไหร่นักเเต่พอเดินได้จึงกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านโดยหมอนัดติดตามอาการทุกเดือน อินได้พาเอกมาที่บ้านใหม่แต่ดัดแปลงให้เหมือนบ้านเดิมทุกอย่าง ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่หน้าประตู
"เป็นยังไงบ้างครับพอนึกอะไรออกบ้างไหม" อินยืนลุ้นคำตอบอยู่ข้างเอก
"ไม่เลยครับ" เอกส่ายหน้ารัวเลยทีเดียว
"ถ้าอย่างนั้นเข้าบ้านกันเถอะ" อินจับมือเอกเปิดประตูเข้าบ้านไป
"แล้วคุณป้าดาหล่ะครับ" เอกนึกถึงหญิงสูงวัยที่พาเขามาชมบ้าน
"ป้าดาเสียไปตั้งหลายปีแล้วครับ" อินตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่นิ่ง เขารู้แล้วว่าความทรงจำของเอกหยุดอยู่ที่วันแรกของการมาเหยียบบ้านหลังนี้ เอกขมวดคิ้วคิดตามทำไมเขาถึงจำไม่ได้
"ไปเถอะ" อินดึงมือของเอกให้เข้าไปในบ้านทันที
เมื่อเอกก้าวขาเข้าบ้านมาเขาเกือบหน้าทิ่มเพราะเท้าของเขายกข้ามธรณีประตูไม่ผ่านโชคดีที่อินรับไว้ได้ทัน
"เป็นอะไรไหม" อินบอกคนในอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วง
"ไม่เป็นอะไรครับ ผมคงมัวแต่คิดอะไรเพลิน"
เอกกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขายกขาไม่ขึ้นเพราะแรงยังกลับมาไม่หมดแต่กลัวว่าอินจะรู้เขาจึงโกหกไป เอกคงคิดผิดเพราะอินนั้นกลับรับรู้ทั้งหมดว่าเกิดอะไรกับร่างกายของเอก อินได้ทำตัวตามปกติและตามน้ำไปให้เอกไว้วางใจในตัวเขา เขาไม่อยากขัดใจเอกเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบทำ
"เป็นยังไงบ้างเหมือนเดิมไหมครับ" อินภูมิใจกับการสร้างบ้านหลังนี้ให้กลับมาเหมือนเดิมมากเพราะเขานั้นทุ่มสุดตัวและสุดแรง
"เหมือนนะครับแต่ว่านาฬิกาเรือนโตไปไหนครับ" เอกชี้ไปยังตำแหน่งที่นาฬิกาลูกตุ้มเรือนโตควรอยู่กลับไม่มี เห็นแต่นาฬิกาทรายขนาดหนึ่งศอกสองอันวางไว้บนโต๊ะคู่กัน
"มันพังไปพร้อมกับระเบิดเมื่อสิบปีก่อน" อินตอบเอกด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง
"เหรอครับ"
"ผมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม ผมอยากให้พวกเรากลับไปอดีตอีกครั้งเพื่อคุณจะจำอะไรได้บ้าง" อินไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไงตอนนี้เขาได้สร้างบ้านกลับมาเหมือนเดิมทุกอย่างแล้วแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด หรือว่าเขาจะทำอะไรผิดพลาดไป
"ครับ" เอกขานรับแต่ตัวได้เดินเข้ามาใกล้นาฬิกาทรายทั้งสองอย่างสนอกสนใจ
"คุณจำนาฬิกาทรายที่คุณได้ให้ผมในวันเกิดได้ไหม" อินชี้ไปที่นาฬิกาทรายอันหนึ่งที่ดูเก่ากว่าอีกอัน แต่เอกกลับส่ายหน้าจำไม่ได้และมองนาฬิกาทรายที่อินบอกอย่างใช้ความคิด
"คุณอินครับ"
อินและเอกหันไปมองต้นเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับตัวของนนท์ที่เข้ามาในบ้านเหมือนมีธุระสำคัญ เมื่อเอกเห็นว่านนท์นั้นมาหาอินไม่ใช่ตัวของเขาจึงหันกลับไปสนใจนาฬิกาทรายตรงหน้าต่อปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน
"มีอะไรเหรอนนท์" อินเดินเข้าไปใกล้นนท์มากขึ้น
"คุณไมเคิลฝากให้ผมมาบอกคุณอินครับว่า เมื่อพาคุณเอกกลับมาบ้านแล้วอย่าพึ่งไปยุ่งกับนาฬิกาทรายครับ"
"ทำไมหล่ะ" อินงงกับสิ่งที่ไมเคิลห้าม
"ผมก็ไม่ทราบครับ" เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมไมเคิลถึงห้าม แต่ไมเคิลกำชับว่าจะต้องไปบอกด้วยตัวเองห้ามโทรศัพท์บอกเด็ดขาด
"ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้อง...เอ๋! "
อินกำลังจะหันหลังกลับไปเตือนเอกตามที่ไมเคิลสั่งห้ามแต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว บรรยากาศรอบบ้านเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมองออกไปที่หน้าต่างจะเห็นว่าไม่ใช่ยุคที่พวกเขาอยู่แต่พวกเขากลับมาอดีต
"เกิดอะไรขึ้นครับ" นนท์งงกับบรรยากาศและในตัวบ้านที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยดูจากของในบ้านที่เหมือนเดิมแต่เก่าขึ้น
"คุณเอกทำอะไรครับ" อินหันไปถามเอกที่หน้าตาตื่นตระหนกเหมือนตกใจที่รอบตัวเปลี่ยนไป
"ครับ ผมเปล่าทำอะไรนะ แค่อยากลองกลับนาฬิกาทรายดูเฉยๆ" เอกอธิบายไปและชี้ไปที่นาฬิกาทรายที่เขาพึ่งกลับหัวไปเพื่ออยากเห็นเม็ดทรายที่ไหลลงสู่ก้นขวดแก้ว เอกหันกลับมามองหลังจากอธิบายให้อินฟังจนจบ แต่เอกต้องตกใจยิ่งกว่าเก่าเพราะสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่นาฬิกาทรายกลับเป็นนาฬิกาลูกตุ้มเรือนโตที่เขาเห็นในวันแรกที่เดินมาเหยียบที่นี่
"อ้าวทำไมไม่มีนาฬิกาทรายทำไมเป็นนาฬิกาลูกตุ้ม"
"เรากลับมาอดีตได้" อินเดินเข้าไปหาเอกด้วยความดีใจปล่อยให้นนท์ยืนนิ่งตัวแข็งเพราะเกิดอาการช็อกที่รับรู้ว่าตนเองกลับมาอดีต
"อดีต? " เอกทำหน้างงเขาไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"พี่อิน! " เสียงเรียกอันคุ้นเคยดึงสติของทุกคนกลับมา
"นิน" อินดีใจที่ได้เห็นน้องชายอีกครั้งไม่คิดว่าการกลับมาครั้งนี้จะได้เจอกันอีก ส่วนนนท์นั้นมองนินด้วยความตกใจกว่าเดิมที่เห็นนินในสภาพที่อายุใกล้เคียงกัน
"พี่เอก" นินรีบเดินเข้ามาหาเอกที่ยืนคู่กับอินทันที เขาไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสได้เจอกับคนทั้งสองอีกครั้ง
"คุณเป็นใครครับ" เอกขมวดคิ้วเป็นปมกับชายตรงหน้าที่หน้าตาคล้ายอินเพียงแต่บุคลิกที่แตกต่างกับอิน
"พี่จำผมไม่ได้เหรอครับ ผมนินไงครับ" นินสงสัยขึ้นมาทันทีว่าทำไมเอกถึงทำสีหน้าเหมือนกับจำเขาไม่ได้แบบนี้
"ตอนนี้เอกความจำเสื่อมนะ รายละเอียดพี่จะเล่าให้ฟังอีกทีนะ"
"ฮ๊ะ! ทำไมครับ" นินตกใจที่ได้ยินแบบนั้นจึงไม่สนใจอินที่บอกจะเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้ง
"นินนี่นนท์" อินรีบเบี่ยงเบนการสนทนาของน้องชายให้ไปทางอื่น พอดีเขาหันไปเห็นนนท์ที่บังเอิญติดตามมาด้วย จึงรีบแนะนำให้นินทันทีเพราะคิดว่ายังไงนินคงไม่รู้จักอย่างแน่นอน
"ยินดีที่ได้รู้จักนะนนท์" นินยิ้มกว้างให้กับนนท์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
"ค...ครับ" นนท์ตื่นเต้นที่เห็นนินอีกครั้งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว ส่วนนินนั้นได้แต่มองโดยไม่ได้คิดอะไรและหันกลับไปสนใจอินและเอกต่อเมื่อนนท์พูดจบ
"พี่เอก จำผมไม่ได้จริงเหรอครับ" นินไม่ยอมแพ้ยังไงต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"ผมขอโทษนะครับ ผมจำคุณไม่ได้จริงๆ แล้วที่นี่ที่ไหนครับดูเหมือนบ้านจะเปลี่ยนไปและคุณเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไงครับ" เอกยังคงมองไปรอบๆ ตัวบ้านด้วยความมึนงง
"ปีนี้เข้าปี พ.ศ. 2510 ครับ ตอนนี้พวกพี่อยู่ในอดีต" นินเริ่มเข้าใจแล้วว่าเอกจำอะไรไม่ได้จึงบอกบางอย่างไป
"เอ๋! กลับมาอดีตเหรอ"
เอกรีบเดินไปที่ปฏิทินที่เขาเห็นตอนกวาดสายตามองจึงรู้ได้ว่าชายตรงหน้าไม่ได้โกหก พอคิดได้ว่าเกิดเรื่องแปลกกับตัวเองอีกครั้งสมองจึงประมวลผลไม่ทันและหายใจไม่ทั่วท้อง ทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมในทันที โชคดีที่อินเห็นท่าทางของเอกดูแปลกไปจึงรีบไปรับไว้ได้ทัน
"เฮ้อออ...เมื่อก่อนแค่ล้มลงคราวนี้ถึงกับสลบไปเลยคงตกใจน่าดู" อินมองคนในอ้อมแขนอย่างเหนื่อยใจเขาไม่รู้จะเริ่มฟื้นความจำของเอกให้กลับมาเหมือนเดิมได้ยังไง
"พี่เอกเป็นยังไงบ้างครับ" นินและนนท์ตกใจที่เอกเป็นลมจึงรีบเข้าไปดูแต่เป็นนินที่ออกอาการเป็นห่วงจนออกมากับสีหน้า นนท์เห็นแบบนั้นเขารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในหัวใจทันที
"เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกัน พี่พาเอกไปนอนก่อน"
อินไม่ได้ตอบคำถามน้องชายตน เขาได้อุ้มคนในอ้อมแขนเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนของพวกเขาในทันที ส่วนนินและนนท์มองคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้ว่าคิดอย่างไรแต่แน่นอนทั้งสองคงคิดต่างกัน
กลับมาในยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2570)
ถ้ามีคนสังเกตให้ดีจะมีรถสีดำจอดอยู่ข้างบ้านของอินและเอก
"บอสครับ" ชายที่นั่งอยู่ด้านคนขับได้เรียกชายที่นั่งข้างหลังเนื่องจากพวกเขาได้จอดสังเกตการณ์คนที่อยู่ในบ้านหลังนี้มานานพอสมควร
"อืม กลับได้" ชายที่ถูกเรียกว่า บอส นั้นได้สั่งลูกน้องให้ขับรถกลับที่พักและไม่ได้พูดสิ่งใดต่อเขาได้ก้มหน้ามองรูปถ่ายที่มีแต่รอยยับบ่งบอกว่าเขานั้นหยิบขึ้นมาดูบ่อยขนาดไหน
"ทศ อีกไม่นาน ผมจะแก้แค้นให้กับคุณเอง"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2560, 19:07:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2560, 19:07:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 753
<< ใครเป็นแม่? | พากลับไปเยี่ยมคุณแม่ >> |