นาฬิกาทรายหวนคืน (Yaoi) - จบ
เมื่อคนรักกลับจำเขาไม่ได้จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่อุบัติเหตุนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา สิ่งที่แก้ไขได้มีเวลาเพียงสามเดือนเพื่อฟื้นฟูความจำให้กลับมา ซึ่งความทรงจำที่หายไปมาควบคู่กับอาการประหลาดที่เกิดขึ้น และอาจจะไม่มีชีวิตอยู่รอดก่อนที่จะครบสามเดือนความเสี่ยงที่จะย้อนเวลากลับอดีตนั้น จะช่วยให้ความทรงจำกลับมาได้ไหม แล้วคนในอดีตตามมาปัจจุบันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากเพียงใด สิ่งที่ตามจัดการพวกเขาในเงามืดอยู่นั้นเกิดขึ้นเพราะใครทำไมต้องทำเช่นนี้
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
Tags: นิยายรัก อดีต ปัจจุบัน อนาคต นาฬิกาทราย นิยายวาย BL Yaoi
ตอน: กว่าจะพบ
"เสียงอะไรนะ"
"หอมจัง"
เอกลืมตาตื่นขึ้นมาโดยมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่บนหน้าผาก เขามองในห้องที่เขาไม่คุ้นเคย นี่เขาอยู่ที่ไหนแล้วกลิ่นหอมที่ได้กลิ่นอีก กลิ่นอะไรนะเหมือนข้าวต้มหมูเลย เอกเปิดประตูห้องเดินตามเสียงที่ได้ยินและกลิ่นที่หอมตลอดทาง
เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังง่วนกับการทำอาหารในห้องครัวอย่างชำนาญ เขาเป็นใครกันแล้วนี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่
"เออ...คุณครับ"
เอกพยายามเรียกคนในห้อง ที่เขายังหันหลังให้เอกโดยไม่ได้ยินเสียงที่เขาเรียก เอกจึงเดินเข้าไปสะกิดที่หัวไหล่ ของชายคนนั้น เขาได้หันมาหาเอกแล้วดึงหูฟังออกจากหูทั้งสองข้าง แวบแรกที่เอกคิดคือ คนญี่ปุ่นใช่ไหม
"สวัสดีครับ คุณตื่นแล้ว" เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เอกอึ้งไปสักพักเขาคิดว่าชายตรงหน้านั้นดูน่ารัก จมูกโด่งเข้ากับใบหน้าเรียว ริมฝีปากอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ดวงตาสีดำเข้ากับตาชั้นเดียวของเขาและที่สำคัญผิวขาวเนียนเสียจน เอกมีความคิดว่าอยากลองสัมผัสลูบดูสักครั้ง
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ชายตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อยกับท่าทางที่เอกจ้องมองเขา
"พ...พูดไทยได้"
"ฮ่า ฮ่า ครับ ผมเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น คุณแม่ผมเป็นคนไทยและผมก็ฝึกพูดภาษาไทยตั้งแต่เด็ก"
ชายตรงหน้าเอกหัวเราะที่เอกทำท่าทางน่าตลก คงสงสัยว่าเขานั้นใช่คนไทยหรือเปล่า ก็ไม่น่าแปลกเขาดูภายนอกไม่มีลักษณะเหมือนคนไทยเลยสักนิด เอกพยักหน้าเข้าใจ
"เออ..คือ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ"
พอได้สติกลับมา เอกก็เข้าสู่คำถามที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่ เอกนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไม่ใช่คอนโดหรือห้องเช่าอย่างที่คิด แต่เป็นบ้านพักอาศัย
"คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ" เขาได้ถามเอกแล้วทำสีหน้างง เอกจึงพยักหน้าเป็นการบอกว่าใช่
"คุณเล่นล้มลงตรงหน้าผม ดีนะครับที่ผมรับได้ทันไม่อย่างนั้นแย่แน่"
ชายตรงหน้าเอกได้คลายความสงสัยในสิ่งที่เอกถาม เอกจึงนึกออกว่าจริงอย่างที่เขาว่า เขาเดินมาเข้าห้องน้ำแล้วรู้สึกไม่ดี นอกนั้นก็จำไม่ได้เลย ให้ตายสินี่เราเป็นอะไรกันแน่ แล้วมาอยู่กับใครแล้วอินกับทุกคนจะเป็นห่วงเราไหม ป่านนี้ไม่ตามหาแย่แล้วเหรอ เอกหันกลับไปมองชายตรงหน้าอีกครั้ง
"ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับ"
เอกรู้สึกซึ้งใจที่มีคนมาช่วย โชคดีที่คนตรงหน้าใจดีไม่ปล่อยให้เขานอนจมอยู่บนพื้นหน้าห้องน้ำ ไม่อยากคิดภาพคงจะน่าอนาถน่าดู ชายตรงหน้ายังไม่หยุดยิ้มแต่ยิ่งมองหน้าเอกเหมือนอยากบอกอะไรสักอย่าง จนเขาพูดบางสิ่งออกมา
"เหมือนพรหมลิขิตเลยนะครับ" เอกฟังแล้วชะงักไปเล็กน้อยนี่เขาโดนจีบหรือเปล่านะ
"ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นนะครับ"
เหมือนเขาจะจับได้ว่าเอกตกใจจึงได้แก้ออกไป เอกถึงกับพ่นลมออกมาจากปากอย่างสบายใจ
"คุยกับคุณมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย" เอกยิ้มและถามชายตรงหน้าอีกครั้ง เขาอยากรู้จักมากยิ่งขึ้น
"ผมชื่อ อิซามุ แต่คุณเรียกผมว่า แซมก็ได้ครับ"
"ครับ คุณแซม"
เอกพยักหน้าแล้วยิ้มกลับไปให้ ดูเป็นคนใจดีจังนะชายคนนี้ แซมยิ้มตอบพร้อมกับวางถ้วยอาหารที่เขาปรุงเสร็จเรียบร้อยบนโต๊ะ
"มาทานข้าวต้มฝีมือผม รองท้องก่อนนะครับแล้วค่อยทานยา" เขายิ้มกลับมาอีกครั้ง
"ทานยา หมายความว่ายังไงครับ" เอกเริ่มงงแล้วสิ ทำไมเขาต้องทานยา
"ก็คุณป่วย ผมเป็นคนอุ้มคุณไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอง เหมือนคุณจะมีไข้นะ สูงเชียวแหละ คุณหมอเลยให้ยาแก้ไข้มา คุณมาทานข้าวต้มก่อนสิ นี่มันค่ำแล้วด้วย ผมคิดว่าคุณคงหิวแน่จึงทำให้ทาน" เขากวักมือเรียกให้เอกมาที่โต๊ะ เอกงงเข้าไปใหญ่นี่เขาออกจากที่งานมาเป็นวันจริงเหรอนี่ แล้วไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยโทรศัพท์ก็ไม่มีแล้วจะมีใครรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่นี่
"คุณเป็นอะไร ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย"
เขาเดินเข้ามาใกล้เอกมากกว่าเดิม เอกถอยหลังไปหนึ่งก้าวรู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อยและเริ่มจะกลัวแล้วด้วย
"คุณกลัวผมเหรอ" เขามองเอกด้วยสีหน้านิ่งและถอยออกมา
"เออ...ผมขอโทษครับที่เสียมารยาท พอดีกำลังสับสน สรุปแล้วผมอยู่ที่นี่เป็นวันเลยใช่ไหม" เอกมองหน้าแซมเป็นคำถามอีกครั้ง
"อืมใช่...ผมต่างหากที่ทำให้คุณกลัว ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ผมเห็นคุณไม่สบายจึงพาไปโรงพยาบาล แถมไม่รู้จักใครที่รู้จักคุณและคุณก็หลับแบบปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ผมเลยจนปัญญาพามาพักที่บ้านของผม" เขาอธิบายอย่างใจเย็นเอกตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ สรุปแล้วเขาเองสินะที่หลับไม่ยอมตื่น แล้วแบบนี้คนอื่นจะเป็นห่วงเขาหรือเปล่าที่หายมาเป็นวันแบบนี้ เอกเริ่มคิดมากทันที
"ผมว่าคุณมาทานข้าวก่อนเถอะ คุณพอจำเบอร์ใครได้ไหม"
แซมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางของคนตรงหน้าเขาเดินไปนั่งบนโต๊ะแล้วถามเอกอีกครั้ง
"เฮอะ เฮอะ จำไม่ได้ครับ"
เอกค้างไปหลายวินาทีแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จริงสิเขาไม่ได้จำเบอร์ใครเอาไว้เลยสักคน แถมไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวมาอีก แซมพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไร ส่วนเอกยืนนิ่งอยู่สักพักแล้วเดินไปทานข้าวต้มของแซมตามที่เขาต้องการ
"อร่อยไหม"
เอกพยักหน้าแล้วมองชายแปลกหน้าที่ช่วยเขาอย่างพิจารณา ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนแต่มองผิวเผินดูเป็นชายหนุ่มใจดีและที่สำคัญหน้าตาดีอีกต่างหาก
"เออ...คุณทำงานอะไรครับ"
"ผมเป็นนักธุรกิจครับ พอดีผมสนใจสินค้าตัวใหม่เลยอยากมาดูเสียหน่อยว่าดีจริงไหม แต่โดยรวมน่าสนใจดีครับ แล้วคุณเป็นพนักงานในบริษัทเหรอ ผมเห็นคุณนั่งแถวหน้า คงจะมีตำแหน่งสำคัญในบริษัทใช่ไหมครับ"
"ผมเป็นแค่เลขานะครับ แต่ว่าคุณรู้ว่าผมเป็นพนักงานและนั่งตรงไหน ทำไมไม่บอกคนที่นั่งข้างผมหล่ะครับว่าผมอยู่ไหน"
เอกเริ่มสงสัยแล้วว่าในเมื่อเขารู้แล้วทำไมไม่ไปหาคนที่นั่งข้างเขา แต่เอาเขามาไว้ที่บ้านมันเริ่มแปลกแล้วสิ เอกมองอาหารในจานแล้ววางช้อนลงเริ่มไม่อยากทานแล้วกลัวโดนวางยา
"ฮ่า ฮ่า คุณกลัวผมสินะ ไม่ต้องกลัวหรอกผมไม่คิดทำร้ายคุณ ระหว่างที่ผมพาคุณมาโรงพยาบาลผมได้สั่งลูกน้องให้ไปหาคนในบริษัทคุณแล้วและบอกว่าอยู่กับผม เดี๋ยวก็คงมาที่นี่มั้งครับ น่าจะมาถูกนะ"
"ลูกน้องคุณไปบอกนานจังเลยนะครับ ผมว่าพวกเขาน่าจะมาหาผมได้นานแล้วนะ"
"เฮ้อ...ยังไงก็คงไม่ไว้ใจผมสินะ"
เอกมองหน้ากลับไป ใครที่ไหนจะไปไว้ใจกัน เราไม่น่าทานอาหารของเขาเลย นี่เขาวางยาเราหรือเปล่านะ เราจะตายไหม เอกขมวดคิ้วนั่งนิ่งคิดมากเสียจนคนที่อยู่ตรงหน้าเขากลับส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์โทรหาลูกน้องโดยเปิดลำโพงให้เอกได้ฟังด้วย
"งานที่สั่งถึงไหนแล้ว หาเพื่อนของคุณเอกภพเจอไหม" แซมถามลูกน้องที่รับสายเขา
"เจอแล้วครับ ผมส่งสถานที่ไปให้เขาแล้วครับ"
"อีกนานไหมกว่าจะมา" เขาหันมามองเอกให้เอกสบายใจ ถ้าได้ยินบทสนทนาของเขากับลูกน้อง
"คงไม่นานครับ"
"ขอบใจ"
แซมวางสายจากลูกน้องเป็นที่เรียบร้อย ได้เดินเข้ามาหาเอกที่กำลังมองเขาอย่างตั้งใจ เขายิ้มให้เอกอย่างเป็นมิตรเอกได้ฟังการสนทนาถึงจะรู้สึกเบาใจนิดหน่อยแต่ก็ยังมีเรื่องสงสัยอยู่ดี
"ทำไมคุณถึงรู้จักชื่อผม"
"หึหึ คุณนี่ขี้ระแวงจริงเลยนะ ก็มีป้ายชื่อติดอยู่ที่อกเสื้อของคุณ ผมเลยรู้ไง" เขายังยิ้มให้เอกอย่างใจเย็นเหมือนเดิม เอกมองมาที่อกเสื้อตามที่เขาบอกก็จริงอย่างที่เขาว่า มีป้ายชื่อพนักงานจริงด้วยแต่ก็ยังรู้สึกไม่น่าไว้ใจอยู่ดี
"เดี๋ยวก็มีคนมาหาคุณ แล้วอีกไม่นานหรอก ทานข้าวต้มสิ ผมว่าจะเย็นหมดแล้วนะ"
ถึงจะพูดแบบนั้นเอกยังรู้สึกว่าไม่น่าทานข้าวต้มไปเลย ไปล้วงคอออกดีไหม แซมยิ้มและแอบขำในใจกับท่าทางที่หวาดระแวงของเอก เขาจึงตัดสินใจนำชามข้าวต้มที่ยังไม่พร่องตรงหน้าเอก โดยใช้ช้อนที่เอกทานแล้วตักข้าวต้มในชามเข้าปากทานให้เอกดู
เอกมองดูการกระทำเหล่านั้นของแซมด้วยความรู้สึกต่างจากเดิมเล็กน้อย ถ้ามียาพิษจริงเขาคงไม่กล้าทานให้เราดูหรอก แซมยิ้มให้เอกแล้วยื่นชามกลับไปยังที่เดิม เอกดูอาหารตรงหน้ารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างจึงยอมนั่งทานข้าวต้มที่แซมทำให้โดยไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
ทางด้านอินเขานั้นเดินตามหาเอกทุกที่หลังจากเดินไปที่ห้องน้ำแล้วไม่พบ เขาร้อนใจเป็นที่สุดว่าเอกหายไปไหนได้เดินไปบอกนินคนแรกแล้วทุกคนรีบลุกขึ้นออกตามหาทั้งที่งานยังไม่จบ ไมเคิลสั่งให้ลูกน้องที่ดูแลงานตามจุดในตึกที่จัดแสดงงานครั้งนี้ ออกตามหาทุกที่ห้ามเว้นที่ไหน ทุกคนจึงไม่มีใครอยู่กับเก้าอี้มีแต่ไมเคิลต้องนั่งอยู่เพราะเป็นประธานบริษัทจะลุกตอนนี้ยังไม่ได้จนกว่าจะจบงาน
"พี่อิน ล่าสุดที่พี่เห็นพี่เอกเขาอยู่ตรงไหนครับ" นินร้อนใจที่เอกหายไปขารีบก้าวให้ไวตามอินที่อยู่ข้างหน้า
"คลาดกันตรงทางเดินที่จะไปห้องน้ำ" อินบอกนินขณะที่ขาก้าวไปด้วยเพื่อไปหาที่ห้องน้ำอีกครั้ง
"ผมว่าเราหากันแบบนี้คงไม่มีทางหาพบหรอกครับ ไปขอดูกล้องวงจรปิดดีกว่าไหม" นนท์เสนอความคิดเห็นบ้าง เขาเริ่มเดินตามคนทั้งสองไม่ไหวแล้ว
"จริงด้วยสิ ผมก็มัวแต่กังวล" อินหยุดเดินทันทีแล้วหันมามองหน้านนท์
"จริงสินะ นายก็ฉลาดเหมือนกันนี่" นินหยุดเดินและคิดตามเช่นกัน
"หึ ฉลาดอยู่แล้วเถอะ" นนท์สะบัดหน้าหนีนินที่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่กวน
ทั้งหมดจึงเดินไปหาไมเคิลอีกครั้ง ให้ไมเคิลเป็นคนจัดการสั่งลูกน้องให้เอากล้องวงจรปิดมาให้พวกเขาดู ทั้งหมดจึงได้ไปอยู่ในห้องควบคุมตึก พนักงานได้ฉายกล้องวงจรปิดหน้าห้องน้ำชายและทุกตัวที่เป็นทางเดินไปห้องน้ำ
"นี่ไงครับ คุณเอกกำลังเดิน เอ๊ะ! คุณเอกเป็นอะไรไปครับทำไมดูแปลกๆ นะครับ"
นนท์มองหน้าจอด้วยความกังวลปนตื่นเต้น ทั้งอินและนินมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตั้งใจ พวกเขามองภาพที่เอกเดินช้าลงและเอาตัวพิงกำแพงและเกาะกำแพงเดินไปห้องน้ำ
"คุณเอกจะล้มแล้วครับ ใครนะมารับไว้"
นนท์ตกใจที่เอกล้มลงแต่มีมือใครมารับเอาไว้ อินสีหน้านิ่งด้วยความกังวลปนโกรธ ว่าใครมาบังอาจจับตัวคนรักของเขา นินเหล่ตามองมืออินที่กำมือแน่นจึงสั่งพนักงานอีกครั้ง
"เปิดกล้องหน้าห้องน้ำให้หน่อยครับ"
จบเสียงของนินพนักงานได้ทำตาม เขากำลังเทียบเวลาให้เท่ากับกล้องตัวที่เห็นเอกล้มไป จึงเห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มองเห็นแต่ด้านหลัง เป็นคนตัวสูงโปร่งแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจ กำลังอุ้มเอกที่ล้มลง อินกำมือแน่นและทุบโต๊ะเสียงดัง จนทุกคนที่อยู่ในที่นั้นสะดุ้งตกใจกันหมด
"มีอีกตัวไหม ผมยังไม่เห็นหน้าไอ้หนุ่มนี่เลย" อินหันไปบอกพนักงาน พนักงานจึงเอาอีกตัวมาเทียบดูแต่ว่ามันเสีย
"มันเสียได้ยังไง โทรแจ้งตำรวจเลยนะ"
อินจับแขนพนักงานที่อยู่หน้าจอด้วยความหงุดหงิดใจ จนนินต้องมาจับห้ามเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ร้อนใจแต่ว่าตอนนี้ต้องมีคนใจเย็นไม่อย่างนั้นห้องนี้ระเบิดแน่นอน ส่วนนนท์นั้นแทบหยุดหายใจที่เห็นอินร้อนรนขนาดนี้
"ค...คือคุณอิน คุณเอกไม่สบายหรือเปล่าครับ ผมว่าเขาดูเหนื่อยแปลกๆ นะ"
นนท์กลั้นใจถามออกไปถึงจะกลัวก็ตามแต่ก็อยากรู้เพื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ทั้งอินและนินหันมามองนนท์ที่ยืนตัวเกร็ง อินเริ่มได้สติเขาได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบนนท์ด้วยสีหน้าที่นิ่ง
"ใช่ มีอาการเพิ่มมากกว่าตอนที่อยู่ในยุคอดีต ตอนแรกผมคิดว่าไม่สบายธรรมดาแต่ช่วงหลังดูเหมือนจะหลับบ่อยและหลับทีหนึ่งก็นานมากเสียจนคิดว่าจะไม่ตื่น บางครั้งก็หงุดหงิดง่าย ผมจึงให้คุณหมอมาตรวจก็ไม่รู้สาเหตุ เลยต้องกักตัวไม่ให้มาทำงานในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา และไม่ให้คลาดสายตาเวลาออกมาข้างนอก ผมคิดว่าต้องเป็นตัวยาที่โดนไปตอนนั้นแน่นอน ยาที่ไอ้บ้านั้นมันบอกว่าเป็นยาลบความทรงจำไง ไม่ใช่มันหลอกเรา"
อินเครียดหนักกว่าเก่าถึงไม่อยากให้มาที่นี่เขากลัวว่าใครจะมาลอบทำร้าย แต่เอกมักจะดื้อเสมอเวลาที่โดนขัดใจ นินกับนนท์ได้ฟังพยักหน้าเข้าใจ ว่ายาลบความจำที่เป็นต้นเหตุให้อินต้องย้อนเวลากลับอดีตตอนนี้มันกำลังแผลงฤทธิ์เสียแล้ว
"แล้วเอาไงต่อครับ"
นินมองหน้าถามพี่ชายของตนเอง อินส่ายหน้าเขาต้องหาชายคนนั้นให้เจอ แต่ไม่เห็นหน้าเสียด้วยแถมคนในงานก็มากมายเหลือเกิน และลักษณะท่าทางมองจากด้านหลังก็คล้ายๆ กัน เขาจะหาเจอได้ยังไง
"ครืด ครืด" เสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของนนท์ในกระเป๋าดังขึ้น
"ครับคุณไมเคิล"
"มีคนมาบอกว่า คุณเอกอยู่กับเจ้านายพวกเขา"
"จริงเหรอครับ" นนท์ดีใจมากไปหน่อยจนเผลอทำเสียงดังจนอินและนินที่กำลังขมวดคิ้วใช้ความคิดหันมามองนนท์กันเป็นตาเดียว
"เดี๋ยวผมให้คนส่งสถานที่ไปให้ เขาบอกว่าคุณเอกอยู่ที่นั่นและกำลังรออยู่"
"ครับ ผมจะพาคุณอินและคุณนินไปเองครับ"
"ให้คุณอินไปคนเดียว นายกับนินกลับมาที่งาน ตอนนี้เริ่มวุ่นวายกันใหญ่แล้ว มีแต่คนถามเรื่องหุ่นยนต์ วุ่นวายไปหมด"
"แต่คุณอินไปคนเดียว จะดีเหรอครับ"
"เดี๋ยวให้ลูกน้องขับไปให้แล้วกัน แต่พวกนายต้องมาช่วยฉันเข้าใจไหม" พอสิ้นเสียงของไมเคิลเขาก็วางสายไปในทันที นนท์ถอนหายใจเขาเริ่มเครียดจนตัวเกร็งไปหมดแล้ว
เวลาเพียงไม่นานลูกน้องของไมเคิลได้เดินเข้ามาในห้องตามคำสั่งและพาอินออกไป ส่วนนินและนนท์ต้องกลับไปที่งานพวกเขาเข้าใจว่าทำไมไมเคิลถึงต้องให้พวกเขากลับมา เพราะในงานดูวุ่นวายตามที่ไมเคิลบอกจริง มีคำถามที่ถามพิธีกรมากเสียจนพิธีกรและพนักงานที่มาอธิบายการใช้งานนั้น หน้าซีดกับคำถามที่ประดังเข้ามามากมาย
ทางด้านอินกำลังอารมณ์เสียกับสถานที่ที่เขาส่งมาให้ เพราะเส้นทางมันวกไปวนมาเสียจนงงไปหมด เลยทำให้ใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่หมายเล่นจนค่ำ
"ผมลงไปก่อนแล้วกันคุณก็ตามมานะครับ"
อินรีบบอกและรีบลงจากรถเข้าไปในบ้านพักทันทีโดยประตูทางเข้าบ้านนั้นมีผู้ชายร่างใหญ่สองคนยืนกันอยู่
"มาหาใคร"
"ผมจะมารับคุณเอกแฟนผม" อินรีบบอกและดันทั้งสองคนออกเพราะเป้าหมายของเขาตอนนี้คือ เข้าไปหาเอก
"เดี๋ยวว..."
"มีอะไร" อินหันกลับไปทันที
"ผมพาไปเอง"
พอชายร่างยักษ์พูดจบเขาได้เดินนำอินเข้าไปในบ้าน ถึงภายนอกจะเป็นบ้านชั้นเดียวมองดูเหมือนเล็กแต่พอเข้ามาทุกอย่างซับซ้อนมีห้องและทางเข้าแบ่งเป็นโซนจนเขางงไม่รู้ว่าจะไปทางไหนก่อนดี
"ตามมาซิ" ชายคนเดิมหันมาสั่งอินให้ตามเขาไป อินจึงเดินตามไปเงียบๆ และมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูหนึ่ง
"ห้องนี่ครับ"
สิ้นเสียงชายคนนั้นอินเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นคือชายหนุ่มร่างโปร่งกำลังจะทำอะไรคนรักของเขา ที่กำลังนั่งโซฟาตัวใหญ่อยู่
กลับไปก่อนหน้าที่อินจะเข้ามาในบ้านเพียงไม่กี่ชั่วโมง
"คุณระแวงผมมากไปหรือเปล่า" แซมบอกกับเอกที่ไม่ยอมกินยาที่แซมยื่นให้
"ผ...ผมขอกินพรุ่งนี้ได้ไหม"
เอกกลืนน้ำลายด้วยความกลัวเขาไม่อยากกินยาตัวนี้ มันดูหน้าตาแปลกประหลาดไม่เห็นเหมือนยาแก้ปวดลดไข้ทั่วไปเลยสักนิด
"ผมก็บอกคุณแล้วว่ายานี่เป็นยาที่หมอให้มาจากโรงพยาบาล"
"ผ...ผมสงสัยว่าในเมื่อคุณรู้ว่าผมป่วยมีไข้สูง ทำไมคุณถึงไม่ให้ผมนอนโรงพยาบาลต่อ ให้ผมมาอยู่บ้านคุณทำไม" เอกมองไปรอบห้องอย่างระแวง ในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเสียที
"ถ้าผมจะวางยาคุณผมวางตั้งแต่ให้ทานข้าวต้มแล้ว และผมก็ทานให้คุณดูแล้วด้วยว่าไม่มียาพิษ ดูคุณระแวงมากไปไหม" แซมเริ่มอารมณ์เสียถึงจะมองดูว่าเขาใจเย็นแต่จริงแล้วเขาเป็นพวกหงุดหงิดง่าย
"แต่ว่า...คุณ...คุณอาจจะให้ผมตายใจแล้วให้กินยาตัวนั้นที่คุณถืออยู่ก็ได้"
เอกพยายามกลั้นใจสู้ เขาไม่อยากกินยาที่ไม่เคยเห็นและไม่แน่ใจ แซมถอนหายใจเฮือกโตเข้ามาใกล้เอกที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟากอดเข่าเก็บตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้และทำในสิ่งที่เอกไม่เข้าใจ
"ถ้าอย่างนั้นทานมันพร้อมกันนี่แหละ"
เขาเอายาใส่ในปากแล้วใช้แขนทั้งสองข้างยื่นมาล็อกตัวเอกที่นั่งกอดเขาอยู่ที่โซฟาไม่ให้ไปไหน เอกกลัวคนตรงหน้าจึงก้มหน้าหนี แซมไม่ยอมแพ้ใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าเอกให้เงยขึ้นและล็อกหน้าเอกไว้ไม่ให้หนีได้ เอกพยายามใช้แขนและขาดันคนตรงหน้าและดิ้นสุดกำลัง
"อืม...ปล่อยผมนะ"
"มันเป็นผลดีกับตัวคุณเถอะ อยู่นิ่งๆ "
แซมพยายามจะส่งยาที่เขานำไว้ในปากใส่ปากเอกด้วยการจูบปาก ยังไม่ทันที่เขาจะประกบปากเอก อินที่เข้ามาเห็นเข้าได้ถีบแซมล้มลงทันที ยาที่อยู่ในปากแซมนั้นถูกนำลงคอโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
"แค๊ก แค๊ก" แซมรู้สึกถึงความขมและฝืดจนเขาแทบสำลักออกมา
เอกรีบยืนเกาะแขนอินเมื่อแซมกระเด็นไปกองกับพื้น เขาอึ้งเล็กน้อยที่อินแสดงความรุนแรงเช่นนี้
"ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ผมขอดูหน่อย"
อินสำรวจเอกตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความกังวล โดยเอกยืนมองอินนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ อินสำรวจจนพอใจแล้วเขาได้ก้มลงไปมองคนที่นั่งลูบสีข้างด้วยความเจ็บปวด เเซมไม่คิดว่าชายร่างใหญ่คนนี้จะแรงเยอะขนาดนี้
"คุณคิดจะทำอะไรแฟนผม" อินได้ถามคนที่นั่งอยู่ข้างล่างแล้วส่งสายตาแสดงออกว่าถ้าฆ่าตรงนี้ได้ทำไปแล้ว
"ผมแค่จะป้อนยาให้คุณเอกเฉยๆ เขาป่วยนิ ต้องทานยา ไม่อย่างนั้นจะหายได้ยังไง" แซมยันตัวลุกขึ้นยืนและตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเหมือนเคย
"ด้วยปากเนี้ยนะ" อินพูดเสียงดังใส่แซมที่มองเขานิ่งจนน่ากลัว
"ใช่ ทำไมจะทำไม่ได้"
"คุณเป็นใครกันแน่ ถึงจับตัวแฟนผมมาแบบนี้" อินขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด มีใครที่ไหนป้อนยาแบบนี้นอกจากคนรักกัน
"ไม่ได้จับตัวมา แค่ให้มาพักรอคุณมารับไง ก็ดีกว่านอนโรงพยาบาลแล้วไม่มีคนเฝ้า" แซมยังคงตอบอย่างใจเย็น เหมือนสิ่งที่เขาทำนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ทั้งคู่ส่งสายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครวางมือ จนลูกน้องของไมเคิลที่ได้รับคำสั่งให้พาอินมาที่นี่ ได้เข้ามาในห้อง เขาเห็นแซมจึงรีบทักทันที
"คุณอิซามุใช่ไหมครับ"
"เอ๋! นั้นเลขาคนใหม่ของคุณไมเคิลใช่ไหม"
แซมหันไปมองบุคคลที่เข้ามาใหม่ที่เรียกชื่อญี่ปุ่นของเขา จึงเปลี่ยนเป้าหมายหันมาคุยกับบุคคลที่เข้ามาใหม่ทันที อินกับเอกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาหันมามองหน้ากันและคิดตรงกันว่า นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่
"หอมจัง"
เอกลืมตาตื่นขึ้นมาโดยมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่บนหน้าผาก เขามองในห้องที่เขาไม่คุ้นเคย นี่เขาอยู่ที่ไหนแล้วกลิ่นหอมที่ได้กลิ่นอีก กลิ่นอะไรนะเหมือนข้าวต้มหมูเลย เอกเปิดประตูห้องเดินตามเสียงที่ได้ยินและกลิ่นที่หอมตลอดทาง
เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังง่วนกับการทำอาหารในห้องครัวอย่างชำนาญ เขาเป็นใครกันแล้วนี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่
"เออ...คุณครับ"
เอกพยายามเรียกคนในห้อง ที่เขายังหันหลังให้เอกโดยไม่ได้ยินเสียงที่เขาเรียก เอกจึงเดินเข้าไปสะกิดที่หัวไหล่ ของชายคนนั้น เขาได้หันมาหาเอกแล้วดึงหูฟังออกจากหูทั้งสองข้าง แวบแรกที่เอกคิดคือ คนญี่ปุ่นใช่ไหม
"สวัสดีครับ คุณตื่นแล้ว" เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เอกอึ้งไปสักพักเขาคิดว่าชายตรงหน้านั้นดูน่ารัก จมูกโด่งเข้ากับใบหน้าเรียว ริมฝีปากอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ดวงตาสีดำเข้ากับตาชั้นเดียวของเขาและที่สำคัญผิวขาวเนียนเสียจน เอกมีความคิดว่าอยากลองสัมผัสลูบดูสักครั้ง
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ชายตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อยกับท่าทางที่เอกจ้องมองเขา
"พ...พูดไทยได้"
"ฮ่า ฮ่า ครับ ผมเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น คุณแม่ผมเป็นคนไทยและผมก็ฝึกพูดภาษาไทยตั้งแต่เด็ก"
ชายตรงหน้าเอกหัวเราะที่เอกทำท่าทางน่าตลก คงสงสัยว่าเขานั้นใช่คนไทยหรือเปล่า ก็ไม่น่าแปลกเขาดูภายนอกไม่มีลักษณะเหมือนคนไทยเลยสักนิด เอกพยักหน้าเข้าใจ
"เออ..คือ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ"
พอได้สติกลับมา เอกก็เข้าสู่คำถามที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่ เอกนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไม่ใช่คอนโดหรือห้องเช่าอย่างที่คิด แต่เป็นบ้านพักอาศัย
"คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ" เขาได้ถามเอกแล้วทำสีหน้างง เอกจึงพยักหน้าเป็นการบอกว่าใช่
"คุณเล่นล้มลงตรงหน้าผม ดีนะครับที่ผมรับได้ทันไม่อย่างนั้นแย่แน่"
ชายตรงหน้าเอกได้คลายความสงสัยในสิ่งที่เอกถาม เอกจึงนึกออกว่าจริงอย่างที่เขาว่า เขาเดินมาเข้าห้องน้ำแล้วรู้สึกไม่ดี นอกนั้นก็จำไม่ได้เลย ให้ตายสินี่เราเป็นอะไรกันแน่ แล้วมาอยู่กับใครแล้วอินกับทุกคนจะเป็นห่วงเราไหม ป่านนี้ไม่ตามหาแย่แล้วเหรอ เอกหันกลับไปมองชายตรงหน้าอีกครั้ง
"ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับ"
เอกรู้สึกซึ้งใจที่มีคนมาช่วย โชคดีที่คนตรงหน้าใจดีไม่ปล่อยให้เขานอนจมอยู่บนพื้นหน้าห้องน้ำ ไม่อยากคิดภาพคงจะน่าอนาถน่าดู ชายตรงหน้ายังไม่หยุดยิ้มแต่ยิ่งมองหน้าเอกเหมือนอยากบอกอะไรสักอย่าง จนเขาพูดบางสิ่งออกมา
"เหมือนพรหมลิขิตเลยนะครับ" เอกฟังแล้วชะงักไปเล็กน้อยนี่เขาโดนจีบหรือเปล่านะ
"ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นนะครับ"
เหมือนเขาจะจับได้ว่าเอกตกใจจึงได้แก้ออกไป เอกถึงกับพ่นลมออกมาจากปากอย่างสบายใจ
"คุยกับคุณมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย" เอกยิ้มและถามชายตรงหน้าอีกครั้ง เขาอยากรู้จักมากยิ่งขึ้น
"ผมชื่อ อิซามุ แต่คุณเรียกผมว่า แซมก็ได้ครับ"
"ครับ คุณแซม"
เอกพยักหน้าแล้วยิ้มกลับไปให้ ดูเป็นคนใจดีจังนะชายคนนี้ แซมยิ้มตอบพร้อมกับวางถ้วยอาหารที่เขาปรุงเสร็จเรียบร้อยบนโต๊ะ
"มาทานข้าวต้มฝีมือผม รองท้องก่อนนะครับแล้วค่อยทานยา" เขายิ้มกลับมาอีกครั้ง
"ทานยา หมายความว่ายังไงครับ" เอกเริ่มงงแล้วสิ ทำไมเขาต้องทานยา
"ก็คุณป่วย ผมเป็นคนอุ้มคุณไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอง เหมือนคุณจะมีไข้นะ สูงเชียวแหละ คุณหมอเลยให้ยาแก้ไข้มา คุณมาทานข้าวต้มก่อนสิ นี่มันค่ำแล้วด้วย ผมคิดว่าคุณคงหิวแน่จึงทำให้ทาน" เขากวักมือเรียกให้เอกมาที่โต๊ะ เอกงงเข้าไปใหญ่นี่เขาออกจากที่งานมาเป็นวันจริงเหรอนี่ แล้วไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยโทรศัพท์ก็ไม่มีแล้วจะมีใครรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่นี่
"คุณเป็นอะไร ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย"
เขาเดินเข้ามาใกล้เอกมากกว่าเดิม เอกถอยหลังไปหนึ่งก้าวรู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อยและเริ่มจะกลัวแล้วด้วย
"คุณกลัวผมเหรอ" เขามองเอกด้วยสีหน้านิ่งและถอยออกมา
"เออ...ผมขอโทษครับที่เสียมารยาท พอดีกำลังสับสน สรุปแล้วผมอยู่ที่นี่เป็นวันเลยใช่ไหม" เอกมองหน้าแซมเป็นคำถามอีกครั้ง
"อืมใช่...ผมต่างหากที่ทำให้คุณกลัว ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ผมเห็นคุณไม่สบายจึงพาไปโรงพยาบาล แถมไม่รู้จักใครที่รู้จักคุณและคุณก็หลับแบบปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ผมเลยจนปัญญาพามาพักที่บ้านของผม" เขาอธิบายอย่างใจเย็นเอกตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ สรุปแล้วเขาเองสินะที่หลับไม่ยอมตื่น แล้วแบบนี้คนอื่นจะเป็นห่วงเขาหรือเปล่าที่หายมาเป็นวันแบบนี้ เอกเริ่มคิดมากทันที
"ผมว่าคุณมาทานข้าวก่อนเถอะ คุณพอจำเบอร์ใครได้ไหม"
แซมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางของคนตรงหน้าเขาเดินไปนั่งบนโต๊ะแล้วถามเอกอีกครั้ง
"เฮอะ เฮอะ จำไม่ได้ครับ"
เอกค้างไปหลายวินาทีแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จริงสิเขาไม่ได้จำเบอร์ใครเอาไว้เลยสักคน แถมไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวมาอีก แซมพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไร ส่วนเอกยืนนิ่งอยู่สักพักแล้วเดินไปทานข้าวต้มของแซมตามที่เขาต้องการ
"อร่อยไหม"
เอกพยักหน้าแล้วมองชายแปลกหน้าที่ช่วยเขาอย่างพิจารณา ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนแต่มองผิวเผินดูเป็นชายหนุ่มใจดีและที่สำคัญหน้าตาดีอีกต่างหาก
"เออ...คุณทำงานอะไรครับ"
"ผมเป็นนักธุรกิจครับ พอดีผมสนใจสินค้าตัวใหม่เลยอยากมาดูเสียหน่อยว่าดีจริงไหม แต่โดยรวมน่าสนใจดีครับ แล้วคุณเป็นพนักงานในบริษัทเหรอ ผมเห็นคุณนั่งแถวหน้า คงจะมีตำแหน่งสำคัญในบริษัทใช่ไหมครับ"
"ผมเป็นแค่เลขานะครับ แต่ว่าคุณรู้ว่าผมเป็นพนักงานและนั่งตรงไหน ทำไมไม่บอกคนที่นั่งข้างผมหล่ะครับว่าผมอยู่ไหน"
เอกเริ่มสงสัยแล้วว่าในเมื่อเขารู้แล้วทำไมไม่ไปหาคนที่นั่งข้างเขา แต่เอาเขามาไว้ที่บ้านมันเริ่มแปลกแล้วสิ เอกมองอาหารในจานแล้ววางช้อนลงเริ่มไม่อยากทานแล้วกลัวโดนวางยา
"ฮ่า ฮ่า คุณกลัวผมสินะ ไม่ต้องกลัวหรอกผมไม่คิดทำร้ายคุณ ระหว่างที่ผมพาคุณมาโรงพยาบาลผมได้สั่งลูกน้องให้ไปหาคนในบริษัทคุณแล้วและบอกว่าอยู่กับผม เดี๋ยวก็คงมาที่นี่มั้งครับ น่าจะมาถูกนะ"
"ลูกน้องคุณไปบอกนานจังเลยนะครับ ผมว่าพวกเขาน่าจะมาหาผมได้นานแล้วนะ"
"เฮ้อ...ยังไงก็คงไม่ไว้ใจผมสินะ"
เอกมองหน้ากลับไป ใครที่ไหนจะไปไว้ใจกัน เราไม่น่าทานอาหารของเขาเลย นี่เขาวางยาเราหรือเปล่านะ เราจะตายไหม เอกขมวดคิ้วนั่งนิ่งคิดมากเสียจนคนที่อยู่ตรงหน้าเขากลับส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์โทรหาลูกน้องโดยเปิดลำโพงให้เอกได้ฟังด้วย
"งานที่สั่งถึงไหนแล้ว หาเพื่อนของคุณเอกภพเจอไหม" แซมถามลูกน้องที่รับสายเขา
"เจอแล้วครับ ผมส่งสถานที่ไปให้เขาแล้วครับ"
"อีกนานไหมกว่าจะมา" เขาหันมามองเอกให้เอกสบายใจ ถ้าได้ยินบทสนทนาของเขากับลูกน้อง
"คงไม่นานครับ"
"ขอบใจ"
แซมวางสายจากลูกน้องเป็นที่เรียบร้อย ได้เดินเข้ามาหาเอกที่กำลังมองเขาอย่างตั้งใจ เขายิ้มให้เอกอย่างเป็นมิตรเอกได้ฟังการสนทนาถึงจะรู้สึกเบาใจนิดหน่อยแต่ก็ยังมีเรื่องสงสัยอยู่ดี
"ทำไมคุณถึงรู้จักชื่อผม"
"หึหึ คุณนี่ขี้ระแวงจริงเลยนะ ก็มีป้ายชื่อติดอยู่ที่อกเสื้อของคุณ ผมเลยรู้ไง" เขายังยิ้มให้เอกอย่างใจเย็นเหมือนเดิม เอกมองมาที่อกเสื้อตามที่เขาบอกก็จริงอย่างที่เขาว่า มีป้ายชื่อพนักงานจริงด้วยแต่ก็ยังรู้สึกไม่น่าไว้ใจอยู่ดี
"เดี๋ยวก็มีคนมาหาคุณ แล้วอีกไม่นานหรอก ทานข้าวต้มสิ ผมว่าจะเย็นหมดแล้วนะ"
ถึงจะพูดแบบนั้นเอกยังรู้สึกว่าไม่น่าทานข้าวต้มไปเลย ไปล้วงคอออกดีไหม แซมยิ้มและแอบขำในใจกับท่าทางที่หวาดระแวงของเอก เขาจึงตัดสินใจนำชามข้าวต้มที่ยังไม่พร่องตรงหน้าเอก โดยใช้ช้อนที่เอกทานแล้วตักข้าวต้มในชามเข้าปากทานให้เอกดู
เอกมองดูการกระทำเหล่านั้นของแซมด้วยความรู้สึกต่างจากเดิมเล็กน้อย ถ้ามียาพิษจริงเขาคงไม่กล้าทานให้เราดูหรอก แซมยิ้มให้เอกแล้วยื่นชามกลับไปยังที่เดิม เอกดูอาหารตรงหน้ารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างจึงยอมนั่งทานข้าวต้มที่แซมทำให้โดยไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
ทางด้านอินเขานั้นเดินตามหาเอกทุกที่หลังจากเดินไปที่ห้องน้ำแล้วไม่พบ เขาร้อนใจเป็นที่สุดว่าเอกหายไปไหนได้เดินไปบอกนินคนแรกแล้วทุกคนรีบลุกขึ้นออกตามหาทั้งที่งานยังไม่จบ ไมเคิลสั่งให้ลูกน้องที่ดูแลงานตามจุดในตึกที่จัดแสดงงานครั้งนี้ ออกตามหาทุกที่ห้ามเว้นที่ไหน ทุกคนจึงไม่มีใครอยู่กับเก้าอี้มีแต่ไมเคิลต้องนั่งอยู่เพราะเป็นประธานบริษัทจะลุกตอนนี้ยังไม่ได้จนกว่าจะจบงาน
"พี่อิน ล่าสุดที่พี่เห็นพี่เอกเขาอยู่ตรงไหนครับ" นินร้อนใจที่เอกหายไปขารีบก้าวให้ไวตามอินที่อยู่ข้างหน้า
"คลาดกันตรงทางเดินที่จะไปห้องน้ำ" อินบอกนินขณะที่ขาก้าวไปด้วยเพื่อไปหาที่ห้องน้ำอีกครั้ง
"ผมว่าเราหากันแบบนี้คงไม่มีทางหาพบหรอกครับ ไปขอดูกล้องวงจรปิดดีกว่าไหม" นนท์เสนอความคิดเห็นบ้าง เขาเริ่มเดินตามคนทั้งสองไม่ไหวแล้ว
"จริงด้วยสิ ผมก็มัวแต่กังวล" อินหยุดเดินทันทีแล้วหันมามองหน้านนท์
"จริงสินะ นายก็ฉลาดเหมือนกันนี่" นินหยุดเดินและคิดตามเช่นกัน
"หึ ฉลาดอยู่แล้วเถอะ" นนท์สะบัดหน้าหนีนินที่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่กวน
ทั้งหมดจึงเดินไปหาไมเคิลอีกครั้ง ให้ไมเคิลเป็นคนจัดการสั่งลูกน้องให้เอากล้องวงจรปิดมาให้พวกเขาดู ทั้งหมดจึงได้ไปอยู่ในห้องควบคุมตึก พนักงานได้ฉายกล้องวงจรปิดหน้าห้องน้ำชายและทุกตัวที่เป็นทางเดินไปห้องน้ำ
"นี่ไงครับ คุณเอกกำลังเดิน เอ๊ะ! คุณเอกเป็นอะไรไปครับทำไมดูแปลกๆ นะครับ"
นนท์มองหน้าจอด้วยความกังวลปนตื่นเต้น ทั้งอินและนินมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตั้งใจ พวกเขามองภาพที่เอกเดินช้าลงและเอาตัวพิงกำแพงและเกาะกำแพงเดินไปห้องน้ำ
"คุณเอกจะล้มแล้วครับ ใครนะมารับไว้"
นนท์ตกใจที่เอกล้มลงแต่มีมือใครมารับเอาไว้ อินสีหน้านิ่งด้วยความกังวลปนโกรธ ว่าใครมาบังอาจจับตัวคนรักของเขา นินเหล่ตามองมืออินที่กำมือแน่นจึงสั่งพนักงานอีกครั้ง
"เปิดกล้องหน้าห้องน้ำให้หน่อยครับ"
จบเสียงของนินพนักงานได้ทำตาม เขากำลังเทียบเวลาให้เท่ากับกล้องตัวที่เห็นเอกล้มไป จึงเห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มองเห็นแต่ด้านหลัง เป็นคนตัวสูงโปร่งแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจ กำลังอุ้มเอกที่ล้มลง อินกำมือแน่นและทุบโต๊ะเสียงดัง จนทุกคนที่อยู่ในที่นั้นสะดุ้งตกใจกันหมด
"มีอีกตัวไหม ผมยังไม่เห็นหน้าไอ้หนุ่มนี่เลย" อินหันไปบอกพนักงาน พนักงานจึงเอาอีกตัวมาเทียบดูแต่ว่ามันเสีย
"มันเสียได้ยังไง โทรแจ้งตำรวจเลยนะ"
อินจับแขนพนักงานที่อยู่หน้าจอด้วยความหงุดหงิดใจ จนนินต้องมาจับห้ามเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ร้อนใจแต่ว่าตอนนี้ต้องมีคนใจเย็นไม่อย่างนั้นห้องนี้ระเบิดแน่นอน ส่วนนนท์นั้นแทบหยุดหายใจที่เห็นอินร้อนรนขนาดนี้
"ค...คือคุณอิน คุณเอกไม่สบายหรือเปล่าครับ ผมว่าเขาดูเหนื่อยแปลกๆ นะ"
นนท์กลั้นใจถามออกไปถึงจะกลัวก็ตามแต่ก็อยากรู้เพื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ทั้งอินและนินหันมามองนนท์ที่ยืนตัวเกร็ง อินเริ่มได้สติเขาได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบนนท์ด้วยสีหน้าที่นิ่ง
"ใช่ มีอาการเพิ่มมากกว่าตอนที่อยู่ในยุคอดีต ตอนแรกผมคิดว่าไม่สบายธรรมดาแต่ช่วงหลังดูเหมือนจะหลับบ่อยและหลับทีหนึ่งก็นานมากเสียจนคิดว่าจะไม่ตื่น บางครั้งก็หงุดหงิดง่าย ผมจึงให้คุณหมอมาตรวจก็ไม่รู้สาเหตุ เลยต้องกักตัวไม่ให้มาทำงานในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา และไม่ให้คลาดสายตาเวลาออกมาข้างนอก ผมคิดว่าต้องเป็นตัวยาที่โดนไปตอนนั้นแน่นอน ยาที่ไอ้บ้านั้นมันบอกว่าเป็นยาลบความทรงจำไง ไม่ใช่มันหลอกเรา"
อินเครียดหนักกว่าเก่าถึงไม่อยากให้มาที่นี่เขากลัวว่าใครจะมาลอบทำร้าย แต่เอกมักจะดื้อเสมอเวลาที่โดนขัดใจ นินกับนนท์ได้ฟังพยักหน้าเข้าใจ ว่ายาลบความจำที่เป็นต้นเหตุให้อินต้องย้อนเวลากลับอดีตตอนนี้มันกำลังแผลงฤทธิ์เสียแล้ว
"แล้วเอาไงต่อครับ"
นินมองหน้าถามพี่ชายของตนเอง อินส่ายหน้าเขาต้องหาชายคนนั้นให้เจอ แต่ไม่เห็นหน้าเสียด้วยแถมคนในงานก็มากมายเหลือเกิน และลักษณะท่าทางมองจากด้านหลังก็คล้ายๆ กัน เขาจะหาเจอได้ยังไง
"ครืด ครืด" เสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของนนท์ในกระเป๋าดังขึ้น
"ครับคุณไมเคิล"
"มีคนมาบอกว่า คุณเอกอยู่กับเจ้านายพวกเขา"
"จริงเหรอครับ" นนท์ดีใจมากไปหน่อยจนเผลอทำเสียงดังจนอินและนินที่กำลังขมวดคิ้วใช้ความคิดหันมามองนนท์กันเป็นตาเดียว
"เดี๋ยวผมให้คนส่งสถานที่ไปให้ เขาบอกว่าคุณเอกอยู่ที่นั่นและกำลังรออยู่"
"ครับ ผมจะพาคุณอินและคุณนินไปเองครับ"
"ให้คุณอินไปคนเดียว นายกับนินกลับมาที่งาน ตอนนี้เริ่มวุ่นวายกันใหญ่แล้ว มีแต่คนถามเรื่องหุ่นยนต์ วุ่นวายไปหมด"
"แต่คุณอินไปคนเดียว จะดีเหรอครับ"
"เดี๋ยวให้ลูกน้องขับไปให้แล้วกัน แต่พวกนายต้องมาช่วยฉันเข้าใจไหม" พอสิ้นเสียงของไมเคิลเขาก็วางสายไปในทันที นนท์ถอนหายใจเขาเริ่มเครียดจนตัวเกร็งไปหมดแล้ว
เวลาเพียงไม่นานลูกน้องของไมเคิลได้เดินเข้ามาในห้องตามคำสั่งและพาอินออกไป ส่วนนินและนนท์ต้องกลับไปที่งานพวกเขาเข้าใจว่าทำไมไมเคิลถึงต้องให้พวกเขากลับมา เพราะในงานดูวุ่นวายตามที่ไมเคิลบอกจริง มีคำถามที่ถามพิธีกรมากเสียจนพิธีกรและพนักงานที่มาอธิบายการใช้งานนั้น หน้าซีดกับคำถามที่ประดังเข้ามามากมาย
ทางด้านอินกำลังอารมณ์เสียกับสถานที่ที่เขาส่งมาให้ เพราะเส้นทางมันวกไปวนมาเสียจนงงไปหมด เลยทำให้ใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่หมายเล่นจนค่ำ
"ผมลงไปก่อนแล้วกันคุณก็ตามมานะครับ"
อินรีบบอกและรีบลงจากรถเข้าไปในบ้านพักทันทีโดยประตูทางเข้าบ้านนั้นมีผู้ชายร่างใหญ่สองคนยืนกันอยู่
"มาหาใคร"
"ผมจะมารับคุณเอกแฟนผม" อินรีบบอกและดันทั้งสองคนออกเพราะเป้าหมายของเขาตอนนี้คือ เข้าไปหาเอก
"เดี๋ยวว..."
"มีอะไร" อินหันกลับไปทันที
"ผมพาไปเอง"
พอชายร่างยักษ์พูดจบเขาได้เดินนำอินเข้าไปในบ้าน ถึงภายนอกจะเป็นบ้านชั้นเดียวมองดูเหมือนเล็กแต่พอเข้ามาทุกอย่างซับซ้อนมีห้องและทางเข้าแบ่งเป็นโซนจนเขางงไม่รู้ว่าจะไปทางไหนก่อนดี
"ตามมาซิ" ชายคนเดิมหันมาสั่งอินให้ตามเขาไป อินจึงเดินตามไปเงียบๆ และมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูหนึ่ง
"ห้องนี่ครับ"
สิ้นเสียงชายคนนั้นอินเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นคือชายหนุ่มร่างโปร่งกำลังจะทำอะไรคนรักของเขา ที่กำลังนั่งโซฟาตัวใหญ่อยู่
กลับไปก่อนหน้าที่อินจะเข้ามาในบ้านเพียงไม่กี่ชั่วโมง
"คุณระแวงผมมากไปหรือเปล่า" แซมบอกกับเอกที่ไม่ยอมกินยาที่แซมยื่นให้
"ผ...ผมขอกินพรุ่งนี้ได้ไหม"
เอกกลืนน้ำลายด้วยความกลัวเขาไม่อยากกินยาตัวนี้ มันดูหน้าตาแปลกประหลาดไม่เห็นเหมือนยาแก้ปวดลดไข้ทั่วไปเลยสักนิด
"ผมก็บอกคุณแล้วว่ายานี่เป็นยาที่หมอให้มาจากโรงพยาบาล"
"ผ...ผมสงสัยว่าในเมื่อคุณรู้ว่าผมป่วยมีไข้สูง ทำไมคุณถึงไม่ให้ผมนอนโรงพยาบาลต่อ ให้ผมมาอยู่บ้านคุณทำไม" เอกมองไปรอบห้องอย่างระแวง ในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเสียที
"ถ้าผมจะวางยาคุณผมวางตั้งแต่ให้ทานข้าวต้มแล้ว และผมก็ทานให้คุณดูแล้วด้วยว่าไม่มียาพิษ ดูคุณระแวงมากไปไหม" แซมเริ่มอารมณ์เสียถึงจะมองดูว่าเขาใจเย็นแต่จริงแล้วเขาเป็นพวกหงุดหงิดง่าย
"แต่ว่า...คุณ...คุณอาจจะให้ผมตายใจแล้วให้กินยาตัวนั้นที่คุณถืออยู่ก็ได้"
เอกพยายามกลั้นใจสู้ เขาไม่อยากกินยาที่ไม่เคยเห็นและไม่แน่ใจ แซมถอนหายใจเฮือกโตเข้ามาใกล้เอกที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟากอดเข่าเก็บตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้และทำในสิ่งที่เอกไม่เข้าใจ
"ถ้าอย่างนั้นทานมันพร้อมกันนี่แหละ"
เขาเอายาใส่ในปากแล้วใช้แขนทั้งสองข้างยื่นมาล็อกตัวเอกที่นั่งกอดเขาอยู่ที่โซฟาไม่ให้ไปไหน เอกกลัวคนตรงหน้าจึงก้มหน้าหนี แซมไม่ยอมแพ้ใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าเอกให้เงยขึ้นและล็อกหน้าเอกไว้ไม่ให้หนีได้ เอกพยายามใช้แขนและขาดันคนตรงหน้าและดิ้นสุดกำลัง
"อืม...ปล่อยผมนะ"
"มันเป็นผลดีกับตัวคุณเถอะ อยู่นิ่งๆ "
แซมพยายามจะส่งยาที่เขานำไว้ในปากใส่ปากเอกด้วยการจูบปาก ยังไม่ทันที่เขาจะประกบปากเอก อินที่เข้ามาเห็นเข้าได้ถีบแซมล้มลงทันที ยาที่อยู่ในปากแซมนั้นถูกนำลงคอโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
"แค๊ก แค๊ก" แซมรู้สึกถึงความขมและฝืดจนเขาแทบสำลักออกมา
เอกรีบยืนเกาะแขนอินเมื่อแซมกระเด็นไปกองกับพื้น เขาอึ้งเล็กน้อยที่อินแสดงความรุนแรงเช่นนี้
"ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ผมขอดูหน่อย"
อินสำรวจเอกตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความกังวล โดยเอกยืนมองอินนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ อินสำรวจจนพอใจแล้วเขาได้ก้มลงไปมองคนที่นั่งลูบสีข้างด้วยความเจ็บปวด เเซมไม่คิดว่าชายร่างใหญ่คนนี้จะแรงเยอะขนาดนี้
"คุณคิดจะทำอะไรแฟนผม" อินได้ถามคนที่นั่งอยู่ข้างล่างแล้วส่งสายตาแสดงออกว่าถ้าฆ่าตรงนี้ได้ทำไปแล้ว
"ผมแค่จะป้อนยาให้คุณเอกเฉยๆ เขาป่วยนิ ต้องทานยา ไม่อย่างนั้นจะหายได้ยังไง" แซมยันตัวลุกขึ้นยืนและตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเหมือนเคย
"ด้วยปากเนี้ยนะ" อินพูดเสียงดังใส่แซมที่มองเขานิ่งจนน่ากลัว
"ใช่ ทำไมจะทำไม่ได้"
"คุณเป็นใครกันแน่ ถึงจับตัวแฟนผมมาแบบนี้" อินขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด มีใครที่ไหนป้อนยาแบบนี้นอกจากคนรักกัน
"ไม่ได้จับตัวมา แค่ให้มาพักรอคุณมารับไง ก็ดีกว่านอนโรงพยาบาลแล้วไม่มีคนเฝ้า" แซมยังคงตอบอย่างใจเย็น เหมือนสิ่งที่เขาทำนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ทั้งคู่ส่งสายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครวางมือ จนลูกน้องของไมเคิลที่ได้รับคำสั่งให้พาอินมาที่นี่ ได้เข้ามาในห้อง เขาเห็นแซมจึงรีบทักทันที
"คุณอิซามุใช่ไหมครับ"
"เอ๋! นั้นเลขาคนใหม่ของคุณไมเคิลใช่ไหม"
แซมหันไปมองบุคคลที่เข้ามาใหม่ที่เรียกชื่อญี่ปุ่นของเขา จึงเปลี่ยนเป้าหมายหันมาคุยกับบุคคลที่เข้ามาใหม่ทันที อินกับเอกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาหันมามองหน้ากันและคิดตรงกันว่า นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่
![](/images/icons/guest.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2560, 19:19:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ม.ค. 2564, 18:21:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 413
<< พากลับไปเยี่ยมคุณแม่ | ความสนใจที่ไม่อยากให้เกิด >> |