นาฬิกาทรายหวนคืน (Yaoi) - จบ
เมื่อคนรักกลับจำเขาไม่ได้จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่อุบัติเหตุนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา สิ่งที่แก้ไขได้มีเวลาเพียงสามเดือนเพื่อฟื้นฟูความจำให้กลับมา ซึ่งความทรงจำที่หายไปมาควบคู่กับอาการประหลาดที่เกิดขึ้น และอาจจะไม่มีชีวิตอยู่รอดก่อนที่จะครบสามเดือนความเสี่ยงที่จะย้อนเวลากลับอดีตนั้น จะช่วยให้ความทรงจำกลับมาได้ไหม แล้วคนในอดีตตามมาปัจจุบันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากเพียงใด สิ่งที่ตามจัดการพวกเขาในเงามืดอยู่นั้นเกิดขึ้นเพราะใครทำไมต้องทำเช่นนี้
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
Tags: นิยายรัก อดีต ปัจจุบัน อนาคต นาฬิกาทราย นิยายวาย BL Yaoi
ตอน: ความสนใจที่ไม่อยากให้เกิด
อินกับเอกกลับคอนโดเพียงเวลาไม่นาน เลขาคนใหม่ของอินก็ได้โทรเข้าโทรศัพท์มือถือและตามให้อินไปประชุม
"ผมขอไปด้วยนะ ผมเป็นเลขาคุณ อย่าลืมสิครับ" เอกเกาะแขนอินขอตามไปด้วย แต่อินดันตัวเอกให้กลับเข้าห้อง
"ไม่ต้องเลยครับ อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว"
"ทำไมครับ ผมจะไปทำงานด้วย คุณอยู่ที่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่น" น้ำเสียงจริงจังและหน้าตาขึงขังจนอินจนใจต้องใช้ไม้อ่อน
"เฮ้อ...อย่าดื้อสิที่รัก ผมมีคนคอยช่วยอยู่แล้ว และอีกอย่างคุณควรนอนพักให้มาก ๆ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม ระวงกลับมาจะได้รักษาคุณได้เต็มที่ไงครับ ที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นการหยอดคำหวานหรือการบรรจงหอมหน้าผากอย่างนิ่มนวลก็ตาม แต่เอกกลับไม่คล้อยตามยังคงทำหน้าจริงจังและดื้อรั้นขอตามไปอีกเช่นเคย
"ไม่ต้องมาที่ลงที่รักเลย ไม่เคลิ้มตามหรอกนะ"
"อ้าาา...ทำไมฉลาดจัง แฟนใครกันนะ" น้ำเสียงกวนประสาทและหน้าตาที่ล้อเลียนของคนรักทำให้เอกย่นจมูกพ่นลมอย่างอารมณ์เสีย
"ผมจะไปด้วย มียาของระวงแล้วไม่กลัวหรอกอาการป่วย" งานนี้เอกไม่มียอมอินแน่ เขายื่นยาโชว์อินแล้วเขย่าให้ได้ยิน พร้อมกับหยักคิ้วกวน ๆ จนอินต้องยอมแพ้
"ก็ได้ครับ ผมยอมแล้ว ไปแต่งตัวสิ"
"ขอบคุณครับ" เอกกระโดดกอดอินจนตัวของอินเซแต่ยังคงยืนอยู่ได้ แล้วนั่งมองคนรักหายเข้าห้องน้ำไป
ทางด้านนินและนนท์
นินแอบย่องเข้ามาในห้องของนนท์ เพราะนนท์ออกไปช่วยงานเอกสารกับไมเคิลที่ห้องทำงาน
"อยากรู้จริง ๆ ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในกระเป๋าสตางค์" ปากบ่นไปมือค้นหาทุกจุดที่สามารถค้นหาเจอ และแล้วก็พบสิ่งที่ค้นหาอยู่ในลิ้นชักหัวเตียง
"ขอดูหน่อยนะ เฮอะ ๆ "
นินถือวิสาสะเปิดกระเป๋าสตางค์ของนนท์ และค้นหารูปที่นนท์แอบเปิดดูในวันที่พวกเขาอยู่ห้องใต้ดินด้วยกัน
"เฮ้ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้"
ณ บริษัทของไมเคิล
เลขาคนใหม่ของอินเดินมาเคาะประตูห้องทำงานที่มีอินและเอกอยู่ในห้อง นั่นทำให้เอกแปลกใจว่าผู้หญิงหุ่นสวยคนนี้เป็นใคร อินเห็นท่าทางของเอก เขาจึงรีบบอกกับคนข้างกายทันที
"เออ...นี่เลขาที่มาช่วยผม ไมเคิลเป็นคนส่งมาให้ครับ...คุณ...คุณไม่กังวลใช่ไหม"
คำตอบที่ได้จากคนตัวเล็กเป็นการส่ายหน้าเข้าใจ ทำให้อินรู้สึกโล่งอก
"แล้วให้ผมช่วยอะไรไหมครับ" เอกถามอินเพราะเขาไม่อยากอยู่เฉย ๆ แต่ทว่าอินกลับจับหัวไหล่ทั้งสองของเขาแล้วยิ้ม
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเอง คุณไปนอนพักเถอะนะ ตอนเที่ยงผมจะพาคุณไปทานข้าว" น้ำเสียงอบอุ่นที่ส่งมาให้ ทำให้เอกไม่สามารถปฏิเสธได้ลงได้แต่พยักหน้าทำตาม ท่ามกลางสายตาของเลขาสาวที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ผลสุดท้ายเอกไม่ได้ไปไหน ได้แต่นั่งอ่านนิตยสารบนโซฟาแต่ทว่าสายตาจับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวทำงานกัน เพราะจ้องมองนานเกินไปเลยรู้สึกว่าตนเริ่มง่วงนอน จึงบอกอินเพื่อไปหลับในห้องพักผู้บริหาร แต่ทว่าอินกลับง่วนอยู่กับกองเอกสาร
"ผมไปนอนจริง ๆ นะ" เสียงบางเบาของเอกบอกก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้อง ซึ่งไม่มีใครได้ยิน เขาจึงตัดสินใจไปนอนในห้องพักที่ตอนนี้ปลอดคน
เมื่อร่างกายสัมผัสกับโซฟาอ่อนนุ่ม เขาก็หลับลงอย่างง่ายดาย โดยไม่ทันระวังตัวว่ามีบุคคลที่คาดไม่ถึงอยู่ในห้องอีกคนและคนนั้นคือ แซม
"ไม่คิดว่าจะเจอกันแบบนี้อีกนะครับ"
แซมนั่งพักผ่อนในห้องก่อนที่เอกจะเข้ามา แล้วจังหวะที่เข้าห้องน้ำอยู่นั้น เขาเหลือบไปเห็นเอกจึงหลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้อง และรอจังหวะให้ชายหนุ่มนอนหลับจะได้เข้าไปนั่งใกล้ ๆ
และตอนนี้เขากำลังนั่งมองใบหน้าของชายหนุ่มตัวเล็กที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าชายคนนี้ดูน่ารัก สมแล้วที่อินทั้งรักทั้งหวงจนเขารู้สึกอิจฉาในความรักที่ทั้งสองมีให้กัน ทำให้คิดถึงใครบางคน ใครบางคนที่เหลือเพียงแค่ความทรงจำ ใครบางคนที่เหลือเพียงแค่รูปถ่ายให้เขาได้ลูบคลำเท่านั้น
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเอกพึ่งรู้สึกตัวตื่น กลับต้องชะงักเมื่อเห็นแซมนั่งมองเขาจากโซฟาฝั่งตรงข้าม ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือรอยยิ้มที่ส่งมาให้
ถ้าคนภายนอกมองก็คงคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่จริงใจและเป็นมิตร แต่ทำไมเขากลับคิดว่ารอยยิ้มนั้นน่ากลัวและแฝงความร้ายกาจเอาไว้
"ตื่นแล้วหรือครับ ไปทานข้าวกับผมได้ไหม" จู่ ๆ แซมก็ถามขึ้น หลังจากเขาและเอกสบตากันนานพอสมควร นั่นทำให้เอกถึงกับกลืนน้ำลายลงคอและไม่อยากไปกับชายตรงหน้า
"คือ...คือผม...ผมคงไปไม่ได้ครับ...ผมกำลังรอคุณอินอยู่" ถึงจะพูดแบบนั้นออกไป แต่ดูเหมือนว่าแซมจะไม่คิดเช่นนั้น
"ตอนนี้คุณอินกับเลขาทานข้าวกันไปแล้ว ไม่เชื่อคุณออกไปดูสิครับ" น้ำเสียงและรอยยิ้มแฝงความขบขันเอาไว้ แต่เอกเชื่อมั่นว่าอินไม่มีทางผิดคำพูดแน่ โดยเฉพาะเรื่องของเขาจึงเถียงกลับไปทันที
"ผมไม่เชื่อคุณหรอก คุณอินไม่เคยผิดสัญญากับผม"
"อย่างนั้นสินะ คุณลองลุกขึ้นไปดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าผมไม่ได้พูดปด" จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับเคร่งขรึมขึ้นมาทันตา
ซึ่งเอกไม่รอช้า รีบลุกไปแง้มประตูห้องทำงานของอินเพื่อพิสูจน์ความคิดของตนแต่ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่แซมบอกทุกอย่าง ไม่รู้ว่าเขาควรพูดหรือรู้สึกอย่างไรดี แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจ เสียใจที่อินไม่รอเขา เสียใจที่อินบอกจะพาไปทานข้าวด้วยกันแล้วทำไมถึงผิดคำพูด และจังหวะที่เอกกำลังสับสนอยู่นั้น แซมได้เข้าประชิดตัวแล้วกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า
"ไปกับผมได้หรือยัง"
"ครับ" เป็นคำตอบที่ง่ายดายสำหรับแซม แต่สำหรับเอกเพียงแค่ไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากออกไปไหนสักที่ให้พ้นภาพที่เห็นตรงหน้า
ก่อนหน้าที่เอกจะตื่น อินกำลังหัวหมุนกับกองเอกสารจำนวนมากมายบนโต๊ะ โดยมีเลขาสาวคอยช่วย จนเขาลืมไปดูเอกที่ห้องพัก ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเอก เขาแอบมองเอกตลอดเวลาแต่ทว่าคนรักของเขาไม่รู้ตัว จึงคาดเดาได้ไม่อยากว่าเอกออกจากห้องไปนอนพักอยู่ที่ไหน
"คุณอินค่ะ ไม่รู้ใครสั่งมาให้พวกเรา เขาเขียนไว้ว่า 'เลี้ยงครับ' เขียนเท่านี้ค่ะ น่าแปลกใจจัง"
"อืม ถ้าเขาเลี้ยง เธอก็ทานเถอะ ฉันยังไม่หิว"
"แต่กลอยทานไม่หมดหรอกค่ะ คุณอิน" เธอชี้ไปยังอาหารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะให้อินดู ว่าเธอตัวแค่นี้จะทานหมดได้อย่างไร
"ทานไม่หมด เธอก็เอากลับบ้านไปให้สามีและลูกเธอทานเถอะ" เป็นคำพูดที่เขาไม่ใส่ใจนักแล้วกลับไปตั้งใจทำงานให้เสร็จ แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้ากลับคิดว่าอินควรพักเสียบ้าง
"คุณอินควรทานนะคะ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรงทำงาน"
อินเงยหน้าจากกองเอกสารเพื่อดูเวลาก่อนที่จะมองอาหารบนโต๊ะ และคิดว่าเอกยังคงหลับอยู่ไม่อย่างนั้นคนรักของเขาต้องตื่นมาหาเขาแล้ว จึงตัดสินใจลุกไปทานอาหารข้างเลขาสาวเพื่อเอาแรงก่อนที่จะทำงานอีกครั้ง โดยคิดว่าหลังจากเสร็จงานแล้ว เขาจะพาเอกไปทานข้าว
อีกด้านหนึ่งของคนที่ขับพาชายหนุ่มร่างเล็กออกไปทานอาหารนอกบริษัท ทั้ง ๆ ที่ในบริษัทก็มีร้านอาหารให้ แต่เขากลับไม่พาเอกไป จึงทำให้เอกเริ่มกังวลและหวาดระแวง
"คุณ...คุณไม่พาผมไปฆ่าใช่ไหม" ไม่รู้อะไรดลใจให้คิดและพูดเช่นนั้น แต่คนข้างกายกลับหัวเราะจนเสียงดังก่อนที่จะพูดว่า "เป็นความคิดที่น่าตลกจังเลยนะครับ"
ถ้าคำพูดนั้นหยุดเพียงเท่านี้ก็คงดีสำหรับเอก แต่ทว่าไม่ใช่เช่นนั้น แซมกลับพูดต่ออีกว่า
"กลัวนะดีแล้วครับ เพราะผมไม่ได้คิดดีกับคุณ"
สิ่งที่แซมพูดทำให้เอกทั้งอึ้งและหน้าซีดในคราวเดียวกัน แต่แซมกลับไม่สนใจสีหน้าของเอก แถมยังจอดรถแล้วเดินลงไปเปิดประตูให้เอกอย่างสุภาพ
"ถึงแล้วครับ มื้อนี้ผมขอเลี้ยง" รอยยิ้มที่เป็นมิตรส่งมาพร้อมกับมือที่ยื่นให้เอกจับ แต่เอกกลับปฏิเสธมือนั่นแล้วลงจากรถตามแซมเข้าร้านไปอย่างเงียบ ๆ
ร้านอาหารที่แซมพามานั้น เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ชายหนุ่มได้สั่งอาหารจำนวนมากวางตรงหน้าเอก ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ ซาซิมิ นาเบโมโนะ สึเกโมโนะ ทงคัตสึ ที่แซมสั่งมาให้เอกทานและมีแนวโน้มว่าจะสั่งเพิ่มอีกเมื่อเอกทานหมด
"ทานเยอะ ๆ นะครับ"
"จะให้ผมทานหมดนี่ มีหวังผมอ้วนตายแน่" เป็นเพราะอาหารทำให้เอกลืมความระแวงที่เกิดขึ้นไปจนหมดสิ้น ในความคิดตอนนี้มีแต่อยากชิมและอยากรู้ว่าอาหารญี่ปุ่นอร่อยมากมายขนาดไหน เกิดมาไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติอาหารญี่ปุ่นเลยสักนิด
"เราไม่ได้ทานทุกวันสักหน่อย ทานไปเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ" รอยยิ้มที่เป็นมิตรส่งมาให้อีกครั้ง ทำให้เอกไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน งานนี้เอกลุย
"ถ้าอย่างนั้น ผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ" มือขวาหยิบตะเกียบแล้วจัดการอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข จึงไม่ได้สนใจแซมที่ได้แต่นั่งมองเอกด้วยใบหน้าที่นิ่งและไม่แตะอาหารตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว จนเอกเริ่มรู้สึกตัวจึงเอ่ยขึ้น
"คุณไม่ทานหรือครับ น่าอร่อยนะครับ"
"ตามสบาย ผมไม่ค่อยชอบอาหารญี่ปุ่น" เป็นคำตอบที่ชวนงงสำหรับเอก
"อ้าว คุณเป็นคนญี่ปุ่นไม่ใช่หรือครับ"
"ใช่ครับ ผมแค่เห็นอาหารญี่ปุ่นจนชิน เลยไม่อยากทานเท่านั้น" ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เอกกลับคิดว่าแซมมีบางสิ่งซ่อนอยู่ จึงไม่สามารถทานต่อได้อีก
"ผมอิ่มแล้วล่ะ"
"ไม่ต้องเกรงใจครับ ถ้าคุณทานไม่หมด ผมโกรธจริง ๆ นะ" ท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเอกจะไม่ทานต่อ ทำให้เอกรู้สึกเกร็งแล้วก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าต่อ แต่ในใจกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ส่วนแซมไม่ต่างกัน เขากำลังคิดถึงอดีต อดีตในวัยเด็ก ตอนที่เขาเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย
"โห ทานอาหารญี่ปุ่น ก็เป็นคนญี่ปุ่นสินะ" เด็กชายตัวอ้วนเตี้ยเดินเข้ามาทักแซมที่กำลังเปิดข้าวกล่องของมารดาอยู่ แต่ทว่าแซมกลับไม่สนใจเสียงกวน ๆ นั่น ยังคงตั้งใจทานอาหารฝีมือของมารดาต่อ ทำให้เด็กอ้วนเริ่มหงุดหงิด
"หยิ่งเหรอ พูดด้วยแค่นี้ทำเป็นไม่ยอมพูด"
ไม่พูดเพียงอย่างเดียวกลับปัดกล่องอาหารของแซมตกพื้นทันที นั่นทำให้แซมต้องลงไปเก็บอาหารด้วยความเสียดาย เป็นอาหารที่มารดาของเขาตั้งใจทำให้ทานกลางวัน และจะดีไปกว่านี้ถ้าไอ้เด็กอ้วนนั่นไม่มาเหยียบไข่ม้วนจนแบบติดพื้น
"ทำไม พูดด้วยแค่นี้ไม่ยอมพูดด้วย" สายตาดูถูกมาพร้อมกับเท้าที่บดขยี้อาหารตรงหน้า จนแซมทนไม่ไหวต้องค้อนกลับไปด้วยความโกรธ นั่นทำให้เด็กอ้วนถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วพูดอีกครั้งอย่างคนไม่คิดกลัว
"เชอะ หมดอารมณ์เล่นด้วยแล้ว"
เมื่อเด็กอ้วนเดินออกจากห้องไป น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาเป็นสาย หยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นบนอาหารที่ทานไม่ได้ หมดกันอาหารที่มารดาของเขาตั้งใจทำให้แล้วกลางวันนี้เขาจะทานอะไร เงินติดตัวก็ไม่มากพอที่จะซื้อประทังความหิว
แต่แล้วเหมือนโชคชะตาส่งเด็กชายร่างผอมบางมาให้ เขายืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เด็กอ้วนเห็น นั่นทำให้เขามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นและในมือของเขามีแซนด์วิชที่มารดาทำให้เช่นกัน เมื่อเห็นว่าเด็กที่มาใหม่โดนกลั่นแกล้งเหมือนกับตอนเข้ามาเรียนที่นี่ครั้งแรก จึงเดินเข้าไปใกล้เพื่อแบ่งปันอาหารกลางวันอย่างเป็นมิตร
"นี่ ๆ นายน่ะ กินอาหารนี้ได้ไหม"
แซนด์วิชหนึ่งชิ้นถูกยื่นมาตรงหน้าของแซม ทำให้แซมรับไว้อย่างซึ้งใจ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะความหิว ฐานะที่บ้านของเขาใช่ว่าร่ำรวยอะไร แต่ต้องมาเรียนโรงเรียนเอกชนก็เพราะจำเป็น
และเด็กชายร่างผอมก็ใจดี ชวนเขาคุยไม่มีหยุด แถมยังแบ่งอาหารอื่นให้เขาทานอีกด้วย ยิ่งคิดยิ่งคิดถึงแต่เขากลับไม่ได้เจออีกแล้ว
"คุณแซมครับ คุณแซม" เสียงใส ๆ ของเอกเรียกสติแซมให้กลับมาปัจจุบัน แต่อาหารตรงหน้าเอกกลับไม่พร่องเลยสักนิด นั่นทำให้เอกต้องยู่หน้าและเกาหัวแก้เขิน
"คือ...คือผม...ผมอิ่มแล้วครับ แฮะ ๆ " เอกไม่สามารถทานได้หมดเพราะอาหารที่แซมสั่งนั้นเยอะเกินไป ซึ่งแซมก็รู้ดีว่าเอกกังวลและกลัวเขาจะโกรธ จึงได้แต่ยิ้มแล้วบอกกลับไปว่า
"ไม่เป็นไรครับ ผมขู่ไปอย่างนั้นเอง งั้นพวกเรากลับกันเถอะครับ"
แซมไม่สามารถนั่งที่นี่ต่อได้อีกแล้ว การที่เขาพาเอกมาร้านอาหารญี่ปุ่นนั้นเพียงแค่อยากแกล้งอิน แต่กลายเป็นว่าเขาเองที่รู้สึกเจ็บที่คิดถึงอดีต และคิดถึงใครบางคนที่ไม่กลับมาหาเขาอีกต่อไป
แซมได้พาเอกมาส่งถึงห้องทำงานของอิน ซึ่งเป็นจังหวะที่อินกำลังเปิดประตูเพื่อออกตามหาเอกและเจอทั้งสองอยู่ด้วยกัน จึงไม่สามารถเก็บอารมณ์โกรธได้ โดยเดินเข้าไปกระชากแขนเอกให้ออกจากแซมทันที
"ทำไมคุณไปอยู่กับหมอนี่ได้ ตอบให้ดีด้วย" แรงดึงของอินทำให้เอกเซเข้าหาแต่นั่นไม่เจ็บเท่ากับการที่อินตะคอกใส่ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดเป็นอินต่างหากและงานนี้เขาไม่มีทางยอมแน่
"เป็นบ้าอะไรของคุณอีก"
"บ้าอย่างนั้นหรือ ผมจะบ้าตายอยู่แล้วที่คุณมาอยู่กับมัน ใช่ว่าไอ้หมอนี่จะคิดดีกับคุณซะที่ไหน" ยิ่งเพิ่มอารมณ์โกรธมากขึ้นเมื่อเอกเถียงกลับ ไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นห่วงและหวงขนาดไหนแล้วทำไมถึงทำแบบนี้กับเขาได้
"ก็ผมหิวนิ เขามาชวนผมไปทานข้าว ผมก็ไปด้วย คุณนั่นแหละ มัวแต่ทานอาหารในห้องกับสาวหุ่นงาม แล้วผมล่ะ" ใช่ว่าเอกจะยอมเพราะเขาไม่ผิด คนที่ผิดคืออินต่างหาก
"คุณเห็น" อินได้ฟังจึงรู้สึกดีขึ้นแล้วปล่อยเอกจากอ้อมแขน แต่ที่พูดมาทั้งหมดมันน่าสงสัย
ทำไมเอกถึงเห็นได้ แต่ดูจากสีหน้าที่จริงจังของคนตรงหน้า ก็ทำให้เขาต้องจัดการอะไรบางอย่างเสียแล้ว และคนที่ต้องจัดการไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขานั้นเอง
"อาหารมื้อหน้า ผมขอตัวคุณเอกไปทานข้าวกับผมนะครับ" น้ำเสียงใส ๆ กับรอยยิ้มสวย แต่นั่นทำให้อินต้องกระตุกคิ้วแล้วตอบกลับไปว่า
"คุณเอกแฟนผม! คุณไม่ใช่ ห้ามทำตัวรุ่มร่ามเด็ดขาด" อินเน้นหนักทุกคำพูดให้ชายตรงหน้าได้ยินชัดเจน
แต่ทว่าชายหนุ่มกลับยกยิ้มอย่างกวนแล้วนำนิ้วชี้แตะริมฝีปากของตนให้อินเห็น
"จุ๊ จุ๊ ไม่ ๆ ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณทั้งสองเป็นแฟนกัน ผมแค่หาคนทานข้าวเป็นเพื่อนเท่านั้น คนไทยเขาเรียกว่าอะไรนะ กิ๊กเหรอ อืม...คำนี้น่าจะเหมาะ" รอยยิ้มกวน ๆ กับคำกวน ๆ ที่แซมส่งมาให้ ทำให้อินหมดความอดทน
"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น ไม่ให้ไปในฐานะอะไรทั้งนั้น"
"ฮ่า ฮ่า ผมรู้อยู่แล้วล่ะ ถ้าเป็นกิ๊กจริงคุณคงไม่รู้หรอกว่า ผมไปไหนกับคุณเอกบ้าง จริงไหม"
ทั้งสองคนส่งสายตาไม่ยอมกัน จึงทำให้เอกมึนงงไปหมด เพียงแค่ไปทานข้าวทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่กันด้วย แต่นั่นไม่ทำให้เอกตัวเกร็งเท่ากับการที่แซมเดินเข้ามาประชิดตัวของเขา
เมื่อถูกประชิดตัว เอกจึงต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วชนเข้ากับอกแกร่งของอินอีกครั้ง ซึ่งคนข้างหลังก็ไวพอที่จะโอบเอวเอาไว้ไม่ให้ห่างตัว แต่ท่าทางของทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้แซมหยุด
"คุณเอกครับ ผมสนใจคุณจริง ๆ นะ วันหลังผมจะพาคุณไปเที่ยว และผมหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธ" คำพูดของแซมทำให้เอกอึ้งจนไม่สามารถตอบอะไรได้
ส่วนอินนั้นก็ไม่ยอม เขายิ่งกระชับเอวของเอกให้ประชิดตัวของเขามากขึ้นไปอีก นั่นทำให้แซมยกยิ้มแล้วพูดต่ออีกว่า
"ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ถ้าวันไหนคุณเบื่อคุณอิน อย่าลืมนึกถึงผมเป็นคนแรกนะ"
เมื่อพูดจบ แซมก็ก้าวขามากระซิบข้างหูอิน โดยไม่ให้เอกได้ยินก่อนที่จะเดินหันหลังออกไป และคำพูดของแซมนั้นทำให้อินถึงกับเลือดขึ้นหน้า ปล่อยมือจากการโอบเอวมาจับมือเอกและดึงตัวออกจากห้องทันที
"กลับคอนโด! เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
เอกถูกแรงของอินดึงไปยังรถ โดยไม่สามารถพูดหรือเรียกร้องอะไรได้ ตลอดเวลาที่อินขับรถเขาได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจเสียงดัง เพราะสีหน้าของอินนั้นคาดเดาได้ยากว่าคิดอะไรอยู่
ส่วนอินได้แต่กัดฟันเก็บอารมณ์ที่มันคุกรุ่นอยู่ในใจ กับคำพูดของแซมที่วนเวียนอยู่ในหัวว่า
"อร่อยไหม อาหารที่ผมเลี้ยง"
ทางด้านนินกับนนท์นั้น นนท์ก็ยังง่วนอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องของไมเคิล จนไมเคิลอยากดื่มกาแฟจึงใช้ให้นนท์ไปชงให้
"นนท์ เธอไปชงกาแฟให้ฉันหน่อยนะ ไปถูกใช่ไหม"
"ไปถูกครับ"
เพราะนนท์เป็นเลขาคนสนิทของนินวัยชรามานาน จึงถูกฝึกให้สังเกตและจดจำทุกอย่างรอบตัวเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้หาทางหนีได้ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาได้นำคำสอนของนินวัยชรามาใช้จึงสามารถหาทางชงกาแฟร้อนหนึ่งถ้วยตามที่ไมเคิลต้องการได้สำเร็จ
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดหรือฝันว่าจะได้เห็น เมื่อเปิดประตูเข้ามาพบว่านินกำลังจะจูบไมเคิล เพียงแค่เห็นเท่านั้น มือของเขากลับสั่นจนน้ำกาแฟเกือบหก โชคดีที่มีสตินำมืออีกข้างมาประคองเอาไว้ให้นิ่ง แล้วเดินไปวางบนโต๊ะทำงานของไมเคิลอย่างเนียน ๆ
"ขอโทษที่ขัดจังหวะครับ กาแฟครับ คุณไมเคิล" น้ำเสียงนิ่งและเยือกเย็นช่วยดึงสติของชายทั้งสองให้ออกจากกัน
"เฮ้ย! " เสียงของนินร้องตกใจพร้อมกับร่างกายที่เด้งออกจากตัวไมเคิล แต่ทว่าไมเคิลกลับยิ้มแล้วหันหน้ามาพูดกับนนท์เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น
"อืม ขอบใจนะนนท์ นายไปพักเถอะ"
"ครับ" เสียงขานรับพร้อมกับก้มหัวแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งนินที่ยืนตัวแข็งมองนนท์ตาปริบ ๆ
"ผมขอไปด้วยนะ ผมเป็นเลขาคุณ อย่าลืมสิครับ" เอกเกาะแขนอินขอตามไปด้วย แต่อินดันตัวเอกให้กลับเข้าห้อง
"ไม่ต้องเลยครับ อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว"
"ทำไมครับ ผมจะไปทำงานด้วย คุณอยู่ที่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่น" น้ำเสียงจริงจังและหน้าตาขึงขังจนอินจนใจต้องใช้ไม้อ่อน
"เฮ้อ...อย่าดื้อสิที่รัก ผมมีคนคอยช่วยอยู่แล้ว และอีกอย่างคุณควรนอนพักให้มาก ๆ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม ระวงกลับมาจะได้รักษาคุณได้เต็มที่ไงครับ ที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นการหยอดคำหวานหรือการบรรจงหอมหน้าผากอย่างนิ่มนวลก็ตาม แต่เอกกลับไม่คล้อยตามยังคงทำหน้าจริงจังและดื้อรั้นขอตามไปอีกเช่นเคย
"ไม่ต้องมาที่ลงที่รักเลย ไม่เคลิ้มตามหรอกนะ"
"อ้าาา...ทำไมฉลาดจัง แฟนใครกันนะ" น้ำเสียงกวนประสาทและหน้าตาที่ล้อเลียนของคนรักทำให้เอกย่นจมูกพ่นลมอย่างอารมณ์เสีย
"ผมจะไปด้วย มียาของระวงแล้วไม่กลัวหรอกอาการป่วย" งานนี้เอกไม่มียอมอินแน่ เขายื่นยาโชว์อินแล้วเขย่าให้ได้ยิน พร้อมกับหยักคิ้วกวน ๆ จนอินต้องยอมแพ้
"ก็ได้ครับ ผมยอมแล้ว ไปแต่งตัวสิ"
"ขอบคุณครับ" เอกกระโดดกอดอินจนตัวของอินเซแต่ยังคงยืนอยู่ได้ แล้วนั่งมองคนรักหายเข้าห้องน้ำไป
ทางด้านนินและนนท์
นินแอบย่องเข้ามาในห้องของนนท์ เพราะนนท์ออกไปช่วยงานเอกสารกับไมเคิลที่ห้องทำงาน
"อยากรู้จริง ๆ ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในกระเป๋าสตางค์" ปากบ่นไปมือค้นหาทุกจุดที่สามารถค้นหาเจอ และแล้วก็พบสิ่งที่ค้นหาอยู่ในลิ้นชักหัวเตียง
"ขอดูหน่อยนะ เฮอะ ๆ "
นินถือวิสาสะเปิดกระเป๋าสตางค์ของนนท์ และค้นหารูปที่นนท์แอบเปิดดูในวันที่พวกเขาอยู่ห้องใต้ดินด้วยกัน
"เฮ้ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้"
ณ บริษัทของไมเคิล
เลขาคนใหม่ของอินเดินมาเคาะประตูห้องทำงานที่มีอินและเอกอยู่ในห้อง นั่นทำให้เอกแปลกใจว่าผู้หญิงหุ่นสวยคนนี้เป็นใคร อินเห็นท่าทางของเอก เขาจึงรีบบอกกับคนข้างกายทันที
"เออ...นี่เลขาที่มาช่วยผม ไมเคิลเป็นคนส่งมาให้ครับ...คุณ...คุณไม่กังวลใช่ไหม"
คำตอบที่ได้จากคนตัวเล็กเป็นการส่ายหน้าเข้าใจ ทำให้อินรู้สึกโล่งอก
"แล้วให้ผมช่วยอะไรไหมครับ" เอกถามอินเพราะเขาไม่อยากอยู่เฉย ๆ แต่ทว่าอินกลับจับหัวไหล่ทั้งสองของเขาแล้วยิ้ม
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเอง คุณไปนอนพักเถอะนะ ตอนเที่ยงผมจะพาคุณไปทานข้าว" น้ำเสียงอบอุ่นที่ส่งมาให้ ทำให้เอกไม่สามารถปฏิเสธได้ลงได้แต่พยักหน้าทำตาม ท่ามกลางสายตาของเลขาสาวที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ผลสุดท้ายเอกไม่ได้ไปไหน ได้แต่นั่งอ่านนิตยสารบนโซฟาแต่ทว่าสายตาจับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวทำงานกัน เพราะจ้องมองนานเกินไปเลยรู้สึกว่าตนเริ่มง่วงนอน จึงบอกอินเพื่อไปหลับในห้องพักผู้บริหาร แต่ทว่าอินกลับง่วนอยู่กับกองเอกสาร
"ผมไปนอนจริง ๆ นะ" เสียงบางเบาของเอกบอกก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้อง ซึ่งไม่มีใครได้ยิน เขาจึงตัดสินใจไปนอนในห้องพักที่ตอนนี้ปลอดคน
เมื่อร่างกายสัมผัสกับโซฟาอ่อนนุ่ม เขาก็หลับลงอย่างง่ายดาย โดยไม่ทันระวังตัวว่ามีบุคคลที่คาดไม่ถึงอยู่ในห้องอีกคนและคนนั้นคือ แซม
"ไม่คิดว่าจะเจอกันแบบนี้อีกนะครับ"
แซมนั่งพักผ่อนในห้องก่อนที่เอกจะเข้ามา แล้วจังหวะที่เข้าห้องน้ำอยู่นั้น เขาเหลือบไปเห็นเอกจึงหลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้อง และรอจังหวะให้ชายหนุ่มนอนหลับจะได้เข้าไปนั่งใกล้ ๆ
และตอนนี้เขากำลังนั่งมองใบหน้าของชายหนุ่มตัวเล็กที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าชายคนนี้ดูน่ารัก สมแล้วที่อินทั้งรักทั้งหวงจนเขารู้สึกอิจฉาในความรักที่ทั้งสองมีให้กัน ทำให้คิดถึงใครบางคน ใครบางคนที่เหลือเพียงแค่ความทรงจำ ใครบางคนที่เหลือเพียงแค่รูปถ่ายให้เขาได้ลูบคลำเท่านั้น
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเอกพึ่งรู้สึกตัวตื่น กลับต้องชะงักเมื่อเห็นแซมนั่งมองเขาจากโซฟาฝั่งตรงข้าม ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือรอยยิ้มที่ส่งมาให้
ถ้าคนภายนอกมองก็คงคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่จริงใจและเป็นมิตร แต่ทำไมเขากลับคิดว่ารอยยิ้มนั้นน่ากลัวและแฝงความร้ายกาจเอาไว้
"ตื่นแล้วหรือครับ ไปทานข้าวกับผมได้ไหม" จู่ ๆ แซมก็ถามขึ้น หลังจากเขาและเอกสบตากันนานพอสมควร นั่นทำให้เอกถึงกับกลืนน้ำลายลงคอและไม่อยากไปกับชายตรงหน้า
"คือ...คือผม...ผมคงไปไม่ได้ครับ...ผมกำลังรอคุณอินอยู่" ถึงจะพูดแบบนั้นออกไป แต่ดูเหมือนว่าแซมจะไม่คิดเช่นนั้น
"ตอนนี้คุณอินกับเลขาทานข้าวกันไปแล้ว ไม่เชื่อคุณออกไปดูสิครับ" น้ำเสียงและรอยยิ้มแฝงความขบขันเอาไว้ แต่เอกเชื่อมั่นว่าอินไม่มีทางผิดคำพูดแน่ โดยเฉพาะเรื่องของเขาจึงเถียงกลับไปทันที
"ผมไม่เชื่อคุณหรอก คุณอินไม่เคยผิดสัญญากับผม"
"อย่างนั้นสินะ คุณลองลุกขึ้นไปดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าผมไม่ได้พูดปด" จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับเคร่งขรึมขึ้นมาทันตา
ซึ่งเอกไม่รอช้า รีบลุกไปแง้มประตูห้องทำงานของอินเพื่อพิสูจน์ความคิดของตนแต่ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่แซมบอกทุกอย่าง ไม่รู้ว่าเขาควรพูดหรือรู้สึกอย่างไรดี แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจ เสียใจที่อินไม่รอเขา เสียใจที่อินบอกจะพาไปทานข้าวด้วยกันแล้วทำไมถึงผิดคำพูด และจังหวะที่เอกกำลังสับสนอยู่นั้น แซมได้เข้าประชิดตัวแล้วกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า
"ไปกับผมได้หรือยัง"
"ครับ" เป็นคำตอบที่ง่ายดายสำหรับแซม แต่สำหรับเอกเพียงแค่ไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากออกไปไหนสักที่ให้พ้นภาพที่เห็นตรงหน้า
ก่อนหน้าที่เอกจะตื่น อินกำลังหัวหมุนกับกองเอกสารจำนวนมากมายบนโต๊ะ โดยมีเลขาสาวคอยช่วย จนเขาลืมไปดูเอกที่ห้องพัก ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเอก เขาแอบมองเอกตลอดเวลาแต่ทว่าคนรักของเขาไม่รู้ตัว จึงคาดเดาได้ไม่อยากว่าเอกออกจากห้องไปนอนพักอยู่ที่ไหน
"คุณอินค่ะ ไม่รู้ใครสั่งมาให้พวกเรา เขาเขียนไว้ว่า 'เลี้ยงครับ' เขียนเท่านี้ค่ะ น่าแปลกใจจัง"
"อืม ถ้าเขาเลี้ยง เธอก็ทานเถอะ ฉันยังไม่หิว"
"แต่กลอยทานไม่หมดหรอกค่ะ คุณอิน" เธอชี้ไปยังอาหารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะให้อินดู ว่าเธอตัวแค่นี้จะทานหมดได้อย่างไร
"ทานไม่หมด เธอก็เอากลับบ้านไปให้สามีและลูกเธอทานเถอะ" เป็นคำพูดที่เขาไม่ใส่ใจนักแล้วกลับไปตั้งใจทำงานให้เสร็จ แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้ากลับคิดว่าอินควรพักเสียบ้าง
"คุณอินควรทานนะคะ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรงทำงาน"
อินเงยหน้าจากกองเอกสารเพื่อดูเวลาก่อนที่จะมองอาหารบนโต๊ะ และคิดว่าเอกยังคงหลับอยู่ไม่อย่างนั้นคนรักของเขาต้องตื่นมาหาเขาแล้ว จึงตัดสินใจลุกไปทานอาหารข้างเลขาสาวเพื่อเอาแรงก่อนที่จะทำงานอีกครั้ง โดยคิดว่าหลังจากเสร็จงานแล้ว เขาจะพาเอกไปทานข้าว
อีกด้านหนึ่งของคนที่ขับพาชายหนุ่มร่างเล็กออกไปทานอาหารนอกบริษัท ทั้ง ๆ ที่ในบริษัทก็มีร้านอาหารให้ แต่เขากลับไม่พาเอกไป จึงทำให้เอกเริ่มกังวลและหวาดระแวง
"คุณ...คุณไม่พาผมไปฆ่าใช่ไหม" ไม่รู้อะไรดลใจให้คิดและพูดเช่นนั้น แต่คนข้างกายกลับหัวเราะจนเสียงดังก่อนที่จะพูดว่า "เป็นความคิดที่น่าตลกจังเลยนะครับ"
ถ้าคำพูดนั้นหยุดเพียงเท่านี้ก็คงดีสำหรับเอก แต่ทว่าไม่ใช่เช่นนั้น แซมกลับพูดต่ออีกว่า
"กลัวนะดีแล้วครับ เพราะผมไม่ได้คิดดีกับคุณ"
สิ่งที่แซมพูดทำให้เอกทั้งอึ้งและหน้าซีดในคราวเดียวกัน แต่แซมกลับไม่สนใจสีหน้าของเอก แถมยังจอดรถแล้วเดินลงไปเปิดประตูให้เอกอย่างสุภาพ
"ถึงแล้วครับ มื้อนี้ผมขอเลี้ยง" รอยยิ้มที่เป็นมิตรส่งมาพร้อมกับมือที่ยื่นให้เอกจับ แต่เอกกลับปฏิเสธมือนั่นแล้วลงจากรถตามแซมเข้าร้านไปอย่างเงียบ ๆ
ร้านอาหารที่แซมพามานั้น เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ชายหนุ่มได้สั่งอาหารจำนวนมากวางตรงหน้าเอก ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ ซาซิมิ นาเบโมโนะ สึเกโมโนะ ทงคัตสึ ที่แซมสั่งมาให้เอกทานและมีแนวโน้มว่าจะสั่งเพิ่มอีกเมื่อเอกทานหมด
"ทานเยอะ ๆ นะครับ"
"จะให้ผมทานหมดนี่ มีหวังผมอ้วนตายแน่" เป็นเพราะอาหารทำให้เอกลืมความระแวงที่เกิดขึ้นไปจนหมดสิ้น ในความคิดตอนนี้มีแต่อยากชิมและอยากรู้ว่าอาหารญี่ปุ่นอร่อยมากมายขนาดไหน เกิดมาไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติอาหารญี่ปุ่นเลยสักนิด
"เราไม่ได้ทานทุกวันสักหน่อย ทานไปเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ" รอยยิ้มที่เป็นมิตรส่งมาให้อีกครั้ง ทำให้เอกไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน งานนี้เอกลุย
"ถ้าอย่างนั้น ผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ" มือขวาหยิบตะเกียบแล้วจัดการอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข จึงไม่ได้สนใจแซมที่ได้แต่นั่งมองเอกด้วยใบหน้าที่นิ่งและไม่แตะอาหารตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว จนเอกเริ่มรู้สึกตัวจึงเอ่ยขึ้น
"คุณไม่ทานหรือครับ น่าอร่อยนะครับ"
"ตามสบาย ผมไม่ค่อยชอบอาหารญี่ปุ่น" เป็นคำตอบที่ชวนงงสำหรับเอก
"อ้าว คุณเป็นคนญี่ปุ่นไม่ใช่หรือครับ"
"ใช่ครับ ผมแค่เห็นอาหารญี่ปุ่นจนชิน เลยไม่อยากทานเท่านั้น" ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เอกกลับคิดว่าแซมมีบางสิ่งซ่อนอยู่ จึงไม่สามารถทานต่อได้อีก
"ผมอิ่มแล้วล่ะ"
"ไม่ต้องเกรงใจครับ ถ้าคุณทานไม่หมด ผมโกรธจริง ๆ นะ" ท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเอกจะไม่ทานต่อ ทำให้เอกรู้สึกเกร็งแล้วก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าต่อ แต่ในใจกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ส่วนแซมไม่ต่างกัน เขากำลังคิดถึงอดีต อดีตในวัยเด็ก ตอนที่เขาเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย
"โห ทานอาหารญี่ปุ่น ก็เป็นคนญี่ปุ่นสินะ" เด็กชายตัวอ้วนเตี้ยเดินเข้ามาทักแซมที่กำลังเปิดข้าวกล่องของมารดาอยู่ แต่ทว่าแซมกลับไม่สนใจเสียงกวน ๆ นั่น ยังคงตั้งใจทานอาหารฝีมือของมารดาต่อ ทำให้เด็กอ้วนเริ่มหงุดหงิด
"หยิ่งเหรอ พูดด้วยแค่นี้ทำเป็นไม่ยอมพูด"
ไม่พูดเพียงอย่างเดียวกลับปัดกล่องอาหารของแซมตกพื้นทันที นั่นทำให้แซมต้องลงไปเก็บอาหารด้วยความเสียดาย เป็นอาหารที่มารดาของเขาตั้งใจทำให้ทานกลางวัน และจะดีไปกว่านี้ถ้าไอ้เด็กอ้วนนั่นไม่มาเหยียบไข่ม้วนจนแบบติดพื้น
"ทำไม พูดด้วยแค่นี้ไม่ยอมพูดด้วย" สายตาดูถูกมาพร้อมกับเท้าที่บดขยี้อาหารตรงหน้า จนแซมทนไม่ไหวต้องค้อนกลับไปด้วยความโกรธ นั่นทำให้เด็กอ้วนถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วพูดอีกครั้งอย่างคนไม่คิดกลัว
"เชอะ หมดอารมณ์เล่นด้วยแล้ว"
เมื่อเด็กอ้วนเดินออกจากห้องไป น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาเป็นสาย หยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นบนอาหารที่ทานไม่ได้ หมดกันอาหารที่มารดาของเขาตั้งใจทำให้แล้วกลางวันนี้เขาจะทานอะไร เงินติดตัวก็ไม่มากพอที่จะซื้อประทังความหิว
แต่แล้วเหมือนโชคชะตาส่งเด็กชายร่างผอมบางมาให้ เขายืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เด็กอ้วนเห็น นั่นทำให้เขามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นและในมือของเขามีแซนด์วิชที่มารดาทำให้เช่นกัน เมื่อเห็นว่าเด็กที่มาใหม่โดนกลั่นแกล้งเหมือนกับตอนเข้ามาเรียนที่นี่ครั้งแรก จึงเดินเข้าไปใกล้เพื่อแบ่งปันอาหารกลางวันอย่างเป็นมิตร
"นี่ ๆ นายน่ะ กินอาหารนี้ได้ไหม"
แซนด์วิชหนึ่งชิ้นถูกยื่นมาตรงหน้าของแซม ทำให้แซมรับไว้อย่างซึ้งใจ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะความหิว ฐานะที่บ้านของเขาใช่ว่าร่ำรวยอะไร แต่ต้องมาเรียนโรงเรียนเอกชนก็เพราะจำเป็น
และเด็กชายร่างผอมก็ใจดี ชวนเขาคุยไม่มีหยุด แถมยังแบ่งอาหารอื่นให้เขาทานอีกด้วย ยิ่งคิดยิ่งคิดถึงแต่เขากลับไม่ได้เจออีกแล้ว
"คุณแซมครับ คุณแซม" เสียงใส ๆ ของเอกเรียกสติแซมให้กลับมาปัจจุบัน แต่อาหารตรงหน้าเอกกลับไม่พร่องเลยสักนิด นั่นทำให้เอกต้องยู่หน้าและเกาหัวแก้เขิน
"คือ...คือผม...ผมอิ่มแล้วครับ แฮะ ๆ " เอกไม่สามารถทานได้หมดเพราะอาหารที่แซมสั่งนั้นเยอะเกินไป ซึ่งแซมก็รู้ดีว่าเอกกังวลและกลัวเขาจะโกรธ จึงได้แต่ยิ้มแล้วบอกกลับไปว่า
"ไม่เป็นไรครับ ผมขู่ไปอย่างนั้นเอง งั้นพวกเรากลับกันเถอะครับ"
แซมไม่สามารถนั่งที่นี่ต่อได้อีกแล้ว การที่เขาพาเอกมาร้านอาหารญี่ปุ่นนั้นเพียงแค่อยากแกล้งอิน แต่กลายเป็นว่าเขาเองที่รู้สึกเจ็บที่คิดถึงอดีต และคิดถึงใครบางคนที่ไม่กลับมาหาเขาอีกต่อไป
แซมได้พาเอกมาส่งถึงห้องทำงานของอิน ซึ่งเป็นจังหวะที่อินกำลังเปิดประตูเพื่อออกตามหาเอกและเจอทั้งสองอยู่ด้วยกัน จึงไม่สามารถเก็บอารมณ์โกรธได้ โดยเดินเข้าไปกระชากแขนเอกให้ออกจากแซมทันที
"ทำไมคุณไปอยู่กับหมอนี่ได้ ตอบให้ดีด้วย" แรงดึงของอินทำให้เอกเซเข้าหาแต่นั่นไม่เจ็บเท่ากับการที่อินตะคอกใส่ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดเป็นอินต่างหากและงานนี้เขาไม่มีทางยอมแน่
"เป็นบ้าอะไรของคุณอีก"
"บ้าอย่างนั้นหรือ ผมจะบ้าตายอยู่แล้วที่คุณมาอยู่กับมัน ใช่ว่าไอ้หมอนี่จะคิดดีกับคุณซะที่ไหน" ยิ่งเพิ่มอารมณ์โกรธมากขึ้นเมื่อเอกเถียงกลับ ไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นห่วงและหวงขนาดไหนแล้วทำไมถึงทำแบบนี้กับเขาได้
"ก็ผมหิวนิ เขามาชวนผมไปทานข้าว ผมก็ไปด้วย คุณนั่นแหละ มัวแต่ทานอาหารในห้องกับสาวหุ่นงาม แล้วผมล่ะ" ใช่ว่าเอกจะยอมเพราะเขาไม่ผิด คนที่ผิดคืออินต่างหาก
"คุณเห็น" อินได้ฟังจึงรู้สึกดีขึ้นแล้วปล่อยเอกจากอ้อมแขน แต่ที่พูดมาทั้งหมดมันน่าสงสัย
ทำไมเอกถึงเห็นได้ แต่ดูจากสีหน้าที่จริงจังของคนตรงหน้า ก็ทำให้เขาต้องจัดการอะไรบางอย่างเสียแล้ว และคนที่ต้องจัดการไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขานั้นเอง
"อาหารมื้อหน้า ผมขอตัวคุณเอกไปทานข้าวกับผมนะครับ" น้ำเสียงใส ๆ กับรอยยิ้มสวย แต่นั่นทำให้อินต้องกระตุกคิ้วแล้วตอบกลับไปว่า
"คุณเอกแฟนผม! คุณไม่ใช่ ห้ามทำตัวรุ่มร่ามเด็ดขาด" อินเน้นหนักทุกคำพูดให้ชายตรงหน้าได้ยินชัดเจน
แต่ทว่าชายหนุ่มกลับยกยิ้มอย่างกวนแล้วนำนิ้วชี้แตะริมฝีปากของตนให้อินเห็น
"จุ๊ จุ๊ ไม่ ๆ ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณทั้งสองเป็นแฟนกัน ผมแค่หาคนทานข้าวเป็นเพื่อนเท่านั้น คนไทยเขาเรียกว่าอะไรนะ กิ๊กเหรอ อืม...คำนี้น่าจะเหมาะ" รอยยิ้มกวน ๆ กับคำกวน ๆ ที่แซมส่งมาให้ ทำให้อินหมดความอดทน
"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น ไม่ให้ไปในฐานะอะไรทั้งนั้น"
"ฮ่า ฮ่า ผมรู้อยู่แล้วล่ะ ถ้าเป็นกิ๊กจริงคุณคงไม่รู้หรอกว่า ผมไปไหนกับคุณเอกบ้าง จริงไหม"
ทั้งสองคนส่งสายตาไม่ยอมกัน จึงทำให้เอกมึนงงไปหมด เพียงแค่ไปทานข้าวทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่กันด้วย แต่นั่นไม่ทำให้เอกตัวเกร็งเท่ากับการที่แซมเดินเข้ามาประชิดตัวของเขา
เมื่อถูกประชิดตัว เอกจึงต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วชนเข้ากับอกแกร่งของอินอีกครั้ง ซึ่งคนข้างหลังก็ไวพอที่จะโอบเอวเอาไว้ไม่ให้ห่างตัว แต่ท่าทางของทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้แซมหยุด
"คุณเอกครับ ผมสนใจคุณจริง ๆ นะ วันหลังผมจะพาคุณไปเที่ยว และผมหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธ" คำพูดของแซมทำให้เอกอึ้งจนไม่สามารถตอบอะไรได้
ส่วนอินนั้นก็ไม่ยอม เขายิ่งกระชับเอวของเอกให้ประชิดตัวของเขามากขึ้นไปอีก นั่นทำให้แซมยกยิ้มแล้วพูดต่ออีกว่า
"ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ถ้าวันไหนคุณเบื่อคุณอิน อย่าลืมนึกถึงผมเป็นคนแรกนะ"
เมื่อพูดจบ แซมก็ก้าวขามากระซิบข้างหูอิน โดยไม่ให้เอกได้ยินก่อนที่จะเดินหันหลังออกไป และคำพูดของแซมนั้นทำให้อินถึงกับเลือดขึ้นหน้า ปล่อยมือจากการโอบเอวมาจับมือเอกและดึงตัวออกจากห้องทันที
"กลับคอนโด! เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
เอกถูกแรงของอินดึงไปยังรถ โดยไม่สามารถพูดหรือเรียกร้องอะไรได้ ตลอดเวลาที่อินขับรถเขาได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจเสียงดัง เพราะสีหน้าของอินนั้นคาดเดาได้ยากว่าคิดอะไรอยู่
ส่วนอินได้แต่กัดฟันเก็บอารมณ์ที่มันคุกรุ่นอยู่ในใจ กับคำพูดของแซมที่วนเวียนอยู่ในหัวว่า
"อร่อยไหม อาหารที่ผมเลี้ยง"
ทางด้านนินกับนนท์นั้น นนท์ก็ยังง่วนอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องของไมเคิล จนไมเคิลอยากดื่มกาแฟจึงใช้ให้นนท์ไปชงให้
"นนท์ เธอไปชงกาแฟให้ฉันหน่อยนะ ไปถูกใช่ไหม"
"ไปถูกครับ"
เพราะนนท์เป็นเลขาคนสนิทของนินวัยชรามานาน จึงถูกฝึกให้สังเกตและจดจำทุกอย่างรอบตัวเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้หาทางหนีได้ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาได้นำคำสอนของนินวัยชรามาใช้จึงสามารถหาทางชงกาแฟร้อนหนึ่งถ้วยตามที่ไมเคิลต้องการได้สำเร็จ
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดหรือฝันว่าจะได้เห็น เมื่อเปิดประตูเข้ามาพบว่านินกำลังจะจูบไมเคิล เพียงแค่เห็นเท่านั้น มือของเขากลับสั่นจนน้ำกาแฟเกือบหก โชคดีที่มีสตินำมืออีกข้างมาประคองเอาไว้ให้นิ่ง แล้วเดินไปวางบนโต๊ะทำงานของไมเคิลอย่างเนียน ๆ
"ขอโทษที่ขัดจังหวะครับ กาแฟครับ คุณไมเคิล" น้ำเสียงนิ่งและเยือกเย็นช่วยดึงสติของชายทั้งสองให้ออกจากกัน
"เฮ้ย! " เสียงของนินร้องตกใจพร้อมกับร่างกายที่เด้งออกจากตัวไมเคิล แต่ทว่าไมเคิลกลับยิ้มแล้วหันหน้ามาพูดกับนนท์เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น
"อืม ขอบใจนะนนท์ นายไปพักเถอะ"
"ครับ" เสียงขานรับพร้อมกับก้มหัวแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งนินที่ยืนตัวแข็งมองนนท์ตาปริบ ๆ
HM06
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2561, 21:36:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2561, 21:36:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 652
<< กว่าจะพบ | ยาพิเศษ >> |