ระบำดอกรักเร่
Tags: ทิษณุ,พริบดาว,นรนนท์,พีชญา,สามพราน
ตอน: ตอนที่ 3.
เจ้าภาพทั้งหมดมาชุมนุมกันที่ห้องห้องหนึ่งของบ้านเรือนไทยหลังนั้น คุณหญิงแสงแขหน้าซีดขาวราวกับกระดาษเกิดอาการลมใส่จนต้องหายาดมยาหม่องมานวดเฟ้นกันยกใหญ่
“ฉันขอโทษเธอจริงๆนะลิ้นจี่ ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องพรรค์อย่างนี้”
หญิงชราพูดไปพลางถอนสะอื้นมีนางสุภาลูกสะใภ้คอยอังยาดมที่จมูก คุณนายลิ้นจี่มองเพื่อนรักวัยชราด้วยหางตา เจ็บใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อหลานชายสุดสวาทขาดจิตของเพื่อนรักมาหักเหลี่ยมหักหน้าคนอย่างนางได้
“หลานชายเธอมันเลวจริงๆ มีเมียแล้วยังจะมีหน้ามาขอหลานสาวฉันแต่งงานอีก คนอะไรอย่างนี้ ยกเลิก ยกเลิกให้หมด ไม่ต้องต่งต้องแต่งมันแล้ว” ประกาศิตจากคุณนายลิ้นจี่ทำเอาทุกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นเงียบกริบ ด้วยต่างรู้ซึ้งกันดีว่าในยามโกรธคุณนายลิ้นจี่เห็นช้างตัวเท่ามดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น
“ไม่ได้นะครับคุณแม่ ยกเลิกไม่ได้เด็ดขาด เพื่อนฝูงผู้หลักผู้ใหญ่ของผมขนกันมาจากสงขลาตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อย่ายกเลิกเลยนะครับคุณแม่ แต่งเถอะ.. หาใครที่ไหนมาแต่งกับยายหนูนิดไปก่อนก็ได้” นายวิบูลย์เป็นคนแรกที่ร้องคัดค้าน คุณนายลิ้นจี่ตวัดหางตาไปมองบุตรชายคนโตด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าโกรธกริ้วสุดฤทธิ์
“หลานฉันทั้งคน จะเอาไอ้กุ๊ยที่ไหนมาแต่งกับมันง่ายๆได้รึ แกอย่าเห็นแก่หน้าตาตัวเองหน่อยเลยเจ้าบูลย์ งานนี้ฉันยอมอายคนทั้งบาง หลานสาวฉันไม่ได้ทำผิดอะไร ไอ้เลวนั่นต่างหาก มีเมียแล้วยังจะมาหลอกแต่งงานกับหลานสาวฉันอีก งานจะล้มก็ให้มันล้มไป ให้มันอายกันหมดทุกคนนี่แหละ”
ปรากฎความเงียบขึ้นอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าออกความคิดเห็นใดๆอีกแม้แต่เพื่อนสนิทวัยชรา คุณหญิงแสงแขหันไปสะกิดบุตรชายคนเดียวเป็นเชิงปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นดี
“เอ่อ..เรื่องนี้..ทางผมเป็นฝ่ายผิด ผมจะขอรับผิดชอบทุกอย่างเองครับคุณนาย”
หลังจากนั่งครุ่นคิดตรึกตรองอยู่กว่าครู่ใหญ่นายนัททีก็คิดหาทางออกได้ในที่สุด คุณนายลิ้นจี่มองบุตรชายของเพื่อนรักด้วยสายตาดุๆก่อนจะเหยียดริมฝีปากออกเป็นเชิงเยาะ
“รับผิดชอบกันยังไงละคุ๊ณ ไอ้เจ้าบ่าวเมียมันวิ่งโร่มาตามอย่างนั้น ฉันบอกเอาไว้ตรงนี้เลยนะ ไอ้คนเลวๆอย่างนี้ ฉันไม่รับมาเป็นเขยเด็ดขาด สาปส่งไปเลยชาตินี้.. ไม่ต้องให้มันมาเหยียบที่นี่อีก!”
“ไอ้ลูกของผมคนนี้มันเลวจริงๆนั่นแหละครับ แต่ถ้าคุณนายจะกรุณา เอาอย่างนี้ได้มั้ยครับ ผมยังมีลูกชายอีกคน เป็นพี่ชายของนายเฟียตเขาแต่คนละแม่กัน..ลูกชายของผมคนนี้เขาดีทุกอย่าง เรียนจบแพทย์ ตอนนี้เป็นหมอประจำอยู่ที่ศิริราช ถ้ายังไงให้ลูกชายของผมคนนี้แต่งกับหลานสาวของคุณนายแทนจะได้มั้ยครับ” นายนัททีเอ่ยขึ้นอย่างตัดสินใจเด็ดขาดไม่สนใจสายตาขวางขุ่นของภรรยาที่มองมาอย่างห้ามปรามนั่นแม้แต่น้อย
“จริงด้วย ฉันก็ลืมไป เรายังมีเจ้าโฟล์คอีกคน”
คุณหญิงแสงแขมีสีหน้าดีขึ้นทันทีทันใดเมื่อมองเห็นทางออกของปัญหา คนที่เดือดร้อนที่สุดเห็นจะเป็นนางสุภาที่อดรนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาเป็นฟืนเป็นไฟกับการเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวที่สามีเป็นผู้เสนอ
“ไม่ได้นะคะ คุณแม่ ไอ้เด็กนั่น มันเป็นแค่ลูกคนใช้”
นางสุภาออกปากคัดค้านวุ่นวาย ในสายตาของใครๆ ทิษณุอาจจะแสนดีสุดประเสริฐ แต่สำหรับนางสุภาแล้วเจ้าเด็กนั่นมันเป็นแค่เพียงเหลือบริ้นตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านรัตนเสวีเท่านั้น มันไม่ควรมีศักดิ์ มีศรีใดๆ เทียบเท่ากับลูกชายคนเดียวของนาง
ยอมรับว่านางชังเจ้าเด็กคนนั้นมาแสนนาน เพียรกดมันให้ต่ำเพียงดิน เคยแม้แต่ภาวนาให้มันติดยาเสียผู้เสียคนหรือติดคุกติดตารางไปเลยยิ่งดี แต่ดูเหมือนคำภาวนาของนางจะไม่เป็นผล เจ้าเด็กนั่นหัวดีและเรียนเก่งอย่างเหลือเชื่อ มันสอบติดแพทย์มหิดล เรียนจบมาด้วยเกียรติ์นิยมอันดับหนึ่งในขณะที่ลูกชายของนางล้มเหลวทางการศึกษาอย่างสิ้นเชิง
อันที่จริงเจ้าเด็กนั่นมันก็เจียมเนื้อเจียมตัวดีอยู่หรอกแต่นางก็ยังเกลียดมันเพราะแม่ของมันบังอาจมาใช้สามีร่วมกับนาง หัวใจของนางสุภามีแต่ความริษยาชิงชัง แม้ว่านังผู้หญิงชั้นต่ำนั่นจะตายไปนานแล้ว หากแต่นางก็ยังรู้สึกได้ว่าหัวใจของผู้เป็นสามียังผูกติดอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่เสื่อมคลายและสายใยแห่งรักนั้นก็ยังผูกพันมาถึงคนเป็นลูก..
เจ้าเด็กนั่น..มันเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของทุกๆคน..มันแย่งชิงเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากลูกชายคนเดียวของนางจนหมดสิ้น..ตั้งแต่ความรักของคนเป็นพ่อ..ความเอื้อเอ็นดูของคนเป็นย่าและบัดนี้มันก็กำลังจะแย่งเอาหลานสาวคนสวยของคุณนายลิ้นจี่ไปครอบครองอย่างหน้าด้านๆ
ความแค้นเคืองริษยาเต้นเร่าอยู่ในสายเลือดของนางสุภา..ก็แม่หนูคนนั้น...นางหมายตาเอาไว้ให้เป็นคู่แท้ของนรนนท์มาตั้งแต่แรก..นางอุตส่าห์สืบเสาะหาวิธี..ใช้แม่สามีเป็นสะพานก้าวผ่านมาจนถึงจุดหมายปลายทาง..เกือบจะทำสำเร็จอยู่แล้วแต่ทุกอย่างกลับผิดแผนพลิกตาลปัตร เช่นนี้แล้วจะให้นางเก็บปากเก็บคำอยู่ได้อย่างไรกัน
“เงียบเถอะสุภา คนเขาหาทางออกกันได้แล้ว เธอจะมามีปัญหาอยู่ทำไมหึ..”
คุณหญิงแสงแขปรามสะใภ้อย่างมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง ทำให้นางสุภาต้องสงบปากสงบคำในที่สุด
“เจ้าโฟล์คน่ะ มันคนดีอยู่หรอกนะลิ้นจี่ ดีกว่าเจ้าคนน้องเยอะเชียว ถ้าเธอไม่ถือสาว่าแม่เชื้อมันเป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้านของฉัน ฉันก็อยากจะให้เธอลองให้โอกาสเจ้าโฟล์คมันสักครั้ง จะเรียกมันมาคุยก่อนก็ได้นะ” โดยไม่ให้โอกาสเพื่อนรักได้ปฎิเสธคุณหญิงแสงแขรีบหันไปพยักพเยิดกับบุตรชายเป็นเชิงสั่งการทันที
“พ่อนัท ไปเรียกเจ้าโฟล์คมาให้ลิ้นจี่เขาดูตัวทีเถอะ”
นายนัททีขยับกายอย่างรวดเร็วพอกัน
“ครับ คุณแม่”
+++++++++++++++++++++++++++
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่หมอ”
พีชญากระซิบถามทันทีที่มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังกับแฟนหนุ่ม
“มีเรื่องนิดหน่อย”
ทิษณุตอบอึกๆอักๆ ยังไม่กล้าเพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นให้แฟนสาวรับรู้ พวกผู้ใหญ่พากันหายเข้าไปในห้องประชุมชั่วคราวนั่นกว่าครู่ใหญ่แล้วก็ยังไม่มีใครออกมาส่งข่าวเขาสักคน ทิษณุถูกบิดาสั่งให้คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ภายนอก ชายหนุ่มจึงได้แต่เดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าระเบียงจนกระทั่งแฟนสาวเดินเข้ามาถามไถ่
“เรื่องอะไรคะ”
พีชญายังคงถามต่อ เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของแฟนหนุ่มแล้วหญิงสาวก็สังหรณ์ใจอยู่ลึกๆว่าเจ้าเรื่องนิดหน่อยของทิษณุนั่นท่าทางมันจะไม่นิดหน่อยอย่างที่เขาพูดเสียแล้ว
"โฟล์ค..มานี่หน่อยลูก"
เสียงเรียกนั้นดังมาจากห้องห้องหนึ่งริมระเบียง พีชญาหันไปมองทันได้เห็นนายนัททีทำลับๆล่อๆกวักมือเรียกบุตรชายคนโตอยู่ไวๆ ทิษณุแตะแขนคนรักบอกหล่อนสั้นๆแค่ว่า
“เดี๋ยวพี่มานะพีช”
ผละจากแฟนสาวได้ทิษณุก็รีบเดินเข้าไปหาบิดา พอเขาเดินมาถึงตัวเท่านั้น นายนัททีก็ดึงตัวเขาเข้าไปสวมกอดทันที เล่นเอาทิษณุรู้สึกงุนงงไปเหมือนกัน
“โฟล์ค ช่วยพ่อทีลูก...”
ทั้งสีหน้าและแววตาของบิดาบ่งบอกว่าร้อนใจเป็นหนักหนา ทิษณุเข้าใจถึงความทุกข์ร้อนของบิดาเป็นอย่างดี แต่เขาไม่เข้าใจว่าในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ เขาจะช่วยอะไรบิดาได้ จะให้เขาออกไปตามหาตัวน้องชายเขาก็จนปัญญา ไม่รู้จริงๆว่าจะไปตามหานรนนท์ได้จากที่ไหน มือถือฝ่ายนั้นก็ปิดไปแล้ว สอบถามเพื่อนฝูงของน้องชายจนครบทุกคนก็ไม่มีใครรู้เห็นอะไรทั้งสิ้น
“จะให้ผมช่วยอะไรครับคุณพ่อ”
นายนัททีมองสบตาบุตรชายแน่วนิ่ง มีความหวังอยู่ในสายตาของผู้สูงวัยเต็มเปี่ยม
“แต่งงานแทนน้องได้มั้ยลูก”
“คุณพ่อ!”
บุตรชายร้องออกมาเบาๆ น้ำเสียงแหบแห้ง หน้าตาถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้ครับ..ผมแต่งไม่ได้ พ่อก็รู้ว่าผมมีพีชอยู่แล้ว”
บุตรชายปฎิเสธเสียงสั่น
“เราต้องหาคนเข้าพิธีแทนเฟียต พ่อมองไม่เห็นใครเลยนอกจากโฟล์ค”
“ให้ผมทำอย่างอื่นไม่ได้หรือครับ ผมทำไม่ได้..แต่งไม่ได้จริงๆ”
“พ่อรู้ว่าโฟล์คลำบากใจ แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นเลย แขกเหรื่อมากมายเต็มบ้าน ถ้าไม่มีเจ้าบ่าวเข้าพิธีจะเป็นยังไง พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ตระกูลรัตนเสวีเป็นตระกูลของชายชาติทหาร เรามีเกียรติยศชื่อเสียงให้ต้องดูแลรักษา..พ่อทนไม่ได้..ที่จะให้ใครมาดูแคลน..มาหยามหมิ่นศักดิ์ศรีวงศ์ตระกูลของเรา..เขาจะหาว่าเราตระบัดสัตย์นะลูก”
“แต่ผมกับพีช...เราจะแต่งงานกันสิ้นปีนี้นะครับ”
ทิษณุอุทธรณ์ สายตาวิงวอนขอความเห็นใจแต่ดูเหมือนผู้เป็นบิดาจะหน้าตึงขึ้นมาทันที
“ระหว่างผู้หญิงคนนั้นกับพ่อ กับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล แกจะเลือกอะไรล่ะโฟล์ค” นายนัททีเอ่ยถามเสียงกร้าวใช้คำเรียกบุตรชายว่า แก ทั้งๆที่ปกติแล้วแทบจะไม่เคยใช้
ทิษณุพูดอะไรไม่ออก..ได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ..มือไม้ของชายหนุ่มเริ่มเย็นเฉียบ..ลมหายใจสั่นสะท้าน..แววตาเจ็บปวดร้าวรานเมื่อมองไม่เห็นทางรอดของตนเอง..ศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล..บุญคุณของพ่อบังเกิดเกล้า..กับหัวใจรักของเขา..นั่นคือสิ่งที่เขาต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง..ก็แล้วเขาจะเลือกอะไรได้..ในเมื่อเขาเทิดทูนทั้งสองสิ่งนั้นไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
“ทำเพื่อพ่อสักครั้งได้มั้ยลูก เรื่องอื่น..เราค่อยไปคิดหาทางแก้ไขกันทีหลัง” นายนัททีจับมือบุตรชายไปกุมเอาไว้แน่น รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะของเหงื่อ รวมถึงความเย็นเยือกจากมือใหญ่นั้น
“นะโฟล์คนะ พ่อขอร้อง..”
นายนัททีเร่งเร้าเอาคำตอบเมื่อเห็นว่าบุตรชายนิ่งเงียบไปนาน นึกเห็นใจบุตรชายอยู่บ้างแต่ในยามนี้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเป็นสิ่งที่เขาต้องคำนึงถึงเป็นสิ่งแรก เขาต้องทำทุกวิถีทางให้ทิษณุยินยอมแต่งงานกับหลานสาวของคุณนายลิ้นจี่เพื่อยุติปัญหาทั้งหมด ก็ต้องเล่นไปตามบทบาท ต้องใช้ทั้งไม้แข็ง ไม้นวม ด้วยรู้จักนิสัยบุตรชายคนโตเป็นอย่างดี แต่ไหนแต่ไรทิษณุไม่เคยปฏิเสธคำร้องขอของเขา แล้วทุกสิ่งก็เป็นไปดั่งคาด ทิษณุมีท่าทีอ่อนลงในท้ายที่สุด
“ผม..ต้องบอกพีชก่อน”
บุตรชายยืนยันเสียงหนักแน่นเมื่อตัดสินใจได้แล้ว
“พ่อบอกเองดีกว่า โฟล์คเข้าไปข้างในเถอะ ไปกราบคุณนายลิ้นจี่ท่านซะ บอกท่านแค่ว่าโฟล์คเต็มใจแต่งงานแทนน้องและจะดูแลหลานสาวของท่านให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องหนูพีช เดี๋ยวพ่อจัดการเอง คงต้องให้กลับไปก่อน คงไม่มีผู้หญิงคนไหนทนดูแฟนตัวเองเข้าพิธีแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นได้หรอก เสร็จจากเรื่องวุ่นๆนี่แล้ว เราค่อยมาปรึกษาหารือกันใหม่ เอาแบบนั้นก็แล้วกันนะลูก”
"ก็ได้ครับ.."
บุตรชายยอมรับข้อเสนอของเขาอย่างว่าง่ายแต่ก็อดปรายตาไปมองคนรักสาวที่นั่งปะปนอยู่กับบรรดาแขกเหรื่อคนอื่นๆอย่างอาวรณ์ไม่ได้
"รีบๆเข้าไปข้างในเถอะลูก อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่ท่านรอนาน"
นายนัททีตบบ่าบุตรชายเบาๆ เป็นทั้งการปลอบ เป็นทั้งการเตือนสติให้ชายหนุ่มรีบเข้าไปพบคุณนายลิ้นจี่เพื่อแสดงเจตน์จำนงว่าเขายินยอมพร้อมใจที่จะแต่งงานกับหลานสาวของฝ่ายนั้นแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++
ชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ในวัยราวสามสิบ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวละเอียด หน้าตาหล่อเหลาคมคายจนต้องมองซ้ำ ร่างสูงๆของคุณหมอหนุ่มเข้ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าก่อนจะพนมมือขึ้นไหว้หญิงชราด้วยอาการคอแข็งนิดๆ
“เป็นหมอรึ..”
คุณนายลิ้นจี่ถามเสียงดุไม่ต่างจากหน้าตาดุๆของนางในยามนี้
“ครับ”
“หมออะไร หมอฟัน หมอสูติ หมอศัลย์ รึเป็นหมอหมา..”
“ผมจบอายุรแพทย์ครับ ตอนนี้ประจำอยู่ที่ศิริราช”
สบตาดำเข้มของหนุ่มรุ่นหลานแล้วคุณนายลิ้นจี่ก็ยิ้มเครียด นึกเปรียบเทียบสองหนุ่มพี่น้องแห่งบ้านรัตนเสวีต่อจากนั้น จึงได้เห็นถึงความแตกต่าง เจ้าคนน้องท่าทางใจร้อนมุทะลุดื้อรั้นเอาแต่ใจ แต่เจ้าคนพี่ดูสุขุมเยือกเย็นมีความเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก พูดจาก็ดี มีสัมมาคาราวะ กริยามารยาทเรียบร้อยเหมาะสมกับอาชีพหมอ มันคงจะดีกว่าแน่ๆ หากนางจะฝังฝากชีวิตของพริบดาวเอาไว้ในมือของเจ้าหมอหนุ่มคนนี้
"ดี! มีหลานเขยเป็นหมอสักคนก็ดีเหมือนกัน นี่พ่อหนุ่ม.. ถ้าเธอได้หลานสาวฉันไปแล้ว ต้องดูแลมันให้ดีเชียวนะ ทิ้งขว้างมันไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นฉันเอาตาย..”
ทิษณุหน้าซีด เขาเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้ายอมรับปากอย่างฝืนใจ
“ผมสัญญาครับ ผมจะดูแลหลานสาวของคุณย่าเป็นอย่างดี เท่าที่..คนอย่างผมจะสามารถทำได้”
ทิษณุแทบจะกัดฟันพูดเลยทีเดียว ข้อความเหล่านี้มีพีชญาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาตั้งใจจะมอบให้ เหมือนกำลังเชือดเฉือนหัวใจตัวเอง..ชายหนุ่มตั้งใจมุ่งมั่น..หลานสาวของคุณย่าคนนั้น..เจ้าหล่อนไม่มีวันได้เฉียดใกล้หัวใจของเขา
คุณนายลิ้นจี่มองคุณหมอหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์เห็นแววตาร้าวรานของอีกฝ่ายชัดเจน ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าเจ็ดสิบปีทำให้นางมั่นใจว่าเจ้าหนุ่มอาชีพหมอคนนี้ แท้จริงแล้วมันไม่ได้ยินดีที่จะแต่งงานกับหลานสาวของนางอย่างที่ปากมันพูดเลยสักนิด ที่มันจำยอมรับปากแต่งงานแทนน้องคงเป็นเพราะพ่อแม่ไปบีบบังคับหรือออกปากขอร้องมา..ดีไม่ดี..มันอาจจะมีคู่รักคู่ใคร่ของมันอยู่ก่อนหน้าแล้วด้วยซ้ำ..ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ทำหน้าเศร้าเหมือนศพเดินได้อย่างที่เห็น
บังคับข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า...มันจะดีแน่หรือ
พรากคู่รัก..คู่ใคร่เขาอีก..บาปกรรมทั้งนั้น!
แล้วบาปกรรมที่เกิดขึ้นกับหลานสาวของนางนี่ล่ะ..ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ..เป็นสาวสวยรวยเสน่ห์แท้ๆแต่กลับถูกทิ้งให้หม้ายขันหมาก..ต้องอับอายขายหน้าคนไปทั้งบาง..ในเมื่อหลานสาวของนางไม่ได้ทำอะไรผิด..ทางฝ่ายนั้นก็ต้องหาคนมารับผิดชอบ..มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรดีแล้วมิใช่หรือ
เจ้าหนุ่มตรงหน้า..มันก็ช่างถูกตาถูกใจคุณนายลิ้นจี่เสียเหลือเกิน..ยอมรับว่านางถูกชะตากับมันต้ังเเต่แรกพบ..นึกชมอยู่ในใจว่ามันช่างเป็นคนดีแท้..รู้จักกตัญญูพ่อแม่ยอมเสียสละแต่งงานแทนน้อง..คนดีๆแบบนี้จะปล่อยทิ้งไปก็น่าเสียดาย..สู้เก็บเอามาเป็นหลานเขยเสียก็ดี..นางไม่แคร์หรอกว่ามันจะเกิดมาจากเมียนายหรือเมียบ่าว..คนเรามันเลือกเกิดได้ที่ไหน..ถึงอย่างไรมันก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของรัตนเสวีคนหนึ่ง..คุณสมบัติข้อนี้เพียงพอแล้วแก่การเป็นหลานเขยของคุณนายลิ้นจี่..ส่วนเรื่องที่ว่าสองคนจะอยู่กันไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่..ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของบุญของกรรมไปเสียดีกว่า
“คุณแม่ครับ พระมาถึงแล้วครับ”
เสียงนายวิบูลย์ดังมาจากหน้าประตู คุณนายลิ้นจี่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะตัดสินใจในวินาทีนั้น
“ไป พ่อหนุ่ม ไปทำหน้าที่เจ้าบ่าวของเธอได้แล้ว”
++++++++++++++++++++++++
โอชิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ม.ค. 2561, 15:07:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2561, 15:40:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 757
<< ตอนที่ 2. | ตอนที่ 4. >> |