คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 38[1]




..........เวลาสี่ทุ่มที่คฤหาสน์ไทธรรพ์

“ฉันพาเอมิลมาส่ง หนึ่งไม่อยู่หรือ” ยุติถามขณะอุ้มเด็กชายตัวน้อยที่กำลังหลับวางลงบนโซฟา เห็นเพียงไทธรรพ์อยู่คนเดียว

“อยู่... แต่ไม่สบายนอนพักไปแล้ว แกไม่ถามเหรอว่าหนึ่งเป็นอะไร แกรู้อยู่แล้วใช่ไหม” ไทธรรพ์บอก น้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาแข็งกร้าวจับจ้องพิรุธที่ยุติ

“ไม่... ฉันไม่รู้”

“หนึ่งบอกว่าจะพาเอมิลมาค้างคืนที่บ้านฉัน ทำไมหนึ่งถึงไม่พาเอมิลมาจากบ้านด้วย”

“ฉันไม่รู้”

“แกไม่รู้? หลังจากนั้นหนึ่งโดนข่มขืน มีร่องรอยฟกช้ำหลายแห่ง แกรู้ไหมว่าใครทำ ฉันจะฆ่ามัน”

“ฉันไม่รู้”

“น้ำเสียงแกดูไม่แปลกใจเลยเมื่อรู้ว่าหนึ่งเจอเรื่องเลวร้าย แถมไม่เป็นห่วงไม่ไยดีอะไรทั้งนั้น น่าแปลก?” ไทธรรพ์พยายามตั้งข้อสงสัยจับผิด

“ฉันไม่รู้”

“โว้ย! จะบ้าตาย ‘ฉันไม่รู้’ พูดเป็นอยู่คำเดียวรึไง ฉันโมโหจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ใครมันทำกับหนึ่งขนาดนั้น” ไทธรรพ์พาลอาละวาดเหวี่ยงใส่ ...ตวาดเสียงดัง

“ฉันเสียใจ ช่วยไปงานศพด้วย” ยุติพูดอย่างไม่ใส่ใจเรื่องของอีกฝ่ายเลย มุ่งมั่นบอกแต่เรื่องของตนเอง “ฉันเชิญแกกับหนึ่งด้วย เขาไม่อยู่แล้ว”

“หือ? งานศพ? ใครไม่อยู่” ไทธรรพ์ถาม ขมวดคิ้วสงสัย เพ่งมองใบหน้ายุติที่เอาแต่ก้มหน้าแล้วถึงได้เห็นหยาดน้ำตาที่ค่อยไหลลงมาอาบแก้ม

“กลอยใจ... เมียฉันตายแล้วเมื่อกลางวัน แต่ฉันเพิ่งรู้... ตอนพาส่งโรงพยาบาลเมื่อค่ำนี่เอง ฉันมีเรื่องบอกแค่นี้ ...กลับล่ะ”

“ฉัน... เสียใจด้วย” ไทธรรพ์กล่าวอย่างใจหาย คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องน่าเศร้ากับยุติ

...ยุติเดินหันหลังจากไปอย่างเดียวดาย ค่อยถูกกลืนหายไปในความมืดของค่ำคืน

ไทธรรพ์ยืนมองอยู่จนยุติเดินลับสายตาไป



..........ยุติเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อจัดงานศพและยกทรัพย์สินให้กับครอบครัวของกลอยใจ เพื่อพ่อแม่ที่เหลืออยู่ของกลอยใจ

เพชรน้ำหนึ่งชวนไทธรรพ์มางานศพด้วย เมื่อได้กลับมาพักอยู่ที่บ้านจึงต้องไปปรับความเข้าใจกับผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือข้างบ้าน

“น้าเพ็ญพิศอย่าโกรธพี่ยุติเลยนะคะ หนึ่งต้องกราบขอโทษแทนพี่ยุติด้วยค่ะ เรื่องการแต่งงานระหว่างพี่ยุติกับกลอยใจที่จริงหนึ่งมีส่วนผิดด้วย หนึ่งเป็นแม่สื่อให้เขาสองคนเลยได้แต่งงานกัน”

“น้าไม่ยกโทษให้ยุติ บอกกับเขาไปเลยว่าไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านนี้อีก ให้อยู่บ้านพ่อตาแม่ยายนั่นล่ะ เมื่อโกหกหลอกลวงปิดบังแอบแต่งงานกันตามอำเภอใจ ไม่เห็นแม่เป็นแม่ก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้ากัน”

“กลอยใจตายไปแล้ว พี่ยุติตอนนี้กลายเป็นพ่อหม้าย เท่ากับเป็นโสดไม่เหลือใครแล้วน่าสงสารออก ยังไงพี่ยุติยังเป็นลูกชายน้าเพ็ญพิศเหมือนเดิมนะคะ”

“แต่น้าเสียความรู้สึก ไม่เหมือนเดิมด้วยหรอก” คุณเพ็ญพิศสะบัดหน้าเมินหนี แล้วเหมือนนึกอะไรได้ “ตอนที่หนึ่งท้องเอมิล หนึ่งไม่ยอมแต่งงานกับยุติเพราะยุติแต่งงานอยู่ก่อนแล้วใช่ไหม”

“เอ่อ... ใช่ค่ะ หนึ่งขอโทษที่ปิดบังน้าเพ็ญพิศ”

“อยากตัดออกจากกองมรดกนักลูกชายไม่รักดีคนนี้” สาเหตุที่คุณเพ็ญพิศไม่ตัดยุติออกจากกองมรดกเพราะเขาเป็นพ่อของเด็กชายเอมิลหลานชายคนแรกของย่า

‘หนึ่งรู้หรือยังหนอ... ยุติคือพ่อของลูกตัวเอง อยากจะถามแต่ไม่กล้า รับปากยุติไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องที่ยุติทำกับหนึ่งไว้’

ต่างมีเรื่องปิดบังในใจ แล้วจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

“ทำไมไม่พาเอมิลมาเล่นที่บ้านย่าบ้างล่ะ อยากเห็นหน้าหลาน”

“เอาไว้ว่างเมื่อไหร่จะพามาค่ะ” เธอตอบ ยอมรับกับใจว่าคุณเพ็ญพิศเป็นคุณย่าของเอมิลจริง พร้อมกันนั้นภาพฝังใจสะเทือนใจที่ถูกกระทำแวบเข้ามาในมโนนึกคิดชักเริ่มใจเสีย... ไม่อยากนึกถึงจึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“หนึ่งมาเชิญน้าประยุทธ์ไปงานศพด้วยกันค่ะ พี่ยุติอยู่ในงานคนเดียวคงจะเศร้าและเหงาเพราะไม่มีใคร ไม่มีญาติฝ่ายพี่ยุติไปในงานด้วยสักคน”

“ฉันไม่ยอมให้คุณประยุทธ์ไปงานศพนี่นะคะ ช่างเรื่องของเขา ปล่อยให้ยุติเป็นหมาหัวเน่าอยู่บ้านพ่อตาแม่ยายนั่นไป”

“แต่พ่อไม่อยากโดดเดี่ยวลูกตัวเอง ยิ่งมีเรื่องทุกข์เศร้ายิ่งต้องคอยอยู่เคียงข้างคอยปลอบใจให้กำลังใจ เราเป็นพ่อแม่มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเป็นที่พึ่งทางใจให้ลูก ไม่ใช่ลงโทษลูกรังเกียจลูกซ้ำเติมลูกในยามที่เขาเศร้าและสูญเสีย พ่อจะไปงานศพนี้”

“ลิตแม่ไม่ให้ไปด้วยนะ แกจะไปกับพ่อหรือจะอยู่กับแม่”

“ผมขออยู่ดูแลแม่นะครับพ่อ เดี๋ยวแม่โกรธมาก ความดันขึ้นล้มป่วยไม่มีใครช่วยอยู่ดูแล”

“ดีมากลูกรักของแม่” คุณเพ็ญพิศโอบกอดบุตรชายคนเล็ก

“ดูแลแม่ให้ดีล่ะลิต ค่อยพูดให้แม่เขาคืนดีกับพี่ยุติเขาด้วย พ่อไม่อยากให้ครอบครัวเรามีเรื่องแตกแยกบาดหมาง”



..........ในงานสวดศพที่วัด

เพชรน้ำหนึ่ง ไทธรรพ์และคุณประยุทธ์ไปร่วมในงาน

ส่วนใหญ่คนที่มาในงานเป็นญาติ เพื่อนและคนรู้จักของกลอยใจ นอกจากนั้นยังมีแฟนเพลงของยุติกลุ่มหนึ่งมาด้วย

ส่วนพ่อแม่และพี่สาวพี่เขยของกลอยใจนั่งอยู่รวมกัน

เพชรน้ำหนึ่งเข้าไปแสดงความเสียใจพูดคุยกับพ่อแม่ของกลอยใจครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกลับมานั่งที่

“พี่ไทธรรพ์เราไปไหว้ขอขมาต่อศพพร้อมกันนะ” ...เมื่อเธอมองไปที่ยุติ เห็นเขานั่งข้างกระถางธูปคอยจุดธูปส่งให้ทุกคนที่ไปไหว้เคารพศพ แค่เห็นแล้วให้ประหวั่นพรั่นพรึงนึกถึงแต่ภาพที่เขาทำรุนแรงกับเธอ เข่าอ่อน แทบจะก้าวเดินไม่ออก ต้องอาศัยร่างของไทธรรพ์กำบังกายไว้

เมื่อลงนั่งกับพื้นพร้อมกันแล้ว ยุติจุดธูปส่งให้กับมือของไทธรรพ์ โดยไม่เงยหน้ามองใคร

“พี่ไทธรรพ์ส่งธูปมาให้หนึ่งก่อน พี่ไทธรรพ์ค่อยเอาอันต่อไปนะ” เธอบอก ซึ่งไทธรรพ์ทำตาม เมื่อได้รับธูปมาแล้วเธอพนมมือไหว้ ในใจกล่าวขอขมาต่อหน้าโลงศพ เชื่อว่าวิญญาณของกลอยใจคงรับรู้ได้

‘เรื่องที่ผ่านมาที่เคยทำผิดกับกลอยใจหนึ่งขอโทษและเสียใจที่ดึงชีวิตของกลอยใจเข้ามาเพื่อกีดกันให้พี่ยุติออกห่างจากตัวหนึ่ง หลังจากแต่งงานแล้วกลอยใจกลับต้องพบเจอความทุกข์ใจมากมายแบบที่หนึ่งไม่สามารถช่วยเหลือได้ สุดท้ายแล้วตัวเองยังเอาตัวไม่รอดพ้น ความทุกข์กำลังท่วมท้น ความหวังที่จะได้แต่งงานกับพี่ไทธรรพ์ ใกล้เป็นจริงเท่ากับใกล้พังทลาย’

นึกอย่างนั้นแล้วน้ำตาพลันหล่นร่วง...

“หนึ่งขอโทษนะกลอยใจ” เธอพูดออกมา แต่แล้วจู่ ๆ มีลมเย็นพัดผ่านใบหน้าไปวูบหนึ่ง ทำให้สะกิดใจอย่างน่าประหลาด!

“ดูพี่ยุติสิท่าทางนิ่งเป็นรูปปั้น คงเสียใจที่เมียตาย”

“แหม... แอบแต่งงานเมื่อไหร่ไม่ยักบอกกันบ้างเลย มาบอกอีกทีตอนเมียตายแล้ว”

“ดูไปน่าสงสารพี่ยุตินะ”

“แต่ว่าพี่ยุติกลายเป็นพ่อหม้ายซะแล้ว”

“ถึงจะเศร้ายังไง ยังดูหล่อแบบเศร้า ๆ เนอะ”

พวกแฟนเพลงของยุติคุยกัน ยังชื่นชมเขาไม่ขาดปาก ไม่มีใครโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของกลอยใจ มีแต่คอยจ้องอยากเป็นแฟนตัวจริงคนต่อไปของยุติ

เพชรน้ำหนึ่งชำเลืองมอง... ยุติอยู่ในชุดสูทสีดำนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองแต่พื้นเบื้องล่าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเห็นด้วยกับคำพูดชื่นชมความหล่อของเขาเหล่านั้น แต่วันนี้ในใจมีแต่ความหวั่นกลัวและกังวลในสิ่งร้ายแรงที่เขาฝังรอยลึกไว้ในตัวเธอ

สักครู่เขาลุกขึ้นแล้วเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับพ่อแม่และญาติของกลอยใจ ซึ่งนั่งอยู่ใกล้กับกลุ่มแฟนเพลง เขาจึงพอจะได้ยินเสียงแฟนเพลงนินทาถึงเรื่องของเขา

“นี่เธอว่าพี่ยุติจะมีแฟนใหม่ไหม”

“ฉันว่าในเร็ววันนี้เลยล่ะ อย่างพี่ยุติเหรอจะเป็นหม้ายอยู่ได้นาน”

“ใช่... ถึงจะเป็นหม้ายแต่ไม่มีลูกติด ยังหนุ่ม หล่อ พ่อรวยเป็นนักเรียนนอกจบปริญญาโท”

“ยังไง้ ยังไง... ยังเป็นหนุ่มในสเปคของสาว”

แฟนเพลงต่างพูดกันไป แต่ยุติไม่มีความสุข นี่ไม่ใช่เวลาแห่งความปลาบปลื้มแม้จะยังมีคนสนใจพร้อมให้ความรัก



..........เพชรน้ำหนึ่งมีชีวิตที่พรั่งพร้อมราวกับนั่งนอนบนกองเงินกองทองเต็มไปด้วยคนรัก

หลายคนไม่ได้มีชีวิตเช่นเธอ แต่เขาเหล่านั้นอาจมีความสุขใจมากกว่าเธอหลายร้อยหลายพันเท่าก็เป็นได้

จิตใจของเพชรน้ำหนึ่งนั้นหาความสุขอะไรไม่ได้เลย ไม่เป็นอันกินอันนอน แม้ยามหลับในเวลาปกติหลายคืนยังต้องเจอฝันร้ายเป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก

“คุณหนึ่ง... ตื่นขึ้นมาสิหนึ่ง” เสียงกลอยใจมาร้องเรียก

เพชรน้ำหนึ่งลืมตาตื่นมาในความฝัน ตกใจแทบหัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้

“ว้าย! กลอยใจ” เพชรน้ำหนึ่งอุทาน ขวัญกระเจิง เมื่อเจอกลอยใจมาพูดด้วยตัวเอง นั่นทำให้ขนพองสยองเกล้า!

“คุณหนึ่ง... ฝากพี่ยุติด้วยอย่าทิ้งเขา แต่งงานกับพี่ยุติซะ คุณหนึ่งทำให้ฉันได้แต่งงานกับพี่ยุติ ไม่มีฉันแล้วคุณหนึ่งต้องแต่งงานกับพี่ยุติ”

“กลอยใจ...” เพชรน้ำหนึ่งสะดุ้งลุกพรวดขึ้นนั่ง เหนื่อยหอบและอึดอัด “เมื่อกี้ฝันไปเหรอ ฝันอะไรอย่างนี้ ทำไมเหมือนจะหายใจไม่ออก” หันมองไปรอบตัวเวลานี้ยังไม่ถึงรุ่งสางเพิ่งตีห้ากว่า เริ่มปอดแหกกับความกลัวผี ลุกขึ้นมาดูหน้าลูกชายที่นอนหลับอยู่ในเปล พอช่วยบรรเทาความกลัวลงไปได้บ้างอย่างน้อยยังมีลูกชายอยู่เป็นเพื่อน

รอจนฟ้าสางจึงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาให้นมลูก หลังจากนั้นจึงอุ้มลูกลงไปชั้นล่าง

ขอให้คุณยายช่วยดูแลเหลนเอมิล ...ในขณะที่เธอกินข้าวเช้าพร้อมไทธรรพ์

“พี่ไทธรรพ์... หนึ่งฝันร้ายทำให้ใจคอไม่ดีเลย ว่าจะไปทำบุญถวายสังฆทาน พี่ไทธรรพ์ไปเป็นเพื่อนหนึ่งหน่อยได้ไหม”

“อืม... ได้... เดี๋ยวกินเสร็จพี่จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเอาเอมิลไปด้วยไหม”

“เอาไปด้วยสิจะได้ไปเห็นวัดวาพระเจ้าตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ค่อยซึมซับให้โตมาเป็นเด็กใจบุญสุนทาน”



..........วัดในจังหวัดนครปฐม บรรยากาศดีไม่มีผู้คนพลุกพล่านนัก เพชรน้ำหนึ่งไปหาซื้อถังสังฆทานขนาดกลางให้ไทธรรพ์เป็นคนถือ ส่วนตัวเธอเองอุ้มลูกชาย พากันมาหาพระที่วัด

“มาทำสังฆทานค่ะ”

“เชิญทางนี้เลยโยม” พระสงฆ์ท่านนำทางมานั่งหน้าพระพุทธรูป จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

“ทุกคนพนมมือไหว้แล้วให้ว่านะโมสามจบพร้อมกันนะโยม...” พระสงฆ์กล่าวนำ

เพชรน้ำหนึ่งนำเอมิลลูกชายวางบนตัก แม้จะดิ้นยุกยิกบ้างประสาเด็กเล็ก แต่มองดูพระท่านเป็นระยะไม่ได้คลานหนีไปไหน

...เมื่อประเคนถวายสังฆทานพร้อมกับไทธรรพ์แล้ว

“ต่อไปพร้อมใจกันกรวดน้ำนะโยม”

...จากนั้นจึงได้กรวดน้ำ โดยเพชรน้ำหนึ่งอุทิศส่วนกุศลให้กลอยใจ





ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ม.ค. 2561, 18:29:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ม.ค. 2561, 18:29:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 919





<< ตอน 37[2]   ตอน 38[2] >>


coonX3 26 ม.ค. 2561, 22:20:12 น.
หนึ่งกลับมาอยู่ไทยเถอะ ไม่รู้นายยุตคิดจะทำอะไรอีก ระวังตัวไว้ก็ดี


ไตรติมา 27 ม.ค. 2561, 00:09:06 น.
ยุติคิดจะแต่งงานกับเพชรน้ำหนึ่งให้ได้ค่ะ ไม่เชื่อคอยดูไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account