โอบรัก
“ทำไมพี่ชายต้องขอหมั้นกับบัวด้วย”


“ก็เพราะพี่รักบัวนะสิ”


“ไม่จริง...พี่ชายโกหก ก็พี่ชายเคยบอกว่า ไม่ชอบเด็ก”


“ก็ตอนนี้พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่ไม่ใช่แค่ชอบบัวนะ แต่รักแล้วก็หวงมากๆ ด้วย ต่อไปนี้พี่ขอสั่งห้
Tags: นิยายกุ๊กกิ๊ก ดราม่า แนวกินเด็ก

ตอน: บทที่ ๔ คู่กัด

บทที่ ๔ คู่กัด

รวินทร์รดารีบหลบออกจากวัดอย่างรวดเร็ว หล่อนจำเสียงพัสวีได้แม้ยังไม่ได้หันไปมอง แม่เลี้ยงสาวกำลังคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง รวินทร์รดาเห็นชายคนนั้นจากการเหลียวมอง ชายหนุ่มเป็นคนสูง สวมสูทสีดำสนิท ผมซอยสั้นรับกับท้ายทอย หญิงสาวไม่ได้สนใจว่า ทั้งคู่คุยอะไรกัน สิ่งเดียวที่คิดก็คือ ไม่ต้องการพบกับพัสวีในตอนนี้ถึงต้องรีบหนี หล่อนแทบจะเดาได้ว่า หากพัสวีมีโอกาสคงต้องเข้ามาหาเรื่องอีกเช่นเคย

รวินทร์รดาเลือกที่จะไม่กลับบ้าน เพราะไม่ต้องการทะเลาะกับบิดาอีก หล่อนเชื่อว่า ท่านต้องทำทุกวิธีทางในการดึงตัวหล่อนกลับบ้านนอกจากนั้นจะบังคับให้หล่อนเรียกพัสวีว่า แม่....แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงหญิงสาวก็ไม่ทำ ผู้หญิงคนนั้นคือ งูพิษ

พัสวีเคยเป็นครูสอนพิเศษที่บิดาจ้างแต่ พัสวีหว่านเสน่ห์ทำให้บิดาตกหลุมรัก หล่อนพยายามเตือนแต่บิดาไม่ฟังเลย แต่คิดว่า หล่อนทำตัวไร้เหตุผลโดยมีครูสาวคอยเสี้ยมตลอดเวลา ช่องว่างระหว่างสองพ่อลูกห่างกันขึ้นเรื่อยๆ แม้อภิรักษ์จะพยายามทำตัวเป็นกาวใจ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ แค่คิดถึงพี่ชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้


รวินทร์รดาไม่คิดเลยว่า การพบกันที่อังกฤษจะเป็นครั้งสุดท้าย หล่อนควรจะพูดกับอภิรักษ์ให้ดีกว่านี้ ทันทีที่ทราบข่าวจากแม่บ้าน รวินทร์รดาก็แทบล้มทั้งยืน อภิรักษ์คือ พี่ชายที่หล่อนรักแม้ต่อหน้าหล่อนจะแสร้งทำเหมือนไม่สนใจก็ตาม นับตั้งแต่รู้ว่า บิดากำลังจะแต่งงานกับพัสวี


หญิงสาวก็ทำทุกอย่างเพื่อประชดบิดา แต่เขากลับไม่เคยสนใจใยดีและมอบหน้าที่ทุกอย่างให้กับอภิรักษ์แทน หญิงสาวถูกส่งไปเข้าโรงเรียนประจำที่ต่างประเทศเพื่อดัดนิสัย แต่ยิ่งถูกบังคับหล่อนก็ยิ่งทำตัวเกเรมากเท่านั้น อภิรักษ์ต้องบินไปที่อังกฤษเพื่อแก้ไขปัญหาที่หญิงสาวก่อหลายต่อหลายครั้ง เขาไม่เพียงแต่ไม่โกรธแต่กลับพยายามหว่านล้อมให้รวินทร์รดาหันมาตั้งใจเรียนแต่ที่ผ่านมาหญิงสาวก็ไม่เคยฟัง ตอนนี้พี่ชายไม่ได้อยู่เพื่อพร่ำบ่นกับหล่อนอีกต่อไปแล้ว หล่อนสูญเสียคนที่รักที่สุดและครอบครัวเพียงคนเดียวไป สิ่งที่หญิงสาวไม่เข้าใจก็คือ ใครกันที่ใจร้ายและทำร้ายคนดีๆ อย่างอภิรักษ์ได้ลงคอ

รวินทร์รดาไม่รู้สถานการณ์ในบ้านมากนัก แต่ตอนที่อยู่ในงาน และได้ยินจากแขกเหรื่อ ครอบครัวของหล่อนไม่ได้มั่งคั่งเหมือนเดิม ธนาคารวีเครดิตกำลังย่ำแย่ หญิงสาวไม่แปลกใจเลยเพราะพัสวีเป็นคนใช้เงินเก่ง ทั้งเสื้อผ้า การแต่งกาย รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ทันทีที่ได้แต่งงานกับบิดา หญิงสาวคงจะหาโอกาสกอบโกยสมบัติทุกอย่าง วุฒิชัยกำลังจะหมดตัวและถึงตอนนั้นบิดาก็จะได้รู้ความจริงว่า ครูสาวเป็นคนเห็นแก่เงินและไม่เคยรักใครจริง


หญิงสาวยังไม่รู้จะทำยังไงต่อ หล่อนถูกไล่ออกจากโรงเรียน โชคดีที่มีตั๋วที่อภิรักษ์ซื้อเอาไว้ให้ หญิงสาวเก็บข้าวของทุกอย่างกลับมาเมืองไทยจนหมด หญิงสาวจำได้ว่า พี่ชายพูดถึงโรงเรียนที่เมืองไทยหากนั่นคือ ความต้องการของพี่ชายหล่อนก็จะทำให้ดีที่สุด


หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า เปลือกตาร้อนผ่าว หล่อนร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล ยิ่งมองไปรอบห้องก็ยิ่งรู้สึกเคว้งขว้าง หญิงสาวเช่าห้องด้วยเงินส่วนหนึ่ง ห้องเล็กแต่ข้อดีคือ อยู่ใกล้วัดที่จัดงานศพ ร่างบางปล่อยน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย คู้ตัวและกอดเข่าแน่นเพื่อปลอบตัวเอง ภายในสมองมีคำพูดมากมาย ที่อยากขอโทษกับพี่ชายแต่ไม่มีโอกาสแล้ว หล่อนขออ่อนแอเพียงแค่วันนี้หลังจบงานศพของอภิรักษ์หล่อนจะลุกขึ้นสู้อีกครั้งตามคำสั่งเสียของพี่ชายที่บอกไว้เป็นครั้งสุดท้าย หล่อนจะไม่ทำลายตัวเองอีกแต่จะมุ่งมั่นทำอนาคตให้ดีขึ้น และที่สำคัญหล่อนจะต้องสืบหาตัวคนร้ายที่ฆ่าพี่ชายให้จงได้..


หม่อมราชวงศ์กนต์ธรมาร่วมงานศพของอภิรักษ์ทุกวัน จุดประสงค์เพื่อหาโอกาสพูดกับรวินทร์รดาตามลำพัง เพราะครั้งก่อนนั้นถูกขัดจังหวะโดยพัสวี แต่สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นข้ออ้าง เขาคิดว่า พัสวีมีข้อมูลเกี่ยวกับคดีของอภิรักษ์แต่เปล่าเลย หล่อนแค่ต้องการชวนเขาคุยแถมยังพยายามจะขอเบอร์โทรศัพท์

โชคดีที่เขาเป็นคนมีไหวพริบจึงใช้วิธีหลบหลีก และบังเอิญมีแขกอีกคนเดินออกมาพอดี เขาจึงปลีกตัวออกมาได้ เขาไม่ต้องการคลุกคลีกับพัสวีเพราะรู้นิสัยหล่อนดี หญิงสาวก็เหมือนกับปลิงที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อ หล่อนอาจจะต้องการหาที่พึ่งคนใหม่ สำหรับหม่อมราชวงศ์กนต์ธรแล้วเกลียดผู้หญิงหิวเงินอย่างนี้ที่สุด เขาจึงต้องการหลีกให้ห่าง ดังนั้นพอมาร่วมงานวันนี้เขาเลยเลือกไปนั่งหลังสุด


หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเฝ้ามองรวินทร์รดาจากด้านหลัง หล่อนแต่งกายสุภาพขึ้น สวมชุดเสื้อกางเกงขายาวสีดำ บางวันก็ใส่กระโปรงสีดำกับเสื้อยืด ตลอดงานวุฒิชัยไม่ได้แนะนำบุตรสาวให้คนอื่นรู้จักเลยแม้แต่น้อย หล่อนเหมือนไม่มีตัวตน ชายหนุ่มสังเกตว่า หญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ตรงเก้าอี้แถวหลังตั้งแต่เข้ามาในงานจนกระทะทั่งพระสวดเสร็จ

ลึกๆ แล้วรู้สึกสงสารหล่อนหัวใจ หญิงสาวอายุเท่าไหร่กันนะ น่าจะสิบเจ็ดหรือสิบแปด หญิงสาวดูโตเกินตัว เรือนร่างสมส่วนของสาวน้อยวัยกำดัดแต่ทว่าอวบอิ่มในส่วนที่ควรจะเป็น หล่อนเป็นคนสูงคะเนด้วยสายตาน่าจะร้อยเจ็ดสิบ ผิวขาวเนียน ใบหน้ารูปไข่ แพขนตางอนยาว ดวงตากลมโต ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้ถ้าหากเจ้าตัวจะไม่ได้เจาะหูเรียงกันถึงห้ารู แถมยังสีผมจัดจ้านราวกับสีรุ้งนั่นอีก

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างที่อยู่ในแววตา หล่อนไม่เหลือใคร เขารับรู้ได้ จากกิริยาและนัยน์ตาที่จ้องมองโลงศพด้านหน้าตลอดเวลา วันนี้เขาต้องหาโอกาสคุยกับหญิงสาวตามลำพังโดยไม่มีคนขัดจังหวะให้ได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงถ่วงเวลารอจนงานศพเลิก โชคดีที่วันนี้มีรัฐมนตรีมาร่วมงาน วุฒิชัยจึงต้องไปต้อนรับ พัสวีก็ต้องช่วยสามีดูแลแขกจึงไม่มีโอกาสมาวอแวกับเขาอีก เขาเดินตามรวินทร์รดาไปเมื่อเห็นว่า หญิงสาวกำลังจะกลับที่พัก เขาเดาว่า โรงแรมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนคงเป็นที่พักในช่วงนี้ หญิงสาวคงรู้ตัวถึงได้หันขวับกลับมา ใบหน้าที่บูดบึ้งพร้อมกับท่าทางหาเรื่องเต็มที่

“คุณตามฉันมาทำไม ต้องการอะไร”

หญิงสาวแหวเสียงสูง ยกร่มในมือขึ้นมาเตรียมฟาด หม่อมราชวงศ์กนต์ธรรีบอธิบายก่อนที่จะถูกฟาด

“ผม...”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรอึกอัก ว่า จะแทนตัวเองว่า อะไรดี เขาควรจะบอกหญิงสาวดีไหมว่า อภิรักษ์สั่งเสียเอาไว้แต่การทำเช่นนี้ทำให้หล่อนระแวงมากขึ้น

“บอกมาว่า คุณเป็นใครกันแน่ หรือว่า คุณเป็นโจร”

รวินทร์รดาเงื้อร่มเตรียมจะฟาดแต่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรรีบร้องห้ามเอาไว้
“ไม่...พี่ไม่ใช่โจร แต่พี่เป็นเพื่อนของอภิรักษ์ พี่อยากคุยด้วย”
“ไปเสีย ฉันไม่พร้อมคุยกับใครตอนนี้”
แทนที่หญิงสาวจะดีใจหล่อนกลับหน้าบึ้ง ราชวงศ์กนต์ธรตรงเข้ามายื้อมือไว้เมื่อหล่อนทำท่าจะดินหนี

“เดี๋ยวสิบัวจะไปไหน โอเคเราอาจจะยังจำพี่ไม่ได้ พี่ขอแนะนำตัว พี่ชื่อ หม่อมราชวงศ์กนต์ธร เป็นเพื่อนสนิทของอภิรักษ์ ตอนเด็กๆ เราเคยเจอกัน เราจะเรียกพี่ว่า พี่รันก็ได้”
หญิงสาวหน้าบึ้ง หล่อนไม่เพียงไม่ยกมือไหว้แต่กลับยักไหล่


“คุณจะเป็นคุณชายมาจากไหนฉันไม่สนใจหรอก ฟังให้ชัดๆ นะว่า ฉันไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ไปให้พ้นๆ เลย”

หล่อนเสียงสูงใส่ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรลอบถอนหายใจไม่คิดว่า หญิงสาวจะดื้อดึงถึงเพียงนี้ ถ้าเขาไม่รับปากอภิรักษ์เอาไว้คงจะล้มเลิกเพียงแค่นี้แน่ แต่เพื่อเพื่อนรักชายหนุ่มจึงสู้ต่อ

“ทำแบบนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา เราคิดว่า ชีวิตตัวเองมีปัญหาแล้วก็ประชดชีวิตด้วยการทำตัวก๋ากั๋น รู้ไหมว่า มันมีแต่ทำให้ตัวเองตกต่ำไปเรื่อยๆ”

“ฉันจะทำ คุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“ยังไม่หยุดอีก รู้ไหมว่า รักษ์จะเสียใจแค่ไหนที่น้องสาวพูดจาแบบนี้”
“ถ้างั้นก็บอกให้เขาฟื้นขึ้นมาดุฉันเองสิ”


น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงอาบสองแก้มตามด้วยหยดต่อๆ มาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย หญิงสาวกำมือแน่น หม่อมราชวงศ์กนต์ธรอดสงสารหล่อนไม่ได้ รวินทร์รดาคงรู้สึกว้าเหว่ที่ต้องสูญเสียพี่ชายเพียงคนเดียว หล่อนถึงแก้ปัญหาดด้วยการทำตัวเย็นชา

“รักษ์ไม่อยู่แล้ว พี่รู้นะว่า บัวกำลังเศร้า และก็เครียดมากด้วย เราไปหาที่นั่งคุยกันดีไหม พี่อยากจะช่วยบัว บัวเรียนจบเกรดอะไรแล้วหรือว่า ถูกไล่ออกกลางคันเพราะทำตัวเกเร” เขาเห็นหญิงสาวเม้มปากแน่น จมูกเชิดขึ้นอย่างดื้อดึงเมื่อถูกจี้ใจดำ

“ฉันหาทางของฉันเองได้ คุณไม่ต้องมายุ่ง”

“เอาอย่างนี้นะ บัวกลับบ้านก่อนแล้วพี่จะหาโรงเรียนให้ พี่พอรู้จักอยู่หลายที่ เขาน่าจะรับเด็กที่ออกจากโรงเรียนกลางคันได้”

“เอ๊ะคุณฉันบอกแล้วไงว่า ไม่ต้อง และก็เลิกบังคับให้ฉันกลับบ้านได้แล้ว ฉันจะอยู่ที่นี่”
“บัวจะทำอย่างนั้นได้ยังไง รายได้ก็ไม่มี แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอม”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรไม่รู้ว่า อภิรักษ์เล็งโรงเรียนไว้ให้หญิงสาวแล้วหรือไม่ แต่ถ้าไม่เขาก็ยินดีช่วยเหลือ เขาสัญญาว่า จะทำตามคำสั่งเสียของเพื่อนรัก

“ฉันมีปัญญาก็แล้วกัน”
“ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ เรายังเด็ก ยังต้องการคนดูแล ทำไมไม่ให้คุณพ่อช่วย”
คงเพราะไปสะกิดปมในใจหญิงสาว หล่อนจึงตาวาวชักหน้าบึ้ง ตะคอกใส่

“เอ๊ะคุณนี่ถ้าจะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ฉันบอกแล้วไงว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไปให้พ้นๆ” หล่อนแผดเสียงจนหมด แล้วเดินหนี หม่อมราชวงศ์กนต์ธรตามไปยื้อมือหญิงสาวเอาไว้ หล่อนกำลังโกรธจึงสะบัดสุดแรงและวิ่งหนี เขาวิ่งตามไปรวบข้อมือหล่อนไว้ด้วยความโมโหเช่นเดียวกัน
“กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้ พี่จะพาบัวไปส่ง”

“ไม่...ปล่อยฉันนะ ไอ้คนบ้า ไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วย”

“ก็เอาสิ ถ้าอยากตะโกนก็ตะโกนเลยพี่ไม่กลัวหรอก” ชายหนุ่มโต้กลับด้วยเสียงอันดัง เขายอมรับว่า เริ่มโมโหกับความหัวรั้นของรวินทร์รดาแล้ว หล่อนพยายามดึงมือตัวเองออกแต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย หญิงสาวเปลี่ยนเป็นใช้กำปั้นทุบอกเขาแทน เขาจึงรวบมือหล่อนไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง หญิงสาวทั้งเตะทั้งถีบจนหม่อมราชวงศ์กนต์ธรต้องกอดหล่อนจากด้านหลัง

“พอได้แล้ว หยุดพยศได้แล้ว”

“ไม่....ปล่อยฉันเดี๋ยวนะ”
“ก็เอาสิ ดูสิว่า ใครจะหมดแรงก่อนกัน”

หญิงสาวดิ้นอยู่พักใหญ่แต่สุดท้ายก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของคนในอ้อมกอด หล่อนคู้ตัวลงชายหนุ่มจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ใบหน้าของหล่อนนองไปด้วยน้ำตา แพขนตางอนยาวกระพริบถี่ๆ เขามองคนในอ้อมกอดและเพ่งลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ริมฝีปากที่เป็นสีแดงจัดเพราะการดื้อดึงเมื่อครู่ ในวินาทีที่ตาสบกัน ชายหนุ่มก็ได้เห็นบางอย่าง เขาไม่เคยคิดว่า รวินทร์รดาจะมีริมฝีปากที่เย้ายวนถึงเพียงนี้ยิ่งหล่อนเม้มปากแน่น สีชมพูก็ยิ่งระบายไปทั่วพวงแก้มขาวเนียน ดูเหมือนม้าพยศจะเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว แต่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรคิดผิดเพราะระหว่างที่เขากำลังเผลอนั้น หญิงสาวก็ถือโอกาสก้มลงกัดหลังมืออย่างจัง


ความเจ็บแปลบทำให้ร่างสูงสะดุ้งเฮือก คลายอ้อมกอดออกและเป็นจังหวะให้หญิงสาวใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่สีข้างเขาอย่างแรง ในที่สุดหล่อนก็เป็นอิสระ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรมองคนตรงหน้าอย่างคาดโทษ

“บัวกัดพี่ทำไม”

“ก็กัดให้รู้สำนึกยังไงล่ะว่า เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันเกลียดนาย ไปให้พ้นๆ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะชกให้ปากแตกไปเลย อย่านึกนะว่า ฉันไม่กล้า ฉันไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้นล่ะ”
พูดจบหญิงสาวก็วิ่งหนีไปทันที หม่อมราชวงศ์กนต์ธรวิ่งตามแต่หล่อนไวมากและรีบข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งทันที รถราที่วิ่งด้วยความเร็วทำให้เขาไม่กล้าตามไปได้แต่ยืนมองหล่อนที่ไกลออกไปเรื่อยๆ

“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไม่ว่า ยังไงพี่จะต้องพาเราเข้าโรงเรียนให้ได้”

เขาก้มมองแผลตรงหลังมือของตนด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะไม่รู้จะบอกน้องชายว่า โดนอะไรมาดี...

สุดท้ายหม่อมราชวงศ์กนต์ธรก็จำต้องบอกความจริง หลังจากโดนหญิงสาวฝากรอยแผลที่หลังมือ เขาไม่กล้าไปโรงพยาบาลจึงต้องโทรบอก หม่อมราชวงศ์กรกันต์แทน
“น้องสาวพี่รักษ์นี่ท่าจะพยศน่าดูเลยนะครับ”

หม่อมราชวงศ์กรกันต์เป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง แถมยังเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์อีกด้วย เขานำอุปกรณ์ทำแผลรวมถึงยาฉีดป้องกันการติดเชื้อมาทำให้ที่บ้าน แต่ระหว่างนั้นตัวดีก็อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดเวลาแบบล้อเลียน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า น้องชายคงกำลังคิดว่า เขาถูกหญิงสาวฝากรักเข้าให้

“เราจะล้อพี่อีกนานไหม ไม่เห็นหรือว่า มันเจ็บ”

“อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิครับพี่ชายรัน ผมแค่แซวเล่นอีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว ฝีมือผมเสียอย่างอีกไม่กี่วันแผลก็หาย แต่ระหว่างนี้พี่ต้องหมั่นทำความสะอาดแผลทุกวัน”
เขาพูดพร้อมกับใช้ยาฆ่าเชื้อทารอบๆ แผลและปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรมองแผลแล้วถอนหายใจ

“จะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า”

“ไม่แน่ครับ เพราะแผลลึกเหมือนกัน น้องบัวคงกัดพี่ชายรันสุดแรง”
รวินทร์รดากำลังโมโหหล่อนจึงโต้ตอบคนที่กอดหล่อนไว้ด้วยการกัด เขาประมาทเอง พอคิดถึงความใกล้ชิด ความรู้สึกแปลกๆ ก็ผุดขึ้น ยิ่งนึกถึงนัยน์ตากลมโตกับริมฝีปากสีกุหลาบหัวใจก็พลันเต้นแรงแต่เจ้าตัวรีบปัดมันทิ้งไป
“พี่คงใจร้อนเกินไปด้วย”
เขาต้องการคุยกับรวินทร์รดาให้รู้เรื่องจึงเผลอตัวเสียมารยาท หญิงสาวยังเด็กและคงไม่เคยถูกใครกอดส่งผลให้ยิ่งพยศมากขึ้น ชายหนุ่มถอนหายใจ ใครจะนึกว่า หล่อนจะโต้ตอบได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ถ้าดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นรวินทร์รดาคงไม่ยอมรับความช่วยเหลือเป็นแน่
“อย่างพี่ชายรันนะหรือครับใจร้อน ผมว่า น้องบัวอะไรเนี่ย ดื้อมากต่างหาก แล้วพี่ชายรันจะทำยังไงต่อหรือครับ”

นั่นคือ สิ่งที่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรลำบากใจ เขารับปากอภิรักษ์เอาไว้ แต่หากรวินทร์รดาไม่ยอมให้ความร่วมมือคงทำได้ยาก
“พี่ต้องหาโอกาสคุยกับบัวอีกครั้ง”
“คุณวุฒิชัยจะยอมหรือครับ”
ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือ วุฒิชัยอาจไม่ยอมแน่ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นคนนอก หากเขายื่นมือไปก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวอาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจก็เป็นได้
“พี่ไม่แน่ใจ แต่ดูท่าทางเขาไม่ค่อยลงรอยกับลูกสาวเท่าไหร่”
วุฒิชัยแทบไม่มองหน้ารวินทร์รดาเลยแม้แต่น้อย แต่คอยเอาใจภรรยาสาวตลอดเวลา เพราะเหตุนี้เองช่องว่างระหว่างสองพ่อลูกเลยกว้างมากขึ้น

“อย่างนี้ก็ยิ่งยาก แล้วเรื่องที่ฟ้องล้มละลายนี่ข่าวจริงหรือเปล่าครับ”
“จริง ข่าวนี้คอนเฟิร์มแล้ว วงในบอกพี่เอง วีเครดิตกำลังจะถูกปิด คุณวุฒิชัยต้องขายทุกอย่างและเผลอๆ อาจจะไม่เหลือสมบัติเลยด้วยซ้ำ”

“ถ้างั้นภรรยาของเขาจะยังอยู่ด้วยอีกหรือ”

คนนอกมองออกว่า พัสวีนั้นเป็นคนโลภ หล่อนไม่มีทางรักชายแก่คราวพ่อได้แน่ สิ่งเดียวที่พัสวีต้องการก็คือ ผลประโยชน์หากวุฒิชัยหมดตัวนั่นหมายถึงว่า หล่อนคงตีจากโดยเร็ว
“คิดว่า คงไม่”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรมองออกว่า พัสวีกำลังหาที่หมายใหม่ เพราะเหตุนี้เองหล่อนถึงเข้ามาตีสนิท ตอนนี้หญิงสาวเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น หล่อนคงใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกอบโกยทุกอย่างให้มากที่สุด

“น่าสงสารคุณวุฒิชัยนะครับ ไม่รู้ว่า จะรู้ตัวหรือยังว่า จะถูกทิ้ง”

“เรื่องนี้เราคงเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้หรอก ใครเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ พี่แค่อยากจะคุยกับบัวเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธอยังดื้ออีกละก็ พี่ก็จะถือว่า ตัวเองทำเต็มที่แล้ว”

“เมื่อไหร่หรือครับที่พี่วางแผนจะคุยกับเธอ”
“งานวันเผาศพของอภิรักษ์ พี่จะหาโอกาสคุยกับบัว หวังว่า เธอคงฟังบ้างนะ”
“ครับ ผมก็หวังว่า เธอคงไม่ฝากรอยรักให้พี่ชายรันอีกข้าง”
“ชายกันต์”
“ผมล้อเล่นครับพี่ชายรัน จะได้ไม่เครียดยังไง ผมเชื่อว่า พี่ทำได้อยู่แล้ว ในบรรดาพวกเรา พี่เกลี้ยกล่อมคนเก่งที่สุด”

บ้านหลังนี้เคยเป็นสถานที่แห่งความสุขและเป็นศูนย์รวมแห่งความรัก แต่ตอนนี้สำหรับวุฒิชัยแล้วมันช่างอ้างว้างและเงียบเหงา ภรรยาสาวคงกำลังแช่น้ำอุ่นอย่างมีความสุข ขณะที่ตัวเขาเองทุกข์จนรู้สึกเหมือนตกนรก เอกสารจากศาลและทนายความกองอยู่บนโต๊ะทำงาน ขณะที่ข้างๆ นั้นก็มีแก้วบรั่นดีซึ่งนำมาใช้เพื่อดับทุกข์

เขาต้องสูญเสียลูกชายคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับ ใครจะคิดว่า อภิรักษ์จะถูกคนร้ายแทงจนเสียชีวิตกลางห้างดัง ทางตำรวจตั้งข้อสันนิฐานว่า เกี่ยวข้องกับการล้มละลายของวีเครดิต วุฒิชัยเคยคิดว่า จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ แต่หลังจากถกเถียงกับลูกชายวันนั้น เขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติที่เหลืออยู่เพื่อหาทางกู้ฐานะ ความจริงอันเจ็บปวดก็คือ สมบัติส่วนใหญ่ถูกขายไปหมดแล้วเพื่อใช้หนี้บัตรเครดิตและเพื่อการลงทุน เหลือเพียงที่ดินไม่กี่ชิ้นเมื่อเทียบกับหนี้ท่วมหัวคงไม่พอแน่

เขาพลาดที่ไม่เชื่อลูกชาย ลงทุนกับกิจกการที่มีวี่แววจะขาดทุนตั้งแต่ต้น และตอนนี้ก็กำลังจะกลายเป็นคนล้มละลาย หมดสิ้นประดาตัวไม่เหลือแม้แต่สมบัติติดตัวสักชิ้น แม้แต่บ้านหลังนี้ก็กำลังจะถูกขาย วุฒิชัยแปลกใจที่ภรรยาสาวดูจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยแม้แต่น้อย หล่อนยังคงบำรุงบำเรอตัวเองและดูแลร่างกาย ทั้งเข้าสปา นวดผิวขัดตัว และออกชอปปิงอย่างไม่มีวี่แววว่า จะตระหนกตกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่สังเกตคือ พัสวีมักจะพูดคุยกับแขกในงานอย่างสนิทสนมเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะรายที่ยังโสด และเป็นผู้ชาย

ลึกๆ ลงไปแล้ววุฒิชัยเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เขายอมรับว่า ตัวเองโง่ ที่มองหล่อนไม่ออกตั้งแต่แรก ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รักใครจริง สิ่งที่หล่อนรักก็มีแค่สมบัติเท่านั้น และเชื่อว่า อีกไม่นานพัสวีก็จะเก็บกระเป๋าแล้วเดินหนีไปจากชีวิต วุฒิชัยมองภาพถ่ายของครอบครัวซึ่งถ่ายเอาไว้ สมัยที่พิราวรรณยังอยู่ อดีตภรรยาผู้ล่วงลับคือ กาวใจที่ประสานทุกคนเข้าด้วยกัน เขาลูบไปบนกรอบรูปที่มีเด็กหญิงผมเปียแก้มป่องอยู่ด้วย

วุฒิชัยให้คนขับรถตามไปและพบว่า บุตรสาวหนีไปเช่าโรงแรมใกล้กับวัดอยู่ ตอนนี้เขาตั้งใจจะปล่อยรวินทร์รดาไปก่อน แต่หลังงานศพเขาจะตามตัวบุตรสาวกลับมาและบางทีอาจจะต้องเปิดอกคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เขาจะไม่ยอมให้รวินทร์รดาไประหกระเหินที่ไหนอีกแล้ว วุฒิชัยเตรียมจะหาโรงเรียนให้ลูกสาว แม้ว่า ตอนนี้เขาแทบจะไม่เหลืออะไรติดตัวเลยก็ตาม เขายังมีบ้านพักริมทะเลอีกแห่งหนึ่งซึ่งซื้อเก็บไว้นานหลายปีแล้ว และไม่เคยบอกใครมาก่อน บางทีการขายบ้านหลังนั้นอาจจะพอนำเงินมาช่วยให้ลูกสาวได้มีที่เรียน ความรู้ที่ติดตัวคงจะพอช่วยให้รวินทร์รดาไม่ลำบากก็เป็นได้

ร่างหนากระดกบรั่นดีลงคอเพื่อดับกลุ้ม เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้ทำงาน รู้สึกหมดแรงจนแทบไม่อยากขยับตัวทำอะไร คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ด้านนอกจึงเต็มไปด้วยความอึมครึม เขาดื่มอย่างต่อเนื่องมาเกือบสามแก้วแล้ว แต่ก็ยังคิดหาทางออกอย่างอื่นไม่ได้เลย แต่แล้วจู่ๆ วุฒิชัยก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว เขาหันกลับไปและก็พบใครคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ความตกใจทำให้ผุดลุกขึ้นชี้หน้า
“เข้ามาได้ยังไง”
คนแปลกหน้าไม่ตอบแต่ยืนจ้อง วุฒิชัยกำลังจะร้องให้คนช่วยแต่แล้วอาการอึดอัดในอกกลับทวีความรุนแรงขึ้นจนเขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาก้มมองแก้วเหล้าในมือแล้วความวิงเวียนก็เข้ามาแทนที่จนทรุดฮวบลง ผู้บุกรุกยืนมองด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม

“กะ...แก วางยาฉันหรือ”
“หึ..”

อีกฝ่ายเปล่งเสียงในลำคอ แต่ไม่พูดอะไรเลย วุฒิชัยรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก จากที่คุกเข่ากลายเป็นไม่มีแรงและล้มลงไปกับพื้นในลักษณะนอนคว่ำ แก้วเหล้าตกแตกกระจาย เขาพยายามหายใจเข้าปอดแต่ทำได้ยากเหลือเกิน มัจจุราชกำลังยืนอยู่ต่อหน้าแต่ในสมองเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“กะ...แก”
“อย่ายื้ออีกเลย หมดเวลาของแกแล้วไอ้แก่ ตายเสียเถอะ”
วุฒิชัยพยายามพยุงตัวขึ้นแต่ไม่มีแรง เขาจึงคืบเข้าไปหาผู้บุกรุกและพยายามหยัดตัวขึ้น อีกฝ่ายใช้เท้าเหยียบตรงแผ่นหลังกดเขาให้แนบลงกับพื้น อาการหายใจไม่ออกทวีความรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นชาลงทุกขณะ นัยน์ตาพร่าพรายกับภาพตรงหน้า เขากำลังจะตายแต่ในใจยังไม่อยากตาย

“อย่าทำฉัน...”

มือหนาเอื้อมขึ้นแต่คนตรงหน้ากำลังเหยียบแผ่นหลังกดให้มากขึ้น แผ่นอกเคลื่อนไหวช้าลงทุกที เช่นเดียวกับออกซิเจนในสมองที่ลดลง นัยน์ตาค่อยๆ ปรือลง หัวใจเต้นแรงเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนที่ร่างท้วมจะกระตุกเมื่อลมหายใจสุดท้ายมาถึงแล้วก็แน่นิ่งไป นัยน์ตายังเปิดกว้างเพราะห่วงที่ค้างคาในใจ วุฒิชัยคงไม่มีโอกาสรู้ว่า พอเขาแน่นิ่งไปแล้ว มีใครอีกคนเปิดประตูเข้ามาในสภาพที่มีเพียงชุดนอนเนื้อบางเบา แล้วหล่อนก็แสยะยิ้มพร้อมกับโผเข้ากอดผู้บุกรุก เสียงหัวเราะของคนชั่วสองคนก้องไปทั่วห้องทำงานให้กับร่างที่ไร้วิญญาณบนพื้น...

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตู เมื่อเปิดออกมาก็พบว่า หม่อมราชวงศ์กวินภพยืนอยู่ตรงหน้าสีหน้าเคร่งเครียด

“พี่ชายรันเห็นข่าวนี้หรือยัง”
“ข่าวอะไรหรือ”
เขายังไม่ทันได้ถามว่า ทำไมน้องชายยังไม่ไปทำงาน เพราะปกติแล้วหม่อมราชวงศ์กวินภพจะต้องมีไปประจำการ ยกเว้นวันเสาร์อาทิตย์ที่จะกลับมาบ้านแต่ไม่ได้ทุกสัปดาห์
“ก็เรื่องคุณวุฒิชัย”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเดินตามน้องชายออกมานอกห้อง เขายื่นไอแพดส่งให้ ข่าวที่ลงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของวุฒิชัยเมื่อคืนที่ผ่าน ร่างของเขาถูกพบในห้องทำงาน แพทย์นิติเวชคาดว่า เขาเสียชีวิตเมื่อกลางดึกจากหัวใจวาย ภาพข่าวเห็นภรรยาสาวร้องห่มร้องไห้ หล่อนสวมชุดดำเพื่อไว้ทุกข์ให้กับสามี

“ทำไมเป็นแบบนี้ เมื่อวานนี้เขายังปกติอยู่เลย”
“หรือว่า เขาจะมีโรคประจำตัวพวกโรคหัวใจ”
“อย่างนี้บัวจะทำยังไงต่อ”
วีเครดิตกำลังล้มละลาย อีกทั้งเขายังมีหนี้สินอีกเป็นจำนวนมาก งานศพของอภิรักษ์ยังไม่ทันเสร็จ วุฒิชัยก็มาเสียชีวิตทำให้ภาระทั้งหมดตกอยู่กับหญิงสาว ชายหนุ่มเป็นห่วงหล่อนจับใจ

“พี่จะแวะไปดูบัวสักหน่อย เผื่อว่า จะช่วยอะไรได้บ้าง”

“พี่ชายรันแน่ใจหรือครับว่า เธอจะยอมให้เราช่วย ขนาดเมื่อวานยังกัดมือพี่ชายอยู่เลย”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรหรี่ตามมองน้องชาย คงเป็นผลงานของหม่อมราชวงศ์กรกันต์ที่เล่าให้น้องชายคนเล็กฟัง
“ข่าวเร็วเหลือเกินนะเรา ไม่ยักรู้ว่า นายรับหน้าที่เป็นกองสอดแนมด้วย” เขาประชด หม่อมราชวงศ์กวินภพยักไหล่

“แหมทำไงได้ครับ ก็คนมันอยากรู้ว่า รอยฝากรักนี้เป็นของใคร ผมก็เลยต้องล็อกคอถามพี่กันต์เสียหน่อย” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

“ฝากไว้ก่อนเถอะ พี่ต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน ว่าจะแวะเข้าไปหาบัวที่โรงแรมที่เธอพัก”
“ผมว่า ป่านนี้เธอน่าจะอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจนะครับ ผมมีลางสังหรณ์ว่า การตายของคุณวุฒิชัยน่าจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง และถ้าจะให้ดีน่าจะชันสูตรศพจะได้รู้ว่า เสียชีวิตจากอะไร”





tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.พ. 2561, 16:58:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.พ. 2561, 16:58:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 870





<< บทที่ ๓ สูญเสีย   บทที่ ๕ เงื่อนงำ >>
แว่นใส 26 ก.พ. 2561, 07:50:52 น.
ชั่วจริง ๆ คนเดี๋ยวนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account