พนาพร่ำรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อ 'พนสณฑ์' ทายาทเจ้าสัวพันล้าน ถูกกลั่นแกล้งให้รับมรดกเป็นที่ดินรกร้าง พร้อมเงื่อนไขต้องสร้างเงินล้านให้ได้ภายในปีเดียว แถมยังพ่วงเมียขัดดอก ลูกสาวนักพนันมาด้วย จะไหวไหมงานนี้...


***************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดจ้า เพราะพ่อสณฑ์ของเราถึงแม้จะเป็นพระเอกสายโหด แต่ขยัน ‘รัก’ เมียสุดหัวใจ พ่วงด้วยความฮาแบบชาวบ้านตามท้องไร่ท้องนา บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!


**************

นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์


(หนังสือพร้อมส่ง)


ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 369฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
Tags: แบดบอย ทายาทเศรษฐี ลูกสาวนักพนัน เมียขัดดอก น่ารัก ละมุน คู่ชีวิต ท้องไร่ท้องนา

ตอน: บทที่ 4 - 50%

หากจะเรียกเคหสถานแห่งนี้ว่าบ้านก็คงไม่สมราคาความโอ่อ่าอลังการของมัน เคหสถานแห่งนี้คือคฤหาสน์เสถียรพงศ์ประภากรของเจ้าสัวประภาสผู้มั่งคั่ง ชายสูงวัยร่างกายกำยำ ผมสีดอกเลาที่กำลังนั่งสนทนากับชายหนุ่มวัยใหญ่วัยสามสิบปลายๆ ในเครื่องแบบข้าราชการตำรวจยศสูง

“กิจการโรงแรมใหม่เป็นยังไงบ้างหฤทธิ์”

“ดีครับคุณปู่ แขกเข้ามาพักมาก จังหวัดนี้กำลังเป็นตัวเลือกใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชักเบื่อเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ที่แออัด”

“ดีมาก จัดให้เป็นสัดเป็นส่วนนะ ที่เอาไว้รับแขกบ้านแขกเมืองก็อย่าให้ปะปนกับพวกทัวร์ราคาถูก เสียราคากันพอดี เข้าใจใช่ไหม” ดวงตาบนใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นวาววับ ฉายแววเท่าทันคน นายตำรวจผู้เป็นหลานค้อมศีรษะรับ

“ครับ คุณปู่”

“ดีๆ นี่จะมีทายาทหรือยังล่ะ แต่งงานกับลูกสาวอดีตผู้ว่ามาเป็นปีแล้วนี่ ยังไม่มีทายาทอีกรึ”

“ยังครับ” ใบหน้าคมเข้มฉายแววเหนื่อยหน่ายเพียงน้อย

แต่คนมองพอจับได้

“จะทำอะไรก็ไว้หน้าอดีตผู้ว่าเขาบ้างนะ อย่าข่มเหงจิตใจเขานัก”

“ครับ” เขาน้อมศีรษะรับอีก

“แล้วมานี่มีธุระอะไร”

“ผมคิดจะขยายกิจการโรงแรมครับ อยากได้ที่ติดเขาที่คุณปู่เคยพูดถึง”

“อ้อ ที่ตรงนั้นเอง ยกให้ลูกประพจน์ไปแล้วล่ะ”

“อะไรนะครับ ไหนคุณปู่ว่าตัดญาติขาดมิตรกับบ้านนี้ไปแล้ว” เสียงที่เคยนอบน้อมกร้าวขึ้น ดวงตาวาววาม

“ทำไม ที่ของฉัน ฉันจะยกให้ใครมันธุระอะไรของแก”

เสียงก้องกัมปนาทนั้นสยบได้ทุกอย่างเสมอมา ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

หลานชายคนโตกลับไปแล้ว ด้วยความผิดหวัง เจ้าสัวรู้ว่าคงมีเรื่องมีราวอีกมากที่ทายาทนอกสายตาของตนต้องรับมือ

“ช่างมัน ถ้ามันไม่มีน้ำยาก็ช่างมัน ให้เขาแย่งไปให้หมด”

เจ้าสัวพึมพำกับตนเอง ดวงตาแข็งกร้าวทอแววอ่อนแสงอย่างหนึ่ง ก่อนจางหายไป



********************



ที่ไร่ดงไม้หอม งานกำลังดำเนินไปในทิศทางที่น่าพอใจจนบ่ายวันหนึ่งชัยก็กระหืดกระหอบมาหานาย

“นายครับ ตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนรถเราเข้ามาจากเยอรมัน มีปัญหา ตำรวจยึดไว้ตรวจสอบที่ท่าเรือครับ”

“ตำรวจที่ไหนวะ แล้วเอ็งคุยกับผู้กำกับหรือยัง”

“คุยแล้วครับ ท่านกำลังไปดูอยู่ งงเหมือนกัน เห็นว่ามาจากส่วนกลาง แปลกแท้ๆ นายไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนหรือเปล่านี่”

“กูจะไปรู้เรอะ มาเป็นชาวไร่อยู่นี่จะไปหาเรื่องใครได้ นอกจากลิงในป่า”

“อ้าว ด่าทำไมนี่ อุตส่าห์ตั้งข้อสังเกต” ชัยบ่นอุบ

เจ้านายยกหูโทรศัพท์โทร.หานายตำรวจที่คุ้นเคยอยู่พักใหญ่ก็มี สีหน้าดีขึ้น ได้ความว่าตำรวจหน่วยนั้นแค่สงสัยและขอเข้าตรวจค้นเท่านั้น ถึงอย่างนั้น พนสณฑ์อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมตำรวจต้องขอตรวจค้นด้วยทั้งที่เขาทำถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด

แต่ไม่ทันที่พนสณฑ์จะนึกอะไรออก ก็มีเสียงโหวกเหวกดังมาจากบริเวณลานมันที่กำลังก่อสร้าง

“นายครับนาย เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาขอพบครับ เขาว่าเราบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน”

“ปัดโธ่เอ๊ย นี่มันวันห่าเหวอะไรวะนี่”

“ทางนี้ครับ นายหญิงกำลังเจรจาอยู่” พนสณฑ์รีบสาวเท้าก้าวตามนายช่างคนนั้นไป พอเดินเข้าไปใกล้บริเวณเนินนั้นเขาก็พบรถประทับตรากรมป่าไม้พร้อมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าราวๆ สี่ห้านาย กำลังยืนคุยกับรุจิรัตน์อยู่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ผมไม่รับรู้ หากคุณแสดงโฉนดถือครองที่ดินไม่ได้ ผมก็ต้องจับกุมฐานบุกรุกป่า”

“ที่ดินนี้เป็นที่ดินมรดกของสามีดิฉันค่ะ ขอเวลาเราในการติดตามเอกสารสักครู่ได้ไหมคะ”

“ไหนล่ะสามีคุณ ไปเรียกมาคุยสิ เอ้า เครื่องไม้เครื่องมือพวกนี้ยึดไปให้หมด เป็นของกลาง” นายคนเสียงดัง ร่างใหญ่หน้าตาถมึงทึงตะโกนสั่งปาวๆ

“ผมนี่ล่ะครับ ทายาทเจ้าของที่ดินผืนนี้”

เสียงห้าวดังมาจากด้านหลัง พนสณฑ์นั่นเอง เขาเดินมายืนเคียงข้างรุจิรัตน์ สีหน้าเรียบขรึม เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงเสียงเบาลงมาหน่อย

“ไหนล่ะคุณเอกสารถือครองที่ดินผืนนี้ ไม่มีเอกสารก็ทำอะไรไม่ได้”

“ไหนล่ะครับหลักเขตแดนป่าสงวน”

“ไม่ต้องมายอกย้อน ที่ดินป่าเขาไม่ใช่ใครๆ นึกอยากจะมายึดครองทำกินอะไรก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะเชิญเจ้าสัวประภาส เสถียรพงศ์ประภากร มาคุยกับคุณ ไม่ทราบสะดวกวันไหนครับ”

“ทำไม ทำไมผมต้องคุยกับเจ้าสัว”

“ก็เพราะท่านเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ คุณคงไม่คิดว่าท่านโกงกินเขตแดนป่าสงวนหรอกนะ” เป็นครั้งแรกที่พนสณฑ์ดึงชื่อผู้เป็นปู่เข้ามาเป็นยันต์กันผี แล้วมันก็ใช้ได้ดีทีเดียว นายผู้พิทักษ์ป่าคนนั้นดูเหมือนหัวจะหดลงเป็นสองเท่า

เอ…มันยังไงกันหว่า ไหนบอกว่าไอ้หนุ่มนี่มันมาบุกรุก ให้มาไล่ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้

“ผมเป็นทายาทผู้ได้รับมรดกเป็นที่ดินผืนนี้ของเจ้าสัวครับ ผมชื่อพนสณฑ์ เสถียรพงศ์ประภากร”

“โธ่ จะบอกว่านามสกุลใหญ่สินะ ทำไมหรือ เจ้าหน้าที่จะมาทำหน้าที่ตรวจตราบ้างไม่ได้หรือยังไง ถ้าเจอเบ่งแบบนี้ทุกรายเราก็คงไม่กล้าทำงาน” ผู้พิทักษ์ป่าออกอาการตัดพ้อ

“ผมว่าคงเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่านะครับหัวหน้า เราต้องขออภัยด้วยครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มใบหน้าหล่อเหลาเอาการ ยื่นหน้าเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย หาทางลงให้เจ้านาย

“นั่นสิคะ คงเข้าใจอะไรกันผิด ขออภัยด้วยนะคะที่ทำให้ทุกท่านต้องมาตรวจตรา พอดีทางเรารีบร้อนสร้างลานมันรองรับผลผลิตของชาวบ้านน่ะค่ะ” รุจิรัตน์ส่งรอยยิ้มหวานเผื่อแผ่ให้ทุกนาย ดูเหมือนว่าเจ้า หน้าที่หนุ่มนั่นจะรับไปมากกว่าใครเพื่อน เพราะทำท่าพยักพเยิด ยิ้มไม่หุบสักที

“ดื่มน้ำเย็นๆ กันก่อนดีไหมคะ อากาศร้อนทีเดียว” หล่อนเชื้อเชิญ พลางรินน้ำใส่แก้วแจกจ่าย เจ้าหน้าที่ป่าไม้รับไปดื่มคนละจิบก็รีบกระโดดขึ้นหลังรถกระบะ วิ่งตะบึงออกไปอย่างรวดเร็ว

“โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็พวกลิ่วล้อ” ชัยว่า มองอาการมึนตึงของนายด้วยความเป็นห่วง งานนี้มีลับลมคมในแน่ๆ ใครสักคนกำลังใช้อำนาจมืดเล่นงานนายอยู่เงียบๆ

“รุจิรัตน์ ผมจะไปบ้านเสถียรพงศ์ประภากร คุณจะไปด้วยไหม”

“ไปสิคะ ทางนี้ฝากช่างชัยด้วยนะจ๊ะ”

“นาย จะไปลุยเลยเหรอ ท่านอาจไม่รู้เรื่องก็ได้นะ ให้ป๋าคุยก่อนดีไหม”

“อย่ายุ่ง คืนนี้เอ็งค้างที่นี่ ถ้าข้ากลับมาไม่ทันอาจจะหาที่พักในเมือง” เขาบอกแล้วก็เดินนำรุจิรัตน์ตรงลิ่วไปที่รถ เจ้าพวกลูกสุนัขวิ่งตามเป็นพรวนจนพวกช่างต้องมาจับไว้ก่อนที่จะถูกล้อรถนายบดละเอียด

“อยู่กับพี่ๆ ช่างก่อนนะลูกอม ลูกกวาด เดี๋ยวแม่กลับมา...ช่างคะฝากให้อาหารแม่แดงด้วย อย่าเข้าใกล้มากนะคะ มันดุ” เสียงนายหญิงร้องสั่งแว่วหายไปกับเสียงเร่งเครื่องรถยนต์ของนายใหญ่ไร่ดงไม้หอม

รถวิ่งฉิวออกไปด้วยความเร็วที่น่าหวาดหวั่นไม่น้อย แต่หล่อนก็ทำใจดีสู้เสือ ในสถานการณ์แบบนี้หล่อนคงต้องเงียบไว้ก่อน

แย่จริง น้ำเย็นสักขวดก็ไม่มีติดมา โกรธๆ แบบนี้ต้องดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้ว หล่อนนึก

“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมจะไปบ้านเสถียรพงศ์ประภากรทำไม”

“ไม่ทราบค่ะ”

“ก็เพราะไอ้เรื่องบ้าๆ ทั้งหมดนี่มันเกิดจากคนคนเดียวเท่านั้นล่ะ ผมต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”

“ค่ะ”

“ผมเบื่อไอ้เกมบ้าๆ นี่เต็มทีแล้ว” เขาทุบพวงมาลัยรถเสียงดัง น่ากลัวเจ็บ แถมยังกำพวงมาลัยราวกับจะบีบให้แหลกคามือ

“คุณสณฑ์แน่ใจเหรอคะว่าเป็นท่าน”

“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะใครเสียอีกล่ะที่คอยกลั่นแกล้งครอบครัวผมไม่หยุดหย่อน พ่อแม่ผมยอมเขามากเกินไปแล้ว ผมไม่ยอมแน่”

“ค่ะ งั้นเราก็ไปคุยกับท่านกัน” รุจิรัตน์เอ่ยง่ายๆ ใจนึกว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่หล่อนจะได้พบเจ้าหนี้รายใหญ่ของพ่อ ในสภาพเสื้อลายสก็อตกางเกงยีนเก่าๆ รองเท้าผ้าใบมอซอ เขาเองก็แย่พอกัน และถ้าหากสามีในนามของหล่อนเกิดไปยั่วโมโหเจ้าสัวเข้า เขาก็อาจจะพาลเรียกคืนหนี้สินจากพ่อ แล้วหล่อนจะหาที่ไหนมาให้ หล่อนเองก็คงกระเด็นกระดอนไปทางไหนก็สุดแล้วแต่เป็นไป เอาเถอะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

เวลาผ่านไปร่วมสามชั่วโมง รถกระบะบุโรทั่งของไร่ดงไม้หอมก็วิ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถอันโอ่อ่าของคฤหาสน์เจ้าสัวใหญ่ โดยมีผู้รักษาความปลอดภัยวิ่งตามเข้ามาด้วยอาการแตกตื่น

“ไม่เป็นไรหรอกทัด นี่คุณพนสณฑ์หลานท่าน จำหน้าเธอไว้ด้วยเผื่อคราวหน้าคราวหลังเธอมาจะได้เปิดประตูรับได้เลย” คุณป้าแม่บ้านเก่า แก่ร้องบอกเสียงดัง พนสณฑ์แปลกใจที่มีคนในบ้านเจ้าสัวรู้จักหรือจดจำเขาได้ทั้งๆ ที่เขาจำได้ว่าเคยมาที่นี่ไม่เกินสามครั้งในชีวิต

“คุณพนสณฑ์มาพบท่านเหรอคะ เชิญรอในห้องรับแขกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียนท่านให้” รอยยิ้มเย็นเผื่อแผ่มาทางสาวน้อยที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม

ห้องรับแขกนั้นเป็นห้องที่สวยงามที่สุดเท่าที่รุจิรัตน์เคยเห็นมาในชีวิต สวยเสียยิ่งกว่าห้องสวยๆ ที่เขาแสดงทางรายการโทรทัศน์ที่หล่อนชอบดู หล่อนแทบไม่กล้านั่งบนโซฟาราคาแพงงามระยับนั้น ถ้าพนสณฑ์ไม่แตะข้อศอกให้หล่อนนั่งลงได้ สำหรับเขาคงเป็นเรื่องปกติ ก็เขาเป็นทายาทคนนึงนี่นา แต่สำหรับหล่อน นี่มันวังชัดๆ

“เอ...ท่าทางพายุจะเข้า อาทิตย์นี้หลานมาเยี่ยมฉันถึงสองคนติดๆ กัน”

“ผมไม่ได้มาเยี่ยมเจ้าสัว ผมมาคุยธุระสำคัญ”

“งั้นเรอะ อ้าว นั่นพาเมียมาด้วย ว่าไงหนูสบายดีไหม ไปอยู่ดงไม้หอมเป็นยังไงบ้าง”

“สวัสดีค่ะท่าน ดิฉันสบายดี ขอบพระคุณค่ะ” หล่อนประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม และตอบด้วยน้ำเสียงและกิริยาที่เรียบร้อยที่สุด แม้คุณน้อยแม่บ้านยังเงยหน้าขึ้นจากการรินน้ำขึ้นมามอง

“ดีแล้ว ทนเอาหน่อยนะ ชีวิตคู่ก็อย่างนี้ล่ะ แรกๆ ก็ต้องลำบากสร้างเนื้อสร้างตัวกันสักหน่อย จริงไหมพนสณฑ์”

“ผมไม่ทราบและไม่ได้มาคุยเรื่องนี้ ผมมาเรื่องข้อตกลงของเรา”

“ทำไมหรือ จะยอมแพ้แล้วหรือไง หิวไหมหนู ทานอะไรก่อนไหม คุณน้อยจัดอาหารว่างมาที”

“ผมไม่เคยคิดยอมแพ้ ถ้าเราจะเล่นกันอย่างแฟร์ๆ ไม่ใช่ลอบกัด”

“ทำไม มีเรื่องอะไรไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นงั้นหรือ” คราวนี้เจ้าสัวสนใจหลานชายจริงจัง

“มีคนส่งตำรวจไปยุ่งกับกิจการของผม แล้วก็ยังมีพวกเจ้าหน้าที่ ป่าไม้ไปยุ่มย่ามที่ไร่อีก ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุอันควร ท่านทราบไหมว่าใครทำ” เจ้าสัวสบตาคมกล้าของหลานชายคนเล็กสุดแล้วก็เอนหลังถอนหายใจยาวๆ

“ฉันไม่ทราบแน่หรอกพนสณฑ์ แต่ไม่ใช่ฉันแน่ เอาเถอะ ฉันจะช่วยสืบให้”

“ไม่ต้องหรอก ผมแค่อยากให้พวกคุณรู้ว่า อย่าคิดว่าผมจะไม่รู้ว่าใครคิดร้ายยังไงกับครอบครัวผมบ้าง และอย่าคิดว่าผมจะยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว” เสียงกร้าวดังก้องห้องโถง ก่อนที่เขาจะรวบมือบางของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาไว้มั่นแล้วลุกขึ้นยืน

“รุจิรัตน์ ลาเจ้าสัวได้แล้ว เราหมดธุระกับท่านแล้ว”

“คะ อ้อ ค่ะ กราบลานะคะท่าน”

“เดี๋ยวคุณสณฑ์ ทานอะไรกันก่อนสิคะ”

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ”

“ค้างที่นี่เสียสิ ค่ำมืดแล้วจะพาเมียกลับยังไง”

“ไม่ดีกว่าครับ บอกตรงๆ ว่าผมคงนอนผวาทั้งคืนถ้าค้างที่นี่ ลาละครับ” เขายกมือไหว้แข็งๆ ก่อนจะคว้าแขนภรรยากึ่งลากกึ่งจูงออกมาที่รถ

เจ้าสัวประภาสนั่งลงที่โซฟาสีหน้าครุ่นคิด ป้าน้อยคนเก่าคนแก่เดินเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง จะมีใครรู้จักเศรษฐีสูงวัยคนนี้ได้ดีไปกว่าข้ารับใช้เก่าแก่อย่างนาง

“เป็นห่วงคุณสณฑ์เหรอคะ”

“ไม่หรอก ฉันรู้ว่ามันแกร่ง ดูๆ มันมานานแล้ว”

“ค่ะ ภรรยาเธอก็ท่าทางน่ารักดี”

“อืม นั่นก็เด็กดี ชีวิตน่าสงสาร หวังว่าจะไปกันรอด ฉันภาวนานะน้อย”



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2561, 11:28:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2561, 11:28:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 847





<< บทที่ 3 -100%   บทที่ 4 - 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account