พนาพร่ำรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อ 'พนสณฑ์' ทายาทเจ้าสัวพันล้าน ถูกกลั่นแกล้งให้รับมรดกเป็นที่ดินรกร้าง พร้อมเงื่อนไขต้องสร้างเงินล้านให้ได้ภายในปีเดียว แถมยังพ่วงเมียขัดดอก ลูกสาวนักพนันมาด้วย จะไหวไหมงานนี้...


***************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดจ้า เพราะพ่อสณฑ์ของเราถึงแม้จะเป็นพระเอกสายโหด แต่ขยัน ‘รัก’ เมียสุดหัวใจ พ่วงด้วยความฮาแบบชาวบ้านตามท้องไร่ท้องนา บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!


**************

นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์


(หนังสือพร้อมส่ง)


ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 369฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
Tags: แบดบอย ทายาทเศรษฐี ลูกสาวนักพนัน เมียขัดดอก น่ารัก ละมุน คู่ชีวิต ท้องไร่ท้องนา

ตอน: บทที่ 6 - 50%

เวลาราวหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ความคืบหน้าของลานมันเป็นที่น่าพอใจ แม้จะมีเสียงชาวบ้านแตกเป็นสองฝ่ายเรื่องการขนมันสำปะหลังมาขายให้ลานมันน้องใหม่บ้างก็ตาม

“ทำไมไม่อยากขายให้เราล่ะคะป้า ได้ราคาดีกว่า แถมยังไม่ต้องขนส่งไกล และมีบริการรับซื้อถึงไร่อีกด้วย เราขอหักค่าน้ำมันเพิ่มอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ” รุจิรัตน์เจรจากับเจ้าของสวนมันที่กำลังยืนเถียงกันกับป้านวลหน้าดำหน้าแดง ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ปัดโธ่เอ๊ย แล้วจะซื้อไปสักกี่น้ำ มีเงินจ่ายหรือเปล่า ไม่ใช่ขนมันไปหายหมด ใครขายที่นี่แล้วคราวหน้าจะขนไปขายเจ๊เกียวในเมือง แกไม่รับซื้อแล้วนะ ไอ้พวกเห่อของใหม่” แค่ประโยคยาวๆ ประโยคนั้น รุจิรัตน์ก็รู้ความประสงค์ที่แฝงเร้นอยู่ของป้าคนนั้น ท่าทางแกคงเป็นคนของลานมันเจ้าใหญ่ส่งเข้ามาก่อกวนกระมัง

ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย ชาวบ้านมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าอย่างนั้นรับเป็นเงินสดไปเลยดีไหมคะ ช่างมันเสร็จรับเงินไปเลยไม่ต้องรอ” หล่อนตัดสินใจฉับพลัน ป้านวลอ้าปากค้าง ส่วนช่างชัยที่มา

อารักขานายหญิงตามคำสั่งนายก็พลอยสะดุ้งไปด้วย

ตายล่ะ เรื่องแบบนี้นายหญิงไม่ปรึกษานายเอาเสียเลย มีเงินสดให้เขาไหมนี่ สงสัยต้องลงเขาอีกแล้วเรา

“เออ ใจใหญ่แบบนี้พวกข้าชอบ ขนมันมาขายลานมันดงไม้หอมได้แล้วเว้ย” พวกชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปไร่ของตน รุจิรัตน์ระบายลมหาย ใจออกช้าๆ หันมาสบตาช่างชัยที่มีสีหน้ากังวล

“เดี๋ยวฉันจะคุยกับคุณสณฑ์เองจ้ะ”

“ครับ”

พนสณฑ์กำลังสาละวนกับการคุมคนงานที่ตาชั่งเพราะทุกคนยังใหม่กับระบบ เขาเห็นชาวบ้านรวมตัวกันห้อมล้อมรุจิรัตน์แต่แล้วก็แยกย้ายกันไปจึงไม่ได้ใส่ใจ จวบจนหล่อนเอ่ยปากคุยกับเขาระหว่างมื้อเที่ยง

“ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน กลัวแต่ว่าชาวบ้านเขาจะเอามันไปขายเจ้าอื่นหมด”

“เรายังใหม่กับธุรกิจนี้ การจ่ายเงินสดทั้งหมดทันทีมันเสี่ยงไป”

เขามีสีหน้าขรึม รุจิรัตน์ยังอ่อนนักในเชิงธุรกิจ การเต้นตามเกมของฝ่ายตรงข้ามทุกครั้งด้วยการพยายามเอาชนะอย่างเดียวมักส่งผลร้ายกว่าการอยู่เฉยๆ

“ฉันขอโทษค่ะ” หล่อนประนมมือไหว้ น้ำเสียงสั่นเครือ สีหน้าครุ่น คิดของเขาทำให้หล่อนยิ่งรู้สึกผิด

“ใครรับเงินสดทันทีให้ราคาสี่บาท ใครรับเงินทีหลังสี่บาทห้าสิบเป็นไง ถ้าอย่างนี้เราจะยังมีกำไรอยู่ไหม”

“มีค่ะมี ที่โรงงานที่เราส่งเขาซื้อเจ็ดบาทกว่าๆ ค่ะ”

“พอไหว” เขาพิงพนักเก้าอี้ ทำสีหน้าครุ่นคิด

“งั้นเอาตามนั้น ผมคิดว่าจะเปิดอู่ประพจน์สาขาดงไม้หอมอีกด้วย คุณว่าเป็นไง”

“แหม...ก็ดีสิคะ ว่าแต่เราจะขายรถสปอร์ตให้ลุงป้าชาวไร่บ้านไหนดีล่ะ” หล่อนเย้า สีหน้าดีขึ้น ดวงตาเป็นประกาย

“ช่างชัยมาปูดอีกแล้วล่ะสิ”

“คุณกลัวฉันรู้ฐานะทางบ้านของคุณหรือคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแค่เจ้าชัยมันขี้โม้” ชายหนุ่มรีบโบกไม้โบกมือ หัวเราะกลบเกลื่อน

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เราผูกมัดกันเพราะภารกิจนี้แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง ฉันไม่เกาะคุณกินตลอดหรอก”

แม่รจนาน้อยใส่เป็นไฟ ความน้อยอกน้อยใจไม่รู้มาจากไหน มันท่วมท้นจนแม้กระทั่งตัวเองยังตกใจ หล่อนผุดลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินหนีลงกระท่อม แต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรวบเอวบางไว้เสียก่อน แถมดึงกระตุกทีเดียวร่างอรชรก็หล่นปุลงบนตักกว้าง

“แกล้งโกรธกลบเกลื่อนความผิดหรือเปล่านี่”

“ความผิดอะไรคะ อื้อ ปล่อยค่ะ”

หล่อนหดคอหลบจมูกและปากซุกซน ร่างกายกำยำนั้นดูเหมือนจะร้อนผ่าวแผดเผาผิวเนื้อเนียนของหล่อน

“ผิดที่ไปตกปากรับคำเป็นเจ้าแม่เงินสดน่ะสิ รู้ไหมว่ามันอันตราย ยิ่งใครรู้ว่าเรามีเงินเท่าไหร่ ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น” เขากระซิบบอกข้างหู

“เรามีศัตรูเหรอคะ”

“ธุรกิจคือการแข่งขันและย่อมมีศัตรูเป็นของธรรมดา”

“โธ่ แย่จริง อยู่ดีๆ เราก็มาสร้างศัตรูจนได้ เจ๊เกียวนั่นแน่ๆ ใช่ไหมคะ ป้าคนนั้นคงเป็นคนของแก” หล่อนมัวแต่กังวลไม่ทันได้ระวังจมูกโด่งๆ จึงฝังลงมาที่ข้างใบหู

“คุณสณฑ์คะ นี่เรากำลังพูดเรื่องสำคัญกันอยู่นะคะ”

“อะไรมันจะสำคัญไปกว่านี้อีกครับ ลูกแก้วแก้มหอม”

“ดะ…เดี๋ยวค่ะ โธ่กลางวันแสกๆ คนออกเยอะแยะ อายเขาบ้างสิคะคุณชอบเอาเปรียบฉันเรื่อยเลย อย่างนี้กว่าจะครบปีฉันขาดทุนตายพอดี”

“เอาเถอะ กลางวันผมเอากำไร ส่วนกลางคืนยกให้คุณหมดเลยก็ได้”

“บ้า”

“นี่อย่ามัวแต่เขินหน่อยเลยน่า ผมมีของขวัญให้คุณด้วยนะ เข้าไปดูในห้องสิ” เขาบุ้ยใบ้ไปทางห้องนอนทำนัยน์ตากรุ้มกริ่ม รุจิรัตน์ฉวยโอกาสลุกจากตักเขา เดินเข้าไปดูเจ้าของขวัญที่ว่า ห้องนอนของหล่อนถูกแปรสภาพจากเมื่อเช้าไปเสียสิ้น มุ้งหลังเล็กสีชมพูที่หล่อนนอนเบียดกับเขามาหลายคืนหายไปแล้ว เหลือแต่เตียงแบบสี่เสาไม้ขนาดใหญ่ มีมุ้งขาวพร่างจับจีบไว้สี่มุม ที่นอนหนาขนาดคิงไซส์ราคาคงไม่น้อย พร้อมหมอนหนุน หมอนข้าง ผ้าห่มใหม่เอี่ยมเข้าชุด ลังใส่ของถูกยกออกไปหมดแล้ว ห้องหับของหล่อนจึงดูโล่งสบายยิ่งนัก 

“คุณสณฑ์คะ” หล่อนโผล่หน้าออกมาจากห้องนอน แก้มแดงปลั่งกับของขวัญที่กินแรงคนงานไปเกือบครึ่งไร่กระมัง แต่โน่นแน่ะจำเลยของหล่อนเดินผิวปากนำหน้าเจ้าลูกอมกับลูกกวาดกลับไปที่ลานมันแล้ว

“เป็นยังไงบ้างสมบัติ ไอ้แก่วิ่งดีไหม”

“ฉิวเลยครับนาย มีแต่ตอนลงเขาเสียวๆ หน่อย”

“ทำไมล่ะ ข้าใส่เบรกใหม่ให้แล้วนี่”

“ไม่ทราบครับ สงสัยผมยังไม่ชิน อะไรๆ มันใหม่หลายอย่าง”

เด็กหนุ่มผู้เอาการเอางานตอบยิ้มแหยๆ

“ไม่เป็นไร รอบนี้ข้าจะขับ เอ็งนั่งดูไปด้วย ขับรถขึ้นลงเขาแบบนี้ต้องรู้ใจรถ ไม่งั้นเหยียบเบรกไหม้หมด”

“ครับนาย”

เมื่อมันสำปะหลังเที่ยวนั้นถูกขนขึ้นเต็มหลังรถหกล้อก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่า รุจิรัตน์จัดการชำระเงินให้ชาวบ้านเป็นเงินสดตามที่สัญญาซึ่งต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มกันถ้วนทั่ว ชัยมือขวาของนายขับรถลงเขาไปเบิกเงินตั้งแต่นายกลับมาจากรับประทานอาหารเที่ยงกับนายหญิงแล้ว

“เชื่อหรือยังว่าจีบผู้หญิงมันต้องใช้เงินน่ะนาย”

“เออ มึงแน่ เอามาสักสองแสน ฝากบอกป๋ากับนายแม่ด้วยว่ายืมก่อน” เขาบอกเท่านั้นชัยก็รู้เรื่อง

พนสณฑ์สตาร์ตเครื่องรถเสียงดังลั่น บีบแตรเรียกร้องความสนใจจนคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาจดบัญชีละเอียดยิบเงยหน้าขึ้นมามองทำตาโต

“นั่นคุณสณฑ์จะขับเองเหรอคะ”

“ครับผม ทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้รอด้วยนะจ๊ะเมียจ๋า ตอนนี้พี่เช ต้องขอลาควบหกล้อไปหาเงินก่อน” เขาร้องเป็นเพลงท่วงทำนองบ้าๆ บอๆ แต่ทำให้ทุกคนยิ้มย่อง คลายความเหนื่อยล้าไปได้มาก

ไอ้แก่บึ่งออกไปจากไร่ดงไม้หอม หักซ้ายมุ่งหน้าขึ้นลงเขาอันลาดชัน เพื่อลงไปยังตัวเมืองที่โรงงานรับซื้อมันสำปะหลังตั้งอยู่ ระยะทางห่างจากไร่ราวๆ หกสิบกิโลเมตร หากเป็นรถประจำตัว พนสณฑ์คงห้อมันไปกลับได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่นี่เป็นไอ้แก่ที่ขนหัวมันเป็นตันๆ บนหลังเขาต้องประคับประคองพามันไต่เขาลงมาอย่างปลอดภัยและเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้แก่สมบัติ

“เวลาเข้าโค้งอย่าไปกินเลนฝั่งโน้นมากนัก ข้าเห็นคนแถวนี้ชอบขับรถคร่อมเลน มันอันตรายเข้าใจไหม ยิ่งรถเราใหญ่ ยิ่งต้องระวัง”

“ครับนาย” สมบัติมองดูนายบังคับพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่ว รถวิ่งไหลลื่นเป็นจังหวะดีกว่าเขาขับเป็นกอง

“ขับรถลงเขาต้องถนอมเบรก ใช้เกียร์ให้เป็น”

“ครับนาย” สมบัติรับคำ เขาได้ยินช่างชัย ช่างชด ช่างสามารถพูดถึงอู่รถแข่งของนายแล้วก็ให้อยากฝากเนื้อฝากตัวไปทำงานด้วย เสียแต่ว่าสมบัติต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ลงทุกวัน

“โค้งเยอะจริง”

“อีกเดี๋ยวก็พ้นครับนาย”

“เออดี เมื่อย”

“เฮ้ยนาย ระวังก้อนหิน นาย” สมบัติร้องลั่น พนสณฑ์กำพวงมาลัยแน่น ก้อนหินขนาดมหึมาที่กลิ้งกรูลงมาจากเขาพร้อมๆ กันร่วมสิบทำให้เขารู้ว่ายังไงเสียก็หลบไม่พ้นทุกก้อนแน่

เอี๊ยดดดด...!

“นาย มีอีก นั่น ก้อนหินมาจากไหนวะ” สมบัติร้อง

โครม!

เสียงดังสนั่น ท้ายรถส่ายไปมา พนสณฑ์บังคับพวงมาลัยให้รถวิ่งต่อไปได้อีกหวุดหวิดจะคว่ำลงข้างทาง 

“จอดไหมนาย คงโดน”

“ไม่ได้ ฝีมือคน จอดก็ตาย” นายกัดกรามกรอด บังคับพวงมาลัยด้วยมือเดียวล้วงปืนพกกระบอกหนึ่งออกมา วางไว้หน้ารถ สมบัติสะดุ้งโหยง

“ถ้ามีอะไร เอ็งโดดมาขับ ข้าจะล่อกับมันเอง”

“ครับนาย” สมบัติว่า

โครม!

“หินอีกแล้วครับ นายระวังโค้งหักศอกข้างหน้า”

เอี๊ยดดดด...!

“นั่น คน”

ปัง! ปัง!

กระสุนสองนัดดังก้องราวป่า ก่อนที่ไอ้แก่จะหมดสภาพจอดเอียงกระเท่เร่อย่างหมิ่นเหม่จนแทบร่วงลงเขาข้างทาง หัวมันสำปะหลังหล่นกระจายเกลื่อน 

“โทร.หาช่างชดเดี๋ยวนี้” เสียงสั่งของนายเหี้ยมเกรียม พร้อมๆ กับมองไปรอบๆ ตัว มือกำปืนกระบอกนั้นไว้มั่น สมบัติกดโทรศัพท์มือสั่น เขาเห็นที่หน้าผากของนายมีเลือดไหล คงกระแทกตอนที่รถเบรกหมุนคว้าง

“ช่างชด ตามมาด่วน รถผมกับนายถูกหินหล่นใส่ คนลอบทำร้าย” สมบัติกรอกเสียงละล่ำละลัก ปลายสายร้องเรียกกันโหวกเหวก สมบัติค่อยใจชื้นไม่นานเกินสิบนาทีพวกเขาคงมาถึง

“นายเป็นยังไงบ้างครับ”

“ไม่เป็นไร เอ็งล่ะ” นายปาดเลือดด้วยแขนเสื้อ กัดฟันกรอด

“ไม่เป็นไรครับ แต่ผมเห็นคนสามสี่คนวิ่งลงมาจากหน้าผาไปทางโน้น”

“ดี ให้มันดาหน้าเข้ามา ข้ามีกระสุนพอสำหรับมันทุกคน”

“ใครมันคิดฆ่ากันได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมาที่ดงไม้หอมผมไม่เคยเห็น” สมบัติกระซิบ นายล้วงปืนสั้นอีกกระบอกออกมาจากเบาะรถ ยื่นให้

“ยิงเป็นไหม”

“พะ…พอเป็นครับนาย เคยยิงไก่ป่า แต่เป็นปืนลูกซอง”

“ดี ไอ้หน้าไหนโผล่มาจากแนวป่านั่นล่อให้หมด”

นายสั่ง ไม่ทันขาดคำก็มีเงาวูบที่แนวป่าห่างออกไปราวยี่สิบเมตร พนสณฑ์สาดกระสุนไปทางนั้นอีกสองนัด

ปัง! ปัง!

ปัง! ปัง!

สองนัดหลังคือเสียงกระสุนสวนกลับนาย พนสณฑ์กดบ่าสมบัติหลบวูบ ก่อนจะยิงสวนออกไปอีกสองนัด เสียงในราวป่าเงียบไปครู่ใหญ่

“นาย มีเสียงรถมา นั่นรถป่าไม้ เดี๋ยวผมจะ...”

“อย่า ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น รอคนของเราเท่านั้น”

“คุณๆ เป็นอะไรหรือเปล่า โดนหินหล่นใส่รึ” เสียงแหบห้าวร้องถามมาแต่ไกล ราวกับเคลียร์พื้นที่ก่อนเข้ามา นายขยับยิ้มมุมปาก

ไอ้พวกสุนัขรับใช้

“ไหนใครอยู่บนรถลงมาซิ”

“ตอบไปสมบัติ” นายกระซิบสั่ง หน้านิ่วเพราะอาการปวดมึนศีรษะ สมบัติตะโกนออกไป

“ผมเองครับ สมบัติลูกชายตาพร้อม รถเราโดนหินหล่นใส่เลยเสียหลักลงข้างทางครับ”

“งั้นรึ ปลอดภัยดีไหม มากันกี่คนล่ะ”

“ปลอดภัยดีครับ กำลังรอรถที่ไร่มารับ”

สมบัติพูดตามที่นายกระซิบบอก อีกฝ่ายเงียบไปก่อนตอบออกมาว่า “เออ งั้นก็ดีแล้ว ขับรถระวังๆ ด้วยล่ะ อุบัติเหตุมันมาก เดี๋ยวเผลอๆ ตายได้ง่ายๆ” เขาขยับรถมาใกล้ เยี่ยมหน้ามองเข้ามาในรถแล้วก็ขับพรืดออกไป

นายหัวหน้าป่าไม้คนนั้นนั่นเอง

“แปลก คนรถล้มไม่ยักคิดจะเรียกใครมาช่วย”

“มันมาดูว่าเอ็งตายหรือยังมากกว่า หรือไม่ก็กำลังไปตามพวกมาซ้ำ”

“หา! นายพูดเป็นเล่น” สมบัติอ้าปากค้าง สองมือกระชับปืนแน่นมองไปรอบตัว เสียงรถวิ่งอึงๆ มาจากด้านหลัง สมบัติชำเลืองมองผ่านกระจกรถที่แตกร้าว

“นาย รถพวกที่ไร่มา”

“เออดี”

“ทางนี้ๆ ช่างชด ช่างสามารถ พ่อ ทางนี้ นายหญิงมาดูนายไวๆ”

“นาย นาย เป็นยังไงบ้าง นาย” เสียงช่างชดผู้ชราร้องเรียกลั่น รั้งท้ายสุดคือร่างบางของนายหญิงแห่งไร่ดงไม้หอม หล่อนใช้มือปิดปากตัวเอง

กั้นเสียงกรีดร้อง ดวงตาเบิกกว้างอย่างคนตกใจสุดขีด หล่อนวิ่งตรงไปที่ไอ้แก่สภาพเกือบยับเยิน ไม่อยากนึกถึงคนที่โดยสารมันมาด้วย          

“นายเลือดออก หัวกระแทก”

“นายหญิงมาไหม” นายถามเสียงแหบ

“ฉันอยู่นี่ค่ะ คุณสณฑ์ เป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอนะคะ ช่างชดเร็วๆ เข้า สมบัติเป็นยังไงบ้าง”

“ผมไม่เป็นไรมากแค่เคล็ดยอก นายสั่งให้เกาะไว้ตอนมันเหวี่ยง พานายไปหาหมอเถอะครับ”

รุริรัตน์วิ่งนำช่างสามารถและลุงพร้อมที่ช่วยกันประคองปีกนายหนุ่มไปที่รถกระบะคันใหญ่ แล้วทั้งสองก็อยู่ที่รถคอยจัดการเรื่องไอ้แก่และหัวมันที่เทกระจัดกระจาย ที่เหลือนั่งอยู่บนรถที่ช่างชดขับบึ่งลงเขา มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด

รุจิรัตน์นั่งประคองศีรษะของสามีหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่ที่กระบะหลัง หล่อนใช้ผ้าเช็ดหน้ากดซับเลือดที่ไหลซึมจากบริเวณกกหู เขามีอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น

“ปืนอยู่ไหน”

“อยู่กับช่างชดค่ะ เรากำลังพาคุณไปหาหมอ เจ็บมากไหมคะ”

“ดี อาชดยิงปืนแม่น มีอีกกระบอกที่เอวผม ยังอยู่ไหม”

เขาถาม ดวงตาปรือๆ รุจิรัตน์เลิกเสื้อแขนยาวสีกากีของเขาขึ้นดู ปืนพกขนาดเล็กยังเหน็บอยู่ตรงเอวสอบ

“ยังอยู่ค่ะ”

“ดี ถ้ามันตามมาพ่อจะซัดให้เดี้ยง ไอ้พวกหมาลอบกัด”

“ใครคะคุณสณฑ์”

“ผมยังไม่แน่ใจ แต่คนสั่งคงใหญ่พอตัว ไม่อย่างนั้นคงเขย่าเขาทั้งลูกใส่ผมกับสมบัติไม่ได้”

“โธ่ ไม่น่าเลย” รุจิรัตน์คราง หล่อนเคยเห็นอำนาจเงินมาแล้วเมื่อ

อยู่กับบิดา เงินทำให้คนหลงหน้ามืดตามัวทำได้ทุกอย่าง

“ลูกแก้วต้องหัดยิงปืนนะ ไว้ผมจะหัดให้” เขาแหงนหน้าสบตากับเจ้าของดวงหน้างามที่อุทิศตักนุ่มๆ ให้หนุน

“ค่ะ ค่ะ คุณให้ทำอะไรลูกแก้วจะทำทั้งนั้น จะเชื่อฟังทุกอย่างเลย แต่สอนขับรถให้ก่อนได้ไหมคะ ช่างชดขับช้าจริงๆ เมื่อไหร่จะถึงโรงพยาบาลเสียทีนะ” พนสณฑ์ยิ้มกับอาการร้อนใจของภรรยา เจ็บกายแต่หัวใจพองโตคับอก

“คุณเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนอีกไหม มันเกิดอะไรขึ้น”

“เราถูกหินกระแทกใส่ ผมหมายถึงหินขนาดใหญ่ๆ กลิ้งลงมาจากเขาพร้อมๆ กันเป็นสิบๆ ลูก แล้วก็ยิงกันนิดหน่อย” เขายักไหล่แล้วก็นิ่วหน้า เจ็บจนต้องกดหน้าลงกับตักนุ่ม กัดฟันกรอด สบถลั่น

“เจ็บฉิบ”

“โธ่ ทนเอาหน่อยนะคะ เดี๋ยวก็คงถึงโรงพยาบาลแล้ว ป่านนี้ช่างสามารถคงบอกช่างชัยแล้ว เราต้องแจ้งความนะคะ เอาผิดกับคนผิดให้ได้”

“อืม ป่านนี้มันคงลงบันทึกประจำวันรอไว้แล้วกระมัง” พนสณฑ์ยิ้มหยัน

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ช่างเถอะ คุณช่วยดูหน่อยว่าหัวผมแตกตรงไหน”   

“คะ? ค่ะ ได้ๆ ค่ะ นี่ไงคะตรงเหนือขมับนิดหน่อย”

หล่อนค่อยๆ เลิกผมที่เริ่มมีเลือดเกาะกรัง

“ฉิบหาย หมดหล่อกันพอดี พยาบาลต้องโกนผมออกตั้งกระจุก ติดผ้าปิดแผลเบ้อเร่อ น่าเกลียดตายเลย” เขาบ่น กดหน้ากับมือหอมๆ นิ่มๆ ของภรรยาสาว หล่อนทอดถอนใจกับกิริยาของเขา

พ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวน หลานรักหลานชังของมหาเศรษฐีใหญ่ บทจะออดจะอ้อนก็น่าหยิกนัก

แต่เอาไว้ค่อยหยิกทีหลังก็แล้วกัน แค่นี้เขาก็ระบมไปทั้งตัวแล้วกระมัง

********

พนาพร่ำรัก หมดเขตสั่งจองในราคาพิเศษวันจันทร์ที่จะถึงนี้แล้วจ้า (9 เมษายน 2561) นักอ่านใดสนใจสั่งจองได้ 3 ช่องทาง

-ร้านนิยายรัก.com และร้านbooksforfun
-inbox หาแอดมินเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’
-เมล์สำนักพิมพ์ plaipakkabooks@gmail.com

ราคารอบ pre-order 299 บาท (จากราคาปก 329 บาท)
ส่งแบบลงทะเบียน 40 บาท (รวมเป็น 339 บาท)
ส่งแบบ ems 60 บาท (รวมเป็น 359 บาท)

**วิธีสั่งจอง แจ้งชื่อเรื่อง+จำนวน+วิธีจัดส่ง**

รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ในเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’

ส่วนรูปแบบ eBook วางจำหน่ายหลังปิดจองจ้า

หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 เม.ย. 2561, 09:55:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 เม.ย. 2561, 09:55:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 764





<< บทสัมภาษณ์นักเขียน 'หอมดึก'   บทที่ 6 - 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account