พนาพร่ำรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อ 'พนสณฑ์' ทายาทเจ้าสัวพันล้าน ถูกกลั่นแกล้งให้รับมรดกเป็นที่ดินรกร้าง พร้อมเงื่อนไขต้องสร้างเงินล้านให้ได้ภายในปีเดียว แถมยังพ่วงเมียขัดดอก ลูกสาวนักพนันมาด้วย จะไหวไหมงานนี้...


***************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดจ้า เพราะพ่อสณฑ์ของเราถึงแม้จะเป็นพระเอกสายโหด แต่ขยัน ‘รัก’ เมียสุดหัวใจ พ่วงด้วยความฮาแบบชาวบ้านตามท้องไร่ท้องนา บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!


**************

นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์


(หนังสือพร้อมส่ง)


ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 369฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
Tags: แบดบอย ทายาทเศรษฐี ลูกสาวนักพนัน เมียขัดดอก น่ารัก ละมุน คู่ชีวิต ท้องไร่ท้องนา

ตอน: บทที่ 8 - 100%

“กาแฟหอมจังนะคะสณฑ์ ขอตาสักแก้วสิคะ” เสียงหวานแหบทรงเสน่ห์อย่างคนเพิ่งตื่นดังมาจากร่างสูงโปร่งที่ลำคอระหงมีผ้าพันผืนเล็กราคามหาศาล พันไว้เก๋ไก๋

“ได้สิครับ ไม่ใส่ครีม ไม่ใส่น้ำตาลเหมือนเดิมนะ”

“ค่ะ แหมชื่นใจที่ยังจำได้” พนสณฑ์รู้สึกพลาดไปถนัดเมื่อได้ยินคำโต้ตอบของศรุตา เขารินกาแฟดำยื่นให้หล่อน ศรุตารับแก้วมายืนหันซ้ายหันขวา

“ไปนั่งที่ระเบียงกันก็ได้ ลูกแก้วเดี๋ยวผมมาช่วยยกมื้อเช้านะครับ เอ…สองหนุ่มนั่นยังไม่ตื่นหรอกหรือ”

“ยังหรอกค่ะ ต่อให้ช้างมาฉุดทั้งโขลงก็คงไม่ตื่นหรอก เมาเสียขนาดนั้น” เสียงพูดคุยดังแว่วๆ มาจากระเบียง รุจิรัตน์บังคับตัวเองให้จดจ่ออยู่กับการทำอาหารเช้า มากกว่าการเงี่ยหูฟังเสียงห้าวๆ ของสามีสลับกับเสียงหวานกังวานของคู่สนทนา หล่อนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนน้ำตาคลอ

แดดยามเช้าเริ่มทอแสงอ่อนๆ ไล่หยาดน้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดหญ้าต่ำเตี้ยให้เหือดหาย จะต่างอะไรกับรสหวานของความรักยามค่ำคืนที่จืดจางไปในยามฟ้าสาง

กาแฟร้อนๆ หอมกรุ่นคงยั่วยวนใจไม่แค่กับศรุตาเท่านั้น ไม่นานนักสองหนุ่มนักซิ่งทายาทเศรษฐีก็งัวเงียมุดมุ้งออกมาทำท่าบิดขี้เกียจ รชตนั้นร้ายหน่อยตรงที่เดินมาชะโงกหน้ามองลงไปในแก้วกาแฟของศรุตา ทำท่าสูดจมูกลึกล้ำ ว่องไวจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่ร้องกรี๊ดใส่ ยกแก้วกาแฟของตนหลบอย่างแรงจนกระฉอก น้ำกาแฟร้อนๆ ลวกมือขาวนวล

“ต๊ะ เล่นอะไรวะ เป็นไงบ้างตา ลวกเยอะไหม ทายาหน่อยผมมียา” พนสณฑ์รีบเดินเข้าไปหยิบยาในห้อง รชตจ้องมองมือขาวๆ ที่ออกสีชมพูเรื่อๆ เขาเอื้อมมือจะคว้ามาดู แต่เจ้าหล่อนตวาดแหว

“อย่าเข้ามาใกล้นะ ตื่นมาหน้าตายังไม่ได้ล้าง ซกมกอย่างนี้ แถมมาทำเขาเจ็บอีก แย่มาก”

รชตยักไหล่ พยักพเยิดกับอรรณพที่หรี่ตามองพนสณฑ์เปิดหลอดยา บรรจงทาลงบนแผลน้ำร้อนลวกเบาๆ ศรุตาไม่ละสายตาจากใบหน้าคมสันที่ก้มน้อยๆ

สณฑ์มีน้ำใจแบบนี้เสมอ ทำไมนะหล่อนจึงมัวแต่รักสนุก ไม่มองเห็นค่าของเขาเสียก่อนที่จะมีคนมาชุบมือเปิบ ใช่สิ ยายเด็กไม่ประสานั่น ไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับสณฑ์หล่อน

“เฮ้ย ณพ เข้าครัวไปขอกาแฟขมๆ ของคุณลูกแก้วกินดีกว่า อยู่แถวนี้มันเลี่ยนว่ะ เบื่อพวกพระยาเทครัว” รชตเอ่ย เดินนำสหายหนุ่มเข้าไปในครัว พนสณฑ์อดมองตามไปไม่ได้ นึกหงุดหงิดที่เพื่อนทำเหมือนคอยจับผิด เจ้าสองคนนี้มันแสนจะเจ้าชู้ เมียเขาก็สวยน่ารัก แถมยังอ่อนต่อโลกขนาดนั้น ขืนมันเกี้ยวเข้าให้มีหวังจะหลงคารมมันเป็นแน่

“นาย นายครับ ตื่นหรือยัง” เสียงเรียกดังมาจากบันไดหน้าบ้าน

“ตื่นเพราะเสียงมึงนี่ล่ะ มีอะไร มากวนอวัยวะแต่เช้า”

“ชะอุ๊ย นาย ดุแต่เช้าเลย สงสัยไม่ได้ทำการบ้าน”

“บ่นอะไรของมึง ขึ้นมา”

“นายครับ ป๋าโทร.มา” ช่างชัยรั้งรอไว้เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งจิบกาแฟอยู่กับนายคือคุณศรุตาแฟนเก่านาย หล่อนคงไม่พอใจนักหรอก นายยื่นหลอดยาขาวๆ ให้หล่อน แล้วก็ขอตัวลงเรือนตามช่างชัยไป

“ป๋าบอกว่าพวกสรรพากรมาตรวจ หาว่ารถที่เรานำเข้ามาจากญี่ปุ่นแจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริง”

“คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่เราเคยติดต่อด้วยสินะ”

“ไม่ใช่ครับนาย พวกใหม่ ใหญ่กว่า เห็นว่ามาจากส่วนกลาง”

“อีกแล้วรึ” พนสณฑ์มีสีหน้าครุ่นคิด ใครกันที่กัดไม่ยอมปล่อยขนาดนี้

“ป๋าบอกว่ามันขู่จะยัดข้อหาฟอกเงิน”

“ไอ้พวกหมาลอบกัด ป๋ากับนายแม่เป็นยังไงบ้าง”

“สบายมาก ว่าแต่นายจะเอายังไง”

“จะกลับไปดู เอ็งกับอาชดอยู่จัดการทางนี้ก็แล้วกัน”

“นายจะพานายหญิงไปด้วยรึ”

“ก็เออสิ จะให้กูทิ้งเมียไว้เรอะ”

“แหม เต็มปากเต็มคำนะเดี๋ยวนี้”

“สมชัย ไปจัดการที่สั่งเลยไป” นายไล่ แต่กระนั้นสมชัยก็ยังเห็นโหนกแก้มนายมีสีเรื่อๆ หน้าแดงอย่างกับเด็กหนุ่มๆ ริรักยังไงยังงั้น หลังอาหารมื้อเช้าวันนั้น พนสณฑ์ก็เอ่ยบอกข่าวเครียดแก่ภรรยาสาว

“ลูกแก้ว ผมมีธุระด่วนที่อู่ สงสัยเราต้องไปจัดการธุระกันสักสองสามวันนะครับ”

“ไปสองสามวันเลยหรือคะ แล้วพวกผลผลิตที่ชาวบ้านเอามาขายล่ะคะ”

จะอะไรกันนักกันหนานะแม่คนนี้ สณฑ์คงอยากจะออกไปจากบ้านป่า ไปหายใจหายคอบ้าง ก็มัวแต่จะขัดอยู่นั่น ธุรกิจอะไรนักหนากันเชียว ศรุตานึกขวาง

“สมชัยจะจัดการเอง ผมให้อาชดอยู่ด้วย”

“คุณสณฑ์คะ ลูกแก้วว่าชาวบ้านเขาจะคลางแคลงใจเอานะคะ เราเพิ่งเปิดกิจการก็มีเรื่องเกิดขึ้นหลายอย่าง ตอนนี้ความเชื่อมั่นก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ยังไงให้ลูกแก้วอยู่จัดการธุระทางนี้เถอะนะคะ”

“ไม่ได้ มันไม่ปลอดภัย คุณจะอยู่ยังไง”

“ลูกแก้วอยู่ได้ค่ะ” หล่อนค่อยๆ บอกเขา แต่อีกฝ่ายหน้าบูดบึ้ง

ทำไมนะ เขามีแต่อยากอยู่กับหล่อนทุกวินาที แต่หล่อนกลับพร้อม

จะห่างเขาตลอดเวลา

“เฮ้ย ต๊ะ ไปดูรถกันหน่อยเว้ย วันนี้ต้องวิ่งกลับทางไกลน่าดู ตาไปอาบน้ำอาบท่าเสียสิ สายแล้วเดี๋ยวไม่สวยนา” อรรณพบอกกึ่งไล่เพื่อเปิดโอกาสให้ผัวเมียได้คุยกันตามลำพัง ศรุตาสะบัดหน้าแต่ก็ยอมผละไปโดยดี

เมื่อทั้งหมดลงเรือนไปแล้ว พนสณฑ์ก็กึ่งจูงกึ่งลากแขนเล็กๆ ของภรรยาเข้าห้องไป พร้อมปิดประตูดังปัง รุจิรัตน์นั่งนิ่งอยู่บนเตียงมองสามีที่เดินไปเดินมาระหว่างตัวหล่อนกับหน้าต่างห้องนอน ทำหน้าตาราวกับเด็กโดนขัดใจ

“อยากให้ผมไปคนเดียวจริงๆ หรือ”

“ไม่ค่ะ แต่มันจำเป็นนี่คะ”

“ไม่ ไม่มีอะไรจำเป็นหรือสำคัญไปกว่าเราได้อยู่ด้วยกัน เข้าใจไหมลูกแก้ว หลังจากเมื่อคืนนี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ‘เรา’ อีกแล้ว”

คำเอ่ยนั้นของพนสณฑ์ รุจิรัตน์สูดลมหายใจเข้าลึกล้ำ ราวกับจะเก็บกักความหวานซึ้งนั้นไว้กับอก

“เข้าใจค่ะ แต่ว่าเรากำลังพยายามทำให้กิจการของไร่ดำเนินไปด้วยดี คุณสณฑ์ลองนึกดูสิคะ ถ้ามีใครมาที่ไร่แล้วใส่ไฟเราให้ลูกค้าฟังอีก ใครจะคอยแก้ข่าว คอยอธิบาย เราจะปิดลานมันไปก็ไม่ได้เพราะชาวบ้านที่มาขายมันกับเรา จะเอาไปขายที่เก่าไม่ได้แล้ว ลูกแก้วทำได้ค่ะ คุณสณฑ์เชื่อลูกแก้วไหมคะ” หล่อนพูดกับแผ่นหลังกว้างของสามีที่ยืนมองออกไปนอกห้อง ไม่ยอมมองหน้าหล่อน

“รู้แล้วว่าเก่ง แต่ผมเป็นห่วง” เขาเดินมาทรุดตัวลงนั่งโอบรอบเอวคนที่นั่งหย่อนขาอยู่ที่เตียง เขาแหงนหน้ามองสบตาบนใบหน้างามที่ก้มลงมามอง

“ลูกแก้วก็ห่วงคุณสณฑ์ แต่ป๋ากับคุณแม่ต้องการความช่วยเหลือใช่ไหมคะ ไปเถอะค่ะ ไปช่วยท่าน ทางนี้ลูกแก้วจัดการได้แน่ๆ ช่างชัย ช่างชด สมบัติ ลุงพร้อม ป้านวลก็อยู่ครับ ดูสิคะลูกแก้วมีคนช่วยตั้งเยอะ คุณสณฑ์ยังจะห่วงอีกหรือ” หล่อนบอกเสียงหวานพลิ้ว เอาอกเอาใจ เขาหยัดกายขึ้นจรดจุมพิตบนคางกลมมน น่ารัก

“หวงเมียด้วย ทิ้งไปตั้งสองสามวัน ตั้งแต่เมื่อคืน บอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว”

“ลูกแก้วจะรอค่ะ นะคะ” หล่อนอิ่มเอมใจกับความหวานของเขา พนสณฑ์ดันร่างอรชรให้เอนลงบนเตียงนุ่ม ร่างแกร่งทาบทับ แนบแน่น สองมือลูบไล้ใต้เนื้อผ้าที่ปกปิดเนื้อนวลนิ่มมือ รุจิรัตน์สั่นสะท้าน แต่ไม่ขัดขืน ไม่เพียงแต่เขาหรอกที่โหยหาหล่อน รุจิรัตน์เองก็ไม่ต่างกัน ความรู้สึกทั้งขมทั้งหวานสลับกันมันประหลาดนัก

พักใหญ่ๆ ที่สามีหนุ่มภรรยาสาวได้ใช้เวลาปรับความเข้าใจกันก่อนที่พนสณฑ์จะเดินนำหล่อนออกจากห้องนอน เขาแบกเป้ประจำกายมาด้วยใบหนึ่ง รุจิรัตน์เก็บเสื้อผ้าให้เขาสองสามชุด แม้จะมีเสื้อผ้ามากมายที่บ้านแต่ความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ของหล่อนก็ทำให้เขาอิ่มเอิบใจ

“จะไปเลยหรือไอ้เสือ”

“เออ ที่อู่กำลังยุ่ง ข้าห่วงป๋ากับแม่”

“มีอะไรก็บอก”

“เออ ข้าจะไปเลยนะ พวกนายตามมาก็แล้วกัน จะตรงไปที่อู่เลย รีบไปรีบกลับ ห่วงทางนี้” เขาหันหน้ามาทางรุจิรัตน์แววตาห่วงหาอาทร ศรุตาเบือนหน้าหนี หยิบหมวกกันน็อกมาสวม แล้วก็สตาร์ตเครื่องรถ

“ไว้เจอกันที่อู่นะคะสณฑ์ ตาจะไปรอ ขอบใจนะคุณลูกแก้ว ฉันไปล่ะ” หล่อนบอกแล้วก็เหวี่ยงขายาวๆ ขึ้นนั่งคร่อมพาหนะราคาแพงของตนก่อนจะบิดเร่งเครื่องบึ่งออกไป

“ใจร้อนตามเคย” รชตบ่น ส่ายหน้า

“ตามไปเถอะค่ะ ถนนลาดชันมาก” รุจิรัตน์บอก อรรณพยิ้มบางๆ ให้หล่อน

“ไว้พบกันใหม่นะครับคุณลูกแก้ว คราวหน้าลงเขาไปเยี่ยมเราบ้างนะครับ”

“นั่นสิ ลงไปดูเสียหน่อยก็ดีว่าหมอนี่ซุกใครไว้บ้างหรือเปล่า” รชตเอ่ยก่อนจะเร่งเครื่องบึ่งออกไป พนสณฑ์ร้องด่าไล่หลัง หันมามองภรรยาหน้าแหยๆ

“อย่าไปฟังนะ พวกนี้มันชอบเผาผม”

“หรือคะ” หล่อนทำสายตาล้อเลียน แต่เขาร้อนตัวจนไม่เป็นอันลา

“พูดแบบนี้ ไม่ไปแล้วนะ”

“ไปเถอะค่ะ ลูกแก้วเชื่อใจคุณ ลูกแก้วจะตั้งใจทำงานรอนะคะ รับรองกลับมาคุณสณฑ์นับเงินไม่ไหวแน่”

“ขนาดนั้นเลยหรือ เมียจ๋า” เขารวบร่างบางเข้ามาแนบอก กอดรัดหล่อนแนบแน่น เขารู้ในวินาทีนั้นว่าความรู้สึกทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งห่วงเป็นอย่างไร



**********************



หลังจากพนสณฑ์ออกจากไร่ไปแล้ว นายหญิงของไร่ดงไม้หอมก็คว้าหมวกปีกกว้าง เดินลงไปที่ลานมัน เวลายังไม่ถึงสองโมงเช้าดีเท่าไหร่ คนงานที่มาทำงานรายวันยังมาไม่ครบ หล่อนถือกล่องหมูทอด กุนเชียงทอด ไข่เค็มมาฝากช่างชด ช่างชัย สมบัติ และคนขับสิบล้อที่อยู่เวรเฝ้าลานมันยามค่ำคืน

“ต้มข้าวต้มขึ้นสักหม้อสิจ๊ะ ฉันมีเครื่องเคียงข้าวต้มหลายอย่าง เสียดายที่ข้าวต้มหมดเกลี้ยงเลย หรือจะให้ฉันต้มให้ล่ะ” หล่อนแทนตัวเองว่าฉันเพื่อให้ง่ายแก่การปกครอง ยกเว้นยามคุยกับช่างชด ลุงพร้อม หรือป้านวลเท่านั้นที่หล่อนจะแทนตัวเองว่าลูกแก้ว ช่างชัยจัดการต้มข้าวต้มหม้อใหญ่ นายหญิงเดินไปดูซากเจ้าแก่โดยมีช่างชดเดินตามไปด้วย

“เป็นอย่างไรบ้างคะ พอจะซ่อมไหวไหม”

“นายซ่อมได้ทุกอย่างครับ นี่โทร.ไปสั่งอะไหล่ที่อู่ไว้แล้ว เดี๋ยวคงขนมาด้วย”

“ดีจริง คราวนี้เราก็มีรถบรรทุกสองคัน สมบัติหายกลัวหรือยังจ๊ะ” หล่อนหันไปถามคนงานหนุ่มเจ้าถิ่น

“ดีขึ้นแล้วครับ พี่ศักดิ์กำลังสอนผมขับสิบล้ออยู่”

“อ๋อ ดีเลยจ้ะ ระวังๆ ด้วยนะสมบัติ ประสบการณ์ยังน้อย อย่าขับไวมากนัก” คนขับรถไม่เป็นสอนไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นรื่นหู

“ครับนายหญิง”

“วันนึงเราขนไปโรงงานได้กี่เที่ยวคะ”

“เต็มที่ก็เช้าสาม บ่ายสามครับนายหญิง แต่ถ้าฝนตกก็อาจจะได้แค่วันละสี่เที่ยว แต่ถ้าซ่อมเจ้าแก่เสร็จก็สบายล่ะครับ”

“ดีจ้ะ เราไม่อยากเก็บผลผลิตไว้นาน กลัวมันเน่าเสีย เผื่อฝนตกล่ะแย่เลย เรายังไม่มีโกดังแห้งๆ ไว้เก็บผลผลิตเลย”

“เอ มีไว้ก็ท่าจะดีนะครับนายหญิง ลองคุยกับนายดูสิครับ”

“จ้ะ ไว้ให้นายกลับมาก่อน สร้างฝั่งโน่นดีไหมจ๊ะ ฉันสังเกตว่าด้านหน้ารับแดดได้ดีเชียว แถมลมโกรกอีกต่างหาก”

“ดีครับ งั้นผมจะให้คนงานที่ว่างๆ มาถากถางหญ้าไว้ก่อนนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ” หล่อนประนมมือไหว้นายช่างอาวุโส

“นายหญิงจะให้ยายนวลมานอนเป็นเพื่อนไหมครับ” ลุงพร้อมถามระหว่างมื้อเช้า

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันมีแม่แดงกับพวกเจ้าลูกอม ลูกกวาด มันเห่าเสียงดังจะตาย ว่าแต่ทางนี้อย่านอนขี้เซานักก็แล้วกัน”

“ไม่หรอกครับ เราผลัดกันอยู่เวรกลางคืน นายสั่งกำชับไว้” ช่างชัยพูดให้ใจชื้น

“ดีจ้ะ” รุจิรัตน์นึกขอบคุณสามีที่สั่งการคนงานไว้อย่างรอบคอบ ถึงหล่อนจะปากแข็งอย่างไรก็อดกลัวไม่ได้ ทำได้แต่ข่มไว้เพราะความจำเป็นบังคับ หากหล่อนไม่เข้มแข็ง ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ แบ่งเบาเขาบ้าง หล่อนก็คงไม่ต่างจากเมียบำเรอทั่วไป ดีหน่อยก็ได้ตำแหน่งแม่บ้าน ยามสามีเขาเบื่อคงเบือนหน้าหนีเพราะไม่มีความดีใดมาผูกมัดกันไว้นอกจากความสัมพันธ์ทางกาย ที่อาจจะจืดจางไปได้ตามกาลเวลา

จริงหรือที่ความรู้สึกลึกซึ้งรึงเร้าใจตลอดทั้งคืนแบบนั้น จะเหือดหายโรยราไปได้จริงๆ 

รุจิรัตน์มองไม่เห็นทางใดเลยที่หล่อนจะลืมค่ำคืนที่ผ่านมากับพนสณฑ์ได้ แค่คิดถึงหัวจิตหัวใจก็เต้นระส่ำ ปฏิกิริยาทางกายบางอย่างยังย้ำเตือนถึงสัมผัสประทับรับขวัญทั้งตีตราจองของเขา แล้วเขาเล่าจะลืมหล่อนได้ง่ายๆ ไหมหนอ


**********

วันนี้ทีมงานมาอัพดึกหน่อยนะคะ^^ มีข่าวดีมาแจ้งด้วยค่ะ

เร็วๆ นี้พนาพร่ำรักจะได้วางจำหน่ายที่ ‘ศูนย์หนังสือจุฬาฯ’ แล้วนะคะ นักอ่านท่านใดถนัดสอยที่ร้าน จัดไปจ้าาาา

ส่วนนักอ่านคอ eBook ค้นหาคำว่า ‘พนาพร่ำรัก’ ที่เว็บ Mebmarket ได้เลย!


หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2561, 22:47:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2561, 22:47:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 863





<< บทที่ 8 - 45%   บทที่ 9 - 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account