กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๑ การพบเจอ -จบตอน-

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โซฟานั้นค่อนข้างจะทำให้ จิรสุตาแปลกใจ หล่อนมองอยู่นานจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวหันมามองบ้างก่อนจะยิ้มให้ เอ่ยทักเสียงค่อนข้างดัง

“ตา! ยืนเหม่ออะไรล่ะจำพี่ไม่ได้หรือไง” หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มร่าเดินเข้าไปหา

“พี่สิน ไม่ได้เจอตั้งนานดำขึ้นตั้งเยอะแน่ะจำแทบไม่ได้เลย”

“น่าดีใจนะ คำแรกก็ว่าพี่ดำเลย”

พี่ชายประชดแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจ หล่อนนั่งลงก่อนจะจับแขนพี่ชายขึ้นมาสำรวจ

“ไปทำอะไรมาล่ะ”

“ก็ทำงานนั่นแหละ เอ้านี่ของฝาก”

ผู้เป็นพี่ชายยิ้มกว้างบอกน้องสาว

สิน จิรสินเป็นลูกพี่ลูกน้องของหญิงสาว เขาเป็นคนแปลกมากในบรรดาลูกๆ ของลุงผู้เป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ เพราะทั้งๆ ที่มีบริษัทของตัวเองแต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมเข้ามาบริหารงาน ยังคงให้พ่อดูแล ส่วนตัวเขากลายเป็นวิศวกรหนุ่มผู้ตามความฝัน

ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของจิรสุตาไปทำงานที่ต่างจังหวัดตั้งแต่จบใหม่ๆ สร้างโน่นสร้างนี่ไปตามเรื่อง และดูเหมือนว่านี่คือการกลับบ้านในรอบเจ็ดปีของเขาเลยทีเดียว เหตุผลก็เพราะจิรศักดิ์ผู้เป็นบิดาของชายหนุ่ม และลุงของหญิงสาวเกิดป่วยขึ้นมา เขาเลยต้องกลับมาดูแลแทนชั่วคราว

“แล้วโดนใครจับแต่งตัวแบบนี้เนี้ย มันดูไม่ใช่พี่สินเลยนะ”

หล่อนท้วงเพราะผู้เป็นพี่ชายจะไม่มีวันยอมแต่งตัวเนี๊ยบ หรู ดูดีแบบนี้เด็ดขาด ถ้าไม่โดนใครบังคับ

“แม่ เมื่อคืนพ่อนอนที่นี่ไช่ไหมล่ะ พี่เลยเจอแต่แม่ เมื่อเช้าบังคับให้พี่ใส่ออกมาส่งพี่ถึงหน้าบ้าน แล้วไอ้รถเจ้ากรรมมันก็เสีย ต้องใส่ไอ้ชุดแบบนี้ล่ะขึ้นรถสองแถวมาคนมองตรึม” พี่ชายส่ายหน้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าโดนมารดาทำอะไรบ้าง ก่อนจะถามไปอีกเรื่อง “จริงสิ เมื่อเช้าน่ะเหมือนพี่จะเห็นตารอรับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอทำงานที่นี่เหรอ”

“อะไรเนี่ย” จิรสุตายิ้มล้อ “คุยเรื่องเสื้อผ้าอยู่ดีๆ เปลี่ยนซะงั้น”

“ตอบมาเหอะน่า”

“เพื่อนตาชื่อ พิมพ์ หนูพิมพ์ไงตอนเด็กๆ ไปเล่นที่บ้านพี่สินบ่อยๆ จำได้ไหมคะ แต่เอ๊ะ งั้นเมื่อเช้าที่ตาเห็นตรงป้ายรถเมล์”

“อ้าวเห็นด้วยแฮะ”

“แล้วเจอกันได้ไง ทำไมพิมพ์มันจำพี่ไม่ได้ เมื่อก่อนเจอออกบ่อย”

“ไม่รู้สิ ดูไม่ค่อยพูดนะ ตอนเด็กช่างจ้อจะตายไป” ชายหนุ่มพึมพำ รอยยิ้มที่เผลอละมุน “ว่าแต่นั่นใช่หนูพิมพ์ตัวเล็กจริงเหรอ”

จิรสุตาหรี่ตามองพี่ชายอย่างจับผิด

“บอกตรงๆ นะพี่จำไม่ได้เลย หายไปหลายปีกลับมาไม่ใช่เด็กแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำ ย้อนนึกไปในอดีตตอนที่ยังเรียนมหาลัยอยู่

“แล้วมีแฟนหรือยังล่ะ”

“ตาน่ะเหรอ” จิรสุตาตีมึน จิรสินถอนหายใจเหลียวมองพลางเลิกคิ้วขึ้น และน้องสาวก็ค้อนคอแทบหัก

“ยังไม่มี แต่ขอเตือนนะ อย่ามาหลีเพื่อนตาเล่นๆ!”

“ทำไมล่ะ”

“อย่าเลยพี่สิน พิมพ์มันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ มันรักใครไม่ได้หรอก”

“ไม่ลองไม่รู้” คนดื้อดึงบอกอย่างมั่นใจ แต่คนฟังถอนใจอีกรอบ

“ช่วยพี่หน่อยนะ เผื่อยังไงพี่จะได้แต่งงานเสียที”

“โอ๊ยถ้าอยากแต่งจริง ทำไมจะแต่งไม่ได้ แค่เดินออกไปเนี่ยสาวๆ ไม่รุมให้มันรู้ไป ทั้งฐานะทั้งเงินทองทั้งหน้าตาพี่สินก็มีครบหมด เสียอย่างเดียวตัวพี่นั่นแหละ ที่หวงไอ้ชีวิตโสดนี่เกาะจนไม่ยอมปล่อย คุณป้าเล่าให้ตาฟังหมดแล้ว สาวๆ ที่คุณป้าหาให้พี่สินปฏิเสธหมด จะสวยจะรวยจะดีไม่เคยสน แล้วยังไง ตายังไม่อยากเสียเพื่อนหรอกพี่สินหาทางเอาเองแล้วกัน” จิรสุตาพูดอย่างฉุนจัด เมื่อเห็นท่าทางของพี่ชาย

“เอาละๆ แค่ให้ช่วยเองบ่นจนหูชา พี่พูดไปงั้นแหละ”

“เออ ให้มันจริงเถอะ” จิรสุตากอดอกมองเคืองๆ เมื่อคนข้างตัวเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วตอนนี้พักที่ไหนไม่ได้พักกับแม่นี่”

จิรสินเอ่ยถามเมื่อเอนพิงโซฟา ในขณะที่มือก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านด้วยท่าทางสบายๆ

“อพาร์ตเม้นต์เดียวกันกับที่เดิมนั่นแหละ แล้วทำไมเมื่อเช้าถึงได้มาทางนั้นล่ะ”

“ขึ้นรถผิดเลยต้องไปต่อแถวนั้น” จิรสินบอกยิ้มๆ

“เหรอ-อ-อ”

จิรสุตาลากเสียงยาวมองอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเลิกสนใจชายหนุ่ม หันไปค้นของฝากกุกกัก โดยลืมไปว่าคนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ไม่ได้อ่านจริงจังเพียงแต่เอาขึ้นมาบังหน้าเพื่อเปลี่ยนเรื่องเฉยๆ

เขามองน้องสาว แต่ใจคิดไปถึงเด็กผู้หญิงที่เคยเห็นในอดีต หนูพิมพ์ช่างจ้อ ขี้สงสัย

จิรสินผ่อนลมหายใจโคลงศีรษะ ก็น่ารักดี





“ฮัลโหล แม่ชะนีเสียชาติเกิด ทำอะไรอยู่ยะ” เสียงปลายสายในโทรศัพท์ดังขึ้น ทำเอาศศิพิมพ์ทั้งขำทั้งฉุน

“มีอะไรไอ้ก่อ” หญิงสาวเน้นเสียงคำพูดสุดท้าย

“ต๊าย! น่ารังเกียจก้อยย่ะ เรียกให้ถูกด้วย” ก่อเกียรติ หรือ ก่อ เพื่อนสนิทในก๊วนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่เป็นรู้ใจตัวเองว่าเป็นสาว แต่ยังชอบต่อยมวยจนกล้ามขึ้นบอกเสียงสูง

“เออ ก้อยก็ได้ ว่าแต่แกมีอะไรโทรมาป่วนชาวบ้านเขาแต่เช้า”

“สุขสันต์วันเกิดเบบี๋” เสียงอวยพรดังลั่น “ว่าแต่ว่าเลี้ยงที่ไหนปีนี้ แล้วมีหนุ่มๆ หน้าตาดีไปด้วยหรือเปล่า”

“หมูกระทะปากซอย!” ศศิพิมพ์บอกขำๆ “แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน ก๊วนเดิมนั่นแหละมาไหมล่ะ”

“ไม่รู้ย่ะ บอกวันมาก่อนสิก้อยคิวแน่นนะคะบอกก่อน เออ แล้วไง ปกติฉันโทรมาเป็นต้องได้ยินเสียงนังชะนีเผือกแล้ว ทำไมวันนี้เงียบๆ” คนว่าดัดสุ้มเสียงถาม จนหญิงสาวอดไม่ได้ต้องเอ็ดเอา

“แกนี่ เรียกตามันไม่เคยดีเลยนะ”

“เออๆ ก็เหมือนมันนั่นแหละ มันก็ไม่เคยเรียกฉันดีสักครั้ง ว่าไงไม่อยู่หรือไง”

“เมื่อกี๊ไม่อยู่ แต่ตอนนี้มาพอดีจะคุยด้วยไหมล่ะ” หล่อนว่า ก่อนจะกวักมือเรียกจิรสุตาที่หอบหิ้วถุงขนมเข้ามาหอบใหญ่ ผู้ที่มาใหม่เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าใคร

“ก่อ คุยด้วยไหม”

“ไม่เอาล่ะ ชะนีดัดแปลงแบบนังก่อฉันไม่อยากคุยด้วยเสียปาก” จิรสุตาตอบเสียงดังคิดเอาว่าให้ปลายสายได้ยินวางถุงขนมลง ศศิพิมพ์ส่ายหน้าก่อนจะแนบหูโทรศัพท์อีกครั้ง และทันได้ยินเสียงโหวกเหวกของปลายสายพอดี

“โอ๊ย ถ้าอยู่ต่อหน้าแม่จะตบให้หงายเลยคอยดู” หญิงสาวได้แต่หัวเราะแหะๆ พอกันทั้งคู่ก่อนจะตัดบท

“มาไหม”

“เออ คิดดูก่อนไม่แน่ ใกล้ๆ วันค่อยโทรมาบอกด้วยล่ะ”

“อื้อๆ แค่นี้นะ” หล่อนวางสายลงเมื่อคนปลายสายไม่ได้ว่าอะไรอีก แล้วเหลือยมองจิรสุตาที่ตอนนี้กำลังนั่งแกะขนมกินอย่างสบายใจ ธนวัฒน์เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะวางปากกาลง ถามหญิงสาวเมื่อจะเดินเข้าไปในส่วนครัวที่กั้นไว้

“เอาอะไรไหม พิมพ์”

“ไม่ดีกว่าค่ะ” หล่อนตอบ ลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ “แกนี่ เมื่อไหร่จะคุยดีๆ กับเจ้าก่อมันได้นะ” ปากว่าแต่มือที่จับถุงหยุดชะงัก มองอย่างไม่แน่ใจ

“ไม่ได้หรอก ว่าแต่มันโทร.มาทำไม” คนที่กินขนมหรือจะเรียกว่ายัดบอกอู้อี้ “ถ้าให้เดา มันโทร.มาหาเรื่องกินฟรีสิ”

ศศิพิมพ์ส่ายหน้า แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นถุงขนมที่จิรสุตายื่นให้

“ถุงนี้คุ้นๆ นะ”

คนฟังอมยิ้ม นึกขึ้นได้ “โธ่ ก็ถุงขนมอะแก”

“ไม่ใช่เหมือนถุงของคนเมื่อเช้า” ศศิพิมพ์บอกต่อ น้ำเสียงยังแสดงว่ามั่นใจเมื่อเห็นรอยขาด

“อ้อ ผู้ชายรูปหล่อในฝันของแกนั่นน่ะเหรอ ต๊ายนี่-แก-ยัง-จำ-ได้” จิรสุตาแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้คนที่เดินออกมาจากครัวได้ยิน และได้ผล อนุวัฒน์ชะงักเปลี่ยนใจเข้ามายืนข้างๆ ศศิพิมพ์ก่อนจะเอ่ยถาม

“ใคร พิมพ์”

“อะไรอะพี่วัด เชื่อยัยตาไปได้ ไม่รู้จักหรอกค่ะ เขาแค่ช่วยพิมพ์ไม่ให้ตกรถ แล้วพิมพ์ก็เลยถือของช่วยเขาเท่านั้นเอง”

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ กับความช่างพูดของเพื่อนสนิท ไม่ได้สนใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้รับ แต่กัญญาที่เฝ้ามองอยู่เห็น และเธอก็กล้ามากกว่าจิรสุตา จึงได้เอ่ยเตือนสติเขา

“พี่วัด พิมพ์มันไม่ใช่แฟนพี่ซะหน่อยทำหวงก้างไปได้”

“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะกัญ”

ชายหนุ่มหันไปมองกัญญาบอกเสียงดุๆ แต่หญิงสาวไม่สนใจยักไหล่และหันไปกระซิบกระซาบกับอาทิตย์แทน เมื่อถูกขัด และหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้มีท่าทีสนใจ ธนวัฒน์เลยหลบไปนั่งที่โต๊ะถอนหายใจกับตัวเองอย่างเบื่อๆ ผิดกับคนอีกสองคนที่กำลังกินขนม ซึ่งดูจะไม่รับรู้เรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เลย




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มี.ค. 2561, 22:42:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มี.ค. 2561, 22:42:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 716





<< ๑ การพบเจอ (70%)   ๒ ชนวน (35%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account