กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๓ ผู้สมรู้ร่วมคิด (35%)


“ค่ะ” จิรสุตายกโทรศัพท์มือถือขึ้นรับเพราะนึกว่าเป็นลูกค้าเนื่องจากว่าเบอร์นั้นไม่เคยเห็น บรรยากาศในช่วงนั้นค่อนข้างจะดีเต็มที่เพราะศศิพิมพ์หายโมโหแล้ว

“ตา... ออกมาหาพี่หน่อยอย่าเข้ามาในห้องนะอ้อมมาข้างหลังแทน”

“อะ--” ยังไม่ทันได้พูดปลายสายก็สวนขึ้น

“เฮ้ย! อย่าเรียกชื่อพี่นะ เหอะน่าขอร้องล่ะออกมาคุยกันหน่อยถ้าไม่อยากให้พี่โดนเพื่อนแกฆ่า”

จิรสุตาถอนหายใจหันไปมองเพื่อนรัก ที่ตอนนี้ง่วนอยู่กับงานแผ่ออร่าให้รู้ว่าห้ามยุ่งกำลังอยู่ในโลกส่วนตัว

“ค้า” หญิงสาววางสายตั้งท่าจะเดินออกไป แต่คนที่จมอยู่ในโลกส่วนตัวเงยหน้าขึ้นมอง

“ไปไหนแก”

“อ้อ... เอ่อ... คือจะไปเลื่อนรถ... คือแบบว่าเมื่อเช้าไม่ได้จอดในโรงรถฉันจอดไว้ข้างนอก ตอนนี้มันบ่ายแล้วแบบว่าตรงนั้นมันไม่มีร่มแดดแรงๆ ฉันกลัวว่าสีมันจะซีด” จิรสุตาเอ่ยตอบตะกุกตะกักไม่กล้าสบตา แถไปข้างๆ คูๆ

“นี่กลายเป็นคนรักรถตั้งแต่เมื่อไหร่”

ศศิพิมพ์มองเจ้าของรถอย่างเหลือเชื่อ เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมา เธอว่า เธอยังรักรถมากกว่าเจ้าของรถเสียอีก

“เหอะน่า เอาเป็นว่ารักรถดั่งลูกในไส้แล้วตอนนี้น่ะ”

คนฟังโคลงศีรษะ ก้มหน้าสนใจงานต่อ จิรสุตาจึงเดินออกมาอย่างสบายอกสบายใจ แต่พอออกมาพ้นประตูหน้าโถงใหญ่ กลับต้องถอนใจ ก่อนจะเดินตัวลีบหลบอยู่ในร่มพยายามให้ถูกแดดน้อยที่สุด

ก็แหม! เธอชอบให้ผิวมันขาวๆ มากกว่าเป็นสีแทนน่ะนะ

จิรสินมองญาติผู้น้องที่กำลังเดินเลียบกำแพงตรงมาหา ด้วยท่าทางเหมือนปูเลยอดแขวะไม่ได้

“โดนนิดโดนหน่อยมันไม่ดำหรอก ทำเหมือนท่านเคาน์โดนแดดไม่ได้เดี๋ยวจะละลาย” คนโดนแขวะมองกลับด้วยนัยน์ตาขุ่นๆ ขวางๆ ชายหนุ่มเลยต้องสงบปากสงบคำ เท้าแขนกับขอบหน้าต่างปั้นหน้าสำนึกผิดสุดฤทธิ์

“เขาหายโกรธหรือยัง”

เสียงอ่อยๆ ของพี่ชายทำให้คนที่หันหลังพิงกำแพงเอามือกอดอกหันขวับ ตอบประชดประชันแดกดันเต็มที่

“คิดว่าหายหรือยังล่ะ มันปาของจนตัวเองกระเจิงกลับเข้าห้องแทบไม่ทันแบบนั้นน่ะ”

“เฮ้ย! โกรธขนาดนั้นเลย” คนถามแกล้งตีหน้าซื่อไม่รู้ว่าตนเองก่อคดีอุกฉกรรจ์ไว้ขนาดไหน

“ใช่น่ะสิ!” จิรสุตาถอนใจ “ถามจริงๆ นะพี่สิน นอกจากเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆ ยัยพิมพ์แล้วพี่ทำอะไรอีก ยัยพิมพ์ถึงได้โกรธเป็นไฟลามทุ่งขนาดนั้น ฟังๆ ที่มันฝากด่ามาแหม่งๆ อยู่นะทั้งไอ้โรคจิต บ้ากาม หื่น แล้วยังอีกสารพัด นี่พี่มันฝากมาเตือนด้วยว่าถ้าเข้าใกล้มันอีก พี่เตรียมตัวเป็นขันทีได้เลย”

จิรสินยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ

“โหดจริงแฮะ พี่ก็แค่แหย่เล่น”

“แหย่บ้านสิ!” น้องสาวมองค้อนตาขวาง “ไอ้ที่พี่ล่าแต้มตอนสมัยมัธยมน่ะ พิมพ์มันจำฝังใจ แหย่แบบนี้ก็เหมือนสาดน้ำมันลงในกองไฟนั่นแหละ ดีเท่าไหร่มันไม่ตามเข้าไปอาละวาดพี่ในห้องลุง”

“เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้”

“นั่นเมื่อก่อน ส่วนตอนนี้ เออๆ เอาเหอะ เอาเป็นว่าถ้าพี่อยากอยู่สงบๆ ไม่อยากเสียพนักงานบัญชีกับการเงินพร้อมกันก็อย่าไปแหย่ยัยพิมพ์นักเลย อยู่ใครอยู่มัน โอเค้”

ครั้นพอพี่ชายไม่ตอบรับ จิรสุตาก็ขยับมองหน้า

“พี่สิน ตาพูดจริงนะ อย่ายุ่งกับยัยพิมพ์เลยสงสาร”

“อะไรจะสงสารขนาดนั้นกัน” จิรสินเอ่ยกลั้วหัวเราะเพราะอดไม่ได้ “หนูพิมพ์เป็นอะไร มีปมอะไรขนาดนั้นหรือไง หรือว่าจำฝังใจเรื่องพี่ตั้งแต่ตอนสิบสองขวบ เลยปฏิญาณว่าจะขึ้นคานไม่สนผู้ชาย”

แต่จิรสุตานิ่วหน้า มองเขาอย่างตำหนิ จิรสินจึงรู้ว่าตัวเองพูดผิด

“จริงเหรอ”

“ก็ไม่เชิง แต่ยัยพิมพ์ เอ่อว่าไงดี คือมันก็ไม่ได้ฝังใจอะไรกับพี่ขนาดนั้น แต่ตอนที่พี่ล่าแต้มแล้วดันเอายัยพิมพ์เข้าไปยุ่งน่ะมันดันจำฝังใจน่ะสิ พอจะมีแฟนเข้าจริงๆ มันก็เลยลำบาก แล้วพอมาเจอพี่นันกับณุเรื่องมันเลยเลยเถิด”

พอเห็นสีหน้างงงวยของพี่ชาย หญิงสาวจึงอธิบาย

“พี่นันเคยเป็นสถาปนิกของบริษัทเรา พอแต่งงานก็ลาออกไปตั้งบริษัทกับเมียเขา”

“หนูพิมพ์หลงรักคนมีเจ้าของ”

จิรสุตากลอกตา “ไม่ใช่ คือเรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตากับพิมพ์เรียนจบ ตาแทบจะกราบตอนขอให้มาทำงานกับลุงด้วยกัน เพราะยัยพิมพ์กลัวจะเจอพี่ จนต้องบอกว่าพี่หายหัวลงใต้หลายปีแล้วนั่นแหละ ยัยนั่นถึงยอมมา พอดีสถาปนิกอีกคนจะออก ตาเลยแนะนำณุที่เป็นเพื่อนในแก๊งให้ลุง ลุงก็ให้มาลองทำดูพักหนึ่งก็เวิร์กเลยทำกันต่อ ทีนี่ปัญหามันเกิดเพราะยัยพิมพ์ก็มาเจอพี่นัน แล้วพี่นันเนี่ยดันเป็นพี่ของณุ เข้าใจใช่ไหม นั่นเพื่อนน้อง ส่วนนี่ก็พี่เพื่อน”

จิรสินคิดตามก่อนหยั่งเชิง

“รักสามเส้า”

จิรสุตาพยักหน้ารับ “คือจะบอกว่างั้นก็ได้ แบบหลังจากที่ยัยพิมพ์อกหักจากพี่ตอนนั้นน่ะ มันก็ตั้งสเปคไว้อย่างกับพระเอกในนิยาย แล้วพี่นันดันเหมือนเข้าไปอีก คือพี่เขาก็เฟรนด์ลี่ เทกแคร์ดี มาดอย่างกับพระเอกเกาหลี ยัยพิมพ์ก็หลงสิตรงสเปคขนาดนั้น แต่ก็ยังยั้งๆ ไว้ เพราะพี่นันก็ไม่ได้พูดจาอะไร นานเข้าเป็นปี สองปี ยัยพิมพ์ก็ฟิวส์ขาด พอจะตัดใจพี่นันก็เหมือนจะมาทำดีด้วย แต่สถานะกลับไม่ขยับ ตอนนี้แหละพีค สี่ปีกับฐานะเพื่อนร่วมงาน พิมพ์เกิดอยากตัดใจจากพี่นันจริงจังหรือไงไม่รู้ หรืออยากประชดก็ไม่รู้ มันนอยด์เพราะคิดว่าพี่นันเป็นเหมือนพี่สิน มันเลยตกลงคบกับณุ เข้าใจใช่ไหม คบน้องชายประชดพี่ชายน่ะ” พอจิรสินพยักหน้ารับ คนพูดก็ถอนอกถอนใจอีก “ฟังดูคือพิมพ์เป็นผู้หญิงร้ายมากเลยตอนนั้น แต่พี่นันน่ะ คือ นิสัยก็แบบนั้นไง ทำดีด้วยหมดทุกคน แล้วพี่แกดันมีแฟนที่คบมาตั้งแต่มหา’ลัย แต่ไม่เคยอวดแฟน ก็คบกันเงียบๆ ไม่ได้บอกใคร คนก็นึกว่าโสด ขนาดณุที่เป็นน้องยังไม่รู้ มารู้กันตอนยัยพิมพ์ตบะแตก คุยกับพี่นันแบบแมนๆ เลยว่าชอบ พี่นันคิดยังไง”

จิรสุตานิ่งไปอึดใจ เพื่อทบทวนเรื่องราว

“พี่นันบอกไม่เคยคิดกับพิมพ์เกินน้องสาว อีกอย่างแกแพลนงานแต่งกับแฟนไว้อีกสามสี่เดือน กำลังจะพิมพ์ซองแจกแล้วด้วย งานเข้าสิคะ ยัยนี่ก็น้ำตาตกไป เหมือนได้สติกลับมาว่ากำลังทำร้ายคนดีๆ แบบณุมัน คือแบบ ณุมันรักพิมพ์แบบหัวปักหัวปำ เจอกันตอนอยู่ค่ายอาสาแล้วมันก็เทียวไล้เทียวขื่อ มันไม่เคยมีแฟนเลยนะพี่สิน ปักใจกับพิมพ์คนเดียว ส่วนทางนี้ก็คนมันไม่รักอะ ยังไงก็ไม่รัก จนมาอกหักจากพี่นันอีกรอบนั่นแหละ มันถึงรู้ว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง พอมันเริ่มทำใจได้ พอคิดว่าคงจะรักณุได้ ความก็มาแตก... ณุมีคู่หมั้นอยู่แล้ว พ่อแม่มันหาไว้ให้ตั้งแต่เล็กๆ พิมพ์ก็ช็อกนะ แต่ยังไม่ได้รักไง มันก็เลยบอกณุ--ขอเลิก เพราะยังไงอยู่กับคนที่รักมันก็ยังดีกว่ารอให้พิมพ์รัก”

จิรสินขมวดคิ้ว “ก็เลิก แล้วยังไง ก็ถูกแล้วนะ”

“ณุมันไม่เลิกน่ะสิ มันขู่จะฆ่าตัวตาย มันรักพิมพ์ขนาดยอมตายอะ พิมพ์ก็ไม่รู้จะทำยังไง แรกๆ ก็ยอมกันไปก่อน พยายามกล่อมมัน ครอบครัวมันก็ด้วย พาไปหาหมอพักใหญ่ก็นึกว่าจะดีขึ้นแล้ว ที่ไหน เฮ้อ... ณุมันหลอกทุกคน แล้วบอกพิมพ์ว่าถ้าพิมพ์ไม่ต้องการมันอีกก็อย่าผลักมันไปให้ใครเลย แล้วก็... นั่นน่ะ ตึกห้าชั้นมันโดดลงมา นี่ก็ปีหนึ่งแล้วที่มันกลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่โรงพยาบาล”

จิรสินอึ้งไปเพราะคาดไม่ถึง ได้แต่มองจิรสุตานิ่งงัน

“พิมพ์มันเลยโทษเป็นความผิดตัวเอง มันบอกว่าถ้ามันไม่คบณุประชดพี่นัน ถ้ามันไม่เอาณุมาเกี่ยวด้วย ป่านนี้ณุก็คงไม่เป็นแบบนี้ หนึ่งปีมานี่มันก็เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลที่ณุอยู่ ไปเยี่ยมทุกอาทิตย์ ครอบครัวณุ คู่หมั้นณุก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่บอกว่าอย่าโทษตัวเอง แต่ใครจะรู้ เมื่อไหร่ที่พิมพ์จะเลิกโทษตัวเองได้ จะมีก็แต่คงต้องให้ณุฟื้นขึ้นมานั่นแหละ แต่หมอบอกโอกาสฟื้นแค่สิบเปอร์เซ็น”

จิรสุตายื่นมือขึ้นไปแตะที่ท่อนแขนพี่ชาย

“อย่าซ้ำเติมพิมพ์มันเลยนะพี่สิน พิมพ์มันโชคร้ายกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี่มากแรงอยู่แล้ว สงสารมัน”

จิรสินเงียบไปนานทีเดียวกว่าเขาจะเอ่ยขึ้น

“ไม่คิดนะ แค่ไม่นานจะมีอะไรๆ เกิดขึ้นมากขนาดนี้”

“อื้อ เอาเป็นว่าพี่เข้าใจแล้วนะ เพราะงั้นก็อย่าไปยุ่งกับพิมพ์มันเลย ปล่อยให้มันได้อยู่สงบๆ ในแบบของมันเถอะ”

“ก็ได้ แต่พี่อยากคุยกับพิมพ์สักครั้งนะ แบบจริงๆ จังๆ อยากขอโทษเรื่องเมื่อตอนนั้นด้วย”

“จริงอะ”

ชายหนุ่มถอนใจ “เออ จริง”



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 มี.ค. 2561, 20:59:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 มี.ค. 2561, 21:00:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 793





<< ๒ ชนวน -จบตอน-   ๓ ผู้สมรู้ร่วมคิด (70%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account