กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๓ ผู้สมรู้ร่วมคิด (70%)

“แล้วจะทำไงล่ะ” หญิงสาวถอนใจไหวไหล่แบบว่าช่วยไม่ได้

“ตอนเย็นเราจะไปบ้านพี่ใช่ไหม แล้วจะไปกันยังไง”

“อืม... ก็ไปรถตา แล้วก็อาจจะไปรถพี่วัดอีกคัน”

“ทำยังไงก็ได้ให้พิมพ์นั่งไปกับพี่ ได้ไหม”

จิรสินสั่งหน้าตาเฉย แต่คนฟังตาเหลือก

“พี่สิน!! จะบ้าเหรอ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นขันทีจริงๆ หรอก”

จิรสินโคลงศีรษะ “พี่สัญญาจะคุยกับพิมพ์ดีๆ”

“ถึงงั้นก็เหอะ คือเข้าใจใช่ไหมว่าถ้าพี่ไม่ไปยั่วโมโหพิมพ์มันก่อนหน้านี้อะ พอมีทาง แต่ตอนนี้ไม่มีทาง! ขืนตาเข้าไปบอกมันดื้อๆ ว่าให้มานั่งรถพี่สิ เดี๋ยวตาก็ได้โดนทั้งพี่วัดทั้งเจ้าตัวมันกระทืบพอดี” ร่างโปร่งบางพูดพลางหลับตาทำท่าสยอง เมื่อนึกภาพตัวเองโดนรุมสกรัม

“เอาน่า ช่วยพี่หน่อยแล้ว”

“เออก็ได้ จะหาทางให้ แต่อย่าทำให้พิมพ์มันจับได้ทีหลังแล้วกันว่าตาร่วมมือด้วย ยังไม่อยากเสียเพื่อนตอนนี้”

จิรสุตายกมือขึ้นชี้หน้าพี่ชาย และจิรสินก็หัวเราะพลางโคลงศีรษะ เขาปัดนิ้วที่ชี้หน้าของน้องสาวออก และบอกให้อีกฝ่ายกลับเข้าไปทำงานได้แล้ว




“เลิกแล้วพวกเราเตรียมตัว ลุย!” จิรสุตาประกาศก้องหน้าตาผ่องแผ้ว เมื่อนึกถึงว่าตอนนี้มีของกินอร่อยๆ รออยู่ที่บ้านหลังงามของผู้เป็นลุงกับป้า

“แกเนี่ย!...เห็นแก่กิน” ศศิพิมพ์ค่อนขอดเอาเพราะหมั่นไส้

“แล้วแกล่ะไม่อยากกินอาหารฝีมือคุณป้าหรือไง” จิรสุตาย้อนถาม แล้วเสียงหัวเราะฮาตรึมก็ดังขึ้น ครั้นพอเห็นศศิพิมพ์หิ้วถุงของขวัญเต็มไม้เต็มมือก็อดเสนอตัวไม่ได้ “ช่วยมะนั่น”

ธนวัฒน์ที่กำลังจะอ้าปากจึงชวด และนิชาที่เห็นได้แต่ตีมือลงบนบ่าเพื่อนร่วมงานอย่างให้กำลังใจ ส่วนสาวเจ้านั่นหาได้รู้เรื่องไหม เพราะมัวแต่คุยอยู่กับจิรสุตา จากนั้นนิชากับอาทิตย์ก็เป็นแกนนำเดินออกจากบริษัท และตามมาด้วยศศิพิมพ์ที่โดนขนาบข้างด้วยกัญญาและจิรสุตาโดยมีธนวัฒน์รั้งท้ายเดินตามต้อยๆ สักพักจิรสินก็ตามออกมาสมทบ เขามองหน้าน้องสาวแวบหนึ่ง ก่อนที่จะแยกไปที่โรงจอดรถพร้อมธนวัฒน์ ครู่หนึ่งรถเบนซ์คันใหญ่ที่ป๋าชอบใช้ก็มาจอดเทียบท่า และคนขับทำเป็นค้นนั่นหานี่ไปตามเรื่อง ก่อนที่ธนวัฒน์จะหน้ามุ่ยเดินตามมาทีหลัง

“พี่วัดรถล่ะ” กัญญาเอ่ยถาม

“ยางแบน ไม่รู้เมื่อเช้าขับทับตะปูที่ไหนซวยจริงๆ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย

“จะไปยังไงกัน” นิชาถามก่อนจะเสนอ “แท็กซี่ดีมะ”

“เดี๋ยวไปรถตาก็ได้ยัดๆ กันคงหมด” จิรสุตาตีหน้าตายเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือพี่ชาย

“รถตานั่งได้แค่สี่คนเองไหนจะของอีก” ศศิพิมพ์เอ่ยขึ้น “เรียกแท็กซี่อีกคันละกัน”

“ก็ให้ใครไปกับพี่สินซี้ เรียกแท็กซี่ทำไมเปลืองตังค์เปล่าๆ”

คนที่รอจังหวะลดกระจกลงเอ่ยถามได้พอดี

“มีอะไรกันครับ รู้สึกเห็นแวบๆ เหมือนรถคุณวัดจะยางแบน”

“ใช่ค่ะ”

นิชาตอบ ชายหนุ่มพยักหน้ารับทำท่าว่าช่วยไม่ได้ ก่อนเสนอตัวแบบเนียนๆ

“ให้ใครสักคนมานั่งรถผมก็ได้ ทางเดียวกัน”

“งั้นพี่ไปกับคุณสินเอง”

ธนวัฒน์บอกเมื่อเห็นสีหน้าของศศิพิมพ์ที่ทำหน้าปุเลี่ยนๆ เลยพาลนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน และเหตุการณ์แบบนั้นเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

“ไม่ได้!” จิรสุตาเผลอหลุดปากแล้วนึกขึ้นได้ และผลที่ได้ก็คือ หญิงสาวที่เป็นเป้าหมายเริ่มสงสัย

“ทำไม”

“อ่า... เดี๋ยวเราต้องไปซื้อของก่อน คือมันหนักแล้วก็เยอะมาก พี่วัดกับอาร์ก็ต้องไปช่วย แล้วฉันเลือกไม่เก่ง พี่กันกับพี่นิดก็ต้องไปเลือกใช่มะ... เดี๋ยวของมันจะไม่สด แล้วคุณป้าโทรมาอยากให้แกรีบไปช่วย ดังนั้นด้วยเหตุและผลซึ่งมีน้ำหนักมากพอ สรุปคือแกต้องไปกับพี่สิน” จิรสุตาบอกเสร็จสรรพไม่กล้าสบตาเพื่อน ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนเห็นผี

“จะบ้าหรือไง!”

ศศิพิมพ์และธนวัฒน์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน นิชาส่ายหน้าเอามืออุดหู อาทิตย์โดนกัญญาลากไปรอที่รถของจิรสุตา เพราะดูท่าทางเรื่องจะจบไม่ง่ายๆ

“จะให้ฉันไปกับ... เขานี่นะ”

“น่า! เหตุการณ์มันบังคับนี่นะ แกก็ทนๆ เอาหน่อยหรือว่าแกกลัวพี่สิน... ตายไม่อยากเชื่อ” ประโยคสุดท้าย จิรสุตายกมือทาบอก และได้ผลเป็นที่น่าพอใจเมื่อตีถูกจุด ต่อมกลัวเสียหน้าของศศิพิมพ์เลยทำงานอัตโนมัติ เธอตอบไปทันที

“ใครว่าฉันกลัวลองดูสิลูกชายป๋าก็เหอะฉันเล่นแน่”

จิรสุตายิ้มกริ่ม “ก็นั่นซิ งั้นโอเค แกไปกับพี่สินนะ”

จิรสุตาตีขลุมไม่เปิดช่องว่างให้ศศิพิมพ์ได้ตอบโต้ จากนั้นก็ทั้งฉุดทั้งลากให้ธนวัฒน์เดินตาม พอยัดคนตัวโตเข้าไปในรถได้แล้ว หล่อนยังมีแก่ใจโบกไม้โบกมือให้เพื่อนรักอย่างร่าเริง

ศศิพิมพ์มองตามตาละห้อย โดยมีสายตาของธนวัฒน์ที่มองมาอย่างห่วงใย จนรถลับสายตาไปนั่นแหละ หล่อนถึงได้ถอนใจหันมาตีหน้ายักษ์ใส่คนที่จอดรถคอยอยู่

“เร็วซิหนูพิมพ์ เดี๋ยวแม่รอนะ”

จิรสินอมยิ้มแบบผู้ชนะ เมื่อเลื่อนกระจกไฟฟ้าขึ้นโดยไม่สนใจกับสีหน้าท่าทางที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อของหญิงสาว ศศิพิมพ์เดินกระแทกเท้าเปิดประตูที่นั่งข้างหลัง วางของขวัญลงแล้วทำท่าว่าจะนั่งตาม แต่ชายหนุ่มดักคอก่อนอย่างรู้ทัน

“พี่ไม่ใช่คนขับรถนะ” แค่นั้นหล่อนก็ตีหน้าหงิกเหมือนโลกจะถล่มลงมาเดี๋ยวนั้น ก้าวเข้ามานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับเขา ปิดประตูชนิดที่ไม่กลัวว่ารถราคาหลายล้านจะพัง

“เด็กดีว่านอนสอนง่ายจริงๆ” แทนที่จะโกรธ แต่เปล่าเลย ศศิพิมพ์ทำท่าจะกระโจนออกนอกรถ จนเขาต้องกดล็อคประตูทันที และพอทำไม่สำเร็จ ศศิพิมพ์จึงหันมามองตัวต้นเหตุตาเขียว

“จะเอายังไงคะ!”

“คาดเข็มขัดก่อนค่ะเพื่อความปลอดภัย”

จิรสินเตือนเบาๆ อดขำอีกไม่ได้เมื่อศศิพิมพ์ทำหน้าบูดบึ้งแต่ก็ยังยอมทำตามอย่างว่าง่าย นิ่งเงียบกันอยู่นาน ชายหนุ่มจึงหันไปมองคนข้างตัว ที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนกับเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง

“หนูพิมพ์คิดจะไม่พูดกับพี่จริงๆ เหรอคะ”

ร่างบางขยับเพียงน้อย และถ้าหล่อนแทรกตัวเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกับรถได้คงทำไปแล้ว จิรสินส่ายหน้า ระอากับความแสนงอน เขาไม่ยั่วโมโหเธออีก จนกระทั่งขับมาได้สักพัก ถึงได้จอดรถที่ข้างถนน บริเวณของร้านขายต้นไม้ร้านหนึ่ง ก่อนจะถึงบ้านเขาไม่ไกลนัก

“ลงไปก่อนสิคะ” ศศิพิมพ์หันมามอง ทำท่าเหมือนไม่ได้ยิน ชายหนุ่มเลยต้องย้ำ

“นานนะ” หากแต่หล่อนก็ยังเฉย เมื่อไม่ได้ผลเขาเลยต้องงัดลูกอ้อนมาใช้ “ขอร้องล่ะ ลงมาช่วยพี่หน่อยเถอะ ถ้าหนูพิมพ์ไม่ช่วยพี่ต้องแย่แน่เลยค่ะ”

ผลที่ได้คือศศิพิมพ์ขมวดคิ้วมองเขาอย่างรำคาญ แต่กระนั้นเธอก็ยังยอมลงมาโดยดี และเดินตามต้อยๆ เข้าไปในร้านโดยไม่ปริปากเลยสักคำ กระทั่งชายเจ้าของร้านลุกออกมาต้อนรับ

“มาแล้วเหรอครับคุณสิน”

“ครับ ได้ไหมครับลุงบุญ ขอโทษที่โทร.มากะทันหันไปหน่อยนะครับ” ศศิพิมพ์มองยิ้มอันอ่อนโยนของชายหนุ่ม ที่ส่งให้ผู้ชายพุงพลุ้ยตรงหน้าอย่างทึ่งๆ ผู้ชายคนนี้บทจะยิ้มก็ยิ้มสวยจริงๆ

ก็เพราะเงี้ย เมื่อก่อนผู้หญิงถึงได้หลงจนแทบจะฆ่ากันตาย!

“นั่งเถอะ”

ผู้แก่วัยกว่าแตะข้อศอกอย่างสุภาพ แต่ศศิพิมพ์สะบัดออกอย่างแรงเพราะตกใจ เห็นสีหน้าเขาวูบลงเล็กน้อย แต่คิดว่าเป็นเพราะตัวเองตาฝาดเลยไม่สนใจ หญิงสาวมองซ้ายมองขวาเห็นมีแค่เก้าอี้ไม้ยาวตัวเดียวทาสีขาวตั้งอยู่ เลยทำท่าจะไม่นั่ง เพราะเหตุการณ์เมื่อกลางวันส่งสัญญานเตือนว่าห้ามไว้ใจเขาเด็ดขาด

จิรสินเห็นท่าทางนั่นเลยบอกเรียบๆ

“นั่งเถอะ พี่ไม่นั่งหรอกไม่ต้องกลัว ลุงแกเข้าไปเอาต้นไม้มาให้น่ะ รอไม่นานหรอก”

เพราะเขาไม่ได้ทำท่าคุกคาม และน้ำเสียงก็ฟังแล้วให้ความรู้สึกอ่อนโยน ศศิพิมพ์จึงยอมนั่งลง และต่อมขี้สงสารปนรู้สึกผิดก็ทำงาน

“นั่งไหมคะ ท่าจะอีกนาน”

ร่างบางเขยิบที่ว่างที่เหลือให้ชายหนุ่มแทรกตัวลง จิรสินมองงงๆก่อนจะนั่งลงบ้าง แต่เพราะเขาเป็นคนตัวใหญ่ ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเลยไม่มีเหลือ เขาก้มลงมองคนตัวเตี้ยที่นั่งข้างๆ ซึ่งตอนนี้กำลังพยายามบีบตัวให้เล็กที่สุด อมยิ้มก่อนจะเอ่ยอย่างขำๆ

“พี่ไม่กินหรอก”




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 เม.ย. 2561, 22:22:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 เม.ย. 2561, 22:22:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 807





<< ๓ ผู้สมรู้ร่วมคิด (35%)   ๓ ผู้สมรู้ร่วมคิด -จบตอน- >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account