กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๔ ผู้เสียหาย (70%)

“ไม่ใช่หรอก ก็แค่งก”

ศศิพิมพ์อึ้งไปพักก่อนจะหลุดหัวเราะ จิรสินจึงพลอยหัวเราะตาม เขายกเหล้าในแก้วขึ้นดื่ม “จริง แกบอกแบบนี้ เดี๋ยวแก่ทำงานไม่ไหวถ้าไม่หาเงินไว้มากๆ ใครจะมาอยากดูแลแก แกว่างั้น”

คนพูดสายตาละมุนลงเมื่อวางมือลงบนศีรษะของศศิพิมพ์

“ตอนพี่อายุเท่าพิมพ์ พี่อกหักครั้งใหญ่ ตอนนั้นพี่เกือบจะแต่งงานแล้ว วางแผนไว้หมด สินสอดพร้อม ซื้อที่ปลูกบ้านพร้อม แต่ที่ไม่พร้อมคือว่าที่เจ้าสาว พี่ก็แค่วิศวกรเล็กๆ คนหนึ่งเป็นแค่ลูกทีม เงินเดือนสามสี่หมื่น แล้วมันก็ไม่พอสำหรับเขา เราไปดูชุด แพลนธีมงาน พี่มีความสุขมาก แต่ก่อนหน้าแจกการ์ดไม่ถึงอาทิตย์ เขาขอเลิก บอกพี่ว่าไม่พร้อม เขาอายุน้อยกว่าพี่ห้าปี ตอนนั้นอายุยี่สิบสาม เกิดมีแมวมองมาเห็นเข้าชวนไปเล่นมิวสิควิดีโอ พอมีชื่อขึ้นมาเขาก็ขอไปจากพี่”

หัวใจศศิพิมพ์อ่อนยวบด้วยสงสาร เรื่องนี้จิรสุตาไม่เคยเล่า

“เป็นการอกหักแบบโลกถล่มฟ้าทลาย พ่อแม่ ยัยตาปลอบใจ แต่ช่วยอะไรพี่ไม่ได้ พี่คิดคงเป็นเวรกรรมพี่เคยทำตอนห่ามๆ” เขาหัวเราะเบาๆ “หลอกฟันสาวไปทั่ว ทำผู้หญิงเสียใจ ตอนนี้กรรมเลยตามสนองบ้าง พี่เมา ทำงานเละเทะ เกือบถูกไล่ออก แต่หัวหน้าลากไปบ้านแกเสียก่อน แกซื้อเหล้ามากองไว้เลย แล้วก็แบบกินให้หมด ถ้าไม่หมดมึงไม่ต้องลุก แกว่างั้น คนเรานะพิมพ์มันจะกินได้แค่ไหนเชียว กินแล้วนอน กินแล้วนอนได้หรอกเต็มที่สองวัน แต่เหล้าไม่หมด ทำไงล่ะ ถูกแกเอาเหล้าเทใส่หัวน่ะ กลิ่นงี้คลุ้ง แล้วแกด่า ด่าแบบผู้ดีนี่แหละ บอกไงมึง กินไม่ทันใจก็อาบเอา จะได้หายเศร้าทำใจได้ไวๆ”

แม้จะเศร้าแต่ก็ผู้ฟังก็อดขำไม่ได้

“เออ พี่ก็เหมือนจะสร่างเลย แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมต้องมานั่งทำชีวิตเละเทะขนาดนี้ด้วย พ่อแม่ยังอยู่ ยังไม่ได้ทำอะไรให้พ่อแม่เลยจะมาชิงอยากตายไปแล้ว นั่นแหละชีวิต ก็ไปอาบน้ำเก็บกวาดบ้านตรงที่นั่งกินเหล้า พอสร่างเข้าแกก็ดันลากไปกินเหล้าอีก”

“เอ้า!”

“จริง คราวนี้นั่งชิลแค่จิบๆ กัน คุยกันไปคุยกันมาแกถามว่า ในชีวิตของคนๆ หนึ่งนี่เคยคิดไหมว่าจะสามารถมีความรักได้กี่รูปแบบ ตอนนั้นพี่ตอบว่าไม่รู้สิ”

“แล้วคำตอบล่ะคะ”

“แกว่าไม่รู้หรอกถ้าไม่เจอกับตัวเอง คำตอบของเราก็ต้องให้เราหาเอง เราก็แค่อย่าปิดใจ อย่าขังตัวเองไว้ ปล่อยมันไปตามที่ควรจะเป็น เดี๋ยวก็รู้เอง ความรักในโลกนี้มันมีมากมายหลายแบบ จะรักแรกพบ รักเพราะผูกพัน รักเพราะใกล้ชิด หรือรักเพราะสงสาร แล้วยังรักแบบอื่นๆ อีกล่ะ ใครจะรู้วันหนึ่งข้างหน้าเราจะเจอรักแบบไหนบ้าง อย่างแก แกเจอรักแท้ ถึงแฟนแกจะไม่อยู่แล้ว แต่แกก็มีความสุข แกว่าแกรู้วันไหนที่แกหมดเวรหมดกรรมให้ชดใช้ แกก็จะได้ไปเจอแฟนแกที่รออยู่”

เขายิ้มพลางเลิกคิ้วขึ้น

“ฟังดูธรรมมะธรรมโมดีนะ”

ศศิพิมพ์นิ่งฟังและเงียบเป็นนานหลังเขาพูดจบ จิรสินเองก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีก สักพักใหญ่หญิงสาวจึงยิ้มและพยักหน้าช้าๆ

“เข้าใจละค่ะ”

“ก็โอเค” เขาเบ้ปาก “แต่กว่าพี่จะรู้เรื่องคือเช้าอีกวันเลยนะ เพราะพอแกพูดจบพี่ก็ดวดเหล้าในขวดที่เหลือจนหัวทิ่ม”

พูดจบเขาก็หัวเราะและศศิพิมพ์ก็เช่นกัน ทั้งคู่มองสบตากัน คล้ายว่าเข้าใจในความรู้สึกเดียวที่ต่างก็เคยผ่านมา และกิริยานั้นของทั้งสอง ก็อยู่ในความสนใจของกลุ่มคนที่แสร้งว่ากำลังร้องรำทำเพลงกันอยู่

โดยเฉพาะธนวัฒน์ที่หน้าเครียด หมดอารมณ์สนุกไปทันใด

พอดึกเริ่มคึกได้ที่ วงปาร์ตี้ก็ย้ายเข้าไปในบ้านไม้ยกพื้นหลังเล็กข้างบ้านใหญ่ จิรศักดิ์กับสุพนิต ภรรยาแยกตัวไปพักผ่อนตอนเกือบห้าทุ่ม ปล่อยให้หนุ่มๆ สาวๆ เฮฮากันต่อ

เสียงเพลงดังแว่วเป็นเพลงคึกคัก นักร้องคืออาทิตย์กับกัญญา นิชากับจิรสุตาเป็นแดนเซอร์ ธนวัฒน์เมาหลับคอพับไปกับโซฟายาว ที่พื้นพรมซึ่งปูทับพื้นไม้ศศิพิมพ์นั่งอยู่กับจานอาหารปิ้งย่างที่ถือเข้ามา ที่นั่งอีกฝั่งบนโซฟาเดี่ยวเป็นจิรสิน ใบหน้าหล่อเหลาแดงเรื่อ ตาเยิ้ม เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ที่ใครต่อใครต่างตั้งใจยื่นส่งให้

ชายหนุ่มรู้ตัวว่ากำลังจะไม่ไหวแล้ว เขาลุกเดินเข้าไปบอกน้องสาว แล้วถือขวดน้ำเย็นติดมือออกจากห้องไป

“แกร้องหน่อยไหม วันเกิดแกน้า” จิรสุตาที่มึนเต็มที่เอ่ยชวนคนที่แพ้แอลกอออร์

“ไม่เอาร้องไม่เป็น”

ศศิพิมพ์ปัดป้องมือของเพื่อนสาวที่ยื่นมาไขว่คว้า ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะละความพยายามไปเองเมื่อหล่อนไม่เล่นด้วย

“อ้าว! อาร์สลบไปแล้ว”

ศศิพิมพ์หัวเราะขึ้นเบาๆ เมื่อหันไปเห็นอาทิตย์ฟุบอยู่ที่โซฟาสีแดงเนื้อนุ่มตัวยาว ตัวเดียวกับที่ธนวัฒน์หลับอยู่

“เออ... คออ่อนจริงๆ”

กัญญาทิ้งตัวลงนั่งข้างกันกับศศิพิมพ์ หลังจากร้องเพลงจนคอแห้ง หล่อนยกเบียร์ในแก้วขึ้นจิบ แต่พอเห็นเจ้าของวันเกิดเริ่มเกายิกๆ ก็ขมวดคิ้ว

“พิมพ์กินกุ้งเข้าไปหรือไง”

หล่อนส่ายหน้า “ก็ว่าไม่นะพี่กัญ”

“แต่อาการแบบนี้เหมือนแพ้ ตาย!” กัญญาร้องลั่น “พิมพ์กินทอดมันเข้าไปหรือเปล่า มันมีทอดมันปลากับทอดมันกุ้งนะ”

ศศิพิมพ์ส่ายหน้า “พิมพ์กินแต่ทอดมันปลานะ” เธอหันไปมองจิรสุตา “ก็จานข้างหน้าตาไงคะ”

กัญญากลอกตา

“นั่นมันจานทอดมันกุ้งค่ะน้อง กรรม! กินไปกี่ชิ้น อาการเป็นยังไงบ้างหาหมอไหม โรง’บาลเลยเหอะ”

“แค่คันๆ เองพี่กัญ ไม่เป็นไรกินยาก่อน พิมพ์กินไปไม่ถึงชิ้นหรอก”

กัญญามองคนแพ้กุ้งที่ขยับลุกขึ้นยืน

“งั้นไปหายาทานไป๊” นิชาที่ได้ยินกับจิรสุตาเดินเข้ามาดู

“หาหมอไหมแก” ที่จิรสุตาถามเช่นนี้ เพราะครั้งหนึ่งที่ศศิพิมพ์เผลอกินอาหารที่ผสมกุ้งเข้าไปเกิดแพ้หนักจนต้องแอดมิท

“ไม่ๆ กินยาดูก่อน เดี๋ยวมานะ ยาอยู่ในกระเป๋าที่บ้านใหญ่น่ะ”

ทั้งสามสาวพยักหน้ารับมองตามอย่างห่วงใย ศศิพิมพ์เดินออกมาจากบ้านเล็ก ตรงไปยังห้องรับแขกบ้านใหญ่ หายาได้ก็เดินเข้าไปในครัว กินยาดื่มน้ำแล้วก็ออกมาหยุดที่หน้าบ้านหลังใหญ่

ยาแก้แพ้ที่มี คุณสมบัติแฝงของมันคือทำให้ง่วงนอน กินเข้าไปทีไรหล่อนเป็นต้องหลับทุกที ถึงฝืนตื่นอยู่ได้ก็มึนๆ ดังนั้นหล่อนจึงตั้งใจจะกลับไปบ้านเล็กเพื่อบอกกับคนที่รอว่าขอตัวไปนอนพัก

ระยะห่างระหว่างสองบ้านไม่มาก แสงไฟข้างตัวบ้านส่องพอมองเห็นทาง แต่คราวนี้เมื่อไปถึงชานหน้าบ้าน เธอกลับเจอเจ้าของที่กึ่งนั่งกึ่งเอนอยู่ตรงหัวบันไดทางขึ้น

“ไปไหนมาคะ พี่นึกว่าอยู่ในบ้านเสียอีก”

“ไปหายาทานมาค่ะ เผลอกินกุ้งเข้าไป ผื่นเริ่มขึ้น เริ่มคัน”

“หาหมอไหมคะ”

เธอยิ้ม “คำถามเดียวกับพี่กัญกับตาเลยค่ะ”

เขาเอียงคอมองเธอแล้วขยับหลบ “กลับเข้าไปในบ้านเถอะค่ะ น้ำค้างลงแล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย”

หญิงสาวพึมพำขอบคุณ แต่พอเห็นเขานั่งลำพังก็อดไม่ได้

“ข้างในกำลังสนุก พี่สินไม่เข้าไปเหรอคะ” พอเผลอก็เรียกเหมือนเดิม เจ้าของชื่อถึงกับยิ้มล้อเลียน

“เรียกพี่ได้แล้วนะคะเนี่ย” พอเห็นศศิพิมพ์มองค้อนเขาก็ถึงกับหัวเราะ “หนูพิมพ์เข้าไปเถอะค่ะ พี่มึนๆ ละอีกสักพักคงไปนอน แต่อยากนั่งตากลมเย็นๆ อีกหน่อย”

“งั้น พิมพ์ไปนะคะ กินยาแล้วอีกเดี๋ยวคงมึนหัวได้หลับแน่ๆ”

เขายิ้มพยักหน้ารับ “ฝันดีค่ะ”

“เหมือนกันค่ะ”

ทั้งสองคนล่ำลา คืนนี้บ้านหลังเล็กสองชั้นห้องนอนชั้นบนทั้งสองห้องเป็นของสาวๆ ส่วนหนุ่มๆ คุณสุพนิตเอาหมอนผ้าห่มมาไว้ในห้องรับแขกแล้ว ตัวจิรสินกลับไปนอนที่บ้านใหญ่ชั้นล่าง

ชายหนุ่มนั่งอยู่อย่างนั้น เขายังดื่มเบียร์ที่ถือติดมือมาขวดหนึ่ง ตั้งใจว่าเห็นน้องสาวกับเพื่อนๆ เข้านอนแล้ว ตัวเองจึงจะกลับมาพักผ่อน ที่มานั่งเฝ้าอยู่นี่เพราะเป็นห่วง เนื่องจากถึงจะมีรั้วรอบขอบชิด แต่ก็น่าเป็นห่วงเนื่องจากตำรวจที่รู้จักกันเตือนให้ระวัง เพราะละแวกนี้เพิ่งมีคดีลักขโมยเกิดขึ้น และยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

คืนนั้นงานเลี้ยงจบราวตีสาม

ศศิพิมพ์แยกตัวไปนอนก่อนเพราะฤทธิ์ยา จิรสุตา กัญญา นิชาตามขึ้นไปทีหลัง และนอนรวมกันอีกห้องเนื่องจากไม่อยากไปกวนคนไม่สบาย ส่วนจิรสิน สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือเขายังนั่งอยู่ที่ชานหน้าบ้าน



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2561, 20:43:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2561, 20:43:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 780





<< ๔ ผู้เสียหาย (35%)   ๔ ผู้เสียหาย -จบตอน- >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account