โอนรักใส่บัญชีใจ *สนพ.สื่อวรรณกรรม*
จู่ๆ สาวห้าวตกงานแถมยังถังแตกอย่างกัญชรส ก็มีเงินห้าหมื่นมานอนอยู่ในบัญชีที่เธอไม่ได้ใช้มานานเกือบปี
และปัญหาจะไม่เกิดเลยถ้าสาวถังแตกอย่างเธอไม่แบ่งกดเงินจำนวนห้าหมื่นนั้นมาใช้จ่ายและปลดหนี้คืนความเป็นไทให้กับตัวเองซะสามหมื่น
เพราะผ่านไปแค่หนึ่งอาทิตย์อิงครัตหนุ่มหล่อเจ้าของอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นเจ้าของเงินจำนวนห้าหมื่นนั้น มาทวงเงินที่โอนผิดกลับคืน

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1 : ลาภก้อนโต

ตอนที่ 1

ลาภก้อนโต

ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดสีดำ สวมกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบสีขาวอมเหลืองเก่าๆ ก้าวเท้าลงจากรถโดยสารประจำทาง แล้วเดินย้อนกลับไปที่หน้ารถเพื่อจ่ายค่าโดยสารให้คนขับ จากนั้นก็พาร่างอันเหนื่อยอ่อนจากการเดินตะเวนสมัครงานจนเกือบจะทุกซอกซอยของนิคมอุตสาหกรรม เข้าไปในซอยที่เต็มไปด้วยตึกและห้องแถว สำหรับคนทำงานไว้เช่าพักอาศัย และเธอก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ที่มาหางานทำและเช่าห้องเดือนล่ะ 1200 บาทอยู่ตามลำพัง

“ทำมันงานมันหายากหาเย็นอย่างนี้ว้า...”

กัญชรสหรือรสพึมพำ ขณะยกซองเอกสารขึ้นโบกสะพัดพัดวีบรรเทาอากาศที่ร้อนอบอ้าว จนไม่น่าจะย่างกายออกไปไหน นอกจากอาบน้ำปะแป้งเย็นๆ แล้วนอนผึ่งพัดลมอยู่ในห้อง

หญิงสาวหยุดเท้าที่กำลังก้าวขึ้นบันไดเตี้ยๆ สองสามขั้นหน้าร้านสะดวกซื้อ หางตาเหลือบไปมองที่ตู้เอทีเอ็ม ก่อนจะก้มกลับมามองกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลกลางเก่ากลางใหม่ ที่ด้านในมีเพียงกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง อย่างชั่งใจ

“ลองเชคยอดดูหน่อยดีกว่า เผื่อจะมีใครหลงโอนเงินเข้ามา สักร้อยสองร้อยก็ยังดี”

ด้วยความที่ตอนนี้เงินติดตัวเหลือไม่ถึงพันบาท และคาดว่าจะต้องตะเวนหางานอีกนาน และไม่รู้เมื่อไหร่มันจะได้ ทำให้กัญชรสตัดสินใจเบนเข็มไปที่ตู้เอทีเอ็ม แทนการเข้าร้านสะดวกซื้อ ร่างสมส่วนไปหยุดนิ่งอยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมามองข้างหลังว่ามีใครต่อคิวหรือเปล่า พอปรากฏว่าไม่มีใครเลยสักคน หญิงสาวจึงดึงบัตรเอทีเอ็มในกระเป๋าเงินที่มีอยู่สองใบ ขึ้นมาเชคยอดที่ล่ะใบ โดยเริ่มจากใบล่าสุด ที่เพิ่งไปเปิดมาเมื่อสองเดือนที่แล้วก่อน ผลปรากฏว่ายอดเงินคงเหลือ 99.75 บาท สร้างความเจ็บใจให้เธอเป็นอย่างมาก เพราะขาดแค่ไม่กี่สตางค์เธอก็จะสามารถกดเงินจำนวนนั้นมาใช้ได้แล้ว นิ้วเรียวกดปุ่มยกเลิกย้ำแรงๆ ดึงบัตรเก็บเข้ากระเป๋าไป ก่อนจะดึงบัตรเอทีเอ็มอีกใบ ที่ไม่ใช้มาเกือบๆ จะปีอยู่แล้ว ค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องเสียบบัตร จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนอย่างใจเย็น จนกระทั่งมาถึงขั้นตอนสำคัญคือการเชคยอด นิ้วเรียวค่อยๆ จิ่มพร้อมกับกลั้นลมหายใจ เมื่อได้ยินเสียงกดดัง ติ๊ด! เธอก็รีบยกมือทั้งสองขึ้นไปปิดหน้าจอ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมันออกที่ล่ะข้างๆ อย่างลุ้นระทึก ด้วยความหวังว่ามันอาจจะมีหลงเหลือสักร้อยสองร้อยพอได้ให้ชื่นใจ นำมาสมทบกับเงินเก่าเพื่อต่อชีวิตไปอีกวันสองวัน

ตากลมโตเบิกโพลง รู้สึกตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็น มือบางยกขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อย้ำว่าไม่ได้ฝันไป และเมื่อพอตั้งสติได้ใบหน้าตื่นเต้นตกใจ ก็ยื่นเข้าไปมองตัวเลขบนหน้าจอชัดๆ อีกครั้ง จากนั้นเพื่อความแน่ใจในจำนวนเงินที่เห็น ริมฝีปากบางจึงขมุบขมิบนับไล่ ไปตั้งแต่หลักหน่วย...สิบ...ร้อย...พัน...และมาจบลงที่หลักหมื่น

“ห้าหมื่น!”

กัญชรสอุทานเสียงหลง ก่อนจะรีบยกมือขึ้นอุดปากที่อ้าค้างของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะรีบกดยกเลิกการทำรายการต่อไป แล้วดึงบัตรมากอดแนบอกไว้ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

เธอเริ่มทำอะไรไม่ถูก ความคิดฝ่ายดีฝ่ายชั่วตีกันวุ่นวาย ทำไมในบัญชีของเรามีเงินเยอะแยะขนาดนี้ เกิดมาไม่เคยมีเงินในบัญชีถึงห้าหมื่น กดเลยดีไหมหรือว่าไม่ดี เพราะมันไม่ใช่เงินเราแน่นอน ร่างสมส่วนยืนนิ่งชั่งใจไปพักหนึ่ง ว่าจะเชื่อจิตใต้สำนึกที่เป็นเทวดาหรือซาตานดี ท้ายที่สุดมันก็จบลงตรงที่ ‘เอาไว้ก่อน’ จากที่ตั้งใจว่าจะแวะซื้ออาหารญี่ปุ่น (มาม่า) และไข่ไปตุ่นเก็บไว้ แล้วค่อยเดินเล่นๆ กลับห้อง กัญชรสก็เปลี่ยนใจเรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่ห้องพักแทน



กัญชรสปลุกปล้ำอยู่กับการไขกุญแจหน้าห้องมาพักใหญ่ แล้วในที่สุดเธอก็ไขมันได้สำเร็จ มือข้างที่ถือแม่กุญแจเจ้าปัญหายกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลมาจนถึงขมับแรงๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูพาตัวเองเข้าไปด้านในทั้งรองเท้า จากนั้นก็ทำการปิดประตูลงกลอน แล้วโยนร้องเท้าที่เพิ่งถอดออกไว้ตรงมุมห้องข้างประตู วางซองเอกสารและกระเป๋าสะพายไว้ตรงหัวนอน ใช้เท้ากดเปิดพัดลมที่ตั้งอยู่ปลายที่นอน ก่อนจะมานั่งขัดตะหมาดแหมะลงตรงกลางห้อง ยื่นแขนออกไปจนสุดเอื้อมแล้ววางบัตรเอทีเอ็ม ที่ชื้นไปด้วยเหงื่อลงบนพื้นกระเบื้อง

“เอาไงดีวะ”

หญิงสาวพึมพำ พลางค้ำศอกแหลมลงบนต้นขาใช้ฝ่ามือบางเท้าที่ค้าง ทำสีหน้าอย่างคนคิดไม่ตก สายตาก็จ้องมองสิ่งตรงหน้าราวกับไม่เคยเห็นหรือเป็นของแปลกประหลาด ที่ร่วงหล่นมาจากห้วงอวกาศ หัวสมองก็พร่ำคิดอยู่แค่ว่าจะกดหรือไม่กดเงินในบัตรนี้มาใช้ดี

ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่กด แต่พอคิดไปถึงรายจ่ายในสิ้นเดือนที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอก็ชักจะไม่แน่ใจ จนต้องไปรื้อเอาใบแจ้งหนี้ในตู้เสื้อผ้าพลาสติกสีชมพูออกมาคำนวณรายจ่ายในสิ้นเดือนนี้ดู

“บัตรเครดิตหนึ่งใบจ่ายขั้นต่ำเก้าร้อย บวกกับค่างวดโทรทัศน์อีกหกร้อย บวกค่าห้องก็คงประมาณไม่เกินพันห้า รวมทั้งสามรายการแล้วก็ปาเข้าไปสามพันแล้ว ไหนจะค่ากินค่าอยู่ ส่งกลับบ้านอีกล่ะ...ทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้ก็เหลืออยู่แค่เก้าร้อย มันจะพอได้ไงวะ”

กัญชรสคำนวณไปบ่นไป เบ็ดเสร็จรายจ่ายสิ้นเดือนนี้ไม่รวมค่าอาหารประทังชีวิตก็ตกประมาณห้าพันบาท แล้วเธอจะเอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่...

ร่างสมส่วนเลื้อยตัวลงไปนอนบนพื้นกระเบื้องเย็นๆ ข้างๆ บัตรเอทีเอ็ม ใช้นิ้วจิ้มๆ มองตาปริบๆ ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับมันราวเป็นสิ่งมีชีวิต

“นี่ๆ แก ถ้าฉันกดเงินที่แกมีอยู่มาใช้ แกคงไม่ว่าฉันใช่ไหม ตอนแรกฉันก็กะว่าจะไม่นะ แต่ดูๆ แล้วก็คงจะไม่ แต่เป็นไม่รอด ที่จะต้องกดเงินที่แกมีอยู่ออกมาสักหกเจ็ดพัน”

คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด นิ้วที่จิ้มๆ จู่ๆ ก็หยุดนิ่ง เมื่อเธอสะดุดเข้ากับคำพูดของตัวเอง

หกเจ็ดพัน หนี้ก็ยังไม่หมด ถ้าจะเอาทั้งทีก็น่าจะปลดหนี้ไปเลย ว่าแล้วร่างสมส่วนก็ดีดตัวลุกขึ้นไปคำนวณหนี้สินทั้งต้นทั้งดอกที่มีในขณะนี้บวกกับค่าใช้จ่ายใหม่ ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีผลการคำนวณก็ออกมาเป็นเงินประมาณเกือบๆ สามหมื่น เธอเลยปัดเศษไปเป็นสามหมื่นพอดี

“เอามันสามหมื่นนี่แหละ”

ว่าแล้วหญิงสาวก็คว้าบัตรเอทีเอ็มขึ้นมามองอย่างหมายมาด จากนั้นก็คลานไปหยิบกระเป๋าคู่กายขึ้นมาสะพายลุกขึ้นไปสวมรองเท้าแตะ ที่วางอยู่มุมห้องข้างประตูใกล้ๆ กับรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่เธอโยนไว้ก่อนหน้านั้น

และยังไม่ทันที่เธอจะปลดล็อกกลอนประตู เสียงริงโทนโทรศัพท์รุ่นดึกดำบรรพ์ ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้น กัญชรสล้วงมันขึ้นมาดูแล้วระบายยิ้มหวาน ก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงสดใสลงไปตามสาย

“ค่ะแม่”

“พ่อไม่ใช่แม่”

“อ้าวเหรอจ๊ะ งั้นก็ค่ะพ่อ...มีไรคะ”

หญิงสาวเอ่ยสัพยอกผู้เป็นพ่อน้ำเสียงติดตลก

“คือตอนนี้พ่อกำลังจะเข้าอำเภอ เลยโทรมาถามว่า รสโอนเงินมาให้ยัง ถ้าโอนแล้วพ่อจะได้พกบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินซื้อของใช้มาด้วยเลย”

“อ๋อ...รสกำลังจะไปโอนพอดีเลยจ๊ะ ไปถึงพ่อก็กดได้เลยนะจ๊ะ”

หญิงสาวบอกพลางปลดล็อกกลอนประตูห้อง ใช้ไหล่ประคองโทรศัพท์ให้แนบกับใบหู ปากก็พูดกับผู้เป็นพ่อไปเรื่อย ส่วนมือก็ปลุกปล้ำกับการล็อกกุญแจห้องเจ้าปัญหา ที่เห็นทีเย็นนี้จะต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่ หลังจากที่ทนใช้มันมานานหลายเดือน

“อือก็ดีลูกพ่อจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาบ่อยๆ...แล้ววันนี้ไม่ได้ทำงานเหรอ”

เสียงอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อถามอย่างเช่นทุกครั้งที่โทรมาหาผู้เป็นลูกสาว หรือลูกสาวโทรไปหา

“ทำจ๊ะทำ รสเข้ากะดึก นี้ก็เพิ่งจะเลิกงาน ตอนนี้ก็อยู่หน้าปากซอยนี่แหละ พ่อแม่สบายดีนะจ๊ะ เงินพอใช้หรือเปล่า”

แม้จะตกงานมาเกือบเดือนแล้วกัญชรสก็ตอบอย่างนี้ทุกครั้งที่ถูกถาม และเดือนนี้ก็โชคดีมากที่มีเงินก้อนใหญ่หลงเข้าบัญชีมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอก็ยังคิดไม่ตกว่าจะหาเงินที่ไหนใช้หนี้และจ่ายค่าห้อง รวมไปถึงส่วนที่ต้องโอนกลับบ้านในวันนี้ ซึ่งถ้ายังคงได้ทำงานอยู่ที่เดิมวันนี้ก็เป็นวันเงินออก ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจเลยที่พ่อโทรมาถาม เพราะถ้าไม่มีเงินจากเธอตรงนี้ ผู้เป็นพ่อแม่จะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่าย

“พอๆ ไม่ได้ใช้อะไรมากมาย อยู่บ้านก็หาเก็บผักเก็บหญ้ามาลวกจิ้มน้ำพริกก็อิ่มอร่อยไปเหมือนกัน ฮ่าๆๆ”

เสียงหัวเราะสดใสของผู้เป็นพ่อที่ถูกส่งผ่านสายโทรศัพท์มา ทำให้กัญชรสอดแย้มยิ้มออกมาไม่ได้ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอไม่กล้าที่จะบอกความจริงว่าตอนนี้เธอกำลังถังแตก เพราะไม่อย่างนั้นจากน้ำเสียงที่ถูกส่งผ่านสายโทรศัพท์มา มันคงจะกลายเป็นน้ำเสียงขุ่นมัวอย่างคนคิดหนักแทนเสียงหัวเราะสดใสอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเธอไม่ต้องการที่จะได้ยินมัน

“พ่อก็อย่ามัวแต่กินผักกินหญ้าล่ะ กินเนื้อกินหมูซะบ้างจะได้แข็งแรงนะจ๊ะรสเป็นห่วง ฝากบอกแม่ด้วย”

“โอ๊ย! ไม่ต้องห่วง แม่แกน่ะ แข็งแรงอย่างกับวัวกับควาย แถมบ่นมันได้ทั้งวัน นิ่งเป็นหลับขยับเป็นบ่น ฮ่าๆๆๆ”

คราวนี้เสียงหัวเราะของผู้เป็นพ่อรู้สึกจะดังขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้นินทาผู้เป็นภรรยาที่อยู่กินกันมานานหลายสิบปี

“พ่ออะ ไปว่าแม่ เดี๋ยววันหลังรสจะโทรไปฟ้องแม่ว่าพ่อน่ะนินทาว่าแม่แข็งแรงอย่างกับวัวกับควาย”

“กลัวที่ไหน ฮ่าๆๆๆ รส...เดี๋ยวพ่อต้องไปแล้วนะสายแล้ว ถ้าจะคุยกับแม่ก็โทรมาช่วงบ่ายๆ หรือไม่ก็เย็นๆ แล้วกันลูก เพราะพ่อจะเอามือถือไปด้วย”

“จ้ะพ่อ ฝากความคิดถึงแม่ด้วย รักพ่อจ้ะ”

กัญชรสกดวางสายพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองในใจว่าเห็นทีจะต้องรีบๆ หางานใหม่ให้ได้ เพราะไม่อยากจะโกหกบุพการีอีกต่อไปแล้ว แม้มันจะไม่ใช่การโกหกเรื่องใหญ่โตอะไร แต่คนที่ไม่ค่อยจะชอบโกหกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่างเธอ ก็รู้สึกผิดไม่น้อยเหมือนกัน



หลังจากเดินแกมวิ่งมายืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มกลางซอย มือบางก็พนมขึ้นไว้ที่กลางอกจากนั้นก็เริ่มกล่าวปณิธาน ที่เธอตั้งใจจะทำต่อจากนี้ไป หลังจากกดเงินจำนวนสามหมื่นบาทของใครก็ไม่รู้ไปใช้ก่อน ด้วยน้ำเสียงที่รัวและเร็ว

“ฉันขอกดเงินจำนวนนี้ไปใช้ก่อนนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่กดเพิ่มอีกเด็ดขาด และถ้าได้งานได้เงินมาฉันจะทยอยเอามาฝากคืนกลับไปจนครบจำนวนเท่าเดิม จากนั้นฉันสัญญาว่าแกจะได้กลับไปนอนอยู่ในบัญชีของเจ้าของแกแน่นอน สาธุ...”

หญิงสาวยกมือขึ้นจรดหน้าผาก หันซ้ายแลขวามองหน้ามองหลังว่ามีใครสนใจพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอหรือเปล่า แต่นับว่าโชคดีมากเพราะวันนี้เป็นวันปกติในช่วงกลางวันภายในซอยจึงค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนช่วงเย็น ที่ต่างพากันเลิกงานในซอยจึงดูคึกคัก และขืนเป็นอย่างนั้นเธอได้ถูกคนผ่านไปผ่านมาหัวเราะว่าเป็นบ้าเอาได้

ผ่านไปไม่กี่นาทีกัญชรสก็โอนเงินให้พ่อและกดเงินออกมาตามจำนวนที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ออกมา จากนั้นเธอก็เดินสายใช้หนี้ คืนความเป็นไทให้กับตัวเอง



ในช่วงวันหยุดซึ่งอัทธ์ก็อยู่ช่วยงานที่อู่ตามปกติ แต่หลังจากเดินกลับมาจากหยิบอะไหล่ภายในอู่ ที่ด้านล่างทำเป็นพื้นที่โล่ง เพื่อใช่สอยในการจัดเก็บอุปกรณ์การช่างและอะไหล่ต่างๆ รวมไปถึงรถของลูกค้าและรถของตัวเอง ส่วนชั้นบนนั้นก็จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสองหนุ่มโสดอย่างอิงครัตกับอัทธ์ ชายหนุ่มก็ยื่นโทรศัพท์ที่กดรับแล้วให้กับญาติผู้พี่ ที่อายุห่างกันไม่กี่ปีอย่างอิงครัต

“เอาพี่อิงค์โทรศัพท์”

“ใครวะ”

“ป้ากัญ”

เมื่อได้ยินชื่อคนที่โทรมา ชายหนุ่มจึงละจากงานแล้วเช็ดมือกับชุดหมีสีเข้ม ก่อนจะยื่นไปรับโทรศัพท์จากอัทธ์มาพูดต่อ

“ครับแม่”

อิงครัตยิ้มนิดๆ พร้อมกับลุกขึ้นเดินไปนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อน

“อิงค์! อิงค์แน่ใจนะลูกว่าโอนเงินเข้าให้แม่บัญชีเดิมน่ะ”

คราวนี้คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเหมือนแปลกใจกับคำถามของผู้เป็นแม่ แต่เขาก็มั่นใจพอ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แน่ใจสิครับ ก็ผมโอนเข้าบัญชีนี้ของแม่มาตั้งหลายปีดีดัก จำได้ขึ้นใจเลยล่ะครับแม่...มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

“ก็มีนะสิ วันนี้แม่ลองมาเชคดูแล้วมันไม่มียอดเข้า...นี่เพื่อความแน่ใจและป้องกันความผิดพลาด แม่ก็ไล่ให้ยัยอ้นกลับไปเอาสมุดบัญชีมาอัพดู ก็ปรากฏว่ามันไม่มียอดเงินเข้ามาเลยจริงๆ อิงค์โอนไปบัญชีอื่นหรือเปล่าลูก”

ผู้เป็นแม่ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล แม้สำหรับนางเงินห้าหมื่นถือว่าไม่ได้มากมายอะไร แต่สำหรับผู้เป็นลูกชายที่เรียกได้ว่าหาเช้ากินค่ำกับอาชีพซ่อมรถก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงและกว่าจะหามาได้ ลูกของนางต้องใช้เวลาเก็บออมมาเป็นแรมปี

“ไม่น่ะครับ ผมก็ว่าผมอ่านชื่อแม่อยู่นา...เดี๋ยวๆ แม่ถือสายรอแป๊บหนึ่ง ผมขอไปหาสลิปก่อน”

ว่าแล้วร่างสูงของอิงครัตก็วิ่งขึ้นชั้นบน เข้าห้องนอนไปรื้อเอากางเกงยีนส์ที่นอนเน่าอยู่ในตะกร้าตั้งแต่เย็นวันนั้นขึ้นมา ค้นหาสลิปที่ว่า

“เจอแล้วครับเจอแล้ว เดี๋ยวๆ ผมลองไล่เลขที่บัญชี ที่อยู่บนสลิปดูนะครับ 204xxxxx23”

ไล่จบคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันมุ่น ทำไมเขารู้สึกสะดุดๆ กับเลขสิบหลักที่เพิ่งไล่จบไปเมื่อครู่นี้จัง

“อิงค์...”

“แม่ครับทำไมผมรู้สึกทะแม่งๆ เวลาไล่ทำไมมันไม่คล่องปากมันขัดๆ ชอบกลหรือว่าผมลืม...แล้วตกลงที่ผมไล่มามันถูกต้องหรือเปล่าครับ”

“ก็แม่กำลังจะบอกอยู่นี่ไงว่า เลขที่บัญชีของแม่ลงท้ายด้วย 32 ไม่ใช่ 23!“

สิ้นเสียงบอกชี้ทางสว่างจากความรู้สึกสะดุดๆ ทะแม่งๆ ของตัวเอง จากผู้เป็นแม่ร่างสูงของอิงครัตถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนที่นอนกว้างลายตารางน้ำตาลสลับขาว พร้อมทั้งอุทานอย่างตกใจ

“ห๊า! นี่แม่กำลังจะบอกว่า ผมโอนเงินเข้า บัญชีของคนอื่นอย่างนั้นเหรอครับ”

****************************************************************************************

ขอบคุณค่า ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2554, 22:36:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2554, 22:36:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2052





<< บทนำ ต้นเหตุ   ตอนที่ 2 : แรกพบสบตา >>
anOO 17 ส.ค. 2554, 14:07:00 น.
นี่สินะ ต้นเหตุที่จะทำให้พระเอกกับนางเอกเราเจอกัน


ann 17 ส.ค. 2554, 17:56:34 น.
แล้วจะเจอกันไงต่อน้า อยากรุ้


เกศมณี 17 ส.ค. 2554, 22:55:09 น.
@ คุณ anOO ใช่ค่ะ

@ คุณ ann อันนี้ต้องติดตามตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น และทุก like นะคะ

อี๊ด (เกศมณี / ศรวรัญญา)


silverraindrop 23 ส.ค. 2554, 11:34:24 น.
เพิ่งเข้ามาค่ะ...


onepat 25 มี.ค. 2555, 15:42:13 น.
เข้าบัญชีนางเอกชัว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account