กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๕ ตกกระไดพลอยโจน (75%)

“อุ้ย!! เอ่อ--” เสียงอุทานของบุคคลที่สามดังขึ้น ทำเอาทั้งสองถึงกับสะดุ้ง ศศิพิมพ์ร้องอุ้ยยกมือขึ้นแตะตาข้างที่ฝุ่นเข้า ส่วนคนช่วยตีหน้าไม่ถูก ได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ มองผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ในบ้าน

“มาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าคะเนี่ย”

คำถามแกมล้อทำจิรสินยิ้มเก้อเป็นครั้งแรก แต่พอมองศศิพิมพ์ที่ขยี้ตาแล้วก็รีบแก้

“หนูพิมพ์ฝุ่นเข้าตาครับ ยังไม่ออกเลย”

“อุ้ยตายจริง งั้นอย่าให้ขยี้ค่ะมือสกปรกออก มาลืมตาในน้ำยังดีกว่า” คนแนะสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงขายาวเข้ารูปสีดำ ผมรวบเป็นมวยไว้ข้างหลัง เค้าหน้าคล้ายศศิพิมพ์เพียงแต่ว่าคล้ำและสูงกว่าเท่านั้น และแน่นอนไม่ใช่ใครที่ไหน

“พี่พลอยเหรอ” คนหลับตาเอ่ยถาม

“อือ... รอเดี๋ยวนะพี่จะเอาน้ำมาให้”

ไม่ถึงห้านาที ศศินิภาก็นั่งลงข้างน้องสาว มองศศิพิมพ์ที่กำลังลืมตาในชามน้ำที่ถือมาให้ ระหว่างนั้นว่าที่น้องเขยกับพี่เมียจึงได้ทักทายทำความรู้จักกัน

“พลอยค่ะคุณสิน รู้เรื่องจากแม่แล้วค่ะ ดีใจที่ได้เจอนะคะ”

“สวัสดีครับ ดีใจที่เจอเหมือนกันครับคุณพลอย แล้วก็ต้องเอ่อ ขอโทษแล้วก็เสียใจจริงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น”

ศศินิภายิ้มรับ “พิมพ์เล่าแล้วค่ะ พิมพ์เชื่อน้องแต่ผู้ใหญ่... เฮ้อ นั่นละค่ะ” พี่สาวของศศิพิมพ์นิ่งไปนิด ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ยังไงฝากพิมพ์ด้วยนะคะคุณสิน”

ชายหนุ่มยิ้มเลื่อนสายตาไปมองคนกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเขาเช็ดน้ำออกจากหน้า

“ครับ”
คำตอบรับสั้นๆ นั้นฟังดูหนักแน่น

“ที่มารอคุณพลอย ก็เพราะจะมาพูดเรื่องนี้ครับ แม่อยากเจอคุณแม่คุณพลอยกับพิมพ์ ถ้าเป็นไปได้ ท่านอยากคุยเรื่องแต่งงานของเราครับ”

“คุณดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิดไว้มากค่ะ”

เป็นคำพูดที่คนอายุใกล้เคียงกันเข้าใจได้ในทันที

ค่ำนั่นหัวข้อที่คุยกันคือเรื่องเตรียมงานคร่าวๆ ส่วนใหญ่ศศินิภากับจิรสินเป็นคนคุยและออกความเห็นกัน ส่วนศศิพิมพ์นั้นได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ฟังและพยักหน้ารับ มีออกความเห็นเล็กน้อยและส่วนใหญ่ก็ถูกปัดทิ้งไป เมื่อความคิดของเธอล้วนแต่ไม่เข้าท่าทั้งนั้น

“พอคุณสินกลับแล้วเงียบผิดปกติเนอะพิมพ์”

ผู้เป็นพี่ที่โครงหน้าคล้ายกันแต่ใบหน้าดูคมเข้มกว่าออกปากเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถวิ่งห่างออกไปแล้ว

“เหอะ ปลื้มกันเหลือเกิ๊น” ศศิพิมพ์บอกด้วยน้ำเสียงประชดก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ้อนเมื่อนั่งลงบ้าง

“คืนนี้นอนกับพิมพ์นะคิดถึง” หล่อนกอดเอวพี่สาวไว้หลวมๆ ซุกหน้าเข้ากับอก

“เหงาสิ แต่อีกเดี๋ยวไม่เหงาแล้ว ทนหน่อย”

คนถูกแซวทำหน้าเบื่อ ขยับมานั่งตัวตรงก่อนไถตัวลงไปนอนกับโซฟา “โอ๊ยเขินจังเลย เขินจนจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

ศศินิภาถอนหายใจพรืดใหญ่

“ดูๆ ไปคุณสินก็หน้าตาดีนะ นิสัยก็เป็นผู้ใหญ่ดีไม่เอะอะเหมือนคนรุ่นเดียวกัน” เธอเบี่ยงตัวหันมามองน้องสาว “ไม่ลองเปิดใจบ้างล่ะ เดี๋ยวก็ได้หมั้นได้แต่งกันแล้วนะ”

“เฮ้อ” ศศิพิมพ์กลอกตา “พี่ก็รู้ แค่หมั้นให้ยังไงก็ไม่ถึงแต่งหรอก พิมพ์ไม่ได้รัก พี่เขาก็ไม่ได้รัก แค่ปฏิเสธไม่ได้”

ศศินิภาเลิกคิ้วขึ้น

“รู้จักกันมากี่ปีพี่พลอย พี่สินน่ะโคตรจะเจ้าชู้เลย ไม่ต้องทำอะไรหรอกแค่ยิ้มให้ผู้หญิงก็เดินเรียงแถวมาให้เลือกแล้ว นี่ถ้าเลือกเป็นดารานะป่านนี้ได้ขึ้นหน้าหนึ่ง เรื่องหลอกแฟนคลับไปกินตับแล้วมั้ง”

“นี่! เราน่ะปากจัดพูดเกินไปแล้ว กับอีแค่เคยถูกหลอกเก็บแต้มนี่นะ จำฝังใจจริง นั่นมันก็ตอนเด็กๆ ไม่รู้ความ” พี่สาวเอื้อมมือไปวางที่เข่าน้องสาว “พิมพ์ พี่ว่ามองคุณเขาใหม่เถอะ เปิดใจบ้าง ถึงจะตกลงกันว่าแค่หมั้นแต่ใครจะรู้ เกิดถูกใจกันขึ้นมาจริงๆ สุดท้ายก็ได้แต่งกันอยู่ดี”

“พิมพ์ไม่เอาชีวิตทั้งชีวิตไปเสี่ยงกับพี่สินหรอกนะพี่พลอย”

“แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาทั้งชีวิตไปจมกับความรู้สึกผิดนี่นา พิมพ์พูดตรงๆ นะ พี่ห่วง พี่กลัวว่าเราจะแยกไม่ออกระหว่างคนที่รักจริงๆ กับคนที่พิมพ์รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบจนไม่ยอมมองใครอีก ความรู้สึกสองอย่างนี่มันต่างกันนะ ต่างมาก ความรับผิดชอบมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือเหตุผล แต่ความรักมันไม่มีเหตุผล มันเกิดขึ้นโดยไม่เลือกว่าเขาจะดีเลวยังไง เรารู้แค่ว่ารักเราก็จะรัก”

“พี่พลอยใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการตัดสินใจ”

ศศินิภาส่ายหน้า “ส่วนพิมพ์มีเหตุผลมากเกินไปจนไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ” ตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่ะชะงักกับคำถาม

“นี่จะกลับ?”

“อื้อก็อยากค้างนะแต่ไม่ได้หรอก ต้นไม่สบายพ่อเขาคนเดียวคงดูไม่ไหว”

ศศิพิมพ์ยิ้มเหยียด “ดูไม่ไหว หรือ ‘มัน’ ไม่อยู่ดู”

“เฮ้อ! อย่าพูดเลยพิมพ์ เอาเป็นว่าพี่ถึงบ้านแล้วจะโทร.หา”

“ก็แค่ผู้ชายคนเดียว พี่พลอยจะรักอะไรนักหนา ตอนท้องมันก็ไม่ได้สนใจ พอคลอดมันก็แรดๆ ไปนั่นมานี่ ค่าใช้จ่ายในบ้านมันก็ไม่ช่วย แถมพี่ยังต้องหาเลี้ยงมันอีก ทำไมไม่กลับมาอยู่บ้านเราพี่พลอย คนไม่มีความรับผิดชอบ ติดการพนันแบบนั้นเอาแต่ตัวเองพี่จะทนอยู่กับมันทำไม นั่นมันแมงดานะ มีพ่อเป็นแมงดาหลานมันคงอยากมีหรอก”

“ยังไงเขาก็เป็นพ่อพิมพ์ เขาก็ยังรักลูก”

ศศิพิมพ์ฟังแล้วหัวเราะ เธอลุกขึ้นนั่ง

“อย่าเอาหลานมาเป็นข้ออ้างพี่พลอย พิมพ์ถามจริงๆ มันรักพี่พลอยได้ครึ่งหนึ่งที่มันรักตัวมันเองไหม”

ศศินิภาหน้าตึงเมื่อเหลียวมองน้องสาว “ถ้ามีแฟน พิมพ์ก็จะรู้เองนั่นแหละ”

“ใช่รู้ แล้วพิมพ์ก็จะไม่ทนให้ใครมาเกาะพิมพ์กิน”

สองพี่น้องจ้องตากันอยู่ครู่ แล้วก็เป็นศศินิภาที่สะบัดหน้าหนี เธอเดินไปหยิบกระเป๋านิ่งอยู่พักแล้วถอนหายใจยาวเหยียด

“พี่รู้ว่าพิมพ์ห่วงพี่ แต่พี่เลือกแล้วพิมพ์ พี่ทำอย่างที่พิมพ์บอกไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันดีกับตัวพี่ แต่พี่ก็ทำไม่ได้”

ศศินิภาพูดเท่านั้นแล้วก็เดินออกจากบ้านไป ศศิพิมพ์เบือนหน้าหนีและได้แต่ทอดถอนใจ





ตลอดทางที่กลับจากบ้านของศศิพิมพ์นั้น จิรสินครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา ความทรงจำเมื่อคืนลางเลือนมาก เขาจำได้แค่คร่าวๆ ว่าก่อนวูบไปก็ยังนั่งดื่มเบียร์ทอดอารมณ์อยู่หน้าบ้านนั่น แต่เมาจนหัวทิ่มตอนไหนกลับจำไม่ได้เลย

ยิ่งเรื่องที่ตะกายขึ้นไปนอนเตียงเดียวกับศศิพิมพ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ที่จำได้ก็คือตอนตื่นมาเจอว่าอยู่บนเตียงด้วยกันแล้วนั่นแหละ!

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ

ศศิพิมพ์เป็นผู้หญิง และเธอไม่ใช่คู่รักของเขาอย่างที่พอใจร่วมกันแล้วไปจบลงที่เตียง พอเบื่อก็แยกย้ายกันไป

เธอเป็นคนรู้จัก เป็นน้อง และเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง

รักไหม... เขาไม่รู้หรอกว่ารักมันเป็นอย่างไร ไอ้พวกอารมณ์อยากอยู่ใกล้ๆ จนแทบสิงร่าง ไม่ก็มองแบบกลืนกินเธอทั้งตัวไม่เหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นนั่น... เขาว่ามันเพ้อเจ้อ

กับยายหนูพิมพ์นี่เห็นกันมานานตั้งแต่เด็ก เคยเป็นแต้มให้เขาเก็บเพราะต้องการเอาชนะเพื่อน เคยเป็นลูกไล่ให้คอยแกล้ง ความทรงจำระหว่างเราก็มีแค่นั้น ความสนิทสนมก็เหมือนอย่างคนรู้จักกันมากกว่า เพราะโตแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปหลายปี ส่วนอีกความรู้สึกก็คือสงสารเสียมากกว่า ครอบครัวเธอไม่ได้สมบูรณ์ พ่อมีเมียน้อยแล้วเลือกทางนั้น พอหย่าก็รับเอาพี่สาวคนโตไปเลี้ยง ส่วนศศิพิมพ์อยู่กับแม่

เขารู้เรื่องพวกนี้จากจิรสุตา ตอนเด็กศศิพิมพ์ค่อนข้างลำบาก และด้วยความที่เป็นเพื่อนหลาน แถมยังนิสัยดีน่าเอ็นดู พ่อแม่เขาเลยช่วยเท่าที่อีกฝ่ายต้องการ แม่ของศศิพิมพ์ใจเด็ดมาก หากไม่จำเป็นจริงๆ ไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร

เราโตกันมาแบบนั้น

ชายหนุ่มถอนหายใจ ตอนนี้เขากลับถึงบ้านแล้วและยังไม่ลงจากรถยนต์ที่ขับเข้ามาจอดในโรงจอดรถ

เรากำลังจะหมั้น ส่วนงานแต่งคงมาไม่ถึง




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 เม.ย. 2561, 21:41:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 เม.ย. 2561, 21:41:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 840





<< ๕ ตกกระไดพลอยโจน (50%)   ๕ ตกกระไดพลอยโจน (100%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account