+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน
ตอน: ตอนที่ 4
ริสา ปรเมศวร์ ส่งกระเป๋าเอกสารให้คนรับใช้ ก่อนเข้าไปในห้องอาหาร ครั้นไม่เห็นมารดา หญิงสาวจึงขมวดคิ้วถามสาวใช้ “หม่าม้าล่ะ”
“คุณผู้หญิงไปปฏิบัติธรรมที่สิงห์บุรีค่ะ ออกเดินทางตั้งแต่ตีห้าแล้ว”
ริสามองสำรับสำหรับห้าที่ กำมือแน่นกดกลั้นความเกลียดชังอย่างยากเย็น
“อ้าว...ทำไมมีลื้อคนเดียวล่ะอาหยง” บิดาทักทายด้วยชื่อจีนที่เรียกกันเฉพาะคนในบ้านดังมาจากด้านหลัง
“แล้วฮกไปไหน”
“ยังไม่ตื่นค่ะ เมื่อวานกลับดึก เห็นว่าไปฉลองกับเพื่อน ๆ ที่มาจากอังกฤษ”
“เมื่อไหร่มันจะโตสักที เอาแต่เที่ยวเล่น สุขภาพก็ไม่ใช่ว่าดีนัก” ธนาส่ายหน้าระอา “แล้วลื้อล่ะ ตื่นเช้าเชียว”
“วันนี้หยงมีประชุมทั้งวันเลยค่ะ” หญิงสาวประคองบิดามานั่งประจำที่
“เรื่องต่อสัญญากับซูเปอร์โคลาไปถึงไหนแล้ว” ถึงจะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลามาเกือบหกสิบปี แต่ปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ยังต้องต่อสัญญากับบริษัทแม่ของซูเปอร์โคลาที่สเปนทุกสิบปี ซึ่งปีนี้จะครบระยะสัญญาอีกครั้ง
“บ่ายนี้หยงจะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารที่สเปนค่ะ ได้ความยังไงจะมารายงานเตี่ยอีกทีนะคะ”
“ให้สาวัชเข้าประชุมด้วยสิ อีจะได้เรียนรู้งาน ประเด็นนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว ช่วยกันคิดหลายคนดีกว่าหัวเดียว”
“สาวัชเพิ่งมาทำงานได้วันเดียวเองนะคะ เขาอาจจะยัง...”
“เตี่ยต้องให้ลื้อสอนเหรอว่าควรใช้คนยังไง” ธนาหน้าตึงเสียงห้วน
“เดี๋ยวหยงจะเรียกเขาเข้าประชุมด้วยค่ะ” หญิงสาวไม่พอใจแต่จำต้องรับคำ
ธนาสีหน้าเคร่งขรึม “เตี่ยฝากด้วยนะ สาวัชเป็นคนฉลาด ใช้อีให้คุ้มค่าล่ะ”
“เตี่ยไม่ต้องห่วงค่ะ รับรองว่าหยงจะ ‘ใช้’ สาวัชให้สมกับความสามารถของเขาแน่นอน” ริสายกมุมปากขึ้น ดวงตามีแววหมายมาด
“จากนี้ไปลื้อควรค่อย ๆ ถ่ายงานในมือให้สาวัชได้แล้ว”
“ทำไมต้องทำอย่างนั้นคะ” ริสาเนื้อเต้น เมื่อเดาว่าพ่อคิดเกษียณตัวเอง มอบตำแหน่งซีอีโอให้เธอ แล้วเลื่อนสาวัชขึ้นมานั่งเก้าอี้ปัจจุบันของเธอ
“อายุลื้อก็ไม่น้อยแล้ว ควรจะแต่งงานแต่งการเสียที” ธนายิ้มนิด ๆ “จำเจ็กพ้งได้ไหม ลูกชายเขายังโสด เตี่ยว่าเหมาะกับลื้อ ไว้จะนัดให้ไปดูตัวนะ”
“แต่หยงยังไม่อยากแต่งงานนี่คะเตี่ย อย่าบังคับหยงไปดูตัวเลย”
ธนาแทบไม่สนใจฟัง เพราะเขาหันไปทางประตูห้องทันทีที่ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งดังมาพร้อมกลิ่นดอกไม้ฉมโชยมาตามลม บุรุษชรายิ้มรับผู้มาใหม่อย่างเอาใจ ‘สองแม่ลูก’ เดินตามกันมา สาวิตรีตรงไปจับมือธนาอย่างแช่มชื่นอ่อนหวาน
“มาแล้วหรือสา หิวไหม” ธนาทักทายหนุงหนิงกับ ‘ผู้หญิงคนนั้น’
ริสากำช้อนกระเบื้องระงับความรู้สึก เธอสูดหายใจลึก ขึงตามอง ‘คนลูก’ ที่ตามหลังมาห่าง ๆ สาวัชก้มศีรษะให้เธออย่างนอบน้อมแล้วนั่งประจำที่เงียบ ๆ
“เอ้า อาหยง ลื้อมีเรื่องจะคุยกับสาวัชไม่ใช่เหรอ” เมื่อเธอยังนิ่ง บิดาก็ชงเอง
“บ่ายสองวันนี้มีประชุมกับซูเปอร์โคลา เข้าประชุมด้วยนะ” ริสาจำใจออกปาก
ไอ้ลูกเมียน้อยนั่นรับคำด้วยสีหน้าเหมือนกินยาขม ดุจไม่เต็มใจสักนิด มารยาสาไถยเหมือนแม่มันนั่นแหละ!
“มีปัญหาหรือสงสัยอะไรก็ปรึกษาเจ้นะสาวัช อีกหน่อยพอลื้อแต่งงาน มีความพร้อมในทุกด้าน เตี่ยจะแต่งตั้งให้ลื้อเป็นซีอีโอ”
“เตี่ยครับ ผมว่าคุณหยงเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่า...”
ธนาทุบโต๊ะปัง สีหน้าบอกชัดว่าพื้นเสีย มือชี้หน้าบุตรชายกำราบเสียงกร้าว
“เตี่ยไม่ได้ให้ลื้อออกความเห็น”
“ขอโทษครับเตี่ย” ชายหนุ่มก้มหน้าถอนใจ จึงไม่เห็นว่าริสากำลังมองไปด้วยสายตาเคียดแค้นเกลียดชัง!
บรรยากาศในห้องประชุม ณ สำนักงานใหญ่บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งค่อนข้างจอแจ ผู้บริหารระดับสูงนั่งประจำที่พร้อม ริสาเข้ามาในห้องก่อนเวลาเล็กน้อย เธอทักทายผู้อาวุโสส่วนใหญ่ และชะงักเมื่อเห็นสาวัชนั่งอยู่ด้านไกลสุดปลายโต๊ะอีกด้านหนึ่ง
ดวงตาเรียวเฉียงวาวจ้า มือกำแน่นจิกเล็บลงในเนื้อระงับโทสะ หญิงสาวควบคุมตัวเองไปนั่งยังหัวโต๊ะด้วยความเยือกเย็น แล้วเริ่มการประชุมทันที
“ไตรมาสหน้าซูเปอร์โคลาจะขอขึ้นค่าหัวเชื้อน้ำหวาน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เรารับไม่ได้ ทุกวันนี้เราต้องแบกต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งน้ำเชื่อม เชื้อเพลิง ค่าขนส่ง รวมถึงค่าแรงคนงาน แต่กลับขึ้นราคาขายไม่ได้ ถ้าซูเปอร์โคลาขอขึ้นค่าหัวเชื้ออีก จากที่มาร์จิ้นเราบางอยู่แล้ว มันอาจกลายเป็นเข้าเนื้อ เพราะฉะนั้นประเด็นหลักของการเจรจาวันนี้ก็คือเราต้องบีบให้ทางนั้นยืนราคาเดิม”
นิติกรของบริษัทเสริมว่า “นอกจากนี้ต้องไม่ลืมเรื่องการต่อสัญญาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลาในเมืองไทยด้วยครับ ทางสเปนยื้อเรื่องนี้มานานแล้ว ผมว่าเราควรสรุปให้จบเร็วที่สุดด้วย”
ริสามองไปยังปลายโต๊ะ เห็น ‘น้องชาย’ กำลังจดยิก ๆ ใส่สมุด หญิงสาวเม้มปากกลั้นความไม่พอใจ ขณะสั่งฝ่ายไอที “ฉันพร้อมแล้ว เชื่อมต่อไปที่สเปนได้เลย”
ไฟในห้องหรี่ลง เครื่องฉายแสดงภาพจากห้องประชุมที่สเปนขึ้นบนจอ ชายชาวต่างชาติหกคนที่ฝั่งโน้นมีสีหน้าเคร่งเครียด ริสาทักทายตามมารยาท จากนั้นเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม ทั้งสองฝ่ายยกเหตุผล และกราฟต่าง ๆ มาแสดงตอบโต้กันอย่างดุเดือด
โคลาและเป็ปซี่นั้นผลัดกันยึดส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมแทบทุกประเทศ ขณะซูเปอร์โคลาถูกทิ้งห่างอยู่แสนไกล มีเพียงแห่งเดียวในโลกที่ซูเปอร์โคลาถือครองส่วนแบ่งตลาดเหนือกว่าโค้กและเป็ปซี่รวมกัน นั่นก็คือ...ประเทศไทย! ไม่แปลกที่ปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นลูกรักของบริษัทแม่ที่สเปน ทั้งแนวทางการบริหารยังถูกนำไปใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อขยายตลาดในประเทศอื่น
แม้จะเป็นผู้นำตลาดน้ำดำ แต่สถานการณ์ของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด เกือบสี่สิบปีก่อนเมื่อกำลังการผลิตของโรงงานที่จังหวัดนครราชสีมาไม่เพียงพอ บิดาของธนาจึงนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดมทุนเพื่อนำเงินไปซื้อที่ดินยังจังหวัดระยองและสร้างโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย กระนั้นเพราะขนาดของโรงงานอันใหญ่โตทำให้ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงเป็นเงาตามตัว เม็ดเงินซึ่งเคยหมุนเวียนในระบบหายไปเกินครึ่ง และนั่นคือครั้งแรกที่ซูเปอร์โคลาต้องเทเงินทุนลงมาอุ้มปรเมศวร์เทรดดิ้ง แลกกับการถือหุ้นในบริษัท ๑๖.๖๕%
ครั้นวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งทำให้ปรเมศวร์เทรดดิ้งไม่มีกระทั่งเงินจ่ายค่าหัวเชื้อน้ำหวาน ซูเปอร์โคลาเสนอยกหนี้บางส่วนให้ ยืดระยะเครดิต และจัดสรรเงินเข้ามาซื้อหุ้นพีอาร์เอ็มอีก ๒๔.๙% รวมเป็นสัดส่วนที่ซูเปอร์โคลาถือหุ้นอยู่ที่ ๔๑.๕๕% ขณะครอบครัวปรเมศวร์มีหุ้นรวมกันเหลือเพียงเก้าเปอร์เซ็นต์! ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในมือผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์
เกือบสองชั่วโมงที่การโต้เถียงดำเนินไปอย่างดุเดือด สุดท้ายสเปนจึงขู่ “หากปรเมศวร์เทรดดิ้งไม่ยอมให้เราขึ้นค่าหัวเชื้อน้ำหวาน การต่อสัญญาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลาที่กำลังจะหมดลง อาจล่าช้ากว่ากำหนด!”
ริสาประกาศกร้าว “ซูเปอร์โคลาเคยต่อสัญญาให้เราล่วงหน้าสิบแปดเดือน แต่รอบนี้เหลือระยะสัญญาอีกแค่แปดเดือนเท่านั้น ฉันยืนกรานให้ซูเปอร์โคลาคงราคาค่าหัวเชื้อให้เราสองไตรมาส ถ้าคุณไม่ตกลง ปรเมศวร์เทรดดิ้งจะกันงบประมาณสั่งซื้อหัวเชื้อน้ำหวานไว้สามพันล้านเท่าปีที่ผ่านมา ซื้อได้เท่าไหนก็เท่านั้น ปิดการประชุมได้ละ” เธอสั่งตัดการเชื่อมต่อทันที
แสงไฟในห้องสว่างขึ้น ริสาหน้าเคร่ง “ถ้าเราลดกำลังการผลิตลงเท่าจำนวนหัวเชื้อที่สั่งได้ จะกระทบยอดขายแค่ไหนคะ”
ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและฝ่ายการตลาดหยิบเครื่องแท็บเล็ตมาคำนวณปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดชั่วครู่ก็ได้คำตอบ “ระยะแรกคงยังไม่กระทบ แต่ภายในหนึ่งไตรมาสซูเปอร์โคลาจะหายจากตลาดเจ็ดเปอร์เซ็นต์ โค้กกับเป็ปซี่อาจถือโอกาสนี้เอาสินค้าเข้าวางแทน ตรงนั้นต่างหากที่เราต้องกังวล”
ริสาถอนใจ บรรยากาศในห้องเงียบกริบ อึดอัดจนแทบระเบิด
“ถ้ายังไม่มีคำตอบภายในศุกร์นี้ ก็ให้ถือว่าฝั่งโน้นยืนยันราคาใหม่ กำชับเด็กจัดซื้อให้ลดปริมาณสั่งซื้อลงนะคะ ยอดเงินเท่าเดิม ได้ของเท่าไหร่ก็เท่านั้น เราต้องแสดงให้ซูเปอร์โคลาเห็นว่าเราจริงจังกับคำพูดของเรา ขอให้เรื่องที่ประชุมกันวันนี้อยู่แค่ในห้อง ห้ามแพร่งพรายให้คนนอกรู้เด็ดขาด เลิกประชุมค่ะ”
สาวัชมองพี่สาวด้วยความนับถือ เขากดปุ่มหยุดการบันทึกเสียงในโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นค้อมศีรษะไปทางที่ริสานั่ง ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือไม่
ตลอดเกือบสองชั่วโมง เขาฟังข้อเสนอของสเปน และเดาคำตอบในใจ แต่ไม่มีคำไหนกับที่ริสากระทำเลย หญิงสาวเขี้ยว คมและนิ่งจนน่ากลัว เขามั่นใจว่ามีนักธุรกิจน้อยมากที่กล้าต่อกรกับผู้หญิงเก่งคนนี้!
สาวัชออกจากห้องประชุม พลางนึกโล่งใจ โชคดีจริง ๆ ที่คนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคือริสา ไม่ใช่เขา!
“ดิฉันจะนำของไปให้คุณสาวัช บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งค่ะ” อิงอรุณแจ้งประชาสัมพันธ์ของอาคาร พร้อมกับเอียงถุงกระดาษให้อีกฝ่ายตรวจสอบ
“ออฟฟิศปรเมศวร์เทรดดิ้งเชิญชั้นสี่เลยค่ะ”
อิงอรุณซ่อนยิ้มสมใจ เธอแลกบัตรแล้วขึ้นลิฟต์มาชั้นสี่ แจ้งว่าขอพบสาวัช
“ห้องทำงานคุณสาวัชอยู่ชั้นสามค่ะ ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้าย แจ้งแม่บ้านได้เลยค่ะ” คนพูดยื่นบัตรผ่านให้หญิงสาวรับบัตรมาติดที่อกเสื้อ หิ้วถุงกระดาษมายืนตรงโถงลิฟต์ ตัวเลขดิจิทัลด้านบนลิฟต์แต่ละตัวบอกว่าคงต้องรออีกนาน กอปรกับเห็นว่าจุดหมายอยู่ต่ำลงไปแค่ชั้นเดียว เธอจึงเลือกใช้บันไดหนีไฟแทน
หญิงสาวกอดถุงกระดาษลงบันได อีกสามสี่ขั้นจะถึงจุดหมาย เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น บอกให้รู้ว่าที่ไหนสักชั้นไม่ใกล้ไม่ไกล มีคนออกมายังบันไดหนีไฟ และถ้าแยกแยะไม่ผิด เธอเชื่อว่าเสียงนั้นดังมาจากชั้นบนเหนือขึ้นไป
หญิงสาวชะงัก บันไดหนีไฟเป็นทางเลือกประหยัดพลังงานก็จริง แต่คนใช้น้อย บางครั้งก็อาจมีอันตรายที่คาดไม่ถึง โหย่งเท้าจะรีบออกไปที่ชั้นสาม ทว่ากลับได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดอีกครั้ง ตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น
“เธอกล้าดียังไงถึงเข้าไปในห้องประชุมที่ฉันวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารซูเปอร์โคลา” เสียงผู้หญิงเข้มจัดไม่พอใจ
อิงอรุณชะงัก เบียดตัวกับผนังอัตโนมัติ
“ผมได้ยินคุณหยงกำชับเมื่อเช้า เลยเข้าใจว่าเป็นคำสั่งให้เข้าประชุม”
“นี่ไม่ใช่ที่บ้าน อย่าบังอาจมาเรียกฉันอย่างนั้น” คนพูดคำรามเสียงต่ำ “เสียแรงเป็นถึงดอกเตอร์ แต่กลับไม่รู้ว่าฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้หมายความตามที่พูดสักนิดเดียว อยู่ต่อหน้าเตี่ย ฉันก็ต้องว่าไปตามน้ำเท่านั้นเอง”
“ผมขอโทษครับ ที่เข้าใจผิดไปเอง”
“ดีที่รู้จักเจียมตัวว่าไม่มีที่ไหนต้อนรับ ฉันเองก็จำใจรับเธอเพราะเตี่ยสั่ง แต่อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้ตำแหน่งซีอีโอแค่เพราะยอมลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะฉันจะขัดขวางจนถึงที่สุด นั่นเป็นเก้าอี้ของฉัน ไม่ใช่ลูกเมียน้อย!”
“ครับ”
“หวังว่าเธอคงไม่ใช่ผู้ชายขี้ฟ้องต้องหอบเรื่องนี้ไปเพ็ดทูลเตี่ยหรอกนะสาวัช!” ปลายประโยคกระแทกเสียงต่ำ ๆ อย่างประชดประชัน
อิงอรุณสะดุ้งโหยง มือกอดถุงกระดาษแน่น อะไรนะ เธอฟังผิดหรือเปล่า
ดอกเตอร์ - ลาออกจากมหาวิทยาลัย - สาวัช - เข้าประชุมกับซูเปอร์โคลา...แปลว่าผู้ชายที่กำลังถูกประณามอยู่คือสาวัชที่เธออยากได้มาเป็นวิทยากรงั้นเหรอ
“ครับ” เขารับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบเดิม แต่ฟังออกว่าขมขื่น!
“เธอไม่ควรกลับมาเลยจริง ๆ ” คนพูดถอนใจ ทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายไม่พอใจ “ทำไมเธอไม่อยู่ที่โน่นไปเลย มันคงจะดีกว่า ถ้าเตี่ยไม่เรียกเธอกลับมาเมืองไทย ฉันก็ไม่ต้องมาทำตัวเป็นนางมารร้ายทุเรศ ๆ แบบนี้”
“ผมขอโทษ ผมก็ไม่เคยอยากให้มันเป็นแบบนี้” น้ำเสียงเขาล้าระโหยแผ่วเบา มีร่องรอยเครือ ๆ เจืออยู่ตรงท้ายประโยคราวกับมีดเสียบลงกลางใจคนฟัง
อิงอรุณซึ่งได้ยินแต่เสียง ยังรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
“ต่อให้เธอกับแม่ขอโทษหม่าม้าฉันไปชั่วชีวิต ฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอทั้งที่บ้านแล้วก็ที่นี่ เจอฉันตรงไหน ช่วยหลบไปไกล ๆ ทีเถอะ ถือว่าฉันขอร้องละกัน” จบประโยค เสียงบานพับประตูก็ดังขึ้นและงับเข้าหากันอีกครั้ง
อิงอรุณผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด เพิ่งรู้ว่าเธอเผลอกลั้นหายใจตลอดเวลาที่ฟังคำบริภาษเพียงฝ่ายเดียวนั่น
เสียงลากเท้าเบา ๆ ลงบันไดมาอย่างเชื่องช้า ทำให้หญิงสาวหันรีหันขวาง ไม่ดีแน่ถ้าสาวัชมาเห็นว่าเธอเป็นพยานในเหตุการณ์อันน่าขายหน้าเช่นนี้
หญิงสาวขยับจะก้าว แต่นึกได้ว่าบันไดหนีไฟนั้นเสียงดังก้องได้ง่าย รองเท้าส้นสูงของเธอคงก่อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย อิงอรุณถอดรองเท้า ก้มลงใช้สองนิ้วเกี่ยวแคชชูส์ อีกมือกอดถุงกระดาษ โหย่งเท้าวิ่งลงบันไดไปที่ชั้นสอง ซ่อนตัวอยู่อีก
ฟากของผนังหลบอยู่ในเงาของบันได ไม่ให้ถูกสาวัชพบ
อิงอรุณปะติดปะต่อสิ่งที่รู้มาเข้าด้วยกัน สาวัชเป็นลูกชายของธนา ปรเมศวร์ ดังคาด เขาถูกบิดาเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ บังคับให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำงานที่บริษัทโดยตั้งใจจะให้รับช่วงธุรกิจต่อ แต่ก็มีพี่สาวต่างมารดาขวางทางอยู่
หญิงสาวเม้มปาก ความรู้สึกแรกคือเห็นใจ คนจีนส่วนใหญ่ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว สาวัชก็เป็นลูกชายของเศรษฐีชาวจีน แต่แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถูกตามใจจนเสียคน ชี้นิ้วเรียกหาทุกอย่างได้ดังปรารถนา เขากลับถูกบังคับให้ทำสิ่งไม่พึงประสงค์ ถูกกดขี่ปรามาสด้วยถ้อยคำหยามหยาบ เพียงเพราะเหตุผลที่เขามิได้เป็นผู้ก่อ
ลูกชายนอกสมรส น่าเศร้าจริง ๆ !
อิงอรุณคอยจนได้ยินเสียงประตูอีกครั้ง มั่นใจว่าสาวัชออกจากทางหนีไฟไปแล้วแน่ ๆ เธอจึงทรุดลงนั่งบนขั้นบันได วางรองเท้าไว้ข้างตัว มือผลักถุงเสื้อที่กอดอยู่ออกห่างและมองมันนิ่ง ๆ สุดท้ายกลับถอนใจบางเบา
‘โลกนี้มันห่วยมากพอแล้ว ผมว่ามีคนหมั่นไส้และเกลียดขี้หน้ากันน้อยลงไปอีกคน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเราทั้งคู่นะ’
มิน่า...ตอนพบกันที่มหาวิทยาลัยสาวัชถึงพูดแบบนั้น เขาคงถูกคนรอบตัวบงการมาตลอดชีวิต ทั้งพ่อทั้งพี่สาวและอาจจะรวมถึงพี่ชายด้วย ไม่รู้ว่าแม่จริง แม่เลี้ยง จะดาหน้ากันมาควบคุมชีวิตเขาเป็นคอมโบ้เซตด้วยหรือเปล่า คงใจร้ายน่าดูหากเธอยืนกรานจะลากเขาไปเป็นวิทยากรเพียงเพื่อเอาชนะที่เขาไม่ยอมลงให้
หญิงสาวผลักถุงเสื้อออกห่างตัว พึมพำเปื้อนยิ้ม “ไม่เคยมีอะไรที่อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ต้องการแล้วไม่ได้ แต่ครั้งนี้อิงจะยกให้คุณคนนึงละกัน สู้ ๆ นะคุณดอกเตอร์ เป็นซีอีโอให้ได้ แล้วก็ตอกหน้ายายพี่สาวจอมโหดให้หงายเงิบไปเล้ย อิงเอาใจช่วยสุดฤทธิ์!”
ทันทีที่เห็นเธอผ่านประตูด้านหน้าของสำนักงานเข้ามา แพรวเพชรมีดีใจ ปรี่เข้ามาคว้าข้อมืออิงอรุณ “ไปไหนมาน่ะอิง โทร.หาตั้งนานก็ไม่รับสาย”
“อ๋อ...เอาของไปเก็บที่รถมาน่ะ” อิงอรุณแก้ตัว ไม่อยากบอกเพื่อนว่าไปรู้เห็นอะไรมา หลังจากรอจนได้ยินเสียงประตูหนีไฟปิดสนิทอีกครั้ง เธอจึงใช้ทางหนีไฟกลับขึ้นไปชั้นสี่ เอาถุงเสื้อไปฝากพนักงานคนเดิมโดยอ้างว่าไม่พบชายหนุ่มที่ห้อง แล้วเผ่นกลับมาออฟฟิศด้วยความกระอักกระอ่วน
“เอาของอะไรไปเก็บเนี่ย นานจัง เราให้เด็กโทร.หาเป็นสิบหนแล้วมั้ง”
อิงอรุณล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากระโปรง “สายไม่ได้รับเพียบเลย โทษทีนะ”
“เอ๊ะ...สร้อยข้อมืออิงหายไปไหนน่ะ” แพรวเพชรมองตามมือเพื่อนจึงทัก
หญิงสาวยู่หน้า มองข้อมือซึ่งเคยมีสร้อยทองคำขาวร้อยตุ้งติ้งประดับเพชรเส้นละหลายบาท แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า “ไม่รู้ทำหายหรือเมื่อเช้าไม่ได้ใส่มา จำไม่ได้อะ” อิงอรุณเสียดาย เพราะกว่าจะสะสมตุ้งติ้งมาห้อยจนรอบเส้นได้ เธอเก็บเงินตั้งนาน! แพงมาก นี่ถ้าหายไปจริงคงร้องไห้แหงๆ
หญิงสาวสลัดศีรษะอย่างตัดใจ “ช่างเถอะ ว่าแต่ให้เด็กโทร.หาอิงทำไมเหรอ”
แพรวเพชรบุ้ยหน้าไปทางห้องประชุมเล็ก “รู้จักหม่อมดวงกมล ชายาในหม่อมเจ้าภัทรดนัย ชยาธร ใช่ไหม นั่นละลูกค้า”
คนฟังจับต้นชนปลายไม่ถูก “คนมีสามีแล้ว มาทำอะไรที่บริษัทเรา”
“ก็นี่แหละ ถึงอยากให้อิงเข้าไปพบด้วยกัน”
อิงอรุณหยิบแท็บเล็ตจากลิ้นชักประชาสัมพันธ์ แต่ยังใจลอยนิด ๆ
แพรวเพชรมองเพื่อนด้วยสายตาห่วงใย “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”
“เปล่าหรอก คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ ไปกันเลยไหม อิงพร้อมละ”
สองสาวมอบนามบัตรให้แขกพร้อมกับแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงนั่งลงตรงข้ามสตรีอาวุโสทั้งคู่
“นี่เพื่อนฉันชื่อสาวิตรี” หม่อมดวงกมลผายมือไปทางสหาย
อิงอรุณพินิจสตรีกลางคนซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อกระโปรงตัดเย็บจากผ้าไหมฝรั่งเศสเนื้อเบา แล้วเริ่มเดาไปเรื่อย ๆ ว่าหม่อมดวงกมลอาจพาเพื่อนมาหาคู่
“มีอะไรก็บอกคุณเพชรคุณอิงไปสิสา” หม่อมดวงกมลเปิดทาง
ดวงตาสาวิตรีมีแววหมายมาด “ฉันอยากให้คุณจับคู่ให้ลูกชายของฉันค่ะ”
แพรวเพชรส่งยิ้มให้กับลูกค้า “รบกวนคุณสาวิตรีอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหมคะ เกรงว่าเราอาจเข้าใจไม่ตรงกัน”
“ลูกชายฉันยังไม่มีแฟน คุณจะทำยังไงก็ได้ให้เขาพบผู้หญิงคนนึง และถ้าเขาแต่งงานภายในสิ้นปีนี้ได้ก็ยิ่งดี” สาวิตรีอธิบาย
อิงอรุณถอนใจ สิ้นปี! นี่มันปีชงของมนุษย์ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย ทำไมจู่ ๆ ก็มีแต่คนที่ต้องแต่งงานภายในสิ้นปี เหมือนที่แม่ยื่นคำขาดกับเธอเปี๊ยบเลย
“ทำไมต้องภายในปีนี้คะ” อิงอรุณอดอยากรู้ไม่ได้
“สามีฉันจะยกบริษัทให้ถ้าเขาแต่งงาน ฉันอยากให้ลูกแต่งงานให้เร็วที่สุด”
ไม่มีคำว่ารักอยู่ในประโยคนั้น สิ่งเดียวที่คนฟังได้ยินก็คือ ‘ผลประโยชน์’!
บรรยากาศในห้องกลายเป็นอึดอัด โดยเฉพาะแพรวเพชรที่ต้องปฏิเสธ “ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่คิวปิดแอสซิสแทนซ์รับงานที่คุณสาวิตรีจ้างงานนี้ไม่ได้จริง ๆ ”
“ทำไมถึงรับไม่ได้ ฉันมีเงินจ่าย คุณจะเรียกค่าดำเนินการเท่าไหร่ก็ว่ามา”
อิงอรุณปรี๊ดจัดที่ถูกเอาเงินฟาดหัว แพรวเพชรรีบบีบแขนเธอเป็นเชิงปราม
“เราเป็นสื่อกลางให้คนโสดได้เจอคนที่มีทัศนคติตรงกันและคบหากัน แต่คุณสาวิตรีจะจ้างเราจับคู่ให้ลูกชาย มันต่างกันนะคะ เกรงว่าเราจะทำไม่ได้ค่ะ”
“จะไปยากตรงไหน ก็แค่หาทางให้ลูกชายฉันเจอผู้หญิงคนนึงแบบเนียน ๆ เท่านั้นเอง ที่ฉันไม่นัดให้สองคนมาเจอเขาตรง ๆ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกคิดว่าถูกผู้ใหญ่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ให้เขาเข้าใจว่าเจอกันรู้จักกันปิ๊งกันเองดีกว่า”
ผู้ช่วยกามเทพยังเงียบ สาวิตรีจึงโยนไพ่อีกใบ “ถ้าคุณปฏิเสธ ฉันจะให้ปรเมศวร์เทรดดิ้งเลื่อนการทำสัญญาซื้อคอร์สอบรมบุคลิกภาพออกไปก่อน”
อิงอรุณสบตาแพรวเพชรด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่คิวปิดแอสซิสแทนซ์กำลังเจรจาผูกสัญญากับปรเมศวร์เทรดดิ้งเพื่อฝึกอบรมพนักงานนั้น รู้กันเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง น่าแปลกใจว่าสาวิตรีเอาข้อมูลนี้มาจากไหน
“ปรเมศวร์เทรดดิ้งมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ” อิงอรุณไม่ชอบเรื่องคาใจ
“ซีอีโอของปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นสามีฉันเอง” นางเหยียดยิ้มกว้างภาคภูมิใจ
สองสาวก้มลงอ่านนามบัตรอีกครั้ง ทว่าชื่อสาวิตรี อุ้มสม บนกระดาษแผ่นน้อย กลับทำให้ผู้ช่วยกามเทพสาวยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก
อิงอรุณยกแท็บเล็ตขึ้นวางเอียงพาดขอบโต๊ะ แล้วพิมพ์ข้อความให้เพื่อนอ่าน
‘ภรรยาคุณธนา ชื่อดารณี ปรเมศวร์ มีลูกสองคน ชื่อริสากับวัชระ อิงไม่เคยได้ยินชื่อสาวิตรีมาก่อนเลย’
“ฉันอาจไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายของคุณธนา แต่ฉันทำอย่างที่บอกกับคุณเมื่อครู่ได้แน่นอน ถ้าไม่เชื่อจะลองโทร.ไปถามเลขาฯ ของคุณธนาดูก็ได้” สาวิตรีอธิบายต่อราวกับรู้ว่าพวกเธอกำลังสงสัยเรื่องอะไร
อิงอรุณเพิ่งรู้เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาว่าธนา ปรเมศวร์ มีบ้านเล็ก แถมยังมีลูกชายด้วยกัน แล้วแค่กลับมาบริษัท เธอก็ได้เจอตัวภรรยานอกกฎหมายของบุรุษชาวจีนผู้นั้นเข้าจัง ๆ ไม่อยากเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้!
หญิงสาวลอบพิจารณาแม่ของสาวัช สาวิตรีเป็นผู้หญิงไทยผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างเล็กบอบบาง บุคลิกภายนอกดูอ่อนหวาน นุ่มนิ่ม แบบที่ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรู้สึกสงบและร่มเย็น แต่อย่าให้พูดนะ เปิดปากมาที อย่างกับนางร้ายในละครไม่มีผิด!
อิงอรุณเคยเจอภรรยาตามกฎหมายของธนาในงานสังคมบ้าง จึงนึกออกว่าดารณีเป็นสตรีชาวจีน ผิวขาวรูปร่างท้วม โผงผาง ดุดัน ตรงไปตรงมา และเสียงดัง เรียกได้ว่าอยู่คนละฝั่งกับสาวิตรีโดยสิ้นเชิง
ริสานั้นคล้ายมารดา คือเป็นผู้หญิงแกร่งในวงการเครื่องดื่มอัดก๊าซ แม้รูปร่างหน้าตาธรรมดาไปสักนิด แต่ทักษะการบริหารคมในฝัก ชื่อเสียงเรื่องความฉลาด เด็ดขาด และมุ่งมั่น ทำให้เธอเป็นผู้หญิงแถวหน้าในแวดวงนักบริหารชั้นนำ
สาวัชคงเติบโตมาด้วยฐานะ ‘คนนอก’ ในบ้านที่ถูกทั้งภรรยาตามกฎหมายของพ่อและพี่สาวต่างมารดากดขี่ ขนาดแม่แท้ยังคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ ไม่แปลกที่สาวัชแข็งกร้าว มนุษยสัมพันธ์ย่ำแย่ เขาคงวางตัวให้เป็นอากาศธาตุ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเป้าถูกกระทำกระมัง
“ว่าไงคะ จะให้ฉันขอร้องคุณธนาจัดการอย่างที่บอกเลยไหม” สาวิตรีสวมบทนักแสดงตุ๊กตาทองขู่คนฟังหน้าตาเฉยทั้งที่ยิ้มอ่อนหวานดุจผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเล็ก ๆ
“แต่ปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นฝ่ายเสนอให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์ทำสัญญาด้วยนะคะ” อิงอรุณนั้นไม่คุ้นเคยกับคำ ‘ข่มขู่’ จึงเสียงแข็งโดยไม่ทันระวัง
“แต่ปัญหาขัดข้อง ‘พวกนี้’ ก็เกิดขึ้นได้เสมอนี่คะ” สาวิตรีตอบลุ่น ๆ
“หมายความว่าถ้าเรารับจัดการให้ลูกชายคุณสาวิตรีพบกับผู้หญิงที่คุณต้องการ การพิจารณาอนุมัติงบประมาณของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็จะแล้วเสร็จทันทีเลยใช่ไหมคะ” อิงอรุณประชด
สาวิตรีพยักหน้านิด ๆ รับคำหน้าระรื่นจนคนมองยิ่งหมั่นไส้
อิงอรุณมือกำแน่น แพรวเพชรคงรู้ว่าเธอใกล้ระเบิดเต็มที จึงรีบตัดบท “เรื่องนี้มีปัจจัยที่ต้องระวังค่อนข้างมาก เพชรขอเวลาพิจารณา แล้วจะให้คำตอบนะคะ”
“อย่าคิดนานนักนะ ฉันใจร้อน”
“ขอเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ แล้วเพชรจะรีบแจ้งการตัดสินใจของเราค่ะ”
สาวิตรีเลื่อนเช็คเงินสดไปตรงหน้าแพรวเพชรเอ่ยวางก้าม “นี่เงินมัดจำ”
แพรวเพชรพยายามส่งคืน แต่กลับถูกปฏิเสธ
“แล้วฉันจะรอฟังข่าวดีนะคะ” สาวิตรีเยาะ จากไปด้วยสีหน้าราวกับผู้ชนะ ขณะหม่อมดวงกมลหน้าเสียเห็นชัดว่าอับอายกับวาจาของสหายอย่างยิ่ง
อิงอรุณบ่นหงุดหงิด “คนอะไรเนี้ย ท่าทางติ๋ม ๆ แต่อวดรวยชะมัด แถมยังขู่เราได้ขู่เราดี สามีรวยแล้วไง สุดท้ายก็เป็นเมียน้อยเขาเท่านั้นแหละ หน้าไม่อาย”
แพรวเพชรโบกเช็คตรงหน้าเพื่อน “มัดจำหกหลักสำหรับการจัดฉากให้เจอผู้หญิงคนเดียว รวยชะมัด ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาคุณธนาจริงเหรอ”
“ก็คงจริงมั้ง ไม่งั้นคงไม่กล้าขู่เราอย่างนี้” อิงอรุณคิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสาวิตรีกับคนที่เธอกำลังทาบทามมาเป็นวิทยากรให้บริษัท
“ไม่รู้ลูกชายคุณสาวิตรีจะคิดยังไงเนอะ ที่ต้องถูกจัดฉากให้รู้จักคนแปลกหน้า แถมยังหวังถึงขั้นแต่งงานด้วย น่าสงสาร...แม่เขาไม่พูดถึงความรักสักคำเลย”
“ไม่ต้องอิน นี่ไม่เหมือนเรื่องเพชรย่ะ เพราะคนที่หล่อนแต่งด้วยคือพี่ชายสุดหล่อของอิง ที่สำคัญพี่นราก็รักเพชรมากด้วย ” อิงอรุณค้อน
“พูดถึงพี่ชายหน่อย ของขึ้นเลย” แพรวเพชรหัวเราะ “อิงคิดดู ขนาดพี่นราแสนดีขนาดนั้น แต่คนไม่ใช่ พยายามยังไงก็บังคับใจให้รักไม่ได้ แล้วนี่คุณสาวิตรีจะหาผู้หญิงแบบไหนให้ลูกชายก็ไม่รู้ เกิดไม่ใช่อย่างที่เขาชอบ คงน่าสงสารแย่เลย”
อิงอรุณห่อเหี่ยวตามโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องของแพรวเพชรหรอก แค่เธอเอง...ทั้งที่มั่นใจว่า ‘รัก’ พันเทพ แต่ยามนึกว่าต้องแต่งงานกับเขา ก็ยังโหวง ๆ อย่างบอกไม่ถูก ได้แต่หวังว่านี่จะเป็นแค่อาการเจ้าสาวกลัวฝนเท่านั้น
“เราก็มัวแต่คิดว่าจะไม่รับงาน เลยไม่ได้ถามว่าลูกชายคุณสาวิตรีเป็นใคร อิงรู้จักหรือเปล่า คนรวย ๆ อยู่สังคมเดียวกัน มักมีคอนเนกชันถึงกันหมดนี่”
หญิงสาวไม่อยากโกหก เลยเปลี่ยนเรื่องแทน “เพชรคิดยังไงกับงานนี้เหรอ”
“เราก็จัดการให้คนพบกันอยู่แล้วนะ นี่ก็แค่ต้องหาสถานการณ์มาทำให้มันดูบังเอิญ ๆ หน่อยก็เสร็จละ ถ้ารับงานนี้ เราจะได้คอร์สของปรเมศวร์เทรดดิ้ง แล้วก็ค่าจ้างงานจัดฉากสองเด้งเลย เงินก้อนเบ้อเริ่ม อิงไม่อยากได้เหรอ”
อิงอรุณเป็นคนมีกฎเกณฑ์ชีวิตชัดเจน ไม่ชอบสิ่งที่อยู่นอกเหนือความควบคุม เธอย่อมไม่อยากเผชิญหน้าหรือรับมือปัญหาแปลก ๆ อันไม่คาดคิด
“ก็อยากได้นะ แต่มันไม่ใช่งานถนัด เกิดผิดพลาดขึ้นมาคงเสียชื่อบริษัทแย่ปฏิเสธไปเถอะเพชร เราเป็นแมตช์เมคเกอร์ที่มีหลักการนะ” อิงอรุณหว่านล้อม
เงินไม่เคยเป็นปัญหาในชีวิตของเธอ มันเคยเป็นอย่างนั้นตลอดมา และเธอก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป ถึงช่วงนี้จะขลุกขลักไปบ้างก็เถอะ
“แปลกนะ ใคร ๆ ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าฐานะเราสองคนเป็นยังไง ทำไมคุณสาวิตรีเอาเงินมาฟาดหัวเรา ทำยังกะเราจะอดตายถ้าไม่ได้เงินเขาอย่างนั้นแหละ”
“คุณสาวิตรีอาจจะเคยแต่อยู่ก้นครัว ก็เลยไม่รู้จักนามสกุลเทียมสุบรรณก็เป็นได้” แพรวเพชรวิเคราะห์ “คุณเธอเลยคิดแต่ว่าจะจ้างผีโม่แป้งท่าเดียว”
“สำนวนอะไรของเธอเนี่ย” อิงอรุณเหลียวมามองเพื่อนด้วยสายตางุนงง
“สำนวนคนจีนน่ะ เขาบอกว่าขอแค่มีเงิน จะจ้างผีให้ลุกจากหลุมมาโม่แป้งให้เรายังได้เลย” แพรวเพชรมีบิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงรู้จักสุภาษิตจีนมาบ้าง
อิงอรุณหัวเราะคิก “คนจีนนี่ช่างค่อนจัง แต่มันก็เป็นความจริงซะด้วย”
แพรวเพชรหัวเราะขันเป็นลูกคู่ ไม่อาจรู้เลยว่ากับ ‘ผี’ แต่ละตัว ใช้สิ่งของล่อใจให้มันโม่แป้งแตกต่างกัน บางครั้งเป็นเงินทองข้าวของ และบางคราวเพียงใช้แค่ ‘ความหวัง’ ล่อลวงก็ได้แล้ว!
“คุณผู้หญิงไปปฏิบัติธรรมที่สิงห์บุรีค่ะ ออกเดินทางตั้งแต่ตีห้าแล้ว”
ริสามองสำรับสำหรับห้าที่ กำมือแน่นกดกลั้นความเกลียดชังอย่างยากเย็น
“อ้าว...ทำไมมีลื้อคนเดียวล่ะอาหยง” บิดาทักทายด้วยชื่อจีนที่เรียกกันเฉพาะคนในบ้านดังมาจากด้านหลัง
“แล้วฮกไปไหน”
“ยังไม่ตื่นค่ะ เมื่อวานกลับดึก เห็นว่าไปฉลองกับเพื่อน ๆ ที่มาจากอังกฤษ”
“เมื่อไหร่มันจะโตสักที เอาแต่เที่ยวเล่น สุขภาพก็ไม่ใช่ว่าดีนัก” ธนาส่ายหน้าระอา “แล้วลื้อล่ะ ตื่นเช้าเชียว”
“วันนี้หยงมีประชุมทั้งวันเลยค่ะ” หญิงสาวประคองบิดามานั่งประจำที่
“เรื่องต่อสัญญากับซูเปอร์โคลาไปถึงไหนแล้ว” ถึงจะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลามาเกือบหกสิบปี แต่ปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ยังต้องต่อสัญญากับบริษัทแม่ของซูเปอร์โคลาที่สเปนทุกสิบปี ซึ่งปีนี้จะครบระยะสัญญาอีกครั้ง
“บ่ายนี้หยงจะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารที่สเปนค่ะ ได้ความยังไงจะมารายงานเตี่ยอีกทีนะคะ”
“ให้สาวัชเข้าประชุมด้วยสิ อีจะได้เรียนรู้งาน ประเด็นนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว ช่วยกันคิดหลายคนดีกว่าหัวเดียว”
“สาวัชเพิ่งมาทำงานได้วันเดียวเองนะคะ เขาอาจจะยัง...”
“เตี่ยต้องให้ลื้อสอนเหรอว่าควรใช้คนยังไง” ธนาหน้าตึงเสียงห้วน
“เดี๋ยวหยงจะเรียกเขาเข้าประชุมด้วยค่ะ” หญิงสาวไม่พอใจแต่จำต้องรับคำ
ธนาสีหน้าเคร่งขรึม “เตี่ยฝากด้วยนะ สาวัชเป็นคนฉลาด ใช้อีให้คุ้มค่าล่ะ”
“เตี่ยไม่ต้องห่วงค่ะ รับรองว่าหยงจะ ‘ใช้’ สาวัชให้สมกับความสามารถของเขาแน่นอน” ริสายกมุมปากขึ้น ดวงตามีแววหมายมาด
“จากนี้ไปลื้อควรค่อย ๆ ถ่ายงานในมือให้สาวัชได้แล้ว”
“ทำไมต้องทำอย่างนั้นคะ” ริสาเนื้อเต้น เมื่อเดาว่าพ่อคิดเกษียณตัวเอง มอบตำแหน่งซีอีโอให้เธอ แล้วเลื่อนสาวัชขึ้นมานั่งเก้าอี้ปัจจุบันของเธอ
“อายุลื้อก็ไม่น้อยแล้ว ควรจะแต่งงานแต่งการเสียที” ธนายิ้มนิด ๆ “จำเจ็กพ้งได้ไหม ลูกชายเขายังโสด เตี่ยว่าเหมาะกับลื้อ ไว้จะนัดให้ไปดูตัวนะ”
“แต่หยงยังไม่อยากแต่งงานนี่คะเตี่ย อย่าบังคับหยงไปดูตัวเลย”
ธนาแทบไม่สนใจฟัง เพราะเขาหันไปทางประตูห้องทันทีที่ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งดังมาพร้อมกลิ่นดอกไม้ฉมโชยมาตามลม บุรุษชรายิ้มรับผู้มาใหม่อย่างเอาใจ ‘สองแม่ลูก’ เดินตามกันมา สาวิตรีตรงไปจับมือธนาอย่างแช่มชื่นอ่อนหวาน
“มาแล้วหรือสา หิวไหม” ธนาทักทายหนุงหนิงกับ ‘ผู้หญิงคนนั้น’
ริสากำช้อนกระเบื้องระงับความรู้สึก เธอสูดหายใจลึก ขึงตามอง ‘คนลูก’ ที่ตามหลังมาห่าง ๆ สาวัชก้มศีรษะให้เธออย่างนอบน้อมแล้วนั่งประจำที่เงียบ ๆ
“เอ้า อาหยง ลื้อมีเรื่องจะคุยกับสาวัชไม่ใช่เหรอ” เมื่อเธอยังนิ่ง บิดาก็ชงเอง
“บ่ายสองวันนี้มีประชุมกับซูเปอร์โคลา เข้าประชุมด้วยนะ” ริสาจำใจออกปาก
ไอ้ลูกเมียน้อยนั่นรับคำด้วยสีหน้าเหมือนกินยาขม ดุจไม่เต็มใจสักนิด มารยาสาไถยเหมือนแม่มันนั่นแหละ!
“มีปัญหาหรือสงสัยอะไรก็ปรึกษาเจ้นะสาวัช อีกหน่อยพอลื้อแต่งงาน มีความพร้อมในทุกด้าน เตี่ยจะแต่งตั้งให้ลื้อเป็นซีอีโอ”
“เตี่ยครับ ผมว่าคุณหยงเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่า...”
ธนาทุบโต๊ะปัง สีหน้าบอกชัดว่าพื้นเสีย มือชี้หน้าบุตรชายกำราบเสียงกร้าว
“เตี่ยไม่ได้ให้ลื้อออกความเห็น”
“ขอโทษครับเตี่ย” ชายหนุ่มก้มหน้าถอนใจ จึงไม่เห็นว่าริสากำลังมองไปด้วยสายตาเคียดแค้นเกลียดชัง!
บรรยากาศในห้องประชุม ณ สำนักงานใหญ่บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งค่อนข้างจอแจ ผู้บริหารระดับสูงนั่งประจำที่พร้อม ริสาเข้ามาในห้องก่อนเวลาเล็กน้อย เธอทักทายผู้อาวุโสส่วนใหญ่ และชะงักเมื่อเห็นสาวัชนั่งอยู่ด้านไกลสุดปลายโต๊ะอีกด้านหนึ่ง
ดวงตาเรียวเฉียงวาวจ้า มือกำแน่นจิกเล็บลงในเนื้อระงับโทสะ หญิงสาวควบคุมตัวเองไปนั่งยังหัวโต๊ะด้วยความเยือกเย็น แล้วเริ่มการประชุมทันที
“ไตรมาสหน้าซูเปอร์โคลาจะขอขึ้นค่าหัวเชื้อน้ำหวาน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เรารับไม่ได้ ทุกวันนี้เราต้องแบกต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งน้ำเชื่อม เชื้อเพลิง ค่าขนส่ง รวมถึงค่าแรงคนงาน แต่กลับขึ้นราคาขายไม่ได้ ถ้าซูเปอร์โคลาขอขึ้นค่าหัวเชื้ออีก จากที่มาร์จิ้นเราบางอยู่แล้ว มันอาจกลายเป็นเข้าเนื้อ เพราะฉะนั้นประเด็นหลักของการเจรจาวันนี้ก็คือเราต้องบีบให้ทางนั้นยืนราคาเดิม”
นิติกรของบริษัทเสริมว่า “นอกจากนี้ต้องไม่ลืมเรื่องการต่อสัญญาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลาในเมืองไทยด้วยครับ ทางสเปนยื้อเรื่องนี้มานานแล้ว ผมว่าเราควรสรุปให้จบเร็วที่สุดด้วย”
ริสามองไปยังปลายโต๊ะ เห็น ‘น้องชาย’ กำลังจดยิก ๆ ใส่สมุด หญิงสาวเม้มปากกลั้นความไม่พอใจ ขณะสั่งฝ่ายไอที “ฉันพร้อมแล้ว เชื่อมต่อไปที่สเปนได้เลย”
ไฟในห้องหรี่ลง เครื่องฉายแสดงภาพจากห้องประชุมที่สเปนขึ้นบนจอ ชายชาวต่างชาติหกคนที่ฝั่งโน้นมีสีหน้าเคร่งเครียด ริสาทักทายตามมารยาท จากนั้นเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม ทั้งสองฝ่ายยกเหตุผล และกราฟต่าง ๆ มาแสดงตอบโต้กันอย่างดุเดือด
โคลาและเป็ปซี่นั้นผลัดกันยึดส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมแทบทุกประเทศ ขณะซูเปอร์โคลาถูกทิ้งห่างอยู่แสนไกล มีเพียงแห่งเดียวในโลกที่ซูเปอร์โคลาถือครองส่วนแบ่งตลาดเหนือกว่าโค้กและเป็ปซี่รวมกัน นั่นก็คือ...ประเทศไทย! ไม่แปลกที่ปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นลูกรักของบริษัทแม่ที่สเปน ทั้งแนวทางการบริหารยังถูกนำไปใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อขยายตลาดในประเทศอื่น
แม้จะเป็นผู้นำตลาดน้ำดำ แต่สถานการณ์ของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด เกือบสี่สิบปีก่อนเมื่อกำลังการผลิตของโรงงานที่จังหวัดนครราชสีมาไม่เพียงพอ บิดาของธนาจึงนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดมทุนเพื่อนำเงินไปซื้อที่ดินยังจังหวัดระยองและสร้างโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย กระนั้นเพราะขนาดของโรงงานอันใหญ่โตทำให้ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงเป็นเงาตามตัว เม็ดเงินซึ่งเคยหมุนเวียนในระบบหายไปเกินครึ่ง และนั่นคือครั้งแรกที่ซูเปอร์โคลาต้องเทเงินทุนลงมาอุ้มปรเมศวร์เทรดดิ้ง แลกกับการถือหุ้นในบริษัท ๑๖.๖๕%
ครั้นวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งทำให้ปรเมศวร์เทรดดิ้งไม่มีกระทั่งเงินจ่ายค่าหัวเชื้อน้ำหวาน ซูเปอร์โคลาเสนอยกหนี้บางส่วนให้ ยืดระยะเครดิต และจัดสรรเงินเข้ามาซื้อหุ้นพีอาร์เอ็มอีก ๒๔.๙% รวมเป็นสัดส่วนที่ซูเปอร์โคลาถือหุ้นอยู่ที่ ๔๑.๕๕% ขณะครอบครัวปรเมศวร์มีหุ้นรวมกันเหลือเพียงเก้าเปอร์เซ็นต์! ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในมือผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์
เกือบสองชั่วโมงที่การโต้เถียงดำเนินไปอย่างดุเดือด สุดท้ายสเปนจึงขู่ “หากปรเมศวร์เทรดดิ้งไม่ยอมให้เราขึ้นค่าหัวเชื้อน้ำหวาน การต่อสัญญาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลาที่กำลังจะหมดลง อาจล่าช้ากว่ากำหนด!”
ริสาประกาศกร้าว “ซูเปอร์โคลาเคยต่อสัญญาให้เราล่วงหน้าสิบแปดเดือน แต่รอบนี้เหลือระยะสัญญาอีกแค่แปดเดือนเท่านั้น ฉันยืนกรานให้ซูเปอร์โคลาคงราคาค่าหัวเชื้อให้เราสองไตรมาส ถ้าคุณไม่ตกลง ปรเมศวร์เทรดดิ้งจะกันงบประมาณสั่งซื้อหัวเชื้อน้ำหวานไว้สามพันล้านเท่าปีที่ผ่านมา ซื้อได้เท่าไหนก็เท่านั้น ปิดการประชุมได้ละ” เธอสั่งตัดการเชื่อมต่อทันที
แสงไฟในห้องสว่างขึ้น ริสาหน้าเคร่ง “ถ้าเราลดกำลังการผลิตลงเท่าจำนวนหัวเชื้อที่สั่งได้ จะกระทบยอดขายแค่ไหนคะ”
ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและฝ่ายการตลาดหยิบเครื่องแท็บเล็ตมาคำนวณปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดชั่วครู่ก็ได้คำตอบ “ระยะแรกคงยังไม่กระทบ แต่ภายในหนึ่งไตรมาสซูเปอร์โคลาจะหายจากตลาดเจ็ดเปอร์เซ็นต์ โค้กกับเป็ปซี่อาจถือโอกาสนี้เอาสินค้าเข้าวางแทน ตรงนั้นต่างหากที่เราต้องกังวล”
ริสาถอนใจ บรรยากาศในห้องเงียบกริบ อึดอัดจนแทบระเบิด
“ถ้ายังไม่มีคำตอบภายในศุกร์นี้ ก็ให้ถือว่าฝั่งโน้นยืนยันราคาใหม่ กำชับเด็กจัดซื้อให้ลดปริมาณสั่งซื้อลงนะคะ ยอดเงินเท่าเดิม ได้ของเท่าไหร่ก็เท่านั้น เราต้องแสดงให้ซูเปอร์โคลาเห็นว่าเราจริงจังกับคำพูดของเรา ขอให้เรื่องที่ประชุมกันวันนี้อยู่แค่ในห้อง ห้ามแพร่งพรายให้คนนอกรู้เด็ดขาด เลิกประชุมค่ะ”
สาวัชมองพี่สาวด้วยความนับถือ เขากดปุ่มหยุดการบันทึกเสียงในโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นค้อมศีรษะไปทางที่ริสานั่ง ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือไม่
ตลอดเกือบสองชั่วโมง เขาฟังข้อเสนอของสเปน และเดาคำตอบในใจ แต่ไม่มีคำไหนกับที่ริสากระทำเลย หญิงสาวเขี้ยว คมและนิ่งจนน่ากลัว เขามั่นใจว่ามีนักธุรกิจน้อยมากที่กล้าต่อกรกับผู้หญิงเก่งคนนี้!
สาวัชออกจากห้องประชุม พลางนึกโล่งใจ โชคดีจริง ๆ ที่คนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคือริสา ไม่ใช่เขา!
“ดิฉันจะนำของไปให้คุณสาวัช บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งค่ะ” อิงอรุณแจ้งประชาสัมพันธ์ของอาคาร พร้อมกับเอียงถุงกระดาษให้อีกฝ่ายตรวจสอบ
“ออฟฟิศปรเมศวร์เทรดดิ้งเชิญชั้นสี่เลยค่ะ”
อิงอรุณซ่อนยิ้มสมใจ เธอแลกบัตรแล้วขึ้นลิฟต์มาชั้นสี่ แจ้งว่าขอพบสาวัช
“ห้องทำงานคุณสาวัชอยู่ชั้นสามค่ะ ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้าย แจ้งแม่บ้านได้เลยค่ะ” คนพูดยื่นบัตรผ่านให้หญิงสาวรับบัตรมาติดที่อกเสื้อ หิ้วถุงกระดาษมายืนตรงโถงลิฟต์ ตัวเลขดิจิทัลด้านบนลิฟต์แต่ละตัวบอกว่าคงต้องรออีกนาน กอปรกับเห็นว่าจุดหมายอยู่ต่ำลงไปแค่ชั้นเดียว เธอจึงเลือกใช้บันไดหนีไฟแทน
หญิงสาวกอดถุงกระดาษลงบันได อีกสามสี่ขั้นจะถึงจุดหมาย เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น บอกให้รู้ว่าที่ไหนสักชั้นไม่ใกล้ไม่ไกล มีคนออกมายังบันไดหนีไฟ และถ้าแยกแยะไม่ผิด เธอเชื่อว่าเสียงนั้นดังมาจากชั้นบนเหนือขึ้นไป
หญิงสาวชะงัก บันไดหนีไฟเป็นทางเลือกประหยัดพลังงานก็จริง แต่คนใช้น้อย บางครั้งก็อาจมีอันตรายที่คาดไม่ถึง โหย่งเท้าจะรีบออกไปที่ชั้นสาม ทว่ากลับได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดอีกครั้ง ตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น
“เธอกล้าดียังไงถึงเข้าไปในห้องประชุมที่ฉันวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารซูเปอร์โคลา” เสียงผู้หญิงเข้มจัดไม่พอใจ
อิงอรุณชะงัก เบียดตัวกับผนังอัตโนมัติ
“ผมได้ยินคุณหยงกำชับเมื่อเช้า เลยเข้าใจว่าเป็นคำสั่งให้เข้าประชุม”
“นี่ไม่ใช่ที่บ้าน อย่าบังอาจมาเรียกฉันอย่างนั้น” คนพูดคำรามเสียงต่ำ “เสียแรงเป็นถึงดอกเตอร์ แต่กลับไม่รู้ว่าฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้หมายความตามที่พูดสักนิดเดียว อยู่ต่อหน้าเตี่ย ฉันก็ต้องว่าไปตามน้ำเท่านั้นเอง”
“ผมขอโทษครับ ที่เข้าใจผิดไปเอง”
“ดีที่รู้จักเจียมตัวว่าไม่มีที่ไหนต้อนรับ ฉันเองก็จำใจรับเธอเพราะเตี่ยสั่ง แต่อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้ตำแหน่งซีอีโอแค่เพราะยอมลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะฉันจะขัดขวางจนถึงที่สุด นั่นเป็นเก้าอี้ของฉัน ไม่ใช่ลูกเมียน้อย!”
“ครับ”
“หวังว่าเธอคงไม่ใช่ผู้ชายขี้ฟ้องต้องหอบเรื่องนี้ไปเพ็ดทูลเตี่ยหรอกนะสาวัช!” ปลายประโยคกระแทกเสียงต่ำ ๆ อย่างประชดประชัน
อิงอรุณสะดุ้งโหยง มือกอดถุงกระดาษแน่น อะไรนะ เธอฟังผิดหรือเปล่า
ดอกเตอร์ - ลาออกจากมหาวิทยาลัย - สาวัช - เข้าประชุมกับซูเปอร์โคลา...แปลว่าผู้ชายที่กำลังถูกประณามอยู่คือสาวัชที่เธออยากได้มาเป็นวิทยากรงั้นเหรอ
“ครับ” เขารับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบเดิม แต่ฟังออกว่าขมขื่น!
“เธอไม่ควรกลับมาเลยจริง ๆ ” คนพูดถอนใจ ทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายไม่พอใจ “ทำไมเธอไม่อยู่ที่โน่นไปเลย มันคงจะดีกว่า ถ้าเตี่ยไม่เรียกเธอกลับมาเมืองไทย ฉันก็ไม่ต้องมาทำตัวเป็นนางมารร้ายทุเรศ ๆ แบบนี้”
“ผมขอโทษ ผมก็ไม่เคยอยากให้มันเป็นแบบนี้” น้ำเสียงเขาล้าระโหยแผ่วเบา มีร่องรอยเครือ ๆ เจืออยู่ตรงท้ายประโยคราวกับมีดเสียบลงกลางใจคนฟัง
อิงอรุณซึ่งได้ยินแต่เสียง ยังรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
“ต่อให้เธอกับแม่ขอโทษหม่าม้าฉันไปชั่วชีวิต ฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอทั้งที่บ้านแล้วก็ที่นี่ เจอฉันตรงไหน ช่วยหลบไปไกล ๆ ทีเถอะ ถือว่าฉันขอร้องละกัน” จบประโยค เสียงบานพับประตูก็ดังขึ้นและงับเข้าหากันอีกครั้ง
อิงอรุณผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด เพิ่งรู้ว่าเธอเผลอกลั้นหายใจตลอดเวลาที่ฟังคำบริภาษเพียงฝ่ายเดียวนั่น
เสียงลากเท้าเบา ๆ ลงบันไดมาอย่างเชื่องช้า ทำให้หญิงสาวหันรีหันขวาง ไม่ดีแน่ถ้าสาวัชมาเห็นว่าเธอเป็นพยานในเหตุการณ์อันน่าขายหน้าเช่นนี้
หญิงสาวขยับจะก้าว แต่นึกได้ว่าบันไดหนีไฟนั้นเสียงดังก้องได้ง่าย รองเท้าส้นสูงของเธอคงก่อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย อิงอรุณถอดรองเท้า ก้มลงใช้สองนิ้วเกี่ยวแคชชูส์ อีกมือกอดถุงกระดาษ โหย่งเท้าวิ่งลงบันไดไปที่ชั้นสอง ซ่อนตัวอยู่อีก
ฟากของผนังหลบอยู่ในเงาของบันได ไม่ให้ถูกสาวัชพบ
อิงอรุณปะติดปะต่อสิ่งที่รู้มาเข้าด้วยกัน สาวัชเป็นลูกชายของธนา ปรเมศวร์ ดังคาด เขาถูกบิดาเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ บังคับให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำงานที่บริษัทโดยตั้งใจจะให้รับช่วงธุรกิจต่อ แต่ก็มีพี่สาวต่างมารดาขวางทางอยู่
หญิงสาวเม้มปาก ความรู้สึกแรกคือเห็นใจ คนจีนส่วนใหญ่ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว สาวัชก็เป็นลูกชายของเศรษฐีชาวจีน แต่แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถูกตามใจจนเสียคน ชี้นิ้วเรียกหาทุกอย่างได้ดังปรารถนา เขากลับถูกบังคับให้ทำสิ่งไม่พึงประสงค์ ถูกกดขี่ปรามาสด้วยถ้อยคำหยามหยาบ เพียงเพราะเหตุผลที่เขามิได้เป็นผู้ก่อ
ลูกชายนอกสมรส น่าเศร้าจริง ๆ !
อิงอรุณคอยจนได้ยินเสียงประตูอีกครั้ง มั่นใจว่าสาวัชออกจากทางหนีไฟไปแล้วแน่ ๆ เธอจึงทรุดลงนั่งบนขั้นบันได วางรองเท้าไว้ข้างตัว มือผลักถุงเสื้อที่กอดอยู่ออกห่างและมองมันนิ่ง ๆ สุดท้ายกลับถอนใจบางเบา
‘โลกนี้มันห่วยมากพอแล้ว ผมว่ามีคนหมั่นไส้และเกลียดขี้หน้ากันน้อยลงไปอีกคน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเราทั้งคู่นะ’
มิน่า...ตอนพบกันที่มหาวิทยาลัยสาวัชถึงพูดแบบนั้น เขาคงถูกคนรอบตัวบงการมาตลอดชีวิต ทั้งพ่อทั้งพี่สาวและอาจจะรวมถึงพี่ชายด้วย ไม่รู้ว่าแม่จริง แม่เลี้ยง จะดาหน้ากันมาควบคุมชีวิตเขาเป็นคอมโบ้เซตด้วยหรือเปล่า คงใจร้ายน่าดูหากเธอยืนกรานจะลากเขาไปเป็นวิทยากรเพียงเพื่อเอาชนะที่เขาไม่ยอมลงให้
หญิงสาวผลักถุงเสื้อออกห่างตัว พึมพำเปื้อนยิ้ม “ไม่เคยมีอะไรที่อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ต้องการแล้วไม่ได้ แต่ครั้งนี้อิงจะยกให้คุณคนนึงละกัน สู้ ๆ นะคุณดอกเตอร์ เป็นซีอีโอให้ได้ แล้วก็ตอกหน้ายายพี่สาวจอมโหดให้หงายเงิบไปเล้ย อิงเอาใจช่วยสุดฤทธิ์!”
ทันทีที่เห็นเธอผ่านประตูด้านหน้าของสำนักงานเข้ามา แพรวเพชรมีดีใจ ปรี่เข้ามาคว้าข้อมืออิงอรุณ “ไปไหนมาน่ะอิง โทร.หาตั้งนานก็ไม่รับสาย”
“อ๋อ...เอาของไปเก็บที่รถมาน่ะ” อิงอรุณแก้ตัว ไม่อยากบอกเพื่อนว่าไปรู้เห็นอะไรมา หลังจากรอจนได้ยินเสียงประตูหนีไฟปิดสนิทอีกครั้ง เธอจึงใช้ทางหนีไฟกลับขึ้นไปชั้นสี่ เอาถุงเสื้อไปฝากพนักงานคนเดิมโดยอ้างว่าไม่พบชายหนุ่มที่ห้อง แล้วเผ่นกลับมาออฟฟิศด้วยความกระอักกระอ่วน
“เอาของอะไรไปเก็บเนี่ย นานจัง เราให้เด็กโทร.หาเป็นสิบหนแล้วมั้ง”
อิงอรุณล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากระโปรง “สายไม่ได้รับเพียบเลย โทษทีนะ”
“เอ๊ะ...สร้อยข้อมืออิงหายไปไหนน่ะ” แพรวเพชรมองตามมือเพื่อนจึงทัก
หญิงสาวยู่หน้า มองข้อมือซึ่งเคยมีสร้อยทองคำขาวร้อยตุ้งติ้งประดับเพชรเส้นละหลายบาท แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า “ไม่รู้ทำหายหรือเมื่อเช้าไม่ได้ใส่มา จำไม่ได้อะ” อิงอรุณเสียดาย เพราะกว่าจะสะสมตุ้งติ้งมาห้อยจนรอบเส้นได้ เธอเก็บเงินตั้งนาน! แพงมาก นี่ถ้าหายไปจริงคงร้องไห้แหงๆ
หญิงสาวสลัดศีรษะอย่างตัดใจ “ช่างเถอะ ว่าแต่ให้เด็กโทร.หาอิงทำไมเหรอ”
แพรวเพชรบุ้ยหน้าไปทางห้องประชุมเล็ก “รู้จักหม่อมดวงกมล ชายาในหม่อมเจ้าภัทรดนัย ชยาธร ใช่ไหม นั่นละลูกค้า”
คนฟังจับต้นชนปลายไม่ถูก “คนมีสามีแล้ว มาทำอะไรที่บริษัทเรา”
“ก็นี่แหละ ถึงอยากให้อิงเข้าไปพบด้วยกัน”
อิงอรุณหยิบแท็บเล็ตจากลิ้นชักประชาสัมพันธ์ แต่ยังใจลอยนิด ๆ
แพรวเพชรมองเพื่อนด้วยสายตาห่วงใย “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”
“เปล่าหรอก คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ ไปกันเลยไหม อิงพร้อมละ”
สองสาวมอบนามบัตรให้แขกพร้อมกับแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงนั่งลงตรงข้ามสตรีอาวุโสทั้งคู่
“นี่เพื่อนฉันชื่อสาวิตรี” หม่อมดวงกมลผายมือไปทางสหาย
อิงอรุณพินิจสตรีกลางคนซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อกระโปรงตัดเย็บจากผ้าไหมฝรั่งเศสเนื้อเบา แล้วเริ่มเดาไปเรื่อย ๆ ว่าหม่อมดวงกมลอาจพาเพื่อนมาหาคู่
“มีอะไรก็บอกคุณเพชรคุณอิงไปสิสา” หม่อมดวงกมลเปิดทาง
ดวงตาสาวิตรีมีแววหมายมาด “ฉันอยากให้คุณจับคู่ให้ลูกชายของฉันค่ะ”
แพรวเพชรส่งยิ้มให้กับลูกค้า “รบกวนคุณสาวิตรีอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหมคะ เกรงว่าเราอาจเข้าใจไม่ตรงกัน”
“ลูกชายฉันยังไม่มีแฟน คุณจะทำยังไงก็ได้ให้เขาพบผู้หญิงคนนึง และถ้าเขาแต่งงานภายในสิ้นปีนี้ได้ก็ยิ่งดี” สาวิตรีอธิบาย
อิงอรุณถอนใจ สิ้นปี! นี่มันปีชงของมนุษย์ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย ทำไมจู่ ๆ ก็มีแต่คนที่ต้องแต่งงานภายในสิ้นปี เหมือนที่แม่ยื่นคำขาดกับเธอเปี๊ยบเลย
“ทำไมต้องภายในปีนี้คะ” อิงอรุณอดอยากรู้ไม่ได้
“สามีฉันจะยกบริษัทให้ถ้าเขาแต่งงาน ฉันอยากให้ลูกแต่งงานให้เร็วที่สุด”
ไม่มีคำว่ารักอยู่ในประโยคนั้น สิ่งเดียวที่คนฟังได้ยินก็คือ ‘ผลประโยชน์’!
บรรยากาศในห้องกลายเป็นอึดอัด โดยเฉพาะแพรวเพชรที่ต้องปฏิเสธ “ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่คิวปิดแอสซิสแทนซ์รับงานที่คุณสาวิตรีจ้างงานนี้ไม่ได้จริง ๆ ”
“ทำไมถึงรับไม่ได้ ฉันมีเงินจ่าย คุณจะเรียกค่าดำเนินการเท่าไหร่ก็ว่ามา”
อิงอรุณปรี๊ดจัดที่ถูกเอาเงินฟาดหัว แพรวเพชรรีบบีบแขนเธอเป็นเชิงปราม
“เราเป็นสื่อกลางให้คนโสดได้เจอคนที่มีทัศนคติตรงกันและคบหากัน แต่คุณสาวิตรีจะจ้างเราจับคู่ให้ลูกชาย มันต่างกันนะคะ เกรงว่าเราจะทำไม่ได้ค่ะ”
“จะไปยากตรงไหน ก็แค่หาทางให้ลูกชายฉันเจอผู้หญิงคนนึงแบบเนียน ๆ เท่านั้นเอง ที่ฉันไม่นัดให้สองคนมาเจอเขาตรง ๆ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกคิดว่าถูกผู้ใหญ่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ให้เขาเข้าใจว่าเจอกันรู้จักกันปิ๊งกันเองดีกว่า”
ผู้ช่วยกามเทพยังเงียบ สาวิตรีจึงโยนไพ่อีกใบ “ถ้าคุณปฏิเสธ ฉันจะให้ปรเมศวร์เทรดดิ้งเลื่อนการทำสัญญาซื้อคอร์สอบรมบุคลิกภาพออกไปก่อน”
อิงอรุณสบตาแพรวเพชรด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่คิวปิดแอสซิสแทนซ์กำลังเจรจาผูกสัญญากับปรเมศวร์เทรดดิ้งเพื่อฝึกอบรมพนักงานนั้น รู้กันเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง น่าแปลกใจว่าสาวิตรีเอาข้อมูลนี้มาจากไหน
“ปรเมศวร์เทรดดิ้งมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ” อิงอรุณไม่ชอบเรื่องคาใจ
“ซีอีโอของปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นสามีฉันเอง” นางเหยียดยิ้มกว้างภาคภูมิใจ
สองสาวก้มลงอ่านนามบัตรอีกครั้ง ทว่าชื่อสาวิตรี อุ้มสม บนกระดาษแผ่นน้อย กลับทำให้ผู้ช่วยกามเทพสาวยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก
อิงอรุณยกแท็บเล็ตขึ้นวางเอียงพาดขอบโต๊ะ แล้วพิมพ์ข้อความให้เพื่อนอ่าน
‘ภรรยาคุณธนา ชื่อดารณี ปรเมศวร์ มีลูกสองคน ชื่อริสากับวัชระ อิงไม่เคยได้ยินชื่อสาวิตรีมาก่อนเลย’
“ฉันอาจไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายของคุณธนา แต่ฉันทำอย่างที่บอกกับคุณเมื่อครู่ได้แน่นอน ถ้าไม่เชื่อจะลองโทร.ไปถามเลขาฯ ของคุณธนาดูก็ได้” สาวิตรีอธิบายต่อราวกับรู้ว่าพวกเธอกำลังสงสัยเรื่องอะไร
อิงอรุณเพิ่งรู้เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาว่าธนา ปรเมศวร์ มีบ้านเล็ก แถมยังมีลูกชายด้วยกัน แล้วแค่กลับมาบริษัท เธอก็ได้เจอตัวภรรยานอกกฎหมายของบุรุษชาวจีนผู้นั้นเข้าจัง ๆ ไม่อยากเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้!
หญิงสาวลอบพิจารณาแม่ของสาวัช สาวิตรีเป็นผู้หญิงไทยผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างเล็กบอบบาง บุคลิกภายนอกดูอ่อนหวาน นุ่มนิ่ม แบบที่ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรู้สึกสงบและร่มเย็น แต่อย่าให้พูดนะ เปิดปากมาที อย่างกับนางร้ายในละครไม่มีผิด!
อิงอรุณเคยเจอภรรยาตามกฎหมายของธนาในงานสังคมบ้าง จึงนึกออกว่าดารณีเป็นสตรีชาวจีน ผิวขาวรูปร่างท้วม โผงผาง ดุดัน ตรงไปตรงมา และเสียงดัง เรียกได้ว่าอยู่คนละฝั่งกับสาวิตรีโดยสิ้นเชิง
ริสานั้นคล้ายมารดา คือเป็นผู้หญิงแกร่งในวงการเครื่องดื่มอัดก๊าซ แม้รูปร่างหน้าตาธรรมดาไปสักนิด แต่ทักษะการบริหารคมในฝัก ชื่อเสียงเรื่องความฉลาด เด็ดขาด และมุ่งมั่น ทำให้เธอเป็นผู้หญิงแถวหน้าในแวดวงนักบริหารชั้นนำ
สาวัชคงเติบโตมาด้วยฐานะ ‘คนนอก’ ในบ้านที่ถูกทั้งภรรยาตามกฎหมายของพ่อและพี่สาวต่างมารดากดขี่ ขนาดแม่แท้ยังคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ ไม่แปลกที่สาวัชแข็งกร้าว มนุษยสัมพันธ์ย่ำแย่ เขาคงวางตัวให้เป็นอากาศธาตุ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเป้าถูกกระทำกระมัง
“ว่าไงคะ จะให้ฉันขอร้องคุณธนาจัดการอย่างที่บอกเลยไหม” สาวิตรีสวมบทนักแสดงตุ๊กตาทองขู่คนฟังหน้าตาเฉยทั้งที่ยิ้มอ่อนหวานดุจผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเล็ก ๆ
“แต่ปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นฝ่ายเสนอให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์ทำสัญญาด้วยนะคะ” อิงอรุณนั้นไม่คุ้นเคยกับคำ ‘ข่มขู่’ จึงเสียงแข็งโดยไม่ทันระวัง
“แต่ปัญหาขัดข้อง ‘พวกนี้’ ก็เกิดขึ้นได้เสมอนี่คะ” สาวิตรีตอบลุ่น ๆ
“หมายความว่าถ้าเรารับจัดการให้ลูกชายคุณสาวิตรีพบกับผู้หญิงที่คุณต้องการ การพิจารณาอนุมัติงบประมาณของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็จะแล้วเสร็จทันทีเลยใช่ไหมคะ” อิงอรุณประชด
สาวิตรีพยักหน้านิด ๆ รับคำหน้าระรื่นจนคนมองยิ่งหมั่นไส้
อิงอรุณมือกำแน่น แพรวเพชรคงรู้ว่าเธอใกล้ระเบิดเต็มที จึงรีบตัดบท “เรื่องนี้มีปัจจัยที่ต้องระวังค่อนข้างมาก เพชรขอเวลาพิจารณา แล้วจะให้คำตอบนะคะ”
“อย่าคิดนานนักนะ ฉันใจร้อน”
“ขอเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ แล้วเพชรจะรีบแจ้งการตัดสินใจของเราค่ะ”
สาวิตรีเลื่อนเช็คเงินสดไปตรงหน้าแพรวเพชรเอ่ยวางก้าม “นี่เงินมัดจำ”
แพรวเพชรพยายามส่งคืน แต่กลับถูกปฏิเสธ
“แล้วฉันจะรอฟังข่าวดีนะคะ” สาวิตรีเยาะ จากไปด้วยสีหน้าราวกับผู้ชนะ ขณะหม่อมดวงกมลหน้าเสียเห็นชัดว่าอับอายกับวาจาของสหายอย่างยิ่ง
อิงอรุณบ่นหงุดหงิด “คนอะไรเนี้ย ท่าทางติ๋ม ๆ แต่อวดรวยชะมัด แถมยังขู่เราได้ขู่เราดี สามีรวยแล้วไง สุดท้ายก็เป็นเมียน้อยเขาเท่านั้นแหละ หน้าไม่อาย”
แพรวเพชรโบกเช็คตรงหน้าเพื่อน “มัดจำหกหลักสำหรับการจัดฉากให้เจอผู้หญิงคนเดียว รวยชะมัด ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาคุณธนาจริงเหรอ”
“ก็คงจริงมั้ง ไม่งั้นคงไม่กล้าขู่เราอย่างนี้” อิงอรุณคิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสาวิตรีกับคนที่เธอกำลังทาบทามมาเป็นวิทยากรให้บริษัท
“ไม่รู้ลูกชายคุณสาวิตรีจะคิดยังไงเนอะ ที่ต้องถูกจัดฉากให้รู้จักคนแปลกหน้า แถมยังหวังถึงขั้นแต่งงานด้วย น่าสงสาร...แม่เขาไม่พูดถึงความรักสักคำเลย”
“ไม่ต้องอิน นี่ไม่เหมือนเรื่องเพชรย่ะ เพราะคนที่หล่อนแต่งด้วยคือพี่ชายสุดหล่อของอิง ที่สำคัญพี่นราก็รักเพชรมากด้วย ” อิงอรุณค้อน
“พูดถึงพี่ชายหน่อย ของขึ้นเลย” แพรวเพชรหัวเราะ “อิงคิดดู ขนาดพี่นราแสนดีขนาดนั้น แต่คนไม่ใช่ พยายามยังไงก็บังคับใจให้รักไม่ได้ แล้วนี่คุณสาวิตรีจะหาผู้หญิงแบบไหนให้ลูกชายก็ไม่รู้ เกิดไม่ใช่อย่างที่เขาชอบ คงน่าสงสารแย่เลย”
อิงอรุณห่อเหี่ยวตามโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องของแพรวเพชรหรอก แค่เธอเอง...ทั้งที่มั่นใจว่า ‘รัก’ พันเทพ แต่ยามนึกว่าต้องแต่งงานกับเขา ก็ยังโหวง ๆ อย่างบอกไม่ถูก ได้แต่หวังว่านี่จะเป็นแค่อาการเจ้าสาวกลัวฝนเท่านั้น
“เราก็มัวแต่คิดว่าจะไม่รับงาน เลยไม่ได้ถามว่าลูกชายคุณสาวิตรีเป็นใคร อิงรู้จักหรือเปล่า คนรวย ๆ อยู่สังคมเดียวกัน มักมีคอนเนกชันถึงกันหมดนี่”
หญิงสาวไม่อยากโกหก เลยเปลี่ยนเรื่องแทน “เพชรคิดยังไงกับงานนี้เหรอ”
“เราก็จัดการให้คนพบกันอยู่แล้วนะ นี่ก็แค่ต้องหาสถานการณ์มาทำให้มันดูบังเอิญ ๆ หน่อยก็เสร็จละ ถ้ารับงานนี้ เราจะได้คอร์สของปรเมศวร์เทรดดิ้ง แล้วก็ค่าจ้างงานจัดฉากสองเด้งเลย เงินก้อนเบ้อเริ่ม อิงไม่อยากได้เหรอ”
อิงอรุณเป็นคนมีกฎเกณฑ์ชีวิตชัดเจน ไม่ชอบสิ่งที่อยู่นอกเหนือความควบคุม เธอย่อมไม่อยากเผชิญหน้าหรือรับมือปัญหาแปลก ๆ อันไม่คาดคิด
“ก็อยากได้นะ แต่มันไม่ใช่งานถนัด เกิดผิดพลาดขึ้นมาคงเสียชื่อบริษัทแย่ปฏิเสธไปเถอะเพชร เราเป็นแมตช์เมคเกอร์ที่มีหลักการนะ” อิงอรุณหว่านล้อม
เงินไม่เคยเป็นปัญหาในชีวิตของเธอ มันเคยเป็นอย่างนั้นตลอดมา และเธอก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป ถึงช่วงนี้จะขลุกขลักไปบ้างก็เถอะ
“แปลกนะ ใคร ๆ ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าฐานะเราสองคนเป็นยังไง ทำไมคุณสาวิตรีเอาเงินมาฟาดหัวเรา ทำยังกะเราจะอดตายถ้าไม่ได้เงินเขาอย่างนั้นแหละ”
“คุณสาวิตรีอาจจะเคยแต่อยู่ก้นครัว ก็เลยไม่รู้จักนามสกุลเทียมสุบรรณก็เป็นได้” แพรวเพชรวิเคราะห์ “คุณเธอเลยคิดแต่ว่าจะจ้างผีโม่แป้งท่าเดียว”
“สำนวนอะไรของเธอเนี่ย” อิงอรุณเหลียวมามองเพื่อนด้วยสายตางุนงง
“สำนวนคนจีนน่ะ เขาบอกว่าขอแค่มีเงิน จะจ้างผีให้ลุกจากหลุมมาโม่แป้งให้เรายังได้เลย” แพรวเพชรมีบิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงรู้จักสุภาษิตจีนมาบ้าง
อิงอรุณหัวเราะคิก “คนจีนนี่ช่างค่อนจัง แต่มันก็เป็นความจริงซะด้วย”
แพรวเพชรหัวเราะขันเป็นลูกคู่ ไม่อาจรู้เลยว่ากับ ‘ผี’ แต่ละตัว ใช้สิ่งของล่อใจให้มันโม่แป้งแตกต่างกัน บางครั้งเป็นเงินทองข้าวของ และบางคราวเพียงใช้แค่ ‘ความหวัง’ ล่อลวงก็ได้แล้ว!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2561, 22:03:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2561, 22:03:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 744
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |