+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 4

ริสา ปรเมศวร์ ส่งกระเป๋าเอกสารให้คนรับใช้ ก่อนเข้าไปในห้องอาหาร ครั้นไม่เห็นมารดา หญิงสาวจึงขมวดคิ้วถามสาวใช้ “หม่าม้าล่ะ”

“คุณผู้หญิงไปปฏิบัติธรรมที่สิงห์บุรีค่ะ ออกเดินทางตั้งแต่ตีห้าแล้ว”

ริสามองสำรับสำหรับห้าที่ กำมือแน่นกดกลั้นความเกลียดชังอย่างยากเย็น

“อ้าว...ทำไมมีลื้อคนเดียวล่ะอาหยง” บิดาทักทายด้วยชื่อจีนที่เรียกกันเฉพาะคนในบ้านดังมาจากด้านหลัง

“แล้วฮกไปไหน”

“ยังไม่ตื่นค่ะ เมื่อวานกลับดึก เห็นว่าไปฉลองกับเพื่อน ๆ ที่มาจากอังกฤษ”

“เมื่อไหร่มันจะโตสักที เอาแต่เที่ยวเล่น สุขภาพก็ไม่ใช่ว่าดีนัก” ธนาส่ายหน้าระอา “แล้วลื้อล่ะ ตื่นเช้าเชียว”

“วันนี้หยงมีประชุมทั้งวันเลยค่ะ” หญิงสาวประคองบิดามานั่งประจำที่

“เรื่องต่อสัญญากับซูเปอร์โคลาไปถึงไหนแล้ว” ถึงจะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลามาเกือบหกสิบปี แต่ปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ยังต้องต่อสัญญากับบริษัทแม่ของซูเปอร์โคลาที่สเปนทุกสิบปี ซึ่งปีนี้จะครบระยะสัญญาอีกครั้ง

“บ่ายนี้หยงจะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารที่สเปนค่ะ ได้ความยังไงจะมารายงานเตี่ยอีกทีนะคะ”

“ให้สาวัชเข้าประชุมด้วยสิ อีจะได้เรียนรู้งาน ประเด็นนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว ช่วยกันคิดหลายคนดีกว่าหัวเดียว”

“สาวัชเพิ่งมาทำงานได้วันเดียวเองนะคะ เขาอาจจะยัง...”

“เตี่ยต้องให้ลื้อสอนเหรอว่าควรใช้คนยังไง” ธนาหน้าตึงเสียงห้วน

“เดี๋ยวหยงจะเรียกเขาเข้าประชุมด้วยค่ะ” หญิงสาวไม่พอใจแต่จำต้องรับคำ

ธนาสีหน้าเคร่งขรึม “เตี่ยฝากด้วยนะ สาวัชเป็นคนฉลาด ใช้อีให้คุ้มค่าล่ะ”

“เตี่ยไม่ต้องห่วงค่ะ รับรองว่าหยงจะ ‘ใช้’ สาวัชให้สมกับความสามารถของเขาแน่นอน” ริสายกมุมปากขึ้น ดวงตามีแววหมายมาด

“จากนี้ไปลื้อควรค่อย ๆ ถ่ายงานในมือให้สาวัชได้แล้ว”

“ทำไมต้องทำอย่างนั้นคะ” ริสาเนื้อเต้น เมื่อเดาว่าพ่อคิดเกษียณตัวเอง มอบตำแหน่งซีอีโอให้เธอ แล้วเลื่อนสาวัชขึ้นมานั่งเก้าอี้ปัจจุบันของเธอ

“อายุลื้อก็ไม่น้อยแล้ว ควรจะแต่งงานแต่งการเสียที” ธนายิ้มนิด ๆ “จำเจ็กพ้งได้ไหม ลูกชายเขายังโสด เตี่ยว่าเหมาะกับลื้อ ไว้จะนัดให้ไปดูตัวนะ”

“แต่หยงยังไม่อยากแต่งงานนี่คะเตี่ย อย่าบังคับหยงไปดูตัวเลย”

ธนาแทบไม่สนใจฟัง เพราะเขาหันไปทางประตูห้องทันทีที่ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งดังมาพร้อมกลิ่นดอกไม้ฉมโชยมาตามลม บุรุษชรายิ้มรับผู้มาใหม่อย่างเอาใจ ‘สองแม่ลูก’ เดินตามกันมา สาวิตรีตรงไปจับมือธนาอย่างแช่มชื่นอ่อนหวาน

“มาแล้วหรือสา หิวไหม” ธนาทักทายหนุงหนิงกับ ‘ผู้หญิงคนนั้น’

ริสากำช้อนกระเบื้องระงับความรู้สึก เธอสูดหายใจลึก ขึงตามอง ‘คนลูก’ ที่ตามหลังมาห่าง ๆ สาวัชก้มศีรษะให้เธออย่างนอบน้อมแล้วนั่งประจำที่เงียบ ๆ

“เอ้า อาหยง ลื้อมีเรื่องจะคุยกับสาวัชไม่ใช่เหรอ” เมื่อเธอยังนิ่ง บิดาก็ชงเอง

“บ่ายสองวันนี้มีประชุมกับซูเปอร์โคลา เข้าประชุมด้วยนะ” ริสาจำใจออกปาก

ไอ้ลูกเมียน้อยนั่นรับคำด้วยสีหน้าเหมือนกินยาขม ดุจไม่เต็มใจสักนิด มารยาสาไถยเหมือนแม่มันนั่นแหละ!

“มีปัญหาหรือสงสัยอะไรก็ปรึกษาเจ้นะสาวัช อีกหน่อยพอลื้อแต่งงาน มีความพร้อมในทุกด้าน เตี่ยจะแต่งตั้งให้ลื้อเป็นซีอีโอ”

“เตี่ยครับ ผมว่าคุณหยงเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่า...”

ธนาทุบโต๊ะปัง สีหน้าบอกชัดว่าพื้นเสีย มือชี้หน้าบุตรชายกำราบเสียงกร้าว

“เตี่ยไม่ได้ให้ลื้อออกความเห็น”

“ขอโทษครับเตี่ย” ชายหนุ่มก้มหน้าถอนใจ จึงไม่เห็นว่าริสากำลังมองไปด้วยสายตาเคียดแค้นเกลียดชัง!






บรรยากาศในห้องประชุม ณ สำนักงานใหญ่บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งค่อนข้างจอแจ ผู้บริหารระดับสูงนั่งประจำที่พร้อม ริสาเข้ามาในห้องก่อนเวลาเล็กน้อย เธอทักทายผู้อาวุโสส่วนใหญ่ และชะงักเมื่อเห็นสาวัชนั่งอยู่ด้านไกลสุดปลายโต๊ะอีกด้านหนึ่ง

ดวงตาเรียวเฉียงวาวจ้า มือกำแน่นจิกเล็บลงในเนื้อระงับโทสะ หญิงสาวควบคุมตัวเองไปนั่งยังหัวโต๊ะด้วยความเยือกเย็น แล้วเริ่มการประชุมทันที

“ไตรมาสหน้าซูเปอร์โคลาจะขอขึ้นค่าหัวเชื้อน้ำหวาน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เรารับไม่ได้ ทุกวันนี้เราต้องแบกต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งน้ำเชื่อม เชื้อเพลิง ค่าขนส่ง รวมถึงค่าแรงคนงาน แต่กลับขึ้นราคาขายไม่ได้ ถ้าซูเปอร์โคลาขอขึ้นค่าหัวเชื้ออีก จากที่มาร์จิ้นเราบางอยู่แล้ว มันอาจกลายเป็นเข้าเนื้อ เพราะฉะนั้นประเด็นหลักของการเจรจาวันนี้ก็คือเราต้องบีบให้ทางนั้นยืนราคาเดิม”

นิติกรของบริษัทเสริมว่า “นอกจากนี้ต้องไม่ลืมเรื่องการต่อสัญญาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลาในเมืองไทยด้วยครับ ทางสเปนยื้อเรื่องนี้มานานแล้ว ผมว่าเราควรสรุปให้จบเร็วที่สุดด้วย”

ริสามองไปยังปลายโต๊ะ เห็น ‘น้องชาย’ กำลังจดยิก ๆ ใส่สมุด หญิงสาวเม้มปากกลั้นความไม่พอใจ ขณะสั่งฝ่ายไอที “ฉันพร้อมแล้ว เชื่อมต่อไปที่สเปนได้เลย”

ไฟในห้องหรี่ลง เครื่องฉายแสดงภาพจากห้องประชุมที่สเปนขึ้นบนจอ ชายชาวต่างชาติหกคนที่ฝั่งโน้นมีสีหน้าเคร่งเครียด ริสาทักทายตามมารยาท จากนั้นเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม ทั้งสองฝ่ายยกเหตุผล และกราฟต่าง ๆ มาแสดงตอบโต้กันอย่างดุเดือด

โคลาและเป็ปซี่นั้นผลัดกันยึดส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมแทบทุกประเทศ ขณะซูเปอร์โคลาถูกทิ้งห่างอยู่แสนไกล มีเพียงแห่งเดียวในโลกที่ซูเปอร์โคลาถือครองส่วนแบ่งตลาดเหนือกว่าโค้กและเป็ปซี่รวมกัน นั่นก็คือ...ประเทศไทย! ไม่แปลกที่ปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นลูกรักของบริษัทแม่ที่สเปน ทั้งแนวทางการบริหารยังถูกนำไปใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อขยายตลาดในประเทศอื่น

แม้จะเป็นผู้นำตลาดน้ำดำ แต่สถานการณ์ของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด เกือบสี่สิบปีก่อนเมื่อกำลังการผลิตของโรงงานที่จังหวัดนครราชสีมาไม่เพียงพอ บิดาของธนาจึงนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดมทุนเพื่อนำเงินไปซื้อที่ดินยังจังหวัดระยองและสร้างโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย กระนั้นเพราะขนาดของโรงงานอันใหญ่โตทำให้ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงเป็นเงาตามตัว เม็ดเงินซึ่งเคยหมุนเวียนในระบบหายไปเกินครึ่ง และนั่นคือครั้งแรกที่ซูเปอร์โคลาต้องเทเงินทุนลงมาอุ้มปรเมศวร์เทรดดิ้ง แลกกับการถือหุ้นในบริษัท ๑๖.๖๕%

ครั้นวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งทำให้ปรเมศวร์เทรดดิ้งไม่มีกระทั่งเงินจ่ายค่าหัวเชื้อน้ำหวาน ซูเปอร์โคลาเสนอยกหนี้บางส่วนให้ ยืดระยะเครดิต และจัดสรรเงินเข้ามาซื้อหุ้นพีอาร์เอ็มอีก ๒๔.๙% รวมเป็นสัดส่วนที่ซูเปอร์โคลาถือหุ้นอยู่ที่ ๔๑.๕๕% ขณะครอบครัวปรเมศวร์มีหุ้นรวมกันเหลือเพียงเก้าเปอร์เซ็นต์! ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในมือผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์

เกือบสองชั่วโมงที่การโต้เถียงดำเนินไปอย่างดุเดือด สุดท้ายสเปนจึงขู่ “หากปรเมศวร์เทรดดิ้งไม่ยอมให้เราขึ้นค่าหัวเชื้อน้ำหวาน การต่อสัญญาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซูเปอร์โคลาที่กำลังจะหมดลง อาจล่าช้ากว่ากำหนด!”

ริสาประกาศกร้าว “ซูเปอร์โคลาเคยต่อสัญญาให้เราล่วงหน้าสิบแปดเดือน แต่รอบนี้เหลือระยะสัญญาอีกแค่แปดเดือนเท่านั้น ฉันยืนกรานให้ซูเปอร์โคลาคงราคาค่าหัวเชื้อให้เราสองไตรมาส ถ้าคุณไม่ตกลง ปรเมศวร์เทรดดิ้งจะกันงบประมาณสั่งซื้อหัวเชื้อน้ำหวานไว้สามพันล้านเท่าปีที่ผ่านมา ซื้อได้เท่าไหนก็เท่านั้น ปิดการประชุมได้ละ” เธอสั่งตัดการเชื่อมต่อทันที

แสงไฟในห้องสว่างขึ้น ริสาหน้าเคร่ง “ถ้าเราลดกำลังการผลิตลงเท่าจำนวนหัวเชื้อที่สั่งได้ จะกระทบยอดขายแค่ไหนคะ”

ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและฝ่ายการตลาดหยิบเครื่องแท็บเล็ตมาคำนวณปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดชั่วครู่ก็ได้คำตอบ “ระยะแรกคงยังไม่กระทบ แต่ภายในหนึ่งไตรมาสซูเปอร์โคลาจะหายจากตลาดเจ็ดเปอร์เซ็นต์ โค้กกับเป็ปซี่อาจถือโอกาสนี้เอาสินค้าเข้าวางแทน ตรงนั้นต่างหากที่เราต้องกังวล”

ริสาถอนใจ บรรยากาศในห้องเงียบกริบ อึดอัดจนแทบระเบิด

“ถ้ายังไม่มีคำตอบภายในศุกร์นี้ ก็ให้ถือว่าฝั่งโน้นยืนยันราคาใหม่ กำชับเด็กจัดซื้อให้ลดปริมาณสั่งซื้อลงนะคะ ยอดเงินเท่าเดิม ได้ของเท่าไหร่ก็เท่านั้น เราต้องแสดงให้ซูเปอร์โคลาเห็นว่าเราจริงจังกับคำพูดของเรา ขอให้เรื่องที่ประชุมกันวันนี้อยู่แค่ในห้อง ห้ามแพร่งพรายให้คนนอกรู้เด็ดขาด เลิกประชุมค่ะ”

สาวัชมองพี่สาวด้วยความนับถือ เขากดปุ่มหยุดการบันทึกเสียงในโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นค้อมศีรษะไปทางที่ริสานั่ง ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือไม่

ตลอดเกือบสองชั่วโมง เขาฟังข้อเสนอของสเปน และเดาคำตอบในใจ แต่ไม่มีคำไหนกับที่ริสากระทำเลย หญิงสาวเขี้ยว คมและนิ่งจนน่ากลัว เขามั่นใจว่ามีนักธุรกิจน้อยมากที่กล้าต่อกรกับผู้หญิงเก่งคนนี้!

สาวัชออกจากห้องประชุม พลางนึกโล่งใจ โชคดีจริง ๆ ที่คนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคือริสา ไม่ใช่เขา!







“ดิฉันจะนำของไปให้คุณสาวัช บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งค่ะ” อิงอรุณแจ้งประชาสัมพันธ์ของอาคาร พร้อมกับเอียงถุงกระดาษให้อีกฝ่ายตรวจสอบ

“ออฟฟิศปรเมศวร์เทรดดิ้งเชิญชั้นสี่เลยค่ะ”

อิงอรุณซ่อนยิ้มสมใจ เธอแลกบัตรแล้วขึ้นลิฟต์มาชั้นสี่ แจ้งว่าขอพบสาวัช

“ห้องทำงานคุณสาวัชอยู่ชั้นสามค่ะ ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้าย แจ้งแม่บ้านได้เลยค่ะ” คนพูดยื่นบัตรผ่านให้หญิงสาวรับบัตรมาติดที่อกเสื้อ หิ้วถุงกระดาษมายืนตรงโถงลิฟต์ ตัวเลขดิจิทัลด้านบนลิฟต์แต่ละตัวบอกว่าคงต้องรออีกนาน กอปรกับเห็นว่าจุดหมายอยู่ต่ำลงไปแค่ชั้นเดียว เธอจึงเลือกใช้บันไดหนีไฟแทน

หญิงสาวกอดถุงกระดาษลงบันได อีกสามสี่ขั้นจะถึงจุดหมาย เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น บอกให้รู้ว่าที่ไหนสักชั้นไม่ใกล้ไม่ไกล มีคนออกมายังบันไดหนีไฟ และถ้าแยกแยะไม่ผิด เธอเชื่อว่าเสียงนั้นดังมาจากชั้นบนเหนือขึ้นไป
หญิงสาวชะงัก บันไดหนีไฟเป็นทางเลือกประหยัดพลังงานก็จริง แต่คนใช้น้อย บางครั้งก็อาจมีอันตรายที่คาดไม่ถึง โหย่งเท้าจะรีบออกไปที่ชั้นสาม ทว่ากลับได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดอีกครั้ง ตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น

“เธอกล้าดียังไงถึงเข้าไปในห้องประชุมที่ฉันวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารซูเปอร์โคลา” เสียงผู้หญิงเข้มจัดไม่พอใจ

อิงอรุณชะงัก เบียดตัวกับผนังอัตโนมัติ

“ผมได้ยินคุณหยงกำชับเมื่อเช้า เลยเข้าใจว่าเป็นคำสั่งให้เข้าประชุม”

“นี่ไม่ใช่ที่บ้าน อย่าบังอาจมาเรียกฉันอย่างนั้น” คนพูดคำรามเสียงต่ำ “เสียแรงเป็นถึงดอกเตอร์ แต่กลับไม่รู้ว่าฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้หมายความตามที่พูดสักนิดเดียว อยู่ต่อหน้าเตี่ย ฉันก็ต้องว่าไปตามน้ำเท่านั้นเอง”

“ผมขอโทษครับ ที่เข้าใจผิดไปเอง”

“ดีที่รู้จักเจียมตัวว่าไม่มีที่ไหนต้อนรับ ฉันเองก็จำใจรับเธอเพราะเตี่ยสั่ง แต่อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้ตำแหน่งซีอีโอแค่เพราะยอมลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะฉันจะขัดขวางจนถึงที่สุด นั่นเป็นเก้าอี้ของฉัน ไม่ใช่ลูกเมียน้อย!”

“ครับ”

“หวังว่าเธอคงไม่ใช่ผู้ชายขี้ฟ้องต้องหอบเรื่องนี้ไปเพ็ดทูลเตี่ยหรอกนะสาวัช!” ปลายประโยคกระแทกเสียงต่ำ ๆ อย่างประชดประชัน

อิงอรุณสะดุ้งโหยง มือกอดถุงกระดาษแน่น อะไรนะ เธอฟังผิดหรือเปล่า

ดอกเตอร์ - ลาออกจากมหาวิทยาลัย - สาวัช - เข้าประชุมกับซูเปอร์โคลา...แปลว่าผู้ชายที่กำลังถูกประณามอยู่คือสาวัชที่เธออยากได้มาเป็นวิทยากรงั้นเหรอ

“ครับ” เขารับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบเดิม แต่ฟังออกว่าขมขื่น!

“เธอไม่ควรกลับมาเลยจริง ๆ ” คนพูดถอนใจ ทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายไม่พอใจ “ทำไมเธอไม่อยู่ที่โน่นไปเลย มันคงจะดีกว่า ถ้าเตี่ยไม่เรียกเธอกลับมาเมืองไทย ฉันก็ไม่ต้องมาทำตัวเป็นนางมารร้ายทุเรศ ๆ แบบนี้”

“ผมขอโทษ ผมก็ไม่เคยอยากให้มันเป็นแบบนี้” น้ำเสียงเขาล้าระโหยแผ่วเบา มีร่องรอยเครือ ๆ เจืออยู่ตรงท้ายประโยคราวกับมีดเสียบลงกลางใจคนฟัง

อิงอรุณซึ่งได้ยินแต่เสียง ยังรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

“ต่อให้เธอกับแม่ขอโทษหม่าม้าฉันไปชั่วชีวิต ฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอทั้งที่บ้านแล้วก็ที่นี่ เจอฉันตรงไหน ช่วยหลบไปไกล ๆ ทีเถอะ ถือว่าฉันขอร้องละกัน” จบประโยค เสียงบานพับประตูก็ดังขึ้นและงับเข้าหากันอีกครั้ง

อิงอรุณผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด เพิ่งรู้ว่าเธอเผลอกลั้นหายใจตลอดเวลาที่ฟังคำบริภาษเพียงฝ่ายเดียวนั่น

เสียงลากเท้าเบา ๆ ลงบันไดมาอย่างเชื่องช้า ทำให้หญิงสาวหันรีหันขวาง ไม่ดีแน่ถ้าสาวัชมาเห็นว่าเธอเป็นพยานในเหตุการณ์อันน่าขายหน้าเช่นนี้

หญิงสาวขยับจะก้าว แต่นึกได้ว่าบันไดหนีไฟนั้นเสียงดังก้องได้ง่าย รองเท้าส้นสูงของเธอคงก่อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย อิงอรุณถอดรองเท้า ก้มลงใช้สองนิ้วเกี่ยวแคชชูส์ อีกมือกอดถุงกระดาษ โหย่งเท้าวิ่งลงบันไดไปที่ชั้นสอง ซ่อนตัวอยู่อีก

ฟากของผนังหลบอยู่ในเงาของบันได ไม่ให้ถูกสาวัชพบ

อิงอรุณปะติดปะต่อสิ่งที่รู้มาเข้าด้วยกัน สาวัชเป็นลูกชายของธนา ปรเมศวร์ ดังคาด เขาถูกบิดาเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ บังคับให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำงานที่บริษัทโดยตั้งใจจะให้รับช่วงธุรกิจต่อ แต่ก็มีพี่สาวต่างมารดาขวางทางอยู่

หญิงสาวเม้มปาก ความรู้สึกแรกคือเห็นใจ คนจีนส่วนใหญ่ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว สาวัชก็เป็นลูกชายของเศรษฐีชาวจีน แต่แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถูกตามใจจนเสียคน ชี้นิ้วเรียกหาทุกอย่างได้ดังปรารถนา เขากลับถูกบังคับให้ทำสิ่งไม่พึงประสงค์ ถูกกดขี่ปรามาสด้วยถ้อยคำหยามหยาบ เพียงเพราะเหตุผลที่เขามิได้เป็นผู้ก่อ

ลูกชายนอกสมรส น่าเศร้าจริง ๆ !

อิงอรุณคอยจนได้ยินเสียงประตูอีกครั้ง มั่นใจว่าสาวัชออกจากทางหนีไฟไปแล้วแน่ ๆ เธอจึงทรุดลงนั่งบนขั้นบันได วางรองเท้าไว้ข้างตัว มือผลักถุงเสื้อที่กอดอยู่ออกห่างและมองมันนิ่ง ๆ สุดท้ายกลับถอนใจบางเบา

‘โลกนี้มันห่วยมากพอแล้ว ผมว่ามีคนหมั่นไส้และเกลียดขี้หน้ากันน้อยลงไปอีกคน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเราทั้งคู่นะ’

มิน่า...ตอนพบกันที่มหาวิทยาลัยสาวัชถึงพูดแบบนั้น เขาคงถูกคนรอบตัวบงการมาตลอดชีวิต ทั้งพ่อทั้งพี่สาวและอาจจะรวมถึงพี่ชายด้วย ไม่รู้ว่าแม่จริง แม่เลี้ยง จะดาหน้ากันมาควบคุมชีวิตเขาเป็นคอมโบ้เซตด้วยหรือเปล่า คงใจร้ายน่าดูหากเธอยืนกรานจะลากเขาไปเป็นวิทยากรเพียงเพื่อเอาชนะที่เขาไม่ยอมลงให้

หญิงสาวผลักถุงเสื้อออกห่างตัว พึมพำเปื้อนยิ้ม “ไม่เคยมีอะไรที่อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ต้องการแล้วไม่ได้ แต่ครั้งนี้อิงจะยกให้คุณคนนึงละกัน สู้ ๆ นะคุณดอกเตอร์ เป็นซีอีโอให้ได้ แล้วก็ตอกหน้ายายพี่สาวจอมโหดให้หงายเงิบไปเล้ย อิงเอาใจช่วยสุดฤทธิ์!”







ทันทีที่เห็นเธอผ่านประตูด้านหน้าของสำนักงานเข้ามา แพรวเพชรมีดีใจ ปรี่เข้ามาคว้าข้อมืออิงอรุณ “ไปไหนมาน่ะอิง โทร.หาตั้งนานก็ไม่รับสาย”

“อ๋อ...เอาของไปเก็บที่รถมาน่ะ” อิงอรุณแก้ตัว ไม่อยากบอกเพื่อนว่าไปรู้เห็นอะไรมา หลังจากรอจนได้ยินเสียงประตูหนีไฟปิดสนิทอีกครั้ง เธอจึงใช้ทางหนีไฟกลับขึ้นไปชั้นสี่ เอาถุงเสื้อไปฝากพนักงานคนเดิมโดยอ้างว่าไม่พบชายหนุ่มที่ห้อง แล้วเผ่นกลับมาออฟฟิศด้วยความกระอักกระอ่วน

“เอาของอะไรไปเก็บเนี่ย นานจัง เราให้เด็กโทร.หาเป็นสิบหนแล้วมั้ง”

อิงอรุณล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากระโปรง “สายไม่ได้รับเพียบเลย โทษทีนะ”

“เอ๊ะ...สร้อยข้อมืออิงหายไปไหนน่ะ” แพรวเพชรมองตามมือเพื่อนจึงทัก

หญิงสาวยู่หน้า มองข้อมือซึ่งเคยมีสร้อยทองคำขาวร้อยตุ้งติ้งประดับเพชรเส้นละหลายบาท แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า “ไม่รู้ทำหายหรือเมื่อเช้าไม่ได้ใส่มา จำไม่ได้อะ” อิงอรุณเสียดาย เพราะกว่าจะสะสมตุ้งติ้งมาห้อยจนรอบเส้นได้ เธอเก็บเงินตั้งนาน! แพงมาก นี่ถ้าหายไปจริงคงร้องไห้แหงๆ

หญิงสาวสลัดศีรษะอย่างตัดใจ “ช่างเถอะ ว่าแต่ให้เด็กโทร.หาอิงทำไมเหรอ”

แพรวเพชรบุ้ยหน้าไปทางห้องประชุมเล็ก “รู้จักหม่อมดวงกมล ชายาในหม่อมเจ้าภัทรดนัย ชยาธร ใช่ไหม นั่นละลูกค้า”

คนฟังจับต้นชนปลายไม่ถูก “คนมีสามีแล้ว มาทำอะไรที่บริษัทเรา”

“ก็นี่แหละ ถึงอยากให้อิงเข้าไปพบด้วยกัน”

อิงอรุณหยิบแท็บเล็ตจากลิ้นชักประชาสัมพันธ์ แต่ยังใจลอยนิด ๆ

แพรวเพชรมองเพื่อนด้วยสายตาห่วงใย “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”

“เปล่าหรอก คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ ไปกันเลยไหม อิงพร้อมละ”
สองสาวมอบนามบัตรให้แขกพร้อมกับแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงนั่งลงตรงข้ามสตรีอาวุโสทั้งคู่

“นี่เพื่อนฉันชื่อสาวิตรี” หม่อมดวงกมลผายมือไปทางสหาย

อิงอรุณพินิจสตรีกลางคนซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อกระโปรงตัดเย็บจากผ้าไหมฝรั่งเศสเนื้อเบา แล้วเริ่มเดาไปเรื่อย ๆ ว่าหม่อมดวงกมลอาจพาเพื่อนมาหาคู่

“มีอะไรก็บอกคุณเพชรคุณอิงไปสิสา” หม่อมดวงกมลเปิดทาง
ดวงตาสาวิตรีมีแววหมายมาด “ฉันอยากให้คุณจับคู่ให้ลูกชายของฉันค่ะ”

แพรวเพชรส่งยิ้มให้กับลูกค้า “รบกวนคุณสาวิตรีอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหมคะ เกรงว่าเราอาจเข้าใจไม่ตรงกัน”

“ลูกชายฉันยังไม่มีแฟน คุณจะทำยังไงก็ได้ให้เขาพบผู้หญิงคนนึง และถ้าเขาแต่งงานภายในสิ้นปีนี้ได้ก็ยิ่งดี” สาวิตรีอธิบาย

อิงอรุณถอนใจ สิ้นปี! นี่มันปีชงของมนุษย์ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย ทำไมจู่ ๆ ก็มีแต่คนที่ต้องแต่งงานภายในสิ้นปี เหมือนที่แม่ยื่นคำขาดกับเธอเปี๊ยบเลย

“ทำไมต้องภายในปีนี้คะ” อิงอรุณอดอยากรู้ไม่ได้

“สามีฉันจะยกบริษัทให้ถ้าเขาแต่งงาน ฉันอยากให้ลูกแต่งงานให้เร็วที่สุด”

ไม่มีคำว่ารักอยู่ในประโยคนั้น สิ่งเดียวที่คนฟังได้ยินก็คือ ‘ผลประโยชน์’!

บรรยากาศในห้องกลายเป็นอึดอัด โดยเฉพาะแพรวเพชรที่ต้องปฏิเสธ “ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่คิวปิดแอสซิสแทนซ์รับงานที่คุณสาวิตรีจ้างงานนี้ไม่ได้จริง ๆ ”

“ทำไมถึงรับไม่ได้ ฉันมีเงินจ่าย คุณจะเรียกค่าดำเนินการเท่าไหร่ก็ว่ามา”

อิงอรุณปรี๊ดจัดที่ถูกเอาเงินฟาดหัว แพรวเพชรรีบบีบแขนเธอเป็นเชิงปราม

“เราเป็นสื่อกลางให้คนโสดได้เจอคนที่มีทัศนคติตรงกันและคบหากัน แต่คุณสาวิตรีจะจ้างเราจับคู่ให้ลูกชาย มันต่างกันนะคะ เกรงว่าเราจะทำไม่ได้ค่ะ”

“จะไปยากตรงไหน ก็แค่หาทางให้ลูกชายฉันเจอผู้หญิงคนนึงแบบเนียน ๆ เท่านั้นเอง ที่ฉันไม่นัดให้สองคนมาเจอเขาตรง ๆ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกคิดว่าถูกผู้ใหญ่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ให้เขาเข้าใจว่าเจอกันรู้จักกันปิ๊งกันเองดีกว่า”

ผู้ช่วยกามเทพยังเงียบ สาวิตรีจึงโยนไพ่อีกใบ “ถ้าคุณปฏิเสธ ฉันจะให้ปรเมศวร์เทรดดิ้งเลื่อนการทำสัญญาซื้อคอร์สอบรมบุคลิกภาพออกไปก่อน”

อิงอรุณสบตาแพรวเพชรด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่คิวปิดแอสซิสแทนซ์กำลังเจรจาผูกสัญญากับปรเมศวร์เทรดดิ้งเพื่อฝึกอบรมพนักงานนั้น รู้กันเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง น่าแปลกใจว่าสาวิตรีเอาข้อมูลนี้มาจากไหน

“ปรเมศวร์เทรดดิ้งมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ” อิงอรุณไม่ชอบเรื่องคาใจ

“ซีอีโอของปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นสามีฉันเอง” นางเหยียดยิ้มกว้างภาคภูมิใจ

สองสาวก้มลงอ่านนามบัตรอีกครั้ง ทว่าชื่อสาวิตรี อุ้มสม บนกระดาษแผ่นน้อย กลับทำให้ผู้ช่วยกามเทพสาวยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก

อิงอรุณยกแท็บเล็ตขึ้นวางเอียงพาดขอบโต๊ะ แล้วพิมพ์ข้อความให้เพื่อนอ่าน

‘ภรรยาคุณธนา ชื่อดารณี ปรเมศวร์ มีลูกสองคน ชื่อริสากับวัชระ อิงไม่เคยได้ยินชื่อสาวิตรีมาก่อนเลย’

“ฉันอาจไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายของคุณธนา แต่ฉันทำอย่างที่บอกกับคุณเมื่อครู่ได้แน่นอน ถ้าไม่เชื่อจะลองโทร.ไปถามเลขาฯ ของคุณธนาดูก็ได้” สาวิตรีอธิบายต่อราวกับรู้ว่าพวกเธอกำลังสงสัยเรื่องอะไร

อิงอรุณเพิ่งรู้เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาว่าธนา ปรเมศวร์ มีบ้านเล็ก แถมยังมีลูกชายด้วยกัน แล้วแค่กลับมาบริษัท เธอก็ได้เจอตัวภรรยานอกกฎหมายของบุรุษชาวจีนผู้นั้นเข้าจัง ๆ ไม่อยากเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้!

หญิงสาวลอบพิจารณาแม่ของสาวัช สาวิตรีเป็นผู้หญิงไทยผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างเล็กบอบบาง บุคลิกภายนอกดูอ่อนหวาน นุ่มนิ่ม แบบที่ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรู้สึกสงบและร่มเย็น แต่อย่าให้พูดนะ เปิดปากมาที อย่างกับนางร้ายในละครไม่มีผิด!

อิงอรุณเคยเจอภรรยาตามกฎหมายของธนาในงานสังคมบ้าง จึงนึกออกว่าดารณีเป็นสตรีชาวจีน ผิวขาวรูปร่างท้วม โผงผาง ดุดัน ตรงไปตรงมา และเสียงดัง เรียกได้ว่าอยู่คนละฝั่งกับสาวิตรีโดยสิ้นเชิง

ริสานั้นคล้ายมารดา คือเป็นผู้หญิงแกร่งในวงการเครื่องดื่มอัดก๊าซ แม้รูปร่างหน้าตาธรรมดาไปสักนิด แต่ทักษะการบริหารคมในฝัก ชื่อเสียงเรื่องความฉลาด เด็ดขาด และมุ่งมั่น ทำให้เธอเป็นผู้หญิงแถวหน้าในแวดวงนักบริหารชั้นนำ

สาวัชคงเติบโตมาด้วยฐานะ ‘คนนอก’ ในบ้านที่ถูกทั้งภรรยาตามกฎหมายของพ่อและพี่สาวต่างมารดากดขี่ ขนาดแม่แท้ยังคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ ไม่แปลกที่สาวัชแข็งกร้าว มนุษยสัมพันธ์ย่ำแย่ เขาคงวางตัวให้เป็นอากาศธาตุ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเป้าถูกกระทำกระมัง

“ว่าไงคะ จะให้ฉันขอร้องคุณธนาจัดการอย่างที่บอกเลยไหม” สาวิตรีสวมบทนักแสดงตุ๊กตาทองขู่คนฟังหน้าตาเฉยทั้งที่ยิ้มอ่อนหวานดุจผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเล็ก ๆ

“แต่ปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นฝ่ายเสนอให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์ทำสัญญาด้วยนะคะ” อิงอรุณนั้นไม่คุ้นเคยกับคำ ‘ข่มขู่’ จึงเสียงแข็งโดยไม่ทันระวัง

“แต่ปัญหาขัดข้อง ‘พวกนี้’ ก็เกิดขึ้นได้เสมอนี่คะ” สาวิตรีตอบลุ่น ๆ

“หมายความว่าถ้าเรารับจัดการให้ลูกชายคุณสาวิตรีพบกับผู้หญิงที่คุณต้องการ การพิจารณาอนุมัติงบประมาณของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็จะแล้วเสร็จทันทีเลยใช่ไหมคะ” อิงอรุณประชด

สาวิตรีพยักหน้านิด ๆ รับคำหน้าระรื่นจนคนมองยิ่งหมั่นไส้

อิงอรุณมือกำแน่น แพรวเพชรคงรู้ว่าเธอใกล้ระเบิดเต็มที จึงรีบตัดบท “เรื่องนี้มีปัจจัยที่ต้องระวังค่อนข้างมาก เพชรขอเวลาพิจารณา แล้วจะให้คำตอบนะคะ”

“อย่าคิดนานนักนะ ฉันใจร้อน”

“ขอเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ แล้วเพชรจะรีบแจ้งการตัดสินใจของเราค่ะ”

สาวิตรีเลื่อนเช็คเงินสดไปตรงหน้าแพรวเพชรเอ่ยวางก้าม “นี่เงินมัดจำ”

แพรวเพชรพยายามส่งคืน แต่กลับถูกปฏิเสธ

“แล้วฉันจะรอฟังข่าวดีนะคะ” สาวิตรีเยาะ จากไปด้วยสีหน้าราวกับผู้ชนะ ขณะหม่อมดวงกมลหน้าเสียเห็นชัดว่าอับอายกับวาจาของสหายอย่างยิ่ง

อิงอรุณบ่นหงุดหงิด “คนอะไรเนี้ย ท่าทางติ๋ม ๆ แต่อวดรวยชะมัด แถมยังขู่เราได้ขู่เราดี สามีรวยแล้วไง สุดท้ายก็เป็นเมียน้อยเขาเท่านั้นแหละ หน้าไม่อาย”

แพรวเพชรโบกเช็คตรงหน้าเพื่อน “มัดจำหกหลักสำหรับการจัดฉากให้เจอผู้หญิงคนเดียว รวยชะมัด ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาคุณธนาจริงเหรอ”

“ก็คงจริงมั้ง ไม่งั้นคงไม่กล้าขู่เราอย่างนี้” อิงอรุณคิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสาวิตรีกับคนที่เธอกำลังทาบทามมาเป็นวิทยากรให้บริษัท

“ไม่รู้ลูกชายคุณสาวิตรีจะคิดยังไงเนอะ ที่ต้องถูกจัดฉากให้รู้จักคนแปลกหน้า แถมยังหวังถึงขั้นแต่งงานด้วย น่าสงสาร...แม่เขาไม่พูดถึงความรักสักคำเลย”

“ไม่ต้องอิน นี่ไม่เหมือนเรื่องเพชรย่ะ เพราะคนที่หล่อนแต่งด้วยคือพี่ชายสุดหล่อของอิง ที่สำคัญพี่นราก็รักเพชรมากด้วย ” อิงอรุณค้อน

“พูดถึงพี่ชายหน่อย ของขึ้นเลย” แพรวเพชรหัวเราะ “อิงคิดดู ขนาดพี่นราแสนดีขนาดนั้น แต่คนไม่ใช่ พยายามยังไงก็บังคับใจให้รักไม่ได้ แล้วนี่คุณสาวิตรีจะหาผู้หญิงแบบไหนให้ลูกชายก็ไม่รู้ เกิดไม่ใช่อย่างที่เขาชอบ คงน่าสงสารแย่เลย”

อิงอรุณห่อเหี่ยวตามโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องของแพรวเพชรหรอก แค่เธอเอง...ทั้งที่มั่นใจว่า ‘รัก’ พันเทพ แต่ยามนึกว่าต้องแต่งงานกับเขา ก็ยังโหวง ๆ อย่างบอกไม่ถูก ได้แต่หวังว่านี่จะเป็นแค่อาการเจ้าสาวกลัวฝนเท่านั้น

“เราก็มัวแต่คิดว่าจะไม่รับงาน เลยไม่ได้ถามว่าลูกชายคุณสาวิตรีเป็นใคร อิงรู้จักหรือเปล่า คนรวย ๆ อยู่สังคมเดียวกัน มักมีคอนเนกชันถึงกันหมดนี่”

หญิงสาวไม่อยากโกหก เลยเปลี่ยนเรื่องแทน “เพชรคิดยังไงกับงานนี้เหรอ”

“เราก็จัดการให้คนพบกันอยู่แล้วนะ นี่ก็แค่ต้องหาสถานการณ์มาทำให้มันดูบังเอิญ ๆ หน่อยก็เสร็จละ ถ้ารับงานนี้ เราจะได้คอร์สของปรเมศวร์เทรดดิ้ง แล้วก็ค่าจ้างงานจัดฉากสองเด้งเลย เงินก้อนเบ้อเริ่ม อิงไม่อยากได้เหรอ”

อิงอรุณเป็นคนมีกฎเกณฑ์ชีวิตชัดเจน ไม่ชอบสิ่งที่อยู่นอกเหนือความควบคุม เธอย่อมไม่อยากเผชิญหน้าหรือรับมือปัญหาแปลก ๆ อันไม่คาดคิด

“ก็อยากได้นะ แต่มันไม่ใช่งานถนัด เกิดผิดพลาดขึ้นมาคงเสียชื่อบริษัทแย่ปฏิเสธไปเถอะเพชร เราเป็นแมตช์เมคเกอร์ที่มีหลักการนะ” อิงอรุณหว่านล้อม

เงินไม่เคยเป็นปัญหาในชีวิตของเธอ มันเคยเป็นอย่างนั้นตลอดมา และเธอก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป ถึงช่วงนี้จะขลุกขลักไปบ้างก็เถอะ

“แปลกนะ ใคร ๆ ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าฐานะเราสองคนเป็นยังไง ทำไมคุณสาวิตรีเอาเงินมาฟาดหัวเรา ทำยังกะเราจะอดตายถ้าไม่ได้เงินเขาอย่างนั้นแหละ”

“คุณสาวิตรีอาจจะเคยแต่อยู่ก้นครัว ก็เลยไม่รู้จักนามสกุลเทียมสุบรรณก็เป็นได้” แพรวเพชรวิเคราะห์ “คุณเธอเลยคิดแต่ว่าจะจ้างผีโม่แป้งท่าเดียว”

“สำนวนอะไรของเธอเนี่ย” อิงอรุณเหลียวมามองเพื่อนด้วยสายตางุนงง

“สำนวนคนจีนน่ะ เขาบอกว่าขอแค่มีเงิน จะจ้างผีให้ลุกจากหลุมมาโม่แป้งให้เรายังได้เลย” แพรวเพชรมีบิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงรู้จักสุภาษิตจีนมาบ้าง

อิงอรุณหัวเราะคิก “คนจีนนี่ช่างค่อนจัง แต่มันก็เป็นความจริงซะด้วย”

แพรวเพชรหัวเราะขันเป็นลูกคู่ ไม่อาจรู้เลยว่ากับ ‘ผี’ แต่ละตัว ใช้สิ่งของล่อใจให้มันโม่แป้งแตกต่างกัน บางครั้งเป็นเงินทองข้าวของ และบางคราวเพียงใช้แค่ ‘ความหวัง’ ล่อลวงก็ได้แล้ว!






สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2561, 22:03:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2561, 22:03:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 652





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account