+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 5

มีการตัดสินใจน้อยมากที่อิงอรุณนับว่า ‘คิดผิด’ แต่การยัดเยียดตัวเองมายังห้องเรียนวิชาที่สาวัชสอนเพื่อดักพบเขาโดยไม่นัดล่วงหน้าในวันนี้ เธออยากจัดให้เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ‘ที่สุดในชีวิต’ ด้วยซ้ำ

เพราะเรื่องที่คุยกับแพรวเพชรแท้ ๆ ที่ทำให้เธอฮึดอยากได้เขามาเป็นวิทยากรอีกครั้ง คราวนี้นอกจากคิวปิดฯ จะได้ประโยชน์แล้ว สาวัชเองก็จะได้มาบรรยายโดยมีสาวโสดล้อมหน้าล้อมหลัง เกิดเขาถูกใจใครสักคน อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องถูกแม่หลอกคลุมถุงชนไง!

อิงอรุณแต่งกายที่เลียนแบบให้คล้ายนักศึกษา ลอบเข้าไปซุกตัวอยู่หลังห้องบรรยาย ด้วยนักศึกษาเต็มห้องอย่างนี้ เขาคงไม่สังเกตเห็นเธอหรอก

สาวัชในโหมดอาจารย์น่าเกรงขามนัก บุคลิกเคร่งขรึม น้ำเสียงกังวานล้วนจับตาจับใจจนคนมองเผลอคิดว่ากำลังดูละครเวทีที่พระเอกหล่อสุด ๆ อยู่

อาจารย์และนักศึกษาถกกันเกี่ยวกับศิลปะและโบราณวัตถุ ทั้งยังวิเคราะห์ร่องรอยอารยธรรมยุคต่าง ๆ อย่างออกรส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...นักศึกษาสาว ๆ !

ไม่แปลกหรอก ก็เขาหล่อทะลุบรรยากาศขนาดนั้น เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่สาว ๆ จะกรี๊ดกร๊าด ทิ้งสายตากันเป็นว่าเล่น ยิ่งถ้าใครถามคำถามดี แค่ ‘อาจารย์’ ชมนิดนึงคนฟังก็หน้าแดงกันไปเป็นแถว

สาวัชก็วางมาดเหลือใจ เขาไม่ยิ้มสักนิด เอาแต่ทำหน้าจริงจัง ไม่สนุกเลย...

เมื่อกริ่งดังบอกว่าหมดชั่วโมงเรียน นักศึกษาต่างถอนใจด้วยความเสียดาย อิงอรุณเอ้อระเหยพับสมุดเก็บ ตั้งใจทอดเวลารอจังหวะที่สาวัชว่าง แล้วค่อยจู่โจมเข้าไปขอพบเขาตามลำพัง ทว่า...

“คุณอิงอรุณ!” เสียงเข้มห้าวดังอยู่เหนือศีรษะ

เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง ยิ้มแหยเมื่อเงยขึ้นพบว่าสาวัชยืนอยู่ตรงหน้า

“คุณบุกรุกห้องเรียนผม” เขาแจ้งข้อหาสีหน้าเรียบเฉย บอกยากว่ารู้สึกเช่นไร

“เรียกซะโหดร้ายเชียว แค่มาดูลาดเลานิดเดียวเองค่ะ” เธอทำใจดีสู้เสือ “สต๊าฟฟ์ของยูฯ บอกว่ามีคนนอกขอมาออฟเซิร์ฟในคลาสของคุณอยู่บ่อย ๆ แค่มี

อิงเพิ่มมาอีกคนเอง อย่าถือสาเลยนะค้า”

“ผมไม่ชอบพวกดัดจริตพูดไทยคำอังกฤษคำ”

“เจ้าหน้าที่ก็ได้ มหาวิทยาลัยก็ได้ ผู้สังเกตการณ์ก็ได้ ห้องเรียนก็ได้ค่ะ” เธอแปลภาษาอังกฤษของตัวเองเป็นภาษาไทยทีละคำ ว่าไงว่าตามกันวุ้ย!

“คุณมาดูลาดเลาเพื่ออะไร”

“จะมาถามน่ะค่ะ ว่าอิงเอาเสื้อสูทไปฝากไว้ให้แล้ว คุณแวะไปรับคืนหรือยัง”

“ไปถามประชาสัมพันธ์ของตึก หรือโทร.เข้ามหาวิทยาลัยถามผม ไม่ง่ายกว่าหรือ” ดวงตาเขามีแววรู้ทัน!

“อย่าดักคอกันอย่างนี้สิคะ” คนพูดอุบอิบยิ้มกว้างมั่นใจว่าโลกหมุนรอบตัวเธอ “คือจริง ๆ แล้ว อิงมีเรื่องอยากปรึกษาน่ะค่ะ เราไปหาที่นั่งคุยกันดีไหมคะ”

“ผมไม่ได้มีอาชีพรับให้คำปรึกษา”

“ร้ายจังค่ะ” อิงอรุณทำตาโต แสร้งไม่รับรู้ว่าเขาจริงจัง ตีเนียนไปว่าเขาล้อเล่น! “ขอเวลาอิงครึ่งชั่วโมง แล้วรับรองว่าจากนี้อิงจะไม่มารบกวนคุณอีกเลย”

“ครึ่งชั่วโมง...” ชายหนุ่มทวนคำหรี่ตาใคร่ครวญ

อิงอรุณพยักหน้ากระตือรือร้น ซ่อนนิ้วที่ไขว้กันไว้เบื้องหลัง

“ครึ่งชั่วโมงเป๊ะไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นาทีเดียวค่ะ”

“งั้นเชิญที่ออฟฟิศผม...”

“เที่ยงแล้ว เราไปหาร้านอาหารนั่งกินไปคุยไปดีไหมคะ”

“คุณกินข้าวอิ่มภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเหรอ”

เขาคงกะจะใช้เรื่องกินข้าวมาบ่ายเบี่ยงเรื่องของเธอสินะ

“ถามแบบนี้แปลว่าคุณสาวัชจะเพิ่มเวลาให้อิงเป็นหนึ่งชั่วโมงใช่ไหมคะ ตกลงค่ะ” อิงอรุณรู้ทัน จึงเฉไฉพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ไม่ให้ชายหนุ่มทักท้วง

สาวัชนิ่วหน้า แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าชนิดจงใจให้เห็นว่าไม่เต็มใจ “หนึ่งชั่วโมง ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่วินาทีเดียว!”






ชามโคมใสบรรจุน้ำสีฟ้าอ่อนแช่จอกน้ำชาดินเผามายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว เจ้าของห้องใช้คีมคีบจอกขึ้นมาคว่ำบนถาด ก่อนนำไปวางข้างหน้าต่างเปิดม่านให้แดดเผาโดยตรง

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผู้ที่ยื่นหน้าเข้ามาคือเด็กสาวอายุไม่เกินสิบแปดปี สวมเสื้อยืดแนบเนื้อกับกางเกงยีนขาสั้นกุดอวดทรวดทรงอวบอัด เจ้าหล่อนยิ้มขลาดอาย มองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็นเช่นทุกครั้ง

“ศศิขออนุญาตเอาเสื้อผ้าเข้าไปแขวนในตู้นะคะ”

วัชระนำชามโคมไปเทน้ำทิ้งลงชักโครก ล้างแล้วไปที่ตู้โชว์กวาดลูกแก้วใส่ชามดังเดิม ดวงตาวาวจ้ามองตามสะโพกที่แกว่งไกวนวยนาดแทบไม่วางตา เมื่อเด็กสาวปฏิบัติหน้าที่เสร็จ เดินผ่านเขาจะไปที่ประตู ชายหนุ่มก็ยึดข้อมือนั้นไว้ทันที

“อุ๊ย!” สาวใช้อุทานหน้าตื่น

ผู้เป็นนายยืนพิงตู้โชว์ยิ้มสมใจ ใช้มืออีกข้างแตะปลายคางดันใบหน้าเธอให้เงยขึ้นสบตา “ฉันเห็นนะว่าเธอแอบมองฉันอยู่บ่อย ๆ เธอชอบฉันเหรอ”

เด็กสาวเบิกตาโต สีหน้าไร้เดียงสา “คุณพูดเรื่องอะไรคะ ศศิไม่เข้าใจ”

วัชระลากปลายนิ้วผ่านพวงแก้มอิ่ม “อยากได้อะไรก็บอกนะ ฉันจะซื้อให้”

เด็กสาวก้มหน้ายิ้มเอียงอาย ไม่พูดอะไร

“ฉันอยากได้สบู่อาบน้ำขวดใหม่ ไปซื้อด้วยกันไหม” วัชระโยนหินถามทาง

“คุณจะ ‘เอา’ กลิ่นแบบไหนล่ะคะ” เด็กสาวย้ำเสียงหนักที่บางคำ

“เอาแบบที่เธอชอบน่ะ ฉันได้ทั้งนั้นละ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม นัยน์ตาพราวระยับ

เด็กสาวเลียริมฝีปาก เสียงพร่า “คุณอย่ามาหลอกให้ศศิดีใจเล่นเลย”

วัชระหัวเราะร่วน “ฉันต้องเอาชุดน้ำชาไปให้คุณสาก่อน อุตส่าห์ตั้งใจซื้อมาฝากจากญี่ปุ่น เสร็จแล้วฉันจะขึ้นมาแต่งตัว แล้วเราออกไป ‘ซื้อของ’ กัน”

“งั้นระหว่างที่คุณฮกแต่งตัว ให้หนูเอาชุดน้ำชาไปส่งเรือนเล็กแทนดีไหมคะ”

วัชระชั่งใจ ก่อนไปหยิบชุดน้ำชาที่ข้างหน้าต่างซึ่งแห้งแล้วเพราะดินเผาคายน้ำเร็วและแดดก็แรงจัด โดยถือมายืนหน้าเด็กสาว

“ถือดี ๆ ล่ะ แล้วก็ขอบใจเธอนะ” วัชระยื่นถาดชุดน้ำชาให้เด็กสาว “เสร็จแล้วเธอก็ไปแต่งตัวสวย ๆ ด้วย แล้วออกไปรอฉันที่ปากซอย เดี๋ยวฉันไปรับ”

เมื่ออีกฝ่ายออกจากห้องอย่างว่าง่าย วัชระจึงเดาะลิ้นอย่างครึ้มอกครึ้มใจ อยากรู้เหมือนกันว่า ‘ของเล่น’ ชิ้นนี้จะทำให้เขาตื่นเต้นและ ‘เลี้ยงดู’ เจ้าหล่อนได้นานแค่ไหน!










อิงอรุณขับรถตามชายหนุ่มไปร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัย เพียงสั่งอาหารเสร็จ เขาก็ทำหน้าเบื่อหน่าย “พูดธุระของคุณมาสิ”

อิงอรุณยังไม่ทันอ้าปากพูด เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นดุจระฆังช่วยชีวิต ทั้งคู่ขยับตัวด้วยสีหน้าลุแก่โทษ ทั้งยังอุทานขอโทษแทบจะพร้อมกัน

อิงอรุณหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าถือ สาวัชดึงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตออกมาดูเช่นกัน

“ขอตัวสักครู่ครับ” ชายหนุ่มก้มศีรษะแล้วลุกไปนอกร้าน

อิงอรุณคว่ำโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ เผลอยิ้มชอบใจ โทรศัพท์มีเสียงเรียกเข้าติดเครื่องให้เลือกเป็นสิบ แต่เขาใช้เสียงเดียวกับเธอ บังเอิญชะมัด!

ไม่ถึงห้านาทีถัดมา อาจารย์หนุ่มก็กลับมาสมทบโดยวางโทรศัพท์คว่ำบนโต๊ะ สีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิมจนทำให้บรรยากาศยิ่งอึมครึม

อิงอรุณประหลาดใจนิด ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้โทรศัพท์สีและรุ่นเดียวกับเธอ ทั้งยังไม่ประดับตกแต่งโทรศัพท์ด้วยกรอบตามสมัยนิยมเหมือนกันเปี๊ยบ

หญิงสาวพยักพเยิดไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ห่างกันนัก “บริษัทเกาหลีเข้าท่าดีนะคะ เชิญนักร้องประสานเสียงมาทำเพลงเป็นเสียงเรียกเข้า มีรสนิยม มีระดับดี”

“คุณเข้าเรื่องเลยก็ได้นะ” เขาตัดบทดื้อ ๆ

เขาไม่ชอบคุยเล่นเลย! อิงอรุณลอบบิดริมฝีปาก ตัดสินใจหยิบกระดาษแผ่นนึงออกจากกระเป๋า คลี่แล้วเลื่อนไปตรงหน้าชายหนุ่มแทน

หลังอ่านข้อความ เขาตกใจและขยับโน้มตัวมาข้างหน้า “คุณบ้าไปแล้วเหรอ ผมปฏิเสธไปแล้ว ทำไมยังเอาชื่อผมไปใส่เป็นวิทยากรของคุณอีก”

“คนจองคอร์สเต็มแล้วด้วยค่ะ” เธอบอกหน้าตาเฉย บุ้ยหน้าไปยังแผ่นพับของบริษัทที่ระบุรายละเอียดการเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นำชมและบรรยายโดยดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์!

หญิงสาวภูมิใจกับไอเดียนี้มาก เธอโทร.มาตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยแล้วว่าวันหยุดไหนที่ชายหนุ่มไม่มีสอน จากนั้นเปิดขายคอร์สโดยใส่ชื่อสาวัชไว้ในแผ่นพับ พร้อมระบุวันเวลาตามที่เขาว่าง แค่นี้สาวัชก็ต้องไปเป็นทวิทยากรให้เธอละ

ใคร ๆ ก็บอกว่าเธอคิดบวก ตอนนี้อิงอรุณเชื่อว่าตัวเองคิดคูณเลยด้วยซ้ำ

“คุณสาวัชคงต้องไปเป็นวิทยากรให้อิงสักครั้งแล้วละ ขืนคุณเบี้ยว คงเสียชื่อดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์ แย่เลย”

“ชื่อเสียงมันก็แค่สิ่งนอกกาย ผมไม่สนใจหรอก ถ้าธุระของคุณมีแค่นี้...”

“เดี๋ยวค่ะคุณสาวัช!” อิงอรุณตะลึง คาดไม่ถึงว่าการพยายามมัดมือชกของเธอจะคว้าน้ำเหลวง่ายขนาดนี้

“คุณมีธุระอะไรอีก”

“แค่ครั้งเดียวเอง ช่วยอิงหน่อยไม่ได้เหรอคะ ถ้าคุณสาวัชไม่ช่วย นอกจากชื่อเสียงคุณแล้ว ชื่อเสียงบริษัทของอิงก็พินาศไปด้วยนะคะ”

เสียงออด ๆ หน้าตาอ้อน ๆ นี่เป็นไม้ตายของเธอเชียวนะ ต้องสำเร็จสิน่า!

“นั่นไม่ใช่เรื่องของผม”

หญิงสาวแทบช็อก คาดไม่ถึงว่าจะมีคนพูดตรง ๆ แบบนี้ อิงอรุณชั่งใจอย่างหนัก เอาความลับเรื่องแม่ของเขามาแบล็กเมล์ดีไหมนะ!

“อิงไม่อยากทำอย่างนี้หรอกนะคะ แต่คุณบังคับให้อิงทำเอง อิงทราบมาว่าคุณธนามีบ้านเล็กด้วย คุณสาวัชก็นามสกุลปรเมศวร์ เคยได้ยินเรื่องนี้ไหมคะ”

“อิงอรุณ!” สาวัชกดเสียงต่ำ สีหน้าโกรธขึ้งชัดเจน

“อิงเคยเจอลูกสาวและลูกชายของเสี่ยธนาด้วย คุณริสากับคุณวัชระ บังเอิญจังที่ชื่อคุณสาวัชเหมือนได้จากการผสมชื่อของสองคนนั้นเลย ริสา-วัชระ-สาวัช”

“อยากพูดอยากทำอะไรก็เชิญ” สาวัชให้สัญญาณเรียกพนักงานคิดสตางค์ทั้งที่อาหารยังไม่ได้มาเสิร์ฟด้วยซ้ำ
เพียงเด็กเดินบิลมาถึง เขาก็คว้าแฟ้มหนังเล่มเล็กที่หนีบค่าอาหารมาวางบัตรเครดิตลงไปโดยไม่ดูราคา

อิงอรุณวางมือทับแฟ้ม “คุณคงไม่ทราบว่าคนที่ขัดใจอิงจะต้องเจออะไรบ้าง”

“ถ้าทำได้คุณก็คงทำไปแล้ว ไม่มาขู่ลม ๆ แล้ง ๆ อย่างนี้หรอก” เขาจับขอบด้านหนึ่งของสมุดหนังแล้วออกแรงดึง

อิงอรุณกดมือแน่น ยื้อให้ได้นานที่สุด ต้องมีสักวิธีที่ทำให้เขารับปากเธอสิน่า

สาวัชจับมือเธอยกขึ้น แล้วดึงแฟ้มอย่างแรง อิงอรุณเลื่อนมือตามไปคว้าสมุดหนังทันควัน ทำให้ข้อศอกชนโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องไถลตกจากโต๊ะ พนักงานซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างผวาเข้ามาใช้สองมือรับไว้ได้ทันเวลา และนำมาวางคืนให้ทั้งคู่

ชายหนุ่มสบโอกาสที่อิงอรุณหันไปขอบคุณพนักงาน ส่งแฟ้มให้ฝ่ายนั้นแล้วโบกมือให้ไปจัดการเรื่องการรูดบัตร

อิงอรุณหน้ามุ่ย มองตามพนักงานไปด้วยสายตาละห้อย เธอแพ้ผู้ชายคนนี้ทุกประตูเลยเหรอเนี่ย เศร้ามาก!

สาวัชนั่งนิ่งยิ่งกว่ารูปปั้น สีหน้าเคร่งขรึมที่เย็นชาอยู่แล้วแทบกลายเป็นน้ำแข็งสลัก เขารอลงนามในสลิปบัตรเครดิต จากนั้นเก็บโทรศัพท์ลุกขึ้นทันที

“คงไม่ต้องเจอกันอีกนะ” แล้วเขาก็ออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว

อิงอรุณหย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋ารีบก้าวตามผู้ชายตัวสูง เขาหยุดยืนตรงหน้ารถออดี้สีขาว ปรายตามานิดเดียวคล้ายเป็นการขับไสกลาย ๆ

อิงอรุณจำต้องพนมมือทำความเคารพตามอาวุโส ทั้งที่หมั่นไส้เต็มที

หญิงสาวมองสาวัชเคลื่อนรถออกไปจนลับสายตา สุดท้ายจึงเป่าปากพรู ยอมรับกับตัวเองเป็นครั้งแรกว่าไม่เคยรู้สึกเสียหน้ามากเท่านี้มาก่อนเลย

สาวัชทำลายความมั่นใจของเธอป่นปี้ ทั้งเสียหน้า เสียคำพูด และที่แย่ก็คือเสียงาน โอ๊ย! เซ็ง!






เพียงสาวัชนำรถเข้าโรงจอดเรียบร้อย เด็กรับใช้ก็วิ่งหน้าตื่นมายืนหอบข้าง ๆ พร้อมรายงาน “คุณหยงให้มาเชิญคุณสาวัชไปพบที่ห้องทำงานด่วนค่ะ”

“เอาของพวกนี้ไปไว้ที่บ้าน” ชายหนุ่มส่งแฟ้มในมือให้เด็กสาว จากนั้นขึ้นไปตึกใหญ่ตามคำสั่ง เคาะประตูแล้วเข้าไปในห้องเมื่อได้รับอนุญาต

“กว่าจะเสด็จมาได้นะ” ริสาทักทายด้วย ‘ปิยวาจา’ เช่นเคย “โทร.ไปตั้งแต่บ่ายให้กลับมาด่วน แต่เธอก็มาเอาป่านนี้ คำสั่งฉันคงไม่สำคัญสินะ”

“ขอโทษครับ” เขาเอ่ยดุจมันเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยชะบรรเทาความโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่าย ไม่สนใจว่าตนเองจะรู้สึกอย่างไรที่ถูกกระทำเช่นนี้เรื่อยมา

“โรงงานที่โคราชมีอุบัติเหตุ คนงานตกลงไปในหม้อส่วนผสมบาดเจ็บสาหัส ผู้จัดการโรงงานควบคุมสถานการณ์ไว้แล้ว เธอไปจัดการส่วนที่เหลือต่อให้ที”

“โรงงานมันเก่ามากแล้ว ทั้งเครื่องจักร ทั้งสิ่งปลูกสร้าง อันที่จริง...”

“ฉันไม่ได้ถามความเห็น” ริสาตวัดตามองมีรอยยิ้มหมิ่น ๆ อยู่ตรงมุมปาก

“ขอโทษครับ ทำไมไม่ให้คุณฮก...”

“ฉันมีหน้าที่ตอบคำถามเธอตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ขอโทษครับ” นั่นสิ เรื่องอะไรต้องให้น้องชายตัวเองเดินทางไกลให้ลำบาก สู้ส่งคนที่ไม่ชอบขี้หน้าไปไกล ๆ ง่ายกว่าเยอะ “แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”

“เตี่ยหวังให้เธอเป็นซีอีโอคนต่อไปเชียวนะ เรื่องแค่นี้ต้องถามด้วยเหรอ”

“ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ” สาวัชกลืนความรู้สึกต่ำต้อยไว้ตรงที่ที่มันเคยอยู่ หยิบความเย็นชาออกมากางเป็นหน้ากากอันคุ้นเคย

“เรียกเทปวงจรปิดมาดู ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่าอุบัติเหตุเกิดจากความผิดพลาดของอุปกรณ์หรือเพราะความประมาทของคนงาน ไปเยี่ยมคนเจ็บเจรจาเรื่องค่าทำขวัญ และทำให้โรงงานกลับมาเดินเครื่องตามปกติเร็วที่สุด” ริสาแจงขั้นตอนอย่างละเอียด เธอแสดงความมาดมั่น แก้ปัญหารวดเร็ว กระทำดุจเป็นเรื่องปกติที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้

เขาทำได้แค่รับคำเช่นเคย

“พี่เพิ่ม...คนขับรถของฉันรออยู่แล้ว ออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย คงถึงโคราชตอนฟ้ามืดพอดี” ริสาสะบัดเสียง “ที่ใช้คนขับของฉัน อย่าคิดว่าฉันห่วงหรืออะไรนะ ฉันแค่ไม่อยากให้เตี่ยบ่นเท่านั้นแหละ คงต้องใช้เวลาสองสามวันถึงจะเรียบร้อย อย่าทำให้เตี่ยขายหน้าละ” เธอเปรยลอย ๆ หมุนกายออกจากห้องดื้อ ๆ

สาวัชมองตามพี่สาวไปด้วยความสับสน ประโยคแรกเหมือนจะบอกอ้อม ๆ ให้เขาจัดกระเป๋าเตรียมตัวไปค้างคืน แต่คำถัดมาก็เหน็บกันตามเคย

เคยมีคนกล่าวไว้ว่าถ้าไม่รักก็เกลียดกันไปเลยดีกว่า แต่สำหรับสาวัชแล้ว เขาไม่อยากได้ทั้งความรักหรือความเกลียดชัง ถ้าเลือกได้ เขาขออะไรกลาง ๆ อย่างการวางเฉย นั่นคงเป็นความฝันอันสูงสุดของ ‘ลูกเมียน้อย’ แล้ว!







สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2561, 22:10:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2561, 22:10:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 575





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account