มนตราในฝัน
กานติศา หญิงสาวหลงทางในความฝัน จินตนาการของเธอ กระทั่งพบชายชุดดำปริศนาเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยามกลางวัน กลืนเป็นสีน้ำเงินในรัตติกาล สัมผัสความลึกลับและอันตราย
เธอจะวิ่งหนีไปให้พ้นจาก 'ฝันร้าย' อย่างไร

Tags: ข้ามภพ,แฟนตาซี,ความรัก

ตอน: บทที่ 2 (1) ปริศนาชายชุดดำ

2 ปริศนาชายชุดดำ

หลังจากคืนนั้นกานติศานอนหลับสงบไม่เข้าฝันอีก คนเราไม่สามารถปิดเปิดสวิตซ์ความฝันเข้ามาตามใจชอบ ‘ฝันร้าย’ ค่อยๆ ห่างหายออกไปจากชีวิตประจำวัน ทิ้งเหลือแต่ความคาใจ มันคงง่ายกว่านี้ถ้าลืมเรื่องทั้งหมดภายในหนึ่งสัปดาห์ถ้าเธอไม่เจอชายชุดดำปริศนาเข้า

ชายชุดดำเป็นใครกันแน่

กานติศาไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนลักษณะตรงกับชายชุดดำเก็บมาฝัน

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่มีสถานะเป็นห้องเรียนในวันนี้ พี่ต้น ธรณินทร์ทำหน้าที่เป็นวิทยากรแทนอาจารย์ซึ่งไม่เข้าสอนวันนี้ ระหว่างที่เขากำลังอธิบายถึงหัวข้อสำคัญ แผนการเตรียมความพร้อมทัศนศิลป์นิพนธ์ ช่วงเวลาอันสำคัญของนิสิตปีสุดท้าย ผลงานชิ้นใหญ่เป็นตัวการันตีความสำเร็จในการจบศึกษา ทว่านักศึกษาสาวในสายตาเขาตลอดเวลากลับมองไปนอกหน้าต่าง วิวข้างนอกเหมือนมีอะไรน่าดูมากกว่าเนื้อหาเรียน กานติศาไม่สนใจจะฟังวิทยากรพูด

เขาอยู่ กิน อ้าปาก เขามักเป็นเงาสะท้อนในดวงตากานติศาตลอดเวลา

แต่ชั่วโมงนี้ดูเหมือนธรณินทร์ไม่ได้รับความสนใจจากสาวคนนั้น นั้นไง กานติศายังมีหน้ามาหาว เขาอยากหยิบยางลบปาไปที่เป้าหมายตัวดี เกรงว่าจะดูเหมือนวิถีเด็กเกินไป วิทยากรชั่วคราวได้แต่ทำท่าฮึกฮัก

กานติศเจอพี่ต้นระหว่างทางไปหอพัก ดูจากท่ายืนค่อยเขาคงรอเธอมานาน

“พี่ต้น มายืนรอนานเท่าไรแล้วคะ” เกรงใจที่ทำให้ต้องรอ ถ้ามีการส่งข้อความมาก่อน ไม่มีการปล่อยให้รอเก้อแน่นอน

“ไม่นานหรอก ระหว่างที่รอพี่ก็คิดนู้นคิดนี้ ว่าทำไมกานไม่สนใจ ยังหาวใส่พี่ วิทยากรครั้งแรกมันตื่นเต้นและเครียดมาก พี่คิดว่ากานจะย้ายมานั่งแถวหน้า เป็นกำลังใจให้วันนี้” ธรณินทร์แกล้งหน้างอนใส่

“การพูดหน้าชั้น บนเวที เป็นสิ่งที่พี่เกลียดมาก”

“กานขอโทษค่ะ พี่ต้น จะเลี้ยงข้าวเป็นการชดเชยให้นะคะ” สิ้นคำพูด รุ่นพี่ก็ยิ้มแป้นต่างกันราวกับฟ้ากับดิน เมื่อครู่นี้เขายังแว้ดกับเธออยู่เลย

“ได้สิ มีร้านไก่ทอดเกาหลีเปิดใหม่อยู่หัวมุมนี่เอง” สำรวจร้านอาหารมาก่อนสาวมาถึง ด้วยความมีวุฒิภาวะมีมากกว่าเอ่ยปากขอไม่ว่าเรื่องอะไร รุ่นน้องยากจะปฏิเสธ ไม่รอให้มีคำทักท้วง เขารีบเดินนำไปก่อนอย่างไว
ทั้งคู่เข้ามาในร้านอาหารเกาหลีสุดฮิต ตั้งแต่ประตูไปจนถึงโต๊ะไม้ขนาดเล็ก กานติศาสังเกตลูกค้าทุกคนในร้านโดยเฉพาะผู้หญิง ต่างชะเง้อลอบมองมายังรุ่นพี่ ร้องวี้ดว้ายเป็นระยะ พี่ต้น ธรณินทร์ รูปหล่อเคยลงปกนิตยสารมาแล้ว

“ไม่น่าใช่แฟน”

“มากับน้องสาวหรือน้องชาย ท่าทางทอมบอยซะด้วย”

บทสนทนาลอยแว่วเข้ามาให้ได้ยินเอง ธรณินทร์นึกขำในใจ กานติศามองก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองแล้วแก้มแดง เสื้อยืดตัวโคร่งปักตัวหนังสือ กางเกงยีนทรงกระบอกเหมือนผู้ชาย รองเท้าผูกเชือกสีสด เสื้อผ้าสไตล์ใส่สบายไม่น่าถูกด่วนตัดสิน

“แต่งตัวน่ารักออก พวกเขาจะไปเข้าใจแฟชั่นอะไร”

สิ่งที่เคยอยู่ในความคิดมาตลอดเขาได้เอ่ยเป็นคำพูดแล้ว ตั้งแต่เฝ้าดูการเจริญเติบโจของเด็กสาวคนหนึ่ง ไม่ชอบนุ่งกระโปรงฟูเพราะวิ่งเล่นตามไม่ทัน เขาสังเกตอากัปกิริยาตลอดเวลา เธอเป็นสาวที่น่ารักมาก แต่แคร์ความรู้สึกคนอื่นมากไป บางทีก็ขาดความมั่นใจ ธรณินทร์อยากเรียกเสียงหัวเราะคืนมา

“เวลาพี่ทำงานคิดไอเดียไม่ออก รู้มั้ยว่าพี่ทำยังไง”

“ทำยังไงคะ ถ้าเป็นกานจะเปิดหนังสือภาพหาแรงบันดาลใจ” สาวนั่งตรงหน้าหันมาสนใจตามที่ต้องการเป๊ะ จะได้เลิกสนใจคำนินทาครหาพวกนั้นเสียที

“เป็นพี่จะเริ่มถอดเสื้อผ้าออก” กานติศาโพล่งตาตกใจก่อนจะคิดเลยเถิดไป ก็รีบอธิบายต่อทันที

“พี่เคยอ่านบทความของฝรั่ง เขาบอกว่าการเปลือยกายเป็นความรู้สึกเป็นอิสระได้รับปลดปล่อยความคิดอย่างนึง ลดความเครียดได้ดี จุดประกายความคิดได้หลายอย่าง พี่ก็ลองทำตามดู ผลปรากฎว่าไม่ใช่ไอเดียที่ไหลเข้ามาแต่เป็นคุณแม่ที่เปิดประตูเข้ามาพอดี”

กานติศาหัวเราะเสียงดังเป็นที่น่าพอใจ รอยยิ้ม ดวงตาของเด็กสาวเปล่งประกาย ขับเสียงหวานขำมุขตลกของเขาพาเสียงหัวเราะไปตามกันได้ไม่ยาก

“พี่ไม่น่าลืมล็อคประตูเลย กานสงสารน้าวรรณจัง” แล้วทั้งคู่หัวเราะอีกระลอกใหญ่

ทั้งคู่ลงมือทานอาหารเข้ามาเสิร์ฟได้จังหวะพอดี ไก่ทอดเกาหลีชิ้นโตเกินกว่าใช้ส้อมกับมีด เขาแปลงร่างเป็นพี่ชายแสนดีลงมือช่วยหันไก่ทอดเป็นคำเล็กใส่จานให้ ได้รับยิ้มทั้งดวงตาขอบคุณกลับมา ธรณินทร์ดูสาวเคี้ยวตุ้ยอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ส่งผลเป็นวันที่ดีค่อนวัน

กานติศาแทบสลบหลังจากจัดการบิงซูเสร็จ น้ำแข็งใสสไตล์เกาหลีราดซอสสตรอเบอร์รี่ มองถ้วยว่างเปล่าอย่างไม่เชื่อสายตา พี่ต้นนอกจากเป็นพี่ชายแสนดี หล่อเข้ม ยังเป็นคนกินจุมาก

“ไปไหนไม่ไหวล่ะ เห็นทีพี่คงต้องแบกกานกลับบ้าน”

ธรณินทร์ฉวยจังหวะที่สาวอิ่มลุกไปไหนไม่ไหว จ่ายเงินที่แคชเชียร์ เรื่องอะไรที่เขายอมให้สาวเป็นฝ่ายเลี้ยง ติดหนี้บุญคุณมากขึ้นเท่าไรยิ่งเป็นเรื่องดี มีสิทธิ์ครองพื้นที่ในหัวใจเล็กๆ นั้น

“สวนอยู่ข้างหน้าร้านนี่เอง เราไปเดินย่อยอาหารก่อนกลับกันนะ” เอ่ยปากชวนราวกับไม่อยากให้วันนี้จบลงง่ายๆ รุ่นน้องเหมือนปฏิเสธในตอนแรก แต่ยอมไปกับเขาในที่สุด

ต้องอย่างนี้สิ เด็กดีของพี่

“เกาะแขนไว้” มือใหญ่วางมือเล็กให้จับแขนไว้

การเดินเล่นรอบบ่อน้ำในสวน ท่ามกลางแสงจันทร์ส่องลงไปยังผืนน้ำ จิตใจทั้งคู่สงบ อบอุ่นมีความสุข ความสัมพันธ์เหมือนพี่น้องปรากฎร่องรอยความไม่ชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ เป็นธรณินทร์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“กาน”

ธรณินทร์สบตาเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโต มือจิกเล็บลำแขนรู้สึกถึงความประหม่าไม่แพ้กันทั้งคู่

“มีหลายบริษัทเข้ามาติดต่อพี่ สัมภาษณ์เข้าทำงาน สนใจให้เข้าร่วมทีมงานโปรเจคใหม่ ทำหนัง”

“หนังอนิเมชั่นเป็นความฝันพี่ รอโอกาสนี่มาตลอด แล้วตอบพวกเขาว่ายังไงคะ” เธอได้ยินเรื่องความฝันเขามาตั้งแต่เด็ก เขาชวนเธอและกันต์ไปดูหนังทุกสัปดาห์ช่วงปิดเทอม อาศัยความชอบทำตัวเป็นกูรูวิจารณ์หนัง ให้คะแนนตามใจตัวเอง โต้แย้งทุกครั้งเวลาเธอหรือกันต์ไม่เห็นด้วย

“ก็สนใจหลายที่ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทนอก” เสียงทุ้มแว่วเบาลง

เป็นกานติศาเริ่มมองไม่เห็นสีหน้าเขา ใบหน้า และตำแหน่งยืนอยู่มีแสงจากเสาไฟอยู่เหนือหัวพอดี สาวอยากจะขยับเขยื้อนตำแหน่งยืนเพื่อดูใบหน้าชัดๆ แต่แล้วถูกมือหนาจับหัวไหล่เธอไว้ทั้งสองข้าง ตรึงอยู่กับที่
อะไรบางอย่างที่เขากำลังจะเอ่ยออกมา หัวใจสั่นไหว

“ถ้าพี่ตัดสินใจแล้ว กานจะไปกับพี่มั้ย"

เสียงลมผัดตึง สาวดึงมือกลับเข้าที่ ไม่รู้จะวางที่ไหน สีหน้าประหม่าเด่นชัด พี่ต้นกำลังชวนเธอไปนอกกับเขาใช่มั้ย ภาพผู้ชายคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงาน ดอกไม้และแหวนเพชร นึกแล้วอยากจะโขกหัวตัวเอง บอกตัวเองอย่าตีความผิด

เธอกับพี่ต้นไม่เคยอยู่สถานะไปมากกว่าพี่น้องบ้านบ้านติดกัน เดทสักครั้งก็ไม่เคยมี

“เอ่อ คือว่า กาน”

ท่าทางกระอักกระอ่วน และดวงแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าคมตามเชื้อชาติไทยแท้ จมูกโด่งเป็นสันเพียงยิ้มเข้ามุมปาก เขาคงรวบรัดเธอมากเกินถึงไปต่อไม่ถูก

“จะไปได้ไง พี่หยอกเล่นหรอก” เสียงหัวเราะต่ำดึงบรรยากาศกลับมาเหมือนเดิม กานติศาหน้าเอ๋อ

“พี่ว่ากานทำวิทยานิพนธ์ให้ผ่านก่อนดีกว่า เห็นนะว่ามัวแต่เหม่อลอย วันนี้ไม่สนใจฟังพี่พูดเลย”

“พี่ต้น ทำเอากานตกใจหมดเลย”

เพราะเป็นการล้อเล่นหรอก จะหาว่าโล่งใจหรือเสียใจดี

“แล้วก็ ไม่ได้เหม่อลอยอย่างเดียว กานง่วงมากด้วย พี่ควรไปลองฝึกกับหน้ากระจกบ่อยๆ นะคะ” ส่งยิ้มจนตาหยีแล้วเผ่นพรวดจากไป ร่างสูงมองตามหลังรุ่นน้อง

ครั้งนี้เขาจะปล่อยไปก่อน เธอไม่ถึงกับปิดประตูซะทีเดียว

พี่ต้นมาส่งรุ่นน้องถึงหน้าหอพักที่อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัย ยังกำชับบอกให้ตั้งใจเรียน เฉพาะทำวิทยานิพนธ์หน่วยกิตสุดท้าย เป็นตัวอบ่างที่ดีให้กันต์ น้องชายเธอเกเรวันๆ เอาแต่เล่นฟุตบอล วัยรุ่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่

“รู้ตัวใช่มั้ยคะ ว่าพี่กำลังบ่น สอนเหมือนคนแก่”

“ว่าไงนะ ปากนี่ พัฒนาเป็นปากไอ้กันต์เข้าแล้วสิ” มือใหญ่ยีหัวจนผมสั้นเสียไม่เป็นทรง น่าหมั่นเขี้ยว

“อย่ายีหัวสิค่ะ กานไม่ใช่เด็กแล้ว” ผ่านมากว่าสิบยี่สิบปียังเล่นหัวเธอเหมือนเป็นเด็ก ขณะมือลูบทรงผมฟูให้เรียบร้อยไม่ทันเห็นสายตาหวานเชื่อม

"ผมยาวขึ้นนะ”





“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”

กานติศาแทบสะดุ้งตกเก้าอี้โซฟา รูมเมทเพื่อนสนิทหอบถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรังเข้ามาในห้องไม่ทันตั้งตัว รติรสเป็นพวกเห่อแบรนด์เนม โอกาสในถุงชอปปิ้งเหล่านี้มักจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องสำอางมากกว่าเครื่องวัตถุดิบเข้าตู้เย็น เจ้าหล่อนมีหน้าที่แค่วางเงินเป็นกองกลาง เขียนลิสต์ของกินที่ต้องการซื้อ เล่นเอาเธอตามล่าหาของในซุปเปอร์มาร์เก็ตสนุกสนาน

แย่แล้ว วันนี้ลืมซื้อของเข้าตู้เย็น

“ทำเป็นยิ้มหัวเราะคนเดียว ม้วนผมนั้นไปมา วันนี้แกมีเรื่องดีใช่ม้า” รติรสนั่งก้นจ้ำเบ้าอย่างหมดแรง ราวกับหล่อนไปร่วมสงครามมา

“ก็เปล่านี่ รส โดดเรียนไปซื้อของพวกนี้อีกแล้ว รอบที่แล้วใส่กันครบยัง ตัดป้ายราคาออกกันหมดแล้วยัง” เพื่อเลี่ยงเรื่องของตัวเอง เลยใส่หล่อนไม่หยุดยั้ง

“วันนี้แกแอบไปผับมาใช่มั้ย” ดูจากเสื้อผ้าสวมใส่ แม้แต่คนตาบอดดมกลิ่นน้ำหอมก็รู้ทันที หล่อนเล่นตกถังใส่น้ำหอมซะฉุน เสื้อสายเดียวขาดๆ โชว์เนื้อหนังมังสา กางเกงยีนขายาวฟิตแนบไปกับเรียวขาไม่ต้องพึ่งจินตนาการ

“ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของพวกเรานะ แกจะเตลิดเปิดเปิงไปไหนไม่ได้ แกสัญญากับแม่แล้วนะ”

“มาพูดเรื่องอะไรตอนนี้ หยวนๆ หน่อยนะ พอจะสอบตกเมื่อไร แกก็ดึงกลับมาได้เองแหละ” รติรสยักไหล่ราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ กานติศาหน้าเสีย รู้สึกผิดหวังแทนแม่หล่อน จากที่เคยโทรมาฝากเนื้อฝากตัวลูกสาว

“ถ้าวันหนึ่งกานไม่อยู่ขึ้นมาล่ะ แกจะทำยังไง จะเมินเฉยคำสัญญาไว้กับแม่รึ ว่าแกจะเรียนให้จบเพื่อมีกิจการของตัวเองปลดหนี้ให้แม่และครอบครัว บ่นร้องไห้อยากให้แม่เลิกทำงานหนัก และขอร้องกานช่วยเหลือการติวสอบให้ เพราะแกมัวแต่ขี้เกียจแบบนี้ แม่ถึงทำงานตั้งแต่เช่ายันค่ำไม่เลิก”

“พอ พอแล้ว ไม่อยากพูดเรื่องนี้ อย่ามาทำตัวเหมือนแม่ กานบ้า” รติรสตาขุ่นตาเขียว ผุดลุกมาชี้นิ้วหน้าเพื่อน
กานติศาเองก็ไม่ยอมนิสัยดื้อดึงเหมือนเด็กวัยกำดัดเป็นฝ่ายชนะ จึงใส่เสียงดังไม่แพ้กัน

“ตอนนี้ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอ เธอสมควรโดน อยากให้พาแม่ตัวจริงมาดูสภาพแกตอนนี้มั้ยล่ะ”

กล่าวถึงแม่ตัวจริง ที่นี่คุณเพื่อนได้แต่ทำอ้ำอึ้ง ถูกเธอรุกไล่ต้อนจนหลังชนกำแพง

“แกไม่น่าเป็นเพื่อนฉันเลย ฉันเกลียดแกที่สุด” สะบัดหน้าพรืดเดินเข้าห้องหัวเอง ปิดประตูเสียงดังโครม กานติศากลัวรอยกำแพงร้าวจะร้าวร้านกว่าเดิม ฤทธิ์ความโกรธของหล่อนเหมือนพฤติกรรมมนางร้ายในละคร

ดีที่หล่อนไม่ลืมหยิบถุงชอปปิ้งเข้าไปด้วย

คืนนั้นกานติศารู้สึกเหนื่อยหน่ายและกลุ้มใจ ทั้งเรื่องของเพื่อนในห้องนอนใหญ่ ก่อเรื่องสร้างปัญหามากมาย สาวร่างเล็กกลายเป็นผู้สะสางปัญหาทุกที ทั้งสองทะเลาะกันไม่บ่อยนัก กลับรุนแรงทุกครั้ง อยากดึงสติเพื่อนกลับมาให้ความสำคัญกับการเรียนหนังสือเป็นอันดับหนึ่ง ยิ่งเป็นปีสุดท้ายของพวกเธอ รติรส ไม่ใช่คนเรียนไม่เก่งแต่ไม่ถึงกับดีเลิศ เมื่อหล่อนมีความตั้งใจทำอะไร ก็ทำอย่างถึงที่สุดแล้วจะสำเร็จได้ไม่ยาก มือไขว้นิ้วหวังว่าเพื่อนจะโชคดี

กานติศาพลิกตัวบนที่นอน กระชับผ้าห่มลายหมีเท็ดดี้ ภายในห้องเย็นเจี๊ยบทั้งที่เปิดแต่พัดลม สายลมเย็นในฤดูกาลลอดเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือ กันต์ส่งข้อความมาบ่นความยากของข้อสอบก่อนปิดเทอม พร้อมส่งรูปมื้อเย็นน่ากิน ส่งวีดีโอรูปพ่อเช็ดรถทำความสะอาดทั้งที่สะอาดอยู่แล้ว เธอเริ่มกังวลเมื่อใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย คณะที่น้องชายสนใจน้องชายต้องใช้คะแนนวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ซึ่งไม่มีหัวด้านศิลป์เหมือนพี่สาว

เสียงเรียกแสดงมีข้อความเพิ่มจากพี่ต้น ส่งราตรีสวัสดี ข้อความสั้นๆ พล่อยทำหัวใจเธอเบิกบานเป็นสีชมพู นึกถึงตอนทั้งคู่เจอกันในวันนี้ หรือบางทีเธอน่าลองไว้ผมยาวดูสักตั้ง

‘ถ้าพี่ตัดสินใจแล้ว กานจะไปกับพี่มั้ย’

หากเขาไม่ได้พูดเล่น เธอคงยอมไปกับเขา

กังวลเรื่องรติรสที่กำลังโกรธเธอ กานติศาตัดใจล้มตัวนอน รติรสเป็นคนโกรธใครได้ไม่นาน รุ่งเช้าหล่อนคงเป็นฝ่ายขอโทษเหมือนทุกครั้ง

กลางดึกในวันเดียวกัน ร่างสาวใต้ผ่าห่มนอนหลับสงบ ไม่นานก็เริ่มกระสับกระส่ายไปมา ลมหายใจกระชันขึ้นราวกับหายใจไม่ออก คล้ายมีมือปริศนามองไม่เห็นมารัดบีบ เท้าเตะผ้าห่มจนหลุดออกจากร่างไม่ใยดี ก่อนจะนิ่งไป ใบหน้าสาวมีเม็ดเหงื่อผุดตามหน้าผาก ตามลำตัว นัยน์ตากลอกไปมาอย่างน่ากลัวขณะที่หลับตาอยู่

รู้สึกถึงการยุบตัวของพื้นที่เย็นเฉียบ ร่างสาวนอนพลิกตะแคงเข้าหาความอบอุ่น มือควานหาผ้าห่ม หาเท่าไรก็ไม่เจอ เปิดตาโพล่งทันที กานติศาอ้าปากค้าง ต้นไม้สีม่วงอยู่เบื้องหน้า ปลิวไสวตามกระแสสายลมเป็นการทักทายแรกของวันอีกครั้ง ท้องฟ้าอึมขรึมเป็นสีเทา เสียงฟ้าคำรามกระตุ้นให้สาวเริ่มก้าววิ่งหาที่หลบ บังเกิดสายฝนเม็ดใหญ่ไล่ช้างได้ทั้งฝูง ทุ่งหญ้าแห่งนี้กว้างขวางไม่มีสิ้นสุด



KAVIDA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2561, 10:12:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2561, 10:12:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 580





<< บทที่1 (2) กานติศากับต้นไม้สีม่วง   บทที่ 2 (2) ปริศนาชายชุดดำ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account