มนตราในฝัน
กานติศา หญิงสาวหลงทางในความฝัน จินตนาการของเธอ กระทั่งพบชายชุดดำปริศนาเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยามกลางวัน กลืนเป็นสีน้ำเงินในรัตติกาล สัมผัสความลึกลับและอันตราย
เธอจะวิ่งหนีไปให้พ้นจาก 'ฝันร้าย' อย่างไร

Tags: ข้ามภพ,แฟนตาซี,ความรัก

ตอน: บทที่ 3 (2) สองภพต่างเวลา

กานติศา เธอจะอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไรดี

บรรยากาศเงียบสงัดนอกจากมีเสียงปะทุไฟจากการเผาไหม้กิ่งไม้แห้ง บุคคลที่เธอตราหน้าว่าเป็นคนป่าเถื่อนเขี่ยกิ่งไม้ในกองเพื่อเร่งไฟเพิ่มความอบอุ่นให้กับทั้งสอง ไม่สิ สำหรับเขาคนเดียวต่างหาก ส่วนเธอกำลังหนาวแข็งจะตายอยู่แล้ว ข้อมือและเท้าทั้งสองถูกผูกล่ามไว้กับต้นไม้เป็นผลงานไร้ความปราณี ฝนหยุดตกแล้วเขาจึงปลดผ้าคลุมผืนใหญ่นำมาตากผึ่งให้แห้ง เป็นเวลาที่กานติศาได้มีโอกาสเชยชมใบหน้าเขาเต็มๆ จับจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวราวกับมีเพียงเขาคนเดียวอาศัยอยู่ในโลกนี้

สายตาเธอหยุดอยู่ที่เนื้อย่างเสียบไม้ เขาง่วนอยู่กับการทำอาหาร กลิ่มหอมเครื่องเทศจนท้องน้อยต้องร้องประท้วง

เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้ออะไรก็ตามที่ช่วยดับความหิวได้ กานติศายอมกินทั้งนั้น สายตาอ้อนว้อนขอให้แบ่งปันอาหารมาให้กินบ้าง เขาคนนั้นหันมาสบตาอย่างรู้ทัน ยังคงความใจร้ายอำมหิต หยิบชิ้นเนื้อใส่ปากตน ฝีปากเคี้ยวขย้ำชิ้นเนื้ออวดความอร่อย

เธอดูเขากำจัดอาหารทั้งหมด ค้อนจนหน้าคว่ำไม่พอใจ กัดริมฝีปากสีม่วงคล้ำผลมาจากถูกจับลากฝ่าพายุฝนห่าใหญ่ เธอถูกบังคับคลานไปบนพื้นเจิ่งนองด้วยน้ำฝนและน้ำตาตัวเอง ในสายตาเขาเธอคงไม่แตกต่างสัตว์หลงป่าที่บังเอิญจับได้ เขาไม่แสดงเศษเสี้ยวของความเป็นมนุษย์ ช่างขัดแย้งกับใบหน้าตาหล่อเหลา
ตั้งแต่เขาเลิกผ้าคลุมออก เผยรูปหน้าไม่เข้ากับการกระทำนิสัยป่าเถื่อน กิริยาหยาบคายทั้งหมดที่เขาทำกับเธอ กระทั่งสีดวงตาสร้างความอึดอัดให้แก่สาวมาตลอดการเดินทาง

สีฟ้าอมเขียวเหมือนอัญมณี

จากนิตยสารในวันนั้น

ผู้ไม่รู้จัก ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต คนป่าเถื่อนเดินทางเข้าความฝันได้อย่างไร รวมทั้งบุคลิก ชุดเกราะที่เขาสวมใส่ ดาบอาวุธยักษ์เล่มนั้น ม้าพยศตัวนั้น ล้วนมาจากจินตนาการเธอเป็นผู้สร้างขึ้นทั้งเพ

กานติศาสังเกตเสื้อผ้าตนกลายเป็นเศษผ้า ฝีการเย็บ รอยตะเข็บ ลงรายละเอียดไว้เหมือนจริง ความฝันเธอทรงอานุภาพขนาดนั้นจริงหรือ

“คุณเป็นใคร”

ตัดสินใจถามคนป่าเถื่อนไปตรง ๆ สบดวงตาคู่สีสวย ความเงียบกริบเป็นคำตอบ

“อย่างน้อยก็บอกฉันว่าที่นี่คือที่ไหน”

เสียงคำรามลั่นเป็นคำตอบ จากม้าพยศตัวที่เกลียดเธออยู่ไม่ห่างจากเขา มันเข้ามาคลอเคลียผู้เป็นนาย ได้รับดูแลเอาใจใส่ มือป้อนของกินรูปร่างหน้าตาเหมือนผลไม้ประหลาด เธอยังอยู่ในสภาพไร้ตัวตน

เธออยู่ในฐานะต่ำยิ่งกว่าหมาจรจัด หรือไม่ก็คนป่าเถื่อนหูหนวกเป็นใบ้

ผลงานกองไฟริเริ่มมอดดับลง กานติศารีบล้มตัวนอนตะแคงหันหลังใส่ เบื่อความฝันนี้เต็มทน มือซุกซ่อนเศษแก้วขโมยไว้ไม่ให้ใครเห็น ซึ่งก่อนหน้านี้เธอฉวยโอกาสระหว่างที่เขากำลังหลงระเริงกับการปรุงอาหาร ยกกำปั้นทุบสิ่งประหลาดหน้าตาคล้ายผลไม้ทำจากแก้วผุดจากพื้นดินให้แตก หยิบเศษแก้วที่ดูใหญ่และคมที่สุด กำมันแน่นต่อให้มันบาดมือก็ตาม

เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อไปจากฝันร้ายให้ได้ เพียงรอเวลาที่เหมาะสม

กลางดึกนั้น บรรยากาศเป็นใจ สาวแกล้งทำเป็นนอนหลับขยับตัวอย่างระมัดระวัง คว้าเศษแก้วทั้งตัดทั้งเชือดเสี้ยนหนามเถาวัลย์ให้ขาดในที่สุด แต่ยังไม่วางใจ จับจ้องมองร่างใหญ่ซึ่งนอนหลับอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ลมหายใจยังสม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลง หวังว่าเสียงเชือกเถาวัลย์ขาดผึงเมื่อครู่นี้ไม่ปลุกตื่น

หากใจกล้ากว่านี้ มีเวลามากกว่านี้เธอน่าจะใช้เศษแก้วนี้ฆ่าเขาซะ

กานติศาเดินเข้าไปในป่าสน ห้อมล้อมไปด้วยต้นสนสูงโปร่ง โชคดีแสงจันทร์ส่องแสงอย่างทั่วถึงช่วยให้มองเห็นเส้นทางอยู่บ้าง สาวยังมีอาการบาดเจ็บจึงเดินสลับกับวิ่ง ค่อยมองย้อนกลับไปด้านหลังเป็นระยะ เกรงกลัวว่าจะถูกไล่ตาม

สิ้นแรเงาร่างผู้หญิงลับไป ร่างชายสูงใหญ่ที่นอนแน่นิ่งกลับขยับตัวลุกขึ้นอย่างช้า ๆ นัยน์ตาสีสวยซึ่งเบิกตาเฝ้าสถานการณ์มาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่หล่อนแอบซุกเศษแก้ว แสร้งนอนหลับ ทุกฝีก้าว ทุกการเคลื่อนไหวที่เขาได้ยินมาตลอด แม้แต่เท้าเปล่าเปลือยสะดุดก้อนหินเกือบหกล้ม เสียงลมหายใจที่หวาดกลัว ไปจนถึงเสียงขาดผึงของเชือกเถาวัลย์

เขาลูบหัวสัตว์พาหนะอย่างใจเย็น ไม่รีบร้อน ไม่ชะล่าใจปล่อยเหยื่อวิ่งหนีไปได้ไกล เพราะเขาเหมือนเป็นเจ้าของผืนป่าแห่งนี้ ย่อมรู้จักทุกซอกทุกมุมพอกับสำรวจใบหน้าตนเอง ม้าสีดำส่งเสียงคึกคัก ยกขาหน้าสลับกันไปมาเป็นฝ่ายใจร้อนเสียเอง

“พะ พรีอุส”

นั้นคือชื่อแก ข้าไม่ได้เรียกชื่อแกมานานแค่ไหนแล้ว”

อาการดีใจโลดแล่นทันที่ได้ยินชื่อเรียกของมันเอง จนเขาต้องตบสีข้างให้ใจเย็นลง

“ข้ารู้ เจ้าตื่นเต้นอยากไล่ล่าสัตว์” เจ้านายห่มผ้าคลุมสีดำก่อนเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนหลังม้า เริ่มพิธีการล่าสัตว์

ข้าเป็นใคร




กานติศาเข้าตาจนเมื่อพบสุดทางเดินเป็นหน้าผา มีน้ำตกขนาดยักษ์ขนาบข้าง น้ำตกไนแองการ่าคงต้องเสียแชมป์ให้ เธอยื่นตะลึงกับความยิ่งใหญ่เหมือนทางชี้ความเป็นความตาย ตำแหน่งเดียวกับเธอเข้าความฝันครั้งก่อน พยายามเล็งมองหาทางรอดจากเบื้องล่างซึ่งมีแต่ก้อนเมฆ และไอน้ำจากน้ำตกจนหมอกขึ้นมาบดบัง จึงไม่รู้ว่าสายน้ำสายนี้จะไหลรวมมาบรรจบหนแห่งใด

ที่นี่ เธอจะเอาอย่างไรดี

“ขืนตกลงไป ศพเจ้าไม่สวยแน่”

เสียงน้ำตกดังมากพอกลบทุกสิ่ง เธอยังได้ยินเสียงทุ้มต่ำเขาชัดเจน คนป่าเถื่อนจูงม้าเข้ามา ท่วงท่าดูเชิดหยิ่งยโสกว่าตอนแรกพบ เพราะแสงจันทร์สว่างมากพอให้เห็นว่าเขาอยู่ในเครื่องแต่งกายเต็มยศ ถุงมือเหล็กลากเชือกเถาวัลย์เส้นใหม่ครูดไปกับพื้น


“ให้ข้าลากเจ้าออกมา หรือยอมจำนนมาหาข้าโดยดี”

กานติศาไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังพูด พูดจารู้เรื่องด้วยภาษาคน

“รีบเลือก ระหว่างที่ข้ายังอารมณ์ดี” ยิ้มยียวนทำเธอนึกเสียใจที่ไม่ใช้เศษแก้วให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้

“จะจับฉันไปทำไม ฉันไม่มีอะไรที่คุณต้องการ”

เขาย่างสามขุมเข้ามาใกล้ขึ้น สะบัดเชือกเถาวัลย์ไปกระทบลำต้นไม้จนเกิดรอยปรี่แตก

“อย่าเข้ามานะ”

เขาหลุดขำ เหยื่อตัวเล็กมีอะไรมาต่อร้องเขา

อุปสรรคใหญ่หนึ่งเดียวกีดขวางเส้นทางกลับบ้าน ขอเพียงแค่หนีจากปีศาจในคราบมนุษย์ไปได้ คงมีวิธีเดียวเธอต้องหาทางทำให้ตัวเองตื่นจากความฝัน

แต่ด้วยวิธีไหนเล่า?

“ไม่งั้นจะทำไม เจ้าจะใช้เศษแก้วเล็ก ๆ ฆ่าข้ารึ”

ใช่แล้ว ยังมีวิธีหนึ่งที่เธอยังไม่ได้ลองทำ ตามสัญชาตญาณคนเรามักจะสะดุ้งตื่นตกใจฝันจากกระโดดจากที่สูง ตอนเด็ก ๆ เธอเคยฝันว่ากระโดดตึก ดิ่งพสุธา ก่อนกระแทกพื้นสู่ความตาย จะดีดตัวตื่นมาก่อนทุกครั้ง พบว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน

กานติศาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองติดอยู่ความฝันแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เธอไม่อยากตายอยู่ที่นี่อย่างเดียวดาย โดยเฉพาะน้ำมือคนป่าเถื่อน เขาเป็นฝันร้ายที่สุดในบรรดาฝันมาตลอดชีวิตยี่สิบสามปี สาวจึงตัดสินใจ

“อย่าขยับ อย่าทำอะไรโง่ๆ ” เขาเห็นเหยื่อเดินถอยหลัง ไปจนสุดริมหน้าผา ตำแหน่งยืนหมิ่นเหม่จนเขากลัวแม้แต่สายลมเบาผลักตกลงไป

“กลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

ไม่มีทาง เธอยอมตายในความฝัน ดีกว่าตายในน้ำมือคนป่าเถื่อน

พ่อแม่ กันต์ พี่ต้น ช่วยแรงใจเป็นกำลังใจให้กับความกล้าหาญ ความบ้าบิ่นของเธอ ขออย่าให้ถึงแก่ความตายด้วยการสันนิษฐานโง่ๆ มีหลายอย่างที่เธอยังไม่ได้ทำ โอกาสได้เห็นภาพตัวเองในชุดครุ่ยในวันรับ หรือแม้แต่ตอนใส่ชุดเจ้าสาวแต่งงานกับคนที่รัก สาวน้ำตาคลอไม่นึกถึงเลยว่าอนาคตเหล่านั้นต้องเดิมพันด้วยชีวิตในตอนนี้

เธอกดเปลือกตาหลับตาแน่นพร้อมก้าวกระโดดลงสู่เบื้องล่าง หูได้ยินเสียงสายน้ำอันเชี่ยวกราก เสียงเขาตะโกนตามหลังมา เหมือนร่างถูกกระชากดึงขึ้นอย่างแรง ข้อมือ ท่อนแขนเจ็บปวดร้าวไปจนถึงหัวไหล่ กานติศาไม่อยากเชื่อสายตา

ทำไมเขาต้องกระโดดลงมาด้วย

คนป่าเถื่อนกระโดดลงตามมาและคว้าเธอไว้ได้ด้วยท่อนแขนข้างเดียว มีเพียงดาบเล่มยักษ์ที่ปักไว้ในซอกหิน จึงไม่น่ารับน้ำหนักสองคนไว้ได้นาน

“จับมือข้าไว้” เขากำลังห้อยโหน สายน้ำแรงอันเชี่ยวกรากทำให้ทั้งคู่สำลักน้ำ เขาหาที่มั่นวางเท้าลงบนซอกหินในน้ำตกไว้ได้

“จับแน่นๆ ”

เธอบรรยายความรู้สึกนี้ไม่ถูก ราวกับมีก้อนจุกที่คอ คนป่าเถื่อนใจร้าย อำมหิต ทรมานเธอมาตลอด ณ ตอนนี้เขากลับพยายามช่วยชีวิตเธอ อุ้งมือหนาจับข้อมือเธอไว้แน่นมาก ดวงตาสองคู่สบตาประสานกัน

“ทำอย่างนี้ทำไม ปล่อยฉันตายเถอะ”

มือสลัดเท่าไรก็ไม่หลุด ขอไม่ทนอยู่แม้สักวินาทีเดียว กานติศาใช้เศษแก้วแตกมาจากผลไม้ แทงอุ้งมือเดียวอุตส่าห์เสียสละช่วยชีวิต เขาตกใจแต่ยังคงกำมือแน่นไว้ไม่คลาย ขณะที่อีกมือหนึ่งยังหนำแทงเขาจนเลือดไหลรินกระเด็นเข้าตา เข้าปาก รสชาติสายเลือดยังติดค้างในปาก เมื่อความอดทนถึงสิ้นสุด

ภาพหญิงสาวที่เขาเรียก ‘เหยื่อ’ ดิ่งตกแวบหายไปกับสายน้ำท่ามกลางทุ่งมหาเมฆ

วินาทีต่อมาเขาตัดสินปล่อยมือ ปล่อยกายร่วงหายไปกับสายน้ำ ทิ้งดาบเหล็กปักตามซอกหินเอาไว้ดูต่างหน้า พรีอุส สัตว์พาหนะตัวเชื่องผู้เป็นนายแตกตื่นตกใจเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด




บริเวณตลิ่งน้ำ ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งลำคลอง บัดนี้กลับเหือดแห้งตามฤดูกาล ชายหนุ่มร่างใหญ่ปีนขึ้นไปบนก้อนหินขนาดใหญ่ ด้านบนเหมือนถูกตัดเรียบ เขาถอดผ้าคลุมเปียกน้ำ ตามด้วยชิ้นส่วนของชุดเกราะ ซึ่งกลายเป็นตัวถ่วงน้ำหนักเกือบพาเขาจมน้ำตาย เป็นเพราะความโชคดีเขาว่ายน้ำแข็งมากพอลากร่างคนหนึ่งพารอดไปพร้อมกันด้วย

เขามองร่างสาวไม่ได้สติก่อนปาถุงมือเหล็กเป็นชิ้นสุดท้ายอย่างโมโหจนเกือบเฉี่ยวดวงหน้าซีดเซียวเข้า

ไม่นึกว่านางเลือกกระโดดฆ่าตัวตาย

เหมือนมีน้ำอุ่นไหลรินเข้าดวงตา ยกมือปาดขึ้นมาดูพบว่าเป็น เลือดสีแดงคล้ำ นองจากเขากระโดดตามลงไป ยังช่วยรั้งร่างเธอไว้ในอ้อมแขน ใช้ร่างกายตนเป็นโล่กำบังป้องกันไม่ให้กระแทกครูดไปกับก้อนหินใต้น้ำ ส่งผลให้ร่างกายเขาเต็มไปด้วยรอยถลอกและรอยฟกช้ำ

เหยื่อ ในตอนแรกไม่คิดให้ความสนใจ ให้ความช่วยเหลือ สภาพอาการแน่นิ่ง ตัวขาวซีดเป็นสีหินกระเบื้อง จนเขาใช้มืออังจมูกเช็คลมหายใจ ชีพจรอ่อน ขืนปล่อยไว้เช่นนี้ ความตั้งใจฆ่าตัวตายของหล่อนจะบรรลุผล และเขาไม่มีวันปล่อยนางสมปรารถนา

มือปิดจมูกเล็ก เขาก้มลงประกบกับริมฝีปากเล็ก เป่าปล่อยลมหายใจอุ่น สลับกับมือกดหน้าอกหนักหน่วงเป็นจังหวะรวดเร็วแข่งกับเวลาเดินอย่างคงที่สม่ำเสมอ ไม่สนว่าจะพลางทำกระดูกหักรึไม่ ทำการผายปอดอยู่นานสองนานจนเหยื่อเริ่มมีปฏิกิริยา สำลักน้ำมาพร้อมกับอาเจียนออกมาให้หมดท้อง แล้วนิ่งสลบไปอีกครั้ง หน้าอกนางกระเพื่อมแสดงสัญญาณชีพ ลมหายใจกระชันถี่ยิบชัดเจน ดวงแก้มมีเลือดฝาดกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ แต่ทว่าทั้งคู่ยังมีอาการหนาวสั่นสะท้าน เขาเองเริ่มรู้สึกชาที่ริมฝีปาก ตามปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า เหยื่อมีรูปร่างเล็กย่อมอาการหนักกว่า เพราะกว่าจะผ่านสายน้ำเย็นเจี๊ยบพาพวกเขามาถึงจุดปลอดภัย

มือหนาหยิบมีดเล่มสั้นออกมาจากกระเป๋าหนังด้านหลังติดกับชุดเกราะ หมายจะจ้วงมีดลงไปที่ร่างเหยื่อ

แต่สายตาเขาไม่ได้มอง นึกถึงสร้อยสีทองที่พกติดตัวมาตลอด

‘ชะตากรรมได้กำหนดไว้แล้ว’

เขาชูมีดสั้นเหนือหัวหมายจ้วงลงมา หญิงสาวยังคงอยู่ในสภาพนอนสลบนิ่งไม่ไหวติง



KAVIDA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2561, 15:18:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2561, 15:18:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 566





<< บทที่ 3 (1) สองภพต่างเวลา   บทที่ 4 (1) ผู้ช่วยชีวิต >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account